ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เมื่อผมอายุ 20

    ลำดับตอนที่ #1 : เมื่อผมอายุ20 โชคชะตาก็เริ่มเคลื่อนไหว

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 959
      3
      22 ม.ค. 58

    เมื่อผมอายุ20 โชคชะตาก็เริ่มเคลื่อนไหว

    โชคชะตามักชอบเล่นตลกกับชีวิตมนุษย์ ชอบทำให้ชีวิตมีการพลิกผันตลอดเวลา ไม่มีใครรู้หรอกว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นในอีก10วินาทีถัดไป ที่รู้คือเราทุกคนกลัวการเปลี่ยนแปลง แม้หลายคนจะค้าน บอกว่าชอบความท้าทายมากแค่ไหนแต่เชื่อสิว่าไม่มีใครชอบการเปลี่ยนปลง ทั้งเปลี่ยนในด้านดีและไม่ดี เพราะเราคุ้นเคยกับความเคยชินเราจึงกลัวว่าถ้าชีวิตไม่เป็นตามแบบแผนเดิมแล้วจะเป็นอย่างไร หากแต่ยังมีคนบางคนที่เฝ้าฝันถึงการเป็นซินเดอเรลล่าที่พบรักแท้และสิ่งที่ไฝ่หาเพียงชั่วข้ามคืน แม้จะเป็นการยากที่จะมีโอกาสเช่นนั้น แต่ยังดีที่ได้ฝัน ได้แค่ฝันก็ยังดี

                ชีวิตของคนคนหนึ่งจะมีอะไรมากไปกว่าการมีชีวิต จะว่าง่ายก็ง่าย แค่หายใจไปวันๆ จะว่ายากก็ยากชีวิตนั้นแสนสั้นจะทำอะไรต้องตรองให้ดีๆ ยิ่งในยุคนี้ที่สังคมมีผลต่อพฤติกรรมของผู้คนยิ่งต้องระวังตัว ระวังตัวจากผู้อื่น และระวังตัวจากใจตัวเอง

                "สวัสดีครับ เช้านี้มีเอกสารฝากส่งไหมครับ"

                 เสียงเจื้อยแจ้วของโซเดียมพนักงานเดินเอกสารประจำออฟฟิศดังขึ้น เป็นอย่างนี้ในทุกเช้าตั้งแต่3เดือนที่แล้วที่เด็กคนนี้เข้ามาสมัครงานด้วยวุฒิ ม.6 ตำแหน่งพนักงานเดินเอกสารระหว่างแผนก ทั้งๆที่เกรดเฉลี่ยและสายการเรียนก็ดีไม่น้อยหน้าใคร ใครเห็นก็ต้องบอกว่าเสียดายหากไม่เรียนต่อมหาวิทยาลัย แต่เจ้าตัวกลับมองว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย ใช่สิ เด็กกำพร้าอย่างเขาไม่มีเงินมากพอที่จะเรียนต่อนี่ ต่อให้เกรดดีแค่ไหนไม่มีเงินก็จบ

                 "มาแต่เช้าเลยนะโซ เดี๋ยวเอาแฟ้มนี้ไปส่งที่แผนกจัดซื้อชั้นสามให้หน่อยนะ"

                  พี่หงอนไก่คนสวยยิ้มให้อย่างใจดีก่อนจะส่งแฟ้มเอกสารสีดำเล่มหนาในมือลงตะกร้าบนรถเข็น 

                  "ได้ครับ... มีเอกสารฝากส่งไหมครับ"

                  คนหนุ่มยังคงเข็นรถที่มีตะกร้าหลายใบต่อไป ปากก็ตะโกนไปตามแผนกต่างๆ บางแผนกก็มีเอกสารฝากส่ง บางแผนกก็ไม่มี จนเวียนครบทั้งตึกสำนักงานก็เป็นเวลาสายของวัน งานเดินเอกสารเป็นงานง่ายๆก็จริงแต่เหนื่อยเอาเรื่อง ต้องเดินขึ้นลงอย่างน้อยสองรอบยิ่งวันไหนเอกสารเยอะวันนั้นยิ่งเหนื่อย แต่จะทำยังไงได้ล่ะในเมื่อยังมีลมหายใจก็ต้องสู้ต่อไป 

                   ชีวิตเขาธรรมดายิ่งกว่าธรรมดา ตั้งแต่เกิดมาก็มีแต่พ่อคนเดียวไม่รู้ว่าแม่ไปไหน เคยถามพ่ออยู่ครั้งหนึ่งแต่นอกจากสายตาเศร้าๆแล้วก็ไม่ได้คำตอบอื่นอีก เลยไม่อยากเซ้าซี้อะไร จนเมื่อ7ปีที่ผ่านมาพ่อเขาประสบอุบัติเหตุจากเขาไปอีกคน ทิ้งเขาที่กำลังจะขึ้นเรียนม.ต้นไว้เพียงลำพังกับบ้านหนึ่งหลัง เคราะห์ดีที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้ารับเขาไปเลี้ยงดูส่งเสียให้เรียนต่อ แถมยังช่วยดูแลบ้านไม่ให้ถูกใครโกงอีกด้วย แม้ชีวิตในนั้นจะไม่ได้สุขสบายแต่ก็ดีกว่าไม่มีที่ไป ไม่มีข้าวให้กิน เขาอยู่ในนั้นจนถึง ม.6 ระหว่างนั้นก็ทำงานพาร์ทไทม์ตลอด ทั้งเก็บเงินไว้ส่วนตัว และบริจาคให้บ้านหลังที่2ของตัวเอง  และเมื่อจบ ม.6แล้วก็เป็นธรรมดาที่ต้องออกมาเจอโลกกว้าง เขาเลือกที่จะอยู่ที่บ้านเดิมของพ่อ และหางานใกล้ๆแม้งานนี้จะไม่ได้เงินเยอะ แต่ค่าตอบแทนก็สูงใช้ได้พออยู่พอกินพอเก็บได้สบายๆ เขากะว่าทำงานสักปีก่อนจากนั้นก็จะไปสมัครเรียนมหาวิทยาลัยเปิดจะได้เรียนไปทำงานไปได้ด้วย

                  "อ่าวโซว่าไง ถ่ายเอกสารอะไรหรอเรา"

                    พี่ในสำนักงานที่เพิ่งเข้ามาในห้องถ่ายเอกสารถามขึ้นเมื่อเห็นว่าเครื่องถูกเขาจับจองอยู่

                   "ของฝ่ายขายน่ะพี่ เหมือนจะเป็นสัญญาแบบใหม่อะไรสักอย่าง"

                   "อ่อ งั้นหรอ แล้วเที่ยงนี้ไปกินข้าวไหนล่ะ ไปกับพวกพี่ไหม"

                   "ไม่ล่ะครับ ผมว่าจะทานที่ห้องอาหารพนักงานนี่แหล่ะ พอดีวันนี้ผมห่อข้าวมาน่ะครับ...เรียบร้อยแล้ว งั้นผมไปก่อนนะครับ"

                   พูดจบก็เดินออกจากห้องถ่ายเอกสารขึ้นบันไดตรงไปยังฝ่ายขายที่มีพนักงานสาวสวยปากแดงนั่งรออยู่ 

                   "อ่าใช่ โซ วันนี้เราอยู่ดึกได้ไหม พอดีมีงานด่วนเข้ามาน่ะ วันนี้คนในแผนกลาหยุดสองคนพี่กลัวทำไม่ทันน่ะ เราอยู่ช่วยพี่หน่อยนะ เดี๋ยวคิดเป็นชั่วโมงโอทีให้"

                   "ได้ครับ งั้นเจอกันเย็นนี้นะพี่ ชั้นสองงานค่อนข้างเยอะพอสมควรเลย"

                   "จ้า" 

                    พอผละจากชั้นสามมาก็มาช่วยชั้นสองต่อ ดูเหมือนตำแหน่งพนักงานเดินเอกสารจะเป็นแค่ชื่อสวยๆไปงั้น เพราะที่เขาทำอยู่นี่มันเบ้นานาชาติต่างหาก 

                     คิดมากไปก็ไม่ได้ทำให้เงินเดือนเยอะขึ้น เขาควรรีบทำงาน จะได้รีบไปพักรีบกลับบ้าน มือเรียวทำงานอย่างคล่องแคล่วประหนึ่งว่าทำมานานแล้ว จนเวลาล่วงเลยมาจนถึง4โมงเย็น พี่หัวหน้าแผนกบอกให้เขากลับได้เพราะงานในวันนี้หมดแล้ว แต่เขาต้องไปช่วยชั้นสามนี่นา...คิดแล้วก็ถอนใจเงียบๆ ก่อนขึ้นไปช่วยงานที่ชั้นสามตามที่สัญญาไว้

                 

     

     

     

       ---4ทุ่ม---

                      ตอนนี้ดึกมากแล้ว เขาเพิ่งทำงานเสร็จ วันนี้ได้โอทีตั้งหลายชั่วโมงเงินเก็บเดือนนี้ต้องมากแน่ๆ คิดอย่างมีความสุขระหว่างเดินกลับบ้าน แต่ดูเหมือนจะคิดเพลินไปหน่อยร่างโปร่งจึงชนใครบางคนเข้า

                      "ขอโทษครับผมเดินไม่ระวัง คุณเจ็บตรงไหนไหมครับ"

                      "คุณหนูขอรับ กระผมมารับคุณหนูกลับแล้วขอรับ"

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×