valerie[เธงเธดเธฌเธฒเธฃเธต]
ดู Blog ทั้งหมด

น้ำตาเพชฌฆาต

น้ำตาเพชฌฆาต (Crying Freeman)

จากการ์ตูนชวนเลือดกำเดาไหล (สาวๆ คงไหลเพราะความหล่อลากไส้ของพระเอก ส่วนหนุ่มๆ คงไหลเพราะฉากโนมเนื้อผ่างๆ) สู่ภาพเคลื่อนไหวบนโลกเซลลูลอยด์โดยฝีมือผู้กำกับชาวตะวันตก น่าจะเป็นข้อพิสูจน์ว่าการ์ตูนญี่ปุ่นแนวมาเฟียเรื่องนี้มีดีมากกว่างานภาพกับเนื้อเรื่องที่แสนจะเฉียบคม

ขอย้อนวัยไปสมัยยังเป็นเด็กมัธยมผูกคอซองสำเร็จรูป แหล่งระบายความน่าเบื่อหลังเลิกเรียนของเด็กวัยนี้ก็คงไม่พ้นร้านการ์ตูน และเมื่อเริ่มเอียนกับการ์ตูนตาหวาน...เพื่อนแนวฮาร์ดคอร์ก็แนะนำ "น้ำตาเพชฌฆาต" ให้อ่าน แรกๆก็งงกับชื่อเรื่อง ประมาณว่ามันเป็นเรื่องของนักฆ่าขี้แยเหรอ? แต่แล้ว...ก็กลายเป็นว่าตกหลุมรักพระเอกที่หล่อ very much เหลือเกิน แต่เรื่องมันก็เต็มไปด้วยฉากวับๆ แวมๆ จนตอนอ่านต้องไม่ให้พ่อแม่รู้ เดี๋ยวโดนดุว่าอ่านการ์ตูนโป๊ให้เป็นหลุมดำในวัยเรียน

เปิดเรื่องที่นางเอก "เอมุ" ศิลปินสาวกำลังวาดภาพทิวทัศน์ในแถบเทือกเขา แต่โดยไม่ตั้งใจ เธอก็ได้เป็นประจักษ์พยานการไล่ล่าของยากูซ่า ได้เห็นนักฆ่าหนุ่มหน้ามนสังหารเป้าหมายอย่างเลือดเย็น แต่แล้วเขาก็กลับหลั่งน้ำตาออกมาเมื่อเสร็จภารกิจ  นักฆ่ากับน้ำตา...มันคงเป็นภาพที่งดงามสำหรับศิลปินอย่างเอมุ เธอไม่มีความกลัวผู้ชายปริศนาคนนี้เลย และยังมอบผ้าเช็ดหน้าให้เขาเช็ดน้ำตาอีกด้วย นักฆ่าหนุ่มมองภาพวาดของเธอ และบอกกับเธอว่า "ผมชื่อโย"

เรื่องตัดฉากมาเป็นกรมตำรวจที่เชิญหัวหน้าแก๊งค์ยากูซ่ามาร่วมประชุม เพื่อถกกันถึงมาเฟียจีนที่เริ่มแผ่อิทธิพลเข้ามาในญี่ปุ่น หลักฐานนั่นก็คือการตายของสมาชิกแก๊งค์จากฝีมือของนักฆ่ามือหนึ่งขององค์กรมาเฟียจีน 108 Dragon นักฆ่าไร้หน้าที่มีฉายาจากองค์กรว่า "Freeman"  เวลาเดียวกัน เอมุมาเดินเที่ยวกับเพื่อนในเมือง ขณะที่หัวหน้าแก๊งค์ยากูซ่าเสร็จจากประชุมกับตำรวจกำลังเดินออกมาที่รถ นักฆ่าที่เขาเพิ่งให้ข้อมูลตำรวจหมาดๆ ก็สวมหน้ากากโบราณบุกสังหารเขาอย่างอุกอาจกลางเมือง เอมุได้เห็นเหตุการณ์อีกครั้ง และเห็นว่าหน้ากากของนักฆ่าที่วิ่งผ่านเธอไปนั้น....มีน้ำตาไหลรินออกมา

เอมุถูกกันเป็นพยาน แต่เธอก็ไม่ให้ข้อมูลตำรวจ แม้ยากูซ่าจะกระเหี้ยนกระหือรือจะเอาตัวเธอมาเค้นความให้ได้ว่าใครฆ่าหัวหน้าของพวกมัน  เธอรู้ว่าเขาจะมาฆ่าเธอแน่ นักฆ่าที่บอกชื่อกับใครไว้แล้วแสดงว่าจะต้องตามมาฆ่าคนๆนั้น  และคืนนั้นโยก็ลอบเข้ามาในบ้านของเอมุ วิธีปรากฏตัวของโยก็แสนจะคุกคามเหลือเกิน เพราะในห้องนางเอกมืดๆ มีรูปเหมือนของเขาที่นางเอกวาดไว้ เฮียแกก็ทำลายรูปซะแล้วไปยืนแทน นางเอกออกมาจากห้องน้ำก็เลยจ๊ะเอ๋เข้ากับตัวจริง  และด้วยอารมณ์ไหนของนางเอกก็ไม่รู้ได้ เธอไม่กลัวตายเลย แถมก่อนตายกลับได้ร่วมรักกับนักฆ่าหนุ่มเสียก่อนด้วยแน่ะ (ถ้าเป็นเรา...นักฆ่าหล่องี้...ก็คุ้มนะ) แต่แล้วยากูซ่าก็บุกบ้านเอมุ โยเปลี่ยนใจมาปกป้องเอมุ และช่วยชีวิตเอมุที่ถูกลูกหลงจากระสุนก่อนจะพาหนีออกไปด้วยกัน ทั้งๆที่นักฆ่าเพื่อนร่วมงานของเขาเตือนว่า โยกำลังทำผิดกฎองค์กร

โย พาเอมุไปอยู่บนเกาะแห่งหนึ่ง เขาเล่าเรื่องของเขาให้เธอฟังว่า เดิมเขาเป็นศิลปินออกแบบเครื่องปั้น (ช่างปั้นหม้อแหละ) แต่ในงานเปิดตัวผลงานของเขา จู่ๆก็มีเหตุแก๊งค์มาเฟียไล่ตามเหยื่อเข้ามาในแกลเลอรี่ งานของเขาก็เลยเป็นอันจบเห่  แต่เขาพบสิ่งที่เหยื่อได้ทิ้งไว้ในแจกันก่อนถูกฆ่าตาย นั่นคือฟิล์มที่แอบถ่ายการสังหารเหยื่อของแก๊งค์มาเฟียจีน 108 Dragon (สงสัยเจ้าเหยื่อที่ทะเร่อทะร่าเข้ามาในแกลเลอรี่จะเป็นนักข่าว)  สิ่งนั้นทำให้เขาถูกยายแก่มาเฟียคนหนึ่งลักพาตัวไปยังองค์กรลับ และถูกปลุกสัญชาตญาณนักฆ่าในตัว (ด้วยวิธีการสักยันต์มังกรทั่วตัว) ทำให้โยกลายเป็นเครื่องจักรนักฆ่าในบงการของมาเฟีย แต่เพราะด้านอ่อนโยนของจิตใจของเขายังหลงเหลืออยู่ ดังนั้น ทุกครั้งที่ฆ่าคนตามคำสั่งเสร็จ เขาจะร้องไห้ เพราะนั่นคือชั่วเวลาเดียวที่เขาได้เป็นอิสระ เป็นตัวของตัวเอง องค์กรจึงให้ฉายาเขาว่า Freeman (ผู้มีอิสระเสรี)

อุปสรรคสำคัญคือ เจ้าแม่ยากูซ่าที่แค้นแทนสามีซึ่งถูกโยฆ่า หล่อนแบลคเมล์ตำรวจหนุ่มที่รับผิดชอบคดีนี้ให้พาเธอไปล่านักฆ่า Freeman ในการนี้ด้วย  ตำรวจหนุ่มกับเจ้าแม่ยากูซ่า (ที่ต่อมากลายเป็นชู้กันตามฟอร์ม) ตามล่าโยมาถึงเกาะ ใช้ลูกน้องเป็นพะเรอบุกจับเอมุเป็นตัวประกัน แต่แน่นอนว่าพี่โยของเราตัวคนเดียวก็ต่อกรกับลูกกระจ๊อกได้ทั้งหมด (โดยนางเอกไร้รอยขีดข่วน) แต่ไว้ชีวิตเจ้าแม่ยากูซ่าด้วยวิธีที่สยองพอสมควร โยพานางเอกหนีไปจากญี่ปุ่น เพื่อไปพบนายใหญ่...องค์กรมาเฟียจีน

สารภาพตามตรงว่า เนื้อเรื่องหลังจากนี้เราก็ไม่ค่อยได้อ่านแล้ว เพราะที่ร้านเช่ามีไม่ครบ และยุคนั้นการ์ตูนไพเรทยังไม่มีลิขสิทธิ มันเลยมีหลายสำนักพิมพ์ เราจึงตามอ่านไม่ปะติดปะต่อ แต่คร่าวๆ ก็คือ องค์กรมาเฟียจีนยอมรับเอมุให้เป็นเมียของโย และดูเหมือนพระเอกจะได้เลื่อนขั้นถึงขั้นเป็นผู้สืบทอดองค์กร และต้องเจออุปสรรคจากองค์กรใต้ดินอื่นๆ ในจีนซึ่งต่างก็เต็มไปด้วยนักฆ่าน่ากลัวพิลึกๆ อีกหลายคน

ฉบับการ์ตูนญี่ปุ่น วางโครงเรื่องโดยคาซูโอ โคอิเกะ ร่วมงานกับนักวาดมือเทวดา เรียวอิจิ อิเคงามิ

สู่จอเงิน

ประมาณปี 1995 การ์ตูนแนวมาเฟียนามกระเดื่องเลื่องลือของแดนปลาดิบก็ได้ถูกนำไปสร้างเป็นหนังใหญ่ โดยผู้กำกับคริสโตเฟอร์ แกงส์ ซึ่งเป็นชาวฝรั่งเศส เนื้อเรื่องได้ถูกปรับให้เข้ากับรสของคนตะวันตกนิดหน่อย โดยเปลี่ยนฉากแรกที่นางเอกเจอพระเอกครั้งแรกขณะวาดรูปเทือกเขาอยู่ในซานฟรานซิสโก (อเมริกา) แต่นางเอกเป็นคนแวนคูเวอร์ (แคนาดา) ซึ่งก็น่าแปลกเพราะแคนาดาเป็นประเทศค่อนข้างสงบสุข แต่หนังเรื่องนี้ก็ทำให้แวนคูเวอร์เป็นฉากที่พระเอกบุกสังหารยากูซ่า ณ ใจกลางเมืองได้

เอมุ ฉบับภาพยนตร์ ชื่อเอมุ โอฮาร่า สงสัยจะปรับให้เป็นลูกครึ่ง เพราะแสดงโดยฝรั่งชัดๆ (แต่เป็นฝรั่งที่สวยนะ หุ่นเธอเช้งกระเด๊ะมากๆเลย) เนื้อเรื่องก็เดินเหมือนการ์ตูน คือเอมุพบโยขณะที่เขากำลังตามฆ่าลูกชายหัวหน้าแก๊งค์ยากูซ่า ต่อมาก็ได้พบกันอีกครั้งที่แวนคูเวอร์ ซึ่งโยเพิ่งบุกยิงหัวหน้าแก๊งค์ยากูซ่าได้วิ่งผ่านหน้าเธอไป ฉากนี้สโลว์โมชั่นภาพได้อารมณ์มาก พระเอกในชุดสูทสวมหน้ากากแต่ยังเห็นน้ำตาไหลออกมาขณะที่หันมาสบตานางเอกพอดี

ตำรวจหนุ่มแวนคูเวอร์มาทันได้ฟังเอมุอุทานออกมาว่า "คุณโย" แต่ยังไงเสียนางเอกในฐานะพยานก็ปากแข็งไม่ยอมบอกอะไรอยู่ดี ตำรวจหนุ่มกับผู้ช่วยจึงเฝ้ายามที่บ้านนางเอกเพราะเชื่อว่านักฆ่าเลือดเย็น Freeman ต้องมาหาเธอแน่  แต่เชื่อเหอะว่าโยก็ยังลอบเข้าไปจนได้ กว่าตำรวจจะรู้ตัวก็ตอนยากูซ่าบุกบ้านนางเอกโน่น และโยก็พาเอมุหนีออกไปเรียบร้อยโรงเรียนมาเฟียจีนแล้ว และพากันไปกบดานที่เกาะเล็กๆ แห่งหนึ่ง สงสัยเกาะนี้จะอยู่ใกล้ญี่ปุ่น เพราะช่วงที่อยู่เกาะนางเอกใส่ชุดกิโมโนสีแดงแปร๊ดเลย

ตำรวจแวนคูเวอร์ (ไม่รู้ชื่อ ขอเรียกงี้แทนละกันนะ) ไปร่วมงานศพลูกชายหัวหน้าแก๊งค์ยากูซ่าที่ถูกโยฆ่า และพบกับภรรยาม่ายสาวสวย ซึ่งคุณนายยากูซ่าคนนี้เห็นนิ่งเป็นแม่บ้านแบบญี่ปุ่นเรียบร้อย แต่กลับตอบคำร่ำลาของตำรวจหนุ่มที่พูดตามมารยาทว่าหวังว่าคงได้พบกันอีกครั้ง ด้วยประโยคที่แสนเฉือนคารม "เราต้องได้พบกันอีกแน่นอนค่ะ เพราะที่นี่ ญี่ปุ่นเป็นประเทศเล็ก แต่ครอบครัวของเรา 'ใหญ่'" และถ้าเราจำไม่ผิด ในงานศพครั้งนี้เอง โยก็ได้บุกมาฆ่าหัวหน้าแก๊งค์ยากูซ่าได้สำเร็จ

เนื้อเรื่องหลักๆ ก็เดินเหมือนการ์ตูน คือเจ้าแม่ยากูซ่ากับตำรวจแวนคูเวอร์ได้ตามตัวโยและเอมุมาถึงเกาะกลางทะเล ในขณะเดียวกันโยก็ต้องเผชิญศึกสองทาง เพราะนักฆ่าคู่หูจากองค์กรก็ถูกสั่งมาให้เก็บเขาเสียนี่  และเนื้อหาฉบับภาพยนตร์ก็หยุดเนื้อเรื่องอยู่ที่การเดินทางออกจากเกาะของพระเอกกับนางเอกหลังกำจัดยากูซ่าและคู่หูแท้ๆของตัวเขาเอง (ที่ถูกสั่งมาให้เก็บโยและนางเอก) เรียบร้อยแล้ว แต่หนังเหมือนเปิดประเด็นทิ้งไว้ให้คนดูคิดว่าอนาคตของสองพระนางจะดำเนินต่อไปอย่างไร ในเมื่อนักฆ่าไร้หัวใจเกิดมีความรักเสียแล้ว และเอมุก็เป็นหญิงสาวผู้มีจิตใจอ่อนไหวแต่ก็เด็ดเดี่ยวพอที่จะติดตามชายคนที่เธอรักในทุกที่ไป

โยฉบับภาพยนตร์แสดงโดย มาร์ก ดาคาสคอส ดูชื่อแล้วก็น่าจะเป็นฝรั่งแต่คงเป็นพวกละติน กระนั้นก็พอรับได้กับการสวมบท "โย" ซึ่งต้องโชว์คิวบู๊หนักหนาสาหัสและมีหน้าตาที่แลดูเป็นเอเชียอยู่สูง ขณะที่เอมุรับบทโดยจูลี่ คอนดร้า ซึ่งหน้าตาฝรั่งจ๋า แต่คงเพราะหนังดัดแปลงให้นางเอกเป็นฝรั่งไปเลยไม่ก็ลูกครึ่งมั้ง (ดูเหมือนว่าคู่พระนางสองคนนี้จะแต่งงานกันหลังแสดงหนังเรื่องนี้ได้ 3 ปี โห...รักในจอนี่แรงจริงๆ) และในส่วนของยากูซ่ากับมาเฟียจีนก็ขนนักแสดงจากเอเชียไปสมทบเสียหมด แต่ฉากหลังของเรื่องก็ไปเกิดอยู่ที่แวนคูเวอร์ ทำให้ได้โลเกชั่นที่สวยงามแปลกตาไปเหมือนกัน

การที่หนังได้ผู้กำกับชาวฝรั่งเศส แถมยังเป็นการร่วมทุนของฝรั่งเศส แคนาดา อเมริกา ก็เลยทำให้บรรยากาศไม่เหมือนหนังฮอลลีวู้ดเสียทีเดียว มันยังมีกลิ่นอายของหนังอาร์ตนิดๆ แบบฝรั่งเศสไม่ว่าในประเด็นมุมกล้องที่แปลกตาหรือจังหวะการเดินเรื่องที่ไม่คใคร่คุ้น ขณะเดียวกันก็เต็มไปด้วยฉากบู๊ตู้มต้ามและการสู้ตัว Martial Art แบบตะวันออก (ประมาณพี่จา พนมบ้านเรา) แต่ก็ได้เห็นฉากสวยๆ อย่างเมืองแวนคูเวอร์ในแคนาดาซึ่งก็เป็นการเปลี่ยนบรรยากาศจากอเมริกาเหมือนกัน แม้ตัวหนังจะเปลี่ยนเนื้อหาจากการ์ตูนบ้าง แต่ก็รักษาเนื้อเรื่องหลักๆ ไว้เกือบหมด และมันก็ทำให้คนที่ได้อ่านการ์ตูนมาก่อนได้ดูด้วยความตื่นเต้นว่า เมื่อออกมาเป็นหนังแล้วเรื่องราวมันจะเป็นยังไง

หนังเรื่องนี้หาข้อมูลไม่ได้ว่ามีผู้นำเข้ามาจัดจำหน่ายในประเทศไทยหรือเปล่า แต่เนื่องจากไม่ใช่หนังดังมากและมันก็นาน 10 กว่าปีมาแล้ว ดังนั้นตอนนี้ก็คงหาดูได้ยากมากๆ  ก็ขอโทษที่มาแนะนำของที่หาเสพได้ยากในไทย แต่พอดีนึกถึงหนังเรื่องนี้กับการ์ตูนเรื่องนี้ขึ้นมาทีไร ก็ยังคิดว่ามันน่าสนใจและมีค่าเหนือกาลเวลาอยู่เสมอ ก็เลยเอามาเล่าให้ฟังฮับ

    

 



ความคิดเห็น

ยังไม่มีความคิดเห็น