ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ใจสามดวง

    ลำดับตอนที่ #1 : บท 1

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 152
      1
      30 เม.ย. 56

    บท  1

     

                “ฉันจองโรงแรมไว้ให้พวกเธอแล้วนะ ราคาแพงนิดหน่อยแต่ก็ปลอดภัยดี  ไว้ เดี๋ยวค่อยเจอกันนะมะนาว บาย”

                เสียงหวานใสของบุญหรือบุญรักษา  อาชาไพศาลดังที่ปลายสายก่อนที่จะวางไป  ริมฝีปากบางสีชมพูระเรื่ออมยิ้มกับความรอบคอบของเพื่อนรัก ดวงตากลมโตสดใสที่ประกอบบนใบหน้าเรียวสวยมองน้องสาวทั้งสอง ที่คนหนึ่งทิ้งตัวลงนอนบนเตียงอย่างไม่สมกับเป็นสตรี กับอีกคนที่เดินสำรวจห้องพร้อมเสียงดังกรุ๊งกริ๊งเบา ๆ

    เส้นผมดำสนิทราวกับไหมชั้นดีถูกรวบอย่างบรรจงบนศีรษะทุยสวยอวดลำคอระหง  แสงวิบวับบนลำคอขาวคือสร้อยคอเส้นเล็ก ทำจากเงินแท้ซึ่งมีจี้รูปหัวใจขนาดพอเหมาะกับสายสร้อยห้อยอยู่

     ร่างแบบบางทว่าสมส่วนในชุดเดรสสั้นสีชมพูสดซึ่งตัดกับสีผิวที่ขาวราวน้ำนม ขับให้ดูเด่นสะดุดตากำลังจัดกระเป๋าทั้งของตัวเองและน้องสาวอย่างอารมณ์ดี

     

    “นี่มะขาม ถอดรองเท้าก่อนสิ”

     

    น้ำเสียงใสกังวานเจือความอบอุ่น อันมาจากสาวน้อยอีกคนที่อยู่ในเสื้อสีขาวเอวลอยเข้ารูป อวดเอวคอดกิ่วกับกระโปรงยาวกรอมเท้าสีลูกพีช เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนหยักศกทำให้ใบหน้ากระจ่างใสชวนมองไปอีกแบบ

    เสียงกรุ๊งกริ๊งที่ได้ยินเสมอเวลาเจ้าตัวขยับเท้า เพราะที่ข้อเท้าขาวผ่องข้างซ้ายมีสร้อยข้อเท้าเส้นเล็กทำจากเงินแท้เช่นเดียวกับมะนาว แต่ต่างตรงที่มีกระดิ่งรอบสร้อยและมีหัวใจดวงเล็ก ๆ หนึ่งดวงห้อยติดอยู่ 

     

    ส่วนเจ้าของชื่อมะขามซึ่งลุกนั่งบนเตียงอย่างเกียจคร้าน  มือเรียวสวยราวลำเทียนปรากฏในข้อมือข้างซ้ายมีสร้อยลักษะเช่นเดียวกับสร้อยข้อเท้าของมะม่วง  แต่ต่างตรงที่ไม่มีกระดิ่งมีเพียงดวงใจดวงเล็ก เพียงดวงเดียวเท่านั้น

    สีผิวที่ขาวราวไข่ปอกพ้นชายเสื้อยืดสีเข้มทำให้เธอดูอรชร  มือบางกำลังถอดรองเท้าผ้าใบที่ดูขมุกขมัวออก ขาเรียวยาวที่ซ่อนภายใต้กางเกงยีนส์รัดรูปสีซีด ที่มีรอยขาดเป็นบางช่วง ก้าวลงจากเตียงเพื่อนำรองเท้าไปเก็บ  ผมดกดำเงางามราวไข่มุกราตรีแกว่งไกวตามจังหวะเก้าเดินอย่างอิสระ

     

    “นี่  มาถ่ายรูปกันดีกว่า”

    มะขามหยิบกล้องตัวโปรดพร้อมเอ่ยชวนทั้งพี่สาวและน้องสาว

     

     “รอแปบนะ  ขอมะม่วงจัดของก่อน”

    สาวสวยผมหยักศกบรรจงวางสีน้ำมันสำหรับวาดภาพ สมุดสเก็ตภาพ  ขาตั้งเฟรมแบบพับเก็บได้และอุปกรณ์อื่น ๆ ให้เข้าที่เข้าทาง     ก่อนเดินเข้าหาพี่สาวทั้งสอง

     

     

    “เอ้า..หนึ่ง  สอง ซั่ม  สิบสี่”

    รอยยิ้มพิมพ์ใจทั้งสามของมะนาว มะขามและมะม่วงที่ปรากฏบนกล้องอาจทำให้ใครต่อใครถึงกับหลงใหลและสนเท่ห์ในเวลาเดียวกัน  เพราะจมูก คิ้ว  คาง  ริมฝีปากรวมถึงรูปร่างและสีผิวที่เหมือนกันราวกับฝาแฝด

     

    ใช่แล้ว!!!  พวกเธอเป็นแฝดสามที่หน้าตาและรูปร่างเหมือนกันทุกอย่าง นอกจากคนในครอบครัวและใกล้ชิดถึงจะแยกออกว่าใครเป็นใคร หากจับให้แต่ละคนแต่งตัวแบบเดียวกัน

     

    มะนาวหรือมโน  ศิริมล พี่สาวคนโตที่สดใสร่าเริง มีความชอบในเรื่องของการออกแบบเสื้อผ้า  ส่วนมะขามจะเรียกอีกชื่อก็คือ  รติ  ศิริมล ชื่นชอบเรื่องการถ่ายภาพ และมะม่วงหรือชื่ออย่างเป็นทางการคือ ฤดี  ศิริมล รักในงานศิลปะ ภาพวาด ทั้งสามจึงเลือกเรียนในด้านที่ตัวเองสนใจและถนัด

     

    สร้อยแต่ละแบบที่มะนาว มะขามและมะม่วงมีนั้น เป็นสร้อยที่พ่อกับแม่ทำไว้ให้ ตอนที่ยังเป็นเด็ก โดยชื่อของพวกเธอ ที่ประกอบไปด้วย มโน  รติ  ฤดี  มีความหมายเดียวกันคือ ใจ ซึ่งที่ใช้จี้รูปหัวใจก็เปรียบเหมือนทั้งสามคือดวงใจของพวกท่านและอีกนัยหนึ่งก็เพื่อแยกแยะได้ออกว่าใครคือใคร
     

    โดยที่มะนาวเลือกเป็นสร้อยคอ  มะขามเลือกสร้อยข้อมือส่วนมะม่วงชอบสร้อยข้อเท้ากอปรกับที่เธอรักงานศิลปะ จึงเสริมกระดิ่งเข้าไป 

     

    เพราะพ่อกับแม่คิดเผื่อไว้ล่วงหน้า พวกเธอจึงสามารถใส่สร้อยแต่ละเส้นได้อย่างพอดี  สมัยเด็กแต่ละคนเลือกที่จะไม่ใส่ ด้วยกฎระเบียบของโรงเรียน รวมถึงเกรงว่าจะสูญหาย  แต่พออยู่ในวัยที่สามารถดูแลรักษาได้ พวกเธอจึงหยิบสร้อยมาใส่อย่างไม่รีรอ

    ทั้งสามไม่เคยถอดสร้อยของตัวเองเลย ไม่เว้นแม้แต่ตอนอาบน้ำหรือเข้านอน  พวกเธอใส่ติดตัวตลอดเวลาจนกลายเป็นอวัยวะอีกชิ้นไปแล้ว

     

    สายใยความรักที่แนบแน่นและพิเศษของทั้งสาม ทำให้พวกเธอสามารถรับรู้ได้ว่าใครกำลังอยู่ในอันตราย เจ็บไข้ได้ป่วย หรือเสียใจอย่างรุนแรง

     

    ตอนที่พวกเธออายุสิบสี่ปี วันนั้นอยู่ในช่วงปิดเทอม มะม่วงที่มักตื่นสายเพราะชอบวาดภาพตอนกลางคืน เนื่องจากเธอชอบความเงียบและสงบ ทำให้เธอสามารถวาดภาพได้ดียิ่งขึ้น

    ทั้งมะนาวและมะขามออกไปซื้อของกับคุณยายมะเฟือง ปล่อยให้เธอนอนอยู่บ้านคนเดียว เมื่อเธอสะดุ้งตื่นเพราะเสียงโทรศัพท์ จึงจำใจลุกไปรับสายอย่างเลี่ยงไม่ได้

    แต่เมื่อทราบถึงข่าวร้ายที่สุดในชีวิต คือพ่อกับแม่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุสายการบินตก  ทำให้เธอเสียใจอย่างรุนแรง เธอกรีดร้องโหยหวน เจ็บปวดทรมาน  ร้องไห้สะอึกสะอื้นข้างโทรศัพท์อย่างไม่รู้จะทำอย่างไร

    มะนาวกับมะขามที่กำลังกินไอศกรีมรสโปรดถึงกับทรุด พร้อมร้องไห้อย่างหนักทั้งที่ก่อนหน้านั้นพึ่งหัวเราะไป  พวกเธอรู้สึกเจ็บปวดไม่ต่างกับมะม่วง

    คุณยายรู้ถึงความสามารถของหลาน ๆ นางรีบโทรกลับหามะม่วงแต่ก็ไม่สามารถติดต่อได้

     

    ทั้งสามนั่งรถกลับบ้าน มะนาวกับมะขามวิ่งเข้าบ้านหามะม่วงทันที  คุณยายหลังจากจ่ายค่าโดยสารเสร็จ ก็รีบร้อนตามหลานเข้าบ้านอีกคน

    ภาพสามพี่น้องกอดกันร้องไห้ทำให้นางน้ำตาซึม  ค่อย ๆ สอบถามจากมะม่วงว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นจนทราบความ เธอเกือบหมดสติเพราะความเสียใจที่สูญเสียลูกสาวและลูกเขยไป

    ทว่าเสียงร้องไห้ของหลาน ๆ ทำให้นางฝืนใจเป็นหลักให้กับหลานสาว  ตลอดระยะเวลาหนึ่งเดือนกว่า ๆ หลังจากเสร็จสิ้นงานศพ ทั้งสามเงียบขรึมลงไปมาก

    โชคดีที่เป็นช่วงปิดเรียนและเปลี่ยนช่วงชั้นทำให้หลานทั้งสามพอหลงลืมความเสียใจไปได้บ้าง  ระยะเวลาค่อย ๆ รักษาแผลใจจนทั้งสามทำใจได้

    ทว่าก็เกิดเรื่องแบบเดียวกันอีกครั้ง เมื่อคุณยายมะเฟืองจากไปอีกคน ในขณะที่ทั้งสามอยู่ในวัยยี่สิบปี มะนาวเป็นคนแรกที่ทราบเรื่อง เธอเสียใจมากแต่ไม่ได้ร้องไห้โวยวาย ด้วยเตรียมใจไว้ล่วงหน้า เพราะคุณยายนอนป่วยมาสักระยะแล้ว

    มะขามที่กำลังเรียนถ่ายภาพน้ำตาซึม รู้สึกหดหู่ใจจนถ่ายทอดบนภาพที่เธอถ่าย  ส่วนมะม่วงนั่งเหม่อลอย เจ็บปวดหัวใจอย่างไร้เหตุผล  ทั้งสองรู้ว่าต้องเกิดเรื่องกับมะนาวแน่ และก็เป็นจริง

    เมื่องานศพเสร็จสิ้น ทั้งสามนอนกอดกันบนเตียงของคุณยายมะเฟือง  ซึมซับไออุ่นของยายที่แสนรักอย่างอาวรณ์  ทั้งสามปลอบใจให้กันละกันจนสามารถก้าวผ่านความเจ็บปวดนี้ได้

     

    ด้วยมีญาติเพียงคุณยายมะเฟืองคนเดียว ทำให้พวกเธอเหลือกันแค่สามคนพี่น้อง  บ้านเช่า หอพักรวมถึงอพาร์ทเม้นท์หลายแห่งที่เปิดให้เช่า เป็นรายได้หลักของครอบครัว  แม้ไม่ได้ร่ำรวยล้นฟ้าแต่ก็พอดำรงชีวิตอยู่ได้อย่างสบาย

     

    เมื่อทั้งสามเรียนจบจึงนำเงินเก็บที่ถือว่าเยอะพอควร บินลัดฟ้ามาหาเพื่อนรักที่สนิทสนมมากในวัยเด็ก  แม้จะแยกกันสมัยมัธยมปลาย เพราะบุญรักษาตามบิดาที่ทำธุรกิจในอิตาลีไปเรียนที่นั่นด้วย  แต่ก็ยังติดต่อพูดคุยกันเสมอมา

    ช่วงนี้บุญรักษาติดธุระสำคัญ ตลอดหนึ่งถึงสองสัปดาห์ เธอไม่สามารถปลีกตัวมาได้ จึงเป็นเหตุผลให้เธอหงุดหงิดยิ่งนัก

    เพราะรู้ว่าเพื่อนรักทั้งสามจะมาเที่ยวฉลองเรียนจบ เธอจึงจัดเตรียมทุกสิ่งพร้อมสรรพ รวมถึงโปรแกรมการท่องเที่ยวมาเป็นอย่างดี  ซึ่งเธอรับหน้าที่เป็นเจ้าบ้าน แต่ทุกอย่างก็ต้องผิดแผนเมื่องานของพ่อเธอดันเกิดปัญหา จึงต้องวานให้ลูกสาวคนเดียวช่วยเหลือ นั่นจึงเป็นเหตุผลให้เธอพลาดเจอเพื่อน

     


    ปล.บอกความรู้สึกหลังอ่านด้วยนะคะ คนเขียนจะได้มีกำลังใจ ^^

     

     

     

                 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×