Cool Japan ตะลุยแดนอาทิตย์อุทัย
การเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นครั้งแรกของผู้หญิงคนหนึ่งในฐานะตัวแทนจากประเทศไทย
ผู้เข้าชมรวม
271
ผู้เข้าชมเดือนนี้
2
ผู้เข้าชมรวม
แท็กนิยาย
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
สวัสดีค่ะเพื่อนๆชาวเด็กดีทุกคน ขอแนะนำตัวก่อนนะคะว่าเจ้าของกระทู้ชื่อว่าดรีม กำลังจะขึ้นม.5 ปี 58 นี้ค่ะ กระทู้นี้ตั้งขึ้นมาเพราะว่าดรีมอยากแชร์ประสบการณ์จากการไปญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 11-19 มีนาคม 58เป็นเวลา 9 วันกับทางโครงการ Jenesys 2.0 สาขา Social Community ในนามตัวแทนของประเทศไทย
ทีนี้ขอเกริ่นก่อนว่าโครงการ Jenesys 2.0 คืออะไร?
รัฐบาลญี่ปุ่น จัดโครงการเครือขายแลกเปลี่ยนนักศึกษาและเยาวชน ในชื่อ JENESYS 2.0 เพื่อให้เยาวชนจากต่างชาติและเยาวชนญี่ปุ่น ได้มีโอกาสเรียนรู้ แลกเปลี่ยนวัฒนธรรม รวมถึงศึกษาดูงานในญี่ปุ่น
ซึ่งโครงการนี้มีหลายสาขามากค่ะ แต่ดรีมได้ไปในสาขา Social Community ซึ่งเป็นรุ่นแรกด้วยนะ ^^
ขอบอกก่อนนะคะว่าโครงการนี้ ค่าใช้จ่ายฟรี
หลายคนคงเริ่มสนใจกันมากขึ้นแล้วสินะคะ เพราะฉะนั้นดรีมจะขอเล่าประสบการณ์ Cool Cool 9 วันในญี่ปุ่นให้ทุกคนอิจฉาเล่นๆ (ล้อเล่นค่ะ) เผื่อว่าจะเป็นแรงบันดาลใจสำหรับคนที่อยากไปเรียนต่อที่ญี่ปุ่น ไปเที่ยว หรืออยากจะสมัครโครงการนี้นะคะ ดรีมจะขอเล่ารายละเอียดโครงการและการสมัครด้านท้ายของกระทู้นะคะ
ก่อนบุกแดนอาทิตย์อุทัย
ก่อนที่เราจะฝันหวานกับการไปเห็นหิมะญี่ปุ่น เราก็ต้องมาพบเจอกับเพื่อนๆผู้ร่วมชะตากรรมของเราก่อน งานนี้ไม่ได้ไปลุยเดี่ยวสวยๆนะจ๊ะ แต่มีเพื่อนร่วมโครงการไปด้วยอีก 22 คน ซึ่งทุกคนมาจากคนละโรงเรียน พี่ผู้ดูแล(Supervisor) 2 คน คือพี่นุ่นและพี่ชยา รวมแล้วทั้งโครงการนี้ไปกัน 25 คน อุ่นใจกันแน่นอนค่ะ ซึ่งจะมีการอบรมและบรรยายเกี่ยวกับรายละเอียดโครงการ และความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่นให้เราเตรียมตัวก่อน 2วัน นะคะ
บินลัดฟ้ามายังแดนอาทิตย์อุทัย
DAY 1
เรามาโดยสายการบินเจแปนแอร์ไลน์ค่ะ พี่แอร์น่ารักมาก เนื่องจากว่านี่เป็นครั้งแรกที่ได้ขึ้นเครื่องบิน (เขิน-//-) เราไม่เมาเครื่องนะไม่อ้วกด้วย แต่เจ็บหูมากค่ะ ลงเครื่องมา เหยียบกรุงโตเกียว เอ้ะ มันไม่หนาวเลยนี่หว่า
เข้าห้องน้ำญี่ปุ่นครั้งแรก ก็ที่สนามบินนี่แหละเป็นอะไรที่ฟีลกู้ดมาก เห้ย คือสะอาดมาก สวยมาก ต้องเก็บอาการมากเดี๋ยวเขารู้ว่าบ้านนอก ต้องบอกก่อนว่าการกดชักโครกห้องน้ำประเทศญี่ปุ่นเป็นอะไรที่ขึ้นอยู่กับดวงมาก แต่ละที่ก็เอามือแนบคือเซนเซอร์ บางที่ก็กด บางที่คันโยก บางที่ลุกปุ๊ปกดให้เราเอง คือน่ารักอ่ะ 555
ย้อนกลับมาที่สนามบิน เราก็ร้อนนะ คือแบบร้อนมาก จากนั้นก็มีสาวสวยร่างเล็กคนนึงวิ่งมาหาคณะเรา พี่เขาคือคอดิเนเตอร์จากทางJOCAมาดูแลคณะประเทศไทยคือลิซ่าซัง ตอนแรกก็นึกว่าล่ามแต่ไม่ใช่ จากนั้นก็มีผู้หญิงอีกคนมาหาคณะเราอีก นึกว่าล่ามแต่ไม่ใช่ ตากล้องค่ะพี่ซาโอริ ผู้หญิงญี่ปุ่นตัวเล็กมาก เล็กจนเราสงสัยว่าแบกกล้องไหวได้ยังไง? จากนั้นก็มีรถบัสมารอรับพวกเราไปยังสถานที่ประชุมผู้เข้าร่วมโครงการจากทั้งสี่ประเทศ(ไทย กัมพูชา มาเลเซีย ฟิลิปปินส์) พี่ผู้ดูแลบอกว่าดูพยากรณ์อากาศล่วงหน้ามา โตเกียว 15 องศา เราก็เห้ย ทำไมร้อนขนาดนี้แต่ไม่กล้าถาม พอออกมานอกสนามบินเท่านั้นและ กรีดร้องทั้งคณะ ทำไมมันหนาวจังล่ะเห้ย 15 องศาแบบเดียวกับประเทศไทยรึเปล่า ปรากฏว่าผิดคาดไปมาก 5 องศาค่ะ เลยคิดว่าฮอกไกโดจะหนาวกว่านี้ซักเท่าไหร่ เราเลยต้องทำทุกทางเพื่อให้รอดชีวิตกลับประเทศไทยให้ได้...
นี่คือที่ที่เรามาประชุม ที่ไหนก็ไม่รู้ ดันมาประเทศแรกเลย หว่าเว้มาก
เจ้าของกระทู้(คนขวาเสื้อเทา)และพี่แตบัดดี้ที่ได้โฮสต์แฟมิลี่ร่วมกัน(คนซ้ายเสื้อฟ้า)
มาญี่ปุ่นผมนี่อึ้งไปเลยย้งมาก รถไม่ติดเลย นี่เมืองหลวงจริงๆหรอ -o- แต่ช็อกตรงที่พี่แกเล่นปั่นจักรยานกันบนทางเท้า ไม่เหมือนไทยเนอะ
ตอนนี้เราอยู่ที่ย่านโอไดบะ มีแต่คนบอกว่าต้นนี่คือต้นซากุระ ห้ะ เจอซากุระแบบงงๆนะ มันบานแล้วหรอ แต่ก็ถ่ายเก็บเอา
มาทั้งทีต้องมีรูปรวมกันหน่อย เธอเห็นเทพีเสรีภาพด้านหลังนั่นมั้ย 555
ต่อจากนี้คือเวลาอิสระจ้า เดินชมนกชมไม้ ขอคาราวะเลยว่าประเทศญี่ปุ่นเงียบแบบเงียบสงบจริงๆค่ะ ต่างคนต่างเดินไม่พูดไม่จา แต่เพื่อนเราไปขอถ่ายรูปเค้าก็ยิ้มนะ ใจดีมากเลย คนญี่ปุ่นเดินเก่งมาก และไวมาก ไม่ง้อรถเลย คืออากาศบ้านเขาเป็นอะไรที่สามารถเดินได้ไม่มีเหงื่อตก ฟินมาก บอกได้คำเดียวว่าใครคิดจะไปเที่ยวต่างประเทศ ต้องไปญี่ปุ่นสักครั้งในชีวิต
นี่คือรูปปั้นภายในห้างคือเว่อร์วังอลังการมาก สวยจนไม่อยากจะกลับเลยทีเดียว
ไปญี่ปุ่นเห่อมากคือ ตู้กดน้ำ หรือตู้กดอะไรก็ได้ ขอแค่ให้เราได้กด 555 เพื่อนบอกว่ามาญี่ปุ่นต้องกินน้ำยี่ห้อนี้ ก็เลยบ้าจี้ซื้อตามๆกันมา แต่อร่อยดีนะคะ
วันแรกก็สำเร็จภารกิจไปได้ด้วยดี กลับมาพักกันที่โรงแรม Shinjuku Washington Hotel ที่พักหรูมาก สุดยอดเลยค่ะ
DAY 2
เช้าวันที่ 2ที่โตเกียว เราได้มาที่มิไรคัง MIRAIKAN อารมณ์ประมาณว่านี่โลกอนาคตเลย สุโค่ยจริงค่ะ
หุ่นยนต์ผู้หญิงน่ารักมาก สมจริงมากค่ะ พูดโต้ตอบได้ด้วย เพราะว่ามีคนจริงๆแอบคุยกับเราผ่านหุ่นค่ะ 555
หุ่นยนต์แมวน้ำน้อยพาโร คือถ้าเราตีมันมันก็จะทำหน้ายู่เหมือนจะร้องไห้ถ้าเราลูบหัวมันมันจะหลับตาพริ้ม คือเห้ย แกจะฉลาดไปไหน ขี้อ้อนด้วยนะคะ อยากจะหยิบกลับไทยมาก 555
ก่อนกลับมีโชว์หุ่นยนต์ด้วย ของฮอนด้าค่ะ วิ่ง กระโดด เขย่ง ซ้ายขวาหน้าหลัง บอกให้ไปทางไหนเขาจัดให้ค่ะ 555 ร้องเพลงได้ด้วยนะเนี่ย เยี่ยมๆ
จบจากมิไรคังเราก็มาต่อกันที่พานาโซนิคเซนเตอร์ค่ะ คือข้างในจะเป็นผลิตภัณฑ์ของพานาโซนิคหมดเลย มีเครื่องเล่นเยอะมากค่ะ ไฮเทคโนโลยีจริงๆ แต่น่าเสียดายที่ทางพานาโซนิคอนุญาตให้เราถ่ายรูปได้แค่ล็อบบี้เท่านั้นนะคะ
Panasonic Center Tokyo
เจอคนญี่ปุ่นน่ารักเป็นไม่ได้ ต้องถ่ายรูปและมอบของกันซักหน่อย
ในที่สุดเวลาแห่งการรอคอยก็มาถึง เย่ เรามาที่ย่านอาซากุสะกันค่ะ นี่คือศาลเจ้าอาซากุสะค่ะ ของศาสนาชินโต
ส่วนนี่คือวัดอาซากุสะ หรือวัดเซ็นโซ วันที่เราไปคนเยอะมากค่ะ แบบว่าเยอะจริงๆ ไม่พูดอะไรมาก ดูรูปดีกว่า วัดนี้สวยทุกมุมจริงๆค่ะ
หมดไป2วันที่โตเกียวแล้วสินะ พรุ่งนี้เตรียมตัวไปต่อกันที่ฮอกไกโดแต่เช้าเลยค่ะ
DAY 3
เช้าวันนี้เป็นวันที่เราเดินทางมาถึงฮอกไกโดค่ะ ได้เข้าพบท่านผู้ว่าเมืองซัปโปโระด้วยค่ะ
พอตกเย็นเราก็จะได้มาเจอครอบครัวอุปถัมภ์แล้ว เป็นอะไรที่ตื่นเต้นมาก
แต่นแต๊นนนนนน ในที่สุดเราก็ได้มาพบกัน ครอบครัวอุปถัมภ์เราคือครอบครัวคาโต้ค่ะ มีคุณแม่ชิซุโกะ พี่มานามิ เจ้าของกระทู้ แล้วก็พี่แต เวลาต่อจากนี้อยากจะอวดล้วนๆว่าคุณแม่พากินตลอด กินดีอยู่ดีมาก5555 เราจะได้อยู่กับโฮสต์เป็นเวลา2วัน
บอกก่อนว่า ในความคิดของเจ้าของกระทู้คือคนญี่ปุ่นกินเยอะมาก เราก็พยายามกินให้หมดจริงๆนะ ของกินทุกอย่างในญี่ปุ่นมันดูยิ่งใหญ่ไปหมด 5555 แต่เหมือนคนญี่ปุ่นเองก็พยายามจะเข้าใจว่าเรากินไม่ไหวจริงๆไม่ใช่ว่าไม่อร่อย น่ารักมากค่ะ
DAY 4
วันนี้เป็นวันที่ได้อยู่กับโฮสต์ทั้งวันเลยค่ะ แต่พี่มานามิต้องไปโรงเรียน ปกติคุณแม่จะไปส่งแต่วันนี้พี่มานามิไปรถบัสค่ะ คุณแม่เลยพาเราออกมาเที่ยวห้างเยอะแยะเลย
เช้ามาคุณแม่ก็ทำอาหารไว้รอลูกๆ มันสุดยอดมาก หลงรักคนญี่ปุ่นซ้ำแล้วซ้ำเล่าเลยบอกตรงๆ555
พอตอนเที่ยงก็มารับพี่มานามิ ที่โรงเรียนริทสึเมคัง กว้างมากกกกกก น่าเรียนสุดๆ
กองทัพต้องเดินด้วยท้อง มากินซูชิกัน เคยนึกว่าพี่โน๊ตอุดมพูดเล่นว่าปลายาวเป็นเมตรข้าวนิดเดียว วันนี้ประสบพบเจอกับตัวเอง มันยิ่งใหญ่มาก กินคำเดียวไม่ไหวจริงๆ T___T
พอตอนเย็นก็มาTV Tower คุณแม่บอกว่ามันเป็นที่ที่มีชื่อเสียงมาก สวยมากเลยอ่ะถ้ามองมาจากด้านบน คือเห็นเมืองกว้างมาก
DAY 5
เช้าวันนี้จะได้อยู่กับโฮสต์เป็นวันสุดท้ายแล้ว เวลาผ่านไปเร็วมาก กำลังมีความสุขเลย พูดแล้วยังคิดถึงอยู่เลย
แ
ต่แต่ว่าเรามีปาร์ตี้อำลาโฮสต์แฟมิลี่กันซักหน่อย เป็นการแสดงมวยไทยและรำวงจากประเทศไทยค่ะ
ต่
DAY 6
วันนี้มากันที่มหาวิทยาลัยฮอกไกโด เป็นมหาวิทยาลัยที่ดังและดีที่สุดในฮอกไกโด บรรยากาศเงียบสงบ ตึกและอาคารเรียนน่าเรียนมากๆค่ะ มาเจอพี่ที่เป็นคนไทย2คน สอบชิงทุนมาเรียนที่ฮอกไกโด1ปี พูดญี่ปุ่นได้เก่งมากๆเลยค่ะ
พอตอนบ่ายเราก็มากันที่ Hokkaido Sapporo Kiyota High School ก็เจอนักเรียนม.ปลายเหมือนพวกเรา แบ่งกลุ่มออกสองกลุ่ม เวียนกันไปเรียนตามห้อง ของเราได้เรียนเขียนพู่กัน ฟังร้องประสานเสียงเพลงมาร์ชของโรงเรียน เพราะมากๆ ที่นี่มีชมรมยิงธนูด้วยค่ะ ธนูใหญ่แบบสุดยอดจริงๆ ห้องเรียนน่าเรียนมากค่ะ เป็นโรงเรียนรัฐบาลที่ใส่ใจมากๆ ไปแล้วไม่อยากกลับเลยจริงๆ
DAY 7
วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่จะอยู่ฮกไกโดค่ะ ทางโครงการพามาที่พิพิธภัณฑ์ไอนุ เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เกี่ยวกับชนเผ่าพื้นเมืองของฮอกไกโด ที่มีมานานแล้ว กว้างมากค่ะ มีของใช้สมัยก่อนเยอะแยะเลย แล้วก็มีการแสดงส่งวิญญาณบรรพบุรุษ,การเล่นมุคคุริ,เพลงพื้นเมือง
มีการสอนทำเครื่องดนตรีที่ชื่อว่ามุคคุริด้วยค่ะ เป็นการเล่นเลียนเสียงธรรมชาติ บอกได้เลยว่ายากมากๆ
มาดูหมีฮอกไกโดกันเร็วววว ตัวเบ้อเริ่มเลย มีให้ขนมหมีด้วย น่ารักกก
ส่วนเจ้าตัวนี้คือมะหมาของชนเผ่าไอนุค่ะ ตัวนี้ชื่อ ยูเมะ ที่แปลว่าความฝัน ชื่อซ้ำกับเจ้าของกระทู้ ตอนนี้ตากล้องและพี่ล่ามเลยเรียกเจ้าของกระทู้และหมาน้อยว่ายูเมะจังทั้งคู่ หันไม่ถูกกันเลยทีเดียว --;
แต่นแต๊นนนนนนนนนนน ทำเสร็จแล้ว เจ้าเครื่องดนตรีมุคคุริ ทำก็ยากเล่นก็ยาก ขนาดคนญี่ปุ่นด้วยกันยังยอมแพ้ 5555
หลังจากอยู่ทานอาหารกลางวันที่พิพิธภัณฑ์เสร็จแล้ว เราก็เดินทางไปสนามบินฮาเนดะเพื่อจะกลับโตเกียวกันค่ะ
DAY 8
วันนี้มาอยู่โตเกียวแล้ว ช่วงสายถึงเที่ยงปล่อยให้เดินเล่นในย่านฮาราจูกุ โอ้โห ร้านค้าเยอะมาก จะบอกว่าซื้อคิทแคทมา แล้วก็ลืมไว้ที่ญี่ปุ่นนั่นแหละค่ะ แบบว่าเห้ย นึกแล้วก็เสียดาย ToT ผู้คนเดินเบียดเสียดกัน ถึงจะมีเสียงคุยบ้างแต่ทำไมมันก็ยังดูสงบอยู่ดี คนญี่ปุ่นนี่เขาสงบได้ทุกสถานการณ์จริงๆค่ะ นับถือเลย
นี่คือเพื่อนๆของเจ้าของกระทู้ ใส่ชุดไทยไปเดินฮาราจูกุ... ค่ะ ถือเป็นการเผยแพร่วัฒนธรรมไทย(?) 5555
แต่ตกบ่ายไม่เฮฮาแล้วค่ะ ทุกคนเข้าสู่โหมดจริงจังเพราะเรากำลังจะเดินทางไปพรีเซ็นต์รายงานเป็นภาษาอังกฤษต่อหน้าทางสำนักงานJOCA และเจอเพื่อนๆอีก3ประเทศที่เหลือ นี่คือวาระแห่งการกู้ชาติก็ว่าได้ค่ะ(เปรียบเทียบอิอิ) ความรู้สึกค่อนข้างกดดันเพราะเราต้องทำออกมาให้ดีที่สุดเพราะเรามาในนามประเทศไทย พอพรีเซ็นต์เสร็จเราก็มีแสดงมวย รำวงสงกรานต์ และรำมโนราห์ปิดท้ายค่ะ เวลาพูดต้องพูดเป็นอังกฤษทั้งหมด แต่ตัวเจ้าของกระทู้ต้องพูดประวัติของมวยไทยและรำวงเป็นภาษาญี่ปุ่นทั้งหมด กดดันมากๆค่ะ ต้องขอขอบคุณพี่เรย์ ล่ามที่ช่วยเขียนบทพิธีกรให้มากๆเลยค่ะ
ภาพตอนกำลังเล่าประสบการณ์และความประทับใจเมื่ออยู่กับโฮสต์เป็นเวลาสองวัน
ส่วนอันนี้คือตอนแสดงรำมโนราห์ค่ะ ชาวต่างชาติชอบมากๆเลย ดีใจจัง
ไฮไลต์คือมวยไทยค่ะ อันนี้ชาวต่างชาติรู้จักกันดี เราก็ภูมิใจ
ภาพตอนนำเสนอรายงานค่ะ พวกเราพยามอย่างดีที่สุดเพื่อให้ผลงานออกมาดี และไม่ให้ทางรัฐบาลญี่ปุ่นผิดหวังที่ได้สนับสนุนงบประมาณให้ประเทศไทยค่ะ แล้วก็ไม่ให้ทางกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ผิดหวังที่เลือกพวกเรามาเข้าร่วมโครงการค่ะ
แต่งานเลี้ยงก็ต้องมีวันเลิกรา วันนี้จะได้อยู่กับซาโอริซัง ตากล้องของคณะเราเป็นวันสุดท้ายเพราะซาโอริซังติดงาน จึงไม่สามารถมาส่งเราที่สนามบินพรุ่งนี้พร้อมพี่เรย์และพี่ลิซ่าได้ ฮือออ ยิ่งพิมพ์ยิ่งคิดถึง
หลังจากทุกประเทศนำเสนอเสร็จเราก็มีรับประทานบุฟเฟ่ต์ร่วมกัน อยากจะบอกว่ากัมพูชา มาเลเซีย และฟิลิปปินส์เป็นคนน่ารักและเป็นมิตรมากค่ะ โดยเฉพาะคนฟิลิปปินส์ทั้งยิ้มทั้งขำเล่นมุกตลอด แล้วก็เป็นกันทั้งคณะ จนเราคิดว่าคนฟิลิปปินส์นี่เค้ายิ้มเก่งกว่าคนไทยแล้วใช่มั้ย 55555
จากนั้นเราก็ต้องกลับโตเกียว ปริ๊นซ์ โฮเทล ทำใจไม่ได้จริงๆ ว่านี่คือคืนสุดท้ายที่จะได้อยู่ที่ญี่ปุ่น บอกได้คำเดียวว่าอารมณ์ค้างมาก มาที่นี่วันแรกไม่ได้รู้สึกกลัวแต่รู้สึกว่าน่าค้นหา รู้สึกว่าคนญี่ปุ่นทำไมมีน้ำใจจัง เรารู้สึกว่าเรากำลังจะปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมของเค้า พยายามเดินให้เร็วขึ้น ต้องพูดว่าอิตะดะคิมัสก่อนกินข้าว กินเสร็จก็ต้องพูดว่าโกะจิโสะซะมะเดชิตะ เริ่มจะสื่อสารกับคนญี่ปุ่นได้บ้าง และอีกหลายๆอย่าง แต่เวลามันผ่านไปเร็วจริงๆ
DAY 9
วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้ว เรากำลังจะขึ้นเครื่องกลับประเทศไทย พี่เรย์และพี่ลิซ่ามาส่งที่สนามบิน รู้สึกว่ามันเร็วไปทำใจไม่ทัน แต่ก็ต้องยอมรับ บอกเลยว่าไม่มีอาการคิดถึงบ้านที่ไทย5555 คิดถึงโฮสต์คิดถึงคนญี่ปุ่นมากๆ แบบว่าต้องหาทางกลับไปอีกให้ได้
ประเทศญี่ปุ่นสวยทั้งธรรมชาติและสิ่งก่อสร้างจริงๆ รู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้เข้าร่วมโครงการนี้แบบฟรีๆ เลยอยากจะมาเล่าประสบการณ์ที่น่าประทับใจ และหวังว่าผู้อ่านทุกท่านคงจะอยากเข้าร่วมโครงการ Jenesys 2.0 รุ่นต่อๆไป หรือสาขาอื่นๆ แล้วมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งด้วยกันนะคะ
ลิขสิทธิ์รูปภาพจาก
https://www.facebook.com/noonarsenal?fref=ufi
https://www.facebook.com/saori.ozaki.562?fref=nf
นางสาววฤณพร ฐานุภัทรสกุล
สามารถติดตามข่าวสารและการรับสมัครได้ที่
http://www.m-society.go.th/main.php?filename=index
ผลงานอื่นๆ ของ dorimu_wt ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ dorimu_wt
ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้
ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้
ความคิดเห็น