ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Harry Potter and The Green Flame Torch

    ลำดับตอนที่ #2 : ฝันร้าย : Night Mare

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 111
      0
      12 มี.ค. 48

    Harry Potter and The Green Flame Torch



    แฮร์รี่ พอตเตอร์  กับ เปลวเพลิงสีเขียว



    บทที่ 2 ฝันร้าย



    chapter 2 Night Mare





            เขายังจำได้ว่าปีที่แล้วเขาต้องเสียพ่อทูนหัวต้องตายไปเขา เขา............ เขาฝัน............................................เข้าไป



            ณ ที่แห่งหนึ่ง

    “หางหนอน”โวลเดอร์มอร์เรียกด้วยเสียงที่เยือกเย็น



    “ครับ”หางหนอนตอบ



    “ต่อไปเราจะไปที่ร.ร.ฮอกวอตส์”โวลเดอร์มอร์พูดเสียงเย็น



    “ข้าจะไปฆ่าเจ้าแฮร์รี่ พอตเตอร์”โวลเดอร์มอร์พูดอย่างช้าแต่เยือกเย็น



    “ได้ครับท่าน”หางหนอนตอบรับด้วยความเยือกเย็นเหมือนโวลเดอร์มอร์



    “เราต้องแก้แค้นมันและทำลายฮอกวอตส์ทำลายให้หมด””ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ”โวลเดอร์มอร์หัวเราะอย่างสะใจ



    “แต่ตอนนี้เราต้องทำลายโรงเรียนนี้ก่อน”โวลเดอร์มอร์ตะโกนลั่น



    “ครับ”หางหนอนตอบรับโวลเดอร์มอร์



    “นำผู้เสพความตายมาทำลายให้หมด และผู้คุมวิญญาณทำลายให้หมดดดดดดดดดดด”โวลเดอร์มอร์ร้องเสียงลั่นด้วยความแค้นและความโกรธ



               ในที่สุดผู้เสพความตายและผู้คุมวิญญาณก็ทำลายโรงเรียนเวทมนตร์ที่มีชื่อว่าโรงเรียนนัลกัซที่อยู่ในเทือกเขาแถบชนบทของประเทศอังกฤษ



               ร.ร.ถูกทำลายมหาศาล ผู้เสพความตายทำลายร.ร.ย่อยยับด้วยความแค้นและผู้คุมวิญญาณได้ฆ่าคนได้บ้างโดยการจุมพิษ และการปิดฉากนั้นโวลเดอร์มอร์ก็แผดเสียงร้องว่า เอวาดา-เคดาฟรา!!!!!!!!!!!!!!!!



              โวลเดอร์มอร์แผดร้องก้องเสียงดังในบริเวณนั้นและแสงสีเขียวก็ออกมาจากปลายไม้กายสิทธิ์ของโวลเดอร์มอร์

    และในที่สุดพ่อมดแม่มดก็ตายหมดแม่กระทั่งอาจารย์ใหญ่ของร.ร.ก็ตาม



              “ฮ่าๆๆๆๆๆๆในที่สุดข้าจะยิ่งใหญ่อีกครั้งและข้าก็จะไม่ตายยยยย  ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ”โวลเดอร์มอร์แผดก้องเสียงร้องด้วยความดีใจ



                 “ข้าจะได้ฆ่ามันซะที  มันนนนๆๆๆ แฮร์รี่ พอตเตอร์!!!!!!!!!!!!!” “มันต้องตาย มันต้องน้อมรับความตายจากข้า มันต้องตาย ฮ่าๆๆๆๆ”โวลเดอร์มอร์พูดทั้งหมดนี้อย่างช้าๆและเยือกเย็นราวกับน้ำแข็งติดลบร้อยองศา

    และหางหนอนก็ดีใจไปกับโวลเดอร์มอร์ด้วย



    ณ บ้านเลขที่สี่ ซอยพรีเว็ต





                 เด็กชาย นามว่าแฮร์รี่ พอตเตอร์สะดุ้งตื่นจากความฝันและมีเหงื่อชุ่มทั้งตัว



                 “ฉันนนยังไม่อยากตาย ฉันนนต้องฆ่ามันโวลเดอร์มอร์!!!!!!!!!!

    แฮร์รี่ร้องเสียงลั่น

    และล้มตัวลงนอนพลางใช้ความคิด และพยายามคิดเรื่องความฝัน  แผลเป็นยังเจ็บอยู่และมากด้วย



                  เขามองไปที่นาฬิกาตอนนี้ประมาณแปดโมงแล้วเขาควรลงไปหาอะไรกินแล้ว  

    เขาเหลือบไปมองของขวัญและจดหมายเขาพลางยิ้มหน่อยๆเหมือนกับการอมทุกข์ไม่มีผิด



                  ไม่ทันขาดคำเสียงนางเดอสลีย์ก็ตะโกนเรียกเขนจากชั้นล่าง



    “นี่ แฮร์รี่ ลงมาทานข้าวได้แล้วย่ะ”



    “ฮะ””จะไปเดี๋ยวนี้แหละฮะ”แฮร์รี่ตอบส่งเดช”



    “เข้าใจแล้วก็ดี”เสียงนางเดอสลีย์พูดขึ้นมาจากชั้นล่าง



                 เมื่อแฮร์รี่กลับมาที่บ้านในซอยพรีเว็ตตอนปิดเทอมฤดูร้อนนั้น



    เขาพบว่าโปรแกรมลดน้ำหนักของดัดลีย์ไม่ประสบผลสำเร็จ



                 แต่ น้ำหนักตัวของดัดลีย์นั้นไม่ได้ลดลงไปเลยแม้แต่น้อย

    แต่กลับทำให้ลุงเวอร์นอนน้ำหนักลดลงไปถึง 6 ปอนด์แทน



                ดังนั้นนายและนางเดอสลีย์จึงยกเลิกการลดน้ำหนัก และหันไปแก้ปัญหาที่ปลายเหตุแทน

    ด้วยการสั่งตัดชุดเครื่องแบบโรงเรียนสเมลติ้งส์ขนาดพิเศษให้กับดัดลีย์

    และก็เอาแต่พูดปลอบใจตัวเองว่าอีกสักปีหนึ่งดัดลีย์ก็คงจะยืดตัวขึ้นเอง

    เมื่อแฮร์รี่ลงมาที่โต๊ะอาหารเช้าในวันรุ่งขึ้น เขาก็พบอาหารเช้าชุดใหญ่ที่นางเดอสลีย์เตรียมสำหรับดัดลีย์เรียบร้อยแล้ว

    แฮร์รี่รู้สึกว่าตั้งแต่มีการยกเลิกการลดน้ำหนัก ดัดลีย์จะกินมากกว่าเดิมถึงสองเท่าทีเดียว

                นายเดอสลีย์นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่บนโต๊ะตามปกติ



                แฮร์รี่ดึงเก้าอี้ออกมาและนั่งลง รอให้ดัดลีย์ลงมาพร้อมกัน



               ไม่กี่นาทีต่อมา ดัดลีย์ก็เดินเข้ามาในครัวและนั่งลงบนเก้าอี้ของเขา



                แฮร์รี่นึกภาพไม่ออกเลยว่าเมื่อดัดลีย์โตขึ้นเขาจะมีขนาดใหญ่ยักษ์ขนาดไหน

    เผลอๆอาจจะเท่าแฮกริดก็ได้ แฮร์รี่คิด และทันทีที่ดัดลีย์นั่งลงบนเก้าอี้ขนาดพิเศษของเขา

    เขาก็คว้าไส้กรอกเข้าปากทันที  

                แฮร์รี่จึงเริ่มกินอาหารเช้าของเขาบ้าง นางเดอสลีย์กำลังทอดไข่ดาวไข่แดงไม่สุกให้ดัดลีย์อยู่ พลางชงกาแฟให้นายเดอสลีย์กิน นายและนางเดอสลีย์เป็นลุงและป้าของแฮร์รี่  



                การที่ดัมเบิลดอร์นำแฮร์รี่ไปฝากให้ นางเดอสลีย์เลี้ยง ก็เนื่องมาจากพลังที่แม่ของแฮร์รี่ใช้คุ้มครองลูกชายก่อนถูกฆ่าตาย พลังที่ทำให้โวลเดอมอร์ไม่สามารถแตะต้องแฮร์รี่ได้ในตอนแรกนั้น ยังอยู่ในสายเลือดของพี่สาวของเธอ คือป้านั่นเอง ส่วนคำทำนายในช่วงหลังก็คือ “คนหนึ่งจะสิ้นชีวิต อีกคนจะคงชีวา” ซึ่งหมายถึงว่า แฮร์รี่และโวลเดอมอร์จะต้องต่อสู้กันจนกว่าจะตายไปข้างหนึ่งนั่นเอง

    จู่ๆนกฮูกตัวหนึ่งก็บินเข้ามาในบ้านเดอสลีย์   “ว้าย”นางเดอสลีย์แสดงอาการตกใจ



                มันบินมาหาแฮร์รี่แล้วทิ้งจดหมายไว้ มันชื่อพิกวิดเจียน มันเพิ่งบินมาเมื่อเช้านี้เพื่อให้ของขวัญกับแฮร์รี่ ซึ่งนกฮูกตัวนี้เป็นมันเป็นนกฮูกที่พ่อทูนหัวของเขา ซีเรียส แบล็ก มอบให้กับรอน วีสลีย์ เพื่อนรักของเขา เพื่อเป็นการขอโทษที่เขาทำให้รอนต้องเสียหนูไป ทำให้เขายิ่งคิดถึงซีเรียสมากขึ้น

    มันเป็นจดหมายจาก มอลลี่ แม่ของรอนในจดหมายเขียนไว้ว่า



              แฮร์รี่ที่รัก

               สุขสันต์วันเกิดจ้ะ   พวกมักเกิ้ลคงไม่ได้ข่มขู่เธอนะ กินดีๆ  ทำตัวให้แข็งแรง  และอย่านอนดึกมากนะ เดี๋ยวเฮอร์ไมโอนี่ไม่รักนะถ้าเธอหน้าตาซีดเซียว   เราจะมารับเธอไปที่ภาคีล่ะ มะรืนนี้นะ

                                                                                                                                                     มอลลี่ วิสลีย์

    และนกฮูกตัวนั้นก็บินจากไป

                เขาอยากไปพรุ่งนี้เลยด้วยซ้ำ

    เขาอ่านจดหมายทวนอีกรอบพลางตักซุปกิน และ พลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับข้อความในจดหมาย

                เขาคิดว่า เขาต้องบอกเรื่องที่รอนจะมารับเขาไปที่ภาคี มะรืนนี้นะ เขายังหยุดยิ้มไม่หาย แล้วเสียงจากนายเดอสลีย์ก็ตะโกนผ่าหนัวสือพิมพ์มา “ไอ้หนูยิ้มอะไรของแกล่ะ” แฮร์รี่ไม่ตอบแต่ยังยิ้มไม่เลิก

    พลางคิดเรื่องว่าจะบอกนายเดอสลีย์ว่ารอนจะมารับเขาในมะรืนนี้



    “นี่แกเป็นบ้าอะไรของแกอีกล่ะ”นายเดอสลีย์ตะคอกเรียกแฮร์รี่อีกครั้ง



    “ฮะไม่มีอะไร ฮะ” แฮร์รีตอบส่งเดชเป็นครั้งที่สองต่อจากตอบส่งเดชกับนางเดอสลีย์



    เสียงของนายเดอสลีย์เงียบไป เขาควรบอกว่ารอขจะมารับเขาตอนนี้เลยดีมั้ยนะ  

    แต่ทันใดนั้นเองเสียงดัดลีย์ด็แหกปากร้อง



    “แม่ขอไส้กรอกอีกสักสองสิครับแม่”



    “ได้จ้าดัดลีย์”เสียงนางเดอสลีย์ตอบอย่างแผ่วเบา



    แฮร์รี่คิดว่าตอนนี้น่าจะพูดแล้วนะ แต่ก็มีเสียงนายเดอสลีย์ตะโกน



    “กาแฟได้ยังจ้ะเพ็ตทูเนีย”



    “ได้แล้วค่ะ เวอร์นอน”เสียงนางเดอสลีย์ตอบ

               เมื่อเงียบไปแล้วเขาก็ได้โอกาสอีกครั้งที่เขาจะพูดเรื่องของเขาบ้าง แต่ไส้กรอกก็ยังอยู่ในปากของเขาอยู่เลย เขาจึงรีบเคี้ยวแล้วรีบพูด  

               เมื่อเขาเคี้ยวเสร็จเสียงจานตกแตกของดัดลีย์กระหึ่ม

    “เพล้ง” “อุ้ย\"!นางเดอสลีย์อุทาน

    แต่นายเดอสลีย์ไม่สนใจเอาแต่อ่านหนังสือพิมพ์อยู่ได้

    นางเดอสลีย์รีบเก็บกวาดแต่ดัดลีย์ก็ไม่ยอมพูดอะไรเลย

    เอาล่ะโอกาสมาถึงแล้วเขาเริ่มกรอกเสียงลงไป แต่เสียงทำแก้วแตกดังกระหึ่มอีกครั้ง ท่ามกลางความเงียบ



    “เพล้ง”



    “ตายแล้วเวอร์นอน”



    “ขอโทษจ้าเพ็ตทูเนีย”



    “ไม่เป็นไรเวอร์นอน”



    “ฉันมีลางสังหรณ์พิกลแฮะ”



    “อะไรเหรอค่ะ”



    “ฉันว่ามันต้องมีใครมาในระยะนี้แน่ที่เราไม่อยากจะต้อนรับเท่าไรนัก”



    “ฉันไม่ชอบเลยค่ะ เวอร์นอน”



                นายเดอสลีย์ไม่ตอบอะไร แล้วนางเดอสลีย์ก็เก็บกวาดเศษแก้วต่างๆเพื่อนำไปทิ้งที่ถังขยะ



                 ตอนนี้ดีมั้ยนะแฮร์รี่คิดอยู่ในใจ บอกเลยมั้ง

    น่าจะบอกนะว่ารอนจะมาที่นี่จะทำให้เขาทั้งสองตกใจเล่นๆก็ได้มั้ง

    น่าจะรีบบอกนะคงหนุกน่าดูทีเดียว  

    ส่วนดัดลีย์ก็ไม่พูดอะไรเลยเอาแต่กินเหมือน “หมู”

    ค่อยบอกตอนเย็นดีกว่าแฮร์รี่นึกอยู่ใน

    จะมารับเราท่าไหนเนี่ยแฮร์รี่คิด รถดีกว่ามั้ง

    หรือไม่ก็ผงฟลู



                  เขากินข้าวเสร็จก็รีบวิ่งเร็วจี๋ขึ้นไปข้างบน



                  เขาตัดสินใจได้อย่างหนึ่งขณะยืนมองออกไปนอกหน้าต่างอีกครั้ง  ที่ฮอกวอตส์คงจะไม่แย่เกินทนถ้าผู้คนจะหยุดกังวลเรื่องเขามากไปเสียที  

                  

                  เขามองขึ้นไปบนท้องฟ้า  ไม่ใช่ถนน  เขาจึงไม่เห็นร่างมืดๆร่างหนึ่งจับตามองเขาอยู่

    ..............................................................................................................................................................................



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×