[Fic KnB] Akashi x Kuroko(c) : Contingency - [Fic KnB] Akashi x Kuroko(c) : Contingency นิยาย [Fic KnB] Akashi x Kuroko(c) : Contingency : Dek-D.com - Writer

    [Fic KnB] Akashi x Kuroko(c) : Contingency

    โดย YooGeart

    ครอบครัวคุโรโกะ ติดหนี้ 10 ล้านบาท จนลูกสาวคุโรโกะ เท็ตสึยะจึงหนีออกมาเพราะกลัวถูกจับตัวไปให้เจ้าหนี้ อาคาชิ เซย์จูโร่เข้ามาช่วยเธอที่นอนตากฝนอยู่หน้าบ้าน แต่ความจริงแล้วเขาเป็นใครกันแน่!

    ผู้เข้าชมรวม

    3,595

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    6

    ผู้เข้าชมรวม


    3.59K

    ความคิดเห็น


    13

    คนติดตาม


    71
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  4 มี.ค. 58 / 08:09 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    อ่านกันให้สนุกนะคะ ><
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      Contingency

      ท้องนภามืดครึ้มพร้อมสายฝนตกลงสู่พื้นดินยามค่ำคืนที่เงียบสงัด มีเพียงเสียงฝนกระทบพื้นถนนในตรอกซอยหมู่บ้านที่ไม่มีใครออกมาเดินนอกบ้านในยามฝนตกหนักเช่นนี้ มีเพียงร่างบอบบางเรือนผมสีฟ้าเดินตากฝนอย่างหมดเรี่ยวแรงเพียงลำพังบนเส้นทางหมู่บ้านที่ไร้แสงไฟด้วยสติเลื่อนลอยราวกับคนกำลังจะตายก็ไม่ปาน

      'หนาว...หนาวจังเลย'

      คุโรโกะ. เท็ตสึยะในชุดกระโปรงสีครีมเปียกโชกฝน ร่างกายสั่นเทาสู้ความหนาวจากการที่เดินตากฝนมาเป็นเวลานานแต่ก็ยังกัดฟันอดทนแล้วเดินต่อไปอย่างไม่มีจุดหมาย ดวงตาสีฟ้ากลมโตปรือมองรอบกายที่เต็มไปด้วยความวังเวงและมืดมน พื้นที่ที่เหยีบอยู่คือถนนหหมู่บ้านขนาบทั้งสองข้างด้วยบ้านแถวสองชั้น สถานที่ที่ไม่คุ้นเคยและไม่รู้จักมาก่อนทำเอาสาวผมฟ้าหวาดระแวง ใบหน้าจืดไม่สวยสะดุดตาหันแลซ้ายขวาเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครตามมา พลางกอดร่างตัวเองที่สั่นหนาวและเต็มไปด้วยรอยฝกช้ำจากการถูกซ้อมอย่างทารุณ

      ร่างเล็กเดินโซเซมานานจนเรี่ยวเเรงหยาดสุดท้ายที่เหลืออยู่กำลังจะหมดไป ขาเพรียวยาวใต้กระโปรงสีอ่อนชะลอความเร็วในการเดินลงเรื่อยๆ ดวงตาสีนภาอ่อนล้าจนภาพเบื้องหน้าค่อยๆเลือนลางและพร่ามัวขึ้นทุกที ก่อนเปลือกตาจะค่อยๆปิดลงพร้อมกับร่างที่ล้มนอนบนพื้นท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมากระทบร่าง

      ตุบ!

      .

       

       

      .

       

       

      .

      ครืดดดด...

       

      แปะ.. แปะ...

      เสียงรั้วเหล็กถูกเลื่อนเปิดจากเจ้าของบ้านพร้อมเสียงฝีเท้าย่ำน้ำฝนเจิงนองพื้นเดินเข้ามาใกล้ร่างของสาวผมฟ้าที่นอนแน่นิ่งอยู่หน้ารั้ว ร่างสูงเรือนผมสีแดงใต้เงาร่มก้มมองร่างเล็กบอบบางนอนตากฝนอยู่บนพื้นอย่างเงียบๆก่อนจะยอมเปียกฝนทิ้งร่มไว้ข้างตัวแล้วเข้าไปอุ้มร่างของหญิงสาวเอาไว้ในอ้อมแขน

      "รอยฝกช้ำนี่... ไปทำอะไรมานะ" ดวงเนตรสีทับทิมคมกริบหรี่มองรอยเขียวช้ำตามเนื้อตัวของหญิงสาวแปลกหน้าด้วยความสงสัย ก่อนจะตัดสินใจหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในบ้านพร้อมร่างของคุโรโกะที่เปียกโชก

      .

       

      .

       

      .

                     

      ดวงตาสีฟ้าอ่อนค่อยๆลืมช้าๆ มองภาพเลืองลางตรงหน้าทั้งที่ยังมึนเบลอไม่หาย มือเรียวบางขาวซีดควานคลำไปรอบๆ สัมผัสได้ถึงผ้าหนังนุ่มนิ่มที่นอนอยู่แทนที่จะเป็นพื้นถนนขรุขระท่วมน้ำดั่งตอนที่ลงไปนอนสลบอยู่กับพื้น คุโรโกะยันกายลุกขึ้นนั่งบนโซฟาในบ้านหลังใหญ่ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ราคาเเพงพลางกุมศรีษะที่ปวดอยู่ข้างในก่อนที่สติจะค่อยๆกลับมาแล้วเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองว่า'ใครเป็นคนช่วยเธอไว้?'

      "ตื่นแล้วหรอ" เสียงทุ้มของชายหนุ่มดังจากด้านหลัง ใบหน้าขาวซีดจืดชืดล้อมเรือนผมสีฟ้าตัดสั้นหันควับมองบุรุษร่างสูงเรือนผมสีแดงเช่นเดียวกับสีตาเดินเขามาพร้อมแก้วน้ำและยาลดไข้ในมือ เจ้าของบ้านนั่งโซฟาข้างหญิงสาวผมฟ้าที่ยังมึนเบลอแล้วยื่นแก้วน้ำและยาลดไข้ใส่มือคุโรโกะที่ปริบตามองอย่างงงๆ

      "เธอมีไข้นะ ทานยาแล้วพักผ่อนที่นี่ก่อนก็ได้" กล่าวทั้งน้ำเสียงนุ่มนวลทั้งรอยยิ้มละมุนตามมารยาท สาวผมฟ้ามองคนตรงหน้าอย่างพิจารนา ดูเป็นคนใจดี สุขุม และอ่อนโยน ไม่คิดเลยว่าจะโชคดีเจอคนดีเข้ามาช่วย

      "ขอบคุณค่ะ" คุโรโกะยิ้มพร้อมกล่าวขอบคุณแล้วกินยาที่อาคาชินำมาให้

      "ฉันชื่ออาคาชิ เซย์จูโร่ เป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ เห็นเธอนอนตากฝนอยู่หน้าบ้านก็เลยพาเข้ามา แล้วก็เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ ฉันเอาเสื้อผ้าของเธอไปซักให้แล้วนะ"

      "ขอบคุณมากนะคะ ถ้าไม่ได้คุณช่วยฉันคงจะ..." เสียงหวานเว้นวรรคคำพูดแล้วหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง คุโรโกะทวนคำ... 'เปลี่ยนเสื้อผ้า'! ใบหน้าขาวนวลแดงแปร๊ดเป็นลูกมะเขือเทศทันทีเมื่อก้มมองตัวเอง เพิ่งสังเกตว่ากำลังสวมเสื้อผ้าหลวมโพรก กางเกงขายาวกร่อมเท้ารุ่มร่าม และเเน่นอนว่าเป็นเสื้อผ้าของอาคาชิไม่ผิดแน่ มือบางแหวกคอเสื้อดู...

      ชั้นในก็ไม่ได้ใส่!! กางเกงในก็ด้วย!!

      "นะ..นี่คุณเป็นคนเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ฉันหรอคะ!" สาวผมฟ้ากอดร่างตัวเองทั้งดวงหน้าแดงก่ำไปถึงใบหู อาคาชิยิ้มอ่อนโยนแล้วตอบด้วยคำตอบที่ทำเอาคุโรโกะแทบจะกรี๊ด

      "ใช่แล้วล่ะ"

      ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นสีแดงชัดหันหลบพลันด้วยความอับอาย ที่ถูกผู้ชายคนอื่นนอกจากพ่อมาเห็นร่างเปลือยของตัวเอง แต่จะโกรธเขาก็ไม่ใช่เรื่อง เพราะที่เขาทำไปก็เพราะช่วยเหลือ เธอควรจะขอบคุณ

      "งะ...งั้นคุณก็เห็น..."

      "ไม่หรอก ฉันปิดตาคลำเอา" คิ้วบางเลิกสูงหันกลับมามองคนผมแดงที่ยิ้มตอบอย่างไม่มีท่าทีน่าสงสัยว่ากำลังโกหกแต่อย่างใด คุโรโกะผ่อนลมหายใจเบาๆด้วยความสบายใจก่อนจะปรับสีหน้ากลับมาเป็นปกติ

      "ขอบคุณอีกครั้งนะคะ"

      "ไม่เป็นไร ว่าแต่.. เนื้อตัวเธอเขียวช้ำไปหมดเลยนี่ ไปทำอะไรมาหรอ" นิ้วมือชี้ไปยังรอยช้ำบนต้นแขนซ้ายของคุโรโกะที่รีบดึงแขนเสื้อลงมาปิดด้วยสีหน้าลำบากใจที่จะตอบทำเอาอาคาชิรู้สึกว่าเป็นคำถามที่ไม่ควรถาม

      "เอ่อ..ไม่ได้บังคับหรอกนะ เพราะงั้นไม่ต้องบอกก็ดะ..."

      "เปล่าค่ะ! รอยนี่น่ะ..." อาคาชิพูดไม่ทันจบก็ถูกแทรกขึ้น สาวผมฟ้าตัดสั้นพูดเว้นวรรคพลางหรี่ตามมองรอยช้ำน่าเกลียดบนต้นแขนซ้าย แต่มันไม่ใช่แค่รอยเดียว... ทั่วเรือนร่างเต็มไปด้วยรอยช้ำแบบนี้มากกว่าที่เห็นภายนอก หากว่าอาคาชิลืมตามองเธอขณะเปลี่ยนเสื้อผ้าก็น่าจะน่าตกใจยิ่งกว่า3

      "พ่อแม่ฉัน...ฮึก เป็นหนี้ใครที่ไหนก็ไมรู้.. ฮะ...ฮึกเจ้าหนี้ตามทวงทุกเดือน หนี้เป็น10ล้าน บ้านฉันไม่มีจ่าย แค่ดอกเบี้ยก็ยังจ่ายได้ไม่ถึงครึ่ง ลูกน้องของเจ้าหนี้ก็เลยบอกว่าจะจับฉันไปให้เจ้านายของพวกเขา ฉันขัดขืน...ฮึก ฮึก แล้วก็โดนซ้อมจนบาดเจ็บไปหมด แต่ก็หนีมาได้ ฮึก" คุโรโกะเล่าทั้งน้ำตาไหลรินเศร้าใจนัก มือบางขาวซีดปาดน้ำตาลวกๆด้วยความอับอายเหลือเกินที่มาร้องให้ต่อหน้าคนอื่นแบบนี้

      "ตอนนี้ไม่รู้ว่าพ่อแม่ฉันจะเป็นยังไงบ้าง ฮือ.. ฉันหนีออกมาตัวคนเดียวแล้วทิ้งพวกท่านไว้ ฉันมัน..." นึกภาพครั้งที่ถูกซ้อมกับตอนที่หนีออกมาทำเอาสาวผมฟ้าปิดหน้าร้องไห้โฮด้วยน้ำตาที่ไม่อาจเก็บไว้ อาคาชิมองคุโรโกะระบายอย่างเงียบๆซ่อนความสงวารที่มีต่ออีกฝ่ายไว้ภายใต้แววตาที่กำลังนั่งมองน้ำตาของเธอไหลออกมาหยดแล้วหยดเล่า แม้จะพยสยามเช็ดออกเท่าไรมันก็ไหลออกมาอีก

      คงจะไปเจออะไรแย่ๆมาสินะ...

      "ไม่จำเป็นต้องกลั้นไว้หรอก ระบายออกมาเถอะ เสียน้ำตาออกมาให้พอแล้วก็เข้มแข็มขึ้น" มือหนาจับบ่าแคบของหญิงสาวเบาๆพร้อมกล่าวคำพูดแสนธรรมดา คุโรโกะชะงักมองใบหน้าที่อ่อนโยนเปี่ยมด้วยกำลังใจจากอีกฝ่ายก่อนที่จะปลดปล่อยน้ำตาทั้งหมดให้ไหลออกมาอย่างไม่อาจกลั้น

      ความเจ็บปวดและความรู้สึกผิดมากมายถูกปลดปล่อยและพร้อมที่จะยืนหยัดได้อีกครั้ง..

       

      นี่คือสิ่งเล็กๆน้อยๆที่คนแปลกหน้าคนหนึ่งพอจะช่วยได้

      .

       

      .

       

      .

       

      คุโรโกะร้องไห้จนหลับไปบนบ่าของอาคาชิอย่างไม่รู้ตัว เจ้าของเรือนผมสีแดงหรี่ตามองคนที่เอียงหัวมานอนบนบ่ากว้างของตัวเองก่อนมือหนาจะผลักร่างบางให้ล้มลงนอนบนโซฟาแล้วหยิบผ้าห่มมาคลุมร่างให้อบอุ่น เนตรสีแดงพิศมองใบหน้าจืดชืดไม่ได้งดงามกว่าใคร หลับทั้งคราบน้ำตายังเปื้อนอยู่รอบดวงตาและพวงแก้ม

      "คุณพ่อคะ...คุณแม่คะ...หนู ฮึก..ขอโทษ ฮึกๆ"

      น้ำตาไหลออกมาอีกครั้งทั้งที่ยังหลับอยู่ คุโรโกะละเมอพึมพำขอโทษพ่อแม่ทั้งร่างกายสั่นเทา อาคาชิจับมือคุโรโกะไว้แน่นแล้วกระซิบปลอบเบาๆ

      "ไม่เป็นไรนะ...ไม่เป็นไร พ่อแม่เธอไม่โกรธหรอก"

      เพียงคำพูดสั้นเท่านั้นร่างเล็กบอบบางใต้ผ้าห่มก็หยุดสั่น... ใบหน้าหล่อคมคายคลี่ยิ้มบางมองสาวผมฟ้าท่าทางไร้เดียงสานัก นี้เป็นครั้งแรกที่มีคนที่ไม่รู้จักมานอนที่บ้าน แถมเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าลืมถามชื่อไปเสียสนิท

      พรุ่งนี้ค่อยถามแล้วกัน         

       

      .

       

      .

       

      .

       

      ร่างบางในสุดกระโปรงสีครีมที่ใส่มาเมื่อคืนเดินไปเปิดประตูบ้านที่เข้ามารบกวนอาศัยอยู่ แสงของตะวันยามเช้าสว่างจ้าเข้าตาจนต้องยกมือป้อง ฝนหยุดตกแล้ว.. เหลือเพียงน้ำฝนที่เปียกพื้นสนามหญ้าท่วมเจิ่งนองเป็นแอ่งเล็กๆเท่านั้น คุโรโกะหันกลับมามองเจ้าของบ้านที่ยืนส่งอยู่ด้านหลังด้วยรอยยิ้มขอบคุณที่ให้ที่ให้ที่พักแถมยังซักเสื้อผ้าให้อีก

      "จะไปแล้วหรอ น่าจะอยู่ทานอาหารเช้าด้วยกันก่อนนะ" กล่าวชวนทั้งขอบตาดำคล้ำเพราะแทบไม่ได้นอน ก็คุโรโกะเล่นละเมอร้องไห้ทั้งคืน ทำให้อาคาชิต้องคอยปลอยจนไม่ได้หลับไม่ได้นอน

      "ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณนะคะ แต่ฉันรบกวนคุณมามากพอแล้ว " โชคดีของเธอที่เจอคนใจดีช่วยไว้ ถึงอย่างนั้น ตอนนี้ก็ควรได้เวลากลับบ้านแล้ว ป่านนี้พ่อแม่คงเป็นห่วงแย่ คุโรโกะเดินก้าวผ่านประตูไปหนึ่งก้าวก่อนจะหันมาหาอาคาชิหมายบอกลา แต่...

      โครกกก~

      สองสองคนชะงักค้างเมื่อท้องของคุโรโกะแผดเสียงดังร้องขออาหาร เจ้าของเสียงท้องหน้าแดงอายพลางกุมหน้าท้องแบนราบที่ว่างเปล่าและหิวโหย ยิ่งได้กลิ่นอาหารเช้าจากในครัวที่อาคาชิทำไว้ช่างยั่วยวนน้ำลายเสียเหลือเกิน

      "ท้องร้องก็ไม่แปลกหรอก ดูเหมือนว่าตั้งแต่เมื่อเย็นวานเธอยังไม่ได้กินอะไรเลยนี่" คนหนุ่มผมแดงกล่าวยิ้มๆ แล้วเชิญชวนหญิงสาวเข้ามาทานอาหารเช้าในบ้าน

      "เอ่อ..คะ ..คือ ไม่เป็นไรจริงๆนะคะ!"

      "อย่าดื้อสิ ถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ มีหวังเดินไม่พ้นรั้วบ้านก็เป็นลมซะก่อนหรอก" มือหนาฉวยคว้าเเขนบอบบางแล้วลากเข้าไปนั่งในห้องรับประทานทานอาหารทั้งที่อีกฝ่ายเกรงใจซะจนไม่ค่อยเต็มใจ แต่พอเอาเข้าจริงก็ยัดอาหารเข้าปากไม่ยั้งมือเลยทีเดียว
                      อาคาชิค้างมองหญิงสาวผมสีอ่อนกินไวจนหมดเกลี้ยงทั้งที่เขาเพิ่งจะกินไปไม่เท่าไรแท้ๆ แต่นั่นกลับทำให้เขาอดกลั้นขำเสียไม่ได้

       

      "นี่ ฉันลืมถามไป เธอชื่ออะไรหรอ" นึกขึ้นได้พอดีอาคาชิจึงชะงักมือที่ตักอาหารจรดปากพลัน หญิงสาวผมฟ้าเงยหน้าจากจานอาหารพลางเลิกคิ้วมองบุรุษผมแดงที่รอเธอตอบ

      "คุโรโกะ เท็ตสึยะค่ะ"

      เคร้ง!!

      อาคาชิอ้าปากค้างพร้อมกับช้อนที่หลุดมือในทันทีทันใดหลังจากได้ยินนามสกุล'คุโรโกะ' ดวงตาสีฟ้ากลมโตที่อยู่ฝั่งตรงข้ามปริบมองอาคาชิที่ลุกลี้ลุกลนก้มเก็บช้อนที่หลุดมือตกพื้นด้วยท่าทีแปลกๆพิกล โดยไม่รู้อะไรเลยว่าเผลอพูดในสิ่งที่ไม่ควรบอกไปเสียแล้ว

      "มีอะไรรึเปล่าคะ?"

      "มะ..ไม่ ไม่มีอะไร กินต่อเถอะ" ใบหน้าคมคายเเสร้งยิ้มบอกปัดแล้วก้มหน้าก้มตากินต่อโดยไม่สนว่าคุโรโกะจะสงสัยอย่างไร แต่เธอไม่คิดติดใจอะไรมากนักจึงตั้งหน้าตั้งตากินอาหารเช้าที่อีกฝ่ายทำให้ต่อไปทั้งไม่รู้ว่าอาคาชิแอบเหลือบมองด้วยสายตาอึ้งทึ่งก่อนจะกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์

       จะบังเอิญอะไรขนาดนี้ 'คุโรโกะ' เท็ตสึยะ

       

      ช้อนซ้อมถูกรวบเก็บอย่างเรียบร้อยบนจานกระเบื้อง คุโรโกะถอนหายใจอิ่มท้องจนรู้สึกมีเรี่ยวเเรงขึ้นเยอะ อาคาชิลุกจากเก้าอี้เดินมาเก็บจานแล้วนำไปวางบนอ่างล้างจานก่อนหันมาถาม

      "คุโรโกะคุง น้ำส้มสักแก้วไหม" อาคาชิยิ้มแย้มพร้อมขวดน้ำส้มคั้นในมือและแก้วน้ำ หญิงสาวหันมาพยักหน้ารับก่อนอาคาชิจะยกแก้วน้ำส้มคั้นมาวางตรงหน้าของเธอ มือเรียวบางยกแก้วน้ำขึ้นจรดริมฝีปากแล้วหันไปกล่าวขอบคุณอาคาชิที่ยืนจิบน้ำส้มอีกแก้วอยู่ข้างๆ

      "ดื่มน้ำส้มซะก่อนแล้วค่อยไปนะ" สิ้นนคำบอกของอาคาชิ คุโรโกะพยักหน้าหงึกหงักแล้วจะค่อยๆกระดกดื่มน้ำส้มจนหมดแก้วในรวดเดียว

      "อร่อยจังเลยค่ะ!"หญิงสาวผมสั้นหันมายิ้มตาเป็นประกายด้วยรสชาติของนำส้มที่อร่อยเกินคาด คุโรโกะวางแก้วน้ำลงบนโต๊ะอาหารก่อนจะเดินนำไปที่ประตูบ้านพร้อมอาคาชิที่เดินตามหลังมาติดๆ

      "คงถึงเวลาที่ฉันต้องไปจริงๆแล้วล่ะค่ะ" ใบหน้าจืดล้อมเรือนผมสีฟ้าอ่อนยิ้มแห้งๆด้วยความเกรงใจ อาคาชิช่วยเธอเยอะเกินพอแล้ว ไม่อยากจะรบกวนมากกว่านี้

      "เดินทางกลับดีๆนะคุโรโกะคุง แล้วก็ขอให้'ใช้หนี้'ให้หมดเร็วๆนะ" คนผมแดงยิ้มตอบและเน้นคำว่า'ใช้หนี้'ให้คุโรโกะแปลกใจเล่น แต่เจ้าตัวกลับไม่คิดอะไร ตามประสาเด็กสาวใสซื่อไร้เดียงสาอย่างเธอ

      "ลาก่อน ..นะ คะ.. "

      พรึ่บ!!

      แขนแกร่งคว้าเอวคอดกิ่วที่กำลังหงายหลังล้มได้ทัน คุโรโกะรู้สึกมึนเบลออย่างไม่รู้สาเหตุ จู่ๆก็'ง่วงนอน'ขึ้นมาฉับพลัน จนเข่าอ่อนล้มพับลงไปเพราะฤทธิ์ของ'ยานอนหลับ'ชนิดรุงเเรงที่อาคาชิแอบใส่ไว้ในน้ำส้ม ดวงตาสีฟ้ากลมโตพร่ามัวทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้ารวมถึงบุรุษผมแดงที่โอบเอวเธอไว้ไม่ให้ล้มลงไป

      "คุณ...อา คาชิ.." เสียงหวานแหบพร่าครั้งสุดท้ายสิ้นลงพร้อมกับสติที่ดับวูบไป ร่างกายไร้ซึ่งการควบคุมใดๆ ตอนนี้ไม่ต่างกับร่างไร้วิญญานที่อยู่ในอ้อมแขนของอาคาชิ ไม่ว่าจะตบแก้มหรือเขย่าเรียกเท่าไรก็ไม่มีทางตื่นขึ้นมาตอนนี้

      "เธอนี่มันมาถูกที่จริงๆเลยนะ คุโรโกะคุง" ร่างสูงพาลูกสาวของลูกหนี้ตระกูลคุโรโกะมานอนบนเตียงในห้องนอนทั้งยังหลับไหลด้วยฤทธิ์ยา อาคาชิกระหยิ่มยิ้มพอใจกับหญิงสาวที่จะมาใช้หนี้แทนเงินที่ตะกูลคุโรโกะไม่สามารถหามาใช้ได้

      "รู้ไหมคุโรโกะคุง ต่อจากนี้เธอไม่ต้องรู้สึกผิดต่อพ่อแม่เธออีกแล้วนะ เพราะเธอจะมาใช้หนี้ 10 ล้านให้พ่อแม่ของเธอที่กู้ฉันไปยืมทำธุรกิจใหญ่แล้วก็ล้มละลาย" เจ้าหนี้อาคาชิพูดกับร่างที่นอนหลับแน่นิ่งอยู่บนเตียงก่อนจะปีนขึ้นคร่อมร่างบอบบางให้อยู่ใต้เงา ใบหน้าล้มเรือนผมสีแดงก้มจุมพิตเบาๆที่ริมฝีปากอวบอิ่มแล้วประกบจูบตักตวงความหอมหวานจากโพรงปากน้อยที่แม้จะไร้ซึ่งการจูบตอบก็ตาม

      คุโรโกะได้เสียจูบแรกทั้งที่ยังไม่รู้สึกตัว พระผู้เป็นเจ้าช่างเล่นตลกกับเธอเสียจริง อุส่าห์หนีรอดจากลูกน้องของเจ้าหนี้มาได้ แต่ก็ดันมาเจอเจ้าหนี้ตัวจริงที่ตอนแรกคิดว่าใจดีปานเทพบุตรที่เมตตาจุติลงมาช่วยเธอ ให้ที่พัก ให้ความช่วยเหลือ แต่พอรู้ว่าเธอเป็นลูกหนี้ที่ติดหนี้เขามากถึง 10 ล้านก็ถึงกับเปลี่ยนเป็นคนละคน

      ช่วยไม่ได้ เรื่องเงินถ้ายืมไปแล้วก็ต้องคืน ถ้าให้ด้วยเงินไม่ได้ก็ต้องเอาอย่างอื่นมาแลก

      อาคาชิพรมจูบทั่วร่างกายเธอ ประทับรอยตรีตราบนร่างกายแสดงความเป็นเจ้าของ ร่างบอบบางเปลือยเปล่ายังคงแน่นิ่งไม่รู้ตัวเลยว่าเสื้อผ้าทุกชิ้นที่เคยใส่ถูกกระชากไปกองกับพื้นตั้งแต่เมื่อไร ปล่อยให้อีกฝ่ายรุกล้ำเขามาเรื่อยๆราวกับท่อนไม้ที่ถูกเล้าโลม แต่อาคาชิก็พอใจที่ได้เล่นสนุกกับร่างกายของเธอทั้งแบบนั้น ใบหน้าหล่อคมคายซุกไซร้คอระหงเพื่อประทับรอยสีกุหลาบก่อนจะผละออกมาพร้อมกับดวงเนตรข้างซ้ายที่แปรเปลี่ยนเป็นสีทองอำพันเบิกกว้างจับจ้องใบหน้าจืดชืดของลูกหนี้ด้วรอยยิ้มน่าอันสะพรึง!

      "มาเป็นของผมซะ เท็ตสึยะ..."

      End.

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×