คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่1:ส่งสู่ชีวิตใหม่ (100%)
“เราไม่ได้จะตัดสินบาปบุญเจ้าหรอก
แต่สิ่งที่เราจะตัดสินกันวันนี้คือความเหมาะสมของเจ้าว่าคู่ควรกับหน้าที่ที่ข้าจะมอบหมายหือไม่ต่างหาก”
ชายที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ตอบคำถามของผมด้วยใบหน้าที่ความจริงจังอยู่เล็กน้อย
แต่คำว่าหน้าที่ที่จะมอบหมายนั่นก็ทำให้ผมเกิดสงสัยขึ้นมาอีก
“แล้วที่ว่าหน้าที่นี่หมายถึงอะไรเหรอครับ”
ผมถามออกไปด้วยความสงสัย แต่ไม่รู้ว่าทำไมลางสังหรณ์ลึกๆของผมร้องบอกว่าหน้าที่นี้จะต้องนำมาซึ่งความวุ่นวายแน่ๆ
แต่ผมก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรปกติผมก็ไม่ที่จะค่อยตัดสินอะไรด้วยลางสังหรณ์อยู่แล้วด้วย
แต่ทำไมผมกลับรู้สึกว่าครั้งนี้มันจะต้องเป็นไปตามที่ผมรู้สึก
“ร่างสถิต...”ชายผู้ที่นั่งอยู่บนบัลลังก์เอ่ยตอบผมอีกครั้ง
แต่ที่ว่าร่างสถิตนี่มันคืออะไรกันนะ
“หน้าที่ที่ข้าจะมอบหมายให้เจ้าทำก็คือร่างสถิตของแก้ววิเศษที่มีนามว่า
‘แก้วทิวาราตรี’ ซึ่งจะต้องใช้วิญญาณที่มีบุญบาปเท่ากันไปเกิดเป็นร่างสถิตเท่านั้น
นอกจากนั้นแล้วก็ไม่มีใครที่จะสามารถทำหน้าที่นี้ได้ พวกเราจึงต้องทำการตัดสินและพิจารณาอย่างถี่ถ้วน
เพราะวิญญาณที่บุญบาปเท่ากันก็ใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆ
คนล่าสุดก็เมื่อหกร้อยกว่าปีก่อนแล้ว”
หลังจากที่อธิบายเสียยาวยืดก็ไขข้อข้องใจของผมได้อย่างนึงว่าหน้าที่ของผมคืออะไร
แต่ความสงสัยใหม่ก็เข้ามา (อีกแล้ว!//ไรท์)
“แล้วแก้ว..”
“แก้วทิวาราตรีคือดวงแก้ววิเศษที่เกิดจากน้ำตาหยดแรกของเทพมังกรทอง
จ้าวแห่งเหล่ามังกรทั้งปวง
มันมีความสามารถในการรักษาได้ทุกอย่างทั้งบาดแผลและโรคภัยต่างๆ
ที่แม้แต่หมอเทวดายังรักษาไม่ได้ แต่ดวงแก้วนี้สามารถรักษาได้ นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติอีกหลายอย่าง
แต่คุณสมบัติที่พิเศษที่สุดคือมันมีพลังมากถึงขั้นสามารถใช้ผนึกราชาปีศาจที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเหล่าปีศาจทั้งมวลให้หลับใหลไปตลอดการได้
ส่วนเหตุผลที่ต้องมีร่างสถิตนั่นก็เพราะว่า
จะต้องมีคนที่คอยรักษาสมดุลพลังของดวงแก้วนี้ไว้ เพราะถ้าปล่อยให้ดวงแก้วเสียสมดุลนานๆจนแตกสลายไปจะทำให้
แดนมนุษย์ แดนเทพ และแดนปีศาจ นอกจากสวรรค์และนรก จะต้องแตกสลายไป
ที่สำคัญต้องมีบุญและบาปเท่ากันเท่านั้นจึงจะทำหน้าที่นี้ได้
ซึ่งในเวลานี้มีเพียงเจ้าเท่านั้นที่มีคุณสมบัติมากพอที่จะทำหน้าที่นี้ได้
สิ่งที่เจ้าต้องทำก็ไม่มีอะไรมาก
แค่คอยปกป้องตัวเองให้ดีอย่าปล่อยให้ดวงแก้วต้องตกไปอยู่ในมือคนชั่วเท่านั้นเอง
ส่วนที่เหลือเอาไว้เจ้าลงไปเกิดก่อนแล้วข้าจะส่งคนลงไปคอยดูแลและสอนพร้อมอธิบายอะไรเพิ่มเติมเอง...เจ้ามีอะไรจะถามอีกมั้ย”
ผู้ชายที่นั่งอยู่ทางด้านซ้ายของบัลลังก์เอ่ยอธิบายในสิ่งที่ผมกำลังจะถามซะยาวเหยียด
ราวกับรู้ว่าผมจะถามอะไรอีกบ้าง
พร้อมจบคำพูดด้วยคำถามที่เหมือนจะบังคับให้ผมหยุดสงสัยโน่นนี่ได้แล้วยังงั้นแหละ
แต่พอไม่มีอะไรจะถามแล้วผมเลยส่ายหน้าเป็นการปฏิเสธว่าหมดคำถามแล้ว
“เอาหละในเมื่อเจ้าไม่ข้อสงสัยอะไรแล้ว
ตอนที่เจ้าฟังการอธิบายเมื่อตะกี้นี้ข้าก็จัดการปรึกษากับทุกคนที่อยู่ที่นี่เรียบร้อยแล้ว
ก็เหลือแค่ถามความสมัคใจของเจ้าและพยานร่วมเหตุการณ์ในการตัดสินใจของเจ้า”
ชายที่อยู่บนบัลลังก์เอ่ยขึ้น
“อรัญ เจ้ายินดีที่จะทำหน้าที่นี้หรือไม่
หากเจ้าตกลงข้าจะได้ส่งเจ้าไปเกิดในมิติคู่ขนานโดยที่ความทรงจำของเจ้าจะอยู่ครบทุกประการ
พร้อมพลังและดวงแก้ว แต่หากเจ้าไม่ตกลงข้าจะส่งเจ้ากลับไปเกิดในมิติเดิมของเจ้า
ให้เจ้าได้ใช้ชีวิตเยี่ยงมนุษย์สามัญธรรมดาทั่วไปดังเช่นที่เคยผ่านมา
เจ้าจะเลือกทางไหน?”
อืม...จะให้เลือกทางไหนงั้นเหรอ
ใจหนึ่งผมก็อยากจะกลับไปเป็นคนธรรมดาเหมือนเดิมนะ แต่ถ้าผมไม่ทำหน้าที่นี้
แล้วมันก็ไม่มีใครมาทำแทนแล้วด้วย อีกอย่างจากที่ฟังเค้าอธิบายเมื่อกี้นี้แล้ว
ถ้าไม่มีร่างสถิตมันก็จะส่งผลเป็นวงกว้างด้วยสิ เอาเป็นว่าทำก็แล้วกัน
ถึงผมอยากจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมมากแค่ไหนก็เถอะ
แต่ถ้าดวงแก้วมันแตกขึ้นมามันก็ไม่คุ้มกันเท่าไหร่นะ
“ผมตกลงครับ ผมจะทำหน้าที่นี้ และผมจะไม่มีวันเสียใจกับสิ่งที่ได้เลือกไปแล้ว”
หลังจากที่ผมคิดอย่างละเอียดดูแล้ว
ผมจึงเอ่ยตอบชายที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ไปอย่างมั่นคง
“ดียิ่ง...เจ้าจงรักษาและจำคำพูดของตัวเองเอาไว้ให้ดี...
เอาละ ในเมื่อเจ้าก็ยอมรับหน้าที่นี้แล้ว
และพยานทั้งหมดซึ่งก็คือเหล่าชาวสวรรค์ทั้งหลายก็ได้รับรู้และได้ยินเรื่องนี้เรียบร้อยแล้วด้วย”
หลังจากที่ชายคนเดิมเอ่ยว่าชาวสวรรค์ทุกคนรับรู้เรื่องนี้แล้ว ผมก็อดตกใจไม่ได้ว่าทำไมข่าวสารทที่นี่ถึงไปไวขนาดนี้ อย่างกับว่ากำลังถ่ายทอดสดอย่างงั้นแหละ
“เอาหละในเมื่อได้ข้อสรุปแล้วก็อย่าได้เสียเวลาไปมากกว่านี้เลย ข้าก็ขอปิดการประชุมเพียงเท่านี้ ทุกคนแยกย้ายได้...ยกเว้นเจ้าคนเดียวนะอรัญ” ชายที่นั่งอยู่บนบัลลังก์พูดขึ้นอีกครั้งก่อนที่ทัศนิภาพรอบๆค่อยๆเปลี่ยนแปลงไปทีละนิด จนรอบข้างกลายเป็นผืนป่าสีเขียวขจีล้อมรอบทุ่งหญ้าสีทองซึ่งอรัญและชายคนนั้นยืนอยู่ ตรงกางทุ่งหญ้าก็มีสระน้ำขนาดใหญ่อยู่
“ถึงแล้ว ที่นี่ละที่ข้าจะใช้ส่งเจ้าลงไปเกิดยังโลกมนุษย์
แต่ก่อนไปข้าจะให้พรเจ้าสักข้อสองข้อแล้วกัน หนึ่งเจ้าจะสามารถสื่อสารกับสัตว์ได้ทุกประเภทไม่ว่าจะเป็นสัตว์อสูรหรือสัตว์ธรรมดา
และสองเจ้าจะสามารถควบคุมและสื่อสารกับต้นไม้ได้ทุกชนิด ยกเว้นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์กับต้นไม้ที่มีเทพหรือวิญญาณสิงสถิตอยู่เท่านั้น
ส่วนเรื่องครอบครัวใหม่ของเจ้าก็คงต้องแล้วแต่กงล้อแห่งโชคชะตาจะกำหนดแล้วหละ”
หลังจากที่ชายคนนั้นพูดจบร่างของอรัญก็ถูกแสงที่ส่องออกมาจากสระน้ำดึงลงไป
เมื่อแสงกับอรัญหายไปได้ไม่นานนัก ก็มีชายชราคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นที่ด้านข้างสระน้ำ
ในมือของชายชรามีด้ายสีแดงเส้นยาวอยู่หลายเส้น
“อ่าว นี่ข้ามาช้าไปเหรอเนี่ย
กะว่าจะมาบอกเรื่องเนื้อคู้ของเจ้าหนูนั่นสักหน่อย เฮ้อ...”
“ไม่เป็นไรหรอกท่าน‘เฒ่าจันทรา’ หากเป็นเนื้อคู้กันแล้ว...สักวันบุพเพสันนิวาสจะชักน้ำหญิงผู้นั้นให้มาพบกับเขาแน่นอน”
ชายคนนั้นพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงมั่นใจ
“ท่านเข้าใจผิดแล้วขอรับท่าน‘เง็กเซียนฮ่องเต้’
คู้ของเด็กหนุ่มผู้นี้หาใช่สตรีไม่ แต่กลับเป็นบุรุษถึงสามคน
แถมหนึ่งในนั้นยังเป็น‘จินลู่’ซะด้วย
ความคิดเห็น