ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักเร่

    ลำดับตอนที่ #32 : Special Gamble

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.08K
      54
      28 ก.พ. 59


    Gamble 




    ผมไม่เคยคิดว่าการตื่นเช้าจะเป็นอุปสรรคพอ ๆ กับการลุกจากเตียงหลังจากวันที่มีเซ็กส์ ผมไม่ใช่คนที่มีความปรารถนาสูงจนไม่รู้จักควบคุมตัวเอง ขณะเดียวกัน ก็ไม่มีใครให้ความรู้สึกกระหายอยากยามมีสัมพันธ์ด้วยไม่จบไม่สิ้นอย่างเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนมาก่อน

    สอง หรือไม่ก็สามรอบเท่านั้นก่อนคนในอ้อมแขนจะขอร้องผมด้วยท่าทางเหมือนลูกแมวให้หยุด แม้ใจไม่อยากทำตาม แต่พอสบเข้ากับดวงตาเว้าวอนในแบบที่ไม่เคยเห็นก็ต้องยอมแพ้ 

    นั่นเป็นครั้งแรกที่ทำให้ผมรู้จักคำว่า make love ไม่ใช่แค่ sex อย่างที่แล้ว ๆ มา


    “อือ....” 

    เสียงของคนในอ้อมแขนครางเมื่อผมใช้มือสากวางข้างแก้มตอบ พลางไล้ปลายนิ้วหัวแม่มือลงบนกลีบปากที่ช้ำเจ่อตั้งแต่เมื่อคืน ขนตายาวเป็นแพจนเห็นเงาทอดบนผิวหน้าเนียนกระพริบปริบก่อนปรือเปิดขึ้นยากลำบาก เผยให้เห็นดวงตาสีอ่อนติดจะงัวเงียของลูกเสี้ยวอิตาลีที่สะท้อนภาพใบหน้าของผม ก่อนเจ้าของโครงหน้าคมจะผลักอกเปลือยของผมแทบจะในทันทีที่ได้สติ


    “ตกใจอะไร”

    ผมถาม พลางดึงข้อมือขาวออกจากอกขึ้นมาไล่จูบตามข้อนิ้ว นักแสดงหนุ่มถึงกับหน้าแดงก่ำรับอรุณ ก่อนเบือนหน้าหนี ร่างในอ้อมแขนทำท่าจะลุกแต่กลับมุ่ยหน้าทันทีที่ขยับ สุดท้ายก็เลยต้องยอมนอนนิ่ง ๆ ให้ผมกอดอยู่นานสองนาน


    ไม่มีคำพูดระหว่างผมกับมิน มีเพียงความรู้สึกไม่พอใจนิด ๆ ที่ส่งออกมา กระนั้นในช่วงสายของวันหยุด ผมก็ไม่เห็นความจำเป็นที่จะต้องลุกไปที่อื่น


    “ตี๋....” เสียงกระซิบดังขึ้นจากเพื่อนร่วมเตียง ผมส่งเสียงถามในลำคอนิดเดียวภูมินทร์ก็ถามต่อ “...เมื่อคืนใส่ถุงหรือเปล่า?”

    “อะไร? ไม่รู้ตัวเลยเหรอ?”

    “ไม่ได้สังเกตโว้ย”

    “ปกติเวลาทำคนอื่นใส่หรือเปล่า?”

    ผมถามกลับ คราวนี้คนในอ้อมแขนผมเงียบไปอึดใจ จากประสบการณ์การจูบและผ่อนลมหายใจไม่ให้ร่างกายเครียดตึงเกินไปทำให้ผมรู้โดยปริยายว่าภูมินทร์สันทัดในเรื่องอย่างว่าขนาดไหน ถึงในใจจะขุ่นมัวแต่หลังจากการสอดใส่ก็รู้ในทันทีว่าเป็นผมเองที่มีสิทธิในร่างกายนี้อย่างลึกซึ้งเป็นคนแรก สิงห์คะนองเตียงถึงกับเปลี่ยนสภาพเป็นลูกแมวตกน้ำ ทั้งหวาดกลัวและเคอะเขินอย่างปิดไม่มิด จนความขุ่นใจที่เคยมีถูกปัดเป่าไปจนเกลี้ยงเกลา เหลือเพียงความอิ่มเอมเมื่อได้ผสานรวมเป็นหนึ่งกับคนรักอย่างไม่รู้สึกตะขิดตะขวง

    ภูมินทร์ส่งเสียงจิ๊จ๊ะ ขยับตัวออกห่างอกผมเพียงเล็กน้อยพลางเอ่ยเสียงสะบัด “ถึงกูมั่วแต่กูไม่โง่นะโว้ย ใครแม่งจะเสี่ยงเอดส์วะ”

    “งั้นจะกังวลอะไร ฉันก็บริจาคเลือดทุกเดือน จะสดไม่สดต้องกังวลด้วยเหรอ”

    “พูดงี้แปลว่ามึงเสียบสดใช่ไหม?”

    ผมไหวไหล่ คนในอ้อมแขนเลยหันมาชกเสียจนดังอึก “กูว่าแล้วว่าที่เหนอะ ๆ อยู่ไม่ใช่แค่คราบเจล ไอ้เชี่ยตี๋ ไอ้มักง่าย! แตกในด้วยใช่ไหม!”

    “เอาออกไม่ทัน”

    ภูมินทร์ทุบไหล่ผมอีกหลายที ด้วยแรงไม่ใช่น้อย ๆ ทำเอาผมเจ็บจริงเลยต้องรวบข้อมือมันขึ้นสูงแล้วปิดปากขี้โวยวายด้วยปากตัวเอง ภูมินทร์ดิ้นสะบัดอีกพักใหญ่ ก่อนจะเปลี่ยนเป็นโอนอ่อนเมื่อผมง้อด้วยจูบหวาน ๆ พักใหญ่ก็ปล่อยมือที่พันธนาการอีกฝ่ายไว้ เปลี่ยนมาเป็นลูบไล้เอวคอดกิ่วและเลื้อยต่ำลง


    “ยะ...อย่า....”

    “หืม?”

    “มันเจ็บ”

    ผมถอนหายใจเบา ๆ ก่อนพยักหน้าเข้าใจ เปลี่ยนจากที่จูบปากมาเหนือคิ้วโก่งสีเดียวกันกับเรือนผม ก่อนสะบัดผ้านวมลุกเข้าห้องน้ำไปจัดการกับอะไร ๆ ที่คั่งค้างอยู่ก่อนรองน้ำอุ่นทิ้งไว้ให้อีกฝ่ายเข้ามาอาบคลายกล้ามเนื้อ 

    ผมเข้าใจ ไม่ใช่พยายามเข้าใจ แต่เข้าใจจริง ๆ ว่าสำหรับครั้งแรกมันค่อนข้างจะหนักหนาสาหัสมากแค่ไหน ขืนดึงดันเอาแต่ใจตัวเองไม่นึกถึงอีกฝ่ายมีหวังได้ป่วยกันไปตามระเบียบ ไม่ใช่ผมไม่มีเวลาดูแลมิน แต่ไม่อยากให้มันป่วย ไม่ได้กลัวเรื่องที่มินจะต้องหยุดงาน แต่กลับไปที่เหตุผลเดิมคือผมไม่อยากให้มันป่วย ทว่าดูเหมือนคนที่ถูกทิ้งไว้บนเตียงไม่ได้รู้สึกอย่างนั้น เพราะหลังจากผมอาบน้ำแปรงฟันเสร็จ ก็เห็นนักแสดงหนุ่มนั่งเม้มปากหูตาแดงอยู่บนเตียง พอเดินเข้าไปหา ยังไม่ทันได้ถามว่าเป็นอะไรก็โดนแขนยาวรวบไปกอดไว้ทั้งตัว


    “อย่าขี้งอนนักดิวะ กูเจ็บจริงๆนี่...”

    ผมแกะมือเหนียวออกมากุมไว้แล้วคุกเข่า มองน้ำหยดใสที่เอ่ออยู่ในกรอบตาที่สะท้อนถึงความกังวลออกมาชัดเจนแล้วนึกขำระคนสงสาร ไม่สามารถนึกภาพมินเวลาอยู่กับคนรักเก่าได้เลยแม้แต่น้อย ทั้งปากร้าย ขี้โวยวาย มิหนำซ้ำยังขี้แงเป็นเด็ก ๆ มองมุมไหนมันน่ารักน่ากอดมากกว่าใคร

    ผมใช้สองมือโยกหัวทุยไปมา เผยรอยยิ้มที่ซ่อนไว้เมื่อรู้สึกอุ่นวาบในใจอย่างอ่อนโยน “อย่าคิดมาก ไม่ได้โกรธ ไปอาบน้ำได้แล้ว เดี๋ยวทำกับข้าวไว้ให้”

    ภูมินทร์พยักหน้าแต่โดยดี ผมเลยถือโอกาสชะโงกไปหอมแก้มใสแล้วปลีกตัวไปด้านนอก คอนโดภูมินทร์มีเครื่องครัวพร้อมสรรพ แต่ของสดในตู้เย็นกลับมีน้อยจนไม่น่าเชื่อ ภายในตู้เย็นมีแค่นมสดกับซีเรียล ผมเลยถือวิสาสะหยิบชุดลำลองในตู้มาสวมพร้อมคว้าคีย์การ์ดและกุญแจห้องออกไปข้างนอก อย่างน้อยมินิมาร์ทข้างล่างน่าจะมีไข่และไส้กรอกสำหรับทำมื้อเช้าบ้าง

    คอนโดที่มินอยู่เป็นคอนโดเดียวกับไอ้กันต์ ห้องที่อยู่ก็ติดกับไอ้กันต์ สืบสาวราวเรื่องถึงได้รู้ว่าเป็นคอนโดที่มินซื้อต่อจากพี่สาวที่เป็นแฟนเก่ากันต์ ผมคลับคล้ายคลับคลาว่าช่วงเปลี่ยนถ่ายระหว่างผู้ชายกลับไปเป็นเกย์ของไอ้กันต์เมื่อราวปีก่อนมันเคยเล่าให้ฟังว่าน้องชายพี่เมก็เป็นหนึ่งในตัวร่วมขบวนการทำมันเขวไปกับผู้ชายด้วย แต่ยังไม่ทันได้คาดคั้นอะไร มินก็ทำท่าง้องแง้งไม่อยากให้ถามถึงอดีตเสียก่อน ผมโอเคนะ แฟร์ ๆ ตัวเองก็ใช่บริสุทธิ์ผุดผ่องอะไร เผลอ ๆ มีอดีตที่จะกลายเป็นเรื่องทำร้ายความรู้สึกอีกฝ่ายมากกว่าเสียอีก ดังนั้นถ้ามันยืนยันว่ารัก ตอนนี้ผมก็เชื่อว่ามันรัก และรัก มากกว่าใคร ๆ ในชีวิตที่ผ่านมาของมัน
    ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะความรู้สึกที่ได้ครอบครองมันจริง ๆ จัง ๆ เสียทีก็ได้


    “พี่ใหญ่!” 

    เสียงเล็กแหลมของหญิงสาวดังขึ้นจากด้านหลัง เจ้าของใบหน้าเคยคุ้นที่เปลี่ยนจากเด็กเล็กเป็นสาวน้อยบานสะพรั่งยิ้มแป้นเหมือนทุกครั้งที่เจอปรากฏหลังเชลเตอร์ที่วางขายขนมปัง “มาทำอะไร?”


    “มาห้องเพื่อน กานต์ล่ะ?”

    “กานต์อยู่คอนโด ห้องพี่กันต์ไง”

    “อ้อ เข้ามหาลัยแล้วนี่เนอะ ไม่ได้เจอไอ้กันต์เลยช่วงนี้ งานที่ร้านยุ่ง ๆ มันสบายดีไหม?”

    “ยุ่งงานหรือยุ่งคนคะ?” น้องสาวเพื่อนสนิทเอ่ยล้อ ใบหน้าสวยพราวเสน่ห์ฉายแววขบขัน ผมเลยหัวเราะกลบเกลื่อน ถ้าไม่เจอมินผมว่ากานต์ก็น่าสนใจทีเดียว พอโตแล้วผิดกับภาพในความทรงจำลิบ “มีแซวนะ”

    “อ้าว ก็จริงนี่ ไม่เห็นจะรู้มาก่อนว่าเป็น โรงเรียนนี้นี่เขายังไงนะ พี่กันต์พี่เอิร์ธก็คู่นึง นี่พี่ใหญ่ของกานต์ก็เป็นกับเขาอีกคน”

    “พอเลย ยัยตัวดี ที่ถามไม่ตอบ มาตอบอะไรที่ไม่ได้ถาม ไอ้กันต์เป็นยังไง ยังรักกับแฟนดีหรือเปล่า?”

    ชนากานต์พยักหน้ารัว ถือวิสาสะวางขนมในมือลงตะกร้าผมหน้าตาเฉย “วันนี้พี่กันต์มานะ กานต์เลยซื้อขนมไปตุนไว้ก่อน เดี๋ยวไม่มีอะไรกินก็มาบ่นอีก”

    “อ้าวเหรอ? มันมาทำอะไรน่ะ”

    “ซ่อมทีวีให้กานต์อ่า ดูไม่ได้มาสองสามวันแล้ว” ผมพยักหน้าพลางหยิบแฮมกับไข่ลงตะกร้า “มากี่โมง?” 

    “คงจะเที่ยงค่ะ แล้วนี่พี่ใหญ่จะทำกับข้าวเหรอ?”

    “อืม ถ้าเสร็จแล้วเดี๋ยวแบ่งไปให้”

    ชนากานต์ยิ้มรับตาปิด เมื่อได้วัตถุดิบครบแล้วผมจึงเดินไปจ่ายเงินก่อนพากันกลับขึ้นมาชั้นบน ผมกับน้องสาวเพื่อนสนิทแยกกันหน้าประตูห้อง และเมื่อกลับเข้ามาในห้องที่ถูกเปิดแอร์จนเย็นฉ่ำก็อดชะเง้อคอมองมินไม่ได้ว่าออกมาจากห้องน้ำแล้วหรือยัง เจ้าของร่างสมส่วนเปลือยท่อนบนสวมแค่กางเกงขาสั้นนอนกอดผ้านวมที่ลากมาจากในห้องปรายตามองผมก่อนกดสวิตซ์รีโมทให้ปิด “ไปไหนมา”

    “ซื้อของ หิวหรือยัง”

    “นิดหน่อย จะทำอะไรอะ?”

    “อเมริกันเบรคฟาสต์ ไปใส่เสื้อผ้าดี ๆ ไป เปิดแอร์หนาวขนาดนี้เดี๋ยวก็ไม่สบาย”

    คนถูกสั่งไหวไหล่ ปีนขึ้นจากพื้นมานั่งบนโซฟาพลางซุกตัวกับผ้าผืนหนา ความลับอย่างหนึ่งที่ผมคิดว่าหลายคนคงรู้คือมินเป็นผู้ชายติดผ้าห่ม ติดขนาดที่ไม่ว่าเมื่อไรก็ตามที่อยู่บ้านต้องลากไปลากมา ผมยิ้มให้ภาพตรงหน้าอีกครั้งแต่ไม่รบเร้าให้มันทำตาม สุดท้ายเลยปลีกตัวมาทอดไข่ และแฮมให้มินพร้อมกับขนมปังปิ้งทาเนยบาง ๆ บนจานขนาดใหญ่

    ภูมินทร์ทำจมูกฟุดฟิด ก่อนขมวดคิ้วเมื่อเห็นผมแบ่งเป็นสามจานก่อนลุกจากโซฟามากอดผมจากด้านหลังพลางใช้คางเกยบ่า 

    “ทำเผื่อใคร?”

    “เอาไปฝากกานต์น่ะ น้องสาวกันต์ข้าง ๆ ห้อง รู้จักใช่ไหม?”

    “เคยได้ยินชื่อแต่ยังไม่เจอหน้า”

    ผมพยักหน้าก่อนหันไปจูบที่ปากมันเบา ๆ แล้ววางหนึ่งในสามใบใส่มือ “ไปนั่งกินได้แล้วเดี๋ยวฉันยกไปให้กานต์แล้วกลับมา”

    “ไม่เอา จะกินก็กินพร้อมกันดิ” 

    “ไม่หิวเหรอ?”

    “อยากกินพร้อมแฟน”

    ผมหัวเราะร่วนเมื่อประโยคนั้นของเด็กดื้อจบลง หลัง ๆ มันยังเกเรเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน แต่ที่ไม่เหมือนเดิมคงเป็นผม ผมที่ยอมโอนอ่อนให้มันเอาแต่ใจตัวเองมากขึ้นทุกที นักแสดงหนุ่มพลิกตัวหันหลังกลับไปที่โซฟา เปิดโทรทัศน์ช่องการ์ตูนเน็ตเวิร์คของมันต่อผมเลยต้องรีบแขวนผ้าคลุมเข้าที่ก่อนยกจานที่แบ่งไว้ให้กานต์ไปเคาะประตูห้องข้าง ๆ ชนากานต์สวมชุดลำลองสบาย ๆ เหมือนที่เจอกันใต้คอนโด ผมรวบตึงเป็นหางม้าไปด้านหลัง 


    “เอามาฝาก”

    “ขอบคุณค่ะ ถ้าพี่กันต์มาจะให้ไปเรียกหรือเปล่า?”

    ผมทำท่าคิดก่อนตอบปฏิเสธคาดว่ามินคงไม่อยากเจอใครตอนนี้ แล้วปลีกตัวกลับไปที่ห้อง คนที่บอกจะรอกินข้าวด้วยกันนอนตาปรือจนเกือบหลับ ผมเลยเดินไปกระตุกผ้าห่มให้ออกจากตัวที่เต็มไปด้วยร่องรอยที่ถูกฝากไว้เมื่อคืน เจ้าของตาคมตระหนกในทีแรกก่อนสะบัดมองอย่างไม่สบอารมณ์ในเวลาถัดมา


    “เอาคืนมา”

    “เดี๋ยวก็หลับอีก ไปกินข้าวก่อน”

    “เอาจานมากินตรงนี้ก็ได้”

    “เดี๋ยวผ้าก็เปื้อนหมด ลุกมากินดี ๆ แป๊บเดียว”

    ผมไม่พูดเปล่า คว้าข้อศอกขาวให้ลุกขึ้นยืนอย่างเกียจคร้านก่อนดันสะบักเอวสมส่วนไปด้านหน้า มินเป็นคนหุ่นดี ไม่ผอมแห้ง ไม่บึกบึน ส่วนที่เซ็กซี่ที่สุดของมันนอกจากไหปาร้าบนลาดไหล่กว้างผมก็คิดว่าร่องวีเชฟจากหน้าท้องที่มีซิกแพคไล่เรียงสวยลงมาใต้กางเกงขาสั้น ผมกวาดตามองเรือนร่างได้รูปสวยอย่างไม่รู้จักเบื่อจนอีกฝ่ายกระแอมไอ


    “มองอยู่ได้”

    “ก็เมียหุ่นดี”

    “ไอ้เหี้ยตี๋ มึงพูดว่าไร!”

    “ไม่ชอบ?”

    “ไม่ชอบ!”

    ผมหัวเราะกับท่าทางหัวเสียของมันก่อนรับปากว่าจะไม่เรียกอีก คนขี้หงุดหงิดถึงยอมคลายสีหน้าลง ริมฝีปากได้รูปเคี้ยวขนมปังตุ้ย ๆ หลังจากอิ่มจนพุงกางก็คว้าเอาผ้าห่มของตัวเองไปนอนกอดหน้าทีวีต่อ ส่วนผมนอกจากทำแล้วก็ยังต้องเก็บล้าง โดยมีเสียงตะโกนแว่วจากเจ้าของห้องบอกมาว่าจะทำสปาเก็ตตี้ให้กินมื้อเย็นชดเชยให้แทน

    ผมผิวปากอารมณ์ดีก่อนเสียงกดออดหน้าห้องจะดังขึ้นพอดีกับที่ล้างจานเสร็จ ภูมินทร์หลับไปแล้วผมเลยถือวิสาสะไปส่องตาแมว ทันทีที่เห็นว่าใครมาเยี่ยมก็เดินไปปลุกเจ้าของห้องให้ไปแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนเปิดประตูต้อนรับเพื่อนเก่า


    “ว่าไงคู่ข้าวใหม่ปลามัน”

    ผมชูนิ้วกลางให้แล้วล็อกคอไอ้กันต์เข้ามา คนที่ยืนอยู่ด้านหลังผงกหัวให้เมื่อผมพุ่มมือไหว้ลวก ๆ ก่อนเดินตามแฟนตัวเองมาติด ๆ “มินล่ะ?”

    “มาทำเชี่ยอะไรกันเนี่ย วันนี้วันหยุดกูนะ”

    เสียงสบถดังขึ้นก่อนเจ้าของตัวจะปรากฎร่างด้วยซ้ำ อติวิชญ์ปรายตามองภูมินทร์แล้วหันมาสบตาแฟนมันอย่างมีเลศนัย “ก็บอกแล้ว”

    “กูก็นึกว่ามึงจะเล่นตัวกันอีกสักหน่อย ได้กันแล้วใช่มั้ยเนี่ย ไอ้ห่า กูเสียพนันพี่เอิร์ธเลย”

    “พนันอะไร?”

    “พี่เอิร์ธอะดิ บอกว่าไอ้ใหญ่ฟาดมึงแล้ว กูก็อุตส่าห์เถียงให้” ชนกันต์พูดพลางไหวไหล่ลาดเซ็ง ๆ ขณะที่คู่สนทนามันหน้าแดงแปร๊ด ภูมินทร์กระแอมไอเล็กน้อยก่อนกอดอกทำหน้าเครียด


    “อย่างกูน่ะเหรอจะเสร็จไอ้ตี๋มัน”

    คนหลุดขำคนแรกคือพี่เอิร์ธ เจ้าของห้องถึงกับเหวี่ยงค้อนวงใหญ่ไปให้ขณะที่ชนกันต์อ้าปากหวอมองกลับมาที่ผม “จริงดิ? ไอ้ใหญ่...มึงเป็นรับ??????”

    “เชื่อมินเหรอ”

    ทันทีที่ผมตอบคู่รักผู้บุกรุกถึงกับหัวเราะร่วน ภูมินทร์หน้าแดงลงมาจนถึงคอที่มีรอยจูบระตามแอ่งชีพจรประปราย มือขาวผลักพี่เอิร์ธกับกันต์ออกไปนอกห้องก่อนดึงประตูปิดดังปัง ตาคมสะบัดมองผมก่อนผลักไปทีโซฟาด้วยอารมณ์ที่พุ่งพล่าน
    ทั้งโกรธ ทั้งอาย

    ผมนอนเฉยๆขณะที่คนเก่งไซ้จูบไปตามกกหูและซอกคอ ไม่นานจากนั้นก็ดึงเสื้อผมหลุดไปจากท่อนแขน 


    “วันนี้มึงไม่โดนกูอย่าเรียกกูว่าภูมินทร์!”

    ถึงมินจะโมโห แต่ผมกลับยิ้ม ริมฝีปากได้รูปสวยโน้มลงมาบดขยี้ ขณะที่ปลายนิ้วนิ่มนวดเค้นบีบคลึงไปตามมัดกล้ามของผมอย่างย่ามใจ ผมเอียงคอซุกจมูกไปยังกกหูที่มีเส้นผมยาวระลงมาจนถึงข้างแก้มก่อนกระซิบเสียงเบา

    “เป็นของฉันมันน่าเสียใจมากเลยเหรอ?”


    คนที่นั่งอยู่เบื้องบนหยุดชะงัก ผมใช้จังหวะนั้นขบกัดเบาๆที่ติ่งหูนุ่ม “....ฉันออกจะรักนายขนาดนี้”

    “ห...หุบปาก!”

    “ฉันรักนาย”

    ผมยิ้มตอนที่กระซิบ ก่อนจะค่อย ๆ พลิกอีกฝ่ายลงนอนแนบบนโซฟาหน้าทีวี ไล่จมูกสันเกลี่ยดอมดมอยู่ช้างแก้ม ขณะที่ปัดริมฝีปากผ่านกลีบปากสีสวยเพียงผะแผ่ว “ฉันรักนาย...”


    “อ๊ะ!”

    แผ่นอกกว้างแอ่นสู้มือเมื่อผมคลึงปลายนิ้วลงบนยอดอก ใช้ลิ้นอุ่นช่วงชิงกลีบปากที่เผยอออกด้วยอารมณ์ที่พุ่งพล่าน บรรยายล้านคำรักออกมาด้วยถ้อยคำและลมหายใจ



    “ฉันรักนาย”

    เพียงเท่านี้ลูกเสือน้อยก็อ่อนระทวยอยู่ในกำมือ


    “ฮ......ใหญ่.....ใหญ่........”



    END

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×