ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ความรู้!

    ลำดับตอนที่ #316 : การฆ่าคน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 327
      0
      20 มี.ค. 52

    การฆ่าคน (murder) เป็นการกระทำให้มนุษย์ถึงแก่ความตาย จัดเป็นอาชญากรรมประเภทหนึ่ง ทางนิติศาสตร์แบ่งเป็นสองประเภท คือ การทำให้คนตายโดยเจตนา (homicide) และการทำให้คนตายโดยไม่เจตนา (manslaughter) การฆ่าคนทั้งสองประเภท ผู้กระทำต้องระวางโทษหนักหรือเบาตามกฎหมายแล้วแต่กรณี"การฆ่าคน" และ "ฆาตกรรม"

    คำว่า "การฆ่าคน" เป็นศัพท์บัญญัติของราชบัณฑิตยสถาน ให้ใช้แทนคำภาษาอังกฤษว่า "murder"[1]

    ส่วน "ฆาตกรรม" มีความหมายตามพจนานุกรมมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 ว่า "การฆ่าคน" แต่มิใช่ศัพท์บัญญัติที่ทางราชการมุ่งหมายให้ใช้อย่างเป็นทางการ[2] ทั้งนี้ "ฆาตกรรม" เป็นคำสมาสระหว่างคำ "ฆาต" (บาลี. ตี, ฟาด, ฟัน, ฆ่า, ทำลาย) + "กรรม" มีความหมายตามอักษรว่า การตี, การฟาด, การฟัน, การฆ่า, การทำลาย ผู้กระทำฆาตกรรมเรียกว่า "ฆาตกร"

    ปัจจุบันมีการใช้คำ "ฆาตกรรม" คละไปกับคำ "การฆ่าคน" ทั้งนี้ คำทั้งสองมีความหมายเดียวกันดังข้างต้น

    [แก้] ภูมิหลังเกี่ยวกับการฆ่าคน

    การถือว่าการฆ่าคนเป็นความผิดอาญา ปรากฏเป็นครั้งแรกสุดในประมวลกฎหมายพระเจ้าเออร์-นัมมู (Ur-Nammu) กษัตริย์ชาวสุเมเรียน โดยประมวลกฎหมายดังกล่าวตราขึ้นในระหว่างประมาณ 2100 ปีถึง 2050 ปีก่อน ค.ศ. มาตราหนึ่งบัญญัติไว้ว่า "ผู้ใดกระทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายแล้วไซร้ ผู้นั้นต้องระวางโทษประหารชีวิต"

    ในศาสนาเอบราฮัม (Abragamic Religions) การฆ่าคนถือเป็นสิ่งต้องห้าม โดยปรากฏอยู่ในบัญญัติ 10 ประการที่พระเจ้ามอบแก่โมเสสบนยอดเขาเซนาย[3] [4]

    ตามกฎหมายจารีตประเพณีของอังกฤษ การฆ่าคนถือเป็นความผิดสาธารณะ (public wrong) [5]

    [แก้] นิยามทางนิติศาสตร์

    นิยามของ "การฆ่าคน" นั้น ประเทศที่ใช้กฎหมายจารีตประเพณีเช่นประเทศอังกฤษเห็นว่า ไม่จำเป็นต้องเขียนเอาไว้ตายตัว เพียงรับรู้กันว่าเป็นความผิดอุกฉกรรจ์ก็เพียงพอแล้ว และในกรณีเช่นนี้ คำตัดสินก่อน ๆ ของศาลมักใช้เป็นที่พิจารณาว่าการฆ่าคนตามกฎหมายจารีตประเพณีนั้นถือเอาการกระทำเช่นไรบ้าง ส่วนประเทศที่ใช้ประมวลกฎหมายเช่นประเทศไทยมักมีการบัญญัตินิยามของ "การฆ่าคน" เอาไว้อย่างตายตัว และนิยามอาจแก้ไขได้ขึ้นอยู่กับสภาวะแวดล้อมที่เป็นไป

    [แก้] องค์ประกอบขั้นพื้นฐานของการฆ่าคน

    การฆ่าคนพิจารณาจากองค์ประกอบขั้นพื้นฐานสองประการดังต่อไปนี้

    1. การฆ่าคนนั้นเป็นการกระทำอันจะเป็นความผิดอาญา (actus reus)

    2. การฆ่าคนนั้นเป็นไปเพราะมีเจตนาร้าย (mens rea) พิจารณาจากวัตถุประสงค์ ความจงใจ ความหวังผลร้าย การไตร่ตรองไว้ล่วงหน้า และ/หรือการปราศจากความระมัดระวังหรือยับยั้งชั่งใจ (wanton)

    ทั้งนี้ โดยทั่วไป ความหวังผลร้ายมักไม่ใช้พิจารณาเป็นองค์ประกอบข้างต้นสักเท่าใด เนื่องด้วยถือว่าความจงใจที่จะฆ่าคนนั้นย่อมเกิดจากความหวังผลร้ายอยู่แล้ว และบางครั้งในการฆ่าคนที่เกิดจากการขาดความยับยั้งชั่งใจหรือในหรือคดีอุกฉกรรจ์บางประเภท ก็ถือไปโดยปริยายว่าย่อมเกิดจากความหวังผลร้ายอยู่แล้ว

    [แก้] ข้อพิจารณาเพิ่มเติม

    1. การฆ่าคนโดยไม่เจตนาหรือไม่ได้หวังผลร้าย มักถือว่าเป็นการทำให้คนตายโดยไม่เจตนา

    2. การฆ่าคนโดยชอบด้วยกฎหมาย (เช่น การประหารชีวิต หรือการทำให้คนตายโดยคำสั่งของผู้บังคับบัญชา) และการทำคนตายโดยอุบัติเหตุ ถือเป็นการทำให้คนตายโดยเจตนา ทั้งนี้ การกระทำดังกล่าวจะเป็นความผิดหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับสภาวะแวดล้อมแล้วแต่กรณี เป็นต้นว่า

    • คำพิพากษาของศาลให้ลงโทษประหารชีวิตเป็นการสั่งให้ฆ่าคน แต่ไม่มีความผิดเนื่องจากเป็นวิถีทางที่ถูกต้องแห่งกฎหมาย (due process of law)
    • การฆ่าปรปักษ์ (combatant) โดยคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายที่มีขึ้นในระหว่างภาวะสงคราม รวมตลอดถึงการฆ่าที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายในภาวะสงคราม อาจถือเป็นการฆ่าคน และอาจถือเป็นอาชญากรรมสงคราม (แต่จะมีโทษหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับสภาวะแวดล้อมแล้วแต่กรณี)

    3. ในสังคมหลายภาคส่วนของโลก การฆ่าตัวตายไม่ถือว่าเป็นการฆ่าคน เนื่องจากจำเลยและผู้เสียหายเป็นบุคคลเดียวกัน ทั้งนี้ การสนับสนุนการฆ่าตัวตายอาจถือว่าเป็นความผิดขึ้นอยู่กับสภาวะแวดล้อมแล้วแต่กรณี

    [แก้] ผู้เสียหาย

    ตามกฎหมายถือว่า ผู้เสียหายต้องเป็นมนุษย์เท่านั้น และต้องเป็นผู้ที่มีชีวิตอยู่ในระหว่างที่มีความผิดเกิดขึ้น

    ศาลบางแห่งของบางประเทศถือว่าการสังหารตัวอ่อนในครรภ์หรือทารกในครรภ์มีความผิดคนละสถานกับความผิดในการฆ่าคนตาย เช่น ความผิดฐานทำให้ครรภ์แท้งอย่างผิดกฎหมาย หรือความผิดฐานฆ่าทารกในครรภ์

    [แก้] เหตุบรรเทาโทษ

    ในบางประเทศกำหนดให้บุคคลไม่สมประกอบซึ่งกระทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายได้รับการบรรเทาโทษ หรือให้ถือว่าเป็นการทำให้คนตายโดยไม่เจตนา

    ความไม่สมประกอบข้างต้น เป็นต้นว่า ภาวะซึมเศร้า (depression) ภาวะเครียด (stress) และผลข้างเคียงของการใช้ยาบางประเภท

    [แก้] ความวิกลจริต

    จำเลยในคดีฆ่าคนอาจไม่ต้องถูกสอบสวนหรืออาจไม่ต้องรับโทษ หากพบว่าจำเลยวิกลจริต เป็นต้นว่า ป่วยเป็นโรคจิตพิการ (mental disorder) โรคจิตเภท (schizophrenia) หรือโรคสมองเสื่อม (dementia)

    ในบางประเทศ หากมีการตรวจสอบตามกระบวนการแล้วพบว่าจำเลยวิกลจริตจริง จำเลยอาจอ้างเหตุดังกล่าวเป็นข้อต่อสู้คดีให้ตนพ้นมลทินได้[6] โดยข้อต่อสู้คดีดังกล่าวต้องมีองค์ประกอบดังต่อไปนี้

    (1) อาการวิกลจริตของจำเลยนั้นรุนแรงถึงขนาด หรือ

    (2) ในขณะกระทำความผิด อาการวิกลจริตนั้นกระทำให้สภาวะทางจิตใจของจำเลยไม่อาจรู้ดีรู้ชั่ว

    ตัวอย่างเกี่ยวกับกรณีดังต่อไปนี้ เป็นต้นว่าที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญาแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส ดังต่อไปนี้

    มาตรา 112/1 บุคคล (ผู้กระทำความผิดอาญา) ไม่ต้องรับโทษทางอาญา หากในเมื่อขณะกระทำความผิดนั้นบุคคลดังกล่าวได้ประสบภาวะผิดปรกติทางจิตใจหรือทางระบบประสาท ซึ่งภาวะดังกล่าวกระทำให้บุคคลไม่อาจรู้ดีรู้ชั่วหรือไม่อาจรับรู้ถึงการที่ตนกำลังกระทำอยู่ หรือกระทำให้บุคคลไม่อาจควบคุมการกระทำของตนได้

    "ในระหว่างกระทำความผิดอันมีบุคคลผู้ประสบภาวะผิดปรกติทางจิตใจหรือทางระบบประสาทเป็นผู้กระทำ หากบุคคลนั้นสามารถรั้งความรู้ดีรู้ชั่วเอาไว้ได้ หรือสามารถยับยั้งตนเองไม่ให้กระทำความผิดได้แล้วไซร้ ต้องระวางโทษตามกฎหมาย ทั้งนี้ ในการตัดสินลงโทษ ให้ศาลคำนึงถึงอาการวิกลจริตของผู้นั้นด้วย

    (ARTICLE 122-1. A person is not criminally liable who, when the act was committed, was suffering from a psychological or neuropsychological disorder which destroyed his discernment or his ability to control his actions.

    A person who, at the time he acted, was suffering from a psychological or neuropsychological disorder which reduced his discernment or impeded his ability to control his actions, remains punishable; however, the court shall take this into account when it decides the penalty and determines its regime.) [7]

    ทั้งนี้ จำเลยที่สามารถใช้เหตุดังกล่าวเป็นข้อต่อสู้คดีได้โดยสิ้นเชิง มักไม่ต้องรับโทษจำคุกหรือโทษหนักกว่านั้น หากแต่มักถูกจำกัดอยู่ในสถานบำบัดอาการตามคำสั่งของศาล จนกว่าจะเป็นปรกติแล้วจะได้รับการปล่อยตัวให้กลับคืนสู่สังคมตามเดิมต่อไป

    [แก้] องค์ประกอบที่ถือว่าเป็นการฆ่าคนอันมีโทษตามกฎหมาย

    ตามกฎหมายจารีตประเพณี การฆ่าคนมักเป็นการกระทำโดยเจตนาร้ายอันไตร่ตรองมาก่อน (malice aforethought)

    อย่างไรก็ดี ในทางกฎหมายทั่วไป การฆ่าคนถือว่าเป็นความผิดหากมีองค์ประกอบดังต่อไปนี้

    1) มีจำเลย

    2) พิจารณาสภาพจิตของจำเลย อย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้

    ก) มีความประสงค์จะฆ่าคน ในกรณีนี้ หากพบว่าจำเลยเจตนาใช้อาวุธอันตรายถึงตาย (deadly weapon) กระทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหายหรือถึงแก่ความตาย ก็ให้อนุมานเข้าข่ายว่ามีความประสงค์ตามข้อนี้เช่นกัน อาวุธดังกล่าว เป็นต้นว่า ปืน มีดผาหน้าไม้ หรือรถในกรณีที่เจตนาใช้พุ่งชนผู้อื่น

    ข) มีความประสงค์จะก่อให้เกิดความบาดเจ็บสาหัสแก่ร่างกายของบุคคล (grievous bodily harm)

    ค) การนั้นได้กระทำไปโดยปราศจากความระมัดระวังหรือยับยั้งชั่งใจ หรือไม่อาจควบคุมตนเองได้ (abandoned and malignant heart) เป็นต้นว่า จำเลยรู้ดีว่าการกระทำนั้นเป็นความผิดตามกฎหมาย และรู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ แต่ก็กระทำความผิดนั้นลงไปโดยเพิกเฉยความรับรู้นั้นเสีย หรือได้กระทำไปเพราะระบบการทำงานของร่างกายปฏิเสธความรับรู้นั้นเสีย เช่น ในมลรัฐแคลิฟอร์เนีย ผู้ร้ายฆ่าคนต้องระวางโทษอันดับที่สอง หากความผิดนั้นได้กระทำไปเพราะได้ดื่มแอลกอฮอล์ ยา หรือสารบางประเภท จนทำให้ไม่อาจควบคุมตนเองได้หรือทำให้สติไม่สมปฤดี

    ง) มีความประสงค์จะกระทำความผิดโดยรู้ว่าเป็นความผิดอาญาอุกฉกรรจ์ (felony)

    [แก้] ประเภทของการฆ่าคน

    ที่ชื่อไทยชื่ออังกฤษ
    1. การทำให้คนตายโดยเจตนา (homicide)
    1.1กามาตุรฆาตlust murder
    1.2การฆ่าคนและพลีชีพตนmurder-suicide
    1.3การสังหารหมู่mass murder / massacre
    1.4การุณยฆาต / ปราณีฆาต (ศัพท์แพทยศาสตร์) / แพทยานุเคราะหฆาตeuthanasia / physician-assisted suicide
    1.5ฆาตกรรมต่อเนื่องserial murder
    1.6ฆาตภัตติ / การจ้างวานฆ่าcontract murder
    1.7ปฏินิธิภูตฆาตproxy murder
    1.8พาลกฆาต / การฆ่าเด็กchild murder
    1.9พาหุฐานฆาตspree murder / rampage murder
    1.10มนุสพลี / การบูชายัญด้วยมนุษย์human sacrifice
    1.11ยโศโฆษาฆาต / การฆ่าคนเพราะอัปยศhonour killing
    1.12หนนะ / การลอบสังหารassassination
    1.13อการุณยฆาตtorture murder
    1.14อวินิจฉยทัณฑ์ / การรุมประชาทัณฑ์lynching
    1.15โอกาสกรรมฆาตconsensual homicide / assisted homicide
    2. การทำให้คนตายโดยไม่เจตนา (manslaughter)
    2.1การทำให้คนตายโดยประมาทnegligent homicide
    2.2การทำให้คนตายโดยความประมาทในการขับขี่ยวดยานvehicular homicide
    3. การฆ่าคนที่กฎหมายละเว้นโทษให้ (non-criminal homicide)
    3.1การฆ่าคนโดยไม่ผิดกฎหมายjustifiable homicide
    3.2การประหารชีวิตcapital punishment
    4. การฆ่าคนประเภทอื่น ๆ
    4.1กนิฐฆาต (การฆ่าพี่หรือน้องสาว)sororicide
    4.2กุลฆาต (การล้างตระกูล)familicide
    4.3ขัตติยฆาต (การปลงพระชนม์พระมหากษัตริย์)regicide
    4.4คัพบาต / คัพฆาต (การทำแท้ง)feticide
    4.5ญาติฆาตparricide
    4.6ทารกฆาตinfanticide
    4.7เทวฆาต (การฆ่าเทพ)deicide
    4.8ธีตฆาต (การฆ่าลูกหญิง)filicide
    4.9นิฏฐุปาลกฆาต (การสังหารทรราช)tyrannicide
    4.10ปิตุฆาตpatricide
    4.11พันธุฆาต (การล้างชาติ / การล้างเผ่าพันธุ์)genocide
    4.12ภริดาฆาต (การฆ่าสามี)mariticide
    4.13ภริยาฆาตuxoricide
    4.14ภาดาฆาต ( การฆ่าพี่หรือน้องชาย)fratricide
    4.15มหาปิตุฆาต (การฆ่าลุงหรือน้าชาย)avunculicide
    4.16มาตุฆาตmatricide
    4.17รัฐปาลฆาต (การฆ่าคนโดยคำสั่งของรัฐบาล)democide
    4.18สันตติฆาต (การล้างลูกหลาน)prolicide
    4.19อัตวินิบาตกรรมsuicide
    4.20อิตถีฆาต (การฆ่าสตรี)femicide

    [แก้] ความผิดเกี่ยวกับการฆ่าคนตามกฎหมายไทย

    สามารถจำแนกความผิดเกี่ยวกับการฆ๋าคนตามประมวลกฎหมายอาญาของไทย (ปมอ.) และกฎหมายอื่นของไทยที่เกี่ยวข้องได้ดังต่อไปนี้

    ที่ความผิดโทษกฎหมายและมาตรา
    ประมุขแห่งรัฐ
    1การปลงพระชนม์พระมหากษัตริย์ พระราชินี หรือรัชทายาท หรือฆ่าผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์แห่งประเทศไทย- ประหารชีวิตปมอ. มาตรา 107 วรรคหนึ่ง และมาตรา 109 วรรคหนึ่ง
    2การปลงพระชนม์ราชาธิบดี ราชินี รัชทายาท หรือประมุขแห่งรัฐต่างประเทศ- ประหารชีวิต หรือ
    - จำคุกตลอดชีวิต
    ปมอ. มาตรา 130
    3การพยายามฆ่าบุคคลตามข้อ 1 หรือข้อ 2- โทษเช่นเดียวกับการฆ่าบุคคลนั้นปมอ. มาตรา 107 วรรคสอง มาตรา 109 วรรคสอง และมาตรา 130
    4การเตรียมการปลงพระชนม์พระมหากษัตริย์แห่งประเทศไทย หรือ
    การล่วงรู้ข้อมูลเกี่ยวกับการเตรียมการดังกล่าวแต่ช่วยปกปิดไว้
    - จำคุกตลอดชีวิตปมอ. มาตรา 107 วรรคสาม
    5การเตรียมการปลงพระชนม์พระราชินีหรือรัชทายาท หรือการเตรียมการฆ่าผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์แห่งประเทศไทย หรือ
    การล่วงรู้ข้อมูลเกี่ยวกับการเตรียมการดังกล่าวแต่ช่วยปกปิดไว้
    - จำคุกตั้งแต่ 12-20 ปีปมอ. มาตรา 107 วรรคสาม
    6การสนับสนุนการกระทำความผิดตามข้อ 1 ข้อ 3 ข้อ 4 หรือข้อ 5- โทษเช่นเดียวกับความผิดนั้นปมอ. มาตรา 111
    บุคคล
    7การฆ่าผู้อื่น- ประหารชีวิต หรือ
    - จำคุกตลอดชีวิต หรือ
    - จำคุกตั้งแต่ 15-20 ปี
    ปมอ. มาตรา 288
    8การฆ่า
    - 8.1 บุพการี
    - 8.2 เจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามอำนาจหน้าที่
    - 8.3 ผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงานตาม 8.2
    - 8.4 ผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
    - 8.5 ผู้อื่นอย่างทารุณ
    - 8.6 ผู้อื่นเพื่อให้กระทำความผิดอื่นได้สะดวก
    - 8.7 ปิดปาก
    - 8.8 ผู้อื่นเพื่อรักษาผลประโยชน์ของตน โดยที่ผลประโยชน์นั้นมาจากการกระทำความผิดอื่น
    - 8.9 ผู้อื่นเพื่อหนีความผิด
    - ประหารชีวิตปมอ. มาตรา 289
    9การทำให้คนตายโดยไม่เจตนา- จำคุกตั้งแต่ 3-15 ปีปมอ. มาตรา 290 วรรคหนึ่ง
    10การทำให้เกิดความผิดตามข้อ 8 โดยไม่เจตนา- จำคุกตั้งแต่ 3-20 ปีปมอ. มาตรา 290 วรรคสอง
    11การยุให้บุคคลดังต่อไปนี้ฆ่าตัวตาย
    - เด็กอายุไม่เกินสิบหกปี
    - ผู้ที่ไม่อาจจำแนกได้ว่าการกระทำของตนดีหรือชั่วอย่างไร
    - ผู้ที่ไม่อาจควบคุมตนเองได้ (เช่น ผู้ที่กำลังโกรธ)
    (ถ้าหากบุคคลดังกล่าวได้ฆ่าตัวตายหรือได้พยายามฆ่าตัวตาย จึงจะเป็นความผิดตามข้อนี้)
    - จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ
    - ปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือ
    - ทั้งสองโทษ
    ปมอ. มาตรา 293

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×