คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #316 : การฆ่าคน
การฆ่าคน (murder) เป็นการกระทำให้มนุษย์ถึงแก่ความตาย จัดเป็นอาชญากรรมประเภทหนึ่ง ทางนิติศาสตร์แบ่งเป็นสองประเภท คือ การทำให้คนตายโดยเจตนา (homicide) และการทำให้คนตายโดยไม่เจตนา (manslaughter) การฆ่าคนทั้งสองประเภท ผู้กระทำต้องระวางโทษหนักหรือเบาตามกฎหมายแล้วแต่กรณี"การฆ่าคน" และ "ฆาตกรรม"
คำว่า "การฆ่าคน" เป็นศัพท์บัญญัติของราชบัณฑิตยสถาน ให้ใช้แทนคำภาษาอังกฤษว่า "murder"[1]
ส่วน "ฆาตกรรม" มีความหมายตามพจนานุกรมมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542 ว่า "การฆ่าคน" แต่มิใช่ศัพท์บัญญัติที่ทางราชการมุ่งหมายให้ใช้อย่างเป็นทางการ[2] ทั้งนี้ "ฆาตกรรม" เป็นคำสมาสระหว่างคำ "ฆาต" (บาลี. ตี, ฟาด, ฟัน, ฆ่า, ทำลาย) + "กรรม" มีความหมายตามอักษรว่า การตี, การฟาด, การฟัน, การฆ่า, การทำลาย ผู้กระทำฆาตกรรมเรียกว่า "ฆาตกร"
ปัจจุบันมีการใช้คำ "ฆาตกรรม" คละไปกับคำ "การฆ่าคน" ทั้งนี้ คำทั้งสองมีความหมายเดียวกันดังข้างต้น
[แก้] ภูมิหลังเกี่ยวกับการฆ่าคน
การถือว่าการฆ่าคนเป็นความผิดอาญา ปรากฏเป็นครั้งแรกสุดในประมวลกฎหมายพระเจ้าเออร์-นัมมู (Ur-Nammu) กษัตริย์ชาวสุเมเรียน โดยประมวลกฎหมายดังกล่าวตราขึ้นในระหว่างประมาณ 2100 ปีถึง 2050 ปีก่อน ค.ศ. มาตราหนึ่งบัญญัติไว้ว่า "ผู้ใดกระทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายแล้วไซร้ ผู้นั้นต้องระวางโทษประหารชีวิต"
ในศาสนาเอบราฮัม (Abragamic Religions) การฆ่าคนถือเป็นสิ่งต้องห้าม โดยปรากฏอยู่ในบัญญัติ 10 ประการที่พระเจ้ามอบแก่โมเสสบนยอดเขาเซนาย[3] [4]
ตามกฎหมายจารีตประเพณีของอังกฤษ การฆ่าคนถือเป็นความผิดสาธารณะ (public wrong) [5]
[แก้] นิยามทางนิติศาสตร์
นิยามของ "การฆ่าคน" นั้น ประเทศที่ใช้กฎหมายจารีตประเพณีเช่นประเทศอังกฤษเห็นว่า ไม่จำเป็นต้องเขียนเอาไว้ตายตัว เพียงรับรู้กันว่าเป็นความผิดอุกฉกรรจ์ก็เพียงพอแล้ว และในกรณีเช่นนี้ คำตัดสินก่อน ๆ ของศาลมักใช้เป็นที่พิจารณาว่าการฆ่าคนตามกฎหมายจารีตประเพณีนั้นถือเอาการกระทำเช่นไรบ้าง ส่วนประเทศที่ใช้ประมวลกฎหมายเช่นประเทศไทยมักมีการบัญญัตินิยามของ "การฆ่าคน" เอาไว้อย่างตายตัว และนิยามอาจแก้ไขได้ขึ้นอยู่กับสภาวะแวดล้อมที่เป็นไป
[แก้] องค์ประกอบขั้นพื้นฐานของการฆ่าคน
การฆ่าคนพิจารณาจากองค์ประกอบขั้นพื้นฐานสองประการดังต่อไปนี้
1. การฆ่าคนนั้นเป็นการกระทำอันจะเป็นความผิดอาญา (actus reus)
2. การฆ่าคนนั้นเป็นไปเพราะมีเจตนาร้าย (mens rea) พิจารณาจากวัตถุประสงค์ ความจงใจ ความหวังผลร้าย การไตร่ตรองไว้ล่วงหน้า และ/หรือการปราศจากความระมัดระวังหรือยับยั้งชั่งใจ (wanton)
ทั้งนี้ โดยทั่วไป ความหวังผลร้ายมักไม่ใช้พิจารณาเป็นองค์ประกอบข้างต้นสักเท่าใด เนื่องด้วยถือว่าความจงใจที่จะฆ่าคนนั้นย่อมเกิดจากความหวังผลร้ายอยู่แล้ว และบางครั้งในการฆ่าคนที่เกิดจากการขาดความยับยั้งชั่งใจหรือในหรือคดีอุกฉกรรจ์บางประเภท ก็ถือไปโดยปริยายว่าย่อมเกิดจากความหวังผลร้ายอยู่แล้ว
[แก้] ข้อพิจารณาเพิ่มเติม
1. การฆ่าคนโดยไม่เจตนาหรือไม่ได้หวังผลร้าย มักถือว่าเป็นการทำให้คนตายโดยไม่เจตนา
2. การฆ่าคนโดยชอบด้วยกฎหมาย (เช่น การประหารชีวิต หรือการทำให้คนตายโดยคำสั่งของผู้บังคับบัญชา) และการทำคนตายโดยอุบัติเหตุ ถือเป็นการทำให้คนตายโดยเจตนา ทั้งนี้ การกระทำดังกล่าวจะเป็นความผิดหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับสภาวะแวดล้อมแล้วแต่กรณี เป็นต้นว่า
- คำพิพากษาของศาลให้ลงโทษประหารชีวิตเป็นการสั่งให้ฆ่าคน แต่ไม่มีความผิดเนื่องจากเป็นวิถีทางที่ถูกต้องแห่งกฎหมาย (due process of law)
- การฆ่าปรปักษ์ (combatant) โดยคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายที่มีขึ้นในระหว่างภาวะสงคราม รวมตลอดถึงการฆ่าที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายในภาวะสงคราม อาจถือเป็นการฆ่าคน และอาจถือเป็นอาชญากรรมสงคราม (แต่จะมีโทษหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับสภาวะแวดล้อมแล้วแต่กรณี)
3. ในสังคมหลายภาคส่วนของโลก การฆ่าตัวตายไม่ถือว่าเป็นการฆ่าคน เนื่องจากจำเลยและผู้เสียหายเป็นบุคคลเดียวกัน ทั้งนี้ การสนับสนุนการฆ่าตัวตายอาจถือว่าเป็นความผิดขึ้นอยู่กับสภาวะแวดล้อมแล้วแต่กรณี
[แก้] ผู้เสียหาย
ตามกฎหมายถือว่า ผู้เสียหายต้องเป็นมนุษย์เท่านั้น และต้องเป็นผู้ที่มีชีวิตอยู่ในระหว่างที่มีความผิดเกิดขึ้น
ศาลบางแห่งของบางประเทศถือว่าการสังหารตัวอ่อนในครรภ์หรือทารกในครรภ์มีความผิดคนละสถานกับความผิดในการฆ่าคนตาย เช่น ความผิดฐานทำให้ครรภ์แท้งอย่างผิดกฎหมาย หรือความผิดฐานฆ่าทารกในครรภ์
[แก้] เหตุบรรเทาโทษ
ในบางประเทศกำหนดให้บุคคลไม่สมประกอบซึ่งกระทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายได้รับการบรรเทาโทษ หรือให้ถือว่าเป็นการทำให้คนตายโดยไม่เจตนา
ความไม่สมประกอบข้างต้น เป็นต้นว่า ภาวะซึมเศร้า (depression) ภาวะเครียด (stress) และผลข้างเคียงของการใช้ยาบางประเภท
[แก้] ความวิกลจริต
จำเลยในคดีฆ่าคนอาจไม่ต้องถูกสอบสวนหรืออาจไม่ต้องรับโทษ หากพบว่าจำเลยวิกลจริต เป็นต้นว่า ป่วยเป็นโรคจิตพิการ (mental disorder) โรคจิตเภท (schizophrenia) หรือโรคสมองเสื่อม (dementia)
ในบางประเทศ หากมีการตรวจสอบตามกระบวนการแล้วพบว่าจำเลยวิกลจริตจริง จำเลยอาจอ้างเหตุดังกล่าวเป็นข้อต่อสู้คดีให้ตนพ้นมลทินได้[6] โดยข้อต่อสู้คดีดังกล่าวต้องมีองค์ประกอบดังต่อไปนี้
(1) อาการวิกลจริตของจำเลยนั้นรุนแรงถึงขนาด หรือ
(2) ในขณะกระทำความผิด อาการวิกลจริตนั้นกระทำให้สภาวะทางจิตใจของจำเลยไม่อาจรู้ดีรู้ชั่ว
ตัวอย่างเกี่ยวกับกรณีดังต่อไปนี้ เป็นต้นว่าที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญาแห่งสาธารณรัฐฝรั่งเศส ดังต่อไปนี้
มาตรา 112/1 บุคคล (ผู้กระทำความผิดอาญา) ไม่ต้องรับโทษทางอาญา หากในเมื่อขณะกระทำความผิดนั้นบุคคลดังกล่าวได้ประสบภาวะผิดปรกติทางจิตใจหรือทางระบบประสาท ซึ่งภาวะดังกล่าวกระทำให้บุคคลไม่อาจรู้ดีรู้ชั่วหรือไม่อาจรับรู้ถึงการที่ตนกำลังกระทำอยู่ หรือกระทำให้บุคคลไม่อาจควบคุมการกระทำของตนได้ "ในระหว่างกระทำความผิดอันมีบุคคลผู้ประสบภาวะผิดปรกติทางจิตใจหรือทางระบบประสาทเป็นผู้กระทำ หากบุคคลนั้นสามารถรั้งความรู้ดีรู้ชั่วเอาไว้ได้ หรือสามารถยับยั้งตนเองไม่ให้กระทำความผิดได้แล้วไซร้ ต้องระวางโทษตามกฎหมาย ทั้งนี้ ในการตัดสินลงโทษ ให้ศาลคำนึงถึงอาการวิกลจริตของผู้นั้นด้วย (ARTICLE 122-1. A person is not criminally liable who, when the act was committed, was suffering from a psychological or neuropsychological disorder which destroyed his discernment or his ability to control his actions. A person who, at the time he acted, was suffering from a psychological or neuropsychological disorder which reduced his discernment or impeded his ability to control his actions, remains punishable; however, the court shall take this into account when it decides the penalty and determines its regime.) [7] | ||
ทั้งนี้ จำเลยที่สามารถใช้เหตุดังกล่าวเป็นข้อต่อสู้คดีได้โดยสิ้นเชิง มักไม่ต้องรับโทษจำคุกหรือโทษหนักกว่านั้น หากแต่มักถูกจำกัดอยู่ในสถานบำบัดอาการตามคำสั่งของศาล จนกว่าจะเป็นปรกติแล้วจะได้รับการปล่อยตัวให้กลับคืนสู่สังคมตามเดิมต่อไป
[แก้] องค์ประกอบที่ถือว่าเป็นการฆ่าคนอันมีโทษตามกฎหมาย
ตามกฎหมายจารีตประเพณี การฆ่าคนมักเป็นการกระทำโดยเจตนาร้ายอันไตร่ตรองมาก่อน (malice aforethought)
อย่างไรก็ดี ในทางกฎหมายทั่วไป การฆ่าคนถือว่าเป็นความผิดหากมีองค์ประกอบดังต่อไปนี้
1) มีจำเลย
2) พิจารณาสภาพจิตของจำเลย อย่างหนึ่งอย่างใดดังต่อไปนี้
ก) มีความประสงค์จะฆ่าคน ในกรณีนี้ หากพบว่าจำเลยเจตนาใช้อาวุธอันตรายถึงตาย (deadly weapon) กระทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหายหรือถึงแก่ความตาย ก็ให้อนุมานเข้าข่ายว่ามีความประสงค์ตามข้อนี้เช่นกัน อาวุธดังกล่าว เป็นต้นว่า ปืน มีดผาหน้าไม้ หรือรถในกรณีที่เจตนาใช้พุ่งชนผู้อื่น
ข) มีความประสงค์จะก่อให้เกิดความบาดเจ็บสาหัสแก่ร่างกายของบุคคล (grievous bodily harm)
ค) การนั้นได้กระทำไปโดยปราศจากความระมัดระวังหรือยับยั้งชั่งใจ หรือไม่อาจควบคุมตนเองได้ (abandoned and malignant heart) เป็นต้นว่า จำเลยรู้ดีว่าการกระทำนั้นเป็นความผิดตามกฎหมาย และรู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ แต่ก็กระทำความผิดนั้นลงไปโดยเพิกเฉยความรับรู้นั้นเสีย หรือได้กระทำไปเพราะระบบการทำงานของร่างกายปฏิเสธความรับรู้นั้นเสีย เช่น ในมลรัฐแคลิฟอร์เนีย ผู้ร้ายฆ่าคนต้องระวางโทษอันดับที่สอง หากความผิดนั้นได้กระทำไปเพราะได้ดื่มแอลกอฮอล์ ยา หรือสารบางประเภท จนทำให้ไม่อาจควบคุมตนเองได้หรือทำให้สติไม่สมปฤดี
ง) มีความประสงค์จะกระทำความผิดโดยรู้ว่าเป็นความผิดอาญาอุกฉกรรจ์ (felony)
[แก้] ประเภทของการฆ่าคน
ที่ | ชื่อไทย | ชื่ออังกฤษ | |
---|---|---|---|
1. การทำให้คนตายโดยเจตนา (homicide) | |||
1.1 | กามาตุรฆาต | lust murder | |
1.2 | การฆ่าคนและพลีชีพตน | murder-suicide | |
1.3 | การสังหารหมู่ | mass murder / massacre | |
1.4 | การุณยฆาต / ปราณีฆาต (ศัพท์แพทยศาสตร์) / แพทยานุเคราะหฆาต | euthanasia / physician-assisted suicide | |
1.5 | ฆาตกรรมต่อเนื่อง | serial murder | |
1.6 | ฆาตภัตติ / การจ้างวานฆ่า | contract murder | |
1.7 | ปฏินิธิภูตฆาต | proxy murder | |
1.8 | พาลกฆาต / การฆ่าเด็ก | child murder | |
1.9 | พาหุฐานฆาต | spree murder / rampage murder | |
1.10 | มนุสพลี / การบูชายัญด้วยมนุษย์ | human sacrifice | |
1.11 | ยโศโฆษาฆาต / การฆ่าคนเพราะอัปยศ | honour killing | |
1.12 | หนนะ / การลอบสังหาร | assassination | |
1.13 | อการุณยฆาต | torture murder | |
1.14 | อวินิจฉยทัณฑ์ / การรุมประชาทัณฑ์ | lynching | |
1.15 | โอกาสกรรมฆาต | consensual homicide / assisted homicide | |
2. การทำให้คนตายโดยไม่เจตนา (manslaughter) | |||
2.1 | การทำให้คนตายโดยประมาท | negligent homicide | |
2.2 | การทำให้คนตายโดยความประมาทในการขับขี่ยวดยาน | vehicular homicide | |
3. การฆ่าคนที่กฎหมายละเว้นโทษให้ (non-criminal homicide) | |||
3.1 | การฆ่าคนโดยไม่ผิดกฎหมาย | justifiable homicide | |
3.2 | การประหารชีวิต | capital punishment | |
4. การฆ่าคนประเภทอื่น ๆ | |||
4.1 | กนิฐฆาต (การฆ่าพี่หรือน้องสาว) | sororicide | |
4.2 | กุลฆาต (การล้างตระกูล) | familicide | |
4.3 | ขัตติยฆาต (การปลงพระชนม์พระมหากษัตริย์) | regicide | |
4.4 | คัพบาต / คัพฆาต (การทำแท้ง) | feticide | |
4.5 | ญาติฆาต | parricide | |
4.6 | ทารกฆาต | infanticide | |
4.7 | เทวฆาต (การฆ่าเทพ) | deicide | |
4.8 | ธีตฆาต (การฆ่าลูกหญิง) | filicide | |
4.9 | นิฏฐุปาลกฆาต (การสังหารทรราช) | tyrannicide | |
4.10 | ปิตุฆาต | patricide | |
4.11 | พันธุฆาต (การล้างชาติ / การล้างเผ่าพันธุ์) | genocide | |
4.12 | ภริดาฆาต (การฆ่าสามี) | mariticide | |
4.13 | ภริยาฆาต | uxoricide | |
4.14 | ภาดาฆาต ( การฆ่าพี่หรือน้องชาย) | fratricide | |
4.15 | มหาปิตุฆาต (การฆ่าลุงหรือน้าชาย) | avunculicide | |
4.16 | มาตุฆาต | matricide | |
4.17 | รัฐปาลฆาต (การฆ่าคนโดยคำสั่งของรัฐบาล) | democide | |
4.18 | สันตติฆาต (การล้างลูกหลาน) | prolicide | |
4.19 | อัตวินิบาตกรรม | suicide | |
4.20 | อิตถีฆาต (การฆ่าสตรี) | femicide |
[แก้] ความผิดเกี่ยวกับการฆ่าคนตามกฎหมายไทย
สามารถจำแนกความผิดเกี่ยวกับการฆ๋าคนตามประมวลกฎหมายอาญาของไทย (ปมอ.) และกฎหมายอื่นของไทยที่เกี่ยวข้องได้ดังต่อไปนี้
ที่ | ความผิด | โทษ | กฎหมายและมาตรา |
---|---|---|---|
ประมุขแห่งรัฐ | |||
1 | การปลงพระชนม์พระมหากษัตริย์ พระราชินี หรือรัชทายาท หรือฆ่าผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์แห่งประเทศไทย | - ประหารชีวิต | ปมอ. มาตรา 107 วรรคหนึ่ง และมาตรา 109 วรรคหนึ่ง |
2 | การปลงพระชนม์ราชาธิบดี ราชินี รัชทายาท หรือประมุขแห่งรัฐต่างประเทศ | - ประหารชีวิต หรือ - จำคุกตลอดชีวิต | ปมอ. มาตรา 130 |
3 | การพยายามฆ่าบุคคลตามข้อ 1 หรือข้อ 2 | - โทษเช่นเดียวกับการฆ่าบุคคลนั้น | ปมอ. มาตรา 107 วรรคสอง มาตรา 109 วรรคสอง และมาตรา 130 |
4 | การเตรียมการปลงพระชนม์พระมหากษัตริย์แห่งประเทศไทย หรือ การล่วงรู้ข้อมูลเกี่ยวกับการเตรียมการดังกล่าวแต่ช่วยปกปิดไว้ | - จำคุกตลอดชีวิต | ปมอ. มาตรา 107 วรรคสาม |
5 | การเตรียมการปลงพระชนม์พระราชินีหรือรัชทายาท หรือการเตรียมการฆ่าผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์แห่งประเทศไทย หรือ การล่วงรู้ข้อมูลเกี่ยวกับการเตรียมการดังกล่าวแต่ช่วยปกปิดไว้ | - จำคุกตั้งแต่ 12-20 ปี | ปมอ. มาตรา 107 วรรคสาม |
6 | การสนับสนุนการกระทำความผิดตามข้อ 1 ข้อ 3 ข้อ 4 หรือข้อ 5 | - โทษเช่นเดียวกับความผิดนั้น | ปมอ. มาตรา 111 |
บุคคล | |||
7 | การฆ่าผู้อื่น | - ประหารชีวิต หรือ - จำคุกตลอดชีวิต หรือ - จำคุกตั้งแต่ 15-20 ปี | ปมอ. มาตรา 288 |
8 | การฆ่า - 8.1 บุพการี - 8.2 เจ้าพนักงานซึ่งกระทำการตามอำนาจหน้าที่ - 8.3 ผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงานตาม 8.2 - 8.4 ผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน - 8.5 ผู้อื่นอย่างทารุณ - 8.6 ผู้อื่นเพื่อให้กระทำความผิดอื่นได้สะดวก - 8.7 ปิดปาก - 8.8 ผู้อื่นเพื่อรักษาผลประโยชน์ของตน โดยที่ผลประโยชน์นั้นมาจากการกระทำความผิดอื่น - 8.9 ผู้อื่นเพื่อหนีความผิด | - ประหารชีวิต | ปมอ. มาตรา 289 |
9 | การทำให้คนตายโดยไม่เจตนา | - จำคุกตั้งแต่ 3-15 ปี | ปมอ. มาตรา 290 วรรคหนึ่ง |
10 | การทำให้เกิดความผิดตามข้อ 8 โดยไม่เจตนา | - จำคุกตั้งแต่ 3-20 ปี | ปมอ. มาตรา 290 วรรคสอง |
11 | การยุให้บุคคลดังต่อไปนี้ฆ่าตัวตาย - เด็กอายุไม่เกินสิบหกปี - ผู้ที่ไม่อาจจำแนกได้ว่าการกระทำของตนดีหรือชั่วอย่างไร - ผู้ที่ไม่อาจควบคุมตนเองได้ (เช่น ผู้ที่กำลังโกรธ) (ถ้าหากบุคคลดังกล่าวได้ฆ่าตัวตายหรือได้พยายามฆ่าตัวตาย จึงจะเป็นความผิดตามข้อนี้) | - จำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ - ปรับไม่เกิน 1,000 บาท หรือ - ทั้งสองโทษ | ปมอ. มาตรา 293 |
ความคิดเห็น