ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Reborn] 8059 8018 D18 - Pandora heart

    ลำดับตอนที่ #13 : ≡( episode 12 - If only I had one more day with you

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.06K
      16
      15 เม.ย. 58

     

           




                ยามาโมโตะ ทาเคชิกำโทรศัพท์มือถือในมือตัวเองแน่น ใบหน้าหล่อเหลาปรากฏริ้วรอยของความเคร่งเครียด ร่างสูงถอนหายใจก่อนจะมองไปยังถุงกระดาษมีหูหิ้วที่บรรจุกล่องของขวัญลายลูกกวาดสีหวานที่ว่างตั้งไว้บนโต๊ะหัวเตียง มือเรียวเอื้อมไปหยิบมันขึ้นมาถือไว้เบาๆ

                ...ถ้าแค่ไปรับฮิบาริออกมาก็น่าจะยังมีเวลาพอไปจะทันนัด

                ชายหนุ่มยัดโทรศัพท์มือถือของตัวเองลงไปในกระเป๋ากางเกง ส่วนอีกมือหนึ่งก็กำหูหิ้วถุงกระดาษเอาไว้แน่นก่อนจะรีบวิ่งลงบันไดไปยังชั้นล่าง ดวงตาสีน้ำตาลเปลือกไม้เบิกกว้างเมื่อพบว่าจำนวนลูกค้าที่เข้ามานั่งในร้านนั้นมีจำนวนมากกว่าในวันปกติถึงสองเท่าซึ่งก็อาจจะเป็นเพราะว่าวันนี้เป็นวันสิ้นปี

                “ทาเคชิ! มาช่วยทางนี้ที!” เสียงตะโกนของชายวัยกลางคนที่ใช้เรียกเขาเสียงดังท่ามกลางเสียงจอแจของบรรดาลูกค้า ใบหน้าที่ดูเหมือนเขาราวกับแกะแต่ที่แตกต่างออกไปคือริ้วรอยจากกาลเวลาโผล่ออกมาจากหลังเคาท์เตอร์ “เฮ้ย แล้วนั่นแกจะหนีไปไหนน่ะ!

                “โทษนะพ่อ! เดี๋ยวกลับมาจะช่วยงานทุกอย่างเลย” ร่างสูงตะโกนตอบกลับไปก่อนจะรีบวิ่งออกไปยังหน้าร้านก่อนที่พ่อบังเกิดเกล้าจะไล่ตามมาลากตัวไปช่วยงานทัน ยามาโมโตะ ทาเคชิสวมรองเท้าอย่างรวดเร็วแล้วรีบนำจักรยานคันเก่าที่เอาไว้ใช้ส่งอาหารตามบ้านลูกค้าที่จอดพิงประตูไว้อยู่ขึ้นมา เขาวางถุงของขวัญลงไปยังตะกร้าหน้ารถก่อนจะรีบขึ้นไปขี่แล้วมุ่งหน้าไปที่คฤหาสน์ของแฟมิลี่คาบัคโรเน่ทันที

     

     
     

                โกคุเดระ ฮายาโตะลดหนังสืออ่านฆ่าเวลาในมือตัวเองลงแล้ววางมันลงบนม้านั่งข้างๆตัวเอง ดวงตาสีเขียวมองลงไปยังนาฬิกาข้อมือก่อนจะขยับผ้าพันคอให้กระชับยิ่งขึ้นเมื่อมีลมหนาววูบใหญ่พัดผ่านใบหน้ามา

                ถึงเวลานัดแล้ว... ทำไมไอ้โง่นั่นถึงยังไม่มาสักทีนะ?

                นึกในแง่ดีเข้าไว้สิฮายาโตะ บางทีรถประจำทางที่ไอ้บ้าเบสบอลนั่นนั่งมาอาจจะติดอยู่บนถนนก็ได้ ...ก็นะ ในคืนเทศกาลแบบนี้ไม่ว่าใครก็อยากจะออกมาเที่ยวกับคู่รักไม่ก็ครอบครัวของตัวเองกันทั้งนั้นแหละ

                ร่างบางตั้งท่าจะยกหนังสือขึ้นมาอ่านต่อ แต่นั่นก็เป็นเวลาเดียวกันกับตอนที่โทรศัพท์มือถือของเขาส่งเสียงร้องขึ้นมาพอดี เขาล้วงหยิบมันขึ้นมาจากกระเป๋าเสื้อกันหนาวก่อนจะขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าคนที่โทรเข้ามานั้นคือใคร ...ถึงแม้ว่าเขานั้นจะไม่อยากกดรับสายสักเท่าไหร่ แต่ก็คงจะต้องคุยด้วยอย่างเสียไม่ได้

                “...มีอะไร?” ร่างบางกรอกเสียงเย็นชาลงไป

                (มา มีอะไร อะไรล่ะนาย) ปลายสายหัวเราะเบาๆก่อนที่มันจะกลับมาจริงจังเหมือนเช่นเคย (รู้ใช่ไหมว่าวันนี้ฉันโทรมาหานายด้วยเหตุผลอะไร?)

                เขาถอนหายใจออกมาเล็กน้อย “รู้แล้ว ฉันล่ะแปลกใจจริงๆว่านายจะโทรมาย้ำมันให้ได้อะไรนักหนา”

                (ถ้ารู้ตัวก็ดีแล้ว) ปลายสายเงียบลงไปพักหนึ่งก่อนจะพูดขึ้นมาต่อ (คืนนี้ ...เครื่องออกเที่ยงคืนนะ)

                โกคุเดระ ฮายาโตะมุ่ยหน้าก่อนจะถอนหายใจออกมาแรงๆอย่างจงใจให้คนที่อยู่ปลายสายได้ยิน “เออๆ ถ้าย้ำเสร็จแล้วก็แค่นี้นะ ...ปิ๊บ!” เขากดตัดสายก่อนจะนำโทรศัพท์ที่อยู่ในมือยัดกลับไปยังกระเป๋าเสื้อกันหนาวตามเดิม จมูกที่ถูกความเย็นจากอากาศภายนอกกัดเริ่มกลายเป็นสีชมพูอ่อนๆ เขาเสียบที่คั่นหนังสือกลับเข้าไปก่อนจะลุกขึ้นจากม้านั่ง

                อากาศหนาวอย่างนี้ ถ้าไอ้โง่นั่นมาถึงตัวคงจะเย็นมากแน่ๆ

                ร่างบางยิ้มก่อนที่ขาเรียวยาวจะพาตัวเองไปยังร้านกาแฟที่อยู่ถัดไปจากสวนสาธารณะ

     

     
     

                ดวงตาสีน้ำตาลเข้มกร้านโลกของโรมาริโอ้ ลูกน้องคนสนิทของบอสแห่งคาบัคโรเน่จ้องมองไปยังเจ้านายหนุ่มผู้ได้ฉายาว่าเป็นม้าพยศที่กำลังเหม่อมองเอกสารที่วางเป็นปึกอยู่บนโต๊ะทำงานเบื้องหน้าของตัวเอง เสียงของปากการาคาแพงที่เคาะลงไปยังโต๊ะไม้สักอย่างดีที่ร่างสูงทำลงไปโดยไม่รู้สึกตัวทำเอาลูกน้องอย่างเขาต้องลอบถอนหายใจออกมาด้วยความเป็นกังวล

                ถ้าบอสยังเป็นซะแบบนี้ งานทุกอย่างที่รอให้ดำเนินการก็คงจะไม่เดินอย่างแน่นอน

                แต่ก่อนที่เขาจะทันได้เข้าไปเรียกสติให้กับเจ้านายของตัวเอง แรงสะกิดเบาๆที่แผ่นหลังก็ทำให้เขาต้องตวัดสายตาคมไปมอง ร่างสูงเลิกคิ้วอย่างแปลกใจเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นแม่บ้านสาวที่ปกติจะทำความสะอาดอยู่บริเวณห้องโถงด้านหน้า “มีอะไร?

                “เอ่อ... คือมีผู้ชายคนหนึ่งมาขอพบคุณฮิบาริ เคียวยะค่ะ” ร่างบางกระซิบ พยายามควบคุมให้เสียงที่เธอเปล่งออกมานั้นเบาที่สุด ก่อนที่ร่างเล็กๆจะสะดุ้งเฮือกเมื่อมือหนาของผู้ชายตรงหน้าเอื้อมมาคว้าหมับเข้าที่ข้อมือของเธอ โรมาริโอ้ลากเธออกมาข้างนอกห้องทำงานแทบจะในทันทีหลังจบประโยค ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของเขาเหลือบมองไปยังร่างสูงที่นั่งอยู่บนโต๊ะทำงาน ก่อนจะถอนใจด้วยความโล่งอกเมื่อพบว่าดีโน่ยังคงนั่งเหม่ออยู่เหมือนเดิม เขาดันประตูให้ปิดลงก่อนจะหันมาคุยกับแม่บ้านด้วยเสียงเบา “เขาเป็นใคร? แล้วเขารู้ได้อย่างไรว่าผู้ชายคนนั้นอยู่ที่นี่?

                ร่างบางมีท่าทีอึกอัก “เรื่องนั้นดิฉันเองก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ แต่เขาบอกว่าเขาชื่อ ยามาโมโตะ ทาเคชิ

                โรมาริโอ้เบิกตากว้างก่อนที่จะพยายามข่มใจให้สงบแล้วพยายามที่จะคิดหาทางแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น ...ถ้าหากบอสรู้เรื่องนี้เมื่อไหร่ คงจะเกิดสงครามขนาดย่อมๆที่นี่อย่างแน่นอน

                “เอ่อ จะให้ดิฉันทำอย่างไรดีคะ? จะให้บอกเขาให้กลับไปดีไหม?” ร่างบางเอ่ยถามออกมาเบาๆ พยายามที่จะคิดหาทางออกเท่าที่ตัวเองจะทำได้

                ร่างสูงนิ่งคิดไปพักใหญ่ ...ไม่สิ

                บางทีนี่อาจจะเป็นคำตอบสำหรับทุกอย่างที่บอสของเขากำลังเผชิญหน้าอยู่ก็ได้

                ดวงตาสีน้ำตาลเข้มตวัดกลับมามองร่างของแม่บ้านสาวตรงหน้าอีกครั้ง “ไม่... พาเขาไปยังห้องที่คุณฮิบาริพักอยู่”

                ร่างบางเบิกดวงตากลมโตกว้าง “เอ๊ะ!? แต่บอสจะ...”

                “ทำตามที่ผมพูดซะ ...แล้วก็อย่าให้เรื่องนี้เล็ดลอดออกไปถึงหูบอสได้เป็นอันขาด”

     

     
     

                เชิญทางนี้ค่ะ...

                ยามาโมโตะ ทาเคชิเดินเลียบมาตามระเบียงทางเดินที่เงียบสนิทราวกับว่าคฤหาสน์นี้นั้นมีเพียงแค่เขาและแม่บ้านคนนี้เพียงสองคนเท่านั้น ดวงตาสีน้ำตาลเปลือกไม้มองไปยังหญิงสาวตรงหน้าที่หลังจากเริ่มเดินมาเป็นเวลาเกือบห้านาทีก็ไม่ได้พูดอะไรกับเขาอีกเลย

                ว่าแต่ทางเดินนี้มันจะไปสิ้นสุดอยู่ที่ตรงไหนกัน? เขาก็พอจะรู้อยู่หรอกนะว่าคฤหาสน์ของคาบัคโรเน่คงจะใหญ่ไม่ธรรมดา แต่ก็ไม่เคยจะคาดคิดว่ามันจะใหญ่ได้ขนาดนี้ ...ไม่สิ ทางเดินที่แม่บ้านคนนี้กำลังพาเขาไปนั้นที่จริงแล้วมันก็อาจจะไม่ได้ยาวเท่าไหร่ แต่ดูเหมือนว่ามันจะวกวนไปมาราวกับว่ากำลังเดินอยู่ในเขาวงกต

                ...ราวกับว่าที่ห้องที่ฮิบาริ เคียวยะอยู่นั้นถูกฝังเอาไว้ในส่วนลึกและซับซ้อนที่สุดของคฤหาสน์ก็เพื่อไม่ให้คนๆนั้นหาทางออกมายังโลกภายนอกได้

                ร่างบางตรงหน้าเดินมาหยุดอยู่หน้าประตูไม้บานใหญ่ เธอหมุนตัวแล้วหันหน้ามาทางเขาแล้วโน้มตัวลงเล็กน้อยก่อนจะเดินออกไป กลับไปยังทางเดินทางเดิมที่พาเขามายังที่นี่

                ยามาโมโตะ ทาเคชิมองไปยังลูกบิดประตูที่สลักชื่อของแฟมิลี่ลงไปอย่างประณีต เขาเอื้อมมือออกไปบิดมันลงเบาๆก่อนจะก้าวเท้าเข้าไปในห้องนั้น

                ความมืดภายในห้องนอนที่มีเพียงแค่โคมไฟที่ตั้งอยู่ข้างเตียงทำเอาเขารู้สึกประหลายใจเล็กน้อย ร่างสูงเดินไปยังเตียงคิงไซส์ที่ปูผ้าปูเตียงสีขาวสะอาดเอาไว้ เขาค่อยๆก้าวเท้าเข้าไปใกล้เรื่อยๆก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อพบว่าร่างของผู้ชายที่เขานั้นกำลังตามหากำลังนอนหายใจรวยรินอยู่บนเตียง

                “ฮิบาริ!

     

               

                สามทุ่มยี่สิบห้านาที

                โกคุเดระ ฮายาโตะวางแก้วกาแฟที่เพิ่งซื้อมาลงบนม้านั่งข้างตัว เขาขมวดคิ้วมองนาฬิกาข้อมือของตัวเองอีกครั้ง ...นี่เขาไปต่อแถวยาวเหยียดเพื่อซื้อไอ้กาแฟบ้าสองแก้วนี่นานเป็นชั่วโมงเลยหรอนี่?

                ควันสีขาวที่พวยพุ่งออกมาจากปากแก้ว โกคุเดระเป่าลมลงไปยังแก้วกาแฟในมือเล็กน้อยก่อนจะยกมันขึ้นดื่ม ความร้อนจากเอสเปรสโซ่ไหลลงไปตามลำคอช้าๆ อย่างน้อยมันก็ทำให้เขารู้สึกอุ่นขึ้นมาได้บ้าง ซึ่งก็นับว่าคุ้มค่ากับเวลาและเงินที่เสียไปล่ะนะ

                เขามองไปยังแก้วกาแฟอีกใบหนึ่งที่วางอยู่ข้างตัว ตาทั้งสองข้างจ้องมองไปยังไอร้อนที่พวยพุ่งขึ้นมาจากปากแก้ว ร่างบางคลายผ้าผ้าคอออกก่อนจะนำมันไปพันรอบๆตัวแก้วเพื่อให้กาแฟที่บรรจุอยู่ภายในนั้นหายร้อนได้ช้าขึ้น

                รีบๆมาสักทีสิวะยามาโมโตะ

                ไม่อย่างนั้นกาแฟมันจะเย็นเอานะ ...ไอ้โง่

     

     
     

                ดวงตาสีน้ำตาลเปลือกไม้มองไปยังร่างของฮิบาริ เคียวยะที่กำลังนอนหายใจบางเบาอยู่บนเตียง ร่างสูงรีบวิ่งเข้าไปเพื่อพยุงร่างบางไว้ในอ้อมกอดของตัวเอง ดวงตาสีดำสนิทของชายหนุ่มในอ้อมแขนที่ร่างกายซูบตอบและบางซีดมองตอบกลับมา ริมฝีปากแห้งแตกเป็นขุยคลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนที่มันจะขยับออกมาเบาๆราวกับว่าเขาพยายามที่จะพูดอะไรบางอย่างออกมาแต่ก็ไม่มีแรงพอที่จะทำอย่างนั้นได้

                “ฮิบาริ... นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” ยามาโมโตะ ทาเคชิพูดกับตัวเองเบาๆ ก่อนที่เขาจะพยายามคลี่ยิ้มออกมาเพื่อให้คนตรงหน้าได้เห็น “ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวฉันจะพานายกลับบ้านเอง” ร่างสูงกระชับอ้อมแขนของตัวเองเพื่อที่จะอุ้มร่างบางขึ้นมา

                “คุณรู้ทางออกไปจากที่นี่ด้วยหรือครับ?” เสียงทุ้มต่ำที่เขาเคยได้ยินดังเข้ามาจากทางเข้าห้องนอน โรมาริโอ้เดินเข้ามาก่อนจะใช้นิ้วเรียวยาวดันแว่นของตัวขึ้น

                ยามาโมโตะ ทาเคชิกัดริมฝีปากของตัวเองเบาๆอย่างกังวลใจ “ไม่ต้องเป็นห่วง ผมว่าผมอยู่ข้างเดียวกับคุณนะ” โรมาริโอ้พูดต่ออย่างใจเย็น “ผมจะให้รถของแฟมิลี่ไปส่งพวกคุณที่โรงพยาบาล”

                ร่างสูงไม่ได้พูดอะไรกลับไป แต่ดวงตาที่มองกลับไปกลับเต็มไปด้วยคำถามมากมายที่ไม่รู้จะเริ่มถามจากตรงไหนดี เสียงทุ้มเอ่ยต่อ “แต่ก่อนอื่น ผมอยากจะขออะไรจากคุณสองข้อ”

                “...” ยามาโมโตะนิ่งเงียบ ดวงตาสีน้ำตาลเปลือกไม้เต็มไปด้วยความสับสน

                “ข้อแรก หลังจากนี้ไปกรุณาไปบอกเขาด้วยว่าอย่าได้มาพบกับเจ้านายของผมอีกและผมก็จะพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะไม่ให้เจ้านายของผมไปพบกับเขาเช่นกัน”

                “...”

                “และข้อที่สองนั้น ผมอยากจะให้คุณจำเอาไว้ว่าคุณเป็นคนที่บุกเข้ามาเพื่อที่จะลักพาตัวเขากลับไปและผมไม่ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลืออะไรทั้งสิ้น”

     

               

                ‘เอ่อ... ขอโทษนะครับ ตอนนี้กี่โมงแล้วหรอครับ?’

                ‘หา? สี่ทุ่มครึ่งแล้วหรอครับ!?’

                ‘ถ้างั้นผมฝากพาเขาไปส่งที่โรงพยาบาลทีนะครับ นี่โทรศัพท์ของผม ให้เขาพกติดตัวเอาไว้ก่อน

                ‘ครับ! ขอบคุณมากครับ!’

                ร่างสูงขี่จักรยานไปตามทางอย่างรวดเร็ว ดวงตาสีน้ำตาลเปลือกไม้เหลือบมองไปยังถุงของขวัญที่ส่ายไปมาอยู่ในตะกร้าหน้ารถของตัวเอง รถบนถนนที่อยู่บนถนนเลนข้างๆก็ติดหนักเสียจนดูเหมือนจะไม่ได้เขยื้อนไปข้างหน้า ผู้คนที่เดินอยู่บนทางเดินเท้าก็เดินสวนกันไปมาดูจอแจวุ่นวาย

                แต่นั่นมันไม่สำคัญ

                มือเปล่าเปลือยสีแดงที่กุมแฮนด์จักรยานเริ่มแดงจากความหนาวเย็นของอากาศภายนอก ยามาโมโตะ ทาเคชิรู้สึกชาขึ้นมาตั้งแต่ปลายเท้า

                ทั้งๆที่อากาศหนาวขนาดนี้ แต่เขากลับปล่อยให้คนๆหนึ่งนั่งรอตัวเองถึงสองชั่วโมง

                ได้โปรดเถอะโกคุเดระ

                ช่วยรอฉันที

     

     
     

                ร่างบางกระชับเสื้อกันหนาวเข้ากับตัว ดวงตาสีเขียวมองไปยังคู่รักวัยรุ่นคู่หนึ่งที่เดินกระหนุงกระหนิงมานั่งบนม้านั่งข้างๆเขา

                น่ารำคาญเป็นบ้า

                แม้แต่เพลงที่เปิดในเทศกาลก็ยังน่ารำคาญ

                เสียงโทรศัพท์มือถือที่แสนจะคุ้นหูดังขึ้นมาท่ามกลางความจอแจของผู้คน ร่างบางหยิบมันขึ้นมาจากกระเป๋าเสื้อ ถอนหายใจเมื่อเห็นว่าคนที่โทรเข้ามาไม่ใช่คนที่ในใจเขาหวังเอาไว้ เขากดตัดสายก่อนจะกดปิดเครื่องตามในทันที

                โกคุเดระ ฮายาโตะคลายผ้าพันคอออกจากแก้วกาแฟสีขาวก่อนจะหยิบมันออกไปทิ้ง

     
     

     

                “ป้าครับ ช่วยขี่ให้เร็วกว่านี้หน่อยไม่ได้หรอครับ” ร่างสูงกล่าวอย่างร้อนใจเมื่อเห็นขบวนรถจักรยานที่อออยู่เต็มถนนด้านหน้าตัวเอง ใบหน้าหล่อเหลาคมคายมีริ้วของความเครียด

                หญิงวัยกลางคนที่อยู่ด้านหน้าหันกลับมามอง “แหม นี่มันเพื่อการกุศลนะพ่อหนุ่ม เราเป็นชมรมแม่บ้านนะ ไม่ใช่นักปั่นจักรยาน” เธอว่า มีสีหน้าไม่ค่อยพอใจก่อนที่จะหันไปคุยกับผู้หญิงวัยเดียวกันที่ปั่นอยู่ข้างๆเธอ “แหม ว่าแต่สามีของคุณนายซูซูกิเนี่ย...”

                ยามาโมโตะ ทาเคชิถอนหายใจก่อนที่จะตัดสินใจคว้าถุงของขวัญออกมาจากตะกร้าหน้ารถแล้วพิงจักรยานตัวเก่งของพ่อเอาไว้กับเสาไฟฟ้า

                พ่อต้องฆ่าเขาแน่ๆ

                ร่างสูงหลับตาตั้งสติก่อนจะรีบวิ่งตรงไปยังสวนสาธารณะที่เขานัดกับโกคุเดระ ฮายาโตะที่อยู่ห่างไปไม่ไกลอย่างรวดเร็ว

     

     
     

                มันคงจะไม่มา

                คงจะลืมไปแล้ว

                หรือบางทีอาจจะไม่ได้จำเลยด้วยซ้ำ

                ร่างบางยิ้มกับตัวเองบางๆ ...แกนี่กำลังคาดหวังอะไรอยู่นะฮายาโตะ

                แต่นี่ก็ดีแล้ว บางทีถ้ามันมาอาจจะทำให้เขาตัดใจจากมันยากขึ้นก็ได้

                “อะไรกันสโมกกิ้งบอมบ์ นัดสาวเอาไว้หรอกหรอ” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นข้างหู ร่างบางเลิกคิ้วก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองต้นเสียง “แปลกใจหรอว่าฉันรู้ว่านายอยู่ที่นี่ได้ยังไง?

                ร่างบางแค่นหัวเราะออกมาเบาๆ “ไม่หรอก บางทีแกอาจจะแค่ใช้ยุงออกมาตามหาฉันก็ได้”

                “ว่าแต่ไหนสัมภาระของนายล่ะ?

                โกคุเดระยักไหล่ “ไม่มีหรอก ฉันดูมีเงินมากนักหรือไง” ร่างบางยันตัวให้ลุกขึ้น “ไปเถอะ นายเอารถมาด้วยสินะ”

                “นายโอเคไหม?” เสียงทุ้มต่ำของชามาร์ลถามขึ้นเบาๆในขณะที่กำลังเดินนำไปยังรถ

                “เออ” ร่างบางว่า น้ำเสียงหงุดหงิด “ถ้าฉันบอกแกว่าไม่โอเคแกจะปล่อยฉันไว้ที่นี่หรือไง”

                “ฉันหมายถึงหัวใจนายน่ะ ...โอเคนะ?

                ร่างบางนิ่งไปครู่ใหญ่ ก่อนที่จะนึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร “เออ ก็ดี ช่วงนี้อาการไม่ค่อยกำเริบแล้ว”

                ชามาร์ลเดินมาหยุดอยู่หน้ารถยุโรปสีดำสนิทที่จอดไว้ข้างสวนสาธารณะก่อนจะกดเปิดกุญแจรถจากรีโมท ร่างบางเปิดประตูรถด้านข้างคนขับออกแล้วแทรกตัวเข้าไปนั่งบนเบาะที่บุหนังอย่างดี “ตอนนี้ยังมีเวลานะ นายมีอะไรที่อยากจะทำไหม?” ร่างสูงที่นั่งอยู่ข้างๆเอ่ยถามก่อนจะเอื้อมมือไปสตาร์ทรถ

                ร่างบางยักไหล่แทนคำตอบ ทำเอาร่างสูงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “นายน่ะ รู้ตัวไหมว่าอาจจะไม่ได้กลับมาที่นี่อีกแล้วก็ได้นะ”

                ร่างบางยังคงนั่งนิ่ง เปลือกตาทั้งสองข้างปิดลงมาช้าๆแทนคำตอบ

                รู้

                รู้สิ

                รู้อยู่แล้ว

                จะต้องให้มาย้ำอะไรนักหนา

                เกิดมาก็ตัวคนเดียว

                ถ้าจะต้องตาย ต่อให้ตายคนเดียวก็ไม่เป็นไรหรอก

                ร่างบางลืมตาขึ้นก่อนจะตวัดสายตาไปยังชามาร์ลอย่างหงุดหงิด “ทำไมไม่ออกรถสักทีวะ”

                แต่ร่างสูงที่นั่งอยู่ข้างๆก็หัวเราะออกมาอย่างไม่สะทกสะท้าน “ก็ดูเหมือนว่าจะมีคนที่ยังไม่อยากจะให้นายไปนี่นะ”

                โกคุเดระ ฮายาโตะขมวดคิ้ว แต่ก่อนที่ทันจะได้พูดอะไรออกมา เสียงเคาะกระจกข้างๆฝั่งตัวเองก็ดังขึ้น ดวงตาสีเขียวมรกตตวัดขวับไปมองด้วยความหงุดหงิด ก่อนที่พวกมันจะเบิกตาออกกว้างเมื่อพบว่าอีกฝ่ายเป็นใคร

                พระเจ้าครับ

                “ขอโทษทีนะโกคุเดระ ช่วยลงมาทีสิ” ร่างสูงพูดผ่านกระจกเข้ามา เสียงหอบหายใจอย่างหนักหน่วงดังแทรกคำพูดในทุกๆคำ ร่างบางหันไปมองชามาร์ลที่นั่งทำเป็นไม่สนใจอยู่ข้างๆตัวเองก่อนจะเปิดประตูแล้วก้าวขาลงมายืนข้างๆอีกฝ่าย

                ยามาโมโตะ ทาเคชิ

                “ขอโทษจริงๆนะโกคุเดระที่ฉันมาสาย คือพอดีรถมันติดแล้วก็ เอ่อ มีปัญหาบางอย่างน่ะ” เสียงทุ้มต่ำพูดต่อ ยังคงหอบหายใจอย่างหนักหน่วงเป็นระยะ มือเรียวยื่นถุงกระดาษออกไปหาอีกฝ่าย “เอ่อ... แล้วก็นี่ของขวัญวันปีใหม่ ฉันไม่รู้ว่านายจะถูกใจหรือเปล่า แต่ฉันก็คิดว่ามันเหมาะกับ...”

                “หุบปาก” ร่างสูงตั้งท่าจะร่ายต่อแต่เสียงหวานของคนข้างหน้าห็หยุดคำพูดเหล่านั้นเอาไว้

                “เอ่อ แต่ว่า...”

                “ฉันบอกให้แกหุบปากไง ...ไอ้โง่”

    เสียงหวานกระซิบผ่านร่องปากสีชมพูสวย ก่อนที่มือเรียวบ้างทั้งสองข้างจะเอื้อมออกไปรั้งคอของคนข้างหน้าลงมา ร่างเล็กเขย่งปลายเท้าขึ้นเล็กน้อย ดวงตาสีเขียวมรกตทั้งสองข้างมองตรงไปยังดวงตาสีน้ำตาลเปลือกไม้คู่สวยของอีกฝ่ายราวกับพยายามที่จะละลายดวงตาของอีกฝ่ายลงไปด้วยความหวานของมันเอง ก่อนที่เขาจะประทับริมฝีปากสีกุหลาบลงไปยังริมฝีปากหยักลึกเป็นรูปสวยของคนตัวสูงกว่าช้าๆ ร่างสูงนิ่งไปสักพักก่อนจะค่อยๆใช้แขนทั้งสองข้างโอบกอดเอวบางเอาไว้

    โกคุเดระ ฮายาโตะถอนริมฝีปากออกช้าๆก่อนที่จะใช้ดวงตาสีเขียวของตัวเองมองตรงไปยังใบหน้าเกรียมแดดของผู้ชายคนตรงหน้า

    ขอสักครั้งได้ไหมครับพระเจ้า ให้ผมได้บอกสิ่งที่ผมรู้สึกตลอดมาให้เขาได้รับฟัง

    “โกคุเดระ...”

    “เราคบกันมาปีกว่าแล้วนะยามาโมโตะ จำได้ไหมว่าฉันกับแกเคยสัญญาอะไรกันเอาไว้” เสียงหวานถูกเปล่งออกมาอีกครั้ง ทำนองของมันยังคงราบเรียบราวกับที่เคยเป็นมา “แกเคยสัญญากับฉันเอาไว้ว่าแกจะมาอยู่เป็นเพื่อนฉันทุกวันเพราะแกไม่อยากให้ฉันอยู่คนเดียว”

    “...ฉัน”

    “จริงๆแล้วมันก็ไม่แย่เท่าไหร่หรอก ไอ้การอยู่คนเดียวอะไรนั่นน่ะ แต่ที่มันแย่จนฉันทนไม่ไหวคือการที่ฉันเคยมีแกอยู่ข้างๆ แล้วก็เสียแกไปโดยที่ไม่รู้ตัวสักนิดว่าตัวเองได้ทำอะไรลงไป” ดวงตาสีเขียวมรกตยังคงสะกดให้ดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้นมองตรงเข้ามา

    ให้อีกฝ่ายรู้ว่าความรู้สึกของเขาในตอนนี้เป็นอย่างไร

    “สิ่งที่ฉันอยากให้แกรู้เอาไว้นะยามาโมโตะ” ร่างบางยกมือขึ้นไปสัมผัสใบหน้าของอีกฝ่ายเบาๆก่อนจะใช้ปลายนิ้วไล่ลงมาตามสันจมูกของอีกฝ่ายช้าๆ “...คือฉันไม่เคยโกรธแกเลย”

    “...”

    “ฉันทำไม่ได้แม้แต่คิดที่จะเกลียดแก” ร่างบางยังคงพูดต่อ เสียงหวานเจือความเศร้าและเจ็บปวดราวกับหัวใจของเขากำลังถูกบดให้กลายเป็นผง “ทำไมนะ ยามาโมโตะ ทำไมการรักแกที่เป็นแค่ไอ้โง่คนหนึ่งถึงได้ทรมานมากขนาดนี้?

    “โกคุเดระ?

    “อาจจะเป็นเพราะว่าฉันก็เป็นแค่ไอ้โง่คนหนึ่งเหมือนกันก็ได้มั้ง” โกคุเดระกระซิบ ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ

    “...”

    “ฉันรักแกนะไอ้โง่” เสียงหวานเอ่ยออกมาเสียงแผ่วเบา “รักแกจนจะบ้าตายอยู่แล้ว”

    เสียงเคาะกระจกรถดังขึ้นมา โกคุเดระ ฮายาโตะนิ่วหน้า ก่อนจะยื่นกล่องของขวัญของตัวเองไปให้ยามาโมโตะ ทาเคชิที่ยังคงมีสีหน้างงๆ ร่างบางเปิดประตูรถออก ตั้งท่าจะเข้าไปนั่งในรถ ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่ร่างสูงเอื้อมมาจับมือของร่างบางเอาไว้ ดวงตาสีเขียวตวัดขึ้นไปมองก่อนจะเลิกคิ้วถาม

    “...นายจะไปไหน?” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามออกมาเบาๆอย่างไม่แน่ใจ

    ร่างบางขมวดคิ้ว ก่อนจะตัดสินใจยักไหล่ออกมาแทนการตอบคำถาม

    “แล้วนายจะกลับมาอีกไหม?” ร่างสูงยังคงไม่ยอมปล่อยมือออก ดวงตาสีน้ำตาลเปลือกไม้มองตรงไปยังดวงตาสีเขียวมรกตของอีกฝ่ายอย่างต้องการคำตอบ

    โกคุเดระยิ้มออกมาบางๆ “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”

    ยามาโมโตะเบิกตากว้างกับคำตอบที่ตัวเองได้รับ ...หมายความว่ายังไง

    ต่อจากนี้... จะไม่ได้เจอกันอีกแล้วหรอ?

    ร่างบางใช้อีกมือหนึ่งที่ว่างอยู่แกะมือออกจากการเกาะกุมของร่างสูงออก ก่อนจะเข้าไปนั่งแล้วเอื้อมมือออกไปปิดประตูรถ ปล่อยให้อีกฝ่ายยังคงยืนอยู่ที่เดิมพร้อมกับความงุนงงกับคำตอบที่ตัวเองได้รับ

    “ปล่อยเอาไว้แบบนี้ดีแล้วหรือไง?” ชามาร์ลถาม ก่อนจะเริ่มออกรถตรงไปยังสนามบิน

    ร่างบางค่อยๆปิดเปลือกตาลงช้าๆแทนการตอบคำถาม

    เทียนไขเพียงเล่มเดียวในโลกของเขาสะบัดวูบ

    แล้วทันใดนั้นโลกทั้งใบของเขาก็พลันกลับมามืดสนิทอีกครั้ง

                “นายร้องไห้อยู่นะ ...ฮายาโตะ”

                ขอบคุณนะ ยามาโมโตะ


     

    ฉันรักแกจนจะตายอยู่แล้ว

     

    -    Gokudera Hayato    -

     
     





     

    Talk with writer 

    สวัสดีค่ะทุกๆคนน
    ไรเตอร์ก็หายไปยาวเป็นเดือนอีกละ ขอโทษจริงๆนะคะ
    ตอนนี้ก็เลยจัดยาวให้เป็นพิเศษเลย (ไม่เกี่ยว จริงๆคือแต่งเพลินและมันไม่ยอมจบ555555555)
    งืออออ ตอนนี้แต่งไปแต่งมานั่งร้องไห้อยู่หน้าคอมเลยค่ะ สงสารว่ะ อีคนเขียนทำไมใจร้าย =_=
    ก็เลยแอบหวังว่าทุกคนที่เข้ามาอ่านตอนนี้จะร้องไห้ได้เหมือนกับไรเตอร์ (ฮา)
    ถ้าร้องไห้ก็ดีใจด้วยค่ะ 55555555555

     

    เอาล่ะ มีความสุขกันมากๆนะคะ สุขสันต์วันสงกรานต์ค่ะ
     

        

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×