คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : ≡( episode 12 - If only I had one more day with you
ยามาโมโตะ ทาเคชิกำโทรศัพท์มือถือในมือตัวเองแน่น ใบหน้าหล่อเหลาปรากฏริ้วรอยของความเคร่งเครียด ร่างสูงถอนหายใจก่อนจะมองไปยังถุงกระดาษมีหูหิ้วที่บรรจุกล่องของขวัญลายลูกกวาดสีหวานที่ว่างตั้งไว้บนโต๊ะหัวเตียง มือเรียวเอื้อมไปหยิบมันขึ้นมาถือไว้เบาๆ
...ถ้าแค่ไปรับฮิบาริออกมาก็น่าจะยังมีเวลาพอไปจะทันนัด
ชายหนุ่มยัดโทรศัพท์มือถือของตัวเองลงไปในกระเป๋ากางเกง ส่วนอีกมือหนึ่งก็กำหูหิ้วถุงกระดาษเอาไว้แน่นก่อนจะรีบวิ่งลงบันไดไปยังชั้นล่าง ดวงตาสีน้ำตาลเปลือกไม้เบิกกว้างเมื่อพบว่าจำนวนลูกค้าที่เข้ามานั่งในร้านนั้นมีจำนวนมากกว่าในวันปกติถึงสองเท่าซึ่งก็อาจจะเป็นเพราะว่าวันนี้เป็นวันสิ้นปี
“ทาเคชิ! มาช่วยทางนี้ที!” เสียงตะโกนของชายวัยกลางคนที่ใช้เรียกเขาเสียงดังท่ามกลางเสียงจอแจของบรรดาลูกค้า ใบหน้าที่ดูเหมือนเขาราวกับแกะแต่ที่แตกต่างออกไปคือริ้วรอยจากกาลเวลาโผล่ออกมาจากหลังเคาท์เตอร์ “เฮ้ย แล้วนั่นแกจะหนีไปไหนน่ะ!”
“โทษนะพ่อ! เดี๋ยวกลับมาจะช่วยงานทุกอย่างเลย” ร่างสูงตะโกนตอบกลับไปก่อนจะรีบวิ่งออกไปยังหน้าร้านก่อนที่พ่อบังเกิดเกล้าจะไล่ตามมาลากตัวไปช่วยงานทัน ยามาโมโตะ ทาเคชิสวมรองเท้าอย่างรวดเร็วแล้วรีบนำจักรยานคันเก่าที่เอาไว้ใช้ส่งอาหารตามบ้านลูกค้าที่จอดพิงประตูไว้อยู่ขึ้นมา เขาวางถุงของขวัญลงไปยังตะกร้าหน้ารถก่อนจะรีบขึ้นไปขี่แล้วมุ่งหน้าไปที่คฤหาสน์ของแฟมิลี่คาบัคโรเน่ทันที
โกคุเดระ ฮายาโตะลดหนังสืออ่านฆ่าเวลาในมือตัวเองลงแล้ววางมันลงบนม้านั่งข้างๆตัวเอง ดวงตาสีเขียวมองลงไปยังนาฬิกาข้อมือก่อนจะขยับผ้าพันคอให้กระชับยิ่งขึ้นเมื่อมีลมหนาววูบใหญ่พัดผ่านใบหน้ามา
ถึงเวลานัดแล้ว... ทำไมไอ้โง่นั่นถึงยังไม่มาสักทีนะ?
นึกในแง่ดีเข้าไว้สิฮายาโตะ บางทีรถประจำทางที่ไอ้บ้าเบสบอลนั่นนั่งมาอาจจะติดอยู่บนถนนก็ได้ ...ก็นะ ในคืนเทศกาลแบบนี้ไม่ว่าใครก็อยากจะออกมาเที่ยวกับคู่รักไม่ก็ครอบครัวของตัวเองกันทั้งนั้นแหละ
ร่างบางตั้งท่าจะยกหนังสือขึ้นมาอ่านต่อ แต่นั่นก็เป็นเวลาเดียวกันกับตอนที่โทรศัพท์มือถือของเขาส่งเสียงร้องขึ้นมาพอดี เขาล้วงหยิบมันขึ้นมาจากกระเป๋าเสื้อกันหนาวก่อนจะขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าคนที่โทรเข้ามานั้นคือใคร ...ถึงแม้ว่าเขานั้นจะไม่อยากกดรับสายสักเท่าไหร่ แต่ก็คงจะต้องคุยด้วยอย่างเสียไม่ได้
“...มีอะไร?” ร่างบางกรอกเสียงเย็นชาลงไป
(มา ‘มีอะไร’ อะไรล่ะนาย) ปลายสายหัวเราะเบาๆก่อนที่มันจะกลับมาจริงจังเหมือนเช่นเคย (รู้ใช่ไหมว่าวันนี้ฉันโทรมาหานายด้วยเหตุผลอะไร?)
เขาถอนหายใจออกมาเล็กน้อย “รู้แล้ว ฉันล่ะแปลกใจจริงๆว่านายจะโทรมาย้ำมันให้ได้อะไรนักหนา”
(ถ้ารู้ตัวก็ดีแล้ว) ปลายสายเงียบลงไปพักหนึ่งก่อนจะพูดขึ้นมาต่อ (คืนนี้ ...เครื่องออกเที่ยงคืนนะ)
โกคุเดระ ฮายาโตะมุ่ยหน้าก่อนจะถอนหายใจออกมาแรงๆอย่างจงใจให้คนที่อยู่ปลายสายได้ยิน “เออๆ ถ้าย้ำเสร็จแล้วก็แค่นี้นะ ...ปิ๊บ!” เขากดตัดสายก่อนจะนำโทรศัพท์ที่อยู่ในมือยัดกลับไปยังกระเป๋าเสื้อกันหนาวตามเดิม จมูกที่ถูกความเย็นจากอากาศภายนอกกัดเริ่มกลายเป็นสีชมพูอ่อนๆ เขาเสียบที่คั่นหนังสือกลับเข้าไปก่อนจะลุกขึ้นจากม้านั่ง
อากาศหนาวอย่างนี้ ถ้าไอ้โง่นั่นมาถึงตัวคงจะเย็นมากแน่ๆ
ร่างบางยิ้มก่อนที่ขาเรียวยาวจะพาตัวเองไปยังร้านกาแฟที่อยู่ถัดไปจากสวนสาธารณะ
ดวงตาสีน้ำตาลเข้มกร้านโลกของโรมาริโอ้ – ลูกน้องคนสนิทของบอสแห่งคาบัคโรเน่จ้องมองไปยังเจ้านายหนุ่มผู้ได้ฉายาว่าเป็นม้าพยศที่กำลังเหม่อมองเอกสารที่วางเป็นปึกอยู่บนโต๊ะทำงานเบื้องหน้าของตัวเอง เสียงของปากการาคาแพงที่เคาะลงไปยังโต๊ะไม้สักอย่างดีที่ร่างสูงทำลงไปโดยไม่รู้สึกตัวทำเอาลูกน้องอย่างเขาต้องลอบถอนหายใจออกมาด้วยความเป็นกังวล
ถ้าบอสยังเป็นซะแบบนี้ งานทุกอย่างที่รอให้ดำเนินการก็คงจะไม่เดินอย่างแน่นอน
แต่ก่อนที่เขาจะทันได้เข้าไปเรียกสติให้กับเจ้านายของตัวเอง แรงสะกิดเบาๆที่แผ่นหลังก็ทำให้เขาต้องตวัดสายตาคมไปมอง ร่างสูงเลิกคิ้วอย่างแปลกใจเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นแม่บ้านสาวที่ปกติจะทำความสะอาดอยู่บริเวณห้องโถงด้านหน้า “มีอะไร?”
“เอ่อ... คือมีผู้ชายคนหนึ่งมาขอพบคุณฮิบาริ เคียวยะค่ะ” ร่างบางกระซิบ พยายามควบคุมให้เสียงที่เธอเปล่งออกมานั้นเบาที่สุด ก่อนที่ร่างเล็กๆจะสะดุ้งเฮือกเมื่อมือหนาของผู้ชายตรงหน้าเอื้อมมาคว้าหมับเข้าที่ข้อมือของเธอ โรมาริโอ้ลากเธออกมาข้างนอกห้องทำงานแทบจะในทันทีหลังจบประโยค ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของเขาเหลือบมองไปยังร่างสูงที่นั่งอยู่บนโต๊ะทำงาน ก่อนจะถอนใจด้วยความโล่งอกเมื่อพบว่าดีโน่ยังคงนั่งเหม่ออยู่เหมือนเดิม เขาดันประตูให้ปิดลงก่อนจะหันมาคุยกับแม่บ้านด้วยเสียงเบา “เขาเป็นใคร? แล้วเขารู้ได้อย่างไรว่าผู้ชายคนนั้นอยู่ที่นี่?”
ร่างบางมีท่าทีอึกอัก “เรื่องนั้นดิฉันเองก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ แต่เขาบอกว่าเขาชื่อ ‘ยามาโมโตะ ทาเคชิ’”
โรมาริโอ้เบิกตากว้างก่อนที่จะพยายามข่มใจให้สงบแล้วพยายามที่จะคิดหาทางแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น ...ถ้าหากบอสรู้เรื่องนี้เมื่อไหร่ คงจะเกิดสงครามขนาดย่อมๆที่นี่อย่างแน่นอน
“เอ่อ จะให้ดิฉันทำอย่างไรดีคะ? จะให้บอกเขาให้กลับไปดีไหม?” ร่างบางเอ่ยถามออกมาเบาๆ พยายามที่จะคิดหาทางออกเท่าที่ตัวเองจะทำได้
ร่างสูงนิ่งคิดไปพักใหญ่ ...ไม่สิ
บางทีนี่อาจจะเป็นคำตอบสำหรับทุกอย่างที่บอสของเขากำลังเผชิญหน้าอยู่ก็ได้
ดวงตาสีน้ำตาลเข้มตวัดกลับมามองร่างของแม่บ้านสาวตรงหน้าอีกครั้ง “ไม่... พาเขาไปยังห้องที่คุณฮิบาริพักอยู่”
ร่างบางเบิกดวงตากลมโตกว้าง “เอ๊ะ!? แต่บอสจะ...”
“ทำตามที่ผมพูดซะ ...แล้วก็อย่าให้เรื่องนี้เล็ดลอดออกไปถึงหูบอสได้เป็นอันขาด”
‘เชิญทางนี้ค่ะ...’
ยามาโมโตะ ทาเคชิเดินเลียบมาตามระเบียงทางเดินที่เงียบสนิทราวกับว่าคฤหาสน์นี้นั้นมีเพียงแค่เขาและแม่บ้านคนนี้เพียงสองคนเท่านั้น ดวงตาสีน้ำตาลเปลือกไม้มองไปยังหญิงสาวตรงหน้าที่หลังจากเริ่มเดินมาเป็นเวลาเกือบห้านาทีก็ไม่ได้พูดอะไรกับเขาอีกเลย
ว่าแต่ทางเดินนี้มันจะไปสิ้นสุดอยู่ที่ตรงไหนกัน? เขาก็พอจะรู้อยู่หรอกนะว่าคฤหาสน์ของคาบัคโรเน่คงจะใหญ่ไม่ธรรมดา แต่ก็ไม่เคยจะคาดคิดว่ามันจะใหญ่ได้ขนาดนี้ ...ไม่สิ ทางเดินที่แม่บ้านคนนี้กำลังพาเขาไปนั้นที่จริงแล้วมันก็อาจจะไม่ได้ยาวเท่าไหร่ แต่ดูเหมือนว่ามันจะวกวนไปมาราวกับว่ากำลังเดินอยู่ในเขาวงกต
...ราวกับว่าที่ห้องที่ฮิบาริ เคียวยะอยู่นั้นถูกฝังเอาไว้ในส่วนลึกและซับซ้อนที่สุดของคฤหาสน์ก็เพื่อไม่ให้คนๆนั้นหาทางออกมายังโลกภายนอกได้
ร่างบางตรงหน้าเดินมาหยุดอยู่หน้าประตูไม้บานใหญ่ เธอหมุนตัวแล้วหันหน้ามาทางเขาแล้วโน้มตัวลงเล็กน้อยก่อนจะเดินออกไป – กลับไปยังทางเดินทางเดิมที่พาเขามายังที่นี่
ยามาโมโตะ ทาเคชิมองไปยังลูกบิดประตูที่สลักชื่อของแฟมิลี่ลงไปอย่างประณีต เขาเอื้อมมือออกไปบิดมันลงเบาๆก่อนจะก้าวเท้าเข้าไปในห้องนั้น
ความมืดภายในห้องนอนที่มีเพียงแค่โคมไฟที่ตั้งอยู่ข้างเตียงทำเอาเขารู้สึกประหลายใจเล็กน้อย ร่างสูงเดินไปยังเตียงคิงไซส์ที่ปูผ้าปูเตียงสีขาวสะอาดเอาไว้ เขาค่อยๆก้าวเท้าเข้าไปใกล้เรื่อยๆก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อพบว่าร่างของผู้ชายที่เขานั้นกำลังตามหากำลังนอนหายใจรวยรินอยู่บนเตียง
“ฮิบาริ!”
สามทุ่มยี่สิบห้านาที
โกคุเดระ ฮายาโตะวางแก้วกาแฟที่เพิ่งซื้อมาลงบนม้านั่งข้างตัว เขาขมวดคิ้วมองนาฬิกาข้อมือของตัวเองอีกครั้ง ...นี่เขาไปต่อแถวยาวเหยียดเพื่อซื้อไอ้กาแฟบ้าสองแก้วนี่นานเป็นชั่วโมงเลยหรอนี่?
ควันสีขาวที่พวยพุ่งออกมาจากปากแก้ว โกคุเดระเป่าลมลงไปยังแก้วกาแฟในมือเล็กน้อยก่อนจะยกมันขึ้นดื่ม ความร้อนจากเอสเปรสโซ่ไหลลงไปตามลำคอช้าๆ อย่างน้อยมันก็ทำให้เขารู้สึกอุ่นขึ้นมาได้บ้าง ซึ่งก็นับว่าคุ้มค่ากับเวลาและเงินที่เสียไปล่ะนะ
เขามองไปยังแก้วกาแฟอีกใบหนึ่งที่วางอยู่ข้างตัว ตาทั้งสองข้างจ้องมองไปยังไอร้อนที่พวยพุ่งขึ้นมาจากปากแก้ว ร่างบางคลายผ้าผ้าคอออกก่อนจะนำมันไปพันรอบๆตัวแก้วเพื่อให้กาแฟที่บรรจุอยู่ภายในนั้นหายร้อนได้ช้าขึ้น
รีบๆมาสักทีสิวะยามาโมโตะ
ไม่อย่างนั้นกาแฟมันจะเย็นเอานะ ...ไอ้โง่
ดวงตาสีน้ำตาลเปลือกไม้มองไปยังร่างของฮิบาริ เคียวยะที่กำลังนอนหายใจบางเบาอยู่บนเตียง ร่างสูงรีบวิ่งเข้าไปเพื่อพยุงร่างบางไว้ในอ้อมกอดของตัวเอง ดวงตาสีดำสนิทของชายหนุ่มในอ้อมแขนที่ร่างกายซูบตอบและบางซีดมองตอบกลับมา ริมฝีปากแห้งแตกเป็นขุยคลี่ยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนที่มันจะขยับออกมาเบาๆราวกับว่าเขาพยายามที่จะพูดอะไรบางอย่างออกมาแต่ก็ไม่มีแรงพอที่จะทำอย่างนั้นได้
“ฮิบาริ... นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?” ยามาโมโตะ ทาเคชิพูดกับตัวเองเบาๆ ก่อนที่เขาจะพยายามคลี่ยิ้มออกมาเพื่อให้คนตรงหน้าได้เห็น “ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวฉันจะพานายกลับบ้านเอง” ร่างสูงกระชับอ้อมแขนของตัวเองเพื่อที่จะอุ้มร่างบางขึ้นมา
“คุณรู้ทางออกไปจากที่นี่ด้วยหรือครับ?” เสียงทุ้มต่ำที่เขาเคยได้ยินดังเข้ามาจากทางเข้าห้องนอน โรมาริโอ้เดินเข้ามาก่อนจะใช้นิ้วเรียวยาวดันแว่นของตัวขึ้น
ยามาโมโตะ ทาเคชิกัดริมฝีปากของตัวเองเบาๆอย่างกังวลใจ “ไม่ต้องเป็นห่วง ผมว่าผมอยู่ข้างเดียวกับคุณนะ” โรมาริโอ้พูดต่ออย่างใจเย็น “ผมจะให้รถของแฟมิลี่ไปส่งพวกคุณที่โรงพยาบาล”
ร่างสูงไม่ได้พูดอะไรกลับไป แต่ดวงตาที่มองกลับไปกลับเต็มไปด้วยคำถามมากมายที่ไม่รู้จะเริ่มถามจากตรงไหนดี เสียงทุ้มเอ่ยต่อ “แต่ก่อนอื่น ผมอยากจะขออะไรจากคุณสองข้อ”
“...” ยามาโมโตะนิ่งเงียบ ดวงตาสีน้ำตาลเปลือกไม้เต็มไปด้วยความสับสน
“ข้อแรก หลังจากนี้ไปกรุณาไปบอกเขาด้วยว่าอย่าได้มาพบกับเจ้านายของผมอีกและผมก็จะพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะไม่ให้เจ้านายของผมไปพบกับเขาเช่นกัน”
“...”
“และข้อที่สองนั้น ผมอยากจะให้คุณจำเอาไว้ว่าคุณเป็นคนที่บุกเข้ามาเพื่อที่จะลักพาตัวเขากลับไปและผมไม่ได้ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลืออะไรทั้งสิ้น”
‘เอ่อ... ขอโทษนะครับ ตอนนี้กี่โมงแล้วหรอครับ?’
‘หา? สี่ทุ่มครึ่งแล้วหรอครับ!?’
‘ถ้างั้นผมฝากพาเขาไปส่งที่โรงพยาบาลทีนะครับ นี่โทรศัพท์ของผม ให้เขาพกติดตัวเอาไว้ก่อน’
‘ครับ! ขอบคุณมากครับ!’
ร่างสูงขี่จักรยานไปตามทางอย่างรวดเร็ว ดวงตาสีน้ำตาลเปลือกไม้เหลือบมองไปยังถุงของขวัญที่ส่ายไปมาอยู่ในตะกร้าหน้ารถของตัวเอง รถบนถนนที่อยู่บนถนนเลนข้างๆก็ติดหนักเสียจนดูเหมือนจะไม่ได้เขยื้อนไปข้างหน้า ผู้คนที่เดินอยู่บนทางเดินเท้าก็เดินสวนกันไปมาดูจอแจวุ่นวาย
แต่นั่นมันไม่สำคัญ
มือเปล่าเปลือยสีแดงที่กุมแฮนด์จักรยานเริ่มแดงจากความหนาวเย็นของอากาศภายนอก ยามาโมโตะ ทาเคชิรู้สึกชาขึ้นมาตั้งแต่ปลายเท้า
ทั้งๆที่อากาศหนาวขนาดนี้ แต่เขากลับปล่อยให้คนๆหนึ่งนั่งรอตัวเองถึงสองชั่วโมง
ได้โปรดเถอะโกคุเดระ
ช่วยรอฉันที
ร่างบางกระชับเสื้อกันหนาวเข้ากับตัว ดวงตาสีเขียวมองไปยังคู่รักวัยรุ่นคู่หนึ่งที่เดินกระหนุงกระหนิงมานั่งบนม้านั่งข้างๆเขา
น่ารำคาญเป็นบ้า
แม้แต่เพลงที่เปิดในเทศกาลก็ยังน่ารำคาญ
เสียงโทรศัพท์มือถือที่แสนจะคุ้นหูดังขึ้นมาท่ามกลางความจอแจของผู้คน ร่างบางหยิบมันขึ้นมาจากกระเป๋าเสื้อ ถอนหายใจเมื่อเห็นว่าคนที่โทรเข้ามาไม่ใช่คนที่ในใจเขาหวังเอาไว้ เขากดตัดสายก่อนจะกดปิดเครื่องตามในทันที
โกคุเดระ ฮายาโตะคลายผ้าพันคอออกจากแก้วกาแฟสีขาวก่อนจะหยิบมันออกไปทิ้ง
“ป้าครับ ช่วยขี่ให้เร็วกว่านี้หน่อยไม่ได้หรอครับ” ร่างสูงกล่าวอย่างร้อนใจเมื่อเห็นขบวนรถจักรยานที่อออยู่เต็มถนนด้านหน้าตัวเอง ใบหน้าหล่อเหลาคมคายมีริ้วของความเครียด
หญิงวัยกลางคนที่อยู่ด้านหน้าหันกลับมามอง “แหม นี่มันเพื่อการกุศลนะพ่อหนุ่ม เราเป็นชมรมแม่บ้านนะ ไม่ใช่นักปั่นจักรยาน” เธอว่า มีสีหน้าไม่ค่อยพอใจก่อนที่จะหันไปคุยกับผู้หญิงวัยเดียวกันที่ปั่นอยู่ข้างๆเธอ “แหม ว่าแต่สามีของคุณนายซูซูกิเนี่ย...”
ยามาโมโตะ ทาเคชิถอนหายใจก่อนที่จะตัดสินใจคว้าถุงของขวัญออกมาจากตะกร้าหน้ารถแล้วพิงจักรยานตัวเก่งของพ่อเอาไว้กับเสาไฟฟ้า
พ่อต้องฆ่าเขาแน่ๆ
ร่างสูงหลับตาตั้งสติก่อนจะรีบวิ่งตรงไปยังสวนสาธารณะที่เขานัดกับโกคุเดระ ฮายาโตะที่อยู่ห่างไปไม่ไกลอย่างรวดเร็ว
มันคงจะไม่มา
คงจะลืมไปแล้ว
หรือบางทีอาจจะไม่ได้จำเลยด้วยซ้ำ
ร่างบางยิ้มกับตัวเองบางๆ ...แกนี่กำลังคาดหวังอะไรอยู่นะฮายาโตะ
แต่นี่ก็ดีแล้ว บางทีถ้ามันมาอาจจะทำให้เขาตัดใจจากมันยากขึ้นก็ได้
“อะไรกันสโมกกิ้งบอมบ์ นัดสาวเอาไว้หรอกหรอ” เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นข้างหู ร่างบางเลิกคิ้วก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองต้นเสียง “แปลกใจหรอว่าฉันรู้ว่านายอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
ร่างบางแค่นหัวเราะออกมาเบาๆ “ไม่หรอก บางทีแกอาจจะแค่ใช้ยุงออกมาตามหาฉันก็ได้”
“ว่าแต่ไหนสัมภาระของนายล่ะ?”
โกคุเดระยักไหล่ “ไม่มีหรอก ฉันดูมีเงินมากนักหรือไง” ร่างบางยันตัวให้ลุกขึ้น “ไปเถอะ นายเอารถมาด้วยสินะ”
“นายโอเคไหม?” เสียงทุ้มต่ำของชามาร์ลถามขึ้นเบาๆในขณะที่กำลังเดินนำไปยังรถ
“เออ” ร่างบางว่า น้ำเสียงหงุดหงิด “ถ้าฉันบอกแกว่าไม่โอเคแกจะปล่อยฉันไว้ที่นี่หรือไง”
“ฉันหมายถึงหัวใจนายน่ะ ...โอเคนะ?”
ร่างบางนิ่งไปครู่ใหญ่ ก่อนที่จะนึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร “เออ ก็ดี ช่วงนี้อาการไม่ค่อยกำเริบแล้ว”
ชามาร์ลเดินมาหยุดอยู่หน้ารถยุโรปสีดำสนิทที่จอดไว้ข้างสวนสาธารณะก่อนจะกดเปิดกุญแจรถจากรีโมท ร่างบางเปิดประตูรถด้านข้างคนขับออกแล้วแทรกตัวเข้าไปนั่งบนเบาะที่บุหนังอย่างดี “ตอนนี้ยังมีเวลานะ นายมีอะไรที่อยากจะทำไหม?” ร่างสูงที่นั่งอยู่ข้างๆเอ่ยถามก่อนจะเอื้อมมือไปสตาร์ทรถ
ร่างบางยักไหล่แทนคำตอบ ทำเอาร่างสูงถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ “นายน่ะ รู้ตัวไหมว่าอาจจะไม่ได้กลับมาที่นี่อีกแล้วก็ได้นะ”
ร่างบางยังคงนั่งนิ่ง เปลือกตาทั้งสองข้างปิดลงมาช้าๆแทนคำตอบ
รู้
รู้สิ
รู้อยู่แล้ว
จะต้องให้มาย้ำอะไรนักหนา
เกิดมาก็ตัวคนเดียว
ถ้าจะต้องตาย ต่อให้ตายคนเดียวก็ไม่เป็นไรหรอก
ร่างบางลืมตาขึ้นก่อนจะตวัดสายตาไปยังชามาร์ลอย่างหงุดหงิด “ทำไมไม่ออกรถสักทีวะ”
แต่ร่างสูงที่นั่งอยู่ข้างๆก็หัวเราะออกมาอย่างไม่สะทกสะท้าน “ก็ดูเหมือนว่าจะมีคนที่ยังไม่อยากจะให้นายไปนี่นะ”
โกคุเดระ ฮายาโตะขมวดคิ้ว แต่ก่อนที่ทันจะได้พูดอะไรออกมา เสียงเคาะกระจกข้างๆฝั่งตัวเองก็ดังขึ้น ดวงตาสีเขียวมรกตตวัดขวับไปมองด้วยความหงุดหงิด ก่อนที่พวกมันจะเบิกตาออกกว้างเมื่อพบว่าอีกฝ่ายเป็นใคร
พระเจ้าครับ
“ขอโทษทีนะโกคุเดระ ช่วยลงมาทีสิ” ร่างสูงพูดผ่านกระจกเข้ามา เสียงหอบหายใจอย่างหนักหน่วงดังแทรกคำพูดในทุกๆคำ ร่างบางหันไปมองชามาร์ลที่นั่งทำเป็นไม่สนใจอยู่ข้างๆตัวเองก่อนจะเปิดประตูแล้วก้าวขาลงมายืนข้างๆอีกฝ่าย
ยามาโมโตะ ทาเคชิ
“ขอโทษจริงๆนะโกคุเดระที่ฉันมาสาย คือพอดีรถมันติดแล้วก็ เอ่อ มีปัญหาบางอย่างน่ะ” เสียงทุ้มต่ำพูดต่อ ยังคงหอบหายใจอย่างหนักหน่วงเป็นระยะ มือเรียวยื่นถุงกระดาษออกไปหาอีกฝ่าย “เอ่อ... แล้วก็นี่ของขวัญวันปีใหม่ ฉันไม่รู้ว่านายจะถูกใจหรือเปล่า แต่ฉันก็คิดว่ามันเหมาะกับ...”
“หุบปาก” ร่างสูงตั้งท่าจะร่ายต่อแต่เสียงหวานของคนข้างหน้าห็หยุดคำพูดเหล่านั้นเอาไว้
“เอ่อ แต่ว่า...”
“ฉันบอกให้แกหุบปากไง ...ไอ้โง่”
เสียงหวานกระซิบผ่านร่องปากสีชมพูสวย ก่อนที่มือเรียวบ้างทั้งสองข้างจะเอื้อมออกไปรั้งคอของคนข้างหน้าลงมา ร่างเล็กเขย่งปลายเท้าขึ้นเล็กน้อย ดวงตาสีเขียวมรกตทั้งสองข้างมองตรงไปยังดวงตาสีน้ำตาลเปลือกไม้คู่สวยของอีกฝ่ายราวกับพยายามที่จะละลายดวงตาของอีกฝ่ายลงไปด้วยความหวานของมันเอง ก่อนที่เขาจะประทับริมฝีปากสีกุหลาบลงไปยังริมฝีปากหยักลึกเป็นรูปสวยของคนตัวสูงกว่าช้าๆ ร่างสูงนิ่งไปสักพักก่อนจะค่อยๆใช้แขนทั้งสองข้างโอบกอดเอวบางเอาไว้
โกคุเดระ ฮายาโตะถอนริมฝีปากออกช้าๆก่อนที่จะใช้ดวงตาสีเขียวของตัวเองมองตรงไปยังใบหน้าเกรียมแดดของผู้ชายคนตรงหน้า
ขอสักครั้งได้ไหมครับพระเจ้า ให้ผมได้บอกสิ่งที่ผมรู้สึกตลอดมาให้เขาได้รับฟัง
“โกคุเดระ...”
“เราคบกันมาปีกว่าแล้วนะยามาโมโตะ จำได้ไหมว่าฉันกับแกเคยสัญญาอะไรกันเอาไว้” เสียงหวานถูกเปล่งออกมาอีกครั้ง ทำนองของมันยังคงราบเรียบราวกับที่เคยเป็นมา “แกเคยสัญญากับฉันเอาไว้ว่าแกจะมาอยู่เป็นเพื่อนฉันทุกวันเพราะแกไม่อยากให้ฉันอยู่คนเดียว”
“...ฉัน”
“จริงๆแล้วมันก็ไม่แย่เท่าไหร่หรอก ไอ้การอยู่คนเดียวอะไรนั่นน่ะ แต่ที่มันแย่จนฉันทนไม่ไหวคือการที่ฉันเคยมีแกอยู่ข้างๆ แล้วก็เสียแกไปโดยที่ไม่รู้ตัวสักนิดว่าตัวเองได้ทำอะไรลงไป” ดวงตาสีเขียวมรกตยังคงสะกดให้ดวงตาสีน้ำตาลคู่นั้นมองตรงเข้ามา
ให้อีกฝ่ายรู้ว่าความรู้สึกของเขาในตอนนี้เป็นอย่างไร
“สิ่งที่ฉันอยากให้แกรู้เอาไว้นะยามาโมโตะ” ร่างบางยกมือขึ้นไปสัมผัสใบหน้าของอีกฝ่ายเบาๆก่อนจะใช้ปลายนิ้วไล่ลงมาตามสันจมูกของอีกฝ่ายช้าๆ “...คือฉันไม่เคยโกรธแกเลย”
“...”
“ฉันทำไม่ได้แม้แต่คิดที่จะเกลียดแก” ร่างบางยังคงพูดต่อ เสียงหวานเจือความเศร้าและเจ็บปวดราวกับหัวใจของเขากำลังถูกบดให้กลายเป็นผง “ทำไมนะ ยามาโมโตะ ทำไมการรักแกที่เป็นแค่ไอ้โง่คนหนึ่งถึงได้ทรมานมากขนาดนี้?”
“โกคุเดระ?”
“อาจจะเป็นเพราะว่าฉันก็เป็นแค่ไอ้โง่คนหนึ่งเหมือนกันก็ได้มั้ง” โกคุเดระกระซิบ ก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ
“...”
“ฉันรักแกนะไอ้โง่” เสียงหวานเอ่ยออกมาเสียงแผ่วเบา “รักแกจนจะบ้าตายอยู่แล้ว”
เสียงเคาะกระจกรถดังขึ้นมา โกคุเดระ ฮายาโตะนิ่วหน้า ก่อนจะยื่นกล่องของขวัญของตัวเองไปให้ยามาโมโตะ ทาเคชิที่ยังคงมีสีหน้างงๆ ร่างบางเปิดประตูรถออก ตั้งท่าจะเข้าไปนั่งในรถ ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับที่ร่างสูงเอื้อมมาจับมือของร่างบางเอาไว้ ดวงตาสีเขียวตวัดขึ้นไปมองก่อนจะเลิกคิ้วถาม
“...นายจะไปไหน?” เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามออกมาเบาๆอย่างไม่แน่ใจ
ร่างบางขมวดคิ้ว ก่อนจะตัดสินใจยักไหล่ออกมาแทนการตอบคำถาม
“แล้วนายจะกลับมาอีกไหม?” ร่างสูงยังคงไม่ยอมปล่อยมือออก ดวงตาสีน้ำตาลเปลือกไม้มองตรงไปยังดวงตาสีเขียวมรกตของอีกฝ่ายอย่างต้องการคำตอบ
โกคุเดระยิ้มออกมาบางๆ “ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”
ยามาโมโตะเบิกตากว้างกับคำตอบที่ตัวเองได้รับ ...หมายความว่ายังไง
ต่อจากนี้... จะไม่ได้เจอกันอีกแล้วหรอ?
ร่างบางใช้อีกมือหนึ่งที่ว่างอยู่แกะมือออกจากการเกาะกุมของร่างสูงออก ก่อนจะเข้าไปนั่งแล้วเอื้อมมือออกไปปิดประตูรถ ปล่อยให้อีกฝ่ายยังคงยืนอยู่ที่เดิมพร้อมกับความงุนงงกับคำตอบที่ตัวเองได้รับ
“ปล่อยเอาไว้แบบนี้ดีแล้วหรือไง?” ชามาร์ลถาม ก่อนจะเริ่มออกรถตรงไปยังสนามบิน
ร่างบางค่อยๆปิดเปลือกตาลงช้าๆแทนการตอบคำถาม
เทียนไขเพียงเล่มเดียวในโลกของเขาสะบัดวูบ
แล้วทันใดนั้นโลกทั้งใบของเขาก็พลันกลับมามืดสนิทอีกครั้ง
“นายร้องไห้อยู่นะ ...ฮายาโตะ”
ขอบคุณนะ ยามาโมโตะ
ฉันรักแกจนจะตายอยู่แล้ว
- Gokudera Hayato -
สวัสดีค่ะทุกๆคนน
ไรเตอร์ก็หายไปยาวเป็นเดือนอีกละ ขอโทษจริงๆนะคะ
ตอนนี้ก็เลยจัดยาวให้เป็นพิเศษเลย (ไม่เกี่ยว จริงๆคือแต่งเพลินและมันไม่ยอมจบ555555555)
งืออออ ตอนนี้แต่งไปแต่งมานั่งร้องไห้อยู่หน้าคอมเลยค่ะ สงสารว่ะ อีคนเขียนทำไมใจร้าย =_=
ก็เลยแอบหวังว่าทุกคนที่เข้ามาอ่านตอนนี้จะร้องไห้ได้เหมือนกับไรเตอร์ (ฮา)
ถ้าร้องไห้ก็ดีใจด้วยค่ะ 55555555555
เอาล่ะ มีความสุขกันมากๆนะคะ สุขสันต์วันสงกรานต์ค่ะ
ความคิดเห็น