ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Reborn] 8059 8018 D18 - Pandora heart

    ลำดับตอนที่ #14 : ≡( episode 13 - Realize

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 939
      19
      23 พ.ค. 60





    โกคุเดระ ฮายาโตะจากไปแล้วพร้อมๆกับหิมะที่ค่อยๆโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้าด้านบนอย่างต่อเนื่อง

    ยามาโมโตะ ทาเคชิล้วงโทรศัพท์มือถือสีเงินออกมาจากกระเป๋ากางเกง แต่หลังจากที่กดโทรออกไปทั้งหมดสี่ครั้งและทุกครั้งก็ได้ยินแต่เสียงของโอเปอเรเตอร์สาวที่รั้นแต่จะให้เขาฝากข้อความ เขาก็เลิกล้มความตั้งใจที่จะโทรศัพท์ไปหาซาวาดะ สึนะโยชิ

    ร่างสูงกระชับผ้าพันคอเพื่อสร้างความอบอุ่นให้ร่างกายมากขึ้นก่อนจะก้าวขาวยาวๆกลับไปยังตรอกแคบๆที่ไม่ห่างจากสวนสาธารณะมาก เจ้าของดวงตาสีน้ำตาลพบจักรยานที่ตัวเองทิ้งไว้เมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วถูกวางไว้ให้พิงกับกำแพงของร้านเบเกอรี่ที่หน้าร้านมีป้าย ‘closed’ แขวนเอาไว้อยู่

    ยามาโมโตะเอื้อมมือไปคว้าตัวแฮนด์จักรยานเพื่อดึงจักรยานคู่ใจให้ตั้งขึ้นมา เขาวางถุงกระดาษที่เพิ่งได้รับมาไว้ที่ตะกร้าด้านหน้าอย่างเบามือก่อนจะขึ้นคร่อมอานเพื่อมุ่งหน้าไปยังสถานที่หนึ่งที่เขาคิดว่าเจ้าของน่าจะมีคำตอบให้กับทุกๆคำถามที่มีอยู่มากมายภายในใจของเขา

    หวังว่าสึนะจะอยู่ที่บ้านนะ

     

     

     

    ราวกับคำอธิษฐานไม่เป็นจริง

    หน้าต่างทุกบานของบ้านซาวาดะมืดสนิทเพื่อที่จะบอกกับผู้คนภายนอกทุกคนที่มองมาว่าในขณะนี้ไม่มีใครอยู่ที่บ้านเลย

    ยามาโมโตะ ทาเคชิถอนหายใจ บ้านซาวาดะคงออกไปฉลองกันข้างนอก ครั้นจะให้โทรไปหาอีกก็ดูจะเป็นการรบกวนเกินไปสักหน่อย อีกทั้งอีกฝ่ายเพิ่งจะเจอกับเรื่องเครียดๆมา การที่เขาจะไปรบกวนเวลาพักผ่อนกับครอบครัวก็ดูเหมือนว่าจะเป็นการกระทำที่เพื่อนที่ดีไม่ควรจะทำเท่าไหร่

    ร่างสูงเลิกล้มความตั้งใจที่จะหาคำตอบอย่างง่ายดายก่อนจะเปลี่ยนเส้นทางเพื่อกลับไปยังร้านซูชิที่ๆพ่อของเขาคงกำลังทำงานยุ่งจนหัวหมุนพร้อมๆกับที่ก่นด่าเขาเป็นไฟให้แม่ที่อยู่บนสวรรค์ฟังอีกด้วย

    หลังจากที่ขี่จักรยานมาสักพักเขาก็ต้องยอมรับว่าภูมิใจในตัวเองไม่น้อยที่คิดถูกที่เลือกทางกลับบ้านทางนี้ทั้งที่ในเวลาปกติเขาแทบไม่เคยผ่าน เหตุผลก็คือการจราจรด้วยเส้นทางนี้มีผู้คนขวักไขว่ไม่มากเท่าทางที่เขามา ถ้าเกิดเขาเลือกที่จะขี่จักรยานกลับไปในทางเดิมมีหวังได้ถึงบ้านพรุ่งนี้เช้าแน่ๆ

    ดวงตาสีน้ำตาลมองไปยังคู่รักชายหญิงคู่หนึ่งที่เดินจับมือกันสวนทางกับเขาอย่างแปลกใจ ...อากาศเย็นจนจะเป็นน้ำแข็งขนาดนี้อยู่ข้างนอกนานๆไม่รู้สึกหนาวกันบ้างหรือยังไงนะ

    แต่เขาก็ต้องเปลี่ยนความคิดหลังจากที่เมื่อขี่เข้าไปใกล้สองคนนั้นมากขึ้นจนเห็นสีหน้าทั้งคู่ได้ชัด เพราะทั้งคู่ก็ดูจะมีความสุขดี อาจจะดูเป็นตาแก่ไปนิดนึงแต่ภาพที่เห็นมันก็ทำให้ส่วนหนึ่งลึกๆภายในใจของเขารำพึงกับตัวเองออกมาว่า

    ...นี่แหละเนอะ ความรัก

    สิ่งประหลาดที่เป็นแรงผลักดันให้ทำอะไรโง่ๆแบบที่ตัวเองไม่คิดมาก่อนว่าจะทำภายในชาตินี้เพียงเพื่อแค่จะมีความสุขกับคนที่ตัวเองรัก

    ที่สุดท้ายแล้ว... ยามาโมโตะคิด ก็ดูเหมือนจะเป็นการหลอกตัวเองเสียมากกว่า

    ร่างสูงเบี่ยงตัวบิดแฮนด์จักรยานไปทางขวาเล็กน้อยเมื่อถึงทางแยกถัดมาแต่แทนที่เขาจะขับตรงไปอย่างที่ควรจะทำ ขาขางหนึ่งของเขากลับทิ้งลงไปบนพื้นเย็นเยียบด้านล่างเพื่อหยุดจักรยานไว้ตรงหน้าอพาร์ตเม้นท์สองชั้นที่ดูโกโรโกโสแห่งหนึ่งที่บนกำแพงด้านหน้าตึกที่คงจะเคยเป็นสีขาวสม่ำเสมอกันเมื่อหลายปีที่แล้ว แต่บัดนี้กลับมีรอยสีถลอกอยู่เต็มไปหมด

    ถึงแม้ว่าจะผ่านมาทางนี้ไม่บ่อยนัก ยามาโมโตะก็จำได้ขึ้นใจว่าอพาร์ตเม้นท์ตรงหน้านี้เป็นอพาร์ตเม้นท์ที่โกคุเดระอาศัยอยู่ ร่างสูงส่ายหน้าก่อนจะหันหน้ากลับไปยังถนนเตรียมจะยกเท้ากลับขึ้นไปที่จักรยานตัวเองตามเดิม

    หมายถึงก่อนที่จะมีมือข้างหนึ่งคว้าต้นแขนของเขาเอาไว้

    ยามาโมโตะแทบจะร้องออกมาด้วยความตกใจ แต่เมื่อหันไปมองเจ้าของมือที่เป็นหญิงชราอายุประมาณ 70 ปีเขาก็กลั้นเสียงร้องเอาไว้อย่างทันท่วงที

    “หิมะตกแบบนี้มาทำอะไรอยู่ตรงนี้กันล่ะพ่อหนุ่ม” อีกฝ่ายพูดด้วยน้ำเสียงสงสัย แต่ก่อนที่เขาจะทันได้ตอบอะไรกลับไป อีกฝ่ายก็ดูจะสรุปไปเองเรียบร้อยแล้ว “อ้อ คนที่ติดต่อว่ามาดูห้องสินะ”

    “ครับ? เอ่อ เปล่า...”

    “ชั้นต้องไปทำธุระต่อด้วยสิเนี่ย” หญิงชรามีท่าทีไม่สบายใจแต่ก็ถอนหายใจแล้วล้วงเข้าไปในกระเป๋าถือสีน้ำตาลของตัวเอง “แต่ก็เอาเถอะ”

    ราวกับไม่ยอมปล่อยให้ยามาโมโตะมีโอกาสได้ปฏิเสธ อีกฝ่ายรีบยื่นกุญแจสีเงินออกมาตรงหน้าเขาอย่างรวดเร็ว

    “ถ้าดูห้องเสร็จแล้วก็ช่วยซ่อนมันเอาไว้ใต้พรมหน้าห้อง 001 ด้วยล่ะไอ้หนู”

     

     

     

    ยามาโมโตะมองลูกกุญแจในมือที่ส่งอุณหภูมิเย็นเยียบมาให้อย่างลังเลใจว่าควรจะหมุนลูกบิดตรงหน้าเข้าไปดีหรือไม่

    เจ้าของห้องคนก่อนเขาเพิ่งย้ายออกไปเมื่อเช้านี้เองหญิงชราพูดก่อนที่จะเดินออกไปพลางบ่นงึมงำตามหลังที่เขาจับใจความได้ประมาณว่า แทบจะไม่เก็บอะไรออกไปเลยนะไอ้หนุ่มนั่น ลำบากคนอื่นจริงจริ๊ง หนุ่มสาวสมัยนี้นี่มัน...

    ดวงตาสีน้ำตาลมองไปยังถุงของขวัญที่เขากลัวหายจนไม่กล้าทิ้งไว้ในตะกร้าหน้าจักรยานข้างนอกเลยหยิบติดมือมาด้วยก่อนจะตัดสินใจหมุนลูกบิดประตูแล้วดันให้ประตูเปิดเข้าไปข้างใน มือเรียวควานหาสวิตช์ไฟแล้วกดลงไป ดูเหมือนหลอดไฟตะเกียบที่ติดอยู่บนเพดานกลางห้องจะไม่เต็มใจให้ความร่วมมือเท่าไหร่นัก แต่หลังจากที่กระพริบอยู่สามทีมันก็ยอมสว่างขึ้นมาให้เขาแต่โดยดี

    โกคุเดระไม่ได้เก็บอะไรออกไปจากห้องเลยจริงๆ หรือถ้าเก็บออกไปก็คงจะน้อยมากเพราะทุกอย่างในห้องยังดูเหมือนเดิมกับในวันนั้นที่เขามาหาอีกฝ่ายที่ห้อง

    อากาศภายในห้องหนาวไม่ต่างจากภายนอก กลิ่นบุหรี่ที่โกคุเดระสูบยังคงลอยอบอวลอยู่ภายในห้องราวกับเจ้าของคนเดิมยังไม่ได้ย้ายออกไป เพียงแต่เดินออกไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อเท่านั้น

    ร่างสูงกวาดตาไปโดยรอบห้องเล็กๆก่อนที่แผ่นกระดาษใบหนึ่งบนโต๊ะหน้าโซฟาจะสะดุดตาเขาเข้า

    มันเป็นกระดาษแผ่นบางๆใบหนึ่งที่พับสี่ทบ ยามาโมโตะคลี่มันออก ดวงตาสีน้ำตาลมองไปยังตัวหนังสือที่อยู่บนนั้นด้วยความงุนงงเพราะภาษาที่อยู่ใช้เขียนนั้นเป็นภาษาอื่นที่ไม่ใช่ทั้งภาษาญี่ปุ่นและภาษาอังกฤษ

    แต่เป็นอะไรที่ดูเหมือนภาษาอิตาลีที่เขาเคยเห็นมาก่อนแล้วจากหนังสือที่โกคุเดระอ่าน

    อย่างไรก็ตามยามาโมโตะค่อนข้างจะมั่นใจว่าสัญลักษณ์ที่อยู่ด้านบนสุดของกระดาษแผ่นนี้เป็นสัญลักษณ์ที่หมายถึงโรงพยาบาลแน่นอน

    ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่แน่ใจอยู่ดีว่ากระดาษที่เป็นของโรงพยาบาลมาอยู่ที่ห้องของโกคุเดระได้อย่างไร แต่มันก็ทำให้เขาค่อนข้างจะมั่นใจว่าอีกฝ่ายน่าจะไปที่อิตาลี

    ไม่รู้สิ ...อาจจะไปเยี่ยมเพื่อนที่ป่วยก็ได้มั้ง

    แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่เห็นจะต้องย้ายออกไปเลยนี่

    ร่างสูงพับกระดาษก่อนจะวางมันกลับไปตามเดิม แต่ก่อนที่เขาจะทันได้ปิดสวิตช์ไปแล้วเดินออกไปจากห้อง โทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงด้านหลังก็ดังขึ้นมา ยามาโมโตะกดรับ “ว่าไงสึนะ”

    เขาเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจที่อีกฝ่ายรีบตอบกลับมาด้วยความร้อนรน (ยามาโมโตะคุง โทรมามีอะไรหรือเปล่า)

    “อ๋อ” ยามาโมโตะละมือออกจากสวิตช์ไฟ ริมฝีปากบางคลี่ยิ้ม “ไม่มีอะไรมากหรอก ก็แค่อยากจะโทรไปสวัสดีปีใหม่น่ะ”

    ไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองหรือเปล่า แต่ปลายสายดูจะถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง (งั้นหรอ สวัสดีปีใหม่เช่นกันนะยามาโมโตะ)

    “อ้อ แล้วก็นะสึนะ”

    (หืม?) เสียงหวานตอบรับอย่างใจลอย

    “โกคุเดระเขา” ร่างสูงมองไปยังกระดาษแผ่นที่วางอยู่บนโต๊ะ “กำลังเดินทางไปที่ไหนหรอ?

    อากาศหนาวขึ้นจนยามาโมโตะต้องใช้มืออีกข้างขยับผ้าพันคออีกครั้ง

    เป็นเวลาเกือบนาทีที่เขาไม่ได้ยินเสียงอะไรตอบกลับมา

    (...อิตาลี) ซาวาดะ สึนะโยชิตอบกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา ฟังดูราวพูดกับตัวเองมากกว่าที่จะตอบกลับ (ไปอิตาลีน่ะ)

    อย่างที่คิดไว้ ยามาโมโตะไม่ได้แปลกใจกับคำตอบที่ได้รับ “โกคุเดระไปทำอะไรที่อิตาลีกันหรือจะไปเยี่ยมเพื่อนจริงๆ...” ร่างสูงพึมพำกับตัวเอง

    (สึนะ! คุณแรมโบ้จะเติมข้าวอีก)

    เสียงของเจ้าวัวน้อยที่ลอดแทรกเข้ามาระหว่างบทสนทนาทำเอายามาโมโตะตื่นจากภวังค์ คิดก่นด่าตัวเองในใจที่ลืมไปเลยว่าอีกฝ่ายกำลังพักผ่อนอยู่กับครอบครัว “ขอโทษที่รบกวนนะสึนะ” ร่างสูงรีบพูด “งั้นแค่นี้...”

    (โรคหัวใจ...) อีกฝ่ายพูดออกมาเบาๆแต่ก็ดังพอที่จะทำให้นิ้วเรียวที่กำลังจะกดวางโทรศัพท์ชะงัก

    “อะไร...”

    (โกคุเดระคุงน่ะยามาโมโตะ)

    ราวกับมีกระแสไฟฟ้าพุ่งตรงจากโทรศัพท์มือถือที่แนบหูอยู่ลงมาที่หัวใจ

    แต่เขาเองก็ไม่แน่ใจแล้วว่าจุดกำเนิดของกระแสไฟฟ้าอยู่ที่ไหน ระหว่างโทรศัพท์หรือภายในตัวของเขาเองกันแน่

    “สึนะ?

    (โกคุเดระคุง) เสียงหวานสั่นระริกจนทำให้เขานึกภาพออกว่าคู่สนทนากำลังกลั้นสะอื้น

    เสียงหวีดหวิวของสายลมภายนอกดูจะเงียบลงไป

    เงียบจนเขาแทบไม่ได้ยินเสียงหัวใจตัวเอง

    ราวกับกำลังรอฟังคำยืนยันและกำลังคาดหวังให้ตัวเองได้ยินผิดไปพร้อมๆกัน

    (...เป็นโรคหัวใจ)

    หนาวจนเลือดทุกหยดในร่างกายกลายเป็นน้ำแข็ง

    ยามาโมโตะ ทาเคชิไม่รู้ว่าอีกฝ่ายวางหูจากโทรศัพท์ไปตั้งแต่ตอนไหนหรือแม้แต่พูดอะไรต่อจากนั้น แต่พอมารู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าตัวเองไม่ได้รู้สึกถึงความเย็นจากโทรศัพท์ที่แนบอยู่กับใบหูอีกต่อไปแล้ว

    เขาเก็บมันเข้ากระเป๋าไปหรือยังนะ

    เอาตามตรง ยามาโมโตะเองก็ไม่แน่ใจเสียด้วยซ้ำว่าตัวเขาในตอนนี้เรียกว่ากำลังรู้สึกตัวอยู่หรือเปล่า

    บรรยากาศภายในห้องนี้ดูจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย เหมือนจะหนาวขึ้นนิดหน่อยและผนังทั้งสี่ด้านก็ดูจะยืดยาวออกไปมากขึ้น

    หน้าหนาวที่แล้วที่เขาอยู่ที่นี่กับโกคุเดระ ไม่เห็นจะหนาวขนาดนี้เลย

    เพราะอากาศปีนี้หนาวกว่าทุกๆปีที่ผ่านมาหรือเปล่านะ

    หรือเพราะอะไรกันแน่

    ดวงตาสีน้ำตาลมองไปยังถุงของขวัญที่เขาลืมมันเอาไว้บนโซฟาสีแดง ร่างสูงเดินไปยังกลางห้องก่อนจะหยิบมันมาถือเอาไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง เขาค่อยๆกลั้นใจแกะมันออกอย่างระมัดระวัง

    ภายในถุงกระดาษสีน้ำตาลเป็นกล่องของขวัญที่ห่อด้วยกระดาษมันเงาสีหวาน ยามาโมโตะยิ้มเมื่อนึกภาพว่าโกคุเดระจะทำหน้าอย่างไรหลังจากที่เห็นว่าพนักงานห่อของขวัญให้ด้วยกระดาษสีนี้

    คงจะโวยวายน่าดู

    เทปใสถูกลอกออกทีละอันอย่างประณีตก่อนที่ทั้งกล่องจะเหลือเพียงแค่สีน้ำตาลตุ่นๆของกล่องเท่านั้น ร่างสูงแงะให้ฝาด้านบนของกล่องเปิดออก ดวงตาสีน้ำตาลมองลงไปยังถุงมือเบสบอลที่นอนคู่กันอยู่ที่ก้นกล่อง

    เขาคงจะปิดฝากล่องกลับไปเหมือนเดิมแล้วถ้าไม่บังเอิญเหลือบไปเห็นการ์ดใบเล็กๆใบหนึ่งที่ถูกวางซ่อนเอาไว้อยู่ด้านล่าง ยามาโมโตะเอียงกล่องเล็กน้อยก่อนจะหยิบมันขึ้นมาดู การ์ดที่เขาเห็นพิมพ์ด้วยลายหมีถือหัวใจ ในตอนแรกยามาโมโตะคิดว่ามันน่าจะเป็นบริการพิเศษจากทางร้านแต่เขาก็ต้องเปลี่ยนใจเมื่อมองดูดีๆแล้วบนการ์ดมีรอยยับยู่ยี่ที่เกิดจากการขยำอยู่

    โกคุเดระคงจะเขียนแล้วขยำทิ้งก่อนจะเปลี่ยนใจเอามันขึ้นมารีดให้เรียบแล้วใส่ลงมาในกล่องสินะ

    ร่างสูงคลี่ยิ้ม ก่อนที่นิ้วเรียวจะเปิดอ่านข้อความที่ถูกเขียนอยู่ด้านใน

    แล้วก็พบว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด

    ผิดอย่างมหันต์

    มีคนเคยบอกว่าน้ำตาหยดแรกจะเป็นตัวเปิดประตูให้น้ำตามากมายไหลตามลงมา เพราะฉะนั้นลูกผู้ชายไม่ควรจะมีน้ำตาแม้แต่หยดเดียว

    แต่น้ำตาที่ไหลลงมาในตอนนี้เป็นน้ำตาหยดที่เท่าไหร่แล้ว เขาก็จำไม่ได้

    ดวงตาสีน้ำตาลไล่อ่านตัวหนังสือที่อยู่บนนั้นซ้ำไปซ้ำมาทั้งๆที่มันก็มีเขียนเอาไว้อยู่แค่คำเดียว

    รัก

    ทั้งๆที่ภายนอกเย็นชาออกแบบนั้น ดูยังไงก็ไม่น่าเข้าใกล้ ไม่น่าใช่คนที่จะพูดคำๆนี้ออกมาในชั่วชีวิตแน่ๆ

    แต่วันนี้ทั้งวันโกคุเดระพูดออกมาให้เขาฟังทั้งหมดกี่ครั้งแล้วนะ

    ยามาโมโตะไม่รู้ว่าตัวเองสะอื้นออกมาด้วยหรือเปล่า

    แต่มันจะไปสำคัญอะไร

    สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือ เขาทำอะไรลงไป

    แกได้พิรุณหรอเนี่ยยามาโมโตะ เฮอะ อย่างแย่

    แย่สิวะ ก็ฝนน่ะเหมือนกับน้ำตาที่ตกลงมาจากท้องฟ้านั่นแหละ

    อย่าขำสิวะ!’

    ไม่รู้ว่าถ้าอีกฝ่ายมาเห็นสภาพของเขาในตอนนี้ เขาจะต้องโดนพูดจาดูถูกหรือหัวเราะเยาะใส่ขนาดไหน

    แต่มันจะช้าไปใช่ไหม ถ้าเขาจะบอกว่าเขายอม

    หากมันจะเป็นโอกาสให้เขาได้พูดความรู้สึกของตัวเองให้อีกฝ่ายได้ฟังบ้าง

    ว่าที่ผ่านมาเขารู้สึกอย่างไรและเสียใจแค่ไหนที่ไม่ได้อยู่เคียงข้าง

    ขอโทษนะ โกคุเดระ

     

     

     


    นายจะต้องเข้มแข็งขนาดไหนกันโกคุเดระ

    -   Yamamoto Takeshi  -




     

     

    Talk with writer 

    ไม่ได้อัพมาสองปีขอโทษด้วยนะคะ

    หลังจากเปิดเทอมปีหนึ่งมา ทุกอย่างมันก็ดูวุ่นวายจนไม่มีเวลาทำอย่างอื่่นเลย

    รู้ตัวอีกทีก็จะขึ้นปีสามแล้วค่ะ (ฮา)

    ขอโทษที่ทำให้ต้องรอกันนานขนาดนี้นะคะ ไรเตอร์เสียใจจริงๆ

    สำหรับคนที่ยังอ่านและรอการกลับมาอยู่ อยากบอกว่าซึ้งใจมากเลยค่ะ

    ขอบคุณมากจริงๆ

    ไม่คิดว่ารีบอร์นจบมานานมากแล้วจะยังมีคนเข้ามาอ่านฟิคเรื่องนี้อยู่


    ตอนนี้เป็นยังไงบ้างคะ

    ยามาโมโตะมันสมควรจริงๆแหละเนอะ

    โอ๊ย แต่งไปแล้วอยากเข้าไปกอดปลอบซะเหลือเกิน

    อิหนูของเจ้

        

    ฝฝ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×