คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : ≡( episode 13 - Realize
โกคุเดระ ฮายาโตะจากไปแล้ว—พร้อมๆกับหิมะที่ค่อยๆโปรยปรายลงมาจากท้องฟ้าด้านบนอย่างต่อเนื่อง
ยามาโมโตะ ทาเคชิล้วงโทรศัพท์มือถือสีเงินออกมาจากกระเป๋ากางเกง แต่หลังจากที่กดโทรออกไปทั้งหมดสี่ครั้งและทุกครั้งก็ได้ยินแต่เสียงของโอเปอเรเตอร์สาวที่รั้นแต่จะให้เขาฝากข้อความ
เขาก็เลิกล้มความตั้งใจที่จะโทรศัพท์ไปหาซาวาดะ สึนะโยชิ
ร่างสูงกระชับผ้าพันคอเพื่อสร้างความอบอุ่นให้ร่างกายมากขึ้นก่อนจะก้าวขาวยาวๆกลับไปยังตรอกแคบๆที่ไม่ห่างจากสวนสาธารณะมาก
เจ้าของดวงตาสีน้ำตาลพบจักรยานที่ตัวเองทิ้งไว้เมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วถูกวางไว้ให้พิงกับกำแพงของร้านเบเกอรี่ที่หน้าร้านมีป้าย
‘closed’ แขวนเอาไว้อยู่
ยามาโมโตะเอื้อมมือไปคว้าตัวแฮนด์จักรยานเพื่อดึงจักรยานคู่ใจให้ตั้งขึ้นมา
เขาวางถุงกระดาษที่เพิ่งได้รับมาไว้ที่ตะกร้าด้านหน้าอย่างเบามือก่อนจะขึ้นคร่อมอานเพื่อมุ่งหน้าไปยังสถานที่หนึ่งที่เขาคิดว่าเจ้าของน่าจะมีคำตอบให้กับทุกๆคำถามที่มีอยู่มากมายภายในใจของเขา
หวังว่าสึนะจะอยู่ที่บ้านนะ
ราวกับคำอธิษฐานไม่เป็นจริง
หน้าต่างทุกบานของบ้านซาวาดะมืดสนิทเพื่อที่จะบอกกับผู้คนภายนอกทุกคนที่มองมาว่าในขณะนี้ไม่มีใครอยู่ที่บ้านเลย
ยามาโมโตะ ทาเคชิถอนหายใจ บ้านซาวาดะคงออกไปฉลองกันข้างนอก
ครั้นจะให้โทรไปหาอีกก็ดูจะเป็นการรบกวนเกินไปสักหน่อย อีกทั้งอีกฝ่ายเพิ่งจะเจอกับเรื่องเครียดๆมา
การที่เขาจะไปรบกวนเวลาพักผ่อนกับครอบครัวก็ดูเหมือนว่าจะเป็นการกระทำที่เพื่อนที่ดีไม่ควรจะทำเท่าไหร่
ร่างสูงเลิกล้มความตั้งใจที่จะหาคำตอบอย่างง่ายดายก่อนจะเปลี่ยนเส้นทางเพื่อกลับไปยังร้านซูชิ—ที่ๆพ่อของเขาคงกำลังทำงานยุ่งจนหัวหมุนพร้อมๆกับที่ก่นด่าเขาเป็นไฟให้แม่ที่อยู่บนสวรรค์ฟังอีกด้วย
หลังจากที่ขี่จักรยานมาสักพักเขาก็ต้องยอมรับว่าภูมิใจในตัวเองไม่น้อยที่คิดถูกที่เลือกทางกลับบ้านทางนี้ทั้งที่ในเวลาปกติเขาแทบไม่เคยผ่าน
เหตุผลก็คือการจราจรด้วยเส้นทางนี้มีผู้คนขวักไขว่ไม่มากเท่าทางที่เขามา
ถ้าเกิดเขาเลือกที่จะขี่จักรยานกลับไปในทางเดิมมีหวังได้ถึงบ้านพรุ่งนี้เช้าแน่ๆ
ดวงตาสีน้ำตาลมองไปยังคู่รักชายหญิงคู่หนึ่งที่เดินจับมือกันสวนทางกับเขาอย่างแปลกใจ
...อากาศเย็นจนจะเป็นน้ำแข็งขนาดนี้อยู่ข้างนอกนานๆไม่รู้สึกหนาวกันบ้างหรือยังไงนะ
แต่เขาก็ต้องเปลี่ยนความคิดหลังจากที่เมื่อขี่เข้าไปใกล้สองคนนั้นมากขึ้นจนเห็นสีหน้าทั้งคู่ได้ชัด
เพราะทั้งคู่ก็ดูจะมีความสุขดี อาจจะดูเป็นตาแก่ไปนิดนึงแต่ภาพที่เห็นมันก็ทำให้ส่วนหนึ่งลึกๆภายในใจของเขารำพึงกับตัวเองออกมาว่า
...นี่แหละเนอะ ความรัก
สิ่งประหลาดที่เป็นแรงผลักดันให้ทำอะไรโง่ๆแบบที่ตัวเองไม่คิดมาก่อนว่าจะทำภายในชาตินี้เพียงเพื่อแค่จะมีความสุขกับคนที่ตัวเองรัก
ที่สุดท้ายแล้ว... ยามาโมโตะคิด
ก็ดูเหมือนจะเป็นการหลอกตัวเองเสียมากกว่า
ร่างสูงเบี่ยงตัวบิดแฮนด์จักรยานไปทางขวาเล็กน้อยเมื่อถึงทางแยกถัดมาแต่แทนที่เขาจะขับตรงไปอย่างที่ควรจะทำ
ขาขางหนึ่งของเขากลับทิ้งลงไปบนพื้นเย็นเยียบด้านล่างเพื่อหยุดจักรยานไว้ตรงหน้าอพาร์ตเม้นท์สองชั้นที่ดูโกโรโกโสแห่งหนึ่งที่บนกำแพงด้านหน้าตึกที่คงจะเคยเป็นสีขาวสม่ำเสมอกันเมื่อหลายปีที่แล้ว
แต่บัดนี้กลับมีรอยสีถลอกอยู่เต็มไปหมด
ถึงแม้ว่าจะผ่านมาทางนี้ไม่บ่อยนัก ยามาโมโตะก็จำได้ขึ้นใจว่าอพาร์ตเม้นท์ตรงหน้านี้เป็นอพาร์ตเม้นท์ที่โกคุเดระอาศัยอยู่
ร่างสูงส่ายหน้าก่อนจะหันหน้ากลับไปยังถนนเตรียมจะยกเท้ากลับขึ้นไปที่จักรยานตัวเองตามเดิม
หมายถึงก่อนที่จะมีมือข้างหนึ่งคว้าต้นแขนของเขาเอาไว้
ยามาโมโตะแทบจะร้องออกมาด้วยความตกใจ แต่เมื่อหันไปมองเจ้าของมือที่เป็นหญิงชราอายุประมาณ
70 ปีเขาก็กลั้นเสียงร้องเอาไว้อย่างทันท่วงที
“หิมะตกแบบนี้มาทำอะไรอยู่ตรงนี้กันล่ะพ่อหนุ่ม”
อีกฝ่ายพูดด้วยน้ำเสียงสงสัย แต่ก่อนที่เขาจะทันได้ตอบอะไรกลับไป
อีกฝ่ายก็ดูจะสรุปไปเองเรียบร้อยแล้ว “อ้อ คนที่ติดต่อว่ามาดูห้องสินะ”
“ครับ? เอ่อ เปล่า...”
“ชั้นต้องไปทำธุระต่อด้วยสิเนี่ย” หญิงชรามีท่าทีไม่สบายใจแต่ก็ถอนหายใจแล้วล้วงเข้าไปในกระเป๋าถือสีน้ำตาลของตัวเอง
“แต่ก็เอาเถอะ”
ราวกับไม่ยอมปล่อยให้ยามาโมโตะมีโอกาสได้ปฏิเสธ
อีกฝ่ายรีบยื่นกุญแจสีเงินออกมาตรงหน้าเขาอย่างรวดเร็ว
“ถ้าดูห้องเสร็จแล้วก็ช่วยซ่อนมันเอาไว้ใต้พรมหน้าห้อง 001 ด้วยล่ะไอ้หนู”
ยามาโมโตะมองลูกกุญแจในมือที่ส่งอุณหภูมิเย็นเยียบมาให้อย่างลังเลใจว่าควรจะหมุนลูกบิดตรงหน้าเข้าไปดีหรือไม่
‘เจ้าของห้องคนก่อนเขาเพิ่งย้ายออกไปเมื่อเช้านี้เอง’ หญิงชราพูดก่อนที่จะเดินออกไปพลางบ่นงึมงำตามหลังที่เขาจับใจความได้ประมาณว่า
‘แทบจะไม่เก็บอะไรออกไปเลยนะไอ้หนุ่มนั่น
ลำบากคนอื่นจริงจริ๊ง หนุ่มสาวสมัยนี้นี่มัน...’
ดวงตาสีน้ำตาลมองไปยังถุงของขวัญที่เขากลัวหายจนไม่กล้าทิ้งไว้ในตะกร้าหน้าจักรยานข้างนอกเลยหยิบติดมือมาด้วยก่อนจะตัดสินใจหมุนลูกบิดประตูแล้วดันให้ประตูเปิดเข้าไปข้างใน
มือเรียวควานหาสวิตช์ไฟแล้วกดลงไป
ดูเหมือนหลอดไฟตะเกียบที่ติดอยู่บนเพดานกลางห้องจะไม่เต็มใจให้ความร่วมมือเท่าไหร่นัก
แต่หลังจากที่กระพริบอยู่สามทีมันก็ยอมสว่างขึ้นมาให้เขาแต่โดยดี
โกคุเดระไม่ได้เก็บอะไรออกไปจากห้องเลยจริงๆ หรือถ้าเก็บออกไปก็คงจะน้อยมากเพราะทุกอย่างในห้องยังดูเหมือนเดิมกับในวันนั้นที่เขามาหาอีกฝ่ายที่ห้อง
อากาศภายในห้องหนาวไม่ต่างจากภายนอก
กลิ่นบุหรี่ที่โกคุเดระสูบยังคงลอยอบอวลอยู่ภายในห้องราวกับเจ้าของคนเดิมยังไม่ได้ย้ายออกไป
เพียงแต่เดินออกไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อเท่านั้น
ร่างสูงกวาดตาไปโดยรอบห้องเล็กๆก่อนที่แผ่นกระดาษใบหนึ่งบนโต๊ะหน้าโซฟาจะสะดุดตาเขาเข้า
มันเป็นกระดาษแผ่นบางๆใบหนึ่งที่พับสี่ทบ ยามาโมโตะคลี่มันออก ดวงตาสีน้ำตาลมองไปยังตัวหนังสือที่อยู่บนนั้นด้วยความงุนงงเพราะภาษาที่อยู่ใช้เขียนนั้นเป็นภาษาอื่นที่ไม่ใช่ทั้งภาษาญี่ปุ่นและภาษาอังกฤษ
แต่เป็นอะไรที่ดูเหมือนภาษาอิตาลีที่เขาเคยเห็นมาก่อนแล้วจากหนังสือที่โกคุเดระอ่าน
อย่างไรก็ตามยามาโมโตะค่อนข้างจะมั่นใจว่าสัญลักษณ์ที่อยู่ด้านบนสุดของกระดาษแผ่นนี้เป็นสัญลักษณ์ที่หมายถึงโรงพยาบาลแน่นอน
ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังไม่แน่ใจอยู่ดีว่ากระดาษที่เป็นของโรงพยาบาลมาอยู่ที่ห้องของโกคุเดระได้อย่างไร
แต่มันก็ทำให้เขาค่อนข้างจะมั่นใจว่าอีกฝ่ายน่าจะไปที่อิตาลี
ไม่รู้สิ ...อาจจะไปเยี่ยมเพื่อนที่ป่วยก็ได้มั้ง
แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่เห็นจะต้องย้ายออกไปเลยนี่
ร่างสูงพับกระดาษก่อนจะวางมันกลับไปตามเดิม
แต่ก่อนที่เขาจะทันได้ปิดสวิตช์ไปแล้วเดินออกไปจากห้อง
โทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงด้านหลังก็ดังขึ้นมา ยามาโมโตะกดรับ “ว่าไงสึนะ”
เขาเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจที่อีกฝ่ายรีบตอบกลับมาด้วยความร้อนรน (ยามาโมโตะคุง
โทรมามีอะไรหรือเปล่า)
“อ๋อ” ยามาโมโตะละมือออกจากสวิตช์ไฟ ริมฝีปากบางคลี่ยิ้ม “ไม่มีอะไรมากหรอก
ก็แค่อยากจะโทรไปสวัสดีปีใหม่น่ะ”
ไม่รู้ว่าเขาคิดไปเองหรือเปล่า แต่ปลายสายดูจะถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง
(งั้นหรอ สวัสดีปีใหม่เช่นกันนะยามาโมโตะ)
“อ้อ แล้วก็นะสึนะ”
(หืม?) เสียงหวานตอบรับอย่างใจลอย
“โกคุเดระเขา” ร่างสูงมองไปยังกระดาษแผ่นที่วางอยู่บนโต๊ะ “กำลังเดินทางไปที่ไหนหรอ?”
อากาศหนาวขึ้นจนยามาโมโตะต้องใช้มืออีกข้างขยับผ้าพันคออีกครั้ง
เป็นเวลาเกือบนาทีที่เขาไม่ได้ยินเสียงอะไรตอบกลับมา
(...อิตาลี) ซาวาดะ สึนะโยชิตอบกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา ฟังดูราวพูดกับตัวเองมากกว่าที่จะตอบกลับ
(ไปอิตาลีน่ะ)
อย่างที่คิดไว้ ยามาโมโตะไม่ได้แปลกใจกับคำตอบที่ได้รับ “โกคุเดระไปทำอะไรที่อิตาลีกันหรือจะไปเยี่ยมเพื่อนจริงๆ...”
ร่างสูงพึมพำกับตัวเอง
(สึนะ! คุณแรมโบ้จะเติมข้าวอีก)
เสียงของเจ้าวัวน้อยที่ลอดแทรกเข้ามาระหว่างบทสนทนาทำเอายามาโมโตะตื่นจากภวังค์
คิดก่นด่าตัวเองในใจที่ลืมไปเลยว่าอีกฝ่ายกำลังพักผ่อนอยู่กับครอบครัว “ขอโทษที่รบกวนนะสึนะ”
ร่างสูงรีบพูด “งั้นแค่นี้...”
(โรคหัวใจ...) อีกฝ่ายพูดออกมาเบาๆแต่ก็ดังพอที่จะทำให้นิ้วเรียวที่กำลังจะกดวางโทรศัพท์ชะงัก
“อะไร...”
(โกคุเดระคุงน่ะยามาโมโตะ)
ราวกับมีกระแสไฟฟ้าพุ่งตรงจากโทรศัพท์มือถือที่แนบหูอยู่ลงมาที่หัวใจ
แต่เขาเองก็ไม่แน่ใจแล้วว่าจุดกำเนิดของกระแสไฟฟ้าอยู่ที่ไหน ระหว่างโทรศัพท์หรือภายในตัวของเขาเองกันแน่
“สึนะ?”
(โกคุเดระคุง) เสียงหวานสั่นระริกจนทำให้เขานึกภาพออกว่าคู่สนทนากำลังกลั้นสะอื้น
เสียงหวีดหวิวของสายลมภายนอกดูจะเงียบลงไป
เงียบจนเขาแทบไม่ได้ยินเสียงหัวใจตัวเอง
ราวกับกำลังรอฟังคำยืนยันและกำลังคาดหวังให้ตัวเองได้ยินผิดไปพร้อมๆกัน
(...เป็นโรคหัวใจ)
หนาวจนเลือดทุกหยดในร่างกายกลายเป็นน้ำแข็ง
ยามาโมโตะ ทาเคชิไม่รู้ว่าอีกฝ่ายวางหูจากโทรศัพท์ไปตั้งแต่ตอนไหนหรือแม้แต่พูดอะไรต่อจากนั้น
แต่พอมารู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าตัวเองไม่ได้รู้สึกถึงความเย็นจากโทรศัพท์ที่แนบอยู่กับใบหูอีกต่อไปแล้ว
เขาเก็บมันเข้ากระเป๋าไปหรือยังนะ
เอาตามตรง ยามาโมโตะเองก็ไม่แน่ใจเสียด้วยซ้ำว่าตัวเขาในตอนนี้เรียกว่ากำลังรู้สึกตัวอยู่หรือเปล่า
บรรยากาศภายในห้องนี้ดูจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย
เหมือนจะหนาวขึ้นนิดหน่อยและผนังทั้งสี่ด้านก็ดูจะยืดยาวออกไปมากขึ้น
หน้าหนาวที่แล้วที่เขาอยู่ที่นี่กับโกคุเดระ ไม่เห็นจะหนาวขนาดนี้เลย
เพราะอากาศปีนี้หนาวกว่าทุกๆปีที่ผ่านมาหรือเปล่านะ
หรือเพราะอะไรกันแน่
ดวงตาสีน้ำตาลมองไปยังถุงของขวัญที่เขาลืมมันเอาไว้บนโซฟาสีแดง
ร่างสูงเดินไปยังกลางห้องก่อนจะหยิบมันมาถือเอาไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง
เขาค่อยๆกลั้นใจแกะมันออกอย่างระมัดระวัง
ภายในถุงกระดาษสีน้ำตาลเป็นกล่องของขวัญที่ห่อด้วยกระดาษมันเงาสีหวาน
ยามาโมโตะยิ้มเมื่อนึกภาพว่าโกคุเดระจะทำหน้าอย่างไรหลังจากที่เห็นว่าพนักงานห่อของขวัญให้ด้วยกระดาษสีนี้
คงจะโวยวายน่าดู
เทปใสถูกลอกออกทีละอันอย่างประณีตก่อนที่ทั้งกล่องจะเหลือเพียงแค่สีน้ำตาลตุ่นๆของกล่องเท่านั้น
ร่างสูงแงะให้ฝาด้านบนของกล่องเปิดออก
ดวงตาสีน้ำตาลมองลงไปยังถุงมือเบสบอลที่นอนคู่กันอยู่ที่ก้นกล่อง
เขาคงจะปิดฝากล่องกลับไปเหมือนเดิมแล้วถ้าไม่บังเอิญเหลือบไปเห็นการ์ดใบเล็กๆใบหนึ่งที่ถูกวางซ่อนเอาไว้อยู่ด้านล่าง
ยามาโมโตะเอียงกล่องเล็กน้อยก่อนจะหยิบมันขึ้นมาดู
การ์ดที่เขาเห็นพิมพ์ด้วยลายหมีถือหัวใจ ในตอนแรกยามาโมโตะคิดว่ามันน่าจะเป็นบริการพิเศษจากทางร้านแต่เขาก็ต้องเปลี่ยนใจเมื่อมองดูดีๆแล้วบนการ์ดมีรอยยับยู่ยี่ที่เกิดจากการขยำอยู่
โกคุเดระคงจะเขียนแล้วขยำทิ้งก่อนจะเปลี่ยนใจเอามันขึ้นมารีดให้เรียบแล้วใส่ลงมาในกล่องสินะ
ร่างสูงคลี่ยิ้ม ก่อนที่นิ้วเรียวจะเปิดอ่านข้อความที่ถูกเขียนอยู่ด้านใน
แล้วก็พบว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด
ผิดอย่างมหันต์
มีคนเคยบอกว่าน้ำตาหยดแรกจะเป็นตัวเปิดประตูให้น้ำตามากมายไหลตามลงมา
เพราะฉะนั้นลูกผู้ชายไม่ควรจะมีน้ำตาแม้แต่หยดเดียว
แต่น้ำตาที่ไหลลงมาในตอนนี้เป็นน้ำตาหยดที่เท่าไหร่แล้ว เขาก็จำไม่ได้
ดวงตาสีน้ำตาลไล่อ่านตัวหนังสือที่อยู่บนนั้นซ้ำไปซ้ำมาทั้งๆที่มันก็มีเขียนเอาไว้อยู่แค่คำเดียว
‘รัก’
ทั้งๆที่ภายนอกเย็นชาออกแบบนั้น ดูยังไงก็ไม่น่าเข้าใกล้
ไม่น่าใช่คนที่จะพูดคำๆนี้ออกมาในชั่วชีวิตแน่ๆ
แต่วันนี้ทั้งวันโกคุเดระพูดออกมาให้เขาฟังทั้งหมดกี่ครั้งแล้วนะ
ยามาโมโตะไม่รู้ว่าตัวเองสะอื้นออกมาด้วยหรือเปล่า
แต่มันจะไปสำคัญอะไร
สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือ เขาทำอะไรลงไป
‘แกได้พิรุณหรอเนี่ยยามาโมโตะ เฮอะ อย่างแย่’
‘แย่สิวะ ก็ฝนน่ะเหมือนกับน้ำตาที่ตกลงมาจากท้องฟ้านั่นแหละ’
‘อย่าขำสิวะ!’
ไม่รู้ว่าถ้าอีกฝ่ายมาเห็นสภาพของเขาในตอนนี้
เขาจะต้องโดนพูดจาดูถูกหรือหัวเราะเยาะใส่ขนาดไหน
แต่มันจะช้าไปใช่ไหม ถ้าเขาจะบอกว่าเขายอม
หากมันจะเป็นโอกาสให้เขาได้พูดความรู้สึกของตัวเองให้อีกฝ่ายได้ฟังบ้าง
ว่าที่ผ่านมาเขารู้สึกอย่างไรและเสียใจแค่ไหนที่ไม่ได้อยู่เคียงข้าง
ขอโทษนะ โกคุเดระ
นายจะต้องเข้มแข็งขนาดไหนกันโกคุเดระ
-
Yamamoto Takeshi -
ไม่ได้อัพมาสองปีขอโทษด้วยนะคะ
หลังจากเปิดเทอมปีหนึ่งมา ทุกอย่างมันก็ดูวุ่นวายจนไม่มีเวลาทำอย่างอื่่นเลย
รู้ตัวอีกทีก็จะขึ้นปีสามแล้วค่ะ (ฮา)
ขอโทษที่ทำให้ต้องรอกันนานขนาดนี้นะคะ ไรเตอร์เสียใจจริงๆ
สำหรับคนที่ยังอ่านและรอการกลับมาอยู่ อยากบอกว่าซึ้งใจมากเลยค่ะ
ขอบคุณมากจริงๆ
ไม่คิดว่ารีบอร์นจบมานานมากแล้วจะยังมีคนเข้ามาอ่านฟิคเรื่องนี้อยู่
ตอนนี้เป็นยังไงบ้างคะ
ยามาโมโตะมันสมควรจริงๆแหละเนอะ
โอ๊ย แต่งไปแล้วอยากเข้าไปกอดปลอบซะเหลือเกิน
อิหนูของเจ้
ความคิดเห็น