คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #33 : ตอนที่ 25 หึงระยะสุดท้าย [100%]
ตอนที่ 25 หึงระยะสุดท้าย
ติน
“สวัสดีครับน้องพีม” ผมพูดทักทายเด็กหนุ่มตรงหน้าด้วยน้ำเสียงปกติ ปฏิเสธไม่ได้เลยจริงๆ
ว่าเด็กคนนี้เวลาใส่ชุดแบบนี้แล้วดูน่ารักสุดๆ แต่ถึงอย่างงั้นก็เถอะ
ความหน้ารักตรงหน้าทำอะไรผมไม่ได้หรอก
“ทำไมช่วงนี้พีมไม่ค่อยเจอพี่ตินเลยฮะ”
“ไม่รู้สิ
ช่วงนี้พี่เลิกเรียนแล้วก็กลับบ้านเลยน่ะ เดี๋ยวนี้มีเรียนแค่ช่วงเช้าด้วย” ผมพูดตอบออกไป แบบที่คนตรงหน้าก็พยักหน้ารับ ไม่รู้คิดถูกหรือคิดผิด
ที่ปล่อยให้เจเจกลับไปรอที่รถ แต่ก็น่าจะดีกว่าให้สองคนนี้มาก่อสงครามขนาดหย่อมกันตอนนี้ล่นะ
แต่ผมก็ยังไม่เข้าใจ ทำไมเด็กคนนี้ถึงยังกล้ามายุ่งกับผมอีก..
ในเมื่อวันนั้นที่ร้านอาหารผมคิดว่าผมก็พูดทุกอย่างออกไปชัดเจนแล้วนะ
“คิดอะไรอยู่ฮะพี่ติน”
“..คิดอะไรไปเรื่อยน่ะครับ
แล้วพีมมาที่นี่ทำไมเหรอ”
“เอ่อ..ผมเอาของมาให้พี่ที่รู้จักน่ะฮะ”
“ครับ งั้นรีบไปเถอะ
เดี๋ยวจะมืดเอาซะก่อน” ผมพูดออกไป
ไม่อยากจะให้มันเหมือนว่าเป็นการไล่เดี๋ยวน้องเขาจะเสียใจซะเปล่าๆ
เด็กน้อยตรงหน้าระบายยิ้มกว้างให้ผมก่อนที่จะพูดเสียงใส
“พี่ตินไปส่งพีมได้มั้ยฮะ”
“หืม?” ผมขานในลำคอพลางเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม
ไม่ใช่ว่าไม่รู้ว่าพีมกำลังพูดถึงอะไร แต่ผมไม่เข้าใจ..
“ก็นี่มันจะหกโมงแล้วนี่น่า
พีมไม่อยากกลับมืดๆคนเดียวนี่ฮะ” เด็กตรงหน้าพูดเสียงเอื่อย
ทำหน้าหม่นลงนิด แบบที่ผมเองก็คิดตามแล้วคิดว่ามันก็จริงอย่าที่พูด นี่ก็จะหกโมงแล้วถ้าปล่อยให้เด็กตัวเล็กๆแบบนี้กลับบ้านคนเดียวก็คงไม่ดีเท่าไหร่
ถึงจะเป็นเด็กผู้ชายก็เถอะ.. แล้วไอเจเจมันจะว่าอะไรมั้ยนะ..
ความคิดของชายหนุ่ม
ที่ตอนนี้เขาเองก็ไม่รู้เลยว่า คนที่นั่งรออยู่ในรถมองมาด้วยสายตาแบบไหน..
“นะฮะ..ไปส่งพีมนะ” เด็กน้อยตรงหน้าผมส่งเสียงออดอ้อนเสียงใส พร้อมกับกระพริบตาปริบๆ
ให้ดูน่ารักน่าเอ็นดู แต่มันกลับมีอีกความคิดนึงที่แทรกขึ้นมาว่า..
ถ้าผมพาพีมไปด้วยมั่นใจว่าต้องโดนไอเจเจมันอาละวาดแน่ๆ
“เดี๋ยวพี่ขอถาม...”
แกร๊ก..
“ขอโทษที่นะจ๊ะน้องติน..
พอดีโต๊ะทำงานพี่มันรกไปหน่อยเลยต้องหาซะนาน” แต่ก่อนที่ผมจะได้พูดตอบบอกไปจบกระโยค
ประตูห้องทำงานของประธานคณะก็เปิดขึ้น
หญิงสาวร่างสูงโปร่งก็เปิดประตูออกมาพูดเสียงหวาน
แบบที่ผมเองก็ได้แต่ระบายยิ้มในแบบฉบับของตัวเองไปให้
“ไม่เป็นไรครับ
ขอบคุณมากครับพี่อิง” ผมพูดตอบไปเสียงนุ่ม
แบบที่พี่สาวแกก็ส่งยิ้มหวานเยิ้มมาให้ พร้อมกับสายตาหวานๆ
ที่ดูจะขัดกับลุคสาวสวยใสของพี่แกมาก
“จ้ะ
งั้นพี่ทำงานต่อก่อนนะจ๊ะ”
“ครับผม” ผมยืนมองจนร่างสูงเข้าไปในห้องเรียบร้อยก่อนจะหันมาสบตาเด็กหนุ่มตรงหน้าอีกครั้ง
พีมมองหน้าผมงงๆ เหมือนจะถามอะไรสักอย่างแต่ก็ไม่กล้า.. แต่เรื่องนั้นช่างมันเถอะ
“เรื่องที่จะไปส่งเราน่ะ
พี่ขอถามเจเจก่อนแล้วกันนะ”
“พี่เจเจมาด้วยเหรอฮะ..” แล้วมันก็เป็นอย่างที่คาด เสียงใสๆ หม่นลงไปอย่างเห็นได้ชัด
พร้อมกับเจ้าของเสียงที่ก้มหน้าลงนิดก่อนที่จะช้อนตามองผม..
ยอมรับเลยว่าเวลาเห็นท่าทางแบบนี้แล้วมันใจอ่อนได้ง่ายๆ แต่ถ้าผมไปส่งพีมจริงๆ
ไอเจเจมันคง..
“ได้ของแล้วก็ไปสักที่สิวะ!!”
เฮือก!!
ทั้งผมทั้งน้องพีมที่สะดุ้งโหยงกับเสียงใสๆ
แหลมๆ ที่ดังมาจากด้านหลัง ผมหันขวับไปมองต้นเสียงที่ตอนนี้สายตาของมันกำลังจ้องมาที่ผมตาเขียว..
“ออกมาทำไมครับ แดดมันร้อน” ผมเดินเข้าไปหาคนตัวเล็กตรงหน้า
พร้อมกับเอาเอกสารในมือมาบังแดดให้เป็นการเอาใจ หวังว่ามันจะไม่โวยวายแบบที่ผมคิด
แต่ดูจากสีหน้าของมันตอนนี้แล้ว คิดว่าคงช่วยอะไรไม่ได้มากเท่าไหร่..
“ร้อนก็กลับสิ! ยืนคุยอะไรกันอยู่ได้!!” จู่ๆ ผมก็ยิ้มออกมาซะดื้อๆ
มองหน้าคนที่กำลังหายใจฟึดฟัดท่าทางโกรธจัด
แบบที่ผมก็พอจะเดาได้ว่ามันคงนั่งมองผมกับน้องพีมอยู่นานแล้ว
แต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรถึงทำให้มันตัดสินใจลงมาจากรถแบบนี้
แบบนี้เรียกว่าหึงระยะสุดท้ายแล้วสินะครับ
หึหึ
“พี่เจเจ..สวัสดีฮะ” น้องพีมยกมือขึ้นไหว้ไอเจเจ
โดยที่มันก็ทำแค่ปรายตามองแล้วพยักหน้ารับส่งๆ
อยากจะดุมันอยู่หรอกที่ทำท่าทางกับน้องแบบนั้น
แต่พอรู้เหตุผลแล้วก็ไม่อยากจะพูดว่าอะไรสักเท่าไหร่
“เอ่อ.. เจเจ
น้องพีมเขาขอ...”
“ไม่ให้!! ขออะไรกูก็ไม่ให้ทั้งนั้นแหละ!!” อยากจะหัวเราะออกมาดังๆ
กับคนที่ปกติแล้วรักเด็กยิ่งกว่าอะไร จะเด็กหญิงเด็กชาย ขอแค่หน้าตาน่ารัก
พูดจาสุภาพ ไอเจเจคนนี้แทบจะเอามาเลี้ยงเป็นลูก แต่มันน่าขำมั้ยครับ ถ้าจู่ๆมันก็มาออกอาการว่าไม่ชอบเด็กคนนี้ซะมากๆ
“ไม่เอาหน่าเจ ใจเย็นๆสิครับ”
“อะไร
กูก็ไม่ได้ใจร้อนอะไรนี่!”
นี่ขนาดไม่ใจร้อนนะครับเจ...
ผมแอบกลั้นขำกับการกระทำของอีกคน
จะว่ามันดูตลกก็ใช่ ดูน่ารักก็ใช่
คนที่บอกว่าไม่ได้หึงไม่ได้หวงแต่กลับมามีท่าทางแบบนี้มันเรียกว่าอะไรกันล่ะครับ
หรือนี่มันยังไม่ชัดเจน?
“เอ่อ..ตกลงไปส่งพีมได้มั้ยฮะ” ยังไม่ทันที่จะได้พูดอะไรให้มันเคลียร์กับเจเจเสียงใสๆ ก็แทรกขึ้นมา
ทั้งผมทั้งเจหันไปมองที่ต้นเสียง
แต่ดูเหมือนว่าอารมณ์ของเราสองคนจะแตกต่างกันราวฟ้ากับเหวเลยล่ะครับ
“ทำไมต้องไปส่งมันด้วยไอติน!”
“เดี๋ยวๆ..
น้องเขาถามว่าจะไปส่งได้รึเปล่า”
“แล้วมึงจะไปส่งมันทำไม!!” เจเจมันพูดเสียงดังลั่น แบบที่ผมเองก็อ้าปากค้าง กำลังงงว่าตอนมันเป็นบ้าไปแล้วหรือยังไง
ผมจำได้ว่ายังไม่ได้พูดสักคำว่าจะไปส่ง..
แต่เหมือนว่าอธิบายอะไรไปตอนนี้มันจะไม่ฟังแล้วล่ะครับ..
“ก็พีมไม่อยากกลับมืดๆ
คนเดียวนี่ฮะ..”
“ตอนมามึงก็มาคนเดียวได้!!”
“แต่ตอนกลับมันน่ากลัวนี่ฮะ..” เหมือนตอนที่ผมคิดเอาไว้ไม่มีผิด สงครามขนาดหย่อมๆ เริ่มเกิดขึ้นระหว่างสองคนนี้
คนนึงก็เหมือนมีไฟอยู่รอบตัว
ส่วนอีกคนก็ทำตัวเป็นน้ำมันราดกองไฟให้มันแรงขึ้นไปอีก
นี่ผมควรจะดีใจรึเปล่าครับ...
-------50%-------
“ไปรอที่รถก่อนเถอะเจ
เดี๋ยวกูคุยเอง”
“คุยบ้าอะไร! กูเห็นมึงยืนคุยกับมันมานานแล้วนะ!!” ร่างเล็กแหวขึ้นเสียงแข็ง
จ้องหน้าชายหนุ่มตรงหน้าอย่างเอาเรื่อง
แบบที่ตินก็ทำได้เพียงถอนหายใจอีกเฮือกใหญ่แล้วหันไปมองหนุ่มน้อยอีกคน
“น้องพีมครับ
พี่ต้องขอโทษด้วยแล้วกัน..”
“ไปขอโทษมันทำไม!!” ยังไม่ทันพูดจบประโยค ไอคนไม่มีเหตุผลก็โวยวายขึ้นมาอีก
ให้ตินหันกลับมามองตาดุๆ แล้วหันไปพูดต่อ
“ขอโทษนะครับน้องพีม
พี่คงไปส่งไม่ได้” ตินพูด
“แต่พี่ตินฮะ...”
“พี่ไม่อยากให้ไอเจมันงอนอีกน่ะ”
ร่างสูงพูดพลางเอามือไปวางแปะบนหัวของเพื่อนสนิท(คิดไม่ซื่อ)แล้วโยกไปมาเหมือนเด็กๆ
แบบที่ปกติแล้วเจเจต้องโวยวายขึ้นมาเสียงดังแต่ครั้งนี้กลับทำเพียงหายใจฟึดฟัดแล้วปล่อยให้อีกคนโยกหัวของตัวเองไป
“ก็ได้ฮะ” เด็กหนุ่มตอบเสียงแผ่ว ก้มลงหม่นๆ
แบบที่เจเจก็รู้ทันไม่ได้มีความสงสารเลยสักนิด ในขณะที่ความคิดหนึ่งของนายจิราวัตร์ก็ผุดขึ้นมาในหัว..
เด็กนี่มันยังทำท่าทางแบบนี้เรียกคะแนนสงสารได้
ทำไมเราจะทำบ้างไม่ได้..
แค่คิดอย่างเดียวไม่พอ
ใบหน้าหวานเงยขึ้นมองเพื่อนข้างตัว ดวงตากลมโตเป็นประกายกระพริบถี่ๆ
แบบที่ตินหันมามองก็อดที่จะสงสัยไม่ได้
“อะไรเข้าตาครับเจ”
เข้าตาบ้านมึงไอ้บ้า!!
เจเจร้องลั่นในใจ
พ่นลมหายใจแรงๆออกมาให้อีกฝ่ายรู้ว่ากำลังอารมณ์ขุ่นเต็มที่
แต่ก็ยังไม่เลิกล้มความพยายาม มือเล็กๆเอื้อมไปกอดแขนแกร่งแน่น
ก่อนที่ใบหน้าหวานจะซบลงกับต้นแขน...
การกระทำที่ทำให้นายราติณท์เกิดความรู้สึกแปลกๆในอก..
ตึกตัก! ตึกตัก! ตึกตัก!
“เจครับ..”
“ร้อนจะตายอยู่แล้วนะ
กลับกันเถอะติน” เสียงหวานที่ติดอ้อนนิดๆ
ยิ่งทำให้ใบหน้าคมที่ขึ้นสีแดงระเรื่อจากแสงแดด ตอนนี้ยิ่งขึ้นสีแดงมากขึ้นไปอีก
ปฏิกิริยา ที่ทำให้บุคคลที่สามที่กำลังมองอยู่เกิดความไม่พอใจ..
“พีมขอตัวก่อนนะฮะ” เด็กหนุ่มพูดจบก็หมุนตัวเดินกลับไป แบบที่เจเจก็ยกยิ้มขำนิดๆ แล้วเงยหน้าขึ้นมาสบตาร่างสูงอีกครั้ง
สายตาที่มองมาทำให้เจเจชะงักนิ่งก่อนที่จะใจเต้นไม่เป็นจังหวะอย่างไม่มีสาเหตุ
แล้วดูเหมือนว่าคนที่เพิ่งแสดงความเป็นเจ้าของออกไปเพิ่งจะได้สติ
อะไรวะ..เมื่อกี้..
กูทำอะไรลงไปวะเนี่ย!!!
“กลับเถอะครับเจ” นายราติณท์พูดเสียงนุ่ม พร้อมกับเอากระดาเอกสารที่เพิ่งได้มา
มาพัดให้คนตัวเล็กที่กำลังเหงื่อท่วมตัว
แบบที่คนที่กำลังอายสุดขีดตวัดสายตามามองแล้วพูดขึ้นเสียงแข็ง
“ก็รีบกลับดิวะ!! จะยืนรออะไรเล่า!!”
----------------------------------------------
“ยังไม่เลิกเขินรึไงครับเจ”
“เขินอะไรของมึง”
“หึหึ ใครสอนให้ทำแบบนั้นครับ
หืม?”
คำถามที่ทำให้คนฟังคิดว่าฆ่ากันให้ตายยังจะดีกว่าต้องมาตอบคำถามแบบนี้
เจเจนั่งตัวแข็งทื่อ
ในขณะที่คนมองกำลังอมยิ้มแบบที่ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามีความสุขแค่ไหน
ขณะนี้นาฬิกาที่เข็มสั้นชี้เลขแปด
แข็มยาวเลยเลขสิบสองมานิดๆ ฟ้องฟ้ามืดสนิดมองไม่เห็นดาวสักดวง
ชายหนุ่มสองคนที่กำลังนั่งอยู่บนระเบียงของผับย่านใจกลางเมืองสถานที่
ที่เขาสองคนคุ้นเคยดี..
“แล้วมึงไม่ลงไปดูร้านรึไง
มานั่งเล่นทำไมตรงนี้อยู่ได้”
“วันนี้คนไม่ค่อยเยอะนี่ครับ
ให้เด็กๆ ดูกันไปก็ได้” ตินพูดพลางเงยหน้ามองขึ้นไปบนฟ้าในขณะที่เพื่อนตัวเล็กก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ
แล้วหันมามองเสี้ยวหน้าคมเข้มของอีกฝ่าย
“เฮ้อ..”
“หืม? เป็นอะไรครับเจ” เสียงทุ้มนุ่มถามขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียงถอนหายใจ
เจเจหันหน้าเข้าหาตัวอาคารแล้วเอนหลังพิงกับระเบียงก่อนที่จะพูดออกมาเสียงแผ่ว
“เปล่า กูแค่..เซ็งๆ”
“เซ็งอะไรครับ”
“..ก็เซ็งอะ! มึงจะถามไรนักหนาวะ” เจเจหันมาแวดเสียงดัง
ก่อนจะพ่นลมหายใจฟึดฟัดแบบที่คนมองก็ขมวดคิ้วฉับแล้วขยับตัวมายืนอยู่ตรงหน้า
“เป็นอะไรหื้ม”
“ช่างเหอะ
กูขี้เกียจพูด”
เจเจพูดปัดจ้องตากับนายราติณท์เหมือนจะสื่อให้รู้ว่าตอนนี้ยังไม่พร้อมที่จะพูดอะไรจริงๆ
แล้วดูเหมือนอีกฝ่ายก็จะเข้าใจได้ดี ตินถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วพูดขึ้น..
“เฮ้อ โอเคครับ
หิวอะไรมั้ยเดี๋ยวให้เด็กเอาขึ้นมาให้” ร่างสูงพูดถามเสียงนุ่ม
พร้อมกับระบายยิ้มอ่อนๆให้ อย่างที่คนมองก็คลายความหงุดหงิดลงมานิด
เจเจนิ่งไปก่อนที่จะตอบออกมา
“อืม.. ไม่ดีกว่า”
“งั้นเดี๋ยวกูลงไปดูร้านแป๊บนึงแล้วกัน
เดี๋ยวขึ้นมา”
“ไปด้วย!” เสียงใสๆ พูดขึ้นมาทันควันที่ตินพูดจบประโยค ท่าทางที่เหมือนเด็กๆ
ติดผู้ใหญ่ทำให้ตินหลุดขำออกเบาๆ โดยที่เจเจก็เบ้ปากใส่
รู้ทันว่าไอ้เพื่อนบ้านี่มันกำลังคิดอะไร
แต่ดูเหมือนตอนนี้คนที่ปกติจะต้องเขินอายดูจะไม่สนใจอะไรแล้ว
“ฮ่าๆ ครับๆ มาสิ”
“ขำบ้าอะไรของมันวะ (-3-)” เจเจพึมพำกับตัวเองขณะที่เดินลงมาจากชั้นสามของผับชื่อดัง
เสียงเพลงจังหวะเร้าใจดังกระหึ่มไปทั่วห้องโถงกว้าง ดวงตาคู่โตกวาดมองไปรอบๆ
แล้วทำท่าทางเหมือนกำลังใช้ความคิด..
“เจเจ คิดอะไรอยู่ครับ”
เฮือก!!
ดูเหมือนว่าท่าทางแปลกๆ
ของเพื่อนตัวน้อยนี่จะทำให้คนที่คอยสนใจอยู่ตลอดเริ่มรับรู้ได้
ตินถามขึ้นพร้อมกับเลิกคิ้วแล้วมองไปตามสายตาที่เจเจมองอยู่เมื่อครู่
“คิดอะไรเล่า กูก็แค่เหม่อๆ”
“แค่เหม่อ?” ตินขมวดคิ้วฉับมองหน้าอีกคนอย่างจับผิด เจเจถอนหายใจอีกรอบแล้วเดินนำไปที่ห้องทำงานของเจ้าของผับ
ตลอดทางพนักงานภายในร้านหันมาทักทายกันไม่ขาด โดยที่ทุกการกระทำของร่างเล็ก ถูกจ้องมองจากสายตาของชายหนุ่มร่างสูงใหญ่อีกคน..
“ไม่ได้เจอซะนานเลย..น้องเจเจ”
-อัศวินดาบชมพู-
100%------------------------------------------100%
-มาแล้วจ้า ขอโทษที่มาช้านะคะ
เมื่อคืนบอกไว้ในแฟนเพจว่าจะมาลงให้ก็ไม่ได้มา T^T เค้าไม่สบายง่า
ตอนนี้ก็เริ่มดีขึ้นแล้ว มีไอเลิฟยู เอ๊ย! ไอค่อกแค่กๆ
บ้างเล็กน้อย ยังไงก็ส่งกำลังใจให้ไรท์ทางคอมเม้น/คะแนนโหวต แล้วกันนะค้า ><
**ขอบคุณที่ติดตามค่า**
ความคิดเห็น