ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC]ตัวเล็กกับไอโย่ง chansoo ft.exo

    ลำดับตอนที่ #1 : [SF] HBD My Boy friend...

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.52K
      16
      27 พ.ย. 57

                    ไม่เบื่อบ้างเหรอวะคยองซูที่ต้องคอยมาตามเก็บตามเช็ดให้มันแบบนี้เซฮุนถามเพื่อนตัวเล็กที่กำลังเก็บหนังสือการ์ตูนที่กองเกะกะอยู่ข้างโซฟา เพราะฝีมือของรูมเมทตัวโย่งที่ทำรกเอาไว้แล้วก็หายหัวไปไหนแล้วไม่รู้

                    ถ้าไม่เก็บมันก็จะถูกวางไว้แบบนี้ต่อไปนั่นแหละคยองซูตอบเพื่อนสนิทอีกคนด้วยน้ำเสียงเรียบๆ มีการถอนหายใจปะปนมากับสีหน้าเหนื่อยหน่ายเล็กน้อยแต่ก็เป็นเรื่องปกติที่เซฮุนเห็นจนชิน เขาเองยังเคยนึกสงสัยว่าสองคนนี้เป็นเพื่อนสนิทกันได้ยังไงในเมื่อนิสัยก็ต่างกันสุดขั้ว คนนึงพูดมากพูดตลอดเวลาทำตัววุ่นวายเป็นปัญหาให้อีกคนต้องปวดหัวอยู่บ่อยครั้ง ในขณะที่อีกคนก็เอาแต่นิ่งพูดแทบจะนับคำได้เลยแถมยังสุภาพลูกคุณหนูเสียจนเรียกได้ว่าต่างกันราวฟ้ากับดิน

                    มึงทำให้มันจนเคยตัวอะดิ๊เซฮุนบ่นต่อก่อนจะลุกจากโซฟาเดินไปที่ตู้เย็นเปิดหาขนมออกมากินด้วยท่าทีสบายๆประหนึ่งเป็นห้องของตัวเอง เขากลับมานั่งที่โซฟากินขนมเงียบๆและลอบมองคยองซูเป็นพักๆ ความจริงๆเขาอยากจะถามคยองซูตรงๆหลายครั้งมากๆว่ารู้สึกยังไงกับชานยอล ไอตัวเล็กนี่ไม่รู้จริงๆน่ะเหรอว่าไอโย่งนั่นมันแอบรักตัวเองมานานแล้ว

                    ว่าแต่วันศุกร์มึงจะไปปะ

                    “ไปไหน

                    “อ้าว...ก็เค้านัดกันที่ร้านพี่ซีวอนไง วันเกิดรูมเมทมึงนั่นแหละคยองซูยกหนังสือการ์ตูนในมือไปวางไว้ที่ชั้นแล้วหันกลับมาตอบเซฮุน

                    ไม่ดีกว่า...ไม่ชอบอะไรแบบนั้นอะใช่ เพราะคยองซูไม่ดื่มเหล้าไม่สูบบุหรี่ และเขาไม่ชอบที่แคบๆที่อัดแน่นไปด้วยผู้คน เขาไม่สะดวกใจและหายใจไม่ออกเวลาต้องไปอยู่ในที่แบบนั้น แต่เหตุผลหลักๆที่เลือกจะปฏิเสธก็เพราะเจ้าของวันเกิดนั่นแหละ

                    แต่วันเกิดมันทั้งที ไปเหอะ! พี่เค้าจ้องโซนวีไอพีไว้ให้ไม่อึดอัดหรอก

    คยองซูนิ่งคิดแต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรไป เซฮุนนั่งเล่นนอนเล่นอยู่ที่ห้องของคยองซูอีกสักพักเขาก็กลับไป ร่างเล็กก็หันไปสนใจกับรายงานที่ต้องทำส่งอาจารย์ต่อจนลืมเวลาไปเลย เงยหน้าขึ้นมาอีกทีเข็มนาฬิกาก็บอกเขาว่าเขาควรไปหาอะไรใส่ท้องได้แล้ว

                    โทรมาทำไมไม่รับวะ!” เสียงโวยวายนั้นดังขึ้นพร้อมการเปิดประตูเข้ามาด้วยท่าทางอารมณ์ไม่ดีนัก คยองซูเหลือบไปมองโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโซฟาแล้วกดให้ไฟสว่างวาบที่หน้าจอ “15สายไม่ได้รับไม่น่าแปลกใจอะไรเลยที่คนมาใหม่จะดูท่าทางอารมณ์เสียขนาดนั้น

                    ทำงานอะเลยปิดเสียงไว้..มีอะไรหรือเปล่าชานยอลย่นคิ้วมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์ เขาถอดแจ็คเก็ตปาทิ้งไปส่งๆและมันก็ไม่ลงตระกร้า

    คยองซูหันไปมองเสื้อตัวนั้นที่กองอยู่บนพื้นแต่ไม่พูดอะไร นอกจากเดินไปเก็บมันใส่ตะกร้า

                    ก็จะโทรให้ออกไปเจอที่ร้านข้าวสั่งข้าวเผื่อไว้ แต่โทรมาก็ไม่รับ!!” คนพูดๆด้วยน้ำเสียงที่โมโห เขาตวัดตามองคนตัวเล็กที่ยืนอยู่ข้างตะกร้าผ้าหลายต่อหลายครั้ง คยองซูถอนหายใจก่อนจะพูดว่า

                    ขอโทษแล้วกัน..วันหลังไม่ต้องสั่งเผื่อหรอกนะมันจะเสียของเปล่าๆคนหวังดีย่นคิ้วหนักกว่าเดิมเมื่อได้ยินประโยคนั้น

                    เออ!!” ชานยอลตอบกระแทกเสียงก่อนจะถอดเสื้อตัวเองออกโยนทิ้งไปส่งๆแล้วเดินออกไปที่ระเบียงเขาจุดบุหรี่ขึ้นสูบ อัดควันเข้าปอดหนักๆให้ใจเย็นลง มันหงุดหงิด...หงุดหงิดจริงๆตั้งแต่เมื่ออาทิตย์ก่อน ที่เขาเห็นรุ่นน้องในคณะแวะเวียนมาทักทายก้อร่อก้อติกคยองซูตลอดเวลา พักหลังๆมานี้คยองซูก็ออนไลน์เฟสบุคบ่อยจนเพื่อนคนอื่นๆยังทักเพราะเจ้าตัวไม่ค่อยสนใจโลกโซเชียลอะไรแบบนี้เท่าไหร่ นิสัยที่เริ่มเปลี่ยนของคยองซูมันพาลให้เขาหงุดหงิดไปเสียดื้อๆให้ตายสิ!

                    “แล้ว..กินไรยัง?” เมื่อได้อัดควันเข้าปอดจนใจเย็นลงชานยอลก็กลับเข้ามาในห้องแล้วเอ่ยถามร่างเล็กที่นั่งอยู่หน้าจอโน้ตบุคด้วยน้ำเสียงที่เย็นลง คยองซูส่ายหน้าแทนคำตอบแต่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามอง

                    แล้วไม่หิวหรือไง?”

                    ไม่ค่อย..แต่เดี๋ยวว่าจะออกไปซื้ออะไรกินอยู่เหมือนกัน ร่างเล็กตอบไม่มองหน้ามือบางนั่นรัวลงที่คีย์บอร์ดตรงหน้า ชานยอลใช้มือดันจอโน้ตบุคให้ปิดลงแล้วพูดว่า

                    ลุกดิ

                    อะไร

                    “ก็จะออกไปหาอะไรกินไม่ใช่หรือไง

                    “อือ

                    “งั้นก็ลุกคุยอยู่ได้เฟสอะไม่เคยคุยไง!!” เขาใช้น้ำเสียงที่เข้มขึ้นและไม่วายจะเผลอแขวะอย่างอดไม่ได้ ก่อนจะเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าหาเสื้อตัวใหม่มาใส่ หยิบโทรศัพท์มือถือยัดใส่ลงในกระเป๋ากางเกงยีนส์ตัวเซอร์ แล้วหันไปดันไหล่คนที่พึ่งใส่รองเท้าเสร็จให้เดินนำหน้าออกจากประตูไปก่อนส่วนเขาหันกลับมาล็อคห้อง แล้วทั้งคู่ก็เดินลงจากหอไปด้วยความเงียบ ไร้บทสนทนาใดๆ ภาวะตึงเครียดแบบนี้มันเป็นมาสักระยะแล้วไม่ใช่คยองซูไม่รู้สึกเพียงแต่คยองซูก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเขาไปทำอะไรให้ชานยอลโกรธนักหนา ที่คิดออกก็มีอยู่เรื่องเดียว เรื่องที่เขาปลุกชานยอลเท่าไหร่อีกฝ่ายก็ไม่ยอมตื่นเขาเลยหนีไปเรียนก่อนแล้วทำให้ชานยอลถูกเช็คขาดในคาบนั้น หมอนั่นโวยวายหาว่าเขาไม่ยอมปลุกทำให้ถูกตัดคะแนนเพราะไม่ได้เข้าพรีเซนต์งานพร้อมเพื่อน แต่จะให้เขาทำยังไงล่ะในเมื่อเขาเตือนแล้วว่าตอนเช้าต้องพรีเซนต์งานแต่หมอนี่ก็ไม่ฟัง ยังไปกินเหล้าเมากลับมาแล้วจะให้เขาอุ้มผู้ชายตัวใหญ่เท่ายักษ์นี่ไปเรียนด้วยยังไงล่ะ!

                    “เดินเร็วกว่านี้หน่อยได้มั้ย..หิว!” คนขายาวต่อว่าคนขาสั้นที่กำลังพยายามก้าวให้ทัน คยองซูเผลอเหลือกตาใส่ด้วยความเคยชินก่อนจะเร่งฝีเท้าให้ทันเขา จนมาถึงร้านสะดวกซื้อ ชานยอลก็เลือกที่จะรออยู่นอกร้าน เขาหยิบบุหรี่ขึ้นมาจะจุดสูบทำให้คยองซูหันมาถามเขา

                    ไหนบอกหิว?”

                    “ก็หิวไง..ไปซื้อมาเหอะอะไรที่กินได้กินหมดแหละเขาตอบไปส่งๆก่อนจะอัดควันเข้าปอด คยองซูใช้หางตาค้อนลับหลังเขาก่อนจะเดินเข้าไปซื้อของกินอย่างที่เขาบอกว่ามันเป็นอะไรก็ได้กินหมดนั่นแหละ ร่างเล็กใช้เวลาไม่นานนักก็เดินออกมาพร้อมกับถุงสะดวกซื้อที่ค่อนข้างจะใหญ่ ชานยอลลุกขึ้นจากเก้าอี้ไม้หน้าร้าน เขาดึงถุงนั้นมาถือไว้เอง

                    “ทำไมถึงหิว..ไหนบอกว่าสั่งข้าวเผื่อ ถ้าฉันไม่ได้ไปนายก็น่าจะอิ่มเพราะกินทั้งสองจานไม่ใช่หรือไงคนตัวเล็กถามด้วยความสงสัย ชานยอลเหลือบมามองคนที่สูงแค่ลาดไหล่ของเขาก่อนจะหันไปด้านหน้า

                    ไม่ได้กิน ไม่มีอารมณ์

                    “ทำไมล่ะ..

                    “อย่าถามมากได้ปะ!!” คำตอบแบบส่งๆนั้นทำให้ร่างเล็กที่เดินเคียงข้างหยุดก้าวเดิน คยองซูมองเขาด้วยความไม่พอใจและไม่พูดอะไรอีกเลย สองขาเรียวเล็กก้าวเร็วนำหน้าไปด้วยความโมโห เขาเก็บความไม่พอใจนี้มานานพอแล้วนะสำหรับเวลาอาทิตย์นึงเต็มๆ เขาเลือกที่จะไม่พูดจุดประเด็นอะไรออกไปเพราะคิดว่าเดี๋ยวชานยอลก็คงหายโกรธ แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่อย่างนั้น อีกฝ่ายกลับพาลไปหมดทุกเรื่อง! ถ้างั้นก็พอกันที!

     

     

                    เมื่อมาถึงหอพัก ร่างเล็กก็เดินตรงเข้าห้องนอนของตัวเองทันที ในหอที่พวกเขาอยู่ร่วมกันแบ่งออกเป็นสองห้องนอนเล็กๆ แต่ชานยอลไม่ค่อยจะเข้าไปนอนห้องตัวเองเท่าไหร่ เขามักจะหลับอยู่ที่โซฟาในห้องนั่งเล่น หรือไม่ก็เข้าไปนอนในห้องคยองซูด้วยกัน เพราะเขาบอกว่าห้องของคยองซูสะอาดและเขาชอบกลิ่นหอมๆของน้ำยาปรับผ้านุ่มจากผ้าห่มของร่างเล็ก ถึงแม้ว่าคยองซูจะเคยหอบเอาผ้าห่มของชานยอลไปซักให้โดยการใช้น้ำยากลิ่นเดียวกันเพื่อให้อีกฝ่ายเลิกมาแย่งพื้นที่บนเตียงสักที แต่ก็ไม่ได้ผลหรอก..

                    ล็อคทำไมคนที่เดินตามหลังเข้ามาเคาะเรียกจากด้านนอกแต่ร่างเล็กก็ไม่ตอบอะไร

                    เปิดดิ๊!”

                    มีอะไร!!” คยองซูตะโกนสวนกลับมา

                    เปิดดิ ไม่กินหรือไง

                    “ไม่! จะนอนแล้วร่างเล็กปรับเสียงให้เป็นปกติแม้ว่าตอนนี้จะรู้สึกโกรธเขามากจนอยากจะร้องไห้ออกมาด้วยซ้ำ อาจจะเป็นเพราะในจำนวนเพื่อนในกลุ่มทั้งหมดเขาสนิทกับชานยอลมากที่สุด แม้ว่าอีกฝ่ายจะชอบแกล้ง สร้างเรื่องปวดหัว พูดมากจนน่ารำคาญ แต่มันก็ดีกว่าที่หมอนี่มาทำท่าฟึดฟัดใส่กันแบบนี้

                    “เฮ้ย!! จะเปิดดีๆปะ ถ้าไม่เปิดกูพังนะสรรพนามแทนตัวแบบนี้มักจะออกจากปากชานยอลก็ต่อเมื่อเขาโมโหแล้วจริงๆ ปกติเขามักจะพูดห้วนๆแต่ไม่ใช้คำหยาบกับคยองซู แต่ก็พูดกับคนอื่นด้วยสรรพนามหยาบปกติ นั่นอาจจะเพราะ

    คยองซูไม่เคยใช้คำหยาบกับเขาเช่นกัน

                    เรื่องของมึงดิ!!” ประโยคที่ตอบกลับมาทำให้ชานยอลเบิกตากว้าง เขาแทบไม่เชื่อหูตัวเองด้วยซ้ำว่าเขาได้ยินอย่างนั้นจริงๆ

                    เป็นอะไรวะแม่ง!” ชานยอลปาถุงขนมทิ้งไปที่โซฟา เขาหัวฟัดหัวเหวี่ยงไปนั่งข้างๆถุงนั้น ยกขาขึ้นพาดเข่ากระดิกระรัวด้วยท่าทางร้อนลนพร้อมกับใช้ความคิด เขาเริ่มรู้สึกว่าเขาควบคุมความรู้สึกนึกคิดของตัวเองได้ยากและแย่มากขึ้นจริงๆหลังจากที่ไอรุ่นน้องเวรนั่นเข้ามาในชีวิตของคยองซูและเขาก็คิดว่าเพื่อนคนอื่นๆก็มีความเห็นตรงกันเซฮุนถึงได้เตือนเขาเมื่ออาทิตย์ก่อน ความจริงไม่มีใครในกลุ่มไม่รู้หรอกว่าเขาแอบรักเพื่อนตัวเองอยู่ จะมีก็ไอเพื่อนคนเดียวคนนั้นที่เขาแอบรักนั่นแหละที่ไม่รู้...

                    ปัง!!!” มือหนาทุบประตูเสียงดังจนคนที่อยู่ข้างในสะดุ้ง คยองซูใช้มือเช็ดน้ำตาที่รินไหลออกมาจากความรู้สึกน้อยใจออก แล้วย่นคิ้วกับเสียงดังโวยวายที่อยู่ด้านนอก สองขาเรียวเดินไปที่ประตูแล้วหมุนลูกบิดประตูห้อง เขาเห็นว่ากำปั้นใหญ่ๆของชานยอลกำลังจะทุบลงที่บานประตูห้องเขาอีกครั้ง ดีที่ว่าอีกฝ่ายยั้งมือไว้ได้ทัน ไม่งั้นกำปั้นนั้นคงอัดเข้าที่หน้าของเขาแล้วน็อคคาห้องไปแล้ว

                    ล็อคประตูทำไม!” เขาถามร่างเล็กที่ยอมเปิดประตูออกมา

                    ล็อคแล้วจะทำไม นี่มันห้องฉันห้องนายมีก็ไปนอนห้องนายดิ!” ร่างเล็กตะโกนใส่หน้าเขาอย่างมีอารมณ์เหมือนกัน ชานยอลนิ่งไปครู่นึงก่อนจะดันคนที่ทำท่าจะเดินออกจากห้องมาให้ถอยหลังกลับเข้าไปแล้วแทรกตัวเองเดินเข้าไปในห้องด้วย

                    เป็นไรวะ..ไม่พอใจไรพูดมาดิ๊

                    ไม่ได้เป็น..ออกไปจะนอน

                    “อย่ามาเฉไฉ...เป็นไรก็พูดมาไปทำไรให้โกรธวะคยองซูย่นคิ้วกับสิ่งที่ชานยอลพูดก่อนจะตอบกลับ

                    ยังจะมาถามอีกเหรอ? นายน่าจะรู้ดีอยู่แก่ใจนะ! ฉันผิดมากหรือไงที่อุ้มนายไปเรียนด้วยไม่ได้! ฉันบอกนายแล้วนี่ว่ามีพรีเซนต์แต่นายก็ยังจะไปกินเลี้ยงบ้าบออะไรนั่นกับเพื่อนนายแล้วก็เมากลับมาจนตอนเช้าลุกไม่ไหว การที่ฉันหนีไปเรียนก่อนเพราะมันกำลังจะสาย ฉันผิดมากหรือไง!!!” คยองซูตะโกนใส่หน้าเขา ทำให้ชานยอลยืนอึ้ง ให้ตายสิ...เรื่องนี้ไม่ได้อยู่ในหัวเขาเลย..ไม่เลยจริงๆ ทำไมเขาจะต้องมาโกรธเรื่องบ้าๆแบบนั้นในเมื่อเขาทำตัวเอง...แต่ก็ยอมรับล่ะว่าเขาทำตัวไม่ดีกับคยองซูมาตั้งแต่วันนั้นเพราะมันเป็นวันเดียวกันที่เขาได้รู้ว่าไอรุ่นน้องเวรนั่นเป็นคนไปส่งคยองซูที่มหาลัยแถมยังกินข้าวด้วยกันตอนเที่ยงอีก นี่ยังไม่นับเรื่องที่ใครต่อใครในคณะเริ่มแซวว่าคยองซูเริ่มคบกับไอรุ่นน้องนั่นเลยนะจะให้เขาคุมสติอารมณ์ตัวเองอยู่ได้ยังไง เหอะ!

                    เข้าใจผิดไปกันใหญ่แล้ว...ฉันไม่ได้โกรธเรื่องนั้นชานยอลใช้มือขยี้ผมที่ยาวละต้นคอตัวเองแรงๆ เขาอึดอัดที่จะอธิบายจริงๆ ความจริงก็พูดออกไปไม่ได้ ข้ออ้างที่อยากจะใช้มันก็ไม่มี..

                    แล้วฉันไปทำบ้าอะไรให้นาย..ถึงต้องมาพูดจาไม่ดีใส่กันด้วยคยองซูเสียงสั่นทำให้ร่างสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้าต้องเบิกตากว้าง เขาเริ่มวางมือวางไม้ไม่ถูกที่

                    เฮ้ย...อย่าร้องไห้ดิ!!..โอเค ขอโทษที่พูดไม่ดีแต่ไม่ได้โกรธเรื่องนั้นเลยจริงๆ..โธ่เว้ย นี่กูจะพูดยังไงดีวะ!” หยาดน้ำตาของคนตรงหน้ารินไหลอาบแก้ม มันทำให้ชานยอลทำอะไรไม่ถูก เขายกมือขึ้นลูบหน้าลูบตาตัวเอง ใช้มือลูบต้นคอบ้าง กำชายเสื้อบ้าง จนสุดท้ายเขาก็รวบรวมความกล้าดึงคยองซูเข้ามากอดเอาไว้ด้วยหัวใจที่เต้นรัว

                    ฮึก!”

                    “อย่าเป็นแบบนี้ดิวะตัวเล็ก..ขอโทษๆถึงปากจะเอ่ยปลอบคนตรงหน้าแบบนั้น แต่แท้ที่จริงแล้วเขาอยากจะบอกตัวเองมากกว่าอย่าใจสั่นแบบนี้สิ ถึงเราจะถึงเนื้อถึงตัวเวลาที่แกล้งกันบ่อยๆ แต่การดึงเข้ามากอดปลอบแบบนี้ชานยอลไม่เคยทำ

                    ก็ใครทำละ! ฮึกๆ ไอบ้า! ไอโย่งบ้า!!” สรรพนามทั้งคู่ใช้เรียกและล้อเลียนกันถูกนำกลับมาใช้อีกครั้งหลังจากที่ต่างคนต่างเมินใส่กันก็ไม่มีใครใช้สรรพนามพวกนี้เรียกกันอีกเลย

                    เออ..กูผิดก็ได้วะชานยอลยอมรับอย่างไม่อาจเลี่ยง คยองซูผละใบหน้าออกจากอกกว้าง ใช้หลังมือขยี้ตาตัวเองจนขนตานั้นเปียกชื้นไปหมด ชานยอลมองท่าทางเหมือนเด็กๆนั้นแล้วอดที่จะยิ้มออกมาบางๆไม่ได้ เขาใช้มือเชยคางของคนตรงหน้าขึ้นเพื่อสบตาอีกฝ่าย ดวงตากลมโตแดงก่ำนั่นกระพริบถี่เพื่อไล่หยาดน้ำตา มันน่าเอ็นดูในสายตาของชานยอลจนเขาเผลอเลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้ๆอย่างลืมตัวมันใกล้จนได้ยินเสียงหายใจของกันและกัน และอีกแค่ไม่ถึงคืบ ปลายจมูกของเขาก็จะชนกับแก้มนิ่มๆนั้นแล้ว แต่เป็นคยองซูที่ขยับตัวและถอยหลังออกมาก่อน

                    หิวแล้วไปกินดีกว่า...ร่างเล็กพูดแค่นั้นแล้วก็เดินออกไปด้วยหัวใจที่แทบระเบิดออกมา เขาไม่ใช่เด็กไร้เดียงสาที่จะไม่รู้ว่าเมื่อกี้มันกำลังจะเกิดอะไรขึ้น แต่ที่ไม่ปล่อยให้มันเกิดขึ้นก็เพราะไม่อยากให้อารมณ์อ่อนไหวชั่ววูบทำลายคำว่าเพื่อนที่เรามีให้กันมานานพังลงเพราะความเผลอใจ แม้ว่าความเป็นเพื่อนระหว่างเราสองคนจะดูแตกต่างและพิเศษกว่าคนอื่นอยู่ไม่น้อย แต่คยองซูก็บอกกับตัวเองทุกวัน..พูดกับตัวเองทุกครั้งที่เราเผลอใกล้ชิดกันเกินความจำเป็น ว่าเราเป็น แค่เพื่อนกันเท่านั้น เขาไม่รู้ว่าบ่อยครั้งที่ชานยอลดูอ่อนโยนเป็นห่วงและใกล้ชิดเขามากกว่าเพื่อนคนอื่น นั่นมันเพราะอีกฝ่ายรู้สึกต่อกันเกินเพื่อน หรือมันเพราะเราเป็นรูมเมทที่ใช้ชีวิตร่วมกันมากกว่าคนอื่นกันแน่...เขาไม่อยากคาดเดาอะไรไปเองเลยจริงๆ

                    ซื้อไรมาบ้างอะ..แกะมากินบ้างดิชานยอลเรียกสติตัวเองกลับมาแล้วพูดเฉไฉกลบเกลื่อน เขาเดินไปที่โซฟา นั่งลงตรงที่ว่างตรงนั้นเว้นช่องว่างเพื่อห่างกันเล็กน้อย ก่อนจะรับถุงขนมปังที่แกะแล้วมาจากมือของคยองซู

                    ครีมอีกและ?” ขนมปังไส้ครีมมันเป็นขนมปังไส้โปรดของคยองซูแต่ว่าเป็นไส้ที่ชานยอลไม่ชอบที่สุดเพราะเขาไม่ชอบรสหวาน

                    ...คยองซูไม่พูดอะไร ร่างเล็กทำเพียงใช้ดวงตากลมโตเหลือกใส่เขา ทำให้คนตัวโตกว่าหยุดบ่นทันที

                    มีไส้อื่นมั้ย?” เขาชะเง้อมองถุงขนมบนตักของคยองซูจะเอื้อมมือไปคว้ามันมาเพื่อหาอย่างอื่นกินแต่ร่างเล็กก็ดึงเอาไว้แอบไว้ด้านหลัง

                    เฮ้ย!”

                    ฉันไม่ได้ซื้ออะไรมาเผื่อนายนอกจากขนมปังไส้ครีมเป็นวิธีแก้เผ็ดคนขี้เกียจได้ดีทีเดียว ถ้าเข้าไปเลือกด้วยกันก็คงไม่ต้องมานั่งโอดโอยแบบนี้หรอกชานยอล

                    ใจร้ายวะตัวเล็กคนถูกหาว่าใจร้ายเบ้ปากเยาะเย้ย ก่อนจะขยับตัวนั่งเอนตัวตามความยาวของโซฟายกขาพาดหน้าตักกว้างของคนที่นั่งอยู่ใกล้ๆกันด้วยท่าทีเป็นธรรมชาติไร้ซึ่งความเคยอายใดๆ เพราะเวลาที่เราไม่ได้ทะเลาะกันปกติเราก็อยู่กันแบบนี้แหละ บางครั้งก็เป็นชานยอลที่ใช้ตักของคยองซูแทนหมอนเหมือนกัน แต่ถ้าพวกเขาเฉลียวใจสักหน่อยคงจะนึกได้ว่า พวกเขาเป็นแบบนั้นเฉพาะเวลาที่อยู่กันสองคนเท่านั้นแหละ

                    หวานอะ!” ชานยอลบ่นเมื่อกัดขนมปังถึงไส้ เขานิ่วหน้าและคว้าน้ำอัดลมมายกดื่มเพื่อล้างปาก ในขณะที่คยองซูยังคงเอนตัวมีความสุขกับได้กินคุ้กกี้หวานมันส์ในมือ

                    กินแต่ของหวานๆระวังอ้วนนะดวงตากลมโตนั้นตวัดมองคนพูดทันที มันถือว่าเป็นคำหยาบจริงๆสำหรับคยองซู เพราะเขาไม่สูงการถูกทักว่าอ้วนจึงถือเป็นเรื่องใหญ่มากจริงๆสำหรับเขา ถ้าจะต้องอ้วนและเตี้ยด้วย...ไม่! ไม่ได้นะ

                    ฉันกินให้สูงไม่ได้กินให้อ้วน..ดูนี่สิโย่ง มันเขียนว่ามีส่วนผสมของแคลเซียม!” ร่างเล็กเถียงพร้อมกับยื่นถุงคุ้กกี้ให้ชานยอลอ่านส่วนผสม ร่างสูงรับมันมาด้วยอาการหัวเราะไปด้วย

                    อืม...ตั้ง2% กินหมดนี่เมื่อไหร่ฉันคงต้องแหงนหน้าคุยกับนายแน่ๆคนถูกประชดอมลมพองแก้มใส่อีกฝ่ายด้วยท่าทีไม่พอใจ ชานยอลหัวเราะและเลื่อนมือไปขยี้หัวของคยองซูและเผลอจ้องริมฝีปากเล็กๆรูปหัวใจที่กำลังเคี้ยวหมุบหมับอยู่นิ่งๆเป็นเวลานาน

                    ขอกินบ้างได้ปะ?” ร่างเล็กกอดถุงคุ้กกี้เอาไว้ทันที

                    ไม่ได้! นี่ของฉัน

                    “ชิ้นเดียวเอง..อย่างกดิ

                    “ไม่ได้งกแต่มันหวานกว่าขนมปังไส้ครีมนั่นอีกนะ

                    “เออหน่า..เอามาลองชานยอลขยับสะโพกและก้มตัวไปใกล้ๆคนที่นั่งเอนตัวเอาขาพาดตักเขากระดิกเท้าเล่นไปมาอย่างสบายใจ

                    ชิ้นเดียวนะ

                    “อื้อ..ชิ้นเดียว

                    “ก็ได้..ขอกินคำนึงก่อน ร่างเล็กเตรียมจะยื่นคุ้กกี้เข้าปากตัวเองกะว่าจะงับเอาไว้ที่ปากชิ้นหนึ่งถือไว้ที่มืออีกชิ้นนึงแล้วค่อยส่งถุงให้กับชานยอล เขาไม่กล้าเสี่ยงให้ชานยอลไปหมดเพราะเคยถูกแกล้งด้วยการที่อีกฝ่ายเทขนมใส่ปากทีเดียวหมดถุงมาแล้ว

                    อือ! เอาไออิริมฝีปากที่คาบคุ้กกี้อยู่นั่นเปล่งเสียงอู้อี้เพราะไม่สามารถขยับริมฝีปากตัวเองได้ ชานยอลมองท่าทางน่ารักนั้นแล้วก็รับถุงคุ้กกี้เอาไว้ในมือก่อนจะวางมันลงข้างๆโซฟา ขยับตัวเลื่อนใบหน้าเข้าไปใกล้ๆริมฝีปากเล็กขึ้นเรื่อยๆ ดวงตากลมโตที่โตอยู่แล้วเบิกกว้างมากกว่าเดิม คยองซูเผลอหายใจแรงขึ้นเมื่อใบหน้าของชานยอลเลื่อนมาใกล้มากเกินจำเป็นร่างเล็กเตรียมจะขยับตัวหนีเขา แต่มือหนาก็กดลาดไหล่คนตัวเล็กไว้แล้วก้มลงไปกัดคุ้กกี้ที่คยองซูคาบเอาไว้...เขาค่อยๆกัดมันที่ละนิดๆ อย่างเชื่องช้า จนกระทั่งส่วนที่เลยจากริมฝีปากนั้นหมดลงเขาจึงทาบริมฝีปากลงแนบกับปากของคยองซู ร่างเล็กรู้สึกหน้าร้อนผ่าวและตัวสั่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน..ครั้งนี้มันใกล้เกินไป...เกินไปจริงๆ

                    อืม...ชานยอลครางในลำคอ เขาผละริมฝีปากออกแล้วกดเข้าไปใหม่แม้ว่าคุ้กกี้ชิ้นนั้นจะถูกคยองซูอมไว้เรียบร้อยแล้ว ร่างเล็กเม้มปากพยายามเคี้ยวให้ละเอียดแล้วกลืนโดยเร็วก่อนที่ชานยอลจะแย่งชิงคุ้กกี้ในปากไปมากกว่านี้ ชานยอลผละออกให้คยองซูเคี้ยวคุ้กกี้เขายิ้มมุมปากเมื่อเห็นว่าตัวเล็กกำลังมีท่าทีร้อนลนรีบเคี้ยวจนน่าสงสาร เมื่อคยองซูเคี้ยวคุ้กกี้หมดแล้ว ร่างเล็กก็อ้าปากเตรียมจะต่อว่าเขาทันทีแต่ทว่ามันไม่เป็นอย่างที่คิด

                    ไอ!..อื้ออเพราะชานยอลทาบริมฝีปากลงไปอีกครั้ง คราวนี้เขาแลบเลียกลีบปากบางที่พยายามเม้มเข้าหากันให้แยกและสอดเรียวลิ้นเข้าไปกวาดชิมรสชาติหวานมันส์ของคุ้กกี้ที่คยองซูกินเมื่อครู่..มันหวาน..จนเขารู้สึกอยากหล่อมละลายไปกับรสชาตินี้..เขาไม่อยากถอนจูบออกตอนนี้เลยจริงๆ แม้ว่าลึกๆจะกังวลว่าถ้าหากเขาผละออกแล้วคยองซูโกรธ..หรือเกลียดเขาขึ้นมาเขาจะทำยังไง

                    อื้อ..เสียงหวานนั้นครางประท้วงในลำคอ สะโพกเล็กที่ถูกคร่อมทับอยู่เผลอขยับ มือบางที่ถือคุ้กกี้อีกชิ้นเอาไว้ปล่อยมันตกพื้นอย่างไม่รู้ตัว หัวใจที่เต้นแรงในตอนแรกอยู่แล้ว เต้นหนักกว่าเดิมจนรู้สึกเหมือนมันถูกติดระเบิดเวลารอเวลาที่จะระเบิดเต็มที ไม่ต่างอะไรกับชานยอลหรอกที่สมองของเขาก็เหมือนถูกติดระเบิดเวลาเหมือนกัน หลายครั้งที่มันสั่งให้มือและอ้อมแขนขยับเพื่อสัมผัสคยองซูให้มากกว่านี้ แต่เขาพยายามจริงๆที่จะไม่ให้มันเกินเลยไปมากกว่านี้

                    อืมมม...หวาน..แต่ดีนะ..มันอร่อยดีเขาผละออกแล้วแลบเลียริมฝีปากพร้อมกับยกน้ำดื่มเนียนๆ ในขณะที่คยองซูยังคงเบิกตาค้างและหอบหายใจถี่ๆกับจูบแย่งชิงคุ้กกี้ที่ยาวนาน

                    ไอบ้า! นายแย่งของฉันหมดเลยไอโย่ง!” ร่างเล็กลุกขึ้นจากโซฟาแล้วปาหมอนใส่เขาก่อนจะเดินปึงปังเข้าห้องไปด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ ชานยอลไม่ได้ตามเข้าไปเพราะเขาไม่คิดว่าถ้าเขาตามเข้าไปตอนนี้มันจะเป็นเรื่องดี มันจะต้องถล้ำลึกไปกว่านี้แน่ๆ...พอแล้วชานยอลอย่าหัดเป็นคนได้คืบจะเอาศอกสิวะ!...

                    ร่างเล็กค่อยหมุนลูกบิดประตูออกอย่างเบามือ คยองซูสูดลมหายใจเข้าปอดลูกๆก่อนจะพลูลมออกมาจากปาก แล้วตัดสินใจเปิดมันออกช้าๆ เขาภาวนาจริงๆว่าอย่าให้ชาลยอลนอนหลับอยู่ที่โซฟาตอนนี้เลย หรือไม่ถ้าเขาหลับอยู่จริงๆก็ขอให้หลับสนิททีเถอะ ดวงตากลมโตกลอกมองซ้ายขวาแล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่อย่างโล่งอก เมื่อไม่เห็นใครอีกคนอยู่ในห้องแล้ว วันนี้ร่างเล็กเลือกที่จะออกจากห้องนอนมาสายกว่าปกติเพื่อให้เขาไปก่อน ยังไม่อยากเจอหน้าเขาตอนนี้จริงๆ ใจ...มันยังเต้นแรงและทำตัวไม่ถูก แม้ว่าเขาจะทำไปเพราะแกล้งหรือไม่ก็ตาม แต่คยองซูรู้ว่าตัวเองหวั่นไหวเกินกว่าจะปั้นหน้าทำเป็นไม่รู้สึกอะไรได้จริงๆ

                    อ้าว! ทำไมพึ่งออกมาวะตื่นสายเหรอเซฮุนเอ่ยทักเพื่อนตัวเล็กที่กำลังล็อคประตูห้อง คยองซูพยักหน้าแต่ไม่ได้เอ่ยตอบอะไร

                    ไอชานยอลอะ

                    “ออกไปแล้วมั้งคนฟังย่นคิ้วอย่างไม่อยากจะเชื่อ ไอบ้านั่นตื่นเช้าได้ขนาดนั้นเชียว? ปกติปลุกแทบตายยังไม่อยากจะลุกขึ้นจากที่นอนด้วยซ้ำ

                    มันตื่นเต้นกับวันเกิดตัวเองขนาดนั้นเลยเหรอวะ

                    “ไม่รู้..คยองซูตอบด้วยเสียงแผ่วๆ ก่อนจะถูกเซฮุนคว้าคอเดินออกไปพร้อมๆกัน มันเป็นเรื่องธรรมดาจริงๆกับการถูกลากไปลากมาเพราะตัวเองตัวเล็กกว่า คยองซูก็เคยชินกับเรื่องพวกนี้ไปแล้ว เพราะว่าใจของเขาไม่เคยเต้นแรงกับเพื่อนคนไหนนอกจากชานยอล..

     

    …………

     

     

     

     

                    น่าแปลกที่ชานยอลยังมาไม่ถึงมหาลัย เขามาสายด้วยซ้ำ ทำให้พวกเขาไม่ได้นั่งใกล้กัน คยองซูก็ไม่ได้ถามอะไรเขา แต่เห็นแล้วว่าเขาส่งข้อความเข้ามาในมือถือ ร่างเล็กไม่ได้เปิดอ่านมันจนกระทั่งอาจารย์ปล่อยออกจากห้อง แล้วชานยอลก็เป็นฝ่ายเดินเข้ามาหาคยองซูก่อนที่ร่างเล็กจะเปิดดูข้อความในโทรศัพท์ตัวเอง

                    มึงไปไหนมาวะ กูนึกว่ามึงตื่นเต้นกับวันเกิดจนนอนไม่หลับเลยออกมาเรียนแต่เช้าเซฮุนเอ่ยทักก่อนจะเอื้อมมือไปดึงหมากฝรั่งจากกระเป๋าเสื้อชานยอลมาแกะกินหน้าตาเฉย

                    ไอเชี่ยเทาแม่งไม่ปลุกกูอะดิ นี่ดีนะที่ไฟที่ห้องมันดับกูนอนไม่ได้เลยตื่น

                    “อ้าว..เมื่อคืนมึงไม่ได้นอนที่ห้องตัวเองเหรอคยองซูนึกอยากขอบคุณเซฮุนจริงๆที่ถามคำถามนี้แทนเขา

                    มันโทรมาชวนกูไปเล่นเกมส์ ดึกแล้วกูเลยไม่กลับคนโกหกได้เนียนเอ่ยได้หน้าตานิ่งมากเสียจนทุกคนเชื่อ ถ้าหากว่าเทามีเรียนวันนี้ด้วยชานยอลคงโดนแฉไปแล้ว ความจริงเขานั่นแหละเป็นคนไปขอนอนห้องเดียวกับเทา เพราะกลัวว่าตัวเองจะเผลอบ้าพังประตูเข้าไปในห้องนอนของคยองซูเสียก่อน เมื่อคืนเขาพยายามแล้วที่จะนอนให้หลับที่โซฟานั่นแต่รสชาติหวานหอมของคุ้กกี้มันก็รบกวนจิตใจจนต้องยอมแพ้หนีออกมาก่อนจะทำอะไรบ้าๆลงไป

                    กูไปหาลูลู่ก่อนนะนี่เค้าตื่นเต้นกับการหาของขวัญให้มึงยิ่งกว่าเจ้าของวันเกิดซะอีก ไว้คืนนี้เจอกันมึงเซฮุนพูดติดตลกก่อนจะเดินออกไป ทำให้เหลือแต่คยองซูและชานยอล ร่างเล็กเงียบและเก็บปากกากับหนังสือใส่กระเป๋า ในขณะที่อีกคนมีเพียงปากกาแท่งเดียวเสียบอยู่ที่กระเป๋าเสื้อ...สภาพการมาเรียนของชานยอลช่างเหมาะสมกับเกรดเฉลี่ยที่ได้จริงๆ

                    ไปหาไรกินกัน..หิวชานยอลยังใช้น้ำเสียงและท่าทางเหมือนเดิมในการเอ่ยทักคยองซู ร่างเล็กเงยหน้าสบตาเขาแล้วพยักหน้ารับก่อนจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ ทั้งคู่เดินกันไปด้วยท่าทีปกติ ไม่มีการรั้งคอคนตัวเล็กกว่ามาพาดแขนแบบทุกที มันทำให้คยองซูรู้สึกแปลกๆขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

                    พี่คยองซู!!” เสียงเรียกจากด้านหลังทำให้ทั้งเจ้าของชื่อและคนข้างๆหยุดก้าวเดิน คยองซูหันกลับมา ร่างเล็กยิ้มทักทายรุ่นน้องด้วยท่าทางเป็นกันเอง

                    ผมมารอพี่ตั้งนานแหนะรุ่นน้องตัวสูงกว่าบอกด้วยใบหน้ากึ่งยิ้มกึ่งงอน คยองซูทำเบะปากใส่ก่อนจะเอ่ยขอโทษดด้วยน้ำเสียงอ้อนๆ

                    อ่า..อย่าโกรธกันนะพอดีอาจารย์ปล่อยช้าน่ะร่างเล็กเลื่อนมือไปเขย่าแขนรุ่นน้อง ชานยอลถอยห่างออกมาก้าวหนึ่งเขาใช้มือเสยผมตัวเองโดยอัตโนมัติเพราะเริ่มรู้สึกไม่ชอบใจ

                    ไปกันเลยมั้ยครับ?” คยองซูหันไปมองชานยอลก่อนจะหันมาหารุ่นน้อง

                    เดี๋ยวพี่ตามไปนะแปปนึงร่างเล็กพูดด้วยรอยยิ้มก่อนจะเดินมาหาชานยอล ร่างสูงมองด้วยสายตาที่แข็งขึ้น เขาพอเดาได้เลยว่าคยองซูจะพูดอะไร

                    โย่ง...พอดีลืมไปว่านัดน้องเค้าไว้อะ..ไปกินกับพวกจงแดแทนได้ปะ

    คยองซูพูดติดๆขัดๆเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายน่าจะไม่พอใจ แต่จะทำยังไงได้ เขาลืมจริงๆเพราะมัวแต่ไปกังวนคิดแต่เรื่องเมื่อคืนซ้ำๆจนลืมนึกถึงเรื่องอื่นไปเลย ชานยอลไม่พูดอะไร เขาเดินจากคยองซูไปทันที ไม่ได้มีท่าทีไม่พอใจแต่แววตาของเขาแสดงออกชัดเจน ร่างเล็กรู้สึกผิดจึงวิ่งตามเขาไป

                    โย่ง!! โกรธเหรอมือบางคว้าแขนให้เขาหันกลับมา คิ้วเข้มได้รูปของร่างสูงย่นเข้าหากันแล้วหันมาตอบ

                    ไม่อะ..ไปเหอะน้ำเสียงที่เรียบและไร้การโวยวายนั้นทำให้คยองซูลำบากใจ สู้ให้หมอนี่โวยวายกันเลยจะดีกว่า

                    โย่งอ่า..อย่างอนดิ!”

                    เฮ้ย! บอกว่าไม่ได้เป็นอะไร จะไปไหนก็ไป ไปกับใครก็ไป ฉันเป็นแค่เพื่อนนายไม่ใช่แฟนนายนะทำไมจะต้องงอน คำพูดด้วยอารมณ์นั้นทำให้คนฟังหน้าชา คยองซูปล่อยมือจากแขนของชานยอลทันที

                    อือ..ร่างเล็กหมุนตัวกลับเดินไปอีกทาง ใจของเขารู้สึกกระตุกไหวและเจ็บจี๊ดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก มันก็จริง..มันก็แค่เราเป็นเพื่อนกัน ชานยอลพูดถูก..ถูกทุกอย่างนั่นแหละ เขาผิดเองที่คิดเกินกว่าเพื่อน..

     

    ........

     

                    เสียงดนตรีและเสียงพูดคุยโห่ร้องสนุกนานของเพื่อนๆไม่ได้ทำให้เจ้าของวันเกิดรู้สึกสนุกเลยแม้แต่น้อย เพราะตอนนี้จะสี่ทุ่มแล้วเพื่อนสนิทตัวเล็กก็ไม่มีวี่แววจะโผล่มา เขากวาดสายตามองไปรอบๆ และเห็นว่าเพื่อนพูดคุยและดื่มกันอย่างสนุกสนาน บ้างก็พูดคุยกันเรื่องทะลึ่งตึงตัง บ้างก็หยอดคำหวานใส่แฟนตัวเอง เขาเองทำได้เพียงยกแก้วขึ้นดื่ม..และดื่ม

                    เอาๆใจเย็นมึง เดี๋ยวก็เมาก่อนได้เป่าเค้กหรอกมึงเทาเอ่ยทักเพื่อน และเป็นซูโฮที่ดึงแก้วออกจากมือของชานยอล

                    มึงทะเลาะกันเหรอเพื่อนที่ดูจะนิ่งและใส่ใจคนอื่นมากที่สุดเอ่ยถาม ทำให้จงแดที่นั่งอยู่ข้างๆหันมาสนใจด้วย ในขณะที่เซฮุนก็ล่ะสายตาจากคนรักมาสนใจเพื่อนเช่นเดียวกัน

                    เปล่า...

                    แล้วทำไมมันไม่มาอะนี่มันจะสี่ทุ่มแล้วนะ

                    “มึงก็รู้ว่ามันไม่ชอบที่แบบนี้ชานยอลตอบแล้วดึงแก้วจากมือซูโฮมาดื่มต่อ เขาไม่ปฏิเสธเลยว่าเขาเริ่มมึนๆแล้วและเขาอาจจะอยู่ไม่ถึงตอนเป่าเค้กอย่างที่เทาว่าจริงๆ

                    ไอฮุนมึงโทรตามดิ

                    “ลู่โทรแล้วเมื่อกี้..ไม่ติดปิดเครื่องเพื่อนถอนหายใจออกมาพร้อมๆกันแล้วซูโฮก็พูดต่อ

                    มึงทะเลาะกันชัวร์เลย..

                    “ก็บอกว่าเปล่า..ช่างแม่งเหอะก็แค่วันเกิด เดี๋ยวกูกลับไปก็เจอกันอยู่ดีนั่นแหละ

                    “กูว่ามึงน่าจะลองเสี่ยงดูนะ...มึงเก็บอาการไม่อยู่แล้วไอยอลกูพูดจริงๆ เทาตบไหล่

                    นั่นดิ! ปีหน้าปีสุดท้ายแล้วนะ พูดไปเหอะมึงกูว่าคยองซูมันก็คงคิดๆบ้างแหละ

                    “คิดเหี้ยไร..วันเกิดกูแต่มันไปกับไอกิ๊กรุ่นน้องมันคนนั้นอะชานยอลพูดจบก็รินเหล้าเพรียวใส่ปาก เดือดร้อนลู่หานที่นั่งใกล้ๆดึงออกจากมือก่อนที่เจ้าของวันเกิดจะเมาหนักไปกว่านี้

                    เนี่ย! มึงหึงมันแล้วไอฟาย! มึงเก็บอาการไม่ได้เลย กูล่ะเบื่อไอเคสแอบรักเพื่อนนี่แม่งปัญหาโลกแตกจริงๆเทาเหลือกตาถอนหายใจ

                    กูเข้าใจนะ...เพราะมึงชอบมันไม่แปลกที่มึงจะไม่พอใจเวลามีใครมาวุ่นวายกับมัน แต่ว่ามึงอย่าลืมดิมันไม่ได้เป็นแฟนกับมึงนะ มึงไม่มีสิทธิ์ไปโกรธอะไรมันอะ ถ้าอยากมีสิทธิ์มึงต้องทำให้ได้สิทธิ์ก่อนไอยอล

                    “เหย้ดดดดดด แบล็คการ์ดกูคม! คือคมมากรูดทีบาดมือสาดดดเซฮุนว่าก่อนเพื่อนๆจะหัวเราะ แต่ชานยอลไม่รู้สึกขำ เขาหยิบบุหรี่ขึ้นมาคาบแล้วลุกขึ้นยืนล้วงไฟแช็คจากกระเป๋าหลัง

                    กูออกไปสูบบุหรี่ก่อนเขาว่าแค่นั้นแล้วก็เดินออกไปสูบบุหรี่เงียบๆที่มุมมืดมีเพียงไฟสลั่วหน้าร้าน ที่ซูโฮพูดมันก็ถูก เขาไม่มีสิทธิ์ไปหึงหรือไปโกรธอะไรเลยถ้าหากคยองซูจะคบใครเป็นแฟนสักคน แต่จะให้ทำยังไง ในเมื่อเราก็ต้องเจอกันอยู่ ต้องใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันในห้องเดียวกัน ใครจะไปทำใจได้วะแม่ง!!

                    “เออ! ให้มันได้แบบนี้สิเขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อจะดูเวลาแต่ก็ไม่รู้ว่าแบตหมดไปตอนไหน ทำให้เขาเก็บมันลงในกระเป๋าตามเดิม ก่อนจะเดินกลับไปที่โต๊ะ ใช้เวลาร่วมกับเพื่อนต่อแม้จะรู้สึกไม่สนุกอย่างที่เจ้าของวันเกิดควรจะเป็น

                    เอ้ามอง! มองไปสิมึงคอยาวเป็นยีราฟแล้วเซฮุนแซวชานยอลที่ชะเง้อคอมองประตูอยู่บ่อยครั้ง

                    ใจเย็นนะรอเป่าเค้กเสร็จแล้วมึงค่อยกลับกูรู้ใจมึงไม่ได้อยู่ที่ขวดเหล้านี่นานและชานยอลถอนหายใจและยกเหล้าดื่มอีกครั้ง จนเวลาเกือบจะเที่ยงคืน เข้ามาทุกที ทุกคนเริ่มอยู่ในสภาพที่มึนเมา ตะโกนร้องเพลงเต้นกันอย่างไร้สติ บางคนก็นัวเนียกันจนเพื่อนอยากจะถีบออกนอกร้านแล้วบอกให้พวกมันกลับไปซั่มกันให้เสร็จๆซะ

                    เค้กมาจ้าดดดดดดเค้กมา!!!” เทาตะโกนเสียงดัง ทุกคนโห่ร้องตบมือแสดงความกวนบาทามากกว่าจะยินดี จากร้อยชานยอลมีสภาพอยู่ที่สี่สิบ เขาเมา..เมาจริงๆไม่อิงน้ำเปล่าเลย

                    ฮิ้ววววว ไอโย่งเพื่อนกูแก่ขึ้นอีกปีแล้วโว้ยยยย กูขออวยพรให้ปีนี้หูของเพื่อนกูลดการกางออกสิบองศาสาดดดดดเซฮุนอวยพรก่อนเพื่อนๆจะหัวเราะ ชานยอลเอื้อมมือไปตบหัวเพื่อนที่มีระดับความสูงใกล้เคียงกัน ก่อนเพื่อนคนอื่นๆจะอวยพรกันตามลำดับ และซูโฮเป็นคนสุดท้าย

                    ซูโฮ กูรู้ว่ามึงรักเพื่อนแต่ช่วยอวยพรสั้นๆพอได้มั้ยไอห่า เทียนแม่งจะละลายหมดแท่งแล้ว

                    “ไอเชี่ยนี่! ฟิลกูกำลังมา ไปเซฮุนมึงเอาแบล็คการ์ดกูไปรูด บอกแม่งหาเทียนยาวสักเมตรมาปักจุดใหม่ดิ กูจะได้อวยพรแบบสะดวกๆ

                    “โอ้ยยย ไอคนรวย! กูรู้ว่ามึงรวย! แต่นี่วันเกิดเพื่อนไม่ใช่วันเข้าพรรษามึงจะเอามาทำบ้าอะไรยาวขนาดนั้น

                    เออ!!” เพื่อนตอบเป็นเสียงเดียวกันซูโฮจึงหยุดที่จะอวยพรเหยียดยาว แต่ก่อนที่ชานยอลจะเป่าเค้กวันเกิด คนที่ทุกคนรออยู่ก็ปรากฏตัวขึ้นในที่สุด

    คยองซูเดินเข้ามา ด้วยรอยยิ้มบางๆ และก็ถูกคนนั้นคว้าคอไปทีคว้าคอมาที เทาไม่ลืมที่จะแหย่ชานยอลด้วยการหอมแก้มคยองซูเล่น เพื่อนตัวเล็กไม่ได้ว่าอะไร เพราะเทามักจะแกล้งเขาแบบนี้บ่อยๆ

                    พอเลยๆ เอ้าคยองซูมึงรีบอวยพรเดี๋ยวเทียนละลายหมดซูโฮว่า ร่างเล็กเดินมาหยุดตรงหน้าชานยอลก่อนจะยื่นกล่องขวัญเล็กๆให้เพื่อนตัวโตแล้วพูดว่า

                    แฮปปี้เบิดเดย์นะโย่งรอยยิ้มนั้นช่างดูฝืนเหลือเกินในความรู้สึกของคนมอง แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไร ชานยอลยังคงยืนนิ่งไม่รับกล่องของขวัญจากมือของ

    คยองซู เซฮุนเห็นว่าระหว่างสองคนนี้เริ่มมีภาวะอึดอัดเขาจึงเอ่ยฉุดอารมณ์ของทั้งคู่ขึ้นมา

                    แหมมมม มึงมาช้าเพราะมัวแต่ไปหาของขวัญให้รูมเมทอยู่สินะ! เกินหน้าเกินตาพวกกูเหลือเกินนนนนนนเพื่อนๆหัวเราะเสริมทัพ ให้บรรยากาศดีขึ้น คยองซูยิ้มแล้วยื่นกล่องให้ชานยอลอีกครั้ง ร่างสูงรับมันไว้และถือมันไว้แบบนั้น

                    เอ้าอธิฐานสิมึง! เร็วๆเทียนแม่งจะเหลือแต่ไส้แล้ว ไอเทาขยับออกมารูจมูกบานๆของมึงมันจะหายใจไปโดนเทียนไอยอลมันซูโฮดึงแขนเทาออกมาให้ห่างแล้วดันหลังคยองซูเข้าไปแทนที ชานยอลไม่อธิฐานอะไรเขาเป่าเทียบไปส่งๆ ก่อนเพื่อนๆจะปรบมือโห่ร้องและใช้มือจ้วงกันกินเค้กแบบไม่สนใจมีดที่เอามาวางไว้เพื่อตัดแบ่งชิ้น เมื่อทุกคนให้ความสนใจกับเค้ก คยองซูก็ถอยออกมานั่งที่โซฟา ชานยอลถอยออกจากวงไปนั่งข้างๆเขาเก็บกล่องขวัญใส่กระเป๋าเสื้อแล้วพูดว่า

                    ขอบคุณนะ

                    “อื้อ!” ร่างเล็กตอบด้วยน้ำเสียงในลำคอแล้วยิ้ม คยองซูไม่ได้มองหน้าชานยอลแต่เลือกที่จะมองเพื่อนๆที่กำลังป้ายเค้กกันเล่นแล้วยิ้มขำออกมา มันเป็นการปั้นหน้าที่ยากที่สุดจริงๆสำหรับคนที่หน้านิ่งเป็นเรื่องปกติเป็นนิสัย แต่วันนี้มันกลับยาก..ยากจนลังเลกับการตัดสินใจว่าควรจะมาที่นี่ดีมั้ย แต่ในที่สุดคยองซูก็เลือกที่จะมาเพราะเขาไม่อยากให้คำว่าเพื่อนของเราต้องสูญเสียไปเพียงเพราะเขาเป็นฝ่ายอ่อนไหวไปเอง

                    เฮ้ย! อย่านะเทาไม่เล่น!” เขาเอื้อมมือมาเตรียมจะป้ายเค้กที่หน้าของ

    คยองซู ร่างเล็กหลบทำให้โดนช่างปากและข้าง ชานยอลปัดมือเทาออกแล้วดึงแขน

    คยองซูให้เดินตามกันออกไป                                     

                    เลอะจนได้! ไอเทาบ้า!” ร่างเล็กบ่นเมื่อออกมาอยู่หน้าร้าน คยองซูใช้แขนเสื้อที่ยาวปิดหลังมือมาปาดๆใบหน้าที่เลอะของตัวเองออก แต่เพราะเขามองไม่เห็นทำให้มันเลอะเหนักกว่าเดิม ชานยอลมองดูร่างเล็กนิ่งๆอย่างใช้ความคิดก่อนจะเลื่อนมือไปเช็ดครีมเค้กออกให้ แต่คยองซูก็เบี่ยงหน้าหลบแล้วพูดว่า

                    ไม่เป็นไร เดี๋ยวกลับไปอาบน้ำเลยดีกว่า...ยังดีที่มาทันเป่าเค้ก...มีความสุขมากๆนะโย่ง แฮปปี้เบิดเดย์มือบางสั่นๆนั้นเลื่อนไปตบลำแขนแกร่งสองสามทีแล้วฝืนยิ้มให้แล้วหมุนตัวกลับเพราะไม่อยากให้ตัวเองร้องไห้ออกมาตอนนี้ แต่ทว่ามือใหญ่ของคนที่ยืนอยู่ด้านหลังก็คว้าแขนเรียวเล็กเอาไว้แล้วพูดว่า

                    กลับพร้อมกันนี่แหละ..เรามีเรื่องต้องคุยกันชานยอลดึงคยองซูให้เดินตามมา พวกเขาเรียกแท็กซี่กลับมาที่หอพักโดยไม่ได้บอกที่เมาอยู่ในงานวันเกิดเลยว่าเจ้าของวันเกิดหนีกลับมาก่อนแล้ว เมื่อมาถึงห้อง คยองซูก็เดินตรงไปที่หลังตู้เย็นร่างเล็กเอื้อมมือไปหยิบกล่องทิชชู่มาเพื่อจะเช็ดครีมเค้กที่หน้าตัวเองออก แต่มันดันหมด แล้วไอกล่องใหม่ก็ดันอยู่บนตู้เค้าน์เตอร์ที่สูงเกินเอื้อม ทำให้เขาต้องเดินออกไปที่ระเบียงเพื่อหยิบเก้าอี้มาต่อเพิ่มความสูง ชานยอลหันกลับมาจากการถอดรองเท้า เขาเห็นว่าร่างเล็กกำลังจะใช้เก้าอี้ก็เลยพอเดาได้ว่ากระดาษทิชชู่คงหมด ร่างสูงเดินไปซ้อนหลังคนที่กำลังจะปีนเก้าอี้หยิบม้วนทิชชู่แล้วเอื้อมมือเปิดเอากระดาษทิชชู่ม้วนใหม่ออกมา แผ่นหลังบางที่แนบกับแผ่นอกกว้างมันทำให้ทั้งคู่ใจสั่นและไม่มีใครกล้าเอ่ยปากพูดอะไรเลยจริงๆ เพราะชานยอลก็ไม่คิดจะขยับตัว คยองซูเองก็อยู่ในวงแขนของอีกฝ่ายที่ยืนซ้อนหลังโดยปริยาย

                    ฉันว่า..ฉันไปอาบ..

                    “เลิกหนีเถอะ..เราต้องคุยกันชานยอลพูดสวนขึ้นมาทันทีเมื่อร่างเล็กกำลังจะหาทางหลบหน้าเขา

                    มีอะไรเหรอ..คยองซูถามเสียงแผ่ว

                    หายไปไหนมา...ทำไมถึงมาดึกคนตัวเล็กไม่รู้จะตอบยังไง เขาไม่กล้าบอกความจริงหรอกว่ามัวแต่ร้องไห้และรอให้ตาหายบวมอยู่ก็เล็เลยไปช้า

                    ก็...กลับมาอาบน้ำน่ะคำโกหกนั้นทำให้ชานยอลคิดว่าคยองซูคงไปกับไอรุ่นน้องนั่นแหละกลับมาช้ามันยิ่งทำให้เขารู้สึกเริ่มเก็บอารมณ์ไม่ได้

                    ไปกับรุ่นน้องคนนั้นมาเหรอ

                    “อื้อ..กลับมาช้าน่ะขอโทษทีนะโย่งคยองซูหมุนตัวกลับมาเผชิญหน้ากับร่างสูงเมื่อปรับสีหน้าได้แล้ว แม้จะฝืนยิ้มกว้างแค่ไหนแต่ชานยอลก็ไม่ได้ตอบสนองรอยยิ้มนั้นเลย

                    คบกับรุ่นน้องคนนั้น...เหรอแม้จะกลั้นใจถามออกไป แต่ก็ไม่อยากได้คำตอบเลยจริงๆ...เขากลัวๆว่าคำตอบที่ได้รับมามันจะเป็นอย่างที่เขาคิด คนถูกถามก้มหน้านิ่ง ก่อนจะส่ายหน้า

                    พูดออกมาสิ...ถ้าบอกความจริงก็จะได้ไม่โกรธ..เพราะนายมีสิทธิ์จะไปกับแฟนของนายมือบางนั้นกำแน่นข้างตัวก่อนจะเงยหน้าสบตากับคนตรงหน้านิ่งนาน ดวงตากลมโตนั้นเริ่มแดงก่ำ ความรู้สึกน้อยใจที่ถูกพลักไสนั้นก่อตัวขึ้นจนไม่อาจจะเก็บกักอารมณ์ได้อยู่

                    บอกว่าเปล่า! ไม่ได้คบกับใครไม่ได้มีแฟน! ไม่ต้องมาไล่กันจะได้มั้ย! ฉันไม่ได้เรียกร้องให้นายรู้สึกผิดหรือรับผิดชอบเรื่องที่นายแกล้งฉันเมื่อคืนเลยนะชานยอล!”

                    ไม่ได้แกล้งแต่ตั้งใจ!!” เขาตะโกนกลับแล้วโยนทิชชู่ทิ้งก่อนจะจับต้นแขนของคนตัวเล็กตรงหน้าไว้ทั้งสองข้าง

                    ไม่ได้ไล่ให้ไปไหนด้วย! แล้วก็ไม่อยากให้ไปเป็นแฟนกับใครด้วย ได้ยินยัง! ได้ยินมั้ย?” เขาเขย่าร่างคนตรงหน้า คยองซูเซเล็กน้อยและกระพริบตาไล่หยาดน้ำตาที่ดวงตาตัวเองแล้วถามกลับ

                    ทำไม..

                    “เพราะว่าฉัน..รักนายเขาพูดมันออกมาแล้ว...พูดมันออกมาในที่สุด ไม่ใช่แค่ตัวคนพูดที่อึ้ง คนฟังก็ไม่ต่างกัน ความเงียบสงัดเกิดขึ้นในห้องกว้างบริเวณเค้าน์เตอร์ครัวทันทีเป็นเวลานานก่อนคยองซูจะเปิดปากพูดอีกครั้ง

                    ทำไมพวกนั้นถึงปล่อยให้นายดื่มเข้าไปมากขนาดนี้นะโย่ง...

                    “ฉันไม่ได้เมา! ไม่ต้องมาเฉไฉได้มั้ย บอกว่ารักอะ! รัก! ได้ยินมั้ย ตอบสิได้ยินหรือยัง? “ คยองซูรู้สึกตัวเองหมดแรง ร่างมันสั่นขึ้นมาดื้อๆและดวงตาก็ปล่อยหยาดน้ำตามากมายอย่างไม่อาจจะกลั้น ร่างเล็กเปล่งเสียงอะไรออกมาไม่ได้เลยนอกจากพยักหน้าแทนคำตอบเพื่อบอกชานยอลให้รู้ว่าเขาได้ยินแล้ว..

                    ฮึก! ฮื้ออออ ไอบ้า! ฮื้อออไย่งบ้า!! ฮื้ออร่างเล็กโผลเข้ากอดรอบเอวของเขาซุกหน้าลงที่อกกว้างและร้องไห้ออกมา ชานยอลเองก็รู้สึกเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก เขากอดตอบคยองซูแน่นแล้วพูดความในใจต่อเรื่อยๆ

                    ไม่รู้หรอกนะว่านายจะคิดเหมือนกันมั้ยตัวเล็ก...แต่ได้พูดแล้วมันโครตโล่ง! ต่อจากนี้ถ้าทุกอย่างไม่เหมือนเดิม ฉันจะถือว่าฉันเป็นคนผิดเอง แต่อยากให้ได้รับฟังความในใจฉันบ้างก่อนที่ฉันจะอกแตกตายก่อนจะมีโอกาสได้พูดมันออกมา

                    “ฮึกๆ ฮื้ออ

                    “ฉันรักนายตัวเล็ก...รักมาตลอด รักจนแทบบ้า! ฉันอยากจะบ้าตายให้ได้ทุกๆครั้งที่เราอยู่ใกล้ๆกัน ฉันต้องหักห้ามใจเพราะกลัวว่าถ้าเผลอพูดหรือทำอะไรออกไปมันจะทำให้นายเกลียดฉันแล้วความเป็นเพื่อนของเราก็จะหายไป

                    ฮึก! มันหาย...มันหายไปแล้วเพราะนายพูดมันวันนี้..ฮึก!” ชานยอลหน้าเสียเมื่อได้ยินอย่างนั้น เขาคอตกทันที และคลายอ้อมกอดออกจากเอวบางของคนตัวเล็กพร้อมกับถอยหลังออกมาหนึ่งก้าวแล้วพูดว่า

                    ถ้าอย่างนั้น...ฉันขอโทษเขาหมุนตัวกลับแต่แรงปะทะและอ้อมแขนเล็กก็โอบรอบเอวของเขาจากด้านหลังแล้วเจ้าของอ้อมแขนนั้นก็พูดว่า

                    ฟังให้จบก่อนได้มั้ย...ที่ฉันบอกว่าหายไป...เพราะตั้งแต่วันนี้ต่อไปเราจะเป็นแฟนกันไงโย่ง... ความรู้สึกของชานยอลไม่ต่างอะไรจากคนที่เล่นบันจี้จั้ม เขาเหมือนตกลงมาจากที่สูงแล้วถูกเด้งขึ้นไปใหม่อีกครั้งราวกับภาพสโลว์โมชั่น มือหนาแกะอ้อมแขนเล็กออกแล้วหันกลับมาสบตาคนที่ยิ้มทั้งน้ำตาแล้วถามว่า

                    จริงเหรอคยองซูพยักหน้ารับถี่ๆแล้วยิ้มให้เขา ไม่ถึงอึดใจคนตัวเล็กก็ถูกอุ้มจนตัวลอย ชานยอลจับอีกฝ่ายหมุนไปมาพร้อมตะโกนราวกับคนถูกรางวัลที่หนึ่ง คยองซูหัวเราะและยิ้มกว้าง พวกเขาหยุดยืนแล้วยิ้มให้กัน ก่อนมือหนาจะเลื่อนขึ้นโอบข้างแก้มแล้วลูบเบาๆ

                    รักวะ...ตัวเล็ก ความดิบเถื่อนไม่ได้หายไป ไอโย่งก็ยังเป็นไอโย่งที่ติดหยาบ โมโหง่ายและขี้งอน เพียงแต่คยองซูรู้สึกว่ามันเป็นคำบอกรักที่ออกมาจากใจคนพูดจริงๆ

                    อื้อ...ได้ยินแล้ว

                    “แต่ฉันยังไม่ได้ยินเลย..เขาเลื่อนหน้าเข้าไปใกล้ จ้องดวงหน้าของคนเขินอาย คยองซูจึงหลบสายตาเขา

                    ตัวเล็ก...

                    “อะไรเล่า!”

                    “เร็วดิ๊...อยากได้ยินบ้างอะ

                    “ไม่เอา!..เขิน

                    เฮ้ยใจเย็นดิ! ยังไม่ได้เอาแค่อยากได้ยินคำว่ารักกันบ้าง

                    “ไอบ้า! โย่ง ไอคนทะลึ่ง!!” ชานยอลหัวเราะและสุขใจที่ได้แหย่ เขาเลื่อนมือไปเช็ดครีมเล็กบริเวณแก้มและริมฝีปากของร่างเล็กออกอย่างนุ่มนวลและเบามือ ดวงตาของเขาจดจ้องใบหน้าเขินอายของคนที่พึ่งเปลี่ยนสถานะกันสดๆเมื่อครู่เนิ่นนานราวกับจะเก็บความทรงจำดีๆนี้เอาไว้ในวันพิเศษแบบนี้ให้ได้นานที่สุด

                    อย่ามองกันแบบนี้สิ..มันไม่ชินนะ

                    “อยากมองอะ!...น่ารักทำไมอะ

                    “ไอบ้า!”

                    “ยังไม่บ้าแต่เกือบล่ะ..มีแฟนน่ารักแบบนี้ใครไม่บ้าก็เทพแล้ว!”

                    “งื้อออ หยุดพูดน้ำเน่าได้แล้วมันเขินนะ!” ชานยอลหัวเราะคนหน้าแดง เขาเลื่อนใบหน้าไปจูบที่แก้มนิ่มเบาๆแล้วพูดว่า

                    “จูบ...นะคนเขินอายอยู่แล้วเจอคำถามตรงๆแบบนี้ขึ้นมาใครจะกล้าตอบกันเล่า!

                    “บ้า..

                    “บ้าแปลว่าตกลงใช่ปะ?” คยองซูไม่ตอบแค่เงยหน้าสบตาเขาก่อนจะถูกริมฝีปากหยักทาบลงจูบแผ่วเบา ร่างเล็กหลับตารับจูบนั้นอย่างเต็มใจ มันเป็นจูบที่หวานละมุนอบอวนไปด้วยกลิ่นครีมสดของเค้กผลไม้ และนุ่มนวลราวกับเรียวลิ้นได้สัมผัสกับเนื้อซอฟเค้กที่ซ่อนอยู่ใต้ครีมก็ไม่ป่าน..

                    นายเป็นของขวัญที่วิเศษที่สุดในชีวิตฉันเลยตัวเล็กเขากระซิบบอกชิดริมฝีปากรูปหัวใจของร่างเล็กแล้วจูบซ้ำอีกครั้ง อีกครั้ง..และอีกครั้ง เท่าไหร่ก็ไม่พอ เท่าไหร่ก็ไม่รู้สึกเบื่อ มีแต่ต้องการมากขึ้น..มากขึ้นทุกทีจริงๆ

                    ขอบคุณนะสำหรับของขวัญวันเกิดวันนี้คยองซูพยักหน้ารับ และโอบรอบคอของคนตัวสูงกว่า

                    แฮปปี้เบิดเดย์อีกครั้งนะโย่ง

                    “อืม...จบแล้วเหรออวยพรสั้นจังคยองซูหัวเราะ ร่างเล็กเม้มปากด้วยความเขินอายแล้วเขย่งเท้าขึ้นทาบริมฝีปากตัวเองลงที่ปากของเขาแตะลงแล้วผละออก

                    ฉัน..รักนาย ชานยอลยิ้มกว้างและดึงคนตัวเล็กเข้ามากอดเอาไว้แน่น พวกเขาโยกตัวไปมาในอ้อมกอดของกันและกันพร้อมกับฮัมเพลงแฮปปี้เบิดเดย์ในลำคอเบาๆ มันช่างเป็นการฉลองวันเกิดที่หวานชื่นจริงๆ..

                    ว่าแต่นายไปไหนกับรุ่นน้องคนนั้นมา

                    “ไปซื้อของขวัญให้นายน่ะสิ...เพราะน้องเค้ามีความรู้เรื่องดนตรีฉันก็เลยให้เค้าพาไปซื้อ..ของขวัญให้นายชานยอลผละตัวออกเขาหยิบกล่องของขวัญขึ้นมาเปิดดู มันเป็นปิคกีต้าร์สีดำที่มีคำว่า BFถูกเจาะเป็นจี้ห้อยเข้ากับสร้อย เขาย่นคิ้วเล็กน้อยกับตัวย่อแล้วถามคยองซูว่า

                    “BF ย่อมาจากอะไร?”

                    “Best friend.ชานยอลย่นคิ้วเมื่อได้รับคำตอบ แล้วเขาก็ใส่มันพร้อมกับพูดว่า

                    แปลผิดนะตัวเล็กภาษาอังกฤษได้เกรดไรเนี้ยคยองซูยู๋ปาก เขาแปลถูกนะ

                    มันต้องย่อมากจากคำว่า Boy friend. สิถึงจะถูก คนถูกแกล้งพองแก้มใส่อีกฝ่าย ชานยอลยิ้มแล้วจูบลงที่หน้าผากของคยองซูพร้อมกับพูดว่า

                    ขอบคุณครับสำหรับของขวัญ..สัญญาว่าจากนี้ไปจะเป็น Boy friend.ที่ดีที่สุดให้กับตัวเล็กเลย

                    “รักษาสัญญาด้วยนะโย่ง

                    “แน่นอน..ที่รัก!” คยองซูหัวเราะแล้วเขย่งเท้าจูบแก้มเขาตอบก่อนทั้งคู่จะกอดกันด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่นและเปรี่ยมสุขเนิ่นนาน ไม่มีใครสนใจการสั่นของโทรศัพท์จากเพื่อนที่พึ่งรู้ว่าสองคนนี้หายไป ไม่มีการเป่าเทียนวันเกิดอีกครั้งระหว่างคนสองคน มีเพียงเสียงหัวใจที่เต้นตอบรับกันเป็นจังหวะแทนการร้องเพลงแฮปปี้เบิดเดย์ว่า รัก..รัก..รักมากมายเหลือเกิน.. HBD My Boy friend...

     

    END...

    โอ้ยยย ขอเกลือกินหน่อยข่า ไม่เคยเขียนอะไรหวานเจี๊ยบขนาดนี้ ไม่ใช่แนวถนัดเลยปกติดาม่าน้ำตาแตกตลอด 555 หวังว่ามันจะไม่เลี่ยนไปนะคะ แต่งมาฉลองวันเกิดพี่ชาน ขอแนวใสๆไร้ncแล้วกัน ปีหน้าค่อยจัดของขวัญแบบเลือดกำเดาไหลให้นะ 555+ ขอบคุณที่อ่านมาจนจบค่ะ

     

     

    ถ้าอ่านแล้วชอบไอพี่โย่งกับน้องตัวเล็กก็ฝากเม้นท์ฝากแท็ก #ฟิคตัวเล็กกับไอโย่ง บอกกันบ้างนะคะ ^^

    ปล.เราตั้งเป็นเรื่องยาวไว้เผื่อมีคนชอบจะได้เอามาดัดแปลงเป็นเรื่องยาวเนอะ ^^

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×