ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Aratos : สงครามมนตราอสูร l ปิดรับสมัครตัวละคร

    ลำดับตอนที่ #6 : Chapter 0 l จากบ้านมาแดนไกล

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 136
      0
      15 ต.ค. 59

    CHAPTER 0

    จากบ้านมาแดนไกล


     




     

     

                บู้ม!!!

     

     

    เสร็จสักทีชายวัยทองร่างหนาอายุราวๆ สามสิบปีปลายๆ ถอนหายใจให้กับภารกิจที่พึ่งจะลุล่วงไป มันคือการระเบิดภูเขาหินแร่ขนาดมหึมาเพื่อถลุงเอาแร่เกรดดีนำไปหลอมเป็นอาวุธต่อ

     

    บัดนี้ภูเขาแร่ขนาดมหึมาแหว่งไปครึ่งหนึ่งเผยแร่สีเทาสะท้อนแสงเป็นก้อนๆ จำนวนมากที่อัดแน่นอยู่ภายในชั้นดินหินของภูเขา

     

    เก่งมากตัวเล็กชายวัยทองเอามือลูบขนนกกระจอกเทศขนาดสูงกว่าสองพร้อมกับโยนปลาสดให้เพื่อเป็นการตบรางวัลที่ทำงานสำเร็จ หลังจากที่ยืนดูเจ้านกประหลาดกินปลาดิบเสร็จเข้าก็เอ่ยขึ้นมาเบาๆ

     

    กลับมาพักผ่อนเถอะ เจ้าคงจะเหนื่อยมากแล้วว่าจบร่างของมันก็แตกสลายกลายเป็นละอองเวทมนตร์และหายวับไปในอากาศ

     

    พ่อ... ข้ามีเรื่องออะไรจะบอกเด็กหนุ่มที่กำลังขยี้ผมสีอบเชยด้วยความงุนงงเอ่ยขึ้น เขากวาดสายตาไปมาบนซองจดหมายอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง

     

    เซราฟีนเจ้าไม่เห็นรึไงว่าพ่อกำลังยุ่งชายวัยกลางคนคิ้วขมวด ดูเหมือนเขาจะไม่สนใจเด็กหนุ่มผู้เป็นลูกแต่กลับให้ความสนใจแค่เพียงกระดาษแผนงานในมือ

     

    เซราฟ!!” ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนทำเสียงแข็งก่อนที่ผู้เป็นพ่อจะยอมหันมาคุยด้วยแต่โดยดี มีอะไรล่ะ เซราฟีนผู้เป็นคนยังดึงดันที่จะเรียกชื่อที่เขาไม่อยากจะได้ยินที่สุด

     

    ปัดโธ่เว้ยย ท่านพ่อ เซราฟไง นี่ท่านอยากให้ข้าอาละวาดรึไงห๊ะ!!!” เด็กหนุ่มทำท่าโวยวายก่อนที่จะโดนฝ่ามือหนาเขกที่หน้าผากสวยหนึ่งที

     

     

    โอ๊ยยข้าเจ็บนะ

     

     

    ปั๊ดกับใคร เดี๋ยวพ่อก็จับนั่งยาง

     

     

    มีอะไรก็รีบสาธยายมา ข้าไม่มีเวลากับเรื่องไร้สาระนะเฟ้ย มีงานอีกแปดสิบแปดอย่างรอข้าอยู่นะ

     

     

    คือ.. จดหมายจากเอราทอสส่งมาหาข้าเมื่อเช้าผู้เป็นพ่อตาเบิกกว้าง เอกสารงานในมือแทบล่วงลงสู่พื้นดินที่เต็มไปด้วยเศษหินที่แตกกระจาย เขาส่ายหน้ารัวๆ อย่างไม่เชื่อสายตาก่อนที่จะโผล่เข้ากอดลูกชายสุดที่รัก

     

     

    ไปเป็นภารโรงเหรอลูกชายข้า เก่งที่สุด

     

     

    บะ... บ้าน่ะ ท่านพ่อ จดหมายยืนยันการเข้าเรียนน่ะสิ ชื่อข้าถูกจับฉลากได้ในปีนี้

     

     

    ข้าไม่ต้องทนโดนป้าข้างบ้านครหาแล้ว ลูกชายข้าไม่ต้องมาเป็นช่างตีเหล็กต๊อกต๋อยแล้วผู้เป็นพ่อทำหน้าเหงเกเหมือนจะร้องไห้ก่อนที่จะโดนร่างโปร่งผละออก ความมุ่งมั่นเอ่อล้นออกมาผ่านนัยน์ตาสีเหลืองอำพัน ข้าภูมิใจในศักดิ์ศรีการเป็นช่างตีเหล็กแห่งเอนเดลเลียน ชื่อนี้มีเกราะและอาวุธที่ดีที่สุดในสามโลก ข้าสัญญาว่าข้าจะกลับมาดูแลกิจการต่อจากท่านพ่อ

     

    ข้าอยากให้เจ้าไปทำงานในวังหลวง เป็นคนใหญ่คนโต สักครั้งข้าอยากไปพิธีสวมเกราะของเจ้าผู้เป็นพ่อก้มหน้าเหมือนจะร้องไห้ ใบหูของเขาแดงก่ำจนสังเกตได้

     

    ข้าจะเป็นช่างตีเหล็กที่โด่งดังไปทั่วโลก ตระกูลของเราจะดังเปรี้ยงปร้างและข้าก็จะกลับมาพร้อมกับใบสำเร็จการศึกษา ข้าจะไม่ซ้ำชั้นเหมือนตอนสิบขวบ ข้าจะ...ผู้เป็นพ่อกอดลูกชายพร้อมกับร้องไห้เสียงดัง

     

     

    ขะ ข้า คงคิดถึงเจ้ามากแน่ๆ

     

     

    ข้าก็เช่นกัน... ท่านพ่อ

     

     

    ว่าแต่เจ้าบอกแม่หรือยัง?

     

     

    ข้าบอกแล้ว--- อ่อ แม่ฝากข้าโปรโมตร้านข้าวต้มของเราด้วย

     

     

    ดีแล้ว ทำให้มันได้... อย่าให้ข้าเลี้ยงเสียข้าวสุก ให้ร้านเราดังในหมู่นักเรียนให้ได้ ข้าจะได้ขยายกิจการ ว่ะฮ่าๆๆ แล้วก็นะ อย่าลืมเอาสูตรข้าวต้มไปทำให้เพื่อนกินล่ะ ถ้าติดใจก็บอกให้แวะมา

     

     

    ท่านพ่อก็... ข้าลาล่ะ ดูแลตัวเองด้วยอย่าหักโหมนะ

     

     

    ไหนรถมะ---“พูดยังไม่ทันจบ  รถม้าที่เต็มไปด้วยสัมภาระค่อนข้างเยอะก็เคลื่อนตัวมาจอดเช้าๆ เซราฟกระโดดขึ้นไปนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมกับจัดแจงของใช้ส่วนตัว

     

     

     “อิกไนต์ล่ะ?” ผู้เป็นพ่อชะเง้อคอถาม

     

     

    มันหลับน่ะ

     

     

    นี่เจ้าจะไม่ให้ข้าบอกลามันหน่อยเหรอ

     

     

    มันต้องใช้เวลาเดินทางนานข้าต้องรีบไป... เดี๋ยวข้าจะไปไม่ทันเปิดเรียนนะท่านพ่อ มันคงคิดถึงท่านเหมือนกับที่ข้าต้องคิดถึงท่าน ลาก่อนท่านพ่อข้าจะรีบกลับมาเสียงกร้านๆ ของเขายังคงดังออกมาจากรถม้าที่ค่อยๆ เคลื่อนตัวไป ผู้เป็นพ่อได้แต่ยืนมองรถม้าคันนั้นวิ่งไปจนสุดสายตา

     

    ข้ายังรู้สึกเหมือนเมื่อวานเจ้าตัวเล็กเท่าแร่หินเหล็กกล้าอยู่เลย มันเร็วเหลือเกิน... เร็วเกินกว่าจะเข้าใจ มันคงถึงเวลาที่เซราฟีนน้อยของข้าจะออกจากเตาหลอมเก่าๆ คร่ำเครือๆ แล้วสินะรอยยิ้มที่ดูมีความสุขที่สุดผุดขึ้นมาบนใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยย่นจากการตรากตรำทำงานหนัก

     

    ทุกคนภูมิใจในตัวเจ้านะเซราฟรวมถึงพี่สาวเจ้าด้วย... ลาก่อนลูกรักในขณะที่เขากำลังซาบซึ้งกับการบอกลาลูกชายหัวแก้วหัวแหวน คนงานคนหนึ่งก็พรวดเข้ามาขัดภวังค์ของชายร่างหนา

     

     

    นะ...นายท่านครับ แผนงานการถลุงแร่หินจะเริ่มดำเนินงานต่อตอนไหนครับ

     

     

    ข้าไม่มีอารมณ์หรอกเฟ้ยยย!! ไปไหนก็ไปนะ ก่อนที่พ่อจะจับย่างเอาเนื้อให้เจ้าตัวเล็กแทะเล่น ข้าไม่ทงไม่ทำมันแล้ว หยุดงานสองวัน แล้วก็!! ภูเขาแร่ที่เหลือเหรอ สลักชื่อลูกชายข้าไว้เลย วะฮ่าๆๆ

     

     

    จะให้สลักว่าอะไรดีครับ

     

     

    เซราฟีนน้อยว่าจบชายวัยทองก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างมีสุข


     

     


     

     

    ภายใต้คฤหาสน์สีขาวสะอาดตาที่ถูกตกแต่งด้วยสถาปัตยกรรมชั้นสูง โคมไฟระโยงรยางค์และพรมกำมะหยี่สีเลือดนกทอดยาวไปถึงห้องโถงขนาดใหญ่

     

     

    ที่นี่คือ คฤหาสน์ขุนนางหลวง

     

     

    มันคือสถานที่สำหรับเหล่าลูกผู้รากมากดี เต็มไปด้วยลูกขุนนาง ลูกนักปราชญ์ จนกระทั่งลูกพ่อค้ามหาเศรษฐี

     

     

    และเกรซก็เป็นหนึ่งในนั้น

     

     

    เรือนผมสีม่วงยาวสลวย นัยน์ตาสีเข้มกว่าผมฉายความเป็นมิตรออกมา ใบหน้าสะสวยราวกับนางฟ้าตัวน้อย ริมฝีปากเล็กคอยส่งยิ้มให้กับเพื่อนในห้องน้ำชา

     

     

    ไม่ต้องแปลกใจเธอเป็นเด็กสาวที่ฮอตที่สุดในคฤหาสน์ขุนนางหลวง

     

     

    คุณหนู มีจดหมายส่งมาค่ะสาวใช้สะกิดเด็กสาวที่กำลังร่วมวงเสวนาด้านการบริหารกรมคลัง

     

     

    ได้จ๊ะ ---นี่เดี๋ยวข้ามานะ ข้าขอไปทำธุระสักครู่ว่าจบร่างบางก็เคลื่อนตัวออกมาอย่างอ่อนน้อมสื่อถึงการอบรมบ่มนิสัยที่เรียกได้เต็มปาก ว่าเธอคือลูกผู้ดีทั้งภายนอกและภายใน

     

    จดหมายจากเอราทอสน่ะค่ะ คุณหนูสาวใช้ยื่นซองจดหมายที่มีรูปลักษณ์ภายนอกสุดคลาสสิคแต่มันเต็มไปด้วยความพยายามมากมายของเกรซ

     

     

    ทำได้แล้วสินะ....

     

     

    เกรซยิ้มเล็กน้อยก่อนที่จะสำรวมอาการดีใจเอาไว้ รีบส่งข่าวไปบอกท่านพ่อกับท่านแม่

     

     

    ส่วนเรื่องการเดินทางข้าฝากเจ้าด้วยนะเฟรย์สาวใช้พยักหน้ารับด้วยรอยยิ้มก่อนที่จะปิดประตู

     

     

    ไหนข้าขอดูคะแนนสิ..เธอค่อยๆ แกะซองจดหมายออกปรากฏชื่อของเธออยู่ลำดับที่สามจากผู้สมัครเหยียบหมื่น

     

     

    ทำสำเร็จแล้วสินะ จิลสิ้นเสียงร่างของสัตว์หน้าขนชนิดหนึ่งก็ปรากฏขึ้น มันมีลักษณะเหมือนแกะธรรมดาทั่วไปทุกประการแต่เพียงมีปีกเล็กๆ งอกออกมาจากหลังอ้วนท้วมสมบรูณ์นั่น

     

     

    ข้าบอกแล้วคุณหนูของข้าเก่งที่สุด

     

     

    อยู่กับข้าสองคนไม่ต้องโทรจิตก็ได้มั้ง

     

     

    ฝึกพลังคุณหนูของข้าให้แกร่งกล้าไงขอรับ

     

     

    เลิกเรียกข้าแบบคนอื่นสักทีจิล เจ้าเป็นเพื่อนรักข้านะ เจ้าต้องเรียกข้าว่าเกรซถึงจะเหมาะเด็กสาวมู่หน้าเล็กน้อย

     

     

    อย่าโกรธไปเลยคุณหนู ข้ารู้ตัวเองดีว่าข้าอยู่ในสถานะอะไร แต่ข้าก็ติดเรียกแบบนี้ไปซะแล้ว

     

     

    ตามใจเจ้าแล้วกันเด็กสาวทิ้งตัวลงนอนบนที่นอนหนานุ่มก่อนที่จะปล่อยความคิดให้ล่องลอยไปไกลแสนไกล

     

     

    เจ้าว่าข้าจะเจอกับเรื่องดีๆ มั้ยนะ

     

     

    ตัวท่านเป็นคนกำหนดโชคชะตานะขอรับ คุณหนู

     

     

    แต่ข้า... ก็กลัวนะ กลัวที่จะเจอเรื่องราวที่เลวร้าย...

     

     

    มันจะไม่เลวร้าย ข้ารู้ ข้าเชื่อแบบนั้น

     

     

    ถ้าเจ้าพูดแบบนี้ ข้าก็สบายใจ... งั้น ข้าขอนอนสักงีบก่อนแล้วกัน พรุ่งนี้ต้องเดินทางแต่เช้า

     

     

    แล้ววงสนทนาด้านงานบริหาร?---ยังไม่ทันที่จิลจะพูดจบเด็กสาวก็ชิงตัดหน้าขึ้นมาก่อน ขออู้วันหนึ่งนะเธอขยิบตาก่อนจะหัวเราะชอบใจ

     

     

    ประจำเลยนะครับคุณหนู

     

     

      

     

     

     

     

    เด็กหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีเทาดำหม่น มองภาพตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา นัยน์ตาสีแดงดุจโลหิตแสดงความไม่เข้าใจระคนสงสัยว่าทำไมเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกันถึงรอดจากการโจมตีของกระทิงทมิฬ

     

     

    ถ้าจะพูดให้ถูกก็ต้องบอกว่าเด็กหนุ่มคนนั้นคืออสูรในคำทำนายแห่งแสง...

     

     

    คนท่าทางไม่เอาไหนแบบนั้นน่ะเหรอ.... ที่เจ้าพวกอสูรชั้นสูงว่าจ้างข้ามาเด็กหนุ่มกระโดดลงจากกิ่งไม้สูงแต่กลับไม่มีเสียงกระทบของใบไม้แม้แต่นิดเดียว

     

    เขากำลังย่องเข้าไปที่เป้าหมายช้าๆ ทันใดนั้นก็เห็นเด็กสาวที่กำลังเขย่าร่างของเด็กหนุ่มที่หมดสติ ดูเหมือนเธอกำลังจะร้องไห้พร้อมกับขอความช่วยเหลือ

     

     

    วินาทีนั้น.. มีอะไรบางอย่างทำให้เขาหยุดนิ่งไป

     

     

    จะเรียกความรู้สึกแบบนี้ว่าอะไรเขาไม่เข้าใจแต่เขาไม่สามารถทำภารกิจในครั้งนี้ได้... สัญชาตญาณของเขาบอกแบบนั้น

     

     

    ความรู้สึกคุ้นเคยแปลกๆ...

     

     

    เจ้าไม่เคยลังเล เนครอส’ ปรากฏร่างอสูรคล้ายมนุษย์แต่สูงใหญ่กว่าสองเท่า

     

     

    ข้าทำไม่ได้...วูฟเนครอสเอ่ยพร้อมกับหันหลังให้กับเป้าหมาย

     

     

    เจ้าไม่เคยเป็นแบบนี้ ดูอ่อนแอ ถ้าเจ้าไม่ทำข้าจะ----

     

     

    หยุดเดี๋ยวนี้วูฟ ข้าคือนายของเจ้าเด็กหนุ่มจ้องร่างดำเขม็ง

     

     

    “....” มันไม่พูดอะไรพร้อมกับหายไปในความมืด เด็กหนุ่มเดินหันหลังลับไปแม้ในใจอยากจะถามเด็กหญิงคนนั้นให้รู้แล้วรู้รอดกันไปเลยว่า สรุปแล้วหล่อนคือใครแต่ก็ทำได้แค่เพียงเก็บความสงสัยนั้นไว้

     

     

    แล้วเราจะได้พบกันอีก....”  

     

     


      

     

     

     


    คุณหนูเลโอ คุณหนูเลโอ!” เสียงของกลุ่มแม่บ้านดังไปทั่วบริเวณสวนดอกไม้ขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยดอกไม้พันธุ์หายากแปลกตา มันเยอะพอที่จะเป็นที่ซ่อนให้กับ เลโอน่า มอร์ริแกน วินเทอร์ลินน์ ลูกสาวตระกูลขุนนางชั้นสูง

     

    เธอไม่เหมือนลูกผู้รากมากดีส่วนใหญ่ที่ต้องทำเรื่องอะไรน่าเบื่อๆ เช่น เรียนมารยาทผู้ดี เรียนวิชาการบริหารไพร่ผลและจิปาถะมากมาย... ที่สนุกที่สุดก็คงจะเป็นวิชาฟันดาบ

     

     

    และนี่ก็เป็นกิจกรรมสนุกๆ อีกอย่างที่ได้ทำในคฤหาสน์อันใหญ่โตนี้

     

     

    การทำให้คนอื่นหัวหมุนนี่เหรอ ใช่ไม่ได้เลยนะเลโอ’ เสียงปริศนาดังขึ้นในหัวของเธอ

     

     

    เงียบไปเลยน่า เฮเวล

     

     

    ก็เจ้าน่ะ เล่นทำให้คนอื่นเขาหัวเสียอยู่เรื่อยเด็กนิสัยไม่ดี

     

     

    บอกให้เงียบไงเล่า ไม่งั้นเจ้าอดกินเนื้อกวางหล่อนยกยิ้มอย่างผู้ชนะ

     

     

    ชิ... ข้าหากินเองก็ได้

     

     

    แน่นะ?

     

     

    ยอมก็ได้------‘ ว่าจบเสียงปริศนาก็หายไป

     

     

    เจอคุณหนูแล้ว!!” เสียงของสาวรับใช้ด้านล่างหลังเธอดังขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มแห้งๆ ของเลโอ พลันสิ้นเสียงกลุ่มแม่บ้านก็วิ่งกรูเข้ามาอย่างรวดเร็ว

     

     

    นายท่านมีรับสั่งให้ไปหาเดี๋ยวนี้ค่ะหัวหน้าแม่บ้านที่ดูมีอายุและมีระเบียบที่สุดเอ่ยเสียงดุ

     

     

    แหะๆ... ค่า ค่า แม่นม

     

     

    ไปเดี๋ยวนี้ค่ะคุณหนู

     

     

    เด็กสาวหน้าบูดพร้อมกับเดินตามกลุ่มแม่บ้านไปด้วยความจำยอม ประตูอันโอ่อ่าถูกเปิดออกเผยห้องโถงขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยของใช้และเครื่องเรือนสวยงามราคาแพง เด็กสาวเดินไปจนสุดทางพร้อมกับเข้าไปยังห้องที่เธอไม่อยากจะเปิดมันมากที่สุด

     

     

    เลโอ... มาแล้วรึ?” เสียงแหบพร่ากดต่ำทำเอาขนหลังท้ายทอยลุกซู่

     

     

    คะ..ค่ะ ท่านปู่เด็กสาวตัวหดเล็กลงสิบเท่าเมื่อยืนต่อหน้าชายชราร่างเล็กที่กำลังจดจ่อกับเอกสารกองโตตรงหน้า

     

     

    รู้มั้ยปู่เรียกเจ้ามาเพราะอะไร?

     

     

    “...มะ ไม่รู้ค่ะเด็กสาวจอมแก่นส่ายหน้า

     

     

    มีจดหมายมาจากเอราทอสเมื่อชายชราพูดจบเด็กสาวตาเบิกกว้างก่อนที่ความดีใจจะปะทุออกมาทางสีหน้าแม้เจ้าตัวจะไม่ได้ยิ้มก็เถอะ

     

     

    เจ้าแอบไปสอบมางั้นรึ?” เด็กสาวเก็บความดีใจไว้พร้อมกับพยักหน้าน้อยๆ

     

     

    เจ้าก็รู้ว่าตระกูลเราไม่เคยมีใครไปเรียนที่นั่น นักปราชญ์ที่สอนเกี่ยวกับวิชาศิลาเวทมนตร์มือฉมังก็มีมากมายในวังหลวง

     

     

    ขะ... ข้ารู้ค่ะท่านปู่เด็กสาวก้มหน้าสำนึกผิดแต่หารู้ไม่ในใจของเธอแทบจะระเบิดความดีใจออกมา

     

     

    เจ้ารู้แต่เจ้าก็ยังดื้อดึงที่จะไปสอบที่นั้น แม้ว่าชื่อเจ้าจะเป็นลำดับที่สองก็ตาม แต่นั้นไม่ได้หมายความว่าเจ้าเก่งหรอกนะ แค่เพราะนามสกุลที่ค้ำคอเจ้าไว้เท่านั้นเองคำพูดนี้ทำให้เด็กสาวคิ้วกระตุกเล็กน้อย

     

    แม้จะทราบข้อเท็จจริงที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงนี้ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าหล่อนไม่ได้พยายาม การเสียสละเวลาอันมีค่าในห้องเรียน มารยาทผู้ดี การบริหาร การเจรจา และอีกมากมายเพื่ออ่านหนังสือสอบเข้าคือสิ่งที่เธอพยายามมาตลอด ถึงไม่มีการสอบเจ้าตัวก็ไม่เข้าอยู่ดีก็ตามเถอะ ....แต่นั่นก็น่าจะเรียกว่าความพยายามแล้วนี่

     

     

    เธอก้มหน้าลงเล็กน้อย เสียงสะอื้นดังขึ้นพร้อมกับน้ำใสใสที่ไหลออกมาจากนัยน์ตาสีอาเทมิสคู่สวย

     

     

    เจ้าคิดว่าแผนตีหน้าเศร้ามันจะใช่ได้ผลกับข้ารึไง

     

     

    ไม่หรอกค่ะท่านปู่

     

     

    ชายชราถอนหายใจพร้อมกับจ้องเด็กสาวเขม็ง เหมือนกันไม่มีผิด...ว่าจบชายชราก็ยื่นจี้ห้อยคอสีเงินสลักลายปีกนก

     

     

    เก็บไว้แล้วถ้าเจ้าเรียนแล้วผลการเรียนแย่ล่ะก็... คงรู้สินะเด็กสาวเงยหน้าขึ้นพร้อมกับวิ่งเข้าไปกอดชายชราจนเขาเริ่มหายใจไม่ออก

     

     

    พะ.. พอแล้ว ข้าหายใจไม่ออก

     

     

    รักท่านปู่ที่สู๊ดดดดดดด

     

     

    เฮ้อ... เจ้านี่ก็ใจอ่อนตลอดนะคาร์ลเสียงของเฮเวลดังขึ้นด้วยความระอาใจ

     

      


     



     

    จดหมายมาส่งครับ...เสียงยานๆ เหมือนเทปเสียดังขึ้นทำให้เด็กหนุ่มร่างสูงหนาต้องลุกขึ้นจากโต๊ะอาหารเพื่อเปิดประตูไปรับซองกระดาษสีขาวแปลกตาที่เรียกว่า ‘จดหมาย

     

    มันอาจจะแปลกๆ ไปสักหน่อยสำหรับเขา ทาวาริล หรือ วัล’ เด็กหนุ่มบ้านป่าที่อยู่ห่างไกลความเจริญแทบจะเรียกได้ว่าไกลปืนเที่ยงโดยแท้จริง ระบบไฟฟ้าหรือการคมนาคมขั้นสูงก็ยังเข้าไปไม่ถึง

     

    นัยน์ตาสีอำพันส่องประกายราวกับเด็กตัวเล็กๆ ที่พึ่งค้นพบโลกใหม่ ใช่!... มันเป็นครั้งแรกที่เขารู้จักกับมัน ‘จดหมาย’ เขารีบแกะซองจดหมายอย่างไม่รอช้า นัยน์ตาคู่สวยเบิกกว้างพร้อมกับตะโกนขึ้นมาสุดเสียง

     

     

    ข้าอ่านไม่ออก!

     

     

    ร่างหนาเดินกลับมาที่โต๊ะอาหารก่อนที่จะวางซองจดหมายลงพร้อมกับหันไปถามผู้เป็นแม่ด้วยความสงสัย

     

     

    แม่ อ่านให้ข้าฟังหน่อยสิ

     

     

    หญิงสาววัยประมาณสาบสิบกลางๆ ขมวดคิ้วกับซองจดหมายก่อนจะหยิบขึ้นมาอ่านช้าๆ สายตาของเธอกวาดไปมาอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นนัยน์ตาของเธอก็เบิกกว้างพร้อมกับอาการดีใจระดับได้ทองสักสิบรถม้ามาจอดหน้าบ้าน หล่อนกรีดร้องจนผู้เป็นสามีตะโกนมาจากหลังบ้าน เกิดอะไรขึ้นน่ะ?

     

     

    เปล่า--- รอเจ้ารดน้ำเสร็จก่อนค่อยมาฟังก็แล้วกัน

     

     

                ท่าทีของหญิงสาวตรงหน้าทำเอาทาวาริลฉงน เขาเอียงคอพร้อมกับยู่ปากเล็กน้อย มันคืออะไรเหรอ แม่หญิงสาวตรงหน้ายังไม่เลิกดีใจ

     

                “เจ้ารู้มั้ยว่าเจ้าโชคดีแค่ไหนลูกรัก ชื่อเจ้าถูกจับฉลากเข้าเรียนได้ในปีนี้ ก็หมายความว่าเจ้าเป็นเพียงหนึ่งในไม่กี่คนที่มีสิทธิ์เข้าไปเรียนใน เอราทอสแบบไม่ต้องสอบยังไงล่ะ!!!!

               

                เด็กหนุ่มเดินทอดน่องไปตามตีนเขา เขาอยากให้เรื่องที่ได้ยินเป็นเพียงแค่ฝันไป... ไกลที่สุดที่เขาเคยออกไปจากหมู่บ้าน ก็มีเพียงร้านค้าแทบชานเมืองเท่านั้น แต่ครั้งนี้เขาจะได้ไปเรียนในโรงเรียนที่ห่างไกลจากบ้าน

     

     

                อดเป็นห่วงทุกคนไม่ได้...

     

     

                “เจ้าดูกังวลนะวัลสิ่งมีชีวิตที่เกาะอยู่บนหัวเอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ

     

     

                “ถึงแม่กับพ่อจะดีใจแค่ไหน ข้าก็ไม่อยากไปอยู่ดีเด็กหนุ่มร่างสูงใหญ่ก้มหน้ามองตัวเองในริมแม่น้ำ มันสะท้อนใบหน้าคมสันที่เคยสดใสร่าเริงมากกว่านี้

     

     

                “ขะ.. ข้าคงทำไม่ได้หรอกท่านลุงวาลเทีย

     

     

                สิ่งมีชีวิตคล้ายเต่าแต่มีลักษณะทางกายภาพเป็นกิ่งไม้แห้งๆ ค่อยๆ ไต่ลงมาจากเรือนผมสีครีมส้มอ่อนก่อนจะเดินไปมองริมน้ำเช่นกัน

     

                “ชีวิตคนเราก็เปรียบเสมือนสายน้ำ ต้องเดินทางพัดพาตัวเองไปในทุกๆ ที่ แม้จะยากลำบากแม้จะมีหินมากมายขว้างกั้นแค่ไหน น้ำก็สามารถแทรกตัวผ่านมันไปได้เสมอ ทุกปัญหาย่อมมีทางออก ข้าเชื่อว่านี่คือก้าวแรกที่ถ้าเจ้าทำมันสำเร็จ เจ้าจะก้าวข้ามตัวเองไปอีกขั้น

     

                เด็กหนุ่มเงียบฟังก่อนจะถอนหายใจ ข้าไม่ชอบความวุ่นวาย ข้าไม่ชอบความเปลี่ยนแปลง ข้ารักผืนป่าของข้า ถ้าเกิดว่าวันหนึ่งพวกกองทัพมืดมันบุกมาที่ป่าของเรา  หมู่บ้านของพวกเรา ใครจะปกป้องกันล่ะ?

     

                เจ้าเต่าน้อยผงกหัวเป็นเชิงตอบรับก่อนจะว่าต่อ อย่าเอาโลกทั้งโลกมาแบกไว้เลยเจ้าหนู ในวันข้างหน้าต้องมีคนที่มาทำหน้าที่ของเจ้าเป็นแน่ ในวันที่เจ้าทำหน้าที่ของเจ้าสำเร็จกลับมาตอนนั้นก็ยังไม่สาย

     

     

                “....ทุกอย่างมันจะดีใช่มั้ยท่านลุงเด็กหนุ่มชันเขาขึ้นเล็กน้อย

     

     

                “ปกติเจ้าหนูของข้าเป็นคนมองโลกในแง่บวกและเจ้าก็ยังชอบการเดินทางอีกนี่ เจ้าคงจะอยากไปเจออะไรที่มันน่าสนุกกว่านี้จริงมั้ย? ข้าไม่สบายใจที่เห็นเจ้ากังวลแบบนี้

     

     

                “มันเป็นการตัดสินใจที่ยากที่สุดในชีวิตข้าเลย

     

     

                “นั่นสินะ... แต่ข้าเชื่อว่ามีงานยากรอเจ้าอยู่อีกมากมาย รีบไปเตรียมข้าวของสัมภาระเถอะ... มันจะไม่ทันการเอาเด็กหนุ่มลุกขึ้นพร้อมกับมองไปยังแสงอาทิตย์ที่กำลังลับขอบฟ้า

     

                “เป็นไงเป็นกันเด็กหนุ่มเอ่ย แต่ตอนนี้ข้าคงต้องหาอะไรกินก่อนล่ะ” ทันใดนั้นเสียงครูดครากประหลาดๆ ก็ดังออกมาจากท้องของวาทาริล เสียงหัวเราะชอบใจของวาลเทียดังขึ้นตามมาติดๆ ก่อนที่ทั้งสองจะเดินทางจากไป...

     



     



                จินน์!

     

     

                จินน์!

     

     

                ฟื้นสิ!

     

     

                เด็กสาวพยายามเขย่าร่างของเด็กหนุ่มตรงหน้าที่หมดสติไป ดูเหมือนเขาจะใช้พลังเกินขีดจำกัดของตน ตามร่างกายของเขาเกิดบาดแผลมากมาย เนื้อตัวสะบักสะบอม

               

     

                “ขะ.. ข้าไม่เป็นไร

     

     

                “จะ... เจ้าสบายดีใช่มั้ยจินน์ถามแม้ดวงตาของเขาเริ่มพร่ามัว

     

     

                “ขะ.. ข้าต้องทำยังไงวิเวียนน่าเอ่ย

     

     

                “ทิ้งข้าไว้แล้วรีบหนีไปซะ... ไม่เช่นนั้นพวกนั้นต้องตามร่องรอยของเราเจอแน่นอน จะ... เจ้าก็ใช้พลังมานา* ไปเยอะเหมือนกันนี่ เก่งนี่ครั้งแรกจินน์พูดไปในขณะที่เลือดยังคงไหลออกมาจากปากแผลไม่หยุด

     

                “ช่างมันเถอะ... แต่ตอนนี้ข้าต้องหาวิธีช่วยเจ้าก่อนว่าจบวิเวียนก็พยุงร่างของจินน์ไว้พร้อมกับค่อยๆ เดินไปเรื่อยๆ อย่างไร้จุดหมาย

     

                ผ่านมาสักพักก็ยังไม่เจอผู้คนเนื่องด้วยป่าแห่งนี้เป็นเขตุห่างไกลความเจริญ จึงไม่มีแม้แต่บ้านช่องเรือนเคียงใดใด เด็กสาวพยายามหอบร่างที่หมดสภาพของจินน์ตรงไปเรื่อยๆ โดยที่ลืมไปว่าตนเองก็ได้รับผลข้างเคียงจากการที่จินน์ใช้พลังเวทมนตร์ด้วยเช่นกัน

     

                “ขะ.. ข้าไม่ไหวแล้วนะเด็กสาวเอ่ยขึ้นก่อนที่การมองเห็นของเธอก็เริ่มเลือนราง ขะ.. ข้าได้กลิ่นน้ำ อีกนิดนะเจ้ามนุษย์เดินไปอีกวิเวียนน่าได้ยินเช่นนั้นก็กัดฟันสู้แบกร่างของเด็กหน่มต่อไปจนกระทั่งข้าเธอหมดแรงร่างของเธอและจินน์ลมพับลง

     

                “นะ.. นี่เราจะตายตรงนี้เหรอวิเวียนเอ่ยขึ้นในขณะที่สติเริ่มหลุดลอย มะ... ไม่ เรารอดแล้วเจ้ามนุษย์ เรารอดแล้วจินน์พยายามดันตัวเองไปข้างหน้าเพราะอีกไม่ถึงสิบก้าวก็ถึงแม่น้ำแล้ว แต่มันคงนานเกินกว่าที่วิเวียนจะรอได้ สิ่งสุดท้ายที่เธอเห็นคือหน้าของเด็กหนุ่มที่พยายามเขย่าร่างของเธอ...

     

     

                ตกเย็นของวันนั้น...

                ร่างบางสะลึมสะลือ เล็กน้อยก่อนที่จะลืมตาขึ้นพบกับเตียงเก่าๆ ที่คุ้นเคย ห้องที่คุ้นเคย และบ้าน.. ที่คุ้นเคย เธอหยิกแขนตัวเองให้แน่ใจว่าไม่ได้ฝัน

     

     

                รอดแล้ว... แต่ว่าจินน์ไปไหน

     

     

              เด็กสาวเดินลงมาข้างล่างก่อนที่จะพบร่างของหญิงสาววัยกลางคนที่ดูจะเป็นห่วงเธอกว่าใคร เมื่อหญิงสาวเห็นวิเวียนน่าถึงกลับปล่อยโฮออกมาพร้อมกับวิ่งเข้ามาสวมกอดเธอทันที

     

     

                “มะ... แม่ ขะ... ข้าสบายดี ไม่เป็นไรวิเวียนพยายามดันผู้เป็นแม่ออกเพราะหายใจไม่ออก

     

     

                “แม่นึกว่าเจ้าจะเป็นอะไรไปซะอีก

     

     

                “ข้าปลอดภัย ว่าแต่ผู้ชายคนที่มากับข้าล่ะ?” วิเวียนน่ามองไปรอบๆ เขาไปที่บ้านของผู้ใหญ่บ้านน่ะ เห็นว่าจะไปขึ้นทะเบียนเป็นอสูรและเจ้าจะกลายเป็นผู้ใช้มนตร์อสูรผู้เป็นแม่เอ่ยด้วยความภาคภูมิใจ ในหมู่บ้านของเรายังไม่เคยมีใครเป็นผู้ใช้มนตร์อสูรเลยนะ... เจ้าคนแรกผู้เป็นแม่เปลี่ยนเป็นคนละคนกับตอนแรก

     

                วิเวียนน่าทำหน้าเหงเกก่อนที่จะสังเกตไปที่เสื้อผ้าของตน บ้านเรามีผ้าสวยๆ แบบนี้ด้วยเหรอแม่เธอหมุนรอบตัวครั้งหนึ่งก่อนที่จะชื่นชมผ้าไหมชั้นดี มันคือของกำนันจากผู้ใหญ่บ้านน่ะ เขาคงดีใจที่หมู่บ้านเรามีผู้ใช้มนตร์อสูรสักทีผู้เป็นแม่พูดติดตลก

     

                “เจ้าชอบมั้ย?” วิเวียนน่าพยักหน้ารัวๆ พร้อมกับหมุนมันอีกรอบ ว่าแต่แม่เปลี่ยนชุดให้ข้าใช่มั้ย... ข้าอายนะ ข้าอายุสิบเจ็ดแล้ว ข้าไม่ใช่เด็กแล้วนะวิเวียนน่ายู่หน้าก่อนที่จะชักสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อย

     

                “ไม่ใช่แม่หรอกจ๊ะ เด็กหนุ่มคนนั้นต่างหาก เขาบอกว่าเขาอยากรู้ว่าลูกมีบาดแผลอะไรมั้ยไม่ทันจะพูดจบหน้าของวิเวียนน่าแดงก่ำจนเหมือนไข้ขึ้น ผู้เป็นแม่เห็นท่าจะไม่ดีเลยถามด้วยความเป็นห่วง เจ้าเป็นอะไร อย่าบอกนะว่าไข้ขึ้น ตัวร้อนรึเปล่า วิเวียน?

     

                ในขณะที่ผู้เป็นแม่พยายามถามเรื่องราวจากวิเวียนน่า เสียงของเด็กหนุ่มที่คุ้นเคยก็ดังมาแต่ไกล ใช่... พวกคนในหมู่บ้านคงกำลังชื่นชมเขาอย่างสุดซึ้ง วิเวียนน่าเก็บความโกรธไว้ก่อนที่ประตูไม้จะถูกเปิดออกพร้อมกับภาพของจินน์ที่ชูหน้าชูคอระรื่น

     

                “ขอบคุณสำหรับอาหารนะทุกท่านในขณะที่ปิดประตูและโบกมือลาคนในหมู่บ้านเสร็จ ก็เห็นวิเวียนน่าที่กำลังเดือดปุดๆ อยู่บนบันได เธอมองมาที่จินน์ราวกับแค้นเคืองมาสามปีแปดปี

     

     

                “เจ้าอสูรหื่นกามมมมมมม วันนี้เจ้าจะต้องโดนข้าเผาสดแล้วรีดน้ำออกจากตัวเจ้าให้โหม๊ดดดด!!

     

     

                สิ่งที่จินน์สัมผัสได้ในตอนนี้คือลางมรณะที่ชัดเจนยิ่งกว่ากระทิงทมิฬเมื่อตอนบ่ายแก่ อ่อ.. ทำนายได้เองด้วยตัวเองไม่ต้องใช้พลังของแม่หมอที่ไหนเลยล่ะ

     

     

                ยังไม่ทันจะตั้งตัวร่างของเด็กสาวซึ่งเต็นไปด้วยโทสะก็พุ่งชาร์ตเข้าหาจินน์จนร่างของเขากระแทกกับประตูอย่างแรงพอจะทำให้สติของอสูรหนุ่มล่องลอยไปไกลแสนไกล...

     

     

      

     


    ศัพท์ในเรื่อง

    มานา = พลังภายในในการสั่งการอสูร หรือให้อสูรใช้เวทมนตร์ ยิ่งผู้ใช้มนตร์อสูรมีพลังมานาที่สูงก็สามารถยืดขีดจำกัดของการใช้พลังเวทมนตร์ของอสูรออกไปอีก ศิลาเวทมนตร์ตั้งแต่ระดับต้นๆ สามารถฟื้นฟูพลังมานาได้ รวมถึงการนอนพักผ่อน





    มุมคุยกัน...

    สวัสดีครับ จบไปแล้วนะบทเกริ่นนำอีกบท อาจจะยาวหน่อยแต่เป็นการปูเนื้อเรื่องให้รู้ถึง

    ตัวหลักของเรานะงับบบ : ) ชอบไม่ชอบยังไงเม้นต์บอกได้ คำผิดมีแน่ครับ ไมไ่ด้ทานเลยยยยย ง่วงมวกก

    ยังไงก็เจอกันตอนต่อไปนะงับ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×