ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Aratos : สงครามมนตราอสูร l ปิดรับสมัครตัวละคร

    ลำดับตอนที่ #7 : Chapter 1 l น้ำกับไฟ 100%

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 224
      0
      15 ต.ค. 59

    CHAPTER 1

    น้ำกับไฟ


     




     

     

                เด็กหนุ่มค่อยๆ ลืมตาขึ้น เขามองไปรอบตัวเป็นการปรับการมองเห็น ใช่... เขานอนบนโซฟาไม้เก่าๆ โดยที่มีแม่ของวิเวียนน่าและเธอนั่งอยู่ใกล้ๆ


                “เจ้าเป็นไรมั้ย? จินน์” แม่ของวิเวียนยิ้มแห้งๆ ดูเหมือนเธออยากจะขอโทษแทนลูกสาวตัวดี “ก็มึนๆ นิดหน่อยแต่แค่นี้ข้าไม่ตายหรอก.... คุณป้าเคธ


                “ขอโทษแทนลูกสาวข้าด้วยนะจินน์” หญิงวัยกลางคนหันไปมองที่ลูกสาวเป็นการแขวะเล็กน้อย วิเวียนน่าเดาะลิ้นไม่พอใจก่อนที่จะกอดอกแน่น



                “ใครจะไปรู้ล่ะ... ว่าเจ้าจะใช้เวทมนตร์ช่วยเปลี่ยนให้ข้า แถมยังปิดตาอีก”



                “แล้วทำไมเจ้าไม่ถามข้าล่ะ จู่ๆ ก็พุ่งมาขนาดนั้น”



                “ก็มันน่าโมโหหนิ”



                “แล้วมันถูกต้องหรือเปล่าล่ะ เจ้ามนุษย์”



                “พอเถอะน่า ทั้งสองคน ทะเลาะกันเป็นเด็กๆ ไปได้” เคธลีนที่ฟังอยู่นานเริ่มหมดความอดทน หล่อนถอนหายใจก่อนที่จะลุกขึ้น “คืนนี้ก็นอนพักผ่อนซะ เจออะไรแย่ๆ มาทั้งวันแล้ว” หญิงวัยกลางคนเอ่ยขึ้นก่อนจะเดินออกไปจากวงสนทนา


                “ถือว่าข้ากับเจ้าหายกัน” ร่างบางหายใจฟุดฟิดก่อนจะเดินกระทืบเท้าขึ้นห้อง “เอ่อ.. เจ้าก็นอนอยู่ตรงนั้นแหละ..” วิเวียนน่ายืนรอสักครู่แต่ดูเหมือนจินน์กอดอกไม่สนใจ “ฝันดีจินน์”


                จนกระทั่งเสียงปิดประตูดังขึ้น เด็กหนุ่มแอบเหล่ตาไปยังร่างที่ลับไปพร้อมกับพึมพัมกับตัวเองราวเสียงกระซิบ “...ฝันดีเจ้ามนุษย์”


               

                เสียงไก่ป่าขันสอดประสานกับเสียงฝูงนกบินออกจากรัง แสงแดดอ่อนๆ ลอดผ่านช่องหน้าต่างแคบๆ เข้ามาหยอกเย้ากับเด็กสาวที่กำลังตกอยู่ในห้วงนิทรา


                เผยใบหน้าสะสวยเครื่องหน้าไม่โดดเด่นแต่ดูพอเหมาะพอดี นัยน์ตาสีฟ้าน้ำทะเลค่อยๆ ปรือขึ้นช้าๆ แต่ก็เป็นไปได้อย่างยากลำบากเนื่องจากความอ่อนล้าที่ประดังประเดมามากมายจนตั้งตัวไม่ทัน


                นั่นน่ะสิ... มันกระทันเกินกว่าที่เด็กสาวธรรมดาๆ เก็บของป่าขาย ใช้ชีวิตธรรมดาๆ จะรับมือได้ ใครจะรู้ว่าตื่นเช้าขึ้นมาอีกวันก็กลายเป็น ผู้ใช้มนตร์อสูรไปเสียแล้ว


                นี่ก็สี่วันแล้วที่บ้านหลังเล็กๆ ของวิเวียนน่าเล็กลงไปอีกเพราะมีเขา จินน์ สมาชิกใหม่ที่กินจุราวกับหมูป่าคลั่ง วันนี้ก็คงเป็นวันวุ่นๆ ชวนปวดหัวอีกวัน


                “ตื่นได้แล้วจินน์” เสียงใสนำมาก่อนปรากฏเด็กสาวในชุดพื้นเมืองสีขาวแทบชมพู อสูรหนุ่มทำหน้างัวเงียอ้าปากกว้างก่อนที่จะหันไปทางต้นเสียง


                “.....” ความเงียบเข้าปกคลุมชั่วขณะ ภาพสาวบ้านป่าไกลปืนเที่ยงถูกโยนทิ้งไป เรือนผมสีน้ำตาลเปลือกไม้เงาประกายยามต้องแสง นัยน์ตาสีน้ำทะเล รวมถึงใบหน้าสะสวยของวิเวียนน่าสะกดจินน์ให้แน่นิ่งไปสักครู่


                “เจ้าหาวปากกว้างขนาดนี้ คงกินปลาวาฬไปได้ทั้งตัว” น้ำเสียงเชิงจิกกัดดึงจินน์ออกจากภวังค์ เขาส่ายหัวแรงๆ ไล่ความรู้สึกชวนขนลุกออกไป



                บ้า--- ไร้สาระจริง อย่างยัยวิเวียนน่าเนี่ยนะ บรื๊อออ...



                “ทำหน้าเหมือนเห็นผีไปได้ เร็วๆ เข้าสิ วันนี้เราต้องเดินทางไปในเมืองไม่ใช่เหรอ”



                ทั้งสองใช้เวลาเตรียมสัมภาระสักพักก่อนที่เคธลีนจะเดินออกมาจากห้องครัวพร้อมกับเสบียงที่เยอะจนเรียกได้ว่ากินได้ทั้งกองทัพ


                “มะ... แม่ นี่มันเยอะเกินหรือเปล่า!” เด็กสาวตกใจกับปริมาณเสบียงตรงหน้า “เพื่อเจ้าหลงป่าหาทางกลับไม่เจอ อีกอย่างจินน์ก็กินเยอะด้วย” เคธหันไปหาจินน์ที่ฉีกยิ้มอย่างพอใจ “ว่าแต่... มีอะไรเหรอ ที่ให้ข้าเข้าเมืองเร่งด่วนแบบนี้” วิเวียนน่าถามในขณะที่จัดการเสบียงให้เข้าที่เข้าทาง “เสื้อผ้าพวกนี้อีก เหมือนท่านแม่ให้ข้าย้ายบ้านยังไงอย่างงั้น”



                ผู้เป็นแม่คิ้วกระตุกเล็กน้อยก่อนที่จะทำหน้าอ้ำอึ้ง “แม่มีอะไรจะบอกเจ้า”



                “ทำไมแม่ต้องอ้ำๆ อึ้งๆ ข้าไม่เข้าใจ” ผู้เป็นแม่ก้มหน้าก่อนจะยื่นซองจดหมายให้กับเด็กสาว วิเวียนน่าคิ้วกระตุกก่อนที่จะรีบเปิดมันโดยเร็ว เธอกวาดสายตาอย่างรวดเร็วนัยน์ตาสีน้ำทะเลเบิกกว้างก่อนที่จะเงยหน้ามามองผู้เป็นแม่ หล่อนไม่พูดอะไรได้แต่พยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจกัน



                “นี่มันเกิดขึ้นได้ยังไงกัน!!!!!



                ย้อนกลับไปเมื่อตอนที่จินน์กับวิเวียนน่าทำพันธสัญญากัน หลังจากนั้นจินน์ได้ไปขึ้นทะเบียนผู้ใช้มนตร์อสูรให้กับวิเวียนน่าที่บ้านผู้ใหญ่บ้าน ต่อมาจดหมายอักขระเวทมนตร์เทคโนโลยีสุดไฮเทคที่มีขึ้นสำหรับบันทึกรายชื่อของผู้ใช้มนตร์อสูรก็ถูกส่งไปที่ทะเบียนหลวงอย่างรวดเร็ว ชื่อของเธอปรากฏในทะเบียนผู้ใช้มนตร์อสูรก่อนวันคัดเลือกแห่งเอราทอสเพียงแค่วันเดียว


                เอราทอส คือ โรงเรียนเวทมนตร์สำหรับผู้ใช้มนตร์อสูร จุดประสงค์หลักคือสร้างความพร้อม สร้างความเข้าใจ เตรียมพร้อมกับสถานการณ์ที่ไม่คาดฝัน เพื่อสร้างบุคลากรที่มีความสามารถที่จะเป็นทั้งแนวหน้าและแนวหลังของสงครามที่พร้อมจะเกิดขึ้นทุกเวลา



                ผู้โชคดีที่ได้รับการคัดเลือกให้เข้าผ่านการจับฉลากมีเพียงแค่สามคนเท่านั้นในปีนี้!!



                และเธอคือหนึ่งในนั้น.. วิเวียนน่า ผู้ใช้มนตร์อสูรหน้าใหม่ ที่พึ่งใช้มนตร์อสูรเป็นไม่ถึงหนึ่งอาทิตย์



                “ท่านแม่!!! นะ... นี่มัน” วิเวียนน่าแทบจะสติแตก ใจหนึ่งก็ดีใจ แต่ใจหนึ่งก็... นี่มันไม่ใช่ฝันแน่นอนเธอรู้



                “ลูกรัก ตลอดระยะเวลาสิบเจ็ดปี แม่รักเจ้ามากๆ นะ วันนี้เป็นวันที่เจ้าจะต้องเผชิญโลกภายนอกแล้ว มันอาจจะเร็วไปสักหน่อย แต่จดหมายฉบับนี้ มันหมายถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของเจ้านะ เอาล่ะ... แม่รู้ว่าเจ้าคงไม่อยากจะจากบ้าน แต่นี่เป็นทางเดียวที่เจ้าจะตามหาพ่อของเจ้าเจอ”



                วิเวียนน่าตาเบิกกว้าง “ข้าไม่เข้าใจ มะ... หมายความว่ายังไง”



                “ที่แม่บอกเจ้าว่าพ่อตายน่ะ แม่โกหก พ่อของเจ้ายังมีชีวิต ครั้งเมื่อเจ้ายังไม่เกิด เกิดการปะทะครั้งใหญ่ของมนุษย์และอสูรชั่วร้าย เขาเป็นหัวหน้ากองทัพทหารหลวงในครานั้น เมื่อตอนที่เขาจะไม่รอดแม่ได้รักษาเขาและเราก็ตกหลุมรักกันเลยมีเจ้า... แต่เขา— ก็กลับไปทำหน้าที่ของตน โดยที่ไม่รู้ว่า แม่ท้องและแม่กับเขาก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย”


                วิเวียนน่าหูแดงขึ้นมาทันทีที่ฟังจบ เธอทั้งโกรธแต่มันปนเปไปด้วยความสงสาร สงสารที่แม่ของตนยอมทำเพื่อผู้ชายที่เธอเองไม่เคยเห็นหน้าแม้แต่ครั้งเดียว



                “เขาชื่ออะไร ข้าจะไปตามหาเขา”



                “อเลรอน” ผู้เป็นแม่ก้มหน้าสำนึกผิดก่อนที่จะโผล่เข้ากอดลูกสาวสุดที่รัก “แม่ฝากตามหาเขาด้วย— และเจ้าต้องบอกเขา ว่าเจ้าคือลูกของเขา” หล่อนยื่นกระดานบ่าสีน้ำเงินกรมให้กับลูกสาว


                “นี่คือสิ่งของชิ้นสุดท้ายที่เขาทิ้งไว้กับแม่ รับไว้สิ” วิเวียนน่าหยิบมันมาก่อนที่จะเก็บใส่กระเป๋าผ้าของตน “ข้าจะตามหาเขาให้เจอแต่ก็จะไม่ลืมหน้าที่สำคัญของข้าเช่นกัน... ข้าจะตั้งใจเรียน ข้าจะดูแลท่านแทนเขาเอง”



                “ลาก่อนลูกรัก... แม่จะคิดถึงเจ้านะ”



                “ค่ะ ข้าก็จะคิดถึงท่านแม่เหมือนกัน” ว่าจบวิเวียนน่าก็กอดผู้เป็นแม่อีกครั้งก่อนจะจากบ้านหลังเล็กที่คุ้นเคยไปสู่โลกใบใหม่...



     

                จินน์ที่กำลังแบกถุงสัมภาระขนาดใหญ่นิ่งเงียบตั้งแต่อยู่ในบ้านดูผิดปรกติจนเริ่มผิดสังเกต “เจ้าเป็นอะไรไปจินน์ เงียบยังกับคนเป็นใบ้” วิเวียนน่าเริ่มบทสนทนา



                “เปล่า... ข้าแค่คิดถึงอะไรเก่าๆ น่ะ” นัยน์ตาของเขาดูเศร้าหม่อง



                “ไม่สมกับเป็นเจ้าเลยนะ— มีเรื่องอะไรไม่สบายใจก็บอกข้าได้นะ” วิเวียนน่าหันไปดูอาการของอสูรหนุ่มข้างๆ ที่ผิดปรกติไป ถ้าเป็นตอนปรกติล่ะก็ คงบ่นตั้งแต่ออกจากบ้านมาแล้วว่าให้ขนของหนักอะไรขนาดนี้ แต่นี่กลับนิ่งเงียบราวกับคนละคน


                “เล่ามาเถอะน่า ยังไงข้ากับเจ้าก็ต้องใช้ชีวิตร่วมกันไปอีกนานนะ” วิเวียนน่าพูดลอยๆ เหมือนไม่สนใจ แต่ในใจเธอกลับรู้สึกเป็นห่วง ก็แน่ล่ะ.. อสูรลิงอย่างจินน์จะมาเงียบเป็นคนใบ้แบบนี้มันปรกติซะทีไหน


                “ข้าฟังเรื่องของเจ้าแล้วคิดถึงเรื่องของตัวเองน่ะ... ข้าก็ ไม่เคยเห็นหน้าพ่อเหมือนกัน”



              เงียบๆ ไว้น่าจะดีกว่า



    ตอนนี้ทั้งสองเดินออกมาจากตัวหมู่บ้านได้ไกลพอสมควร อีกไม่กี่หลาก็จะถึงอีกหมู่บ้านหนึ่งแล้ว จินน์กับวิเวียนน่าหยุดพักใต้ต้นไม้ใหญ่หน้าหมู่บ้านพร้อมกับนำเสบียงที่เตรียมมาออกมานั่งกินกันอย่างเหนื่อยอ่อน



    “นี่ข้าต้องไปเรียนในโรงเรียนบ้าๆ นั่นกับเจ้าใช่มั้ย” จินน์เริ่มบทสทนาก่อนที่จะยกกระบอกไม้เก็บน้ำอย่างกระหาย



    “ก็คงงั้นมั้ง— มันผิดที่เจ้าไปขึ้นทะเบียนเร็วเกินไปนั่นแหละ”



    “อ้าว อย่าโทษข้าสิ มันเป็นผลประโยชน์ต่อตัวเจ้านะ”



    “แล้วเจ้าจะมาว่าข้าทำไมเล่า”



    “ข้ายังไม่ได้ว่าเจ้าสักแอะ เจ้าคิดไปเองแล้ว”



    ในขณะที่ทั้งสองกำลังทะเลาะกันอยู่นั้น เกิดเสียงอึกทึกคึกโครมขึ้นในหมู่บ้านทำเอาทั้งสองต้องหยุดสงครามน้ำลายไปสักพักหนึ่ง



    “เกิดอะไรขึ้น” จินน์ถาม



    “ข้าว่ามันต้องมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นแน่ๆ ลองเข้าไปดูกันเถอะ” วิเวียนน่าเอ่ยอย่างร้อนใจ



    “ไม่เอ—“ ยังไม่ทันที่อสูรหนุ่มจะพูดจบร่างโปร่งก็ถูกมือเล็กๆ ของวิเวียนน่าลากไปด้วยอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทั้งสองวิ่งไปที่ต้นเสียงปรากฏภาพของเด็กหนุ่มร่างสูงเรือนผมสีอบเชยกำลังต่อกรกับอสูรหน้าตาประหลาดๆ


    “นั่นมันหัวขโมยแห่งกอร์ลินนี่” จินน์เอ่ยขึ้นด้วยความตกใจพร้อมกับชี้ไปที่อสูรผิวสีดำสนิท ลักษณะเหมือนเด็กผู้ชายแต่มีหูยาวเหมือนเอลฟ์ “ปกติแล้วมันไม่เข้ามาทำร้ายคนในหมู่บ้านหนิ”


                “โจมตีมันอิกไนต์!” เด็กหนุ่มร้องตะโกนขึ้น ก่อนที่อสูรคู่ใจจะคำรามกู่ก้องพร้อมกับกระโจนเข้าตะครุบเหยื่อตรงหน้าแต่มันไหวตัวทันพร้อมกับหายตัวมาข้างหลังเด็กหนุ่มผู้ใช้มนตร์อสูร


                “แกไม่รอดแล้วเด็กน้อย ฮี่ฮี่” เสียงหัวเราะชวนขนลุกดังขึ้นตามด้วยเสียงระเบิด ควันโขมงไปทั่วไปทั่วบริเวณจนมองไม่เห็นอะไรเลย


                “ติดกับแล้วไอ้หัวขโมยกระจอกเอ้ย!!” ปรากฏร่างเด็กหนุ่มคนเดิมพร้อมอสูรคู่ใจยืนอยู่ขอบสระน้ำพุกลางเมือง ในมือของเขามีศิลาสีม่วง* อยู่ในมือ



                คาดว่าน่าจะใช้ศิลาเวทมนตร์ประเภทกับดักที่เมื่อเป้าหมายอยู่ในจุดที่วางอาคมเวทมนตร์ไว้ จะเกิดความเสียหายขึ้น



                “เจ้าทำให้ข้าต้องซื้อศิลาเพิ่ม เจ้าหัวขโมย... รับการลงโทษจากเซราฟผู้ยิ่งใหญ่คนนี้ไปซะ” ว่าจบอาคมเวทย์สีแดงก็ปรากฏขึ้นบริเวณเท้าของเจ้าอสูรสิงโตและบัดนี้ร่างของมันก็ทะยานเข้าหาเป้าหมายอย่างรวดเร็ว




                “ไม่!!!” วิเวียนน่าที่ยืนดูอยู่นานวิ่งเข้าไปขว้างร่างเล็กๆ ที่หมดสภาพ หล่อนหลับตาแน่นก่อนที่จะตะโกนชื่อจินน์สุดเสียง อสูรหนุ่มตอบสนองเสียงของผู้เป็นนายอย่างรวดเร็ว ร่างโปร่งพุ่งเข้าหาวิเวียนน่าตามสัญชาตญาณของอสูรหลังจากสัมผัสได้ว่าผู้เป็นนายกำลังมีอันตราย



                ม่านน้ำขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นพร้อมกับร่างของสิงโตตัวนั้นที่กระเด็นออกไป



                อสูรหนุ่มเรือนผมสีทองยกยิ้มพร้อมกับหันหลังไปหาผู้เป็นนายอย่างเหนื่อยหน่ายใจ “เจ้านี่หางานให้ข้าตลอดเลยนะเจ้ามนุษย์”



                “อิกไนต์!!! เจ้าไหวมั้ย” เด็กหนุ่มร้องตะโกนถามอสูรคู่หู



                “ข้าไหวเอายังไงต่อ”



                “สอนให้พวกมันรู้ว่าความเร่าร้อนที่แท้จริงน่ะ มันเป็นยังไง!



                “โอ้ะโอ่... ข้ากลัวจนน้ำในตัวแห้งหมดแล้ว” จินน์พูดติดตลกก่อนที่จะหันไปทางวิเวียนน่าที่นั่งอยู่กับพื้น “ลุกขึ้นเซ่! เจ้าเนี่ยไม่รู้งานเลย”



                “อะ.. อะไร”



                “งานเข้า เราต้องสู้แล้ว”



                “แต่พวกเขาเป็นผู้ใช้มนตร์อสูร เป็นมนุษย์นะ”



                “เจ้าคิดว่าเจ้ามนุษย์หัวร้อนคนนั้นมันจะฟังเรามั้ย อย่ามัวแต่สำออยสิ” ว่าจบวิเวียนน่าก็ลุกขึ้นพร้อมกับจ้องเขม็งไปที่เด็กหนุ่มร่างสูง



                “มามะ— เจ้ามนุษย์” จินน์ยกยิ้มยียวนกวนประสาททำเอาร่างสูงของเซราฟชักสีหน้าสุดจะทนกับความกวนประสาทของจินน์ อาคมเวทมนตร์สีแดงสดก่อตัวรวมกันที่เท้าของอสูรสิงโตร่างใหญ่และดูเหมือนมันกำลังจะโจมตีจินน์อีกครั้ง



    แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนกับครั้งแรก อิกไนต์ทะลุม่านน้ำเข้ามาได้อย่างดายก่อนที่ม่านน้ำจะสลายลงมาเหมือนตึกถล่ม จินน์กระโดดหลบไปอีกฝั่ง


    “ทำอะไรสักอย่างเซ่เจ้ามนุษย์!” จินน์ตะโกนเสียงดังในขณะที่กำลังกระโดดหลบสิงโตร่างใหญ่ มันไล่ตะครุบจินน์ราวกับหมูป่าคลั่ง ข้าวของเครื่องใช้และร้านแผงลอยบริเวณนั้นกระจัดกระจายไปหมด



    อะ... เอ่อ คิดสิวิเวียนน่า



    จะต่อสู้มันก็ต้องมีดาบ!



    วิเวียนน่าหลับตานึกภาพดาบในหัวก่อนที่อาคมสีฟ้าจะสว่างวาบขึ้นที่มือของจินน์ ปรากฏสายน้ำก่อตัวเป็นรูปทรงเรียวยาวคล้ายดาบ อสูรหนุ่มยกยิ้มอย่างพอใจก่อนที่จะใช้มันรับกงเล็บที่แหลมคมของอิกไนต์ได้ทันเวลาพอดี


    “ฟู่วววว หิวปลาเหรอเจ้าแมว” ว่าจบจินน์ก็ตีลังกาลงมาจากกองลังที่เพพังพร้อมกับเร่งความเร็วตรงไปที่เซราฟผู้ควบคุมอิกไนต์ หน้าของเด็กหนุ่มเรือนผมสีอบเชยกระตุกเล็กน้อย เขายกมือที่ถือศิลาสีเขียวไว้มันส่องแสงสว่างวาบครั้งหนึ่งก่อนที่ร่างของอิกไนต์จะถูกเคลื่อนย้ายมาอยู่ตรงหน้าเขาทันการจู่โจมพอดี


    “มานาข้าหมดแล้วอิกไนต์ ตัดสินที่การโจมตีครั้งนี้เท่านั้น” ว่าจบเซราฟก็ก้มหน้าลงพร้อม ปรากฏวงแหวนสีแดงสดขนาดใหญ่กว่าเดิม ดูเหมือนเขากำลังรีดพลังมานาทั้งหมดที่มี ทุ้มสุดตัวให้กับการโจมตีครั้งนี้



    วิเวียนน่า เจ้าต้องใช้พลังมานาถ่ายโอนมาให้ข้า นึกถึงสิ่งที่ต้องการเดี๋ยวนี้!’



    ทำไมข้าได้ยินเสียงของเจ้า!!’



    อย่าพึ่งสงสัยอะไรตอนนี้ได้ม้ายย! ทำตามที่ข้าบอก



    ไม่รีรอวิเวียนน่าหลับตาลงและเพ่งสมาธิไปที่อสูรขนฟู ก่อนที่เธอจะร่ายอาคมสีฟ้าขนาดใหญ่เช่นกันดูเหมือนพลังเวทมนตร์ของทั้งคู่จะถูกร่ายเสร็จพร้อมๆ กัน



    “ความพิโรธแห่งท่านเซราฟผู้ยิ่งใหญ่!!!!!!



    บู้มมมมม!!!



    ทันใดนั้นแรงระเบิดของเพลิงขนาดใหญ่ก็ถูกพ่นออกมาจากปากของอิกไนต์เกิดควันขมุกขมัวไปทั่วบริเวณอีกครั้ง ร่างของเซราฟล้มลงพร้อมกับอิกไนต์ที่เนื้อตัวสะบักสะบอกทั้งคู่ แรงระเบิดถูกจำกัดวงให้แคบลงด้วยพลังของจินน์จนไม่สร้างความเสียหายใดใด อสูรหนุ่มสะบัดมือลงพร้อมบาเรียน้ำที่แตกสลายไป



    วิเวียนน่าไม่เลือกที่จะโจมตีสินะ...


    เด็กสาวยิ้มเล็กน้อยก่อนจะล้มพลับลง จินน์หันมามองพร้อมกับพยายามเดินกระเพลกๆ มาหาเด็กสาวที่บัดนี้สติของเธอดับวูบลงไปแล้ว—



    “มันจบแล้วสินะ” ตามด้วยร่างของจินน์ล้มพลับลงข้างๆ เธอ

               


                เป็นอีกครั้งที่วิเวียนน่าได้ตื่นขึ้นจากเหตุการณ์ที่ทำให้หมดแรงจนสลบไป ใช่.. มันพึ่งเกิดขึ้นกับเธอเมื่อห้าวันก่อนตอนที่เจอจินน์ครั้งแรก


                หัวของเธอมึนไปหมดราวกับมันเป็นเพียงแค่ความฝัน เธอมีอาการปวดตุบๆ แถมยังสูญเสียการควบคุมเป็นผลมาจากการใช้พลังมานาที่มากเกินไป แต่อาการบาดเจ็บของเธอก็คงไม่ร้ายแรงเท่ากับเขา เด็กหนุ่มร่างโปร่งเจ้าของเรือนผมสีอบเชยผู้เป็นต้นเหตุของเหตุการณ์วินาศสันตะโรในครั้งนี้ เขากำลังนอนหมดสภาพบนเตียงนอนของโรมแรมเล็กๆ แห่งนี้


                “เดี๋ยวเขาก็ดีขึ้น แค่ต้องการการพักผ่อนสักหน่อย” เสียงของชายชราท่าทางใจดีดังขึ้น วิเวียนน่าดันตัวเองขึ้นจากเตียงพร้อมกับพยักหัวน้อยๆ แทนคำขอบคุณ “ไม่ต้องหรอกสาวน้อย เจ้าได้ช่วยหมู่บ้านไว้”


                “ละ.. แล้วจินน์เด็กหนุ่ม.. ที่เป็นอสูรที่มากับข้าล่ะ ท่านผู้เฒ่า” วิเวียนน่าเอ่ยถามในขณะที่ร่างผอมบางกำลังจะก้าวออกจากห้องไป


                “เขาออกไปเมื่อตะกี้นี้เอง สงสัยจะออกไปเก็บสัมภาระ— ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก เขาปลอดภัย ห่วงตัวเองเถอะ” ว่าจบร่างผอมบางก็เปิดประตูไม้เก่าๆ ออกไป


                “เพราะข้าสินะ...” เด็กสาวหันหน้าไปยังหน้าต่างเหนือหัวเตียง ปรากฏภาพศูนย์กลางเมืองที่พังยับเยินด้วยน้ำมือของผู้ใช้มนตร์อสูรสองคน— เธอมองภาพของกลุ่มคนที่ร่วมใจกันคนละไม้คนละมือ เพื่อซ่อมแซมร้านรวงที่ได้รับความเสียหายจากการะปะทะอย่างรุนแรงเมื่อตอนช่วงบ่ายแก่ๆ สายตาของเธอเหลือบไปเห็นอสูรหนุ่มที่คุ้นเคย ร่างสูงเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลทองไว้จอนพร้อมกับหางเต่ายาวระคอเป็นเอกลักษณ์ จินน์นั่นเอง



                เขากำลังช่วยมนุษย์ซ่อมแซมสิ่งที่เขาพึ่งกระทำไปโดย... ตั้งใจเล็กน้อย



                วิเวียนน่าแทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเอง เธออดยิ้มออกมาไม่ได้ คนที่ดูไม่เอาไหน ปากคอเราะร้ายอย่างเขา จะยอมทำอะไรแบบนี้เพื่อคนอื่น


                ในขณะที่วิเวียนน่ากำลังนั่งมองหน้าต่างด้วยรอยยิ้มเล็กๆ เสียงร้องของเด็กหนุ่มอีกเตียงก็ดังขึ้นดึงทำเอาเธอหันไปอย่างรวดเร็วด้วยความตกใจ


                เขางอตัวพร้อมกับร้องเสียงหลง เขาน่าจะกำลังเจ็บแผล วิเวียนน่ามองเด็กหนุ่มอย่างร้อนรนก่อนที่จะพยุงตัวไปที่ชั้นวางของที่มีกระเป๋าย่ามคู่ใจ เธอค้นหาสมุนไพรในนั้นอย่างทุลักทุเล


                เธอพยายามพาตัวเองมาที่เตียงของเซราฟอย่างทุลักทุเลก่อนที่จะใช้มือขย้ำสมุนไพรสีฟ้าจนมันแหลกได้ที่ หลังจากนั้นเธอก็ค่อยๆ ถอดผ้าโปร่งสีดำของเด็กหนุ่มออก เผยกล้ามท้องที่ไม่เยอะมากแต่เหมาะกับหุ่นและรูปร่างสมส่วนของเขา



                จู่ๆ วิเวียนน่าก็เกิดอาการหน้าแดงขึ้นมาฉับพลัน



                ครั้งแรกในชีวิตล่ะมั้งที่เห็นหน้าท้องผู้ชายแบบนี้...



                เธอค่อยๆ หรี่ตาลงให้พอมองเห็นก่อนที่จะนำสมุนไพรที่แหลกได้ที่แปะลงที่บาดแผลพร้อมกับนำผ้าพันแผลในกระเป๋าย่ามมาม้วนลวกๆ สองรอบ


                “ฟู่ว.. เรียบร้อย” วิเวียนน่าถอนหายใจด้วยความโล่งอก ในขณะที่วิเวียนน่ากำลังจะลุกขึ้นจากร่างของเซราฟ ทันใดนั้นเองข้อมือหนาก็คว้ามือของหล่อนเอาไว้แน่น



                “ขอบคุณมากนะท่านแม่” วิเวียนน่าถึงกับคิ้วกระตุกเล็กน้อย



                “ข้าไม่ใช่แม่เจ้า!“ เด็กสาวพยายามแกะมือของเซราฟออก แต่ไม่มีผลเลยสักนิด ไม่รู้ร่างที่นอนหมดสภาพอยู่นั้นไปเอาเรี่ยวแรงมหาศาลนี้มาจากไหน



                “ปล่อยข้า”



                “ท่านแม่— ท่านแม่—“



                ในขณะที่ทั้งสองกำลังกระชากกันไปมา สุดท้ายวิเวียนน่าก็สู้แรงของเด็กหนุ่มไม่ไหว บังเอิญขาของเธอชนเขากับขาเตียงจนสะดุดล้มทับร่างของเซราฟพอดิบพอดี หน้าของเธออยู่เหนือใบหน้าเรียวสวยนั้นเพียงแค่คืบเดียว เธอได้ยินแม้กระทั่งเสียงหายใจของเด็กหนุ่มตรงหน้า



                มะ.. ไม่นะ



                มีเพียงแขนของเซราฟเท่านั้นที่ทำการยันตัวเธอไว้ ยังไม่ทันจะได้คิดต่อเซราฟกลับผ่อนแรงเสียดื้อๆ ทำให้วิเวียนน่าถูกแรงโน้มถ่วงของโลกดึงดูดลงมาทันที



                แต่เธอก็พยายามหลบเลี่ยงจนสำเร็จผล!



                เธอดันหัวตัวเองไปด้านข้างสุดกำลังและมันได้ผล บัดนี้เธอนอนทับร่างของเด็กหนุ่มและหน้าของเธออยู่ที่บ่าของเขาพอดิบพอดี



                “ฟู่วววววว—“ เธอถอนหายใจอย่างโล่งอกอีกครั้ง



                เซราฟค่อยๆ ปรือตาขึ้นมา เขาพลิกข้างกะทันหัน เขากระพริบตารัวๆ อย่างไม่เชื่อสายตา ก่อนที่เขาและเธอจะตะโกนออกมาสุดเสียงด้วยความตกใจระคนเขินอาย...



                “เป็นผู้หญิงทำไมต้องฉวยโอกาส อ่อ!! แถมยังเป็นศัตรูของข้าอีก”



                “ใครฉวยโอกาสเจ้าอย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย!”



                “ออกไปนะ ยัยแม่มดน้ำเสียชอบฉวยโอกาส”



                “เจ้า— ปล่อยมือข้าสิโว้ยยยยย!!!


     







    มุมคุยกัน

    ส่วนที่เหลือมาแล้วเป็นยังไงกันบ้างครับ ' '  ) ด้วยความรีบร้อนของหิน

     อาจจะมีจุดผิดพลาดซึ่งรีดเดอร์ที่น่ารักสามารถแจ้งได้เลยในทันทีนะครับ 

    สำหรับบทอย่าพึ่งใจร้อนนะครับ หินไม่อยากยัดบทให้ดูแน่น อยากจะให้ทุกคนเด่นในแบบที่ควรจะเป็น 

    ไม่ใช่ดูออกมารัวๆ แล้วประหลาดๆ นะครับ : ) รอลูกๆ ก่อนนะครับ หินจะให้ออกทุกคนเยย 

    สนุกไม่สนุกมาเม้นต์บอกหินด้วยนะ ' ' ) หินจะได้มีกำลังใจเขียนเยอะๆ เลย แต่คืนนี้หินง่วงแล้ว ฝันดีนะครับ 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×