คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : ๑๒.เดทแรกของฮ่องเต้กับฮองเฮา 130%
นี่เป็นอีกครั้งที่คุณสามีของแบมแบมกำลังทำให้เธอประหลาดใจ ใช่…ประหลาดใจจริงๆไม่ได้เป็นคำพูดเปรียบเทียบแต่อย่างใด
เมื่อวานเขาส่งจดหมายมาว่าตั้งแต่บ่ายวันนี้เขาจะว่างและอยากพาเธอไปเที่ยวนอกวังบ้าง
โดยในจดหมายเองก็มีข้ออ้างร้อยแปดที่ไม่ว่าแบมแบมจะอ่านมันกี่ครั้งก็ดูเหมือนว่าเขากำลังชวนเธอเดทอยู่
ขอประทานโทษเถอะ!! นี่ไม่ได้เรียกว่าชวนเดทเลยแม้แต่น้อย!! ดูเขาเขียนทิ้งท้ายไว้สิ!!
‘เตียวเอ๋อร์
ในวันพรุ่งนี้เจิ้นว่างตั้งแต่บ่าย เจิ้นจำได้ว่าเตียวเอ๋อร์เคยหนีไปเที่ยวมาแล้วครั้งหนึ่ง
ครั้งนี้เราไปด้วยกันสองคนดีหรือไม่?
หากยินดีจะไปล่ะก็ไปรอเจิ้นที่สวนของเจ้าแล้วเจิ้นจะไปรับ
เตียวเอ๋อร์อาจจะลืมว่าพรุ่งนี้เสด็จแม่นัดเจ้าไปคุยเล่นด้วย
หากจะไปก็อย่าลืมบอกเสด็จแม่ก่อนด้วยนะ’
เรื่องที่แม่สามีอยากคุยกับเธอก็คงไม่พ้นเรื่องที่เมื่อไหร่จะมีหลานให้อุ้มแน่ๆ
เพราะฉะนั้นก็ต้องเลือกหนีแม่สามีและไปเที่ยวเล่นกับคุณสามีดีกว่า
“เสด็จแม่เพคะ
ลูกลืมบอกเสด็จแม่ไปเรื่องหนึ่งเพคะ”
แบมแบมพูดขึ้นพร้อมมองแม่สามีที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม “ตอนบ่ายเสด็จพี่ชวนลูกไปนอกวังเพคะ
หากเสด็จแม่จะยกเลิกนัดของเราแล้ว…”
“จริงรึ!
เตียวเอ๋อร์ไปเที่ยวกับพี่เขาได้ตามสบายเลยลูก ไม่ต้องห่วงแม่หรอกลูก”
นางกล่าวด้วยน้ำเสียงดีอกดีใจอย่างไม่คิดจะปกปิด “แม่ได้ยินจากอี้ฟานว่าฮ่องเต้ยกสวนให้ลูก
เป็นความจริงหรือไม่?”
“เอ่อ…จริงเพคะ”
แบมแบมรู้สึกมึนงงเล็กน้อยที่อีกฝ่ายทราบข่าวไวมาก “ลูกจำไม่ได้เลยว่าเคยบอกพี่อี้ฟานเรื่องสวน”
“คิกๆ ไม่เอาน่า”
ไทเฮาหัวเราะคิกคักอย่างสนุกสนานพร้อมมองหน้าลูกสะใภ้อย่างรู้ทัน “มิใช่ว่าลูกรู้อยู่แล้วหรอกหรือว่าใครทำสวนให้”
“เสด็จแม่นี่จริงๆ
ใช่เพคะ…ลูกแค่บังเอิญไปเห็นตอนชินอ๋องทั้งสามช่วยเสด็จพี่ทำสวน”
แบมแบมยิ้มหวานพร้อมตอบตามความจริง
“ไม่ต้องไปสนใจหรอก
พวกเขาโกรธกันไม่นานหรอก” ไทเฮาพูดขึ้นอย่างรู้ทันพร้อมยิ้มกว้าง “เตียวเอ๋อร์ไม่คิดจะมีหลานให้แม่จริงๆอย่างนั่นหรือ?”
“…” ชิบหาย!!! มือเรียวกำแก้วชาไว้แน่นพร้อมสูดหายใจลึกๆก่อนจะพูดต่อ “เสด็จแม่เพคะ
ลูกขอตอบตามความจริงเลยนะเพคะ”
“ย่อมได้”
“วันแรกที่ลูกกับเสด็จพี่แต่งงานกัน
พวกเราทั้งสองสัญญาว่าจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน…ไม่ว่าจะเกิดอะไรพวกเราก็จะยืนเคียงข้างกัน
แต่เมื่อไม่นานมานี้เราสองคนพึ่งทำเรื่องที่เกินคำว่าเพื่อนไปแล้วที่สำคัญก็มีอยู่สองอย่าง”
แบมแบมเงยหน้าขึ้นมองแม่สามีพร้อมพูดอย่างจริงจัง “หนึ่งลูกไม่ชอบเด็กเพคะและสองเสด็จพี่ไม่เคยพูดว่ารักลูกเลยสักครั้ง…ลูกต้องการคำยืนยันว่าตอนนี้ลูกกับเสด็จพี่เป็นอะไรกัน”
“เตียวเอ๋อร์…แม่ไม่ควรบังคับลูกเรื่องนี้จริงๆ
เอาเถอะ…วันนี้ก็ไปเที่ยวให้สนุกนะ”
“เพคะเสด็จแม่”
“จะพาหม่อมฉันไปที่ไหนหรือเพคะ?”
แบมแบมถามขึ้น เพราะตั้งที่ออกจากวังอีกฝ่ายก็กึ่งลากกึ่งจูงนานมานานแล้ว “หม่อมฉันเดินจนเมื่อยแล้วนะเพคะ”
“คืนนี้มีปล่อยโคมลอย
เราจะกลับวังก็ต่อเมื่อได้ปล่อยโคมแล้ว”
คำตอบของคุณสามีทำให้แบมแบมอึ้งไปครู่หนึ่ง
“ก็หมายความว่าอยู่นอกวังจนกว่าจะมืดหรอกเพคะ!!”
“ใช่ แล้วตอนนี้อยู่นอกวังแล้วนะ เตียวเอ๋อร์ควรทำตัวให้เหมือนว่าพวกเราเป็นคู่สามีภรรยาธรรมดาทั่วไป”
ต้วนอี้เอินเอ่ยเตือนพร้อมยิ้มอย่างเอ็นดู “ดูสิ
ตรงหัวมุมมีร้านเครื่องประดับด้วย! เตียวเอ๋อร์อยากไปดูหรือไม่?”
“ไม่เจ้าค่ะ!
น้องมีเยอะจนทุกวันนี้น้องจะกลายเป็นตู้เก็บเครื่องประดับเดินได้อยู่แล้ว”
แบมแบมพูดอย่างไม่พอใจ ใช่!
มันใช่เรื่องไหมล่ะที่กลับวังดึกๆดื่นๆ
รอบที่แล้วมีคนมาลอบฆ่าในวังยังไม่เข็ดรึอย่างไร
“ก็จริง…พี่จำได้ว่าถ้าเดินไปอีกหน่อยจะมีโรงเตี๊ยมอยู่
อาหารที่นั่นอร่อยมากเลยทีเดียว” ต้วนอี้เอินเอ่ยชวนพร้อมยิ้มหวาน
“จะอร่อยเท่าอาหารที่พ่อครัวหลวงทำหรือเพคะ?”
แบมแบมกอดอกพร้อมพูดขึ้น “ไม่กลัวจะโดนลอบทำร้ายหรือเพคะ?”
“ไม่เลยสักนิด
บอกแล้วนะว่าวันนี้เราเป็นแค่คู่สามีภรรยาธรรมดาสามัญ” มือหนากุมมือของเธอไว้แน่นพร้อมพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“เชื่อได้ไหมเนี่ย”
“ได้สิ พี่เป็นสามีเจ้านะ”
บางครั้งแบมแบมก็สงสัยว่าผู้ชายตรงหน้าเธอนั้นเป็นฮ่องเต้ผู้ยิ่งใหญ่แห่งแคว้นจริงหรือเปล่า เพราะท่าทางของเขาตอนนี้ดูเหมือนเด็กๆเสียมากกว่าคนที่จะเป็นชายที่กุมอำนาจของทุกอย่างในแคว้นแห่งนี้ หรือเพราะอยู่บนจุดสูงสุดเหนือทุกคนมากและนานจนไม่มีเวลาทำอะไรในสิ่งที่ตัวเองต้องการกันแน่ เพราะเท่าทีฟังๆจากเสด็จแม่มานั้นทำให้รู้ว่าอดีตฮ่องเต้ค่อนข้างเป็นคนที่เข้มงวดพอสมควร จนทำให้เหล่าลูกสาวลูกชายไม่ได้ทำอะไรหลายๆอย่างในช่วงวัยที่ยังเป็นวัยรุ่น…หากคิดตามนั้นล่ะก็มันก็ไม่ได้เสียหายอะไรถ้าเธอจะปล่อยให้เขาได้สนุกกับชีวิตบ้าง อย่างน้อยก็ดีกว่ามีเมียน้อยเป็นงานที่เต็มโต๊ะละนะ
“ดูท่านพี่จะสนุกกับการออกมาเที่ยวครั้งนี้มากนะเจ้าคะ”
แบมแบมพูดขึ้นในขณะที่กำลังมองผู้เป็นสามีพวกแสดงละครเร่มาที่มาแสดงอยู่ริมทาง
“น้องไม่สนุกอย่างนั้นหรือ?”
ต้วนอี้เอินเอ่ยถามทั้งๆที่สายตายังคงจับจ้องอยู่กับพวกนักแสดง
“น่าสนใจดีเจ้าค่ะ
เป็นความสามารถพิเศษที่ถ้าหากไม่ได้รับการฝึกก็ไม่ควรทำตาม”
“น่าให้ไปแสดงที่วังหลวงยิ่งนัก”
“หากทำแบบนั้นล่ะก็คงโดนพี่อี้ฟานบ่นจนหูชาแน่ๆ
อย่าทำเลยนะเจ้าคะ”
พอนึกถึงพี่สามีที่มักจะบ่นนู่นบ่นนี่ได้ดีราวกับผู้หญิงวัยทองทีไรก็อดกลัวไม่ได้ “ยิ่งตอนนี้แพ้ท้องแทนพี่สะใภ้ก็ยิ่งบ่นเก่งกว่าเดิม”
“ฮ่าๆ นั้นสินะ”
ฮ่องเต้หนุ่มหัวเราะชอบใจพร้อมจูงมือเธอออกจากฝูงชนที่กำลังชมการแสดงตรงหน้าพร้อมเดินตรงไปทางร้านค้าอีกร้านที่อยู่ไม่ไกลนัก
“เป็นร้านค้าที่ดูน่าสนใจดี”
แบมแบมกวาดสายตามองรอบๆร้านอย่างสนอกสนใจก่อนจะยิ้มให้ผู้เป็นสามี
“น่าสนใจจริงๆด้วยเจ้าค่ะ ดูไปดูมาก็ไม่ได้เหมือนร้านค้า…แต่เหมือนร้านหมอดูเสียมากกว่า”
“แค่กๆ นั่นใคร!!”
เสียงไอเหมือนคนป่วยออดๆแอดๆดังขึ้นมาจากในร้านพร้อมเสียงพูดแหบห้าวเหมือนคนเจ็บคอ
“ข้าถามได้ยินหรือ?”
“ต้องขอโทษท่านยายจริงๆขอรับ
บังเอิญว่าข้ากับภรรยาผ่านมาเห็นร้านของท่านยายแล้วเกิดสนใจจึงแวะเข้ามาดู พวกเราทั้งสองไม่ได้เจตนาร้านจริงๆนะขอรับ”
แบมแบมอึ้งเล็กน้อยเมื่อเห็นคุณสามีพูดประโยคยาวๆกับคนที่ไม่ใช้คนในครอบครัวหรือพวกขุนนาง
“ไม่ทราบว่าร้านนี้เป็นร้านอะไรหรือขอรับ?”
“ร้านดูดวงนะสิ ไหนๆก็มาแล้วเขยิบมาให้ข้าดูหน้าใกล้ๆสิ”
หญิงชราพูดขึ้นพร้อมกวักมือเรียกทั้งสองคน แบมแบมที่ตอนแรกขืนตัวไม่ไปแต่ก็โดนแรงของคุณสามีลากมาจนได้
“รูปร่าง หน้าตาของพวกเจ้าช่างเหมาะสมกันยิ่งนัก”
“ขอบคุณเจ้าค่ะ//ขอบคุณขอรับ”
“อื่มๆ”
หญิงชรามองที่มือของทั้งสองคนพร้อมถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน “ข้าแม่หนูน้อย
เจ้าคงเป็นพวกจับตะเกียบตรงปลายสินะ ถึงได้แต่งงานออกจากบ้านมาไกลถึงเพียงนี้”
“เจ้าคะ? เอ่อ…ใช่เจ้าค่ะ”
แบมแบมพยักหน้ารับพร้อมนึกถึงนิสัยที่ชอบจับตะเกียบตรงบริเวณส่วนปลายตะเกียบของเธอ
“ท่านยายรู้ได้อย่างไรเจ้าคะ?”
“ก็ถ้าเป็นหมอดูนิ
แม่หนูออกไปก่อนสักประเดี๋ยวสิ…ข้ามีเรื่องจะคุยกับสามีของเจ้าสักหน่อย” คำพูดของหญิงชราทำให้แบมแบมทำสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อยแต่ก็ต้องยอมทำตาม
เพราะคุณสามีของเธอดูสนุกกับเรื่องแบบนี้เสียได้
“น้องจะรอข้างนอกนะเจ้าคะ”
“ไม่นานหรอก
เตียวเอ๋อร์”
แบมแบมยืนรออยู่ข้างนอกสักพักจนเริ่มรู้สึกเบื่อ
เธอหันไปสนใจเจ้าแมวขนสีเหลืองอมส้มสวยที่มาออดอ้อนที่แข้งที่ขาเธอ
ร่างระหงนั่งย่อตัวเล่นกับแมวจนลืมว่าคุณสามีของเธอนั้นกำลังอยู่ข้างในโดยมีหญิงชราที่อ้างตัวว่าเป็นหมอดูกำลังทำนายอะไรบางอย่างให้ฟัง
แบมแบมสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อมีแรงสะกิดจากด้านหลัง ใบหน้าที่เจือลงของเขาทำให้แบมแบมเกิดความสงสัย
แต่เธอเองก็ไม่ได้คิดจะถามอะไรให้มากความเช่นกัน
“ชอบแมวอย่างงั้นหรือ?”
เขาถามพร้อมยิ้มอย่างเอ็นดูพร้อมพูดต่อ “นางบอกว่ามีบางอย่างอยากจะบอกกับเจ้า”
“เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ”
“แม่หนูเจ้าเชื่อเรื่องด้ายแดงหรือไม่?”
แบมแบมส่ายหน้าปฏิเสธทันที หญิงชราหัวเราะชอบใจพร้อมหันมามองเธอด้วยแววตายากจะอ่าน
“เจ้าเก่งไปเสียทุกอย่าง
แต่เพราะความเก่งของทั้งเจ้าและสามีทำให้พวกเจ้าไม่เคยพูดเปิดใจกันอย่างเต็มที่
เพราะความเก่งทำให้เจ้าและสามีหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรี”
“ถูกต้องตามที่ท่านยายกล่าวมาทั้งหมดเลยเจ้าค่ะ
แต่ข้าไม่คิดจะแก้ไขหรอกนะเจ้าคะ” คำตอบของแบมแบมทำให้หญิงชราแปลกใจเล็กน้อย “มันไม่ได้จำเป็นต้องแก้ไขมิใช่หรือเจ้าคะ?”
“เขาให้เจ้าได้ทุกอย่างเลยนะ
ในขณะเดียวกันเจ้าเองก็เป็นที่พักที่เขาต้องการมากเช่นเดียวกัน”
“…”
“เป็นเรื่องธรรมดาของการมีความรักที่จะต้องเจ็บปวด
หากรักไม่เจ็บปวด…พวกเจ้าก็จะไม่เห็นค่าในความรัก”
“จะพูดอะไรกันแน่เจ้าคะ”
“เจ้าไม่เชื่อเรื่องด้ายแดง…ข้าแค่จะบอกว่าหากเจ้าจำเป็นต้องอ่อนแอก็จงอ่อนแอ
อย่าได้เก็บกดมันไว้เลย
หากเจ้ารู้สึกเช่นไรก็จงบอกความรู้สึกหรือถามในสิ่งที่เจ้าสงสัยไปเสียเถิด…ทั้งเจ้าทั้งสามีนั้นเป็นคู่ที่สวรรค์สร้างให้เป็นคู่กัน
แต่ตอนสร้างพวกเขาคงใส่ของที่ทำให้พวกเจ้าทั้งสองปากแข็ง
ใจแข็งและไม่แสดงความรู้สึกโดยตรงมากเกินไปหน่อย”
หญิงชราพูดพร้อมหัวเราะชอบใจในขณะที่แบมแบมกำลังเบ้หน้าอย่างไม่ชอบใจ “หากลดทิฐิลงได้ก็ลดเถอะนะ”
“เจ้าค่ะ ข้าจะจำคำที่ท่านชี้แนะ”
แบมแบมไม่ได้เชื่อเรื่องที่หญิงชราพูดทั้งหมดและก็ไม่ได้คิดจะทำตามทั้งหมดด้วยเช่นกัน
เป็นแบบนี้มันดีอยู่แล้วไม่ใช่หรืออย่างไร?
เธอส่ายหัวไปมาเพื่อไล่ความคิดฟุ้งซ่านที่ลอยฟุ้งเต็มหัวให้ออกไปพร้อมทั้งมองคุณสามีที่ไปซื้อโคมลอยและกำลังโดนแม่ค้าสาววัยแรกรุ่นคนนั้นจีบอยู่
ถึงเธอจะไม่รู้สเป็คของคุณสามีแต่เธอคิดว่านางพูดมากไป คุณสามีคงไม่ชอบนางแน่ๆ
แบมแบมที่กำลังมองไปทางผู้เป็นสามีอยู่ก็ไม่ได้ว่าเธอยืนอยู่คนเดียวเสียหน่อย
มีชายมากหน้าหลายตาตรงเข้ามารุมขายขนมจีบให้เธอนับรวมๆแล้วก็คนนี้น่าจะคนที่ห้า แต่ประเด็นมันอยู่ที่ตอนนี้มีชายสามคนกำลังยืนอยู่ตรงหน้าของเธอและยังขายขนมจีบให้เธอพร้อมกันอีกด้วย
“เตียวเอ๋อร์
พี่คงไปซื้อโคมนานเกินไปสินะ”
ต้วนอี้เอินเอ่ยเสียงเรียบพร้อมมองไปทางคุณชายทั้งสามด้วยสายตาเย็นชา “คุณชายทั้งสามช่วยถอยห่างจากภรรยาสุดสวยของข้าด้วยขอรับ”
“ไม่นานหรอกเจ้าค่ะ
พวกคุณชายแค่กลัวข้าโดนฉุดเลยมายืนล้อมก็เท่านั้นเองเจ้าค่ะ”
แบมแบมพูดไปตามตรงพร้อมหัวเราะเบาๆให้กับท่าทางหึงหวงของเขา “พี่อี้ไปกันเถอะ”
“ไปกัน”
ฮ่องเต้หนุ่มยื่นโคมทั้งสองให้แบมแบมถือซึ่งเธอเองก็รับมาแบบงงๆเช่นกัน
ทันทีที่รับโคมทั้งสองไว้ในมือร่างของเธอก็ถือคุณสามีอุ้มจนขาลอยจากพื้นทันที รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ปลายเท้าของเธอสัมผัสกับพื้นกระเบื้องของหลังที่ไหนสักแห่ง
แบมแบมหันไปมองทางสามีหมายจะดุเขาแต่ก็รู้สึกเหมือนว่าเธอจะเป็นฝ่ายโดนดุเสียเอง
ฮ่องเต้หนุ่มจ้องหน้าเธออยู่นานจนทำให้เธอรู้สึกกลัว
มือหนาของเขาจับแขนทั้งสองข้างของเธอไว้แน่พร้อมดึงร่างของเธอไปกอด
“เตียวเอ๋อร์…” เขาเรียกชื่อเธอในลำคอไปพร้อมๆกับกอดเธอแน่นกว่าเดิมจนแทบจะจมเข้าไปในอกแกร่งของเขา
“พี่ให้เจ้าได้ทุกอย่าง จริงๆนะ”
“ไม่…ไม่ลอยโคมกับน้องแล้วหรือเจ้าคะ?”
คำถามของแบมแบมทำให้ฮ่องเต้หนุ่มหัวเราะชอบใจพร้อมยิ้มกว้าง
แบมแบมหยิบโคมของเธอขึ้นพร้อมหันไปให้คุณสามีจุดไฟให้
เธอหลับตาพร้อมอธิถานขอในสิ่งที่เธอมักขอทุกครั้ง…ขอให้ชีวิตเป็นไปด้วยดี
ถึงมีอุปสรรคก็ขอให้ฝ่ายไปได้ด้วยดี
“เตียวเอ๋อร์
พี่สามารถให้เจ้าได้ทุกอย่างที่ใจเจ้าปรารถนาจริงๆนะ” ทันทีที่เธอหันไปฮ่องเต้หนุ่มก็ย้ำประโยคเดิมกับเธออีกครั้งด้วยสีหน้าจริงจัง
“เว้นแต่…”
“เว้นแต่อะไรหรือ?
อิสระหรือความรักล่ะเจ้าคะที่ให้น้องไม่ได้”
“…”
“หากให้ทั้งสองอย่างที่น้องพูดมาไม่ได้…พระองค์ก็ไม่สามารถมอบทุกอย่างที่น้องต้องการได้”
“นั่นสินะ เตียวเอ๋อร์วันนี้เจ้ามีความสุขหรือไม่?”
“…”
แบมแบมไม่ได้ตอบเพียงแค่ส่งยิ้มให้อีกฝ่ายแทนคำตอบ
#มบฮองเฮาไร้รัก
|
ความคิดเห็น