คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : ๑๖.ก้าวพลาด 125%
ร่างระหงของแบมแบมเดินไปตามทางที่เต็มไปด้วยความมืดโดยไม่ได้ส่งเสียงร้องอะไรออกมาเลยแม้แต่คำเดียว
เพราะเธอเห็นประกายแสงสีทองสวยที่ส่องสว่างอยู่เบื้องของเธอแล้ว
ที่ใดมีแสงที่นั่นย่อมต้องมีทางออกแน่ๆ
ทันทีที่เดินมาจนถึงที่ที่แสงทองสว่างเด่นออกมานั้นแบมแบมก็พบลูกมังกรสีทองประกายลอยวนไปวนมาราวกับมันกำลังว้าวุ่นใจไม่มีผิด
ทั้งที่มันเป็นเพียงลูกมังกรแท้ๆแต่มันช่างดูสง่างามสมกับที่เป็นมังกรเสียจริงทั้งใบหน้าที่ดูดันและหยิ่งยโสแต่กับแฝงไปด้วยความสง่างาม
ดวงตาคมที่ดูน่ากลัวแต่ก็แฝงไปด้วยความอ่อนโยน รูปร่างดูองอาจสมกับเป็นมังกร
ไม่ว่าจะอะไรก็ทำให้เจ้ามังกรน้อยนี่ดูเป็นมังกรที่ดูสง่างามเป็นอย่างมาก
เจ้ามังกรน้อยที่สังเกตเห็นแบมแบมนั้นหยุดการกระทำของมันลงและลอยตรงดิ่งมาทางแบมแบมทันที
มันวนรอบเธออยู่สองรอบก่อนจะแสดงท่าทีออดอ้อนโดยการเอาหัวมาซุกตัวของแบมแบมพร้อมกับม้วนตัววนรอบตัวของแบมแบมราวกับกำลังจะกอดแบมแบมไว้ไม่มีผิด
แบมแบมนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะค่อยๆลูบหัวมันอย่างอ่อนโยนซึ่งเธอเองก็ไม่รู้เหตุผลที่จะต้องเอ็นดูเจ้ามังกรน้อยนี่เลยแม้แต่น้อย
รู้เพียงว่าอาจมีเพียงตอนนี้ก็ได้ที่เธอจะได้กอดเจ้ามังกรน้อยตัวนี้
“จะร้องไห้ก็ได้นะ
ไม่จำที่เป็นที่จะต้องเข้มแข็งตลอดหรอก”
เสียงของเด็กชายดังขึ้นมาจากทางเจ้ามังกรน้อยทำให้แบมแบมสะดุ้งตัวพร้อมแสดงสีหน้าแตกตื่นตกใจ
เจ้ามังกรน้อยหัวเราะในลำคอก่อนจะพูดต่อ “ต่อหน้าคนอื่นท่านจะเข้มแข็งก็ได้นะ
แต่ต่อหน้าข้า…ท่านสามารถอ่อนแอได้”
“…” แบมแบมนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งโดยสีขอบตาที่ร้อนผ่าไปด้วยน้ำตา
“ร้องไห้ออกมาเถอะ
ตอนนี้ข้าจะปลอบใจท่านเอง”
ทันทีที่เจ้ามังกรน้อยพูดจบแบมแบมก็ร้องไห้ออกมาทันที
“ข้าน่ะ…ข้าน่ะไม่ควรรักเขาเลยจริงๆ
รักแล้วก็ต้องมาเจ็บช้ำแท้ๆ อึก…ข้าเหนื่อยเหลือเกินที่จะต้องทำเหมือนไม่รู้สึกอะไร
ฮื่อๆๆๆ”
“ร้องออกเสียให้พอเถอะ
ข้าจะปลอบท่านเอง” เจ้ามังกรน้อยใช้ขาหน้าของลูบใบหน้าของแบมแบมอย่างอ่อนโยนราวกับกำลังปลอบใจเธออยู่
“รักมันดีนะ”
“ไม่เห็นจะดีตรงไหนเลย!!!
มีแต่ข้าที่รักเขาคนเดียว! เขาไม่เห็นจะรักข้าเลยแม้แต่น้อย”
ทันทีที่พูดจบแบมแบมก็ร้องไห้ออกมาโฮใหญ่จนเจ้ามังกรน้อยมีท่าทางลนลานเล็กน้อย
“ท่านรู้ได้อย่างไรว่าเขาไม่รักท่าน?
ช่างเถอะ…จำเอาไว้ก็พอ…” เจ้ามังกรน้อยแสดงท่าทางอึกอักเล็กน้อยก่อนจะพูดเสียงแข็ง “ท่านไม่ได้อยู่คนเดียวหรือต่อให้รู้สึกว่าอยู่คนเดียวก็จงจำไว้ว่ามีข้านี่แหละที่รักท่าน…ข้ารักท่านนะ”
เช้าวันนี้เป็นเช้าที่สดใสแต่ตรงข้ามกับใบหน้าของแบมแบมอย่างสิ้นเชิง
ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยคราบน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม
ตอนที่พวกนางกำนัลที่มาปลุกเธอก็พากันตกใจว่าเหตุใดทำไมเธอถึงได้ร้องไห้หนักถึงเพียงนี้
เหล่านางกำนัลพากันถามอย่างเป็นห่วงแต่แบมแบมเลี่ยงที่จะตอบโดยอ้างไปว่าต้องรีบไปพบเสด็จแม่
เพราะวันนี้แม่สามีได้นัดให้เธอไปกินมือเช้าด้วยโดยบอกว่ามีเรื่องอยากจะคุยด้วยและดูเหมือนหญิงชราจะเหงาด้วยเล็กน้อย
“เหนียงเหนียงเพคะ
ร้องไห้จนตาบวมแบบนี้ต้องหาแต่งหน้าเพื่อปกปิดรอยช้ำที่ดวงตานะเพคะ”
เสี่ยวไจ้เอ่ยเตือนอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นผู้เป็นนายนั่งนิ่งอยู่นาน
“หรือจะให้หม่อมฉันทำให้เพคะ?”
“ไม่ต้องๆ
เปิ่นกงแค่คิดอะไรเพลินๆ” แบมแบมยังไม่ทันทีที่จะโบกมือปฏิเสธก็รีบพูดขึ้นก่อน
“เจ้าทำนั้นน่าจะดีกว่าจริงๆนั้นแหละ
เปิ่นกงใจลอยบ่อยเกินไปประเดี๋ยวได้แต่งหน้าจนกลายเป็นคนบ้ากันพอดี”
“เพคะ”
เสี่ยวไจ้ขานรับพร้อมแต่งหน้าของเธอไปเลื่อยๆได้พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
“หากทรงมีเรื่องอะไรไม่สบายได้ก็บอกหม่อมฉันหรือคนอื่นๆก็ได้นะเพคะ อย่างน้องไทเฮาก็ทรงเอ็นดูเหนียงเหนียง”
“อื่ม ขอบคุณที่บอกนะเจ้าเป็นเพื่อนที่ดีจริงๆเลยนะ
หรงไจ้”
เสี่ยวไจ้หรือหรงไจ้นิ่งค้างไปครู่โดยที่ตลอดชีวิตของนางไม่คิดว่าจะมีใครจำชื่อจริงๆของนางได้
“ทุกคนเรียกเจ้าว่าเสี่ยวไจ้ก็จริง แต่ข้ารู้ว่าจริงๆแล้วชื่อของเจ้าก็คือเสี่ยวไจ้…ไปกันเถอะ
เดี๋ยวเสด็จแม่จะรอนาน”
ทันทีที่เดินมาถึงสวนในตำหนักของไทเฮาแบมแบมก็ต้องแปลกใจเมื่อได้พบกับพี่อี้ชิงซึ่งเป็นพระชายาเอกของชินอ๋องอี้ฟาน แบมแบมที่ตอนแรกแปลกใจไม่น้อยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรเพียงแค่ยิ้มทักทายพร้อมหันไปทำย่อกราบทำความเคารพแม่สามี การมาของพี่สะใภ้ใหญ่นั้นก็เพราะว่าไทเฮาต้องการจะดูอาการของลูกสะใภ้คนแรกและหลานคนแรกที่อยู่ในท้องและต้องการจะมอบยาบำรุงครรภ์ให้นาง หลังจากนั้นก็การเป็นการนั่งคุยกันธรรมดาของเหล่าแม่บ้าน
“พี่อี้ชิงตั้งครรภ์แบบนี้คงลำบากแย่เลย
ยิ่งท้องใหญ่คงยิ่งเดินลำบากขึ้นแน่ๆ” แบมแบมพูดขึ้นพร้อมชิบชาไปพลาง
ดวงตาคู่สวยมองจ้องไปที่ท้องนูนป่องที่เหมือนมีลูกโปร่งอยู่ข้างใน “พี่อี้ชิงตั้งครรภ์ได้กี่เดือนแล้วละ?”
“เดือนนี้จะเดือนที่สี่แล้วเพคะ”
อี้ชิงพูดพร้อมลูบท้องตัวเองอย่างแผ่วเบาก่อนจะหันมามองแบมแบมพร้อมยิ้มอย่างเอ็นดู
“ฮองเฮาจะลองมาแตะท้องของหม่อมฉันไหมเพคะ?”
“เอ๊ะ? เอ่อ…ไม่ดีกว่า แบบว่า…” แบมแบมรีบหาเหตุผลมาปฏิเสธทันที
ในหัวของเธอกำลังคิดเหตุผลร้อยแปดที่จะยกขึ้นมาปฏิเสธพี่สะใภ้
“เอาน่าๆ เตียวเอ๋อร์ควรจะลองสัมผัสสกครั้งนะ”
ไทเฮาพูดขึ้นพร้อมจับมือแบมแบมไว้แน่นก่อนจะยิ้มให้บางๆ “ไม่ต้องกลัวว่าหลานจะเจ็บหรอกนะ
เด็กทารกในครรภ์ของชิงเอ๋อร์เองก็ต้องได้ความแข็งแกร่งจากอี้ฟานที่เป็นพ่อมาบ้างแหละ
ถ้าหากแตะนิดจับหน่อยแล้วเป็นอะไรขึ้นมาก็เกินไปแล้ว”
“เพคะ”
แบมแบมตอบรับเสียงสั่นพร้อมยื่นมองออกไปสัมผัสบริเวณหน้าท้องที่นูนป่องขึ้นมาของพี่สะใภ้อย่างแผ่วเบาราวกับกลัวว่าเด็กน้อยที่น่าจะเป็นเพียงก้อนวุ้นในครรภ์ของพี่สะใภ้จะแตกสลาย
“ทั้งๆที่อยู่ในครรภ์แท้ๆแต่กับรู้สึกว่าช่างเปราะบางเหลือเกิน”
“ขนาดตอนอยู่ในครรภ์ยังรู้สึกว่าเปราะบางแล้วพอคลอดออกมาพ่อแม่ถึงได้รักและทะนุถนอมลูกๆของพวกเขาอย่างไรเล่า”
ไทเฮากล่าวด้วยน้ำเสียงอบอุ่นพร้อมยิ้มอย่างเอ็นดู “ถ้าท้องใหญ่กว่านี้ละก็วังชินอ๋องอี้ฟานคงจะได้ท่านหญิงน้อยเป็นแน่
แต่ถ้าท้องไม่ใหญ่มากก็คงจะได้ชินอ๋องน้อย”
“เสด็จแม่รู้หรือเพคะว่าหลายคนแรกจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง”
แบมแบมหันไปถามทำเอาหญิงชราหัวเราะอย่างเอ็นดูพร้อมลูบผมเธอเบาๆ
“ก็คิดว่ารู้นะ
อย่าลืมสิว่าแม่เองก็เคยตั้งครรภ์มาก่อนแล้วก็พอจะสังเกตได้ว่าตัวเองจะมีพระโอรสหรือพระธิดาให้อดีตฮ่องเต้”
ทันทีที่พูดจบแววตาของไทเฮาก็เปลี่ยนไปในทันทีจากที่ดูร่าเริงอยู่ในตอนแรกนั้นก็ดูเศร้าหมองลงเล็กน้อย
“พอคิดๆดูแล้ว ลูกชายแต่ละคนก็ได้นิสัยเสียของอดีตฮ่องเต้มาคนละอย่างสองอย่างกันทั้งนั้นเลยนะ
ฮ่า…ฮ่า…ฮ่า ก็พ่อของพวกเขานั้นมีดีแค่บริหารบ้านเมืองกับเป็นพ่อดีที่นะ”
“เสด็จแม่เพคะที่ว่าได้นิสัยเสียจากอดีตฮ่องเต้มานั่นหมายความว่าอย่างไรหรือเพคะ?”
อี้ชิงเอ่ยถามขึ้น
“นั้นสินะ
ถ้าเป็นอี้ฟานก็จะได้นิสัยที่ว่าเป็นคนเคร่งคัดต่อกฎระเบียบมาจากอดีตฮ่องเต้
แต่นั่นก็อาจจะเป็นเพราะเขาเป็นพี่คนโตจึงต้องดุน้องๆจึงทำให้เป็นคนที่ดูแข็งกร้าวไปหน่อย
แล้วอีกอย่างก็คงเป็นความไม่ไว้หน้าใครด้วยละมั้ง…ไม่สิ อันนี้ลูกชายทุกได้นิสัยไม่ไว้หน้าใครมาจากอดีตฮ่องเต้ทั้งนั้นเลย”
ไทเฮาพูดพลางก็ถอนหายใจอย่างเหนื่อยๆก่อนจะหันมายิ้มให้แบมแบม “แต่อี้เอินได้เรื่องความปากแข็งมาเต็มๆเลย
เจ้าลูกคนนี้ตั้งแต่เล็กจนโตก็ชอบปากแข็งตลอดเลย
แต่เขาก็เป็นคนที่ดีใจมากๆคนหนึ่งเลย…เตียวเอ๋อร์เห็นด้วยกับพี่แม่พูดมาหรือไม่?”
“เอ่อ…เพคะ
เป็นคนที่ใจดีมากๆเลย”
“จริงสิ!
เตียวเอ๋อร์คงไม่รู้สินะว่าอี้ชิงนั้นอายุมากกว่าอี้ฟาน”
แบมแบมส่ายหน้าปฏิเสธพร้อมหันไปมองทางพี่สะใภ้อย่างอึ้งๆ “เพราะว่าหลายคนคิดว่าอี้ชิงอายุน้อยกว่าอี้ฟาน
อี้ฟานก็เลยให้อี้ชิงเรียกตนว่าท่านพี่ตลอดเลย…นี่เป็นความลับนะ
ห้ามไปบอกใครนะ”
นับเป็นเวลาตลอดหนึ่งเดือนที่คุณสามีนั้นขยันแวะเวียนไปเยี่ยมเหล่าพระสนมและนานๆครั้งจะแวะมาหาเธอบ้าง
ถึงแวะมาก็ได้ว่าเขาจะมาหยอกข้าวหยอกน้ำให้เธอเพราะเขามาเพียงแค่นอนกอดกันเฉยๆไม่ได้มีอะไรมากมายไปมากกว่านั้น
ในใจแบมแบมก็ภาวนาให้เหล่าพระสนมคนใดคนหนึ่งท้องๆไปเสียทีจะได้ไม่ต้องทนเห็นโคมไฟของคุณสามีเดินนำไปตำหนักต่างๆ
แบมแบมส่ายหน้าไปมาเพื่อไล่ความคิดอันฟุ้งซ่านของเธอแล้วตัดสินใจเดินไปห้องครัวหลวงแต่ระหว่างเธอได้พบกับอัครเสนาบดีโจวเสียก่อนหรือก็คือพ่อของโจวจือหยวีเสียก่อน
“ถวายพระพรหวงโห่วเหนียงเหนียง”
ชายชราย่อกายทำความเคารพพร้อมก้มหน้าถาม “ไม่ทราบว่าหวงโห่วเหนียงเหนียงจะไปไหนหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
“อัรเสนาบดีโจวไม่ต้องมากพิธี
พอดีช่วงนี้เปิ่นกงอยากอาหารแปลกๆจึงว่าจะไปให้พ่อครัวหลวงทำให้เสียหน่อย”
แบมแบมมองหน้าชยาชราพร้อมตอบตามจริง “จริงๆช่วงนี้ก็เหมือนจะมีไข้ด้วย แต่ว่าเปิ่นกงตามใจปากมากกว่าจึงว่าจะไปหาพ่อครัวหลวงก่อนแล้วค่อยไปให้หลินไจ้ฟ่านตรวจอาการ”
“หากทรงประชวรจะแย่เอานะพ่ะย่ะค่ะ
อยากไรก็ดูแลรักษาพระวรกายด้วยนะพ่ะย่ะค่ะ” อัครเสนาบดีโจวพูดพร้อมพยายามฝืนยิ้ม ในหัวของชายชรากำลังกังวลว่าหญิงสาวตรงหน้าของเขากำลังจะตั้งครรภ์โอสรสวรรค์คนแรกให้ฮ่องเต้
“หวงโห่วเหนียงเหนียงช่วงนี้ฝันอะไรแปลกๆหรือไม่ พอดีว่ากระหม่อมสามารถทำนายความฝันได้นะพ่ะย่ะค่ะ
เผื่อความฝันของหวงโห่วเหนียงเหนียงจะบอกถึงอาการป่วยด้วย”
“จริงหรือ!”
แบมแบมร้องด้วยความตื่นเต้นก่อนจะพูดต่อ “ช่วงนี้เปิ่นกงฝันเห็นลูกมังกรทองอยู่บ่อยๆนะ
ทุกครั้งมักเห็นมันบินวนอย่างกระวนกระวายอยู่เสมอๆแล้วมันก็นั่งคุยกับเปิ่นกงด้วย…ก็ประมาณนี้แหละ อัครเสนาบดีโจวพอจะรู้อะไรหรือไม่?”
“เอ่อ…” ชายชราไม่รู้ว่าควรจะตอบเช่นไรดีเพราะมังกรนั้นเป็นสัญลักษณ์ว่าจะมีโอรสสวรรค์ลงมาเกิดในครรภ์ของหญิงตรงหน้าหรือไม่นางก็กำลังตั้งครรภ์โอรสสวรรค์อยู่ก็เป็นได้
“มังกรเป็นสัตว์มงคลหมายถึงจะมีเรื่องดีๆเกิดขึ้น
แต่การที่มันบินวนอย่างกระวนกระวายก็หมายถึงจะมีเรื่องร้ายๆหรือเรื่องยุ่งยากเกิดขึ้นด้วยเช่นกัน
แต่กระหม่อมไม่สามารถบอกได้ว่าสิ่งไหนจะมาก่อนสิ่งไหน
ต้องขอประทานอภัยจริงๆพ่ะย่ะค่ะ”
“ช่างมันเถอะๆ
งั้นเปิ่นกงขอตัวไปหาพ่อครัวหลวงก่อนนะ เปิ่นกงดีใจมากที่ได้คุยกับอัครเสนาบดีโจว”
“ถังหูลู่นี่ช่างดูน่ากินเสียจริงๆแต่จะให้กินตอนนี้ก็ไม่ได้เสียด้วยสิ”
แบมแบมเดินบ่นกระปอดกระแปดไปพร้อมกับที่มีเหล่าขันทีและนางกำนัลเดินตาม “ต้องรีบไปหาพี่สะใภ้แต่โดยเร็วเสียแล้ว
ไม่เช่นนั้นเปิ่นกงคงได้กินหมดเสียก่อนที่พี่สะใภ้จะได้กินแน่ๆ”
“เหนียงเหนียงเพคะ
หากยังเดินๆหยุดๆเช่นนี้จะไปไม่ถึงวังของชินอ๋องอี้ฟานนะเพคะ”
เสี่ยวไจ้เอ่ยดุอย่างไม่จริงจังนักพร้อมลอบหัวเราะท่าทางงอแงของผู้เป็นนาย
“ช่วงนี้เหนียงเหนียงดูจะอยากเสวยอาหารสามัญชนบ่อยขึ้นนะเพคะ
หรือว่าทรงเบื่ออาหารตำรับวังหลวงแล้ว?” เสี่ยวเหมยนางกำนัลที่อายุมากกว่าแบมแบมเอ่ยถามขึ้น
“ไม่รู้สิ
แค่อยากลองอะไรใหม่ๆ”
แบมแบมตอบอย่างไม่ใส่ใจนักพร้อมตั้งท่าจะก้าวลงจากบันไดหินที่เป็นทางลงโดยไม่ได้สังเกตว่านางกำนัลที่มีหน้าที่ซักผ้ากำลังตั้งใจเดินถอยหลังมาทางเธอ
ร่างระหงของแบมแบมที่โดนชนนั้นเสียหลักกลิ้งตกลงตามขั้นบันไดจนในที่สุดร่างของเธอตกลงไปนอนไล้สติอยู่ที่พื้นโดยที่ศรีษะมีเลือดไหลออกมา
เหล่าขันทีและนางกำนัลต่างรีบวิ่งวุ่นไปประคองร่างของผู้เป็นนายและส่งเสียงร้องเรียกหมอหลวง
โดยในเวลานั้นไม่มีใครสังเกตเห็นเลือดที่ไหลเปื้อนบริเวณด้านหลังกระโปรงของแบมแบมเลยสักคน
|
ความคิดเห็น