ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Crimson vampire (part1) ภาค สงครามอสูรชิงพิภพทมิฬ

    ลำดับตอนที่ #4 : Blade 3: Satanest the World of Evil ( 70% )

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 61
      0
      22 ต.ค. 56

    Blade 3: Satanest the World of Evil 
     

    ฉึ่ก ฉึ่ก!!

     

    หอกยาวนับสิบพุ่งออกมาจากพุ่มไม้บริเวณใกล้เคียง เข้าแทงร่างของงูยักษ์ที่กำลังลงมือจัดการเหยื่ออย่างหิวโหย แต่ทันทีที่หอกนับสิบทิ่มแทงร่างของมัน งูตนนั้นก็ยกตัวขึ้นสูงดิ้นพล่านไปมาอย่างทุรนทุราย ของเหลวสีเหลืองข้นของมันกระฉอกจากร่างมันไม่ยอมหยุด พร้อมกับที่เสียงร้องครางโหยหวนทรมานของมันจะดังออกมาอย่างบ้าคลั่ง

     

    กี๊ด~กี๊ด!

     

    เสียงร้องนั้นทำให้เหล่าผู้ที่หลับตากอดกันแน่นต้องลืมตาตื่นขึ้นมาดู ก่อนที่ดวงตาสีดำทุกคู่นั้นจะเบิกกว้างเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า...ภาพของสัตว์ร่างยักษ์ดิ้นพล่านไปมาอย่างเจ็บปวด

     

    ฉึ่ก ฉึ่ก!!

     

    ห่าฝนหอกเริ่มตามมาอีกระรอก ยิ่งทำให้เจ้างูนั้นดิ้นแรงขึ้น แต่ดวงตาสีเหลืองอำพันของมันก็สาดส่องไปโดยรอบหาตำแหน่งที่มาของหอกเหล่านั้น ฉายแววเคียดแค้นเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณต่อสิ่งที่ทำร้ายมัน

     

    พลัน!

    ร่างนับสิบของกลุ่มคนที่อยู่ในชุดเกราะสีดำสนิทก็โผล่ออกมาจากพุ่มไม้โดยรอบทางด้านหลังของมัน ซึ่งเป็นที่มาของหอกเมื่อรู่ แต่ละคนใส่เกราะที่ดูแล้วน่าจะเป็นนักรบโบราณคล้ายๆกับพวกยุโรปในสมัยศตวรรษที่สิบหก แตว่า...มันก็ไม่ใช่ซะทีเดียว เพราะมันดูน่ากลัวและสง่างามกว่าเกราะพวกนั้นมากเหลือเกิน โดยเฉพาะเกราะส่วนศรีษะมันช่างมีรูปร่างแปลกตา แต่ก็สวยงาม พวกเขาทุกคนมีอาวุธอยู่ในมือแตกต่างกันไป ทั้งดาบ หอก โล่ทรงประหลาดที่ใหญ่กว่าขนาดมาตรฐาน โซ่ติดอาวุธ ฯลฯ

     

    ทุกคนหยุดนิ่งกับที่ มือจับอาวุธกระชับให้มั่นเตรียมพร้อมรบ ขณะที่เจ้าสัตว์ร้ายนั้นมองไปยังร่างทหารเกือบทั้งกองทัพด้วยแววตามุ่งร้ายเต็มเปี่ยม มันอ้าปากว้างขู่คำรามเผยให้เห็นเขี้ยวขาวยาววาววับแสนคมของมัน

     

    ทุกคนกระจายกันปิดล้อมมันเอาไว้...รอดูท่าทีมัน... มันมีตัวประกันอยู่ด้วย ฉะนั้นห้ามทำอะไรทั้งสิ้นจนกว่าจะมีคำสั่งจากข้า

    น้ำเสียงทุ้มห้าวจากร่างในชุดเกราะดำที่มีผ้าคลุมสีเลือดหมูบ่งบอกชัดว่าป็นผู้มียศสูงกว่าทหารน้อยใหญ่เหล่านั้น ร่างของเขาสูงใหญ่ และ บึกบึน ดูแข็งแกร่ง แต่หมวกเกราะสีดำที่เขาสวมใส่อยู่นั้นทำให้ไม่อาจทราบได้ว่าบุรุษผู้นี้มีรูปลักษณ์เช่นไร

     เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทหารทุกคนก็เริ่มกระจายกำลังปิดล้อมมันโดยรอบทันที งูยักษ์ยังคงขู่คำรามไม่หยุด สายตามองไปรอบทิศที่เหล่านักรบเกราะดำโอบล้อมมันไว้ ดวงตาสีอำพันเริ่มดูดุร้ายมากขึ้น

     

    ชายในเกราะดำมองเจ้างูยักษ์นั้นนิ่งราวกับคิดอะไรบางอย่างก่อนที่มือของเขาจะยกขึ้นกลางอากาศแล้วฟาดอากาศมาเบื้องหน้าราวกับเป็นสัญญาณบางอย่าง แล้วเสียงทุ้มห้าวก็ดังขึ้นอีกครั้ง

    โซ่อาคม ลงมือได้!! ”

     

    เมื่อสิ้นเสียงโซ่เส้นยักษ์ยาวนับสิ้นเส้นก็พุ่มออกมาจากพื้นดินตรงเข้ารัดร่างยักษ์ของมันทันที เมื่อมันรัดเหยื่อได้ โซ่นับสิบก็เรืองแสงสีฟ้าอ่อนออกมา พร้อมกับที่โซ่เหล่านั้นรัดงูยักษ์แน่นยิ่งขึ้น จนผู้ถูกพันธนาการนั้นต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด

    เหมือนกับโซ่นั้นมีชีวิต...ยิ่งสัตว์ร้ายดิ้นมากขึ้นเท่าไร โซ่เส้นนั้นก็จะรัดตัวมันแน่นมากขึ้นเท่านั้น!!

     

     

    ...ถ้าไม่มาเห็นกับตา...จ้างให้ตายก็ไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด!!

    ที่เห็นตรงหน้า นักรบในชุดเกราะต่อสู้กับงูยักษ์...เหตุการณ์แบบนี้มีแต่ตามนิยาย ไม่ก็พวกหนังแนวแฟนตาซีที่ชาวต่างชาติเขาชอบสร้างกัน แต่ไหงมาเกิดขึ้นเป็นเรื่องจริงตรงหน้าไปได้!!...

    เป็นสิ่งเดียวที่กลุ่มเด็กสาวทั้งเจ็ดซึ่งกำลังมองเหตุการณ์ตรงหน้านั้นคิดเหมือนกัน ดวงตาสีดำทุกคู่เบิกค้างมองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งประหลาดใจ กลัว และก็สับสน

     

    เฮ้ย...แกเห็นอย่างที่ฉันเห็นหรือเปล่า ชมพู่ ขวัญเอื้อมมือไปดึงชายเสื้อของคนข้างๆเบาๆ ทั้งที่เจ้าตัวยังไม่ได้ละสายตาอันแสนตะลึงพรึงเพริดออกจากภาพตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย

     

    แล้วแกเห็นอะไรล่ะ? ” ถึงแม้จะอยู่ในอาการช็อคขั้นโคม่าแค่ไหน...ชมพู่ก็ยังคงนิสัยกวนบาทาอย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง...แต่ขวัญก็ขี้เกียจมาสนใจจุกจิกในเรื่องจำพวกนี้ โดยเฉพาะเมื่อมีเหตุการณ์ที่น่าตกใจ และชวนคิดมากกว่ามาอยู่ตรงหน้าในตอนนี้ ทำให้เจ้าตัวตอบคำถามกวนๆของอีกฝ่ายแต่โดยดี และไม่มีทีท่าหงุดหงิดอีกต่างหาก...ซึ่งถ้าเป็นตอนปกติอยู่ล่ะก็รับรองได้เลยว่า ต้องมีมวยเกิดขึ้นสักยก

     

    เห็นเหตุการณ์ที่เหมือนกำลังนั่งดูหนังแฟนตาซีอยู่ ตอบง่ายๆ แต่ก็ทำให้คนฟังเข้าใจคำอธิบายนั้นได้อย่างไม่ยากเย็น

     

    ถ้าอย่างนั้นฉันก็คงเห็นเหมือนแกนั่นแหละ ในเมื่อถามมาง่ายๆ ก็ตอบง่ายๆกลับไปล่ะกัน...ยัยชมพู่ครุ่นคิดในใจ

     

    แล้วแกคิดว่าพวกเราประสาทกลับหรือฝันไปหรือเปล่าวะ

     

    ฉันอยากให้มันเป็นอย่างหลัง...

    สิ้นเสียงคำตอบของชมพู่ ขวัญก็กระโจนเข้าใส่ และเขย่าตัวเธออย่างแรง แต่เจ๊อวบของเรานั้นก็ยังนิ่งค้าง ดวงตาเบิกกว้างมองภาพที่อยู่เบื้องหน้าราวคนเสียสติ ขณะที่ขวัญก็ตะโกนใส่ไอ้ชมพู่ขณะเขย่าตัวอย่างสติแตก

    ใช่!!...ต้องฝันแน่ๆ...แกช่วยบอกฉันทีซิ ว่ามันเป็นแค่ฝัน พวกเรากำลังฝันกันอยู่

     

    โป๊ก!!

    แทนคำตอบใดๆ ก็มีกำปั้นงามๆ มอบมะเหงกให้ที่หัวสวยๆของขวัญนั้น ดูสูงขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย...หญิงสาวรู้สึกเจ็บระบมจนน้ำตาเล็ดก่อนที่จะหันไปแว๊ดใส่ผู้หวังดีแต่ประสงค์ร้าย เจ้าของก้ำปั้นงามๆเมื่อครู่ในทันที

    โบตั๋น!!มันเจ็บนะ

     

    ก็ต้องให้เจ็บนั่นแหละ ถึงจะได้รู้ว่ามันไม่ใช่ฝัน สาวแมนตอบราบเรียบ...ดูท่าว่าเธอจะเป็นคนแรกที่ยังพอเรียกสติของตนกลับมาได้หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ตรงหน้าขึ้น อาจเพราะพื้นฐานของจิตใจ โบตั๋นนั้นเป็นคนที่มีความเข้มแข็ง เด็ดเดี่ยว และมีความเป็นผู้นำสูงที่สุดในกลุ่มนั่นเอง...หรือจะพูดแบบบ้านๆให้เข้าใจก็คือ มันเหมาะจะเป็นผู้ชายมากกว่าผู้หญิง...อย่างที่เรียกกันว่า ทอม...แต่นิสัยแบบนี้ก็ใช่ว่าจะเป็นเสมอไปก็ได้...บางทีน่ะนะ

     

    ถ้าไม่ใช่ฝัน...แล้วมันคืออะไรล่ะ ฟ้าพูดขึ้น สีหน้าของเธอนั้นราบเรียบ แต่ดวงตาของเธอนั้นมีความตกตะลึงเต้นเร่าอยู่ หัวใจเต้นถี่โครมครามราวกับจะประทุออกจากอก...ความกลัว ตื่นตระหนก...ทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นก็มีไม่แพ้กัน...

    อยู่ที่ว่า...ใครจะเอาชนะมันได้ก็เท่านั้น

     

    แฮ่~!!

    อสรพิษยักษ์ยังคงคำรามอย่างกึกก้องสะท้านผืนปฐพี ร่างของมันดิ้นและบิดเร้าอย่างรุนแรง โซ่เรืองแสงสีฟ้าก็ยิ่งสองแสงเป็นประกายทพร้อมกับที่โซ่เหล่านั้นเฉือนเข้าเนื้อและเกล็ดหนังของร่างยักษ์ ของเหลวสีเหลืองข้นน่าขยะแขยงก็ปะทุออกมาราวกับบ่อน้ำพุ จากเสียงคำรามแปรเปลี่ยนเป็นเสียงกรีดร้องโหยหวนชวนแสบแก้วหูจนเหล่าเด็กสาวที่อยู่เบื้องหลังมันต้องเอามือป้องหูเอาไว้ พร้อมหลับตาแน่น ในขณะที่เหล่าทหารนั้นแทบจะไม่มีปฏิกริยาอะไรกับเสียงนี้เลย

     

    ท่านหัวหน้ากองขอรับจะเอาอย่างไรกับเจ้าสัตว์อสูรตัวนี้ดี นายทหารคนหนึ่งวิ่งเข้ามารายงาน พร้อมรอรับคำสั่งจากบุรุษในชุดเกราะน่าองอาจ ซึ่งกำลังประเมินสถานการณ์ตรงหน้าด้วยความเคร่งเครียด ก่องที่เสียงทุ้มทรงอำนาจนั้นจะเอ่ยขึ้น

     

    โซ่นี้ตรึงไอ้ยักษ์นี่ได้นานแค่ไหน? ”

     

    นายทหารผู้น้อยเริ่มมีสีหน้าตึงเครียดขึ้น เหงื่อไหลออกเป็นทางยาว เพราะรู้ดีถึงฤทธิ์อาคมที่ไม่สามารถใช้ได้กับ บาซิลิสก์ สัตว์อสูรผู้เป็นข้ารับใช้แห่งเผ่า มังกรดำ ได้นานตลอดกาล เพียงแค่รั้งมันไว้ได้สักชั่วยามหนึ่งก็ถึงที่สุดแล้ว

    หากมันยังดิ้นต่อไปเรื่อยๆ แบบนี้ ก็คงไม่นานเกินอึดใจรอขอรับ

     

    ทันทีที่ได้ฟัง...บุรุษผู้นั้นก็เงียบไป ขบกรามกัดฟันแน่นด้วยความอับจนซึ่งหนทาง ก่อนที่ดวงตาของเขาจะจ้องมองเหตุการณ์ตรงหน้าต่อไป ร่างของงูยักษ์ที่ยังคงดิ้นเร่าไปมาอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย และรู้ซึ้งถึงความเจ็บปวด ทั้งๆที่ร่างของมันก็เต็มไปด้วยบาดแผล ขณะที่โซ่สีฟ้าก็ค่อยๆอ่อนแสงลงทีละนิด ทีละนิด จนแทบจะไม่ส่องประกายเรืองรองอย่างเดิม

     

    ...จะต้านไว้ได้นานแค่ไหนกัน...

     

    พลัยดวงตาคู่คมก็หันไปสบเห็นร่างของกลุ่มเด็กผู้หญิงที่กำลังนั่นเกาะกลุ่มกันแน่นราวกับกริ่งเกรงภาพตรงหน้า แต่ดวงตาของของพวกนางต่างฉายประกายประหลาด...ที่มีมากกว่าคำว่าหวาดกลัว...มีบางอย่างที่มันเหนือกว่าความรู้สึกนั้น...ซึ่งเขาก็ไม่สามารถรู้ได้

    การแต่งกายนั้นช่างประหลาดกว่าที่เขาเคยเห็นสตรีสวมใส่ แต่สิ่งที่ประหลาดกว่า...คือสี ผม และ ดวงตาของพวกนาง

    ...สีดำ...สีแห่งความชั่วร้าย สีแห่งแม่มด...

    ... แต่ในทางกลับกัน มันก็เป็นสีแห่งความศักดิ์สิทธิ์ สีแห่งเทพธิดาผู้กอบกู้แห่งพระเจ้า...แต่มันก็มีแค่ในตำนานเท่านั้น...

    อย่างไรก็ตามแต่...หากปล่อยไว้เช่นนั้นโดยไม่ทำอะไรสักอย่าง ก็คงไม่ดีเป็นแน่แท้

    พยายามต้านไว้ให้นานที่สุด...จนกว่าพวกเขา จะมา...ระหว่างนั้น พวกเจ้าต้องรีบช่วยตัวประกันที่อยู่ด้านหลังของบาซิลิสก์ออกมาก่อนที่เขตอาคมจะพังทลาย

    แต่พวกนาง... เป็นมนุษย์นะขอรับ

     

    เพียงแค่ได้ยินดังนั้นนายทหารชั้นผู้ใหญ่ก็หันมา ก่อนเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด

    จะมนุษย์ หรืออะไรก็ช่างมัน!!...ชีวิตก็คือชีวิต เมื่อเจ้าเห็นชีวิตที่เจ้าสามารถให้ความช่วยเหลือมันได้อยู่ต่อหน้า เจ้าก็จะยังไม่แยแสมันอีกอย่างนั้นรึ!!หากเป็นตัวเจ้าที่ตกอยู่ในสถานการณ์นั้นเสียเองเจ้าจะรู้สึกเยี่ยงไรกัน!!  ”

    นายทหารผู้นั้นต้องก้มหัวต่ำอย่างยอมรับความผิดในสิ่งที่ตนคิดไป ก่อนจะรีบขออภัย พร้อมกับค้อมตัวลงน้อมรับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา แล้วรีบวิ่งไปบอกเหล่าทหารนายอื่นๆทันที

     

    เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ!!

    เสียงคล้ายกับบางอย่างแตกกระจายออกจากกัน เรียกให้ร่างของนายทหารทุกร่างต้องหยุดนิ่งอยู่กับที่ ตาเบิกกว้างอย่างตื่นตระหนก โดยเฉพาะนายทหารผู้มียศสูงกว่าใครในที่นี้นั้นตาเบิกกว้างยิ่งกว่าใครอื่น...

    เสียงแห่งหายนะ...มันมาเร็วกว่าที่คาดไว้นัก...

     

    โซ่สีฟ้าที่เรืองแสงริบหรี่ค่อยๆมอดแสงดับลงไป จนกลับกลายเป็นโซ่ยักษ์ธรรมดา ร่างยักษ์ที่นอนหายใจรวยรินหมดสภาพค่อยๆสมานบาดแผลอย่างช้าๆ ของเหลวสีข้นไหลย้อนกลับไปที่บาดแผลซึ่งกำลังสมานตัวกันจนสนิท...ไร้ซึ่งรอยขีดข่วนใดๆ และเป็นภาพที่ทำให้ผู้พบเห็นต่างตกใจกันถ้วนหน้า

     

    ...เป็นไปไม่ได้...มันเร็ว...เร็วเกินไปจนผิดปกติ...

    ชายหนุ่มครุ่นคิดอย่างสงสัย และตกใจในคราเดียวกัน ดวงตาคู่คมเบิกมองภาพตรงหน้าราวกับไม่อยากจะเชื่อ

    ร่างของอสรพิษเกล็ดสีเขียวเข้มมรกตกำลังคืนสภาพอย่างช้าๆ แต่รวดเร็วในความคิดของเขา ดวงตาที่เคยปิดสนิทกลับเบิกกว้าง ทว่า...แทนที่จะเป็นดวงตาส่องประกายสีเหลืองอำพัน มันกลับเป็นดวงตาที่ส่องประกายแสงสีแดงฉานดุจหยาดโลหิตออกมา หากไม่ได้คิดไปเอง ดวงตาคู่นั้นมันเต็มไปด้วยจิตสังหารแรงกล้ากว่าที่ผ่านๆมา...ราวกับว่าไม่ใช่ของสัตว์อสูรตัวเมื่อครู่ที่ถูกพันธนาการอยู่...

    ร่างยักษ์นั้นสะบัดตัวอย่างรุนแรง กระแทกเหล่าทหารนับสิบกระเด็นไปต่างทิศ มันสะบัดตัวเพียงสอง สามครั้ง โซ่ที่พันธนาการมันไว้ ก็แตกละเอียดเป็นผุยผง ลอยไปกับอากาศธาตุ...เหล่าทหารพากันแตกฮือและตระหนก ก่อนที่ทุกคนจะง้างธนูไม้ขึ้นมา และยิงออกไปยังร่างยักษ์นั้นพร้อมๆกัน

    สัตว์อสูรปรายตาสีแดงมองมาเล็กน้อยก่อนจะใช้หางของมันสะบัดห่าฝนธนูจนหักกลายเป็นเศษไม้ธรรมดาไป แล้วจึงใช้หางฟาดไปยังเหล่าทหารพวกนั้นอย่างไม่ปราณี มันแยกเขี้ยวขู่ฟ่อ ฟ่อ พร้อมกับกู่ร้องคำรามออกมาอย่างบ้าคลั่ง ดวงตาสีแดงฉานเปล่งประกายทุกครั้งที่มันร้องกู่ก้อง

     

    หวา!! ไหงมันร้ายกว่าเก่าวะเนี่ย ชมพู่ที่เริ่มมีสติขึ้นมาบ้างแล้วพูดขึ้นพร้อมกับที่เริ่มพยายามกระเถิบตัวเบียดไปชิดคนอื่นเรื่อยๆ...

    อ๋อ มันกลัวนี่เอง...

     

    เฮ้ย!! เจ๊ แกเบียดฉันมากไปแล้วนะโว๊ย หายใจไม่ออก กัญประท้วงขึ้นขณที่กำลังโดนแผ่นหลังชมพู่มันเบียดเข้ามาจนจะชนกับต้นไม้ยักษ์อยู่แล้ว...ก่อนที่ไอ้ชมพู่มันจะหันมาขอโทษขอโพยเสียยกใหญ่...สงสัยความกลัวขึ้นสมองไปอยู่แทนที่ไขมันส่วนเกินทั้งหลายแหล่ของมัน จนทำให้มันรู้จักขอโทษคนอื่นเป็นก็วันนี้แหละ

     

    ทำไมจู่ๆมันอาละวาดขึ้นมาได้ล่ะเนี่ย ฟ้าพูดบ้างหลังจากที่เงียบไปนาน ดวงตาสีดำมองภาพงูยักษ์กับคนในชุดประหลาดที่กำลังต่อสู้กันไปมาอย่างดุเดือด...และดูท่าฝ่ายที่ได้เปรียบก็น่าจะเป็นเจ้างูยักษ์นั้นเสียมากกว่า

     

    ใช่...มันต้องมีอะไรสักอย่าง...

    อิ๋งที่เงียบมานานไม่แพ้กันกำลังมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความสงสัยเสียเต็มประดา...ตั้งแต่เรื่องที่จู่ๆก็มาโผล่ที่นี่ งูยักษ์ นักรบโบราณ และการต่อสู้ของสัตว์อสูรกับนักรบพวกนั้น...

    มีแต่เรื่องเหลือเชื่อจริงๆ ถ้าดูหนังในโรงน่ะพอยอมรับ แต่นี่มัน เหตุการณ์ที่เมคกันสดๆตรงหน้านี่มานอารายก๊าน!!

     

    แล้วนายนักรบที่ดูท่าจะมียศสูงกว่าใครในที่นี้ก็ชักดาบยาวที่เหน็บข้างเอวขึ้นมาพร้อมกับวิ่งเข้าไปหาร่างอสรพิษนั้นอย่างไม่กลัวเกรง แต่ว่า แทนที่จะเป็นการวิ่งแบบธรรมดา มันก็มีบางสิ่งที่แปลกออกไป น่าตกตะลึง และเกินกว่ายอมรับ จนเธอและผองเพื่อนต่างเบิกตาค้างยิ่งกว่าเดิม

    ปีกค้างคาวสีดำขนาดยักษ์ค่อยๆแผ่สยายออกมาจากกลางหลังที่มีผ้าคลุมสีแดงเข้มโบกสะบัด มันทั้งดูแข็งแรงองอาจ และใหญ่เกินกว่าปีกค้างคาวที่เคยเห็น...และมันก็เป็นสิ่งที่บ่งบอกได้ว่า คนพวกนั้น ก็ไม่ใช่มนุษย์...

    ปีศาจ...สิ่งมีชีวิตที่ไม่น่าจะมีตัวตนอยู่จริง!!

     

    ปีกสีดำทะมึนพาร่างของชายหนุ่มให้ลอยตัวสูงขึ้นจนมาถึงระดับเดียวกับดวงตาของอสรพิษที่ผงกหัวสูงเฉียดฟ้า ดวงตาสีแดงส่อประกายมุ่งร้ายของมันกำลังปะทะกับดวงตาสีแดงที่ลุกโชติช่วงไม่แพ้กัน แต่ดวงตาของเขาผู้นั้นช่างดูเยือกเย็นดุจน้ำแข็ง

    ชายหนุ่มง้างดาบในมือขึ้นสูงก่อนฟาดฟันลงมายังหัวของอสรพิษ...ทว่าทันทีที่ดาบปะทะกับผิวเกล็ด ก็ราวกับว่ากระแทกอยู่กับภูเขาหินขนาดยักษ์ ไม่เกิดความสะทกสะท้านหรือรอยขีดข่วนแม้แต่นิดเดียว...ชายหนุ่มกัดฟันกรอดอย่างเจ็บใจ ก่อนที่จะลงคมดาบอย่างหนักหน่วงและไม่ยั้งมือไว้อีกต่อไป...ทว่า...งูยักษ์ที่เริ่มรู้สึกคล้ายๆกับจะรำคาญก็ยกหางของตนขึ้นสูงแล้วฟาดไปยังร่างของนักรบผู้นั้นอย่างสุดแรง นักรับผู้ทุ่มเทกับการโจมตี หาได้สนใจการป้องกันตนไม่...เป็นเหตุให้ร่างของเขาถูกแรงเหวี่ยงกระแทกเข้าอย่างจัง

    ร่างสูงลอยตัวไปจนกระแทกกับต้นไม้ยักษ์ แรงกระแทกนั้นส่งผลให้ชายหนุ่มกระอักเลือดออกมา

     

    อั่ก!!

     

    โลหิตสีดำเข้มพุ่งออกผ่านทางริมฝีปาก พร้อมกับที่ร่างของเขาค่อยๆไถลลงไปตามแนวแรงโน้มถ่วง จนมาหยุดอยู่ที่โคนรากของลำต้น  เขาพยายามยันกายตัวเองขึ้น แต่ด้วยความบอบช้ำที่ได้รับมานั้นทำให้เขาขยับร่างกายไม่ได้ดั่งใจนึกเท่าไรนัก

    นักรบผู้โง่เขลาของ อารอนเนส เอ๋ย...อย่าได้กระทำการที่เปล่าประโยชน์เลย...ถึงเจ้าจะโจมตีมาสักเท่าใด ก็ไม่มีผลหรอก เสียงเย็นเยียบดังขึ้นเรียกความประหลาดใจให้เกิดขึ้นกับเหล่าผู้ยังคงจับต้นชนปลายไม่ถูก แต่สำหรับชายหนุ่ม...เขาไม่มีทีท่าแปลกใจแต่อย่างใดเลย

    ชายหนุ่มกัดฟันแน่น ดวงตาแข็งกร้าวจ้องมองไปยังดวงตาสีแดงโลหิตของอสรพิษยักษ์ ที่จ้องมองมายังเขาอย่างแน่นิ่ง ราวกับว่ากำลังมองดูเหยื่อที่ไร้ทางสู้ตะเกียดตะกายหาหนทางรอด ก่อนที่จะถูกขย้ำสด

     พลังของเจ้านั้นแข็งแกร่งจนน่ายกย่อง...ทั้งดุดัน และ เข้มแข็ง...ทว่า...   มันหยุดคำกล่าวนั้น พร้อมกับที่ดวงตานั้นมองมาราวกับจะสมเพชเย้ยหยัน ก่อนกล่าวสำทับต่อ อย่างไรเสีย...ข้านั้นก็ยังเหนือกว่าเจ้าอยู่หลายขุม..เจ้าหนู!!

    อสรพิษยักษ์ผงกหัวขึ้นสูงอีกครั้ง ก่อนที่มันจะพุ่งตรงมายังเขา เรียวปากของมันอ้าขึ้น หยาดน้ำข้นสีขาวกระจายไปทั่วโพรงปากเขี้ยวขาวววาววับแยกออก ลิ้นสองแฉกสะบัดไปมาราวหิวกระหายในรสเลือดและเนิ้อของเหยื่อตรงหน้า

     

    ทำอะไรอยู่น่ะ! รีบหนีไปซิ!! อิ๋งเผลอร้องเตือนตะโกนเสียงดังลั่นด้วยความโมโห ที่เห็นอีกฝ่ายยังคงนั่งนิ่งไม่ไหวติง ท่ามกลางความตกใจของเพื่อนๆที่มองมาทางเธออย่างไม่เข้าใจว่า เจ้าหล่อนไปมีอารมณ์ดุดันแบบนี้มาจากไหน

    และดูท่าเสียงของเธอจะขาดประสิทธิภาพในการสื่อสารเพราะไม่ยอมเปลี่ยนมาใช้ วัน ทู คอล ( เกี่ยวตรงไหนฟระ ) หรืออย่างไรไม่ทราบที่เธอตะโกนไปด้วยเสียงอันดังสนั่น ขนาดช้างทั้งโขลงยังแตกตื่น...แต่ไอ้ชายหนุ่มที่กำลังตกเป็นเหยื่อของเจ้าสัตว์ยักษ์ กลับยังนิ่งเฉย ราวกับเสียงของเธอนั้นเป็นแค่เสียงนกกาที่มากระทบเข้ารูหู

    ...โว้ยย!! ไอ้บ้านั่นอยากกลายเป็นอาหารงูยักษ์รึไงกัน!...

     

    ชายหนุ่มผู้นั้นยังคงนั่งนิ่ง ดวงตายังจับจ้องร่างของอสรพิษที่กำลังพุ่งเข้ามา รอยยิ้มเหี้ยมประหลาดปรากฎขึ้นบนมุมปากใต้หมวกเกราะของเขา โดยไม่มีใครสังเกตเห็น...แต่นั่นไม่ใช่กับอิ๋ง...เธอเห็น...แววตาที่เปลี่ยนไปจากเดิมของเขา และเพียงชั่วครู่นั้น หากเธอตาไม่ฝาดดวงตาคมคู่นั้นลอบมองมาทางเธอ ก่อนที่จะละออกไป จนแทบสังเกตถึงความผิดปกติไม่ได้

    ฟรีนส์เฟรม... เสียงทุ้มเปรยเพียงแผ่วเบา

     

    พรึ่บ!!

    ฉับพลันเปลวเพลิงสีฟ้าก็เข้าครอบคลุมทั่วร่างยักษ์ที่กำลังพุ่งตรงเข้ามา เจ้างูยักษ์ส่งเสียงกรีดร้องแหลมอีกครั้งจนเหล่าทหาร และ พวกเธอต้องยกมือขึ้นปิดหู ร่างของมันดิ้นพล่านไปมาอย่างทรมานจากการถูกแผดเผา อีกทั้งเปลวเพลิงสีฟ้าก็มีทีท่าว่าจะไม่มอดดับลงง่ายๆ

    ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างโล่งอกเปลาะหนึ่ง ก่อนที่เขาจะกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง เลือดสีเข้มสาดกระเซ็นไปทั่วร่าง พร้อมกับที่ร่างสูงของเขานั้นเริ่มจะพิงกับต้นไม้อย่างอ่อนแรง เปลือกตาเริ่มหนักอึ้งลงเรื่อยๆ

    ...มาได้แค่นี้ซินะ...

    ....เล่นใช้บทเวทชั้นสูง...พลังชีวิตก็ถูกดูดไปในปริมาณมากพอๆกัน...

    ดวงตาสีแดงที่กำลังปิดลงนั้นมองไปยังภาพเบื้องหน้า อสุรกายยักษ์ที่กำลังดิ้นพล่านในเปลวเพลิงสีฟ้า...เขารู้ดี อีกไม่นานเวทนี้ก็จะถูกทำลายลง...และเเมื่อถึงเวลานั้น เขาก็เตรียมบอกลาโลกได้เลย

    ...หากมันหลุดออกมาอีกครั้ง พลังที่จะต่อกรกับมันก็ไม่เหลือแล้ว...

    ยิ่งครุ่นคิดไปเรื่อยเปื่อย เปลือตาก็ค่อยๆปรือปิดลงอย่างช้าๆ ดั่งผู้ที่จะกำลังดำดิ่งเข้าสู่ห้วงนิทรา

     

    เฮ้!! นี่คุณ คุณ เป็นอะไรหรือเปล่า! นี่ คุณ... เสียงหวานปริศนาดังขึ้นข้างๆหู จนเขาอดไม่ได้ที่จะลืมตาขึ้นมา  

    สิ่งแรกที่ได้เห็นทำเอาดวงตาของเขาเบิกกว้างอย่างตกใจ ใบหน้าของเด็กสาวชาวมนุษย์ ผู้มีเรือนผม และดวงตาสีดำขลับราวกับนิลมณีมาอยู่ตรงหน้าเขา ที่สำคัญ ไม่ใช่เพียงแค่เด็กคนนี้เพียงคนเดียว...แต่รวมถึงเหล่าสหายของนาง ทีกำลังยืนมองเขาด้วยความเป็นห่วง ระคนงงงวย

    ...งดงามจริงๆ...

    นั่นเป็นความคิดแรกที่โผล่เข้ามาในหัวของชายหนุ่มแทบจะทันที แรกเริ่มที่เขาเห็นพวกนางนั้น เพียงแค่ผ่านสายตา และพอรู้ถึงลักษณะการแต่งกายคร่าวๆไปเท่านั้น แต่พอได้มาเห็นใกล้ๆแบบนี้...ถึงได้รู้ว่ารูปพรรณสัณฐานของพวกนางเป็นเช่นไร...

    แม้เนื้อตัวจะมอมแมมไปบ้าง...แต่ก็หาได้สร้างความด่างพร้อยให้กับพวกนางเลยแม้แต่น้อย

    นี่คุณ! ถ้ายังไม่เป็นไรมากล่ะก็ ช่วยตอบรับหน่อยสิค่ะ คุณ อิ๋งที่อยู่ตรงหน้าชายหนุ่มร้องถามขึ้น ดวงตาสีดำขลับกลมหวาน หลังแว่นตา กำลังมองมาที่เขาอย่างเป็นห่วง ระคนกับความรู้สึกระอานิดๆที่ปากเปียก ปากแฉะเป็นสิบรอบ แต่ไอ้คนตรงหน้าเธอเนี่ยมันปิดปากเงียบเหมือนกับโดนคนเอากาวทาช้างมาทาปาก ทำให้เธออดที่จะรู้สึกเซ็งๆไม่ได้  

     

    อิ๋ง คนเขากำลังเจ็บอยู่ จะให้มีแรงมาตอบแกอย่างกระตือรือร้น ได้ไงกันย่ะ!! น้ำเสียงแหลมหวานของแม่คุณชมพู่ของเรานั้นดังขึ้นนเบื้องหลัง จนเเธอแทบปิดหูไม่ทัน ก่อนที่สาวเจ้าจะหันไปมองอีกฝ่ายที่ตะโกนใส่อย่างเอาเรื่อง

     

    นี่! ป้า ฉันไม่ได้หูหนวก...และขอความกรุณาลดดีกรีเสียงแปดหลอดของแกลงหน่อย...เพราะมันจะดีต่อสวัสดิภาพทางโสตประสาทของคนอื่นขึ้นเยอะเลย เธอตอบกลับอย่างอารมณ์ขึ้นนิด สายตาตอนนี้เรียกได้ว่า สามารถฆ่าคนได้ทีเดียว ส่วนชมพู่ที่ไม่อยากต่อความมากก็ได้แต่มองอีกฝ่ายอย่างเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน

    มันเป็นภาพที่คุ้นตาสำหรับคนอื่นๆ...ซึ่งตอนนี้เริ่มออกอาการเบื่อหน่าย กับรายการ วาไรตี้ทอล์คโชว์แบบดุเดือด ที่มักเกิดขึ้นในกลุ่มเป็นประจำ

    ทว่า...สำหรับบุรุษผู้ไม่ได้รู้ในข้อเท็จจริงนี้มาก่อน จึงได้แต่มองสองสาวตรงหน้าอย่างอึ้งๆ

    แตกต่างจากสตรีทั่วไปที่เขารู้จักโดยสิ้นเชิง...สตรีเหล่านั้น ล้วนเป็นหญิงที่เรียกว่าเพียบพร้อมทั้งในเรื่องกริยามารยาท และการพูดจา

    แต่ว่า...เด็กสาวพวกนี้นั้น...

     

    แม้มีความงามไม่เป็นสองรองใคร...ทว่า คำว่ากุลสตรี ก็ยังห่างไกลเกินใช้กับเด็กพวกนี้...

     

    ขณะที่กำลังคิดไปเรื่อยเปื่อยเมื่อมองมายังภาพตรงหน้าของสองสาวที่กำลังส่งสายตาเขม่นกันราวกับจะเผาอีกฝ่ายเสียเต็มประดา  พลัน ดวงตาสีแดงชาดก็เหลือบไปเห็นบางสิ่งตรงหางตา...

    เบื้องหลังของเหล่านักรบในชุดเกราะทีกำลังวิ่งเข้ามาหาเขานั้น เปลวเพลิงสีฟ้ายังคงโชติช่วง ทว่า ดวงตาสีแดงฉานคู่นั้นเจิดจ้ากว่าครั้งที่ผ่านๆมา...

    พวกเจ้าหนีไปซะ... น้ำเสียงทุ้มเบาๆเล็ดลอดออกมาให้ได้ยิน พอที่อีกเจ็ดคนซึ่งอยู่ตรงหน้าสามารถรับรู้ได้

    นัยน์ตาของอิ๋งฉายแววแปลกใจ และ แสนจะงงงวย เธอตั้งท่าที่จะถามให้รู้แล้วรู้รอด แต่ว่าเมื่อเห็นดวงตาคู่คมนั้นมีแต่ความแข็งกร้าว ทำให้คำพูดนั้นกลืนหายไปในลำคอทันที...และดวงตานั้น มันก็ยังจ้องมองผ่านตัวเธอไป

     

    ฮะ...เฮ้ย! นั่น... เสียงสั่นๆของขวัญที่ดังขึ้นทำให้เธอต้องตื่นจากภวังค์ทันที เด็กสาวหันไปมองเพื่อนอีกหลายคนที่บัดนี้มีอาการเกร็ง หน้าซีด โดยเฉพาะขวัญ ที่นิ้วชี้ยังคงค้าง...ชี้ไปยังเบื้องหน้า...

    ร่างของอสุรกายยักษ์ที่ค่อยฟื้นตัวพงกหัวขึ้นอย่างช้าๆ ทั้งๆที่เปลวเพลิงสีฟ้ายังคงลุกโชน ดวงตาของมันส่องประกายจ้าราวกับหยาดโลหิต

    ...เสาร็จกัน!!...

    งูยักษ์สะบัดหัวเพียงครั้งเดียว เปลวเพลิงสีฟ้าก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย...เช่นเดียวกับผิวเกล็ดของมันที่ไร้ซึ่งบาดแผลใดๆอย่างที่ควรเป็น

    ดวงตาของมันจ้องมองมาทางร่างของชายหนุ่มอย่างเคียดแค้น ซึ่งชายหนุ่มผู้นั้นก็จ้องตอบไปอย่างไม่ยี่หระ

     

    แก!!! เจ้านักรบโอหัง  ข้าจะไม่ให้แกได้ตายดีแน่~!!!  ” งูยักษ์ตนนั้นคำรามขึ้นอย่างกึกก้องเปลวเพลิงสีฟ้ามลายหายไป ดวงตาสีโลหิตส่องแสงเรืองรองด้วยความเกรี้ยวกราด ร่างยักษ์สะบัดลำตัวไปทั่วบริเวณ ราวกับต้องการจะทำลายทุกอย่างให้พินาศสิ้น

    ร่างกายของอสรพิษยักษ์เริ่มมีการเปลี่ยนแปลง ไปจากเดิม ลำตัวขอดเกล็ดของมันแผ่รังสีออร่าสีทะมึนออกมา จนกดดันบรรยากาศโดยรอบจนหมด ลำตัวสีเขียวเหลือง เปลี่ยนเป็นสีดำมะเมื่อมทั้งตัว บางสิ่งที่คล้ายกับพังผืดได้กางออกมาจากบริเวณลำคอของมัน พร้อมส่งเสียงกู่ร้องแสบแก้วหูสั่นสะเทือนไปทั่วอาณาบริเวณ

     

    งูพันธ์ใหม่รึไงวะนั่น! ” กัญที่เห็นเช่นนั้นก็ถึงกับอุทานเสียงหลงออกมาเลยทีเดียว ส่วนคนอื่นๆก็แข็งค้างไปเรียบร้อยแล้ว เว้นก็แต่เพียงชายหนุ่มนักรบที่นั่งพิงต้นไม้ใหญ่นั้น ร่างสูงขบฟันแน่น ก่อนสบถออกมาอย่างหัวเสีย

     

    จงหายไปซะ พวกแกทั้งหมดนี่แหละ!!! ”  อสรพิษคำรามออกมา พร้อมกับปล่อยอะไรบางอย่างที่คล้ายกับแส้ขอดเกดล็ดสีดำ จากบริเวณพังผืด แล้วสะบัดไปโดยรอบอย่างบ้าคลั่ง ต้นไม้สูงใหญ่ทั้งหมดราวกับเป็นแค่เศษไม้ที่แตกหักได้โดยง่าย ล้มระเนระนาดกระจัดกระจายอยู่เต็มพื้นไปหมด  ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังถูกทำลายล้าง พื้นปฐพีแยกออกแตกเป็นฝุ่นชิ้นเล็กชิ้นน้อยอยู่กลางอากาศ ทั้งยังสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงจากความพิโรธของอสูรร้ายตนนั้น

    ต้องหนีเท่านั้น!!!...

    ความคิดนี้ดังขึ้นในหัวของอิ๋งอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อเธอประเมินผลว่าสถานการณ์มันเลวร้ายถึงที่สุด และเธอก็เชื่อว่าเพื่อนของเธอก็คงคิดแบบเดียวกับเธอเช่นกัน

    เด็กสาวทั้งเจ็ดยังคงตระหนกกับเหตุการณ์เบื้องหน้า….ให้ตายเถอะถ้าหากนี่เป็นความฝัน มันก็คงเป็นฝันที่เลวร้ายที่สุด ในรอบ 16 ปีที่เกิดมาเลยทีเดียว!

     

    หนีกันก่อนเถอะ! ฟ้า แกมาช่วยฉันแบกคนเจ็บเร็ว!!!  ” อิ๋งพูดขึ้นกับทุกคน ไม่พูดพล่ามทำเพลง เจ้าหล่อนก็รีบไปพยุงร่างสูงที่นั่งอยู่เบื้องหลัง ทำเอาคนถูกช่วยนั้นมองเธอด้วยความรู้สึกพิกลยิ่งนัก

    เจ้า!? ”

     

    อย่าเพิ่งพูดอะไรตอนนี้ถ้าจะถามว่าทำไมถึงช่วยทั้งๆที่ยังไม่รู้จักกัน คำตอบคือ ไม่รู้ ’…   ” เสียงหวานเอ่ยขึ้นทั้งๆที่ยังไม่ได้หันไปมองคนฟัง เพราะเธอยังคงเอาแต่จ้องมองอสุรกายตรงหน้าราวกับกำลังครุ่นคิดหาวิธีที่จะหนีออกจากสถานการณ์เลวร้ายนี้ไปให้ได้

    ร่างสูงกว่าก้มมองเด็กสาวตรงหน้าอย่างประหลาด ขณะเดียวกับที่เขารู้สึกได้ถึงอาการสั่นๆจากร่างเล็กนั้นทั้งที่กลัวจนตัวสั่นขนาดนี้แต่เด็กสาวผู้นี้ยัง

    ฟ้ารีบเข้ามาช่วยอิ๋งพยุงร่างสูงกว่า แล้วพยายามที่จะพยุงร่างนั้นออกจากบริเวณนี้ให้เร็วที่สุด

     

    พวกเจ้า ปล่อยข้าไว้ซะมันจ้องเล่นงานข้า  ไม่เกี่ยวกับพวกเจ้าเลยซักนิด ร่างสูงพยายามเอ่ยขึ้น น้ำเสียงของเขาฟังดูอ่อนแรงจนน่าใจหาย

     

    จะบ้ารึเปล่าค่ะ! จะให้พวกเราปล่อยคนเจ็บ ทั้งๆที่เห็นอยู่ตำตาแบบนี้เนี่ยนะ คราวนี้ยัยฟ้าแหวขึ้นบ้าง ดวงหน้าหวานเริ่มฉายแววหงุดหงิดพอๆกันกับเพื่อนสาวอีกคน ก่อนที่ทั้งสองคนจะพยายามพยุงร่างที่สูงกว่าตนวิ่งตามคนอื่นๆไป แต่มันก็ยังไม่เร็วทันใจเท่าที่ควร อาจเพราะ แผ่นดินไหว ความสมดุลของร่างกาย ประกอบกับร่างสูงอยู่ในชุดเกราะหนักอึ้ง( สำหรับพวกเธอ )อีกต่างหาก

     

    ปล่อยข้าลงซะไม่งั้นพวกเจ้าทุกคนจะเดือดร้อน…  ”

     

    เงียบไปเลยยยย!!! ” สองเสียงตวาดแหวพร้อมกันขัดไม่ให้เขาได้พูดจนจบ  ทั้งที่ยังไม่หันหน้าไปมองเขาด้วยซ้ำ ทำเอาชายหนุ่มถึงกับใบ้รับประทานให้ตายเถอะ ตั้งแต่เกิดมา ยังไม่มีอิสตรีใดนอกเหนือจากมารดาที่กล้าขึ้นเสียงใส่เขาถึงเพียงนี้เลยนะ!!!

    ... คิดๆแล้ว ก็อดขำไม่ได้เลยจริงๆแฮะ

     

    อิ๋ง ฟ้า เร็วๆเข้า!!! ” ขวัญส่งเสียงเร่งเพื่อนทั้งสองที่กำลังตามหลังมา ด้วยสภาพทุลักทุเล ก่อนจะเบิกตากว้างอย่างห้ามไม่อยู่

    ดวงตาสีโลหิตของอสูรร้ายตนนั้นอยู่ห่างจากหลังของพวกเพื่อนเธอทั้งสองไปเพียงไม่กี่อึดใจเท่านั้น!!!

     

    อิ๋ง! ฟ้า! ข้างหลัง!!! ” ขวัญรีบตะโกนทันที ทำให้ทั้งสองถึงกับผงะ รีบหันไปมองเบื้องหลังทันที  ดวงตาสีแดงดุร้ายนั้นจ้องมายังพวกเธอเขม็ง

     

    แย่แล้ว!...

     

    อสรพิษยักษ์คำรามกึกก้อง มันผงกหัวขึ้นสูงปล่อยแส้ขอดเกล็ดออกมาอย่างฉับพลัน และ เป้าหมายของมันคือ ตรงนี้!!!

    ร่างสูงที่ถูกแบกอยู่นั้นกัดฟันแน่น เตรียมจะใช้พลังเวทย์ และ พลังชีวิตที่เหลือน้อยนิดนั้นจัดการเจ้าสัตว์ร้ายเบื้องหน้า

    อย่างน้อยๆก็ขอแค่สร้างหนทางหนีที่ไล่ไปตั้งหลักได้ก่อนก็พอ!

     

    พลั่ก!

    ยังไม่ทันที่เขาจะได้ร่ายเวทย์เสร็จสมบูรณ์ ร่างของเขาก็ถูกผลักออกไปให้พ้นรัศมีการโจมตี ร่างสูงเบิกตากว้าง เมื่อเห็นสองร่างที่พยุงเขาเมื่อครู่นั้นถูกแส้ขอดเกล็ดสีดำนั้นพันธนาการทั่วร่าง!

     

    กรี๊ด~!

    เด็กสาวทั้งสองกรีดร้อง เมื่อสิ่งที่พันธนาการพวกเธอนั้นดึงตัวของพวกเธอขึ้นสูงเฉียดฟ้าแล้วสะบัดไปมาอย่างบ้าคลั่ง

    อิ๋ง! ฟ้า! ”  พวกขวัญ ต่างร้องขึ้นอย่างเสียขวัญ เมื่อเห็นเพื่อนทั้งสองของตนถูกเจ้าอสูรร้ายนั้นพันธนาการไว้ แล้ว ถ้าหากพวกเธอคาดเดาถูกต้อง ไม่ช้าก็เร็วเพื่อนทั้งสองของเธอต้องลงไปอยู่ในท้องเจ้างูยักษ์นั่นแน่นอน!!!

     

    ปล่อยพวกนาง! เป้าหมายของเจ้าคือข้าไม่ใช่เหรอ!!! ” ร่างสูงในชุดกราะพยายามประคับประคองร่างอันบอบช้ำของตนไว้แล้วเอ่ยขึ้นอย่างแข็งกร้าว ดวงตาคมเข้ม ที่อยู่ภายใต้หมวกเกราะฉายแววเกรี้ยวกราดออกมาถ้าเขารู้ตัวเร็วกว่านี้ล่ะก็คงไม่เป็นแบบนี้แน่

    อสรพิษยักษ์เพียงแต่ปรายสายตามองอย่างดูแคลน

     

    หึ แค่จะพยุงตัวไว้ยังลำบากเลย อย่าทำปากเก่งนักเลย

    พร้อมกันนั้นก็ยกสองร่างที่ถูกพันธนาการขึ้นไว้เหนือศีรษะ  แล้วเพิ่มแรงบีบรัดแน่นขึ้น จนทั้งสองร่างถึงกับร้องออกมาอย่างเจ็บปวด จนคนอื่นๆถึงกับกัดฟันอย่างเจ็บแค้น

     

    อ๊า~!!!”  

     

    ทำไงดี สองคนนั่นมันโดนจับอยู่นะ! ” กัญพูดขึ้นอย่างร้อนรน พร้อมกับเขย่าแขนโบตั๋น ที่กำลังควบคุมสติไว้ให้มั่น คิดหาทางช่วยเพื่อนรักทั้งสองจนหัวแทบจะระเบิด สาวสวยร่างโปร่งกัดฟันแน่นอย่างอับจนหนทาง

     

    นี่เรา จะต้อง มาตายแบบนี้เรอะ

    ประโยคนี้ดังก้องไปมา ท่ามกลางสติที่กำลังพร่าเลือนทีละน้อย ความเจ็บร้าวแล่นพล่านไปทั่วร่างจนรู้สึกทรมานไปหมด

    แล้วจู่ๆก็รู้สึกว่าร่างทั้งร่างถูกกระชากอย่างแรง เมื่อค่อยๆพยายามลืมตาขึ้นนั้น ดวงตาอสรพิษสีแดงฉานโหดร้าย จับจ้องเธอนิ่ง ด้วยแววมาดหมาย และ กระหายหิว

     

    ข้าไม่ได้มีความแค้นส่วนตัวกับเจ้าหรอกนะ สาวน้อย แต่การที่พวกเจ้าเข้ามาก้าวก่ายการสังหารของข้าเจ้าก็ถือเป็นตัวเกะกะที่ข้าต้องกำจัด  เสียงของอสรพิษนั้นดังก้องไปมาในสมอง พร้อมกับที่เธอเห็นอสุรกายนั้นอ้าปากกว้างเผย คมเขี้ยวขาววาววับแหลมคมคู่นั้นที่แค่ออกแรงกัดทีเดียวกระดูกคงแหลกละเอียดเป็นผงแน่นอน มาอยู่ในโลกที่ไม่รู้จัก แถมยังมาถูกสัตว์ประหลาดเขมือบเพราะช่วยคนที่ไม่รู้จักไว้อีกต่างหาก

     

    ช่วยคนอื่นได้แต่ตัวเองดันซวยเองงั้นเหรอเนี่ย

     

    ยิ่งคิดก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะในความโง่เง่าของตนเองหางตาเหลือบเห็นฟ้าที่ตกอยู่ในสภาพเดียวกันกับตน แล้วกำลังเค้นเสียงก่นด่าเจ้าอสุรกายยักษ์นั้นอย่างสุดความสามารถ ส่วน เพื่อนๆที่เหลือของเธอที่อยู่เบื้องล่างนั้น กำลังขวัญเสียอย่างหนัก แถมยังสบถด่าออกมาจนฟังไม่ได้ศัพท์ เมื่อเห็นร่างของเธอกำลังถูกเจ้าอสุรกายนั้นเขมือบทั้งเป็น

     

    ขอโทษนะทุกคนที่ฉันพาทุกคนมาเจอเรื่องแบบนี้ขอโทษจริงๆ

     

    ดวงตาสีน้ำตาลใต้กรอบแว่นเริ่มสั่นไหว หยาดน้ำใสคลอหน่วยทิ้งตัวลงมาอาบแก้ม ความรู้สึกที่เรียกว่า หวาดกลัวเข้าเกาะกุมจิตใจจนร่างทั้งร่างสั่นระริกใช่  เธอ กำลังกลัว  สิ่งที่เรียกว่า ความตาย ’ …

    เบื้องหน้านั้น เธอกำลังค่อยๆถูกยกขึ้นให้เข้าไปในปากของอสูรร้ายนั่นกลิ่นลมปากคาวร้อนจนน่าคลื่นเหียน บ่งชัดถึงสิ่งที่เธอต้องเผชิญ

    อสรพิษร้ายคำรามอย่างหฤหรรษ์ ในขณะที่สาวน้อยค่อยๆหลับตาลง ยอมรับสิ่งที่จะเกิดในไม่ช้านี้

    อย่างน้อยก็ขอให้ความตายนี้ไม่ทรมานมากนัก

     

    “  DARK  ELUSION ”

     

    เสียงทุ้มเสียงหนึ่งดังก้องกังวาน พร้อมกับที่ ลำแสงสีดำนับสิบพุ่งจากฟากฟ้าลงมายังร่างใหญ่ยักษ์ของอสุรกายยักษ์ แล้วปล่อยกระแสไฟฟ้าสีแดงพันธนาการรอบตัวมันไว้

    กี๊ด ~กี๊ด!!!

    อสรพิษยักษ์กรีดร้องอย่างเจ็บปวด มันผละจากเหยื่อ แล้วผงกหัวขึ้นสูงกู่ร้องอย่างบ้าคลั่ง ทำให้ผู้เฝ้ามองเหตุการณ์เบื้องล่างนั้นตกตะลึง และ มองอย่างไม่เข้าใจว่าเกิดเหตุอันใดขึ้นเว้นก็แต่ร่างสูงในชุดเกราะที่กำลังประคับประคองตนอยู่นั้น ที่ฉายแววยินดีในแววตาอย่างปิดไม่มิด

    พวกเขา มาแล้ว!!!....

     

    ดวงตาสีแดงวาวโรจน์มองไปยังทิศทางที่มาของเวทย์มารที่พุ่งมาถึงตัวมันเมื่อครู่ แล้วแทบจะทันทีที่ดวงตานั้นเบิกกว้างขึ้น ก่อนเปลี่ยนมาฉายแววอาฆาตแค้นอย่างเต็มกำลัง

     

    พวกเจ้า!!! ”

    บนฟากฟ้าที่มืดครึ้มนั้น...หลายร่างในชุดเกราะสีดำแวววาวสง่างามอยู่บนอาชาสีรัตติกาล ดวงตาสีเลือดของมันฉายแววโหดเหี้ยม เขี้ยวขาววาววับงอกออกมาจากปากของมัน ปีกค้างคาวแกร่งกล้าโบกสะบัดไปมา

    ดวงตาสีซัฟไฟร์ที่ไม่ได้ถูกเกราะปกปิดไว้นั้นฉายประกายเย็นเยียบจับจ้องอสุรกายร่างยักษ์ที่อยู่เบื้องล่างนิ่ง...แผ่รังสีแห่งการเข่นฆ่ากดดันไปทั่วอาณาบริเวณ

     

    เจ้านั่น...ใช้จิตควบคุมบาซิลิสก์อยู่สินะ อีกร่างในชุดเกราะที่อยู่ใกล้ๆเอ่ยขึ้นอย่างจริงจัง ซึ่งปกติแล้วเจ้าตัวไม่เคยเป็นแบบนี้เลยสักครั้ง ดวงตาสีมรกตจ้องมองอสรพิษยักษ์ที่กำลังคำรามกู่ก้อง เกรี้ยวกราด ด้วยสายตานิ่งสนิท ไม่แพ้ร่างอื่นๆเลย

     

    ช่วยตัวประกันก่อน... ร่างที่อยู่เบื้องหน้าสุดพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเย็นเช่นทุกครั้ง เป็นคำขาด ซึ่งทุกร่างก็ขานรับแต่โดยดี

     

    ขอรับ! ” เพียงพริบตานั้นอาชาอสูรนับสิบก็เหาะทะยานพาร่างของนายเหนือหัวของพวกมันลงมายังเจ้าอสุรกายยักษ์ตนนั้น มันยิ่งกู่ร้องอย่างบ้าคลั่ง ลิ้นสองแฉกยืดยาวออก ผงกหัวขึ้นสูงแผ่แม่เบี้ย แส้ขอดเกล็ดนับสิบพุ่งโจมตีใส่ผู้อาจหาญที่บังอาจจู่โจมมันทันที

     

    “ BARIA  SHIELD!!! ”  สิ้นเสียงของนักรบที่อยู่เบื้องหน้าสุดนั้น บาเรียสีแดงก็กางกั้นทั้งหมดจากการโจมตีของแส้ขอดเกล็ดพวกนั้นจนแส้ขอดเกล็ดนั้นสลายกลายเป็นผุยผง พร้อมกับที่เสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดของอสรพิษยักษ์นั้นดังก้อง

    ใบหน้าใต้หมวกเกราะนั้นขยับยิ้มเย็นเยียบ ก่อนจะเอ่ยบางสิ่งออกมาอย่างกึกก้อง

     

    เอริค  เจ้ามากับข้า...ส่วนที่เหลือ ให้คอยโจมตีมันจากทางพื้นดิน และ คอยช่วยพวกทหารกองร้อยของ ซาเซล ซะ! ”  และแทบจะทันที่ที่ร่างสูงสง่านั้นควบอาชาอสูรของตนพุ่งตรงไปยังอสรพิษยักษ์ทันที พร้อมด้วยร่างของนักรบในชุดเกราะสีเข้ม ที่อยู่ข้างๆเมื่อครู่ตามไปติดๆ

     

    “ DARK CHAOS! ”  สิ้นเสียงดาบยาวขนาดยักษ์สีรัตติกาลก็โผล่ขึ้นมาอยู่ในมือหุ้มเกราะ ที่ดูท่าจะจับพอดีมือ แล้วควงเล่นได้อย่างสบายราวกับไม่รู้สึกถึงน้ำหนักของมันเลยสักนิดเดียว ดวงตาสีซัฟไฟร์แข็งกร้าว...เป้าหมายของพวกเขาก็คือ...แส้ขอดเกล็ดสีดำที่พันธนาการ สองร่างนั้นเอาไว้!

    .................................

    .....................

    ............

    ...เกิดอะไรขึ้น?...

    ประโยคนี้ยังวนเนียนอยู่ในหัว ทั้งๆที่สติกำลังพร่าเลือนทีละน้อย...ความจริง...เธอน่าจะถูกเจ้างูยักษ์เขมือบไปแล้วนี่นา...แล้วทำไม?...

    อิ๋งค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก...สิ่งที่เธอเห็น คือ ภาพของเจ้าอสรพิษยักษ์นั้นกำลังกราดเกรี้ยว และกู่ร้องบ้าคลั่ง จนแสบแก้วหูไปหมด

    ...เจ้านี่...มันมองไปที่ไหนกัน...

    เด็กสาวค่อยๆหันไปมองตามทิศทางนั้น  ภาพตรงหน้านั้นพร่ามัวไปหมด แต่ว่าที่ปรากฏเด่นชัดก็คือ...ดวงตาสีซัฟไฟร์ซึ่งกำลังทอประกาย

    สีเลือดออกมา...นั่นมัน!!!...

    ร่างสูงในชุดเกราะที่พุ่งมานั้น กระชับดาบยักษ์ในมือตนไว้มั่น ก่อนจะยกขึ้นสูงแล้วฟาดฟันลงมาตรงหน้าเธอในทันที

     

    ฉับ!!!

     

    รู้สึกเหมือนมีลมร้อนๆพัดผ่านไปชั่ววูบ...พริบตานั้นแส้ขอดเกล็ดที่พันธนาการร่างของเธอไว้ก็สลายกลายเป็นผุยผง พร้อมกับเจ้าอสุรกายนั้นกรีดร้องอีกครั้ง เสียงของมันดังก้องในหัว...แต่ว่าคงไม่มีเวลาไปสนใจหรอก เพราะตอนนี้...เธอกำลังลอยค้างอยู่กลางอากาศ และ ก็กำลังเตรียมจะดิ่งลงธรณี!!! แว๊กกกก!!!!

     

     

    หมับ!

     

    แต่ก่อนจะได้ดิ่งธรณีจริงๆนั้น ก็เหมือนมีบางอย่างคว้าร่างของเธอไว้ ก่อนจะรู้สึกถึงสัมผัสเย็นเฉียบประทับกับแก้มนวล...อิ๋งค่อยๆปรือตาขึ้นอย่างหวาดๆ เบื้องหน้าคือ เกราะสีดำช่วงอกในลวดลายแปลกตา จากนั้นเธอจึงค่อยๆเงยหน้าขึ้น...แล้วดวงตากลมโตใต้กรอบแว่นของเธอก็เบิกกว้างขึ้น

    ที่เธอเห็น คือร่างสูงที่สวมหมวกเกราะเหล็กสีเดียวกันกับชุดเกราะของเขา...มีเพียงดวงตาสีซัฟไฟร์ทอประกายเลือดคมเข้มนั้นที่จ้องมองประสานกับเธอ...เหมือนกับเวลาหยุดนิ่งไปชั่วขณะ...

     

    ...คุ้นเคย...กับแววตาแบบนี้...เธอเคยเห็นมันมาก่อน...

     

    พลัน ความทรงจำบางอย่างก็ผุดขึ้นมา...ร่างสูงที่ควบบนอาชาอสูรซึ่งยืนอยู่บนกองศพนับพัน อาวุธที่เขาถืออยู่นั้นแปดเปื้อนไปด้วยโลหิตสีดำ ควงตาคมปลาบทอประกายเลือดฉายแววเย็นเยียบยามจ้องมองมาที่ซากศพเหล่านั้นอย่างไร้ความปราณี!...ความฝันนั่น!!!

     

    ร่างสูงประสานสายตากับเธอชั่วครู่ ก่อนจะผละไป มองยังร่างของอสรพิษร้ายที่กำลังเต็มไปด้วยไฟโทสะ

     

     

     

     

     ฉึ่ก ฉึ่ก!!

     

    หอกยาวนับสิบพุ่งออกมาจากพุ่มไม้บริเวณใกล้เคียง เข้าแทงร่างของงูยักษ์ที่กำลังลงมือจัดการเหยื่ออย่างหิวโหย แต่ทันทีที่หอกนับสิบทิ่มแทงร่างของมัน งูตนนั้นก็ยกตัวขึ้นสูงดิ้นพล่านไปมาอย่างทุรนทุราย ของเหลวสีเหลืองข้นของมันกระฉอกจากร่างมันไม่ยอมหยุด พร้อมกับที่เสียงร้องครางโหยหวนทรมานของมันจะดังออกมาอย่างบ้าคลั่ง

     

    กี๊ด~กี๊ด!

     

    เสียงร้องนั้นทำให้เหล่าผู้ที่หลับตากอดกันแน่นต้องลืมตาตื่นขึ้นมาดู ก่อนที่ดวงตาสีดำทุกคู่นั้นจะเบิกกว้างเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า...ภาพของสัตว์ร่างยักษ์ดิ้นพล่านไปมาอย่างเจ็บปวด

     

    ฉึ่ก ฉึ่ก!!

     

    ห่าฝนหอกเริ่มตามมาอีกระรอก ยิ่งทำให้เจ้างูนั้นดิ้นแรงขึ้น แต่ดวงตาสีเหลืองอำพันของมันก็สาดส่องไปโดยรอบหาตำแหน่งที่มาของหอกเหล่านั้น ฉายแววเคียดแค้นเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณต่อสิ่งที่ทำร้ายมัน

     

    พลัน!

    ร่างนับสิบของกลุ่มคนที่อยู่ในชุดเกราะสีดำสนิทก็โผล่ออกมาจากพุ่มไม้โดยรอบทางด้านหลังของมัน ซึ่งเป็นที่มาของหอกเมื่อรู่ แต่ละคนใส่เกราะที่ดูแล้วน่าจะเป็นนักรบโบราณคล้ายๆกับพวกยุโรปในสมัยศตวรรษที่สิบหก แตว่า...มันก็ไม่ใช่ซะทีเดียว เพราะมันดูน่ากลัวและสง่างามกว่าเกราะพวกนั้นมากเหลือเกิน โดยเฉพาะเกราะส่วนศรีษะมันช่างมีรูปร่างแปลกตา แต่ก็สวยงาม พวกเขาทุกคนมีอาวุธอยู่ในมือแตกต่างกันไป ทั้งดาบ หอก โล่ทรงประหลาดที่ใหญ่กว่าขนาดมาตรฐาน โซ่ติดอาวุธ ฯลฯ

     

    ทุกคนหยุดนิ่งกับที่ มือจับอาวุธกระชับให้มั่นเตรียมพร้อมรบ ขณะที่เจ้าสัตว์ร้ายนั้นมองไปยังร่างทหารเกือบทั้งกองทัพด้วยแววตามุ่งร้ายเต็มเปี่ยม มันอ้าปากว้างขู่คำรามเผยให้เห็นเขี้ยวขาวยาววาววับแสนคมของมัน

     

    ทุกคนกระจายกันปิดล้อมมันเอาไว้...รอดูท่าทีมัน... มันมีตัวประกันอยู่ด้วย ฉะนั้นห้ามทำอะไรทั้งสิ้นจนกว่าจะมีคำสั่งจากข้า

    น้ำเสียงทุ้มห้าวจากร่างในชุดเกราะดำที่มีผ้าคลุมสีเลือดหมูบ่งบอกชัดว่าป็นผู้มียศสูงกว่าทหารน้อยใหญ่เหล่านั้น ร่างของเขาสูงใหญ่ และ บึกบึน ดูแข็งแกร่ง แต่หมวกเกราะสีดำที่เขาสวมใส่อยู่นั้นทำให้ไม่อาจทราบได้ว่าบุรุษผู้นี้มีรูปลักษณ์เช่นไร

     เมื่อได้ยินเช่นนั้น ทหารทุกคนก็เริ่มกระจายกำลังปิดล้อมมันโดยรอบทันที งูยักษ์ยังคงขู่คำรามไม่หยุด สายตามองไปรอบทิศที่เหล่านักรบเกราะดำโอบล้อมมันไว้ ดวงตาสีอำพันเริ่มดูดุร้ายมากขึ้น

     

    ชายในเกราะดำมองเจ้างูยักษ์นั้นนิ่งราวกับคิดอะไรบางอย่างก่อนที่มือของเขาจะยกขึ้นกลางอากาศแล้วฟาดอากาศมาเบื้องหน้าราวกับเป็นสัญญาณบางอย่าง แล้วเสียงทุ้มห้าวก็ดังขึ้นอีกครั้ง

    โซ่อาคม ลงมือได้!! ”

     

    เมื่อสิ้นเสียงโซ่เส้นยักษ์ยาวนับสิ้นเส้นก็พุ่มออกมาจากพื้นดินตรงเข้ารัดร่างยักษ์ของมันทันที เมื่อมันรัดเหยื่อได้ โซ่นับสิบก็เรืองแสงสีฟ้าอ่อนออกมา พร้อมกับที่โซ่เหล่านั้นรัดงูยักษ์แน่นยิ่งขึ้น จนผู้ถูกพันธนาการนั้นต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด

    เหมือนกับโซ่นั้นมีชีวิต...ยิ่งสัตว์ร้ายดิ้นมากขึ้นเท่าไร โซ่เส้นนั้นก็จะรัดตัวมันแน่นมากขึ้นเท่านั้น!!

     

     

    ...ถ้าไม่มาเห็นกับตา...จ้างให้ตายก็ไม่มีทางเชื่อเด็ดขาด!!

    ที่เห็นตรงหน้า นักรบในชุดเกราะต่อสู้กับงูยักษ์...เหตุการณ์แบบนี้มีแต่ตามนิยาย ไม่ก็พวกหนังแนวแฟนตาซีที่ชาวต่างชาติเขาชอบสร้างกัน แต่ไหงมาเกิดขึ้นเป็นเรื่องจริงตรงหน้าไปได้!!...

    เป็นสิ่งเดียวที่กลุ่มเด็กสาวทั้งเจ็ดซึ่งกำลังมองเหตุการณ์ตรงหน้านั้นคิดเหมือนกัน ดวงตาสีดำทุกคู่เบิกค้างมองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งประหลาดใจ กลัว และก็สับสน

     

    เฮ้ย...แกเห็นอย่างที่ฉันเห็นหรือเปล่า ชมพู่ ขวัญเอื้อมมือไปดึงชายเสื้อของคนข้างๆเบาๆ ทั้งที่เจ้าตัวยังไม่ได้ละสายตาอันแสนตะลึงพรึงเพริดออกจากภาพตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย

     

    แล้วแกเห็นอะไรล่ะ? ” ถึงแม้จะอยู่ในอาการช็อคขั้นโคม่าแค่ไหน...ชมพู่ก็ยังคงนิสัยกวนบาทาอย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง...แต่ขวัญก็ขี้เกียจมาสนใจจุกจิกในเรื่องจำพวกนี้ โดยเฉพาะเมื่อมีเหตุการณ์ที่น่าตกใจ และชวนคิดมากกว่ามาอยู่ตรงหน้าในตอนนี้ ทำให้เจ้าตัวตอบคำถามกวนๆของอีกฝ่ายแต่โดยดี และไม่มีทีท่าหงุดหงิดอีกต่างหาก...ซึ่งถ้าเป็นตอนปกติอยู่ล่ะก็รับรองได้เลยว่า ต้องมีมวยเกิดขึ้นสักยก

     

    เห็นเหตุการณ์ที่เหมือนกำลังนั่งดูหนังแฟนตาซีอยู่ ตอบง่ายๆ แต่ก็ทำให้คนฟังเข้าใจคำอธิบายนั้นได้อย่างไม่ยากเย็น

     

    ถ้าอย่างนั้นฉันก็คงเห็นเหมือนแกนั่นแหละ ในเมื่อถามมาง่ายๆ ก็ตอบง่ายๆกลับไปล่ะกัน...ยัยชมพู่ครุ่นคิดในใจ

     

    แล้วแกคิดว่าพวกเราประสาทกลับหรือฝันไปหรือเปล่าวะ

     

    ฉันอยากให้มันเป็นอย่างหลัง...

    สิ้นเสียงคำตอบของชมพู่ ขวัญก็กระโจนเข้าใส่ และเขย่าตัวเธออย่างแรง แต่เจ๊อวบของเรานั้นก็ยังนิ่งค้าง ดวงตาเบิกกว้างมองภาพที่อยู่เบื้องหน้าราวคนเสียสติ ขณะที่ขวัญก็ตะโกนใส่ไอ้ชมพู่ขณะเขย่าตัวอย่างสติแตก

    ใช่!!...ต้องฝันแน่ๆ...แกช่วยบอกฉันทีซิ ว่ามันเป็นแค่ฝัน พวกเรากำลังฝันกันอยู่

     

    โป๊ก!!

    แทนคำตอบใดๆ ก็มีกำปั้นงามๆ มอบมะเหงกให้ที่หัวสวยๆของขวัญนั้น ดูสูงขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย...หญิงสาวรู้สึกเจ็บระบมจนน้ำตาเล็ดก่อนที่จะหันไปแว๊ดใส่ผู้หวังดีแต่ประสงค์ร้าย เจ้าของก้ำปั้นงามๆเมื่อครู่ในทันที

    โบตั๋น!!มันเจ็บนะ

     

    ก็ต้องให้เจ็บนั่นแหละ ถึงจะได้รู้ว่ามันไม่ใช่ฝัน สาวแมนตอบราบเรียบ...ดูท่าว่าเธอจะเป็นคนแรกที่ยังพอเรียกสติของตนกลับมาได้หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ตรงหน้าขึ้น อาจเพราะพื้นฐานของจิตใจ โบตั๋นนั้นเป็นคนที่มีความเข้มแข็ง เด็ดเดี่ยว และมีความเป็นผู้นำสูงที่สุดในกลุ่มนั่นเอง...หรือจะพูดแบบบ้านๆให้เข้าใจก็คือ มันเหมาะจะเป็นผู้ชายมากกว่าผู้หญิง...อย่างที่เรียกกันว่า ทอม...แต่นิสัยแบบนี้ก็ใช่ว่าจะเป็นเสมอไปก็ได้...บางทีน่ะนะ

     

    ถ้าไม่ใช่ฝัน...แล้วมันคืออะไรล่ะ ฟ้าพูดขึ้น สีหน้าของเธอนั้นราบเรียบ แต่ดวงตาของเธอนั้นมีความตกตะลึงเต้นเร่าอยู่ หัวใจเต้นถี่โครมครามราวกับจะประทุออกจากอก...ความกลัว ตื่นตระหนก...ทุกคนที่นั่งอยู่ตรงนั้นก็มีไม่แพ้กัน...

    อยู่ที่ว่า...ใครจะเอาชนะมันได้ก็เท่านั้น

     

    แฮ่~!!

    อสรพิษยักษ์ยังคงคำรามอย่างกึกก้องสะท้านผืนปฐพี ร่างของมันดิ้นและบิดเร้าอย่างรุนแรง โซ่เรืองแสงสีฟ้าก็ยิ่งสองแสงเป็นประกายทพร้อมกับที่โซ่เหล่านั้นเฉือนเข้าเนื้อและเกล็ดหนังของร่างยักษ์ ของเหลวสีเหลืองข้นน่าขยะแขยงก็ปะทุออกมาราวกับบ่อน้ำพุ จากเสียงคำรามแปรเปลี่ยนเป็นเสียงกรีดร้องโหยหวนชวนแสบแก้วหูจนเหล่าเด็กสาวที่อยู่เบื้องหลังมันต้องเอามือป้องหูเอาไว้ พร้อมหลับตาแน่น ในขณะที่เหล่าทหารนั้นแทบจะไม่มีปฏิกริยาอะไรกับเสียงนี้เลย

     

    ท่านหัวหน้ากองขอรับจะเอาอย่างไรกับเจ้าสัตว์อสูรตัวนี้ดี นายทหารคนหนึ่งวิ่งเข้ามารายงาน พร้อมรอรับคำสั่งจากบุรุษในชุดเกราะน่าองอาจ ซึ่งกำลังประเมินสถานการณ์ตรงหน้าด้วยความเคร่งเครียด ก่องที่เสียงทุ้มทรงอำนาจนั้นจะเอ่ยขึ้น

     

    โซ่นี้ตรึงไอ้ยักษ์นี่ได้นานแค่ไหน? ”

     

    นายทหารผู้น้อยเริ่มมีสีหน้าตึงเครียดขึ้น เหงื่อไหลออกเป็นทางยาว เพราะรู้ดีถึงฤทธิ์อาคมที่ไม่สามารถใช้ได้กับ บาซิลิสก์ สัตว์อสูรผู้เป็นข้ารับใช้แห่งเผ่า มังกรดำ ได้นานตลอดกาล เพียงแค่รั้งมันไว้ได้สักชั่วยามหนึ่งก็ถึงที่สุดแล้ว

    หากมันยังดิ้นต่อไปเรื่อยๆ แบบนี้ ก็คงไม่นานเกินอึดใจรอขอรับ

     

    ทันทีที่ได้ฟัง...บุรุษผู้นั้นก็เงียบไป ขบกรามกัดฟันแน่นด้วยความอับจนซึ่งหนทาง ก่อนที่ดวงตาของเขาจะจ้องมองเหตุการณ์ตรงหน้าต่อไป ร่างของงูยักษ์ที่ยังคงดิ้นเร่าไปมาอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย และรู้ซึ้งถึงความเจ็บปวด ทั้งๆที่ร่างของมันก็เต็มไปด้วยบาดแผล ขณะที่โซ่สีฟ้าก็ค่อยๆอ่อนแสงลงทีละนิด ทีละนิด จนแทบจะไม่ส่องประกายเรืองรองอย่างเดิม

     

    ...จะต้านไว้ได้นานแค่ไหนกัน...

     

    พลัยดวงตาคู่คมก็หันไปสบเห็นร่างของกลุ่มเด็กผู้หญิงที่กำลังนั่นเกาะกลุ่มกันแน่นราวกับกริ่งเกรงภาพตรงหน้า แต่ดวงตาของของพวกนางต่างฉายประกายประหลาด...ที่มีมากกว่าคำว่าหวาดกลัว...มีบางอย่างที่มันเหนือกว่าความรู้สึกนั้น...ซึ่งเขาก็ไม่สามารถรู้ได้

    การแต่งกายนั้นช่างประหลาดกว่าที่เขาเคยเห็นสตรีสวมใส่ แต่สิ่งที่ประหลาดกว่า...คือสี ผม และ ดวงตาของพวกนาง

    ...สีดำ...สีแห่งความชั่วร้าย สีแห่งแม่มด...

    ... แต่ในทางกลับกัน มันก็เป็นสีแห่งความศักดิ์สิทธิ์ สีแห่งเทพธิดาผู้กอบกู้แห่งพระเจ้า...แต่มันก็มีแค่ในตำนานเท่านั้น...

    อย่างไรก็ตามแต่...หากปล่อยไว้เช่นนั้นโดยไม่ทำอะไรสักอย่าง ก็คงไม่ดีเป็นแน่แท้

    พยายามต้านไว้ให้นานที่สุด...จนกว่าพวกเขา จะมา...ระหว่างนั้น พวกเจ้าต้องรีบช่วยตัวประกันที่อยู่ด้านหลังของบาซิลิสก์ออกมาก่อนที่เขตอาคมจะพังทลาย

    แต่พวกนาง... เป็นมนุษย์นะขอรับ

     

    เพียงแค่ได้ยินดังนั้นนายทหารชั้นผู้ใหญ่ก็หันมา ก่อนเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด

    จะมนุษย์ หรืออะไรก็ช่างมัน!!...ชีวิตก็คือชีวิต เมื่อเจ้าเห็นชีวิตที่เจ้าสามารถให้ความช่วยเหลือมันได้อยู่ต่อหน้า เจ้าก็จะยังไม่แยแสมันอีกอย่างนั้นรึ!!หากเป็นตัวเจ้าที่ตกอยู่ในสถานการณ์นั้นเสียเองเจ้าจะรู้สึกเยี่ยงไรกัน!!  ”

    นายทหารผู้นั้นต้องก้มหัวต่ำอย่างยอมรับความผิดในสิ่งที่ตนคิดไป ก่อนจะรีบขออภัย พร้อมกับค้อมตัวลงน้อมรับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชา แล้วรีบวิ่งไปบอกเหล่าทหารนายอื่นๆทันที

     

    เปรี๊ยะ เปรี๊ยะ!!

    เสียงคล้ายกับบางอย่างแตกกระจายออกจากกัน เรียกให้ร่างของนายทหารทุกร่างต้องหยุดนิ่งอยู่กับที่ ตาเบิกกว้างอย่างตื่นตระหนก โดยเฉพาะนายทหารผู้มียศสูงกว่าใครในที่นี้นั้นตาเบิกกว้างยิ่งกว่าใครอื่น...

    เสียงแห่งหายนะ...มันมาเร็วกว่าที่คาดไว้นัก...

     

    โซ่สีฟ้าที่เรืองแสงริบหรี่ค่อยๆมอดแสงดับลงไป จนกลับกลายเป็นโซ่ยักษ์ธรรมดา ร่างยักษ์ที่นอนหายใจรวยรินหมดสภาพค่อยๆสมานบาดแผลอย่างช้าๆ ของเหลวสีข้นไหลย้อนกลับไปที่บาดแผลซึ่งกำลังสมานตัวกันจนสนิท...ไร้ซึ่งรอยขีดข่วนใดๆ และเป็นภาพที่ทำให้ผู้พบเห็นต่างตกใจกันถ้วนหน้า

     

    ...เป็นไปไม่ได้...มันเร็ว...เร็วเกินไปจนผิดปกติ...

    ชายหนุ่มครุ่นคิดอย่างสงสัย และตกใจในคราเดียวกัน ดวงตาคู่คมเบิกมองภาพตรงหน้าราวกับไม่อยากจะเชื่อ

    ร่างของอสรพิษเกล็ดสีเขียวเข้มมรกตกำลังคืนสภาพอย่างช้าๆ แต่รวดเร็วในความคิดของเขา ดวงตาที่เคยปิดสนิทกลับเบิกกว้าง ทว่า...แทนที่จะเป็นดวงตาส่องประกายสีเหลืองอำพัน มันกลับเป็นดวงตาที่ส่องประกายแสงสีแดงฉานดุจหยาดโลหิตออกมา หากไม่ได้คิดไปเอง ดวงตาคู่นั้นมันเต็มไปด้วยจิตสังหารแรงกล้ากว่าที่ผ่านๆมา...ราวกับว่าไม่ใช่ของสัตว์อสูรตัวเมื่อครู่ที่ถูกพันธนาการอยู่...

    ร่างยักษ์นั้นสะบัดตัวอย่างรุนแรง กระแทกเหล่าทหารนับสิบกระเด็นไปต่างทิศ มันสะบัดตัวเพียงสอง สามครั้ง โซ่ที่พันธนาการมันไว้ ก็แตกละเอียดเป็นผุยผง ลอยไปกับอากาศธาตุ...เหล่าทหารพากันแตกฮือและตระหนก ก่อนที่ทุกคนจะง้างธนูไม้ขึ้นมา และยิงออกไปยังร่างยักษ์นั้นพร้อมๆกัน

    สัตว์อสูรปรายตาสีแดงมองมาเล็กน้อยก่อนจะใช้หางของมันสะบัดห่าฝนธนูจนหักกลายเป็นเศษไม้ธรรมดาไป แล้วจึงใช้หางฟาดไปยังเหล่าทหารพวกนั้นอย่างไม่ปราณี มันแยกเขี้ยวขู่ฟ่อ ฟ่อ พร้อมกับกู่ร้องคำรามออกมาอย่างบ้าคลั่ง ดวงตาสีแดงฉานเปล่งประกายทุกครั้งที่มันร้องกู่ก้อง

     

    หวา!! ไหงมันร้ายกว่าเก่าวะเนี่ย ชมพู่ที่เริ่มมีสติขึ้นมาบ้างแล้วพูดขึ้นพร้อมกับที่เริ่มพยายามกระเถิบตัวเบียดไปชิดคนอื่นเรื่อยๆ...

    อ๋อ มันกลัวนี่เอง...

     

    เฮ้ย!! เจ๊ แกเบียดฉันมากไปแล้วนะโว๊ย หายใจไม่ออก กัญประท้วงขึ้นขณที่กำลังโดนแผ่นหลังชมพู่มันเบียดเข้ามาจนจะชนกับต้นไม้ยักษ์อยู่แล้ว...ก่อนที่ไอ้ชมพู่มันจะหันมาขอโทษขอโพยเสียยกใหญ่...สงสัยความกลัวขึ้นสมองไปอยู่แทนที่ไขมันส่วนเกินทั้งหลายแหล่ของมัน จนทำให้มันรู้จักขอโทษคนอื่นเป็นก็วันนี้แหละ

     

    ทำไมจู่ๆมันอาละวาดขึ้นมาได้ล่ะเนี่ย ฟ้าพูดบ้างหลังจากที่เงียบไปนาน ดวงตาสีดำมองภาพงูยักษ์กับคนในชุดประหลาดที่กำลังต่อสู้กันไปมาอย่างดุเดือด...และดูท่าฝ่ายที่ได้เปรียบก็น่าจะเป็นเจ้างูยักษ์นั้นเสียมากกว่า

     

    ใช่...มันต้องมีอะไรสักอย่าง...

    อิ๋งที่เงียบมานานไม่แพ้กันกำลังมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความสงสัยเสียเต็มประดา...ตั้งแต่เรื่องที่จู่ๆก็มาโผล่ที่นี่ งูยักษ์ นักรบโบราณ และการต่อสู้ของสัตว์อสูรกับนักรบพวกนั้น...

    มีแต่เรื่องเหลือเชื่อจริงๆ ถ้าดูหนังในโรงน่ะพอยอมรับ แต่นี่มัน เหตุการณ์ที่เมคกันสดๆตรงหน้านี่มานอารายก๊าน!!

     

    แล้วนายนักรบที่ดูท่าจะมียศสูงกว่าใครในที่นี้ก็ชักดาบยาวที่เหน็บข้างเอวขึ้นมาพร้อมกับวิ่งเข้าไปหาร่างอสรพิษนั้นอย่างไม่กลัวเกรง แต่ว่า แทนที่จะเป็นการวิ่งแบบธรรมดา มันก็มีบางสิ่งที่แปลกออกไป น่าตกตะลึง และเกินกว่ายอมรับ จนเธอและผองเพื่อนต่างเบิกตาค้างยิ่งกว่าเดิม

    ปีกค้างคาวสีดำขนาดยักษ์ค่อยๆแผ่สยายออกมาจากกลางหลังที่มีผ้าคลุมสีแดงเข้มโบกสะบัด มันทั้งดูแข็งแรงองอาจ และใหญ่เกินกว่าปีกค้างคาวที่เคยเห็น...และมันก็เป็นสิ่งที่บ่งบอกได้ว่า คนพวกนั้น ก็ไม่ใช่มนุษย์...

    ปีศาจ...สิ่งมีชีวิตที่ไม่น่าจะมีตัวตนอยู่จริง!!

     

    ปีกสีดำทะมึนพาร่างของชายหนุ่มให้ลอยตัวสูงขึ้นจนมาถึงระดับเดียวกับดวงตาของอสรพิษที่ผงกหัวสูงเฉียดฟ้า ดวงตาสีแดงส่อประกายมุ่งร้ายของมันกำลังปะทะกับดวงตาสีแดงที่ลุกโชติช่วงไม่แพ้กัน แต่ดวงตาของเขาผู้นั้นช่างดูเยือกเย็นดุจน้ำแข็ง

    ชายหนุ่มง้างดาบในมือขึ้นสูงก่อนฟาดฟันลงมายังหัวของอสรพิษ...ทว่าทันทีที่ดาบปะทะกับผิวเกล็ด ก็ราวกับว่ากระแทกอยู่กับภูเขาหินขนาดยักษ์ ไม่เกิดความสะทกสะท้านหรือรอยขีดข่วนแม้แต่นิดเดียว...ชายหนุ่มกัดฟันกรอดอย่างเจ็บใจ ก่อนที่จะลงคมดาบอย่างหนักหน่วงและไม่ยั้งมือไว้อีกต่อไป...ทว่า...งูยักษ์ที่เริ่มรู้สึกคล้ายๆกับจะรำคาญก็ยกหางของตนขึ้นสูงแล้วฟาดไปยังร่างของนักรบผู้นั้นอย่างสุดแรง นักรับผู้ทุ่มเทกับการโจมตี หาได้สนใจการป้องกันตนไม่...เป็นเหตุให้ร่างของเขาถูกแรงเหวี่ยงกระแทกเข้าอย่างจัง

    ร่างสูงลอยตัวไปจนกระแทกกับต้นไม้ยักษ์ แรงกระแทกนั้นส่งผลให้ชายหนุ่มกระอักเลือดออกมา

     

    อั่ก!!

     

    โลหิตสีดำเข้มพุ่งออกผ่านทางริมฝีปาก พร้อมกับที่ร่างของเขาค่อยๆไถลลงไปตามแนวแรงโน้มถ่วง จนมาหยุดอยู่ที่โคนรากของลำต้น  เขาพยายามยันกายตัวเองขึ้น แต่ด้วยความบอบช้ำที่ได้รับมานั้นทำให้เขาขยับร่างกายไม่ได้ดั่งใจนึกเท่าไรนัก

    นักรบผู้โง่เขลาของ อารอนเนส เอ๋ย...อย่าได้กระทำการที่เปล่าประโยชน์เลย...ถึงเจ้าจะโจมตีมาสักเท่าใด ก็ไม่มีผลหรอก เสียงเย็นเยียบดังขึ้นเรียกความประหลาดใจให้เกิดขึ้นกับเหล่าผู้ยังคงจับต้นชนปลายไม่ถูก แต่สำหรับชายหนุ่ม...เขาไม่มีทีท่าแปลกใจแต่อย่างใดเลย

    ชายหนุ่มกัดฟันแน่น ดวงตาแข็งกร้าวจ้องมองไปยังดวงตาสีแดงโลหิตของอสรพิษยักษ์ ที่จ้องมองมายังเขาอย่างแน่นิ่ง ราวกับว่ากำลังมองดูเหยื่อที่ไร้ทางสู้ตะเกียดตะกายหาหนทางรอด ก่อนที่จะถูกขย้ำสด

     พลังของเจ้านั้นแข็งแกร่งจนน่ายกย่อง...ทั้งดุดัน และ เข้มแข็ง...ทว่า...   มันหยุดคำกล่าวนั้น พร้อมกับที่ดวงตานั้นมองมาราวกับจะสมเพชเย้ยหยัน ก่อนกล่าวสำทับต่อ อย่างไรเสีย...ข้านั้นก็ยังเหนือกว่าเจ้าอยู่หลายขุม..เจ้าหนู!!

    อสรพิษยักษ์ผงกหัวขึ้นสูงอีกครั้ง ก่อนที่มันจะพุ่งตรงมายังเขา เรียวปากของมันอ้าขึ้น หยาดน้ำข้นสีขาวกระจายไปทั่วโพรงปากเขี้ยวขาวววาววับแยกออก ลิ้นสองแฉกสะบัดไปมาราวหิวกระหายในรสเลือดและเนิ้อของเหยื่อตรงหน้า

     

    ทำอะไรอยู่น่ะ! รีบหนีไปซิ!! อิ๋งเผลอร้องเตือนตะโกนเสียงดังลั่นด้วยความโมโห ที่เห็นอีกฝ่ายยังคงนั่งนิ่งไม่ไหวติง ท่ามกลางความตกใจของเพื่อนๆที่มองมาทางเธออย่างไม่เข้าใจว่า เจ้าหล่อนไปมีอารมณ์ดุดันแบบนี้มาจากไหน

    และดูท่าเสียงของเธอจะขาดประสิทธิภาพในการสื่อสารเพราะไม่ยอมเปลี่ยนมาใช้ วัน ทู คอล ( เกี่ยวตรงไหนฟระ ) หรืออย่างไรไม่ทราบที่เธอตะโกนไปด้วยเสียงอันดังสนั่น ขนาดช้างทั้งโขลงยังแตกตื่น...แต่ไอ้ชายหนุ่มที่กำลังตกเป็นเหยื่อของเจ้าสัตว์ยักษ์ กลับยังนิ่งเฉย ราวกับเสียงของเธอนั้นเป็นแค่เสียงนกกาที่มากระทบเข้ารูหู

    ...โว้ยย!! ไอ้บ้านั่นอยากกลายเป็นอาหารงูยักษ์รึไงกัน!...

     

    ชายหนุ่มผู้นั้นยังคงนั่งนิ่ง ดวงตายังจับจ้องร่างของอสรพิษที่กำลังพุ่งเข้ามา รอยยิ้มเหี้ยมประหลาดปรากฎขึ้นบนมุมปากใต้หมวกเกราะของเขา โดยไม่มีใครสังเกตเห็น...แต่นั่นไม่ใช่กับอิ๋ง...เธอเห็น...แววตาที่เปลี่ยนไปจากเดิมของเขา และเพียงชั่วครู่นั้น หากเธอตาไม่ฝาดดวงตาคมคู่นั้นลอบมองมาทางเธอ ก่อนที่จะละออกไป จนแทบสังเกตถึงความผิดปกติไม่ได้

    ฟรีนส์เฟรม... เสียงทุ้มเปรยเพียงแผ่วเบา

     

    พรึ่บ!!

    ฉับพลันเปลวเพลิงสีฟ้าก็เข้าครอบคลุมทั่วร่างยักษ์ที่กำลังพุ่งตรงเข้ามา เจ้างูยักษ์ส่งเสียงกรีดร้องแหลมอีกครั้งจนเหล่าทหาร และ พวกเธอต้องยกมือขึ้นปิดหู ร่างของมันดิ้นพล่านไปมาอย่างทรมานจากการถูกแผดเผา อีกทั้งเปลวเพลิงสีฟ้าก็มีทีท่าว่าจะไม่มอดดับลงง่ายๆ

    ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างโล่งอกเปลาะหนึ่ง ก่อนที่เขาจะกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง เลือดสีเข้มสาดกระเซ็นไปทั่วร่าง พร้อมกับที่ร่างสูงของเขานั้นเริ่มจะพิงกับต้นไม้อย่างอ่อนแรง เปลือกตาเริ่มหนักอึ้งลงเรื่อยๆ

    ...มาได้แค่นี้ซินะ...

    ....เล่นใช้บทเวทชั้นสูง...พลังชีวิตก็ถูกดูดไปในปริมาณมากพอๆกัน...

    ดวงตาสีแดงที่กำลังปิดลงนั้นมองไปยังภาพเบื้องหน้า อสุรกายยักษ์ที่กำลังดิ้นพล่านในเปลวเพลิงสีฟ้า...เขารู้ดี อีกไม่นานเวทนี้ก็จะถูกทำลายลง...และเเมื่อถึงเวลานั้น เขาก็เตรียมบอกลาโลกได้เลย

    ...หากมันหลุดออกมาอีกครั้ง พลังที่จะต่อกรกับมันก็ไม่เหลือแล้ว...

    ยิ่งครุ่นคิดไปเรื่อยเปื่อย เปลือตาก็ค่อยๆปรือปิดลงอย่างช้าๆ ดั่งผู้ที่จะกำลังดำดิ่งเข้าสู่ห้วงนิทรา

     

    เฮ้!! นี่คุณ คุณ เป็นอะไรหรือเปล่า! นี่ คุณ... เสียงหวานปริศนาดังขึ้นข้างๆหู จนเขาอดไม่ได้ที่จะลืมตาขึ้นมา  

    สิ่งแรกที่ได้เห็นทำเอาดวงตาของเขาเบิกกว้างอย่างตกใจ ใบหน้าของเด็กสาวชาวมนุษย์ ผู้มีเรือนผม และดวงตาสีดำขลับราวกับนิลมณีมาอยู่ตรงหน้าเขา ที่สำคัญ ไม่ใช่เพียงแค่เด็กคนนี้เพียงคนเดียว...แต่รวมถึงเหล่าสหายของนาง ทีกำลังยืนมองเขาด้วยความเป็นห่วง ระคนงงงวย

    ...งดงามจริงๆ...

    นั่นเป็นความคิดแรกที่โผล่เข้ามาในหัวของชายหนุ่มแทบจะทันที แรกเริ่มที่เขาเห็นพวกนางนั้น เพียงแค่ผ่านสายตา และพอรู้ถึงลักษณะการแต่งกายคร่าวๆไปเท่านั้น แต่พอได้มาเห็นใกล้ๆแบบนี้...ถึงได้รู้ว่ารูปพรรณสัณฐานของพวกนางเป็นเช่นไร...

    แม้เนื้อตัวจะมอมแมมไปบ้าง...แต่ก็หาได้สร้างความด่างพร้อยให้กับพวกนางเลยแม้แต่น้อย

    นี่คุณ! ถ้ายังไม่เป็นไรมากล่ะก็ ช่วยตอบรับหน่อยสิค่ะ คุณ อิ๋งที่อยู่ตรงหน้าชายหนุ่มร้องถามขึ้น ดวงตาสีดำขลับกลมหวาน หลังแว่นตา กำลังมองมาที่เขาอย่างเป็นห่วง ระคนกับความรู้สึกระอานิดๆที่ปากเปียก ปากแฉะเป็นสิบรอบ แต่ไอ้คนตรงหน้าเธอเนี่ยมันปิดปากเงียบเหมือนกับโดนคนเอากาวทาช้างมาทาปาก ทำให้เธออดที่จะรู้สึกเซ็งๆไม่ได้  

     

    อิ๋ง คนเขากำลังเจ็บอยู่ จะให้มีแรงมาตอบแกอย่างกระตือรือร้น ได้ไงกันย่ะ!! น้ำเสียงแหลมหวานของแม่คุณชมพู่ของเรานั้นดังขึ้นนเบื้องหลัง จนเเธอแทบปิดหูไม่ทัน ก่อนที่สาวเจ้าจะหันไปมองอีกฝ่ายที่ตะโกนใส่อย่างเอาเรื่อง

     

    นี่! ป้า ฉันไม่ได้หูหนวก...และขอความกรุณาลดดีกรีเสียงแปดหลอดของแกลงหน่อย...เพราะมันจะดีต่อสวัสดิภาพทางโสตประสาทของคนอื่นขึ้นเยอะเลย เธอตอบกลับอย่างอารมณ์ขึ้นนิด สายตาตอนนี้เรียกได้ว่า สามารถฆ่าคนได้ทีเดียว ส่วนชมพู่ที่ไม่อยากต่อความมากก็ได้แต่มองอีกฝ่ายอย่างเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน

    มันเป็นภาพที่คุ้นตาสำหรับคนอื่นๆ...ซึ่งตอนนี้เริ่มออกอาการเบื่อหน่าย กับรายการ วาไรตี้ทอล์คโชว์แบบดุเดือด ที่มักเกิดขึ้นในกลุ่มเป็นประจำ

    ทว่า...สำหรับบุรุษผู้ไม่ได้รู้ในข้อเท็จจริงนี้มาก่อน จึงได้แต่มองสองสาวตรงหน้าอย่างอึ้งๆ

    แตกต่างจากสตรีทั่วไปที่เขารู้จักโดยสิ้นเชิง...สตรีเหล่านั้น ล้วนเป็นหญิงที่เรียกว่าเพียบพร้อมทั้งในเรื่องกริยามารยาท และการพูดจา

    แต่ว่า...เด็กสาวพวกนี้นั้น...

     

    แม้มีความงามไม่เป็นสองรองใคร...ทว่า คำว่ากุลสตรี ก็ยังห่างไกลเกินใช้กับเด็กพวกนี้...

     

    ขณะที่กำลังคิดไปเรื่อยเปื่อยเมื่อมองมายังภาพตรงหน้าของสองสาวที่กำลังส่งสายตาเขม่นกันราวกับจะเผาอีกฝ่ายเสียเต็มประดา  พลัน ดวงตาสีแดงชาดก็เหลือบไปเห็นบางสิ่งตรงหางตา...

    เบื้องหลังของเหล่านักรบในชุดเกราะทีกำลังวิ่งเข้ามาหาเขานั้น เปลวเพลิงสีฟ้ายังคงโชติช่วง ทว่า ดวงตาสีแดงฉานคู่นั้นเจิดจ้ากว่าครั้งที่ผ่านๆมา...

    พวกเจ้าหนีไปซะ... น้ำเสียงทุ้มเบาๆเล็ดลอดออกมาให้ได้ยิน พอที่อีกเจ็ดคนซึ่งอยู่ตรงหน้าสามารถรับรู้ได้

    นัยน์ตาของอิ๋งฉายแววแปลกใจ และ แสนจะงงงวย เธอตั้งท่าที่จะถามให้รู้แล้วรู้รอด แต่ว่าเมื่อเห็นดวงตาคู่คมนั้นมีแต่ความแข็งกร้าว ทำให้คำพูดนั้นกลืนหายไปในลำคอทันที...และดวงตานั้น มันก็ยังจ้องมองผ่านตัวเธอไป

     

    ฮะ...เฮ้ย! นั่น... เสียงสั่นๆของขวัญที่ดังขึ้นทำให้เธอต้องตื่นจากภวังค์ทันที เด็กสาวหันไปมองเพื่อนอีกหลายคนที่บัดนี้มีอาการเกร็ง หน้าซีด โดยเฉพาะขวัญ ที่นิ้วชี้ยังคงค้าง...ชี้ไปยังเบื้องหน้า...

    ร่างของอสุรกายยักษ์ที่ค่อยฟื้นตัวพงกหัวขึ้นอย่างช้าๆ ทั้งๆที่เปลวเพลิงสีฟ้ายังคงลุกโชน ดวงตาของมันส่องประกายจ้าราวกับหยาดโลหิต

    ...เสาร็จกัน!!...

    งูยักษ์สะบัดหัวเพียงครั้งเดียว เปลวเพลิงสีฟ้าก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย...เช่นเดียวกับผิวเกล็ดของมันที่ไร้ซึ่งบาดแผลใดๆอย่างที่ควรเป็น

    ดวงตาของมันจ้องมองมาทางร่างของชายหนุ่มอย่างเคียดแค้น ซึ่งชายหนุ่มผู้นั้นก็จ้องตอบไปอย่างไม่ยี่หระ

     

    แก!!! เจ้านักรบโอหัง  ข้าจะไม่ให้แกได้ตายดีแน่~!!!  ” งูยักษ์ตนนั้นคำรามขึ้นอย่างกึกก้องเปลวเพลิงสีฟ้ามลายหายไป ดวงตาสีโลหิตส่องแสงเรืองรองด้วยความเกรี้ยวกราด ร่างยักษ์สะบัดลำตัวไปทั่วบริเวณ ราวกับต้องการจะทำลายทุกอย่างให้พินาศสิ้น

    ร่างกายของอสรพิษยักษ์เริ่มมีการเปลี่ยนแปลง ไปจากเดิม ลำตัวขอดเกล็ดของมันแผ่รังสีออร่าสีทะมึนออกมา จนกดดันบรรยากาศโดยรอบจนหมด ลำตัวสีเขียวเหลือง เปลี่ยนเป็นสีดำมะเมื่อมทั้งตัว บางสิ่งที่คล้ายกับพังผืดได้กางออกมาจากบริเวณลำคอของมัน พร้อมส่งเสียงกู่ร้องแสบแก้วหูสั่นสะเทือนไปทั่วอาณาบริเวณ

     

    งูพันธ์ใหม่รึไงวะนั่น! ” กัญที่เห็นเช่นนั้นก็ถึงกับอุทานเสียงหลงออกมาเลยทีเดียว ส่วนคนอื่นๆก็แข็งค้างไปเรียบร้อยแล้ว เว้นก็แต่เพียงชายหนุ่มนักรบที่นั่งพิงต้นไม้ใหญ่นั้น ร่างสูงขบฟันแน่น ก่อนสบถออกมาอย่างหัวเสีย

     

    จงหายไปซะ พวกแกทั้งหมดนี่แหละ!!! ”  อสรพิษคำรามออกมา พร้อมกับปล่อยอะไรบางอย่างที่คล้ายกับแส้ขอดเกดล็ดสีดำ จากบริเวณพังผืด แล้วสะบัดไปโดยรอบอย่างบ้าคลั่ง ต้นไม้สูงใหญ่ทั้งหมดราวกับเป็นแค่เศษไม้ที่แตกหักได้โดยง่าย ล้มระเนระนาดกระจัดกระจายอยู่เต็มพื้นไปหมด  ทุกสิ่งทุกอย่างกำลังถูกทำลายล้าง พื้นปฐพีแยกออกแตกเป็นฝุ่นชิ้นเล็กชิ้นน้อยอยู่กลางอากาศ ทั้งยังสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงจากความพิโรธของอสูรร้ายตนนั้น

    ต้องหนีเท่านั้น!!!...

    ความคิดนี้ดังขึ้นในหัวของอิ๋งอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อเธอประเมินผลว่าสถานการณ์มันเลวร้ายถึงที่สุด และเธอก็เชื่อว่าเพื่อนของเธอก็คงคิดแบบเดียวกับเธอเช่นกัน

    เด็กสาวทั้งเจ็ดยังคงตระหนกกับเหตุการณ์เบื้องหน้า….ให้ตายเถอะถ้าหากนี่เป็นความฝัน มันก็คงเป็นฝันที่เลวร้ายที่สุด ในรอบ 16 ปีที่เกิดมาเลยทีเดียว!

     

    หนีกันก่อนเถอะ! ฟ้า แกมาช่วยฉันแบกคนเจ็บเร็ว!!!  ” อิ๋งพูดขึ้นกับทุกคน ไม่พูดพล่ามทำเพลง เจ้าหล่อนก็รีบไปพยุงร่างสูงที่นั่งอยู่เบื้องหลัง ทำเอาคนถูกช่วยนั้นมองเธอด้วยความรู้สึกพิกลยิ่งนัก

    เจ้า!? ”

     

    อย่าเพิ่งพูดอะไรตอนนี้ถ้าจะถามว่าทำไมถึงช่วยทั้งๆที่ยังไม่รู้จักกัน คำตอบคือ ไม่รู้ ’…   ” เสียงหวานเอ่ยขึ้นทั้งๆที่ยังไม่ได้หันไปมองคนฟัง เพราะเธอยังคงเอาแต่จ้องมองอสุรกายตรงหน้าราวกับกำลังครุ่นคิดหาวิธีที่จะหนีออกจากสถานการณ์เลวร้ายนี้ไปให้ได้

    ร่างสูงกว่าก้มมองเด็กสาวตรงหน้าอย่างประหลาด ขณะเดียวกับที่เขารู้สึกได้ถึงอาการสั่นๆจากร่างเล็กนั้นทั้งที่กลัวจนตัวสั่นขนาดนี้แต่เด็กสาวผู้นี้ยัง

    ฟ้ารีบเข้ามาช่วยอิ๋งพยุงร่างสูงกว่า แล้วพยายามที่จะพยุงร่างนั้นออกจากบริเวณนี้ให้เร็วที่สุด

     

    พวกเจ้า ปล่อยข้าไว้ซะมันจ้องเล่นงานข้า  ไม่เกี่ยวกับพวกเจ้าเลยซักนิด ร่างสูงพยายามเอ่ยขึ้น น้ำเสียงของเขาฟังดูอ่อนแรงจนน่าใจหาย

     

    จะบ้ารึเปล่าค่ะ! จะให้พวกเราปล่อยคนเจ็บ ทั้งๆที่เห็นอยู่ตำตาแบบนี้เนี่ยนะ คราวนี้ยัยฟ้าแหวขึ้นบ้าง ดวงหน้าหวานเริ่มฉายแววหงุดหงิดพอๆกันกับเพื่อนสาวอีกคน ก่อนที่ทั้งสองคนจะพยายามพยุงร่างที่สูงกว่าตนวิ่งตามคนอื่นๆไป แต่มันก็ยังไม่เร็วทันใจเท่าที่ควร อาจเพราะ แผ่นดินไหว ความสมดุลของร่างกาย ประกอบกับร่างสูงอยู่ในชุดเกราะหนักอึ้ง( สำหรับพวกเธอ )อีกต่างหาก

     

    ปล่อยข้าลงซะไม่งั้นพวกเจ้าทุกคนจะเดือดร้อน…  ”

     

    เงียบไปเลยยยย!!! ” สองเสียงตวาดแหวพร้อมกันขัดไม่ให้เขาได้พูดจนจบ  ทั้งที่ยังไม่หันหน้าไปมองเขาด้วยซ้ำ ทำเอาชายหนุ่มถึงกับใบ้รับประทานให้ตายเถอะ ตั้งแต่เกิดมา ยังไม่มีอิสตรีใดนอกเหนือจากมารดาที่กล้าขึ้นเสียงใส่เขาถึงเพียงนี้เลยนะ!!!

    ... คิดๆแล้ว ก็อดขำไม่ได้เลยจริงๆแฮะ

     

    อิ๋ง ฟ้า เร็วๆเข้า!!! ” ขวัญส่งเสียงเร่งเพื่อนทั้งสองที่กำลังตามหลังมา ด้วยสภาพทุลักทุเล ก่อนจะเบิกตากว้างอย่างห้ามไม่อยู่

    ดวงตาสีโลหิตของอสูรร้ายตนนั้นอยู่ห่างจากหลังของพวกเพื่อนเธอทั้งสองไปเพียงไม่กี่อึดใจเท่านั้น!!!

     

    อิ๋ง! ฟ้า! ข้างหลัง!!! ” ขวัญรีบตะโกนทันที ทำให้ทั้งสองถึงกับผงะ รีบหันไปมองเบื้องหลังทันที  ดวงตาสีแดงดุร้ายนั้นจ้องมายังพวกเธอเขม็ง

     

    แย่แล้ว!...

     

    อสรพิษยักษ์คำรามกึกก้อง มันผงกหัวขึ้นสูงปล่อยแส้ขอดเกล็ดออกมาอย่างฉับพลัน และ เป้าหมายของมันคือ ตรงนี้!!!

    ร่างสูงที่ถูกแบกอยู่นั้นกัดฟันแน่น เตรียมจะใช้พลังเวทย์ และ พลังชีวิตที่เหลือน้อยนิดนั้นจัดการเจ้าสัตว์ร้ายเบื้องหน้า

    อย่างน้อยๆก็ขอแค่สร้างหนทางหนีที่ไล่ไปตั้งหลักได้ก่อนก็พอ!

     

    พลั่ก!

    ยังไม่ทันที่เขาจะได้ร่ายเวทย์เสร็จสมบูรณ์ ร่างของเขาก็ถูกผลักออกไปให้พ้นรัศมีการโจมตี ร่างสูงเบิกตากว้าง เมื่อเห็นสองร่างที่พยุงเขาเมื่อครู่นั้นถูกแส้ขอดเกล็ดสีดำนั้นพันธนาการทั่วร่าง!

     

    กรี๊ด~!

    เด็กสาวทั้งสองกรีดร้อง เมื่อสิ่งที่พันธนาการพวกเธอนั้นดึงตัวของพวกเธอขึ้นสูงเฉียดฟ้าแล้วสะบัดไปมาอย่างบ้าคลั่ง

    อิ๋ง! ฟ้า! ”  พวกขวัญ ต่างร้องขึ้นอย่างเสียขวัญ เมื่อเห็นเพื่อนทั้งสองของตนถูกเจ้าอสูรร้ายนั้นพันธนาการไว้ แล้ว ถ้าหากพวกเธอคาดเดาถูกต้อง ไม่ช้าก็เร็วเพื่อนทั้งสองของเธอต้องลงไปอยู่ในท้องเจ้างูยักษ์นั่นแน่นอน!!!

     

    ปล่อยพวกนาง! เป้าหมายของเจ้าคือข้าไม่ใช่เหรอ!!! ” ร่างสูงในชุดกราะพยายามประคับประคองร่างอันบอบช้ำของตนไว้แล้วเอ่ยขึ้นอย่างแข็งกร้าว ดวงตาคมเข้ม ที่อยู่ภายใต้หมวกเกราะฉายแววเกรี้ยวกราดออกมาถ้าเขารู้ตัวเร็วกว่านี้ล่ะก็คงไม่เป็นแบบนี้แน่

    อสรพิษยักษ์เพียงแต่ปรายสายตามองอย่างดูแคลน

     

    หึ แค่จะพยุงตัวไว้ยังลำบากเลย อย่าทำปากเก่งนักเลย

    พร้อมกันนั้นก็ยกสองร่างที่ถูกพันธนาการขึ้นไว้เหนือศีรษะ  แล้วเพิ่มแรงบีบรัดแน่นขึ้น จนทั้งสองร่างถึงกับร้องออกมาอย่างเจ็บปวด จนคนอื่นๆถึงกับกัดฟันอย่างเจ็บแค้น

     

    อ๊า~!!!”  

     

    ทำไงดี สองคนนั่นมันโดนจับอยู่นะ! ” กัญพูดขึ้นอย่างร้อนรน พร้อมกับเขย่าแขนโบตั๋น ที่กำลังควบคุมสติไว้ให้มั่น คิดหาทางช่วยเพื่อนรักทั้งสองจนหัวแทบจะระเบิด สาวสวยร่างโปร่งกัดฟันแน่นอย่างอับจนหนทาง

     

    นี่เรา จะต้อง มาตายแบบนี้เรอะ

    ประโยคนี้ดังก้องไปมา ท่ามกลางสติที่กำลังพร่าเลือนทีละน้อย ความเจ็บร้าวแล่นพล่านไปทั่วร่างจนรู้สึกทรมานไปหมด

    แล้วจู่ๆก็รู้สึกว่าร่างทั้งร่างถูกกระชากอย่างแรง เมื่อค่อยๆพยายามลืมตาขึ้นนั้น ดวงตาอสรพิษสีแดงฉานโหดร้าย จับจ้องเธอนิ่ง ด้วยแววมาดหมาย และ กระหายหิว

     

    ข้าไม่ได้มีความแค้นส่วนตัวกับเจ้าหรอกนะ สาวน้อย แต่การที่พวกเจ้าเข้ามาก้าวก่ายการสังหารของข้าเจ้าก็ถือเป็นตัวเกะกะที่ข้าต้องกำจัด  เสียงของอสรพิษนั้นดังก้องไปมาในสมอง พร้อมกับที่เธอเห็นอสุรกายนั้นอ้าปากกว้างเผย คมเขี้ยวขาววาววับแหลมคมคู่นั้นที่แค่ออกแรงกัดทีเดียวกระดูกคงแหลกละเอียดเป็นผงแน่นอน มาอยู่ในโลกที่ไม่รู้จัก แถมยังมาถูกสัตว์ประหลาดเขมือบเพราะช่วยคนที่ไม่รู้จักไว้อีกต่างหาก

     

    ช่วยคนอื่นได้แต่ตัวเองดันซวยเองงั้นเหรอเนี่ย

     

    ยิ่งคิดก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะในความโง่เง่าของตนเองหางตาเหลือบเห็นฟ้าที่ตกอยู่ในสภาพเดียวกันกับตน แล้วกำลังเค้นเสียงก่นด่าเจ้าอสุรกายยักษ์นั้นอย่างสุดความสามารถ ส่วน เพื่อนๆที่เหลือของเธอที่อยู่เบื้องล่างนั้น กำลังขวัญเสียอย่างหนัก แถมยังสบถด่าออกมาจนฟังไม่ได้ศัพท์ เมื่อเห็นร่างของเธอกำลังถูกเจ้าอสุรกายนั้นเขมือบทั้งเป็น

     

    ขอโทษนะทุกคนที่ฉันพาทุกคนมาเจอเรื่องแบบนี้ขอโทษจริงๆ

     

    ดวงตาสีน้ำตาลใต้กรอบแว่นเริ่มสั่นไหว หยาดน้ำใสคลอหน่วยทิ้งตัวลงมาอาบแก้ม ความรู้สึกที่เรียกว่า หวาดกลัวเข้าเกาะกุมจิตใจจนร่างทั้งร่างสั่นระริกใช่  เธอ กำลังกลัว  สิ่งที่เรียกว่า ความตาย ’ …

    เบื้องหน้านั้น เธอกำลังค่อยๆถูกยกขึ้นให้เข้าไปในปากของอสูรร้ายนั่นกลิ่นลมปากคาวร้อนจนน่าคลื่นเหียน บ่งชัดถึงสิ่งที่เธอต้องเผชิญ

    อสรพิษร้ายคำรามอย่างหฤหรรษ์ ในขณะที่สาวน้อยค่อยๆหลับตาลง ยอมรับสิ่งที่จะเกิดในไม่ช้านี้

    อย่างน้อยก็ขอให้ความตายนี้ไม่ทรมานมากนัก

     

    “  DARK  ELUSION ”

     

    เสียงทุ้มเสียงหนึ่งดังก้องกังวาน พร้อมกับที่ ลำแสงสีดำนับสิบพุ่งจากฟากฟ้าลงมายังร่างใหญ่ยักษ์ของอสุรกายยักษ์ แล้วปล่อยกระแสไฟฟ้าสีแดงพันธนาการรอบตัวมันไว้

    กี๊ด ~กี๊ด!!!

    อสรพิษยักษ์กรีดร้องอย่างเจ็บปวด มันผละจากเหยื่อ แล้วผงกหัวขึ้นสูงกู่ร้องอย่างบ้าคลั่ง ทำให้ผู้เฝ้ามองเหตุการณ์เบื้องล่างนั้นตกตะลึง และ มองอย่างไม่เข้าใจว่าเกิดเหตุอันใดขึ้นเว้นก็แต่ร่างสูงในชุดเกราะที่กำลังประคับประคองตนอยู่นั้น ที่ฉายแววยินดีในแววตาอย่างปิดไม่มิด

    พวกเขา มาแล้ว!!!....

     

    ดวงตาสีแดงวาวโรจน์มองไปยังทิศทางที่มาของเวทย์มารที่พุ่งมาถึงตัวมันเมื่อครู่ แล้วแทบจะทันทีที่ดวงตานั้นเบิกกว้างขึ้น ก่อนเปลี่ยนมาฉายแววอาฆาตแค้นอย่างเต็มกำลัง

     

    พวกเจ้า!!! ”

    บนฟากฟ้าที่มืดครึ้มนั้น...หลายร่างในชุดเกราะสีดำแวววาวสง่างามอยู่บนอาชาสีรัตติกาล ดวงตาสีเลือดของมันฉายแววโหดเหี้ยม เขี้ยวขาววาววับงอกออกมาจากปากของมัน ปีกค้างคาวแกร่งกล้าโบกสะบัดไปมา

    ดวงตาสีซัฟไฟร์ที่ไม่ได้ถูกเกราะปกปิดไว้นั้นฉายประกายเย็นเยียบจับจ้องอสุรกายร่างยักษ์ที่อยู่เบื้องล่างนิ่ง...แผ่รังสีแห่งการเข่นฆ่ากดดันไปทั่วอาณาบริเวณ

     

    เจ้านั่น...ใช้จิตควบคุมบาซิลิสก์อยู่สินะ อีกร่างในชุดเกราะที่อยู่ใกล้ๆเอ่ยขึ้นอย่างจริงจัง ซึ่งปกติแล้วเจ้าตัวไม่เคยเป็นแบบนี้เลยสักครั้ง ดวงตาสีมรกตจ้องมองอสรพิษยักษ์ที่กำลังคำรามกู่ก้อง เกรี้ยวกราด ด้วยสายตานิ่งสนิท ไม่แพ้ร่างอื่นๆเลย

     

    ช่วยตัวประกันก่อน... ร่างที่อยู่เบื้องหน้าสุดพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเย็นเช่นทุกครั้ง เป็นคำขาด ซึ่งทุกร่างก็ขานรับแต่โดยดี

     

    ขอรับ! ” เพียงพริบตานั้นอาชาอสูรนับสิบก็เหาะทะยานพาร่างของนายเหนือหัวของพวกมันลงมายังเจ้าอสุรกายยักษ์ตนนั้น มันยิ่งกู่ร้องอย่างบ้าคลั่ง ลิ้นสองแฉกยืดยาวออก ผงกหัวขึ้นสูงแผ่แม่เบี้ย แส้ขอดเกล็ดนับสิบพุ่งโจมตีใส่ผู้อาจหาญที่บังอาจจู่โจมมันทันที

     

    “ BARIA  SHIELD!!! ”  สิ้นเสียงของนักรบที่อยู่เบื้องหน้าสุดนั้น บาเรียสีแดงก็กางกั้นทั้งหมดจากการโจมตีของแส้ขอดเกล็ดพวกนั้นจนแส้ขอดเกล็ดนั้นสลายกลายเป็นผุยผง พร้อมกับที่เสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดของอสรพิษยักษ์นั้นดังก้อง

    ใบหน้าใต้หมวกเกราะนั้นขยับยิ้มเย็นเยียบ ก่อนจะเอ่ยบางสิ่งออกมาอย่างกึกก้อง

     

    เอริค  เจ้ามากับข้า...ส่วนที่เหลือ ให้คอยโจมตีมันจากทางพื้นดิน และ คอยช่วยพวกทหารกองร้อยของ ซาเซล ซะ! ”  และแทบจะทันที่ที่ร่างสูงสง่านั้นควบอาชาอสูรของตนพุ่งตรงไปยังอสรพิษยักษ์ทันที พร้อมด้วยร่างของนักรบในชุดเกราะสีเข้ม ที่อยู่ข้างๆเมื่อครู่ตามไปติดๆ

     

    “ DARK CHAOS! ”  สิ้นเสียงดาบยาวขนาดยักษ์สีรัตติกาลก็โผล่ขึ้นมาอยู่ในมือหุ้มเกราะ ที่ดูท่าจะจับพอดีมือ แล้วควงเล่นได้อย่างสบายราวกับไม่รู้สึกถึงน้ำหนักของมันเลยสักนิดเดียว ดวงตาสีซัฟไฟร์แข็งกร้าว...เป้าหมายของพวกเขาก็คือ...แส้ขอดเกล็ดสีดำที่พันธนาการ สองร่างนั้นเอาไว้!

    .................................

    .....................

    ............

    ...เกิดอะไรขึ้น?...

    ประโยคนี้ยังวนเนียนอยู่ในหัว ทั้งๆที่สติกำลังพร่าเลือนทีละน้อย...ความจริง...เธอน่าจะถูกเจ้างูยักษ์เขมือบไปแล้วนี่นา...แล้วทำไม?...

    อิ๋งค่อยๆลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก...สิ่งที่เธอเห็น คือ ภาพของเจ้าอสรพิษยักษ์นั้นกำลังกราดเกรี้ยว และกู่ร้องบ้าคลั่ง จนแสบแก้วหูไปหมด

    ...เจ้านี่...มันมองไปที่ไหนกัน...

    เด็กสาวค่อยๆหันไปมองตามทิศทางนั้น  ภาพตรงหน้านั้นพร่ามัวไปหมด แต่ว่าที่ปรากฏเด่นชัดก็คือ...ดวงตาสีซัฟไฟร์ซึ่งกำลังทอประกาย

    สีเลือดออกมา...นั่นมัน!!!...

    ร่างสูงในชุดเกราะที่พุ่งมานั้น กระชับดาบยักษ์ในมือตนไว้มั่น ก่อนจะยกขึ้นสูงแล้วฟาดฟันลงมาตรงหน้าเธอในทันที

     

    ฉับ!!!

     

    รู้สึกเหมือนมีลมร้อนๆพัดผ่านไปชั่ววูบ...พริบตานั้นแส้ขอดเกล็ดที่พันธนาการร่างของเธอไว้ก็สลายกลายเป็นผุยผง พร้อมกับเจ้าอสุรกายนั้นกรีดร้องอีกครั้ง เสียงของมันดังก้องในหัว...แต่ว่าคงไม่มีเวลาไปสนใจหรอก เพราะตอนนี้...เธอกำลังลอยค้างอยู่กลางอากาศ และ ก็กำลังเตรียมจะดิ่งลงธรณี!!! แว๊กกกก!!!!

     

     

    หมับ!

     

    แต่ก่อนจะได้ดิ่งธรณีจริงๆนั้น ก็เหมือนมีบางอย่างคว้าร่างของเธอไว้ ก่อนจะรู้สึกถึงสัมผัสเย็นเฉียบประทับกับแก้มนวล...อิ๋งค่อยๆปรือตาขึ้นอย่างหวาดๆ เบื้องหน้าคือ เกราะสีดำช่วงอกในลวดลายแปลกตา จากนั้นเธอจึงค่อยๆเงยหน้าขึ้น...แล้วดวงตากลมโตใต้กรอบแว่นของเธอก็เบิกกว้างขึ้น

    ที่เธอเห็น คือร่างสูงที่สวมหมวกเกราะเหล็กสีเดียวกันกับชุดเกราะของเขา...มีเพียงดวงตาสีซัฟไฟร์ทอประกายเลือดคมเข้มนั้นที่จ้องมองประสานกับเธอ...เหมือนกับเวลาหยุดนิ่งไปชั่วขณะ...

     

    ...คุ้นเคย...กับแววตาแบบนี้...เธอเคยเห็นมันมาก่อน...

     

    พลัน ความทรงจำบางอย่างก็ผุดขึ้นมา...ร่างสูงที่ควบบนอาชาอสูรซึ่งยืนอยู่บนกองศพนับพัน อาวุธที่เขาถืออยู่นั้นแปดเปื้อนไปด้วยโลหิตสีดำ ควงตาคมปลาบทอประกายเลือดฉายแววเย็นเยียบยามจ้องมองมาที่ซากศพเหล่านั้นอย่างไร้ความปราณี!...ความฝันนั่น!!!

     

    ร่างสูงประสานสายตากับเธอชั่วครู่ ก่อนจะผละไป มองยังร่างของอสรพิษร้ายที่กำลังเต็มไปด้วยไฟโทสะ

     

     

     

     

     



                                                                  ***เดี๋ยวจะมาอัพต่ออีกนะค่ะ ( ถ้าว่างๆอ่ะนะ... )***

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×