คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : ค่ำคืนที่ 14 : สายเลือดที่ไม่บริสุทธิ์...100%
“เลิกมองแบบนั้นสักทีบาซิกค์!”
เสียงโวยวายดังขึ้นในห้องบรรทมไม่รู้เป็นรอบที่เท่าไร
หลังจากเขาที่เผลอปากรับคำจะยินยอมแต่งงานด้วย
แต่ไฉนเขาถึงได้ตกมาอยู่ในสภาพที่น่าอเนจอนาจ อับอายจนแทบจะแทรกแผ่นดินนี้เช่นนี้
เมื่อดันหลงเชื่อคำพูดของอสรพิษเจ้าเล่ห์ ทั้งๆที่รู้ดีอยู่แก่ใจ ว่างูนั้นลิ้นสองแฉกเชื่อถือไม่ได้
แต่ใครจะรู้ล่ะว่าบาซิกค์จะให้เขามาลองสวมชุดเจ้าสาว!
“หยุดโวยวายสักทีมิกิ
ที่ทำแบบนี้เพราะฉันต้องการดูว่านายพร้อมทุกอย่าง” เสียงเรียบนิ่งเอ่ยเหมือนเขานั่นล่ะเป็นฝ่ายผิดชวนให้โมโหยิ่ง
ทว่านัยน์ตาสีอำพันคมกริบยังคงจับจ้องไปทุกสัดส่วนของร่างกายในชุดพิธีอภิเษกของพระชายาที่ล่อตาล่อใจ
จนคนถูกมองหน้าแดงก่พไม่รู้จะหลบหนีสายตานั้นยังไง
“ แล้วทำไมฉันต้องแต่งชุดเจ้าสาวแบบนี้ด้วยเล่า!
” มิกิท้วงเสียงดัง หลังจากที่บาซิกค์โบกมือไล่ราชบริวารออกไปให้หมด
พอมองสภาพตัวเองในกระจก สติเขาก็ขาดพึง แทบอยากจะหายตัวไปจากโลก
ชุดเจ้าสาวบ้าอะไร นี่มันชุดนางรำเปลื้องผ้าชัดๆ!
“ เป็นพระชายาก็ต้องใส่ชุดเจ้าสาวสิ..
”
“ ยังไม่ได้เป็นสักหน่อย!
”
“ เดี๋ยวก็เป็น..
” ถ้อยคำนั้นสงบนิ่งจนน่าหมั่นไส้ แต่ทำเอาคนที่กำลังยืนเถียงสะอึกพูดไม่ออกเพราะความจริงที่ปรากฏ
รู้สึกอยากกลับคำพูดเสียตอนนี้ แต่ก็สายเกินไป
ก็ใครจะรู้ล่ะว่าต้องทำเรื่องน่าอายแบบนี้!
แม้จะเป็นชุดเจ้าสาวปกติแบบที่เขาเข้าใจก็ทำใจยากพออยู่แล้ว เขาเป็นผู้ชายด้วยไม่ควรจะแต่งอะไรแบบนี้
แต่พอเห็นชุดพิธีที่เขาต้องสวมที่อนาคานแล้วก็แทบจะลมจับ
เพราะมันล่อแหลมเหมือนกับชุดนางรำโยกสะโพกล่อเฒ่าลามกเสียมากกว่า
เวลานี้ร่างกายด้านบนของเขาแทบไม่มีอะไรปกปิดเลยสักนิด
มีเพียงแค่โซ่ทองคำลายเกล็ดงู ลากไขว้กันเป็นรูปกากบาทกลางลำตัว
ปลอกคอที่ถอดไม่ได้แต่กลับห้อยเพิ่มลูกปัดสีเงินระโยงระยางมาจนถึงแผ่นอกราวกัยสร้อยคอของพวกอียีปห์โบราณ
แถมส่วนล่างที่ควรจะใส่กางเกงกลับเป็นกระโปรงจีบบางๆสีขาวที่สั้นเหนือเข่ามากกว่าคืบ
เพียงแค่ลมพัดหรือก้าวเดินก็เตลิดเปิดเปิงหมดทุกอย่าง
แม้จะมีเข็มขัดหัวอสรพิษคาดพันไว้รอบเอว แต่กลับไม่ช่วยอะไรเลยสักนิด
โชคดีที่ด้านหลังเป็นผ้าสีทรายที่เย็บติดกับกระโปรง โดยส่วนปลายประดับด้วยเลื่อมเพรชระยิบระยับ
เลยพอปกปิดสะโพกเขาได้บ้าง
บาซิกค์บอกว่านี่เป็นแค่ชุดพิธีเบื้องต้น วันแต่งจริงๆ เขาต้องสวมผ้าปิดใบหน้า
รัดเกล้า ผ้าคลุมปั้งบนบ่าทั้งสองข้าง มีกำไลมือและข้อเท้าอีกด้วย
ถึงจะพยายามทำใจเหมือนตัวเองกำลังแต่งคอสเพลย์แนวไอยคุปต์ แต่ไม่ว่าเขาจะแต่งตัวเต็มยศหรือครึ่งยศ
มันก็ไม่ช่วยลดความอับอายได้ พอยิ่งเจอสายตาที่จ้องมองมาแบบร้อนแรงปสนจะกลืนกินด้วยแล้วเขาก็อยากจะมุดดินหนี
ราวกับอีกไม่น่าเขาจะถูกพ่องูตรงหน้าเขมือบ!
โดยเฉพาะส่วนนั้นที่บาซิกค์จ้องจนขนลุก!
“เลิกเอามือปิดตรงนั้นได้แล้ว
ยืนตัวตรงๆฉันจะได้ดูนายให้ชัดๆ ” คำสั่งที่วางอำนาจกับนั้นช่างชวนโมโห
แต่เป็นตายยังไงเขาก็ไม่มีวันเอามือออกแน่
บาซิกค์ขมวดคิ้ว เดินตรงดิ่งเข้ามาหาอย่างไม่ลังเล มิกิตกใจผงะเท้าถอยหลังหนี
แต่ก็ช้าเกินไป มือทั้งสองข้างถูกคว้าเอาไว้อย่างรวดเร็ว
ก่อนเรี่ยวแรงที่เหนือกว่าจะดันตัวเขาจนแผ่นหลังชิดติดกำแพง
ดวงตาสีอ่อนเบิกกว้างเมื่อเห็นใบหน้าคมเข้มนั้นอยู่ใกล้
นัยน์ตาอสรพิษกวาดมองสำรวจไปทั่วร่างกายอย่างร้อนแรงราวกับจะแผดเผา
“ สวยงามมาก..”
ใบหน้าคมเคลื่อนเข้ามาใกล้
ลมหายใจที่ไหลรดต้นคอนั้นทำให้เขาสั่นสะท้าน
ทว่า..ปฏิกิริยาส่วนล่างกลับแสดงออกถึงความรู้สึกที่น่าอับอาย
“ อึก.. ” บาซิกค์หรี่ตาจ้องมองราวกับจะล้วงเอาความลับ
ขณะที่มิกิเมื่อเห็นสายตา ความร้อนก็พลันวิ่งมาถึงใบหน้า
เขาจะปล่อยเป็นแบบนี้ไม่ได้ ร่างเล็กจึงเริ่มดิ้นทันที
“ พะ..พอใจหรือยัง เลิกมองฉันด้วยสายตาแบบนั้นได้แล้ว! ”
“ถ้าให้เลิกมอง..แล้วนายอยากให้ฉันทำอะไรล่ะมิกิ” บาซิกค์ยิ้มเย็นเยียบ ดวงตาเรียวคมมองราวล่วงรู้ความคิดกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นกับเขา
สุดท้ายเมื่อถูกไล่ต้อนจนมุม จนไม่มีที่ให้ถอยหนี ริมฝีปากเร่าร้อนก็ตรงเข้าประกบปากเขาอย่างฉาบฉวย การจู่โจมที่ไม่ทันตั้งตัวพลันทำเอาสติหลุดลอย ร่างกายอ่อนแรงดังกำลังถูกดูดกลืนกิน ลิ้นอ่อนนุ่มแทรกซึมบดเบียดสำรวจไปทั่วทุกซอกทุกมุมในโพรงปาก ความวาบหว่ามที่เกิดขึ้นทำให้รู้สึกมวนในท้องของตัวเองคล้ายมีพายุขนาดย่อมกำลังก่อตัวจนในหัวปั่นป่วนไปหมด กระทั่งหลุดเสียงครางหวานออกมาอย่างลืมตัว บาซิกค์ยิ้มอย่างได้ใจ
“ หึ..ทิ้งไว้แค่นี้ก่อน เดี๋ยวชุดจะขาด ” การกระทำหยุดชะงัก จู่ร่างสูงทิ้งแรงปรารถนาของเด็กหนุ่มอย่างหน้าตาเฉย
ก่อนจะก้าวเดินออกไปจากห้องโดยไม่สนใจคนที่ยืนทำตาปริบๆ
มิกินิ่งอึ้งไปชั่วขณะ..แต่พอเริ่มรู้ตัวว่าถูกกลั่นแก้จนส่วนล่างปวดหนึบ ก็ตะโกนไล่หลังเสียงสนั่น
“ ไองูบ้าเอ้ย!! ”
อีกทางด้านหนึ่ง องค์ชายบาฮาลรวมทั้งเหล่าบรรดาขุนนาง และผู้อาวุโสแห่งอนาคานกำลังประชุมอยู่ในห้องทรงงานขององค์ชายอย่างเคร่งเครียด
หลังจากที่ซาอิด สำเร็จโทษตัวเอง และยอมรับความผิดทั้งหมด
โดยคุมขังตัวเองอยู่ที่คุกใต้ดินของราชวังก่อนที่จะมีรับสั่ง แต่การกระทำนั้นก็หาได้ช่วยผ่อนหนักเป็นเบาได้เลยแม้แต่น้อย
แม้บัญชาเด็ดขาดจะอยู่ที่องค์ชายบาฮาล แต่เหล่าผู้อาวุโสก็ไม่มีใครยอมความ ทว่า..ร่างสูงก็ยังคงนั่งนิ่งงัน
ไม่ปริปากตรัสถอยคำใดๆมานานเกือบครึ่งชั่วโมง
เขาบาดเจ็บ..จากพิษกริชของซาอิด
ทั้งที่ไม่ควรอภัยโทษ แต่ทำไมเขาถึงได้อยากทำเช่นนั้น น้ำตาที่ไหลอาบลงมาจากใบหน้าของหัวหน้าราชบริวารหนุ่ม
เขาไม่เข้าใจเลยสักนิดว่ามันคือการแสดงความเสียใจ หรือต้องการให้เขาเห็นใจกันแน่
ใจหนึ่งบอกใช่..ทว่าอีกใจบอกไม่
ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด มิอาจหาคำตอบให้ตัวเองได้เลยสักนิด
กระทั่งเสียงจากผู้อาวุโสคนหนึ่งในห้องดึงสติของเขาไป
“ ทูลองค์ชาย..อย่างไร กระหม่อมก็ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่งที่จะอภัยโทษ
ถึงท่านหัวหน้ราชบริวารจะปฏิบัติหน้าที่มาเป็นอย่างดี
แต่ความดีก็หาได้ลบความผิดใหญ่ล้วงครั้งนี้ได้ สายเลือด จาร์ อารากัส พระองค์ไม่ควรไว้พระทัย
หากราชิสคนพี่เป็นนาคินแท้ๆยังทรยศได้ นับภาษาอะไรกับคนน้องที่มีสายเลือดเพียงครึ่งเดียว
พระชไม่ควรปล่อยไว้นะพ่ะย่ะค่ะ”
“ ข้าเพิ่งรู้ว่าพวกเจ้าวัดความซื่อสัตย์จากสายเลือด ” สุรเสียงนิ่งเรียบ แต่คล้ายกับกำลังเจือไปด้วยความกริ้วโกรธในประโยค จนคนฟังก้มหน้าไม่กล้าสบดวงตาคมเข้ม
องค์ชายบาฮาลหลับตาลง มือข้างหนึ่งจับลงบนผ้าพันแผลบริเวณช่วงเอว ที่ยังคงมีคราบเลือดติดอยู่ เขาผ่อนลมหายใจ พยายามคลายความกดดันที่อยู่ในใจตัวเอง ตอนนี้ความสับสนทำให้เขาไม่พร้อมที่จะตัดสินใจ
“ ข้ายังไม่พร้อมจะตัดสินใจ แต่อย่างไรก็ไม่ได้หมายความว่าจะอภัยโทษ
พวกเจ้าไม่ต้องคิดแทนข้า ออกไปซะ ” สั่งด้วยเสียงเด็ดขาด
เหล่าบริวาณได้แต่จำใจขานรับไม่กล้าพูด ก่อนจะรีบออกไปจากห้องอย่างเสียมิได้
เมื่อเห็นทุกคนออกไปหมด ร่างสูงถอนหายใจออกมาอีกครั้ง ไม่รู้ว่าทำไมเรื่องของซาอิดที่อยู่ในหัวจนน่าหงุดหงิดนัก ทั้งที่แค่เอ่ยปากสั่ง ก็สามารถประทานความตายได้ในเวลาอันรวดเร็ว ทว่ากลับขยับปากได้อยากเย็นคล้ายกับมีใครมากถ่วงเอาไว้ในที่สุด ก็ทนไม่ไหวกับภาวะที่ตนเองเป็น กายสูงใหญ่ลุกขึ้นจากที่นั่งทรงงาน ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง
องค์ชายบาฮาบาลเดินออกจากห้องทรงงานด้วยใจที่ยังคงไม่สงบ..
เขาอยากออกไปข้างนอกนั่น และพักผ่อนอยู่ในมุมสงบของเขาที่ไม่มีใครล่วงรู้ แต่ระหว่างที่กำลังเดินผ่านท้องพระโรงของราชวัง ฝีเท้าก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อได้ยินเสียงเอะอะโวยวายดังมาจากด้านหลัง
หากเดาไม่ผิดนั่นคงเป็นเสียงของมิกิกับองค์ราชาเป็นแน่
จะว่าไปแล้ว..หลังจากที่กลับมาจากซากปรักหักพังนั่นแล้ว
เขาก็ยังไม่ได้พูดคุยกับทั้งคู่เลย เพราะด้วยเรื่องของซาอิดทำให้เขาไม่มีเวลาแม้แต่จะทูลบอก
พอรู้สึกตัวอีกที องค์ราชาก็ทรงยอมรับเรื่องของมิกิเป็นที่เรียบร้อย
และอีกไม่นานก็จะอภิเษกสมรสกัน
แม้พิธีครั้งนี้จะจัดขึ้นเพื่อเปิดสงครามกับซาคาเดียร์อย่างเต็มตัว
แต่ดูจากสีหน้าของบาซิกค์แล้วช่างดูมีความสุขอย่างไม่เคยเป็น
เขาจึงไม่อยากทูลบอกเรื่องพวกนี้ให้ปวดหัว
โดยเฉพาะเรื่องของราซิส..อดีตองครักษ์เทพนาคินที่บัดนี้
ยังมีชีวิตอยู่..
“ บาฮาล..”
เสียงเรียบเย็นทำเอาร่างสูงหลุดออกจากภวังค์
ราชาแห่งอนาคานย่างเท้าเข้ามาใกล้ขึ้นพร้อมกับเด็กหนุ่มต่างชาติที่อยู่ในชุดโธปสีขาวปกติ
มิกิมององค์ชายบาฮาลนิ่ง
แต่ร่างสูงกลับหลบสายตาคล้ายกับมีเรื่องปิดบัง เรียกคิ้วเรียวให้ขมวดเข้าหากัน หากเดาจากสีหน้าของบาฮาลแล้ว
ก็ทำให้เขานึกเรื่องบางอย่างได้ ว่าเขายังไม่ได้เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นที่สถานีวิจัยให้บาซิกค์ฟัง
“ บาซิกค์คือ..
”
“ ท่านพี่ลองชุดพิธีอภิเษกให้มิกิเสร็จแล้วหรือ”
บาฮาลแทรกพูดสวนขึ้นทันที
เดาในความคิดของเด็กหนุ่มว่าคิดจะพูดเรื่องอะไร
นัยน์ตาสีอำพันมองผู้เป็นน้องนิ่งก่อนจะตวัดสายตาคนกริบมาที่เด็กหนุ่มข้างกาย
มิกิพลันสะดุ้งเฮือกหน้าแดงก่ำเป็นลูกตำลึง เมื่อคิดถึงสภาพน่าอายเมื่อครู่
“ เสร็จแล้ว..สัดส่วนพอดีทุกอย่าง
” รอยยิ้มบางๆคลี่ออก มิกิแทบแทรกตัวมุดหายลงไปใต้พื้น
แต่ขณะที่กำลังจะโวยวายใส่ บาซิกค์กลับชิงถามเรื่องหนึ่งขึ้น
“ ซาอิดล่ะ..”
“….” คำถามนั้นราวกับกระสุนปืนยิงตรงกลางใจขององค์ชายหนุ่ม
ทว่ากลับไม่สามารถตอบอะไรได้
ดวงตาสีอำพันจ้องมองร่างสูงตรงหน้านิ่ง
ขณะที่มิกิกลับสัมผัสได้ถึงบรรยากาศกดดันที่เปลี่ยนไป
ถึงภายนอกบาฮาลจะดูแข็งแกร่งเพียงใด แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าของชายผู้นี้แล้วกลับเป็นเพียงน้องชายธรรมดา
“ มีอะไรที่ข้ายังไม่รู้งั้นหรือ..บาฮาล
” เสียงทรงอำนาจนั้นนิ่งงันราวกับจะเค้นเอาคำคอบ ดวงตาคมจับจ้องไม่เคลื่อนไหว
บาฮาลกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ อย่างไรถ้ากล่าวปดออกไปบาซิกค์คงจับได้
สุดท้ายจึงเลือกที่จะค่อยๆเผยความจริงที่ยังไม่อยากบอก
“ ท่านพี่
ทรงจำราซิสได้หรือไม่ ”
“ คนทรยศ ” บาซิกค์ไม่ลังเลที่จะพูดเลยสักนิด สีหน้าที่เย็นชานั้นทำให้เด็กหนุ่มรู้ว่า
หากคนผู้นี้มาอยู่ต่อหน้า คงไม่พ้นที่จะถูกร่างสูงหักคอทิ้ง
“ เขายังมีชีวิตอยู่พ่ะย่ะค่ะ
แล้วเข้าพวกกับซาคาเดียร์ ” บาฮาลกล่าวไปตามจริง คิดว่าองค์ราชาต้องทรงกริ้วและตกใจเป็นแน่
ทว่ากลับหัวเราะเบาๆออกมาแทน ราวไม่แปลกใจเลยสักนิด
“
ที่แท้ ซาคาเดียร์ ก็แสร้งทำเป็นรักษากฏเทพนาคินสินะ”
รอยยิ้มหยั่นปรากฏขึ้น ก่อนดวงตาคมจะสังเกตุเห็นแผลที่ท้องของผู้เป็นน้องชาย
“ แผลนั้นราซิสเป็นคนทำเจ้าหรือ
” ได้ยินคำถาม บาฮาลถึงกับเม้มริมฝีปากลงคล้ายกับไม่อยากตอบ
“ เปล่า..ซาอิดเป็นคนทำพ่ะย่ะค่ะ
” นั้นเสียงนั้นแผ่วเบาราวกับกระซิบ บาซิกค์หัวเราะในลำคอ
“ เหมือนกันทั้งพี่ทั้งน้อง
แล้วมันอยู่ที่ใด ”คำพูดนั้นฟังดูชิงชังจนน่าใจหาย บาฮาลเลือกตอบไปตามความจริงไม่ปิดปัง
“ ถูกคุมขังอยู่ในคุกใต้ดินของวังพ่ะย่ะค่ะ
”
“ ฆ่ามันซะ ” รับสั่งเลือดเย็นเอ่ยขึ้น “
ด้วยมือของเจ้า ” ดวงตาคมหรี่มองราวกับจะวัดความกล้า
ขณะที่หัวสมองของบาฮาลขาวโพลนไปชั่วขณะเมื่อได้ยินรับสั่ง มิกิเห็นท่าไม่ดี
จึงรีบแทรกขึ้น
“ อย่านะบาซิกค์ ”
มิกิรีบเดินเข้ามาขว้างไว้
แต่พออยู่ต่อหน้าบาซิกค์เวลานี้ร่างกายก็ตื่นสั่น คล้ายกับรู้ว่าไม่ควรขัดแต่
ก็ทำใจกล้าพูดไปตามความคิด
“ นายไม่เข้าใจ
ถ้าไม่ได้ซาอิดช่วยไว้ ทั้งฉันและบาฮาล คงตายไปแล้ว”
“ ดูแผลนั่นก่อนมิกิ..”
สิ้นเสียงพร้อมกับมือที่เผยไปด้านหน้า เด็กหนุ่มรับหันไปตามบอก เห็นบริเวณช่วงเอวของบาฮาลพันด้วยผ้าพันแผล
แม้จะผ่านไปกว่าหลายวันแต่เลือดของบาฮาลก็ยังคงไหลซึมออกมา ราวกับเป็นบาดแผลใหม่ๆ
“ นั่นคือพิษที่ร้ายแรงที่สุดของอนาคาน
ไม่มีรักษาหายสนิท แม้นาคินจะลอกคราบใหม่กี่ครั้งก็ตาม ” บาซิกค์กล่าวอย่างเย็นชา
“ แต่เขาไม่ได้ตั้งใจ
ถ้าไม่ทำแบบนั้น ราซิสจะฆ่าเราทุกคน”
“ พอได้แล้วมิกิ..”
บาฮาลมิอาจทนฟังได้ต่อได้จึงได้พูดขึ้นขัด
อย่างไรการกระทำที่ทำลงไปก็ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง บาดแผลที่ปรากฏบนร่างกายก็เป็นเครื่องย้ำเตือนได้เป็นอย่างดี
เขาไม่ควรลังเลอีกแล้ว
“ ซาอิด จาร์ อารากัส
และ ราซิส จาร์ อารากัสไม่ใช่คนของอนาคานอีกต่อไป
ต้องฆ่าเขาเพื่อความปลอดภัยของเทพนาคิน”
“ อย่าพูดแบบนั้นนะ!
” มิกิตะโกนสวนขึ้นจนเขาต้องเบิกตากว้าง ดวงตาสีเขียวอ่อนมองหน้าเขานิ่ง
แต่ทว่าลึกๆกัลบเจือไปด้วยความผิดหวัง
“ฉันก็ไม่ได้เข้าข้างซาอิด
แต่ที่ฉันกลับมาที่นี่ก็เพราะคำพูดของเขาที่ทำให้ฉันรู้ทุกอย่าง ถึงการกระทำของเขาจะเกือบฆ่าพวกเราทั้งหมด
แต่ถ้าเขาจะทรยศอนาคานจริงๆ ทั้งฉันและบาฮาลคงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้ ” มิกิพูดขึ้นราวรับเจ็บปวดของซาอิดไว้เสียเอง อย่างไรถึงเขาจะไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับอนาคานมากไปกว่านี้
แต่จะให้เขาอยู่เฉยๆทนดูคนที่ช่วยเหลือชีวิตเขาต้องตาย คงทำไม่ได้แน่ หากคำพูดของเขาพอเปลี่ยนใจบาซิกค์ได้เขาก็จะพูด
“
ฉันไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้ ราซิสทำอะไรเอาไว้
แต่ถ้าพี่มันเลวก็ไม่ได้หมายความว่าน้องมันจะต้องเลวด้วยเสมอไป ให้โอกาสเขาเถอะ”
เขาขอร้องเสียงสั่น บาซิกค์หลับตาลง
แต่พอลืมขึ้นมาก็ยังคงพูดอย่างไร้เยื้อใย
“ กฏย่อมเป็นกฏมิกิ
อนาคานไม่ต้อนรับคนทรยศ และจะไม่มีครั้งที่สอง ”
“ แล้วถ้าฉันทรยศนายล่ะบาซิกค์!
”มิกิขึ้นเสียงดัง
ดวงตาคู่สวยเปลี่ยนหันมามองเจ้านครแห่งนาคินอย่างไม่เกรงกลัว
“ฉันเคยหนีจากที่นี่มาตั้งกี่ครั้ง
แล้วถ้าฉันทำอีกครั้งล่ะ ” ร่างเล็กกล่าวอย่างท้าทาย
บาซิกค์ยังคงเงียบไร้ซึ่งคำตอบ
“ ถ้าเป็นฉัน นาย..จะฆ่าฉันหรือเปล่า
” คำถามนั้นช่างแสนเศร้าดวงคู่สวยเป็นประกายสั่นไหวคล้ายกับปรารถนาคำว่า’ไม่’จากชายตรงหน้า
ทว่า..สิ่งที่เขาได้ยินกลับตรงข้าม ทำลายหัวใจของเขาอย่างสิ้นเชิง
“ ฉันจะฆ่านายด้วยมือของฉันเองมิกิ
” บาซิกค์กล่าวนิ่ง ร่างเล็กเม้มริมฝีปากลง เขาคงสำคัญตัวกับบาซิกค์ผิดไปเองถึงได้เจ็บช้ำเช่นนี้
หากความสัมพันธ์ทางกายที่เกิดไม่ได้ช่วยให้บาซิกค์มีความรู้สึกขึ้นมาเขาก็ไม่สนใจอะไรอีก
ถ้าเห็นเขาเป็นสิ่งของ คนตรงหน้าก็ไม่มีค่าอะไรให้จดจำว่าเป็นคน!
“ งั้นก็เชิญฆ่าคนที่ช่วยนายทิ้งได้เลยบาซิกค์..
” มิกิกล่าวเสียงเย็นอย่างไม่เคยเป็น นัยน์ตาคู่สวยรีบหลบหนี
ก่อนที่หยาดน้ำตาจะเริ่มคลอจนเริ่มเอ่อ ร่างบางเดินหันหลังกลับไป
โดยไม่สนใจราชาแห่งอนาคานเลยสักนิด บางทีถ้าเขาไม่กลับมาที่นี่คงดีกว่า..
เสียงอึกทึกวุ่นวายนี่คืออะไร..
ร่างหนึ่งสะดุ้งตื่นจากเตียงกลางดึก
มีเสียงโครมครามดังอยู่ด้านนอกจนน่าแปลกใจ
เขารีบสวมเสื้อคลุมที่แขว้นไว้ที่เสาปลายเตียง ก่อนเดินออกไปเปิดประตู
ทันทีที่ออกมาด้านนอก กลิ่นคาวเลือดก็ตีคลุ้งเข้าจมูกจนต้องรีบเอามือปิด ทว่าพอได้เห็นภาพที่อยู่ตรงหน้า ดวงตาสีครามก็เบิกกว้างตกใจ
ทางเดินชะโลมไปด้วยเลือดสีแดงฉาน
ศพทหารมากมายตายเกลื่อนกลาด เสียง’ตึงตัง’ ดังขึ้น เพดานด้านบนจะสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงจนเขาต้องเงยมอง ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อรู้ว่าเสียงนั้นดังมาจากห้องของราชาบาซิกค์!
ร่างสูงโปร่งรีบเร่งฝีเท้าขึ้นไปด้านบน
ตามไรผมเริ่มมีเหงื่อไคไหลซึมตามหัวใจที่เต้นระรัว
ทว่ายิ่งเข้าไปใกล้ห้องผู้เป็นเจ้าชีวิตมาเท่าใด
ภาพการตายอันน่าสยดสยองระหว่างทางเดินก็รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
ศพทหารบางนายบ้างก็ไร้ศรีษะ บ้างก็ตัวขาดครึ่ง
แต่ที่แปลกใจก็คือสภาพของการตายของคนที่ขาดอากาศหายใจ น้ำลายฟูมปากยังคงหลออกมาแม้จะสิ้นใจ ดวงตาปูดโปนใกล้ถล่นเหลือขึ้นจนเห็นแต่ตาขาวน่ากลัว
ใบหน้าม่วงช้ำคล้ายกำลังเน่าเปื่อยหรือมีเลือดไหลออกมาจากใต้ผิวหนัง
ลักษณะที่เขาเห็นคล้ายกับอาการถูกพิษของงู ใบหน้าของใครบาคนผุดขึ้นในหัว
ตึง!
ประตูห้องบรรทมเปิดออกดังคล้ายกับถูกแรงระเบิดดันจากภายใน
วัตถุขนาดใหญ่กระเด็นกระแทกเข้ากับกำแพงของราชวังสั่นสะเทือนจนเขาสะดุ้ง
แต่พอมองวัตถุนั้นให้ดีๆ กลับพบว่าเป็นร่างของอสรพิษทะเลทรายขนาดใหญ่เท่าคน
เกล็ดสีเหลืองมองหยาบด้านเป็นปุ่มป่ำ หน้าท้องสีขาวแบนราบไร้บาดแผล
ดวงตาของอสรพิษช่างคุ้นเคย บนเปลือกตาด้านบนมีเขาแหลมงอกออกมา
ทันทีที่เห็นทุกอย่างครบท้วนเขาก็เข้าใจทุกอย่างได้ทันที แต่ไม่ทันจะได้เอ่ยปาก
อสรพิษชูคอสูงขึ้น ส่งเสียงขู่ฟ่อกับศัตรูที่อยู่ตรงหน้า
ใครกัน..
เรือนร่างสูงสว่างก้าวเดินตามมา เส้นผมสีดำปลิวสยายไปตามแรง ใบหน้างดงามนั้นไร้ซึ่งบาดแผลใดๆ
ดวงตาสีอำพันสว่าไสวทว่ากลับให้ความรู้สึกเย็นเยือกที่สัมผัสได้ราวกับต้องการแช่แข็งคนรอบกายให้ไร้ลมหายใจ
ในมือของผู้สูงศักดิ์มีกริสสีเงินเงาวับ
ดวงตาอสรพิษสั่นไหววูบหนึ่ง ริมฝีปากหยักสวยของชายตรงหน้าเขยื้อนเอ่ยบางสิ่ง
ทว่ากลับได้ยินไม่ชัด เว้นแต่ประโยคท้ายที่ทำเอาเขาหัวใจหล่นวูบ
“ เจ้าคนทรยศราซิส!”
ดวงตาร่างสูงเบิกว้าง กริสเงินแทงลงที่ท้องอสรพิษ!
“ ท่านพี่!! ”
!!
สะดุ้งตื่นขึ้นจากความฝันฉับพลัน ดวงตาสีครามเบิกกว้างเต็มตา ลมหายใจหอบถี่กระชั้นเหมือนหัวใจดวงนี้เคยหยุดเต้นไป เม็ดเหงื่อไหลโซมกาย อยากจะยกมือขึ้นมาซับ แต่ร่างกายก็ถูกมัดตึงไว้กับโซ่ตรวนที่ยึดติดไว้กับผนังชื้นๆในคุกใต้ดินดิน..
ฝันร้ายทำให้หัวใจเต้นระส่ำไม่สงบ.. ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เกิดความตึงเครียดหลอมรวมอยู่ในหัวสมอง พยายามนึกถึงสิ่งแรกที่ราชาบิกซิกค์พูดขึ้น..แต่กลับว่างเปล่าไปหมด ที่จำได้แม่นยำคือประโยคตราหน้าว่าเป็นคนทรยศ
เขาไม่เข้าใจ...
ไม่เข้าใจเลยสักนิด..
ความอึดอัดกระจุกอยู่ที่กลางอกจนแทบจะสำลักตาย
ทั้งที่ไม่มีหลักฐาน แต่เพราะเหตุใดถึงได้หาว่าพี่ชายเขาเป็นคนฆ่าทหารพวกนั้น
ไม่มีใครเห็นกับตา..
พี่ราซิสเป็นองครักษ์มิใช่หรือ...แล้วเหตุใด..เหตุใดกันเล่าถึงได้ทำเรื่องแบบนี้!
ความเจ็บช้ำ
ปะปนกับความเศร้าไหลประดั่งเข้ามาที่ดวงตาทั้งสองข้าง..
“ ฮึก..
”
อีกครั้งที่น้ำตาไหลออกมารดลงมาที่ใบหน้า
ก่อนจะหยุดลงบนพื้นที่ไม่มีผู้ใดอยากเกยียบย้ำ
ไร้ความรัก
ไร้ความเห็นใจ..
นี่คือสิ่งตอบแทยสำหรับความจงรักภักดีงั้นหรือ..เขาควรจะลืม
หรือเกลียดชัง สุดท้ายคำตอบนั้นก้ไม่เคยได้รู้เลยสักครั้ง
เพราะคำพูดของพี่ชายที่ฝากฝังจนพาให้หัวใจสับสน
‘
อนาคานคือบ้านของเรา’
‘ จงมอบชีวิตทั้งหมดที่เจ้ามีให้เทพนาคิน
เพื่อความสุขของพวกเรา’
เขาทำตามทุกอย่างแล้ว แต่ทำไมกัน..
ฟ่อ!
เสียงขู่ของบางอย่างทำให้ค่อยๆเขาต้องช้อนดวงตาที่ชุ่มไปด้วยคราบน้ำตาขึ้นมอง
สีหน้าที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวังนั้นเห็นอสรพิษสรเหลืองทองตัวหนึ่งอยู่กับเขา
องค์ชายบาฮาลคงตัดสินพระทัยแล้วสินะ..
ซาอิดคิดอย่างสิ้นหวัง อสรพิษที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า องค์ชายบาฮษลคงสั่งมาประหารเขา ดวงตาสีครามหลับลง ร่างกายไร้การขัดขืนยอมรับทุกสิ่ง ขระเดียวกันหูก้ได้ยินเสียงการเคลื่อนไหวที่เข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดผิวหยังหยาบแข็งก็เกี้ยวรัดที่ท่อนขาเปลือยเปล่า ก่อนจะรู้สึกว่ามันเลื้อยสูงขึ้นเรื่อยๆ
ที่เอว..
ที่แผ่นอก..
จุดหมายคือลำคอ..
เขาคิดในง่ายร้าย
เพราะหากเป็นบริเวณนี้ ต่อให้เนนาคินที่แข็งแกร่งเพียงใดก้มิอาจต้านทานพิษได้
พิษจะแพร่เข้าสู่หลอดลมจนเป็นอัมพาต ไม่สามารถหายใด ก่อนไปถึงหัวใจ
ความตายชั่วพริบตานี้แม้จะน่ากลัว แต่เทียบแล้วคงทรมาณน้อยกว่าโดนกัดที่ส่วนอื่นแล้วปล่อยให้ร่างกายค่อยๆตาย
ซาอิดกลืนน้ำลายลงคอ
อสรพิษอยู่บริเวณที่เขาคิด ลิ้นสองแฉกแล่บออกใกล้ใบหูจนชวนสั่น
แม้เขาจะสามารถสื่อสารกับอสรพิษและอยากจะพูดสั่งเสียไว้ก่อนตาย
แต่ก็กลับเลือกที่จะปิดปากเงียบ อย่างไรเขาก็ไม่เลือกใครที่จะฝากอะไร
ทว่าใบหน้าของใครบางคนกลับผุดขึ้นมา
องค์ชายบาฮาลงั้นหรือ..
ทั้งๆที่เป็นคนประทานความตายมาให้แต่ทำไม..ถึงยังได้คิดถึงเขาคนนั้น
“
อยากตายขนาดนั้นเลยเหรอซาอิด” น้ำเสียงนั้นทำเอาคนที่กำลังสิ้นหวังนั้นสะดุ้งตกใจ
เมื่อรู้วว่าเสียงนั้นเป็นของ..
“ ท่านพี่!
” เขาพยายามหันซ้ายหันขวา แต่ก็พบสิ่งใดนอกจากงูที่พันอยู่ที่ลำคอ
หรือว่า!
“ มากับข้าที่ซาคาเดียร์
ข้าจะช่วยเจ้า ” สิ้นเสียงโดยไม่รอคำตอบรับ
โซ่ตรวนที่พันธนาการไว้ก็หลุดออกทันที ราวกับมีเวทย์มนต์
ร่างกายเปลือยเปล่าทรุดลงกับพื้นเย็นเฉียบ
ทว่ากลับไร้เรี่ยวแรงเกินกว่าจะยันตัวลุกขึ้น
อาจเป็นเพราะเขาไม่ได้กินอะไรเลยตลอดสามวันมานี้
อาศัยแต่น้ำที่ไหลซึมจากเพดานบนที่หยดลงมาประทังชีวิต
หากเป็นนาคินเต็มตัวเขาคงไม่เป็นเป็นเช่นนี้
แต่สายเลือดที่ไหลเวียนเพียงครึ่งเดียวทำให้เขาอ่อนแอ ขนาดที่กำลังคิด ทุกอย่างก็ค่อยเริ่มมืดลง
รู้สึกอยากหลบตาลงทุกวินาที สิ่งที่เห็นเป็นครั้งสุดท้ายคือ
ท่อนขาเรียวยาวของผู่เป็นพี่ชายที่อยู่ข้างกาย ก่อนทุกอย่างจะหายไป
อีกทางด้านหนึ่ง
องค์ชายบาฮาลหลังจากที่พยายามครุ่นคิดมาทั้งวันว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร
แม้จะมีเหตุผลที่เขาได้ฟังจากมิกิ
แต่เขาก็ยังหาคำตอบไม่ว่าควรจะเลือกกฏหรือว่าความรู้สึกส่วนตัว
อีกเหตุผลหนึ่งอาจเป็นเพราะเขาไม่แน่ใจว่าซาอิดคิดสิ่งใดอยู่กันแน่ ด้วยความข้องใจ
สุดท้ายก็ทำให้สองขาก้าวเดินมาจนถึงคุกที่คุมขัง
ทว่าพอมาถึง
กลับต้องเบิกตากว้างไม่คาดคิด เมื่อสภาพทางเดินที่อยู่ตรงหน้ากลับถูกย้อมไปด้วยเลือดสีแดงฉาน
ศพทหารตายเกลื่อนกลาด
ไม่มีเสียงกรีดร้อง
ไม่มีเสียงการต่อสู้
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เขานึกถึงคราวอดีตขึ้นมาทันตา
ชื่อของบุคคลลหนึ่งผุดขึ้นมาในหัว สองรีบพาให้เขาวิ่งไปด้านใน
ขณะที่หัวใจก็เต้นแรงขึ้นทุกวินาที ดวงตาคู่เข้มเบิกกว้าง
ประตูห้องขังด้านในสุดถูกแหกออกจนไม่เหลือสภาพ เขารีบเข้าไปดู แต่ที่เห็นก็มีเพียงความว่างเปล่าไร้เงาของของผู้ถูกคุมขัง
ทว่า..แสงไฟจากจากภายนอกที่ส่องเข้ามาทำให้เขาเห็นข้อความบางอย่างที่เขียนด้วยตัวอักษรเลือดบนผนังของคุกใต้ดิน
‘รักจากคนทรยศ’
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ทักทายกันสักนิด
กราบบสวัสดีค่ะ ห่างไปนานนน มากกกกกกกกกกกกกกก หลังจากที่มีงานแทรก และงานซุ่มบางอย่างที่ไรท์แอบเขียน เลยไม่ได้มาอพเรื่องนี้ต่อเลยฮือ ยังก็ขออภัยที่หายไปนาน ยังไงจะรีบมาต่อให้จบนะคะ
ว่าถึงเนื้อเรื่องช่วงนี้กันบ้าง ตอนนี้ก็เริ่มจะข้นขึ้นเรื่อยๆแล้วเนรีอะ ตอนแรกก็แต่งมาดีๆ น่ารักน่าตีกับพ่องูใหญ่อยู่หรอก แต่ไปมาๆ นุ้งมิ้งของเรางอลซะงั้น งานนี้พี่งูจะมีงานง้อเมียมั้ย?? แล้วจะร้องได้กร๊งกริ๊งกิ่งก่องแก้วหรือเปล่า คิดตามตอนหน้าด้วยความระทึก แต่ช่วงนี้คู่หลักแฮปปี้วิ๊ดวิ๊วนะ แต่ทำไมคู่รอง...ปะดราม่า เอาคู่รองไปตายอีกสักเรื่อง(ผั๊วะ โดนคนอ่านตบ)
ขอบคุณที่ติดตามผลงานค่ะ ยังไงดี้ก็ขอฝากทุกเรื่องที่เขียนด้วยนะ ทั้งที่กำลังจะออก ที่กำลังซุ่มเขียน แล้วที่กำลังเขียน!
นักคนอ่านค่ะ ^0^
/// ผั๊วะโดนถีบ
ความคิดเห็น