ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Basilisk Eye' : เสน่หา ทาส นาคิน (Yaoi) (จบแล้วจร้า)

    ลำดับตอนที่ #20 : ค่ำคืนที่ 18 : พระชายาแห่งอนาคาน..100%

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 702
      11
      23 ก.ย. 58


    ไอร้อนพัดโชยมาตามสายลม แสงแดดทะเลทรายร้อนผ่าวปานจะแผดเผา แต่มิอาจสร้างความหวั่นเกรงให้กับขบวนอันยิ่งใหญ่ราวกองทัพ


    ถึงวิทยาการจะก้าวล้ำมากแค่ไหน แต่การเดินทางในทะเลทรายก็คงหนีไม่พ้นสัตว์พาหนะจำพวกม้าหรืออูฐอยู่ดี มิกิแอบบ่นอุบอิบในใจ อย่างน้อยราชาแห่งอนาคานก็น่าจะร่ำรวย การซื้อเฮลิคอปเตอร์สักลำเพื่อการเดินทางคงไม่ทำให้ขนหน้าแข้งร่วง ซึ่งดีกว่ามานั่งขี่อูฐเป็นชั่วโมงๆ และเดินทางเป็นวันๆ กว่าจะถึงที่หมาย และแม้จะเป็นเพราะคำว่าคนของราชาคุ้มศีรษะอยู่ เลยทำให้เขาได้สิทธิพิเศษได้นั่งอยู่ในรถม้าด้านใน โดยไม่ต้องทนให้แดดทะเลทรายเผาเล่น แต่พอเจอบรรยากาศเงียบเชียบที่คนนั่งข้างกายสร้างขึ้น ก็พลันทำให้ในรถม้าราวกับถูกแช่เย็นจนเป็นน้ำแข็ง


    ตั้งแต่ออกจากอนาคาน บาซิกค์ก็ไม่ยอมปริปากพูดอะไรเลยสักคำ แถมสีหน้ายังตึงเครียดมากกว่าปกติ แม้เขาจะพยายามถามให้ตายว่าเกิดอะไรขึ้น ทว่าก็ไร้ซึ่งคำตอบ ข้อความที่ซ่อนเอาไว้อยู่ในจดหมายที่เขาไม่ทันได้เปิดอ่านมันทำให้เขาสงสัย ขณะเดียวกัน สิ่งที่ผู้อาวุโสบอกเขาว่าต้องการให้พิสูจน์นั้นหมายถึงเรื่องอันใด เขาก็ยังไม่เข้าใจ ตอนนี้..เขารู้แต่เพียงว่า บาซิกค์กำลังพาเขาไปที่..ซาคาเดียร์

     


    ไม่นานนักมิกิก็สัมผัสถึงการเคลื่อนที่ที่หยุดลง บาซิกค์ยังคงนั่งนิ่งอยู่กับที่ราวกับไม่สนใจอะไร แต่สุดท้ายเด็กหนุ่มก็ทนกับความอยากรู้ไม่ไหว หน้าต่างภายในรถม้าเลื่อนออก ใบหน้าหวานชะโงกออกไปดู สถานที่ที่อยู่ด้านนอก ทันใดนั้นม่านตาสีสวยก็ขยายกว้าง

    ถึงแล้วสินะ..ซาคาเดียร์ดวงตาสีอำพันคมกริบหรี่ลง ใบหน้างดงามของราชาสงบนิ่งแต่หากแฝงไว้ด้วยความเยือกเย็น

     

    ตึง..

     

    ตึง..

    เสียงกลองลั่นประดุจปลุกระดมกองทัพ ดังเข้ามาถึงพระราชวังแห่งซาคาเดียร์ ราชีนีคิเมดาห์ที่กำลังประทับอยู่บนบัลลังก์อสรพิษทองคำแสยะยิ้มที่มุมปากสวย คิดไม่ถึงว่าบุคคลที่เธอรอคอยจะมาเร็วกว่าที่คิดไว้ แต่เธอก็ไม่แปลกใจเท่าไรนัก เพราะของเล่นกิ๊กก๊อกอย่างระเบิดคงทำอะไรเทพนาคินมิได้มากมาย แต่อย่างไรวันนี้จะเป็นวันตัดสินชะตากรรมทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเทพนาคิน พระชายา หรือแม้แต่อนาคาน  เพราะตอนนี้พวกเขาก็เหมือน..

     

    ลูกไก่ในกำมือ

     “เจ้าไปจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย ข้าจะคุยกับองค์เทพที่ลานพิธี...กลางแจ้ง องครักษ์ข้างกายในชุดคลุมดำน้อมรับ ก่อนวิ่งออกไปตามรับสั่ง รอยยิ้มชั่วร้ายผุดขึ้นบนดวงหน้าปานเทวี ร่างระหงลุกขึ้นยืนอย่างงามสง่า สะบัดชายอาภรณ์สีทอง เดินลงจากบัลลังก์

     


    พอเข้ามาในเมือง ก็สังเกตถึงความแต่งต่างระหว่างอนาคานกับซาคาเดียร์ได้อย่างแจ่มชัด ทั้งสิ่งปลูกสร้าง อาคาร ไปจนถึงผู้คนที่เต็มไปด้วยหญิงสาว มีสายตาหลายร้อยคู่จับจ้องมาที่รถนั่งของเขา ราวกับพวกเธอล่วงรู้ว่ามีบุคคลสำคัญนั่งอยู่ด้านใน


    มิกิรู้สึกแปลกๆ แต่ไม่รู้จะบรรยายออกมายังไง เพราะสายตาของผู้คนไม่ใช่การสรรเสริญบูชาอย่างที่ควรจะเป็น แต่เป็นมองเหมือนกำลังดูถูก เหยียดหยาม ถึงการแสดงออกจะมีเพียงแต่สายตา แค่ก็อดไม่ได้ที่จะอึดอัดแทนบาซิกค์อยู่ดี เพราะอะไรกันซาคาเดียร์ถึงต้องเกลียดชังอนาคานเช่นนั้นด้วยเล่า ถ้าเทียบแล้วอนาคานก็เป็นเหมือนพี่น้องไม่ใช่หรือไง


    อย่าได้ห่วงไปมิกิ...เสียงนั้นทำเอาคนที่กำลังคิดสะดุ้ง ไม่รู้เป็นเพราะแสดงสีหน้าแบบไหนออกไป บาซิกค์จึงหันมาสนใจเขา

    ทำไมพวกเขาถึงมองแบบนั้น... 


    อีกไม่นานคงได้รู้ทุกอย่าง...ไม่มีคำอธิบายเอ่ยออกมา คำตอบที่ไม่แน่ชัดยิ่งทำให้เขาไม่เข้าใจ ก่อนบาซิกค์จะหันมาสั่งเมื่อรถม้าหยุดลง


    นายรออยู่ที่นี่...จนกว่าฉันจะเรียกสิ้นเสียงประตูก็ถูกเปิดออกพร้อมกับร่างสูงศักดิ์ที่จากไป มิกิพูดอะไรไม่ออก อยากจะรั้งท่อนแขนนั้นเอาไว้แต่ก็ไม่ได้ทำดั่งใจ รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีจนหัวใจไม่สงบ ทว่าก็ไม่กล้าขัดคำสั่ง เขาได้แต่แอบมองแผ่นหลังกว้างผ่านบานหน้าต่างในรถ ขณะที่ท้องฟ้าที่เคยแจ่มใสกลับค่อยๆ มืดครึ้มลงเรื่อยๆ



     

    ลานพิธีกลางแจ้งเริ่มคลาคล่ำไปด้วยผู้คนรายล้อม เมื่อราชีนีคิเมดาห์กระจ่ายข่าวออกไปว่า วันนี้จะเป็นวันตัดสินโทษทัณฑ์ขององค์เทพต่อหน้าประชาชน ก็มีเสียงซุบซิบนินทาไปทั่ว พอร่างสูงศักดิ์พร้อมเหล่าราชบริวารปรากฏสู่สายตาผู้คน ตามคำเชิญของราชีนี รัศมีเย็นเยือกก็พาให้เหลือแต่เพียงความเงียบกริบ แต่หากความเงียบที่เกิดขึ้นไม่ใช่ความตื่นกลัวอย่างที่คิด ชาวซาคาเดียร์ต่างเมินหน้าและหันหลังให้องค์เทพอย่างไม่คิดเคารพหวั่นเกรง การกระทำที่ดูหมิ่นเกียรติไม่ไว้ซึ่งศักดิ์แห่งราชาเพิ่งเคยจะเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในประวัติของชาวนาคิน สร้างความโกรธเกลียดให้ข้าราชบริวารยิ่งนัก  แต่อย่างไรราชาบาซิกค์ก็มิได้สนใจท่าทีเหล่านั้น พระหัตถ์ทรงอำนาจยกขึ้นปรามปฏิกิริยาต่อต้านของอนาคาน เมื่อเห็นกระนั้นพวกเขาจึงยอมสงบนิ่ง


    อย่างไรในเวลานี้อนาคานเป็นรองทุกสิ่ง.. หากให้คนของเขาก่อเรื่องขึ้นก็เท่ากับติดกับดักเพิ่มขึ้นอีกหนึ่ง แม้รู้อยู่แก่ใจว่าการมาที่ซาคาเดียร์นั้นอยู่ในหนึ่งแผนการของคิเมดาห์ ซึ่งเป็นเสมือนการบีบบังคับให้อนาคานยอมรับความผิดที่ก่อไว้อย่างไม่มีทางเลี่ยง  


    ตอนที่รักษาตัวอยู่ที่ถ้ำใต้ดิน ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ข่าวเบื้องบน ว่าใครกระทำสิ่งใด การที่บาฮาลตัดสินใจเช่นนั้น เขาไม่คิดว่าเป็นเรื่องผิด เพราะหากเป็นเขาก็คงลงมือโต้ตอบเช่นเดียวกัน แต่ถึงอย่างไร ถ้าเลือกเส้นทางนี้แล้ว อนาคานกับซาคาเดียร์ ก็เหมือนเช่นน้ำกับน้ำมันที่ไม่มีวันรวมกันได้ หากจุดไฟแล้ว เขาก็อยากจะรู้นักว่าฝ่ายใดจะมอดไหม้


    ยินดีต้อนรับราชาบาซิกค์ นึกไม่ถึงว่าพระองค์จะเสด็จมาตามคำเชิญของหม่อมฉันสุรเสียงใสกังวาลดังขึ้น จากบันไดของราชวังที่ลาดยาวลงมาสู่ลานพิธีกลางเมือง

    ร่างผอมเพรียวของหญิงสาวในสุดอาภรณ์เต็มยศของผู้ปกครองสูงสุดค่อยๆ ก้าวลงมาเบื้องล่าง พร้อมกับองครักษ์ข้างกาย รัศมีของความงดงามที่พ่วงมาพร้อมกับอำนาจทำให้ชาวเมืองต้องรีบก้มหัวอยู่แทบเท้า พลางส่งเสียงสรรเสริญกันอย่างยิ่งใหญ่ พอเจอการกระทำเช่นนี้ เหล่าบรรดาทหารและขุนนางก็เกิดอาการลังเลว่าควรเคารพตามหรือไม่ แต่พอเห็นร่างผู้เป็นเจ้าชีวิตยืนนิ่งเฉยก็เลือกที่จะไม่ปฏิตามกฏเกณฑ์


    ร่างงามพร้อมองครักษ์เดินมาถึงลานพิธี เธอประทับลงบนเก้าอี้นางพญาอสรพิษ ก่อนจะยกมือ เพื่อให้เสียงสรรเสริญเธอนั้นเงียบลง

     “เหตุใดคนของพระองค์ถึงไม่เคารพหม่อมฉันเพคะสุรเสียงเรียบเย็นถาม รอยยิ้มร้ายกาจยกขึ้นบนดวงหน้างดงามไร้ที่ติ นัยน์ตานางพญาจับจ้องไปที่ราชาแห่งอนาคานราวกับไม่ได้คาดหวังเอาตำตอบแต่ต้องการตอกย้ำว่าเธอเหนือกว่า


    บาฮาลอยู่ที่ใดราชาบาซิกค์กล่าวนิ่ง เส้นผมสีดำพัดพริ้ว นัยน์ตาที่แสดงช่างเย็นเยือกจนน่าตื่นกลัว คิเมดาห์เปรยยิ้มบาง ก่อนกวักมือเรียกราชบริพารให้นำบางสิ่งมาถวาย


    ยังทรงพระทัยร้อนไม่เปลี่ยน เสด็จมาเหนื่อยๆ ทั้งที ทรงดื่มน้ำสักหน่อยแล้วค่อยมาเจรจากันก็ยังมิสาย


    ข้าไม่ดื่มน้ำจากซาคาเดียร์ถ้วยน้ำที่นำมาถวายถูกปัดทิ้ง กล่าวด้วยเสียงเย็นชาไร้เยื่อใย คิเมดาห์แอบหัวเราะเบาๆ ในลำคอ  ก่อนจะเท้าคางมองคนตรงหน้าอย่างท้าทาย


    สรุปพระองค์จะเป็นปริปักษ์กับหม่อมฉันจริงๆ ใช่ไหมเพคะ หากพิธีการเก็บเกี่ยวครั้งสุดท้ายไม่ถูกจัดขึ้น พระองค์ทรงทราบใช่ไหมว่าซาคาเดียร์จะทำอย่างไร ตอนนี้หม่อมฉันคิดว่าพระองค์ไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะกล้าปฏิเสธน้ำของหม่อมฉันด้วยซ้ำ เพราะอะไรรู้ไหมเธอเว้นจังหวะ มองราชาแห่งนาคิน เพราะอนาคานกำลังทรยศหม่อมฉันไงเพคะรอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏขึ้นบนใบหน้า สิ่งที่ได้ยินทำเอาเหล่าข้าราชบริวารตกอยู่ในอาการกลืนไม่เข้าคลายไม่ออก เพราะไม่ว่าจะเลือกทางไหนก็ล้วนแต่ผิดทั้งนั้น หากซาคาเดียร์คือบันไดสวรรค์ องค์เทพของพวกเขาก็คือพระเจ้าเช่นกัน หากพระเจ้าเลือกที่จะทรยศสวรรค์ พวกเขาก็ต้องทรยศด้วย ถึงในใจจะไม่อยากผิดต่อสวรรค์ก็ตามที


    ข้าไม่ได้มาเพื่อตอบคำถามเจ้า แต่ถ้าเจ้ายังไม่หยุดการกระทำอันสกปรกของเจ้าล่ะก็นี่คือคำตอบของข้า สิ้นเสียงที่แข็งกร้าวขึ้นพระหัตถ์ทรงอำนาจเผยออกไปด้านข้าง ดวงเนตรคมกริบผันแปรเป็นดวงตารียาวของสัตว์ร้าย งูหางกระดิ่งจำนวนนับสิบปรากฏลายล้อมร่างสูงศักดิ์ เสียงคลื่นถี่ระรัวจากการสั่นปลายหางของอสรพิษทะเลทรายดังก้องจนแสบหู  

    ราชีนีคิเมดาห์ขมวดคิ้วลงต่ำ ที่ปลายเท้าสัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่กอดรัด พอปรายสายตาลงมองก็พบเป็นอสรพิษเกล็ดสีเหลืองทรายกำลังหดหัวเตรียมจู่โจม ดวงตานางพญาค่อยๆ เงยขึ้นมองผู้บงการ สีหน้าที่ผันเปลี่ยนไปอย่างไม่คาดคิดขององค์ราชาทำให้เธอสนุกยิ่งนัก นึกไม่ถึงว่าบาซิกค์จะหวงของเล่นได้ขนาดนี้


    เจ้าเป็นใครกัน คิโนมุระ มิกิ

     


    ภายในรถม้าของราชาแห่งอนาคาน มิกิได้แต่นั่งกระสับกระส่ายด้วยหัวใจที่ร้อนรนยิ่งนัก อยากจะแอบดูเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้น แต่แผ่นหลังของนายทหารที่เฝ้าอยู่ด้านหน้าก็บังหน้าต่างรถไว้จนมิด ครั้นจะเปิดประตูออกไปก็ถูกล็อกเอาไว้จากด้านนอก จึงได้แต่ถอนหายใจฟึดฟัดอยู่ในรถ รู้สึกไม่เข้าใจเลยสักนิด ในเมื่ออีกไม่นานเขาก็จะเป็นพระชายาแห่งอนาคานแล้ว เหตุใดถึงต้องปกปิดปัญหาบ้านเมืองไม่ให้เขารู้ด้วย ถึงบาซิกค์จะเคยแก้ไขเรื่องต่างๆ ด้วยตัวคนเดียว แต่สองหัวก็ย่อมดีกว่าหัวเดียวไม่ใช่หรือไง


    บ้าเอ๊ย!

    เขาสบถในใจอย่างหงุดหงิด มือเรียวพยายามเปิดประตูรถอีกครั้งแต่ก็ไม่เป็นผล แต่ขณะที่กำลังนั่งจมลงที่เบาะอย่างหมดความหวัง จู่ๆ ประตูรถก็ถูกกระชากออกอย่างแรง ไม่ทันได้รู้ว่าเป็นใคร เขาก็ถูกลากตัวออกมาด้านนอกในทันที


    โอ๊ย!” เขาถูกจับตัวกดลงกับพื้น ข้อมือทั้งสองข้างถูกมัดไว้ไพล่หลัง เห็นทหารที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูนอนตายโดยมีมีดคมกริบปักอยู่ที่กลางอก เลือดไหลซึมออกมาจากบาดแผลราวกับจะทะลักออกมา  ภาพความตายอันน่าสยดสยองทำให้รู้สึกอย่างจะอาเจียน แต่ไม่ทันไรก็ถูกจับตัวให้ลุกขึ้น


    มิกิพยายามออกแรงดิ้น แต่จังหวะที่พลิกตัวกลับมาหาผู้ลอบทำร้าย ก็พบใบหน้าที่ไม่คาดคิด


    แก!”

    ยังมีชีวิตอยู่จริงๆ ด้วยสินะ ได้เวลากลับบ้านแล้ว

    ใบหน้าคุ้นตา นั้นทำเอาเขาอ้าปากค้าง ภาพความทรงจำที่เคยลืมหวนกลับมา เขาจำได้ชายคนนี้เป็นหนึ่งในทีมวิจัยของค็อตเลอร์ แต่ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้!

     

    ฟ่อ!

     

    เสียงขู่อสรพิษดังขึ้น จนคนที่จับตัวต้องรีบหันกลับไปมอง ที่เท้าของเขาปรากฏร่างของงูหางกระดิ่งขดตัวอยู่ที่พื้น ปลายหางของมันยกขึ้นสั่นระรัวราวกับต้องการข่มขู่ศัตรู ใบหน้าของผู้ลอบทำร้ายซีดลง เหงื่อไคลซึมละกรอบหน้า มิกิอาศัยจังหวะที่อสรพิษเบนความสนใจ รีบใช้ไหล่กระแทก จนชายที่มุ่งร้ายเสียหลักล้มลงกับพื้น   ก่อนสัตว์ร้ายจะพุ่งเข้าจู่โจม ฝั่งคมเขี้ยวซ้ำที่ลำคอของคนที่ล้มลงต่อทันที


    ภาพความตายทำเอามิกิผงะเท้าถอยหลังจนล้ม หลังจากที่อสรพิษฝังคมเขี้ยวลงไปที่ชายผู้นั้น ใบหน้าของเขาก็ม่วงคล้ำ มีเลือดไหลออกมาจากดวงตาเหลือกขึ้นจนขาวโพลน ร่างกายชักงอเหมือนปลาที่แดดิ้นอยู่บนพื้น ฟองน้ำลายไหลออกมาจากปาก ก่อนวินาทีสุดท้ายจะสิ้นใจลงต่อหน้า


    มิกิกลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่ รู้สึกขาทั้งสองข้างสั่นจนไม่มีแรงลุกขึ้น ใช่ว่าภาพความตายเหล่านี้เขาจะไม่เคยเห็นที่อนาคาน แต่เขาก็ไม่ใช่คนเลือดเย็นที่ไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับความตายแบบนี้ มือเรียวยกขึ้นกุมแผ่นอกที่เต้นแรงราวกับจะทะลุออกมา พร้อมกับพยายามปรับลมหายใจให้สงบนิ่งมากที่สุด งูหางกระดิ่งเลื้อยมาหา เขา ดวงตาสัตว์ร้ายจ้องมองราวกับต้องการสื่อสารบางอย่าง และหากเขาจำไม่ผิดอสรพิษตัวนี้ เป็นตัวเดียวกับที่พาเขาไปพบบาซิกค์ ก่อนความรู้สึกบางอย่างจะบอกให้เขาพูดสิ่งนี้ออกไป


    ขอบใจนะ” อสรพิษไม่โต้กลับ แต่ดูเหมือนจะรับรู้คำขอบคุณของร่างตรงหน้าได้ มันสั่นปลายหางครั้งหนึ่ง ก่อนจะเลื้อยออกไปด้านหน้าราวกับจะนำทางเขาอีกครั้ง


    มิกิขมวดคิ้วแน่น ตอนนี้เขามีแรงพอจะลุกขึ้นยืนได้แล้ว ดวงตาคู่สวยมองตามอสรพิษอย่างครุ่นคิดสัญชาตญาณบอกให้เขาเดินตามมันไปอีกครั้ง แต่ทันทีที่เดินผ่านศพชายที่คุ้นหน้า คำถามหนึ่งก็เกิดขึ้นมาในหัวฉับพลัน


    ชายผู้นี้เป็นหนึ่งทีมวิจัยของค็อตเลอร์ไม่ผิดแน่ แต่เหตุใดถึงมาอยู่ที่ซาคาเดียร์ได้ เขาไม่เข้าใจเลยสักนิด คำถามมากมายเกิดขึ้นในหัว แต่จะปลุกร่างที่ไร้วิญญาณขึ้นมาตอบก็เป็นไปไม่ได้ ตอนนี้เขาต้องพยายามคิดคำตอบนั้นออกมาเอง หากเกิดเหตุการเช่นนี้ขึ้นแสดงว่าค็อตเลอร์รู้แล้วว่าเขายังมีชีวิต แต่แล้วทำไมถึงได้รู้ว่าอยู่ที่นี่ ถ้าไม่มีคน..

     

    มีแต่พระชายาเท่านั้น ที่อาจแก้ไขได้ พิสูจน์ฐานะของท่านให้พวกข้าเห็น

     

    หรือว่า..ในจดหมายนั่น!

    นัยน์ตาคู่สวยเบิกโพลง หากเรื่องราวเป็นอย่างที่เขาคิดทั้งหมดจริง ก็หมายความว่า ค็อตเลอร์ร่วมมือกับซาคาเดียร์! และระเบิดนั่นก็เป็นเครื่องยืนยันได้เป็นอย่างดี เช่นนั้นการที่บาซิกค์มาที่นี่ก็หมายความว่าบาซิกค์กำลังตกอยู่ในอันตราย!


    รีบพาฉันไปที!” เอ่ยด้วยความร้อนรน อสรพิษรับคำด้วยการรีบเลื้อยนำออกไปเวลานี้เขาไม่สนใจสิ่งใดอีกต่อไปแล้ว พอกันทีกับชีวิตที่สูญเสียไม่รู้จักจบสิ้น หากครั้งนี้จะมีคนที่ต้องจากไป ก็ขอใช้วิตของตัวเองเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อปกป้องคนที่เขารัก


     

    ลมทะเลทรายพัดโชยมาพร้อมกับกลิ่นชื้นของสายฝน ท้องฟ้าเริ่มมืดครึ้มขึ้นทุกวินาที ราวกับต้องการตอกย้ำบรรยากาศกดดันตรงหน้าให้หนักยิ่งขึ้น ดวงตาราชาอสรพิษจ้องเขม็ง ปานจะกินเลือดกินเนื้อหญิงสูงศักดิ์ตรงหน้าให้ตายด้วยสายตา โชคดีที่ลางสังหรณ์ของเขาถูกต้องจึงได้ทิ้งงูทะเลทรายคอยเฝ้าเด็กหนุ่มเอาไว้ ภาพมโนที่เห็นในห้วงความคิดผ่านสายตาของอสรพิษทำให้ถึงกับใจหายไปชั่วขณะเมื่อมิกิถูกลอบทำร้าย ทว่า..เขามิอาจดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นจนจบได้ ทันทีที่เขาเผลอราชีนีคิเมดาห์ ก็โต้กลับในทันที

                พระองค์ทรงเห็นอะไรงั้นหรือรอยยิ้มสวยยกขึ้นที่มุมปาก กล่าวข้อความราวกับล่วงรู้สิ่งที่เกิดขึ้น           เจ้าต้องการสิ่งใดขค้นเสียงเยือกเย้นจนทำให้อากาศของทะเลทรายเย็นวาบ คิเมดาห์ลุกขึ้นยืนจากที่ประทับ งูหางกระดิ่งที่เคยอยู่ใต้ขาเธอบัดนี้ศูนย์สลายกลายเป็นผุยผงดวงอำนาจของนาง ดวงตานางพญามองอย่างเย้ยหยัน


                ข้ามิได้ต้องการสิ่งใด นอกเสียจากการรักษากฏให้คงอยู่ไว้ แต่พระองค์ต่างหากต้องการสิ่งใดกันแน่ ถึงได้กล้าขู่ซาคาเดียร์เช่นนี้


                สิ้นคำพูด เสียงขู่ฟ่อก็ดังจากทุกทิศทุกทาง งูเห่าจำนวนหลายสิบตัว ชูคอรายล้อมเหล่าบรรดาราชบริวารแห่งอนาคานเอาไว้ ราชาบาซิกค์เบิกพระเนตรกว้างทันที


                เจ้าคิดจะทำอะไร!” แผดเสียงลั่นด้วยความกริ้ว แต่หากความโกรธกลับยิ่งทำให้ราชีนีอสรพิษยิ่งชอบใจ รอยยิ้มร้ายกาจยกขึ้น ในเมื่อเนื้อเข้าปากเสืออย่างเธอแล้วก็คงรอดได้ยาก


                หม่อมฉันไม่เคยคิดทรยศอนาคาน แต่สิ่งที่พระองค์ทรงทำกำลังทำให้บ้านเมืองแตกแยก หากหม่อมฉันเสด็จสวรรคต คิดหรือว่าเรื่องนี้จะจบลงง่ายๆ 


                “หากเจ้ากล้าแตะต้องคนของข้าแม้แต่ปลายเล็บ อนาคานกับซาคาเดียร์เป็นอันขาดกัน!” ดวงตาคมกริบเต็มไปด้วยความโกรธที่เริ่มกักเก็บไว้ไม่อยู่ คิเมดาห์สาวเท้าเดินเข้ามาหาราชาใกล้ขึ้นแต่ก็ห่างพอในระยะปลอดภัย ใบหน้างามเอียงมองราชาแห่งอนาคานตั้งแต่ปลายเท้าจรดศรีษะประหนึ่งกำลังพินิจสิ่งของไร้ค่า ก่อนเหยียดรอยยิ้มอย่างไม่ปิดบัง


                “แต่ะต้อง? แตะต้องใครล่ะเพคะ?  ราชบริวาร หรือทาสหนุ่มนั่น


                “หากเจ้าสังหารพระชายา ข้าจะฆ่าเจ้าบาซิกค์กล่าวอย่างเย็นชา คิเมดาห์กลับหัวเราะชอบใจ


                “ทำไมล่ะเพคะ ก็แค่ชีวิตชาวต่างชาติคนเดียว ไยพระองค์ถึงได้คิดสังหารหม่อมฉันได้ เขายังไม่ใช่พระชายาของพระองค์สักหน่อย และจะไม่มีวันได้เป็นด้วยคิเมดาห์เอ่ยอย่างร้ายกาจ ความจริงที่พูดตอกย้ำจนเผลอกำมือจนสั่น ถึงเขาจะเลือกมิกิเป็นพระชายา แต่สถานะตอนนี้พวกเขาก็ยังมิได้สมรสกัน จึงไม่มีข้อผูกพันธ์ใดๆ เกี่ยวข้องกับอนาคานอย่างที่หญิงตรงหน้าบอก คิเมเดาห์เป็นราชีนีที่ฉลาด หากเขาคิดทำอะไรวู่วามที่ซาคาเดียร์ลงไป เขาก็อาจปกป้องใครไม่ได้อีกเลย

                ทุกอย่างเงียบไปสักพัก ดูเหมือนราชาบาซิกค์กำลังรู้แล้วว่าสถานะของตัวเองในเวลานี้เป็นเช่นไร แต่ทั้งหมดยังไม่สาสมกับที่เธอต้องการ


    เธอจะบีบอนาคานให้มากกว่านี้ บีบจนกว่าจะยอมร้องขอสยบอยู่แทบเท้า!


                “นำตัวองค์ชายบาฮาลออกมาสิ้นเสียง ร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผลขององค์ชายบาฮาลถูกองครักษ์แห่งซาคาเดียร์ลากออกมาจากด้านหลัง ก่อนจะเหวี่ยงร่างสูงศักดิ์ที่ถูกมัดไว้ให้ล้มลงกองกับพื้นกลางลานพิธี ท่ามกลางสายตานับร้อย


                บาซิกค์เบิกตากว้าง คิดไม่ถึงว่าน้องชายตนจะถูกทำร้ายจนไร้เรี่ยวแรง แต่ถึงความกริ้วโกรธจะทุขึ้นในใจแต่ก็ต่องระงับเอาไว้ อย่างไรบาฮาลได้กระทำผิดต่อซาคาเดียร์จริง แต่หลักฐานที่มัดแน่นนี้ ทำยังไงเล่าถึงจะแก้ปมเชือกได้


                “องค์ชายบาฮาลคิดสังหารหม่อมฉัน อนาคานจะรับผิดชอบอย่างไรดวงตานางพญาหันมามองอย่างคาดคั้นเอาคำตอบ ราชาบาซิกค์ยืนนิ่งพยายามครุ่นคิดอย่างหนัก ถึงจะพอเดาจุดประสงค์ของอีกฝ่ายออก แต่เขาก็ต้องการย้ำให้แน่ชัดว่า คิเมดาห์คิดไม่ซื่อกับอนาคานจริง


                “เจ้าต้องการสิ่งใด”  พอได้ยินคำถามร่างงามก็ยิ้มหวานตอบรับ


                “หม่อมฉันไม่ขอสิ่งใดมาก แค่พิธีเก็บเกี่ยวครั้งสุดท้าย จะต้องถูกจัดขึ้น และหม่อมฉัน จะทำเป็นลืมว่า...เคยเกิดอะไรขึ้นระหว่างซาคาเดียร์และอนาคานข้อเสนอหยิบยื่นออกมาพร้อมรอยยิ้ม บาซิกค์คาดเดาไว้อยู่แล้วคิเมดาห์คงต้องการเช่นนี้ แต่ถึงอยากจะปฏิเสธอย่างไร เขาก็ไม่มีเหตุผลเพียงพอ อีกทั้งคนที่ต้องรับเคราะห์กรรมนี้คงเป็นน้องชายของเขาเอง แต่หากยอมรับ ก็เท่ากับอนาคานยอมคุกเข่าให้ซาคาเดียร์อีกครั้ง ซึ่งรวมไปถึงเรื่องในอนาคตที่คิเมดาห์ต้องการครอบครองอนาคานไว้นำกำมือ ผสานกับความจริงที่บีบคั้นกับฉากสายตานับร้อยคู่ของประชาชน ทั้งหมดเป็นแผนการของคิเมดาห์ที่ต้องการกดดันตัวเขาให้ยอมรับ แต่...


                “ยะ...อย่านะท่านพี่..เสียงอ่อนแรงจากคนที่คิดว่าสิ้นการรับรู้ไปแล้วเอ่ยขึ้นดังจากเบื้องล่าง องค์ชายบาฮาลพยายามเหลือบมองพี่ชายของตนเองอย่างอ้อนวอน ว่าอย่าได้สนใจชีวิตของเขา ถึงอยากจะกลั้นใจพูดมากกว่านี้ ว่าเขายอมตายยังดีเสียกว่าตกเป็นเครื่องมือทำลายประเทศของตัวเอง แต่ร่างกายของเขาก็ไร้แรงเกินกว่าจะขยับได้


                บาซิกค์มองใบหน้าน้องชายของตัวเองนิ่ง เขาเข้าใจว่าบาฮาลต้องการให้เขาทำเช่นไร ทว่าความลังเลบางอย่างที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นตรงกลางใจก็ไม่สามารถทำให้เขาตัดสินใจได้ทันที หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงไม่สนใจ แต่เวลานี้ สิ่งที่เรียกว่าความรู้สึกมันกลับบอกว่า..เขาต่างหากที่ควรจะจบเรื่องทุกอย่าง


                “ได้โปรดใช้ชีวิตของพระองค์ ช่วยเหลือพวกเขา...คิเมดาห์ย้ำเตือนครั้งสุดท้าย ราวกับเป็นการกระตุ้นบทสรุปทุกอย่าง ได้ยินเสียงข้าราชบริวารของตัวเองกำลังร่ำไห้ คำวิงวอนให้เขาโปรดเมตตาดังก้องทั้งสองใบหู เขาจะต้องเสียสละ

     

     

    ...ชีวิตนี้เกิดมาเพื่ออนาคาน

     

    ...และมันจะต้องเป็นเช่นนั้น

     

                                        ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้

     

     

     

    ริมฝีปากหยักสวยสมดั่งองค์เทพกำลังเขยื้อนเอ่ย.. ถ้อยคำสุดท้าย..กล่าวอำลา

     

     

               

    อย่านะบาซิกค์!” เสียงเรียกของใครบางคนตะโกนลั่น สติที่หลุดลอยกลับคืนมาอีกครั้ง บาซิกค์รีบหันไปหาเจ้าของเสียงนั่น  เหล่าฝูงชนต่างแหวกออกเป็นสองข้างราวกับต้องการให้ดวงตาของราชาอสรพิษมองเห็นผู้ขัดจังหวะได้ชัดเจน เด็กหนุ่มต่างชาติในชุดโธปสีขาวแบกร่างไร้วิญญาณของใครบางคนไว้กับแผ่นหลัง ด้วยสีหน้าที่เหน็ดเหนื่อยเอาการ เจ้าตัวสาวเท้าตึงตังเดินมายังใจกลางลานพิธี โยนร่างไร้วิญญาณที่แบกมาลงกับพื้นต่อหน้าทุกคน


                ไอ้พวกขี้ขลาด!” เสียงตวาดลั่นใส่หน้าราชีนีแห่งซาคาเดียร์ คิเมดาห์เบิกตาโพลงไม่คาดคิด

                ซาคาเดียร์เก่งแต่เรื่องแทงข้างหลังคนอื่นหรือยังไง

    บังอาจ!” 

    องครักษ์ข้างกายราชีนีทำท่าจะเอาเรื่องเด็กหนุ่ม แต่มือเรียวกลับยกขึ้นห้ามเอาไว้ฉับพลัน ราวกับมีบางอย่างน่าสนใจ ก่อนดวงตานางพญาจะปรายลงมองที่ซากศพที่ถูกพิษงูจนสิ้นลม แล้วหันมาให้ความสนใจกับเด็กหนุ่มคนที่กล้าว่าเธอต่อหน้าทุกคน


                “นั่นไม่ใช่คนของซาคาเดียร์สุรเสียงเอ่ยนิ่งเรียบ เธออยากจะรู้นักว่าเด็กที่ไม่สิ้นปากกลิ่นน้ำนม จะเอาอะไรมาสู้กับเธอได้


                “แล้วคิดจะบอกคนที่บงการอยู่เบื้องหลังไหมล่ะพอได้ยินคำถามที่สวนกลับมา สีหน้าของนางพญาก็เปลี่ยนไปฉับพลัน มิกิยกยิ้มขึ้น


                “ถ้าซาคาเดียร์บริสุทธิ์ใจ ก็ยอมรับออกมาซะว่าเป็นใคร ถึงฉันจะไม่รู้กฏที่นี่ แต่ก็แน่ใจว่าการทำร้ายคนของพระราชา ย่อมมีความผิดเท่ากับการทำร้ายราชาเช่นกันมิกิจงใจเน้นย้ำคำว่า คนของพระราชาเป็นพิเศษ หลังจากผ่านเหตุการณ์ทั้งหมดจนแทบเอาชีวิตไม่รอด เขาก็แน่ใจบาซิกค์จะต้องปกป้องเขาจากคำพูดนี้ได้แน่นอน ถึงแม้คนอื่นจะยังไม่ยอมรับในตัวเขาก็ตาม


                “เจ้ายังไม่ใช่คนของอนาคานคิเมดาห์ยิ้มอย่างเหนือกว่า แต่หากรอยยิ้มนั้นต้องจางหายไปทันที เมื่อ เสียงเรียบสวนขึ้นมา


                “เขาเป็น...คิเมดาห์หันมามองบาซิกค์ มือเรียวกำจนแน่น


                “และเป็นมาตลอดรอยยิ้มหยั่นยกขึ้นจากดวงหน้างดงามขององค์ราชา คิเมดาห์รู้สึกเหมือนถูกตบหน้าด้วยก้อนน้ำแข็งจนชาวาบ อย่างไรเธอจะไม่ยอมแพ้อยู่แค่นี้ หากเล่นสงครามเช่นนี้กับเธอ เธอก็จะสนองให้


                “นี่ไม่ใช่ความผิดของซาคาเดียร์ ไม่มีความจำเป็นต้องรับผิดชอบ อย่าลืมสิว่าพระองค์เสด็จมาที่นี่เพราะเหตุใด หากคนของท่านมีหลักฐานไม่ชัด อนาคานก็ไม่มีสิทธิ์มาเหิมเกริมเปลี่ยนผิดเป็นถูกที่นี่ร่างงามกล่าวเสียงแข็งกร้าว มิกิคาดไม่ถึงว่าคิเมดาห์จะงัดเรื่องนี้ออกมาปิดปากพวกเขา


                “เอาอย่างไรดีเล่า...พระองค์ตัดสินพระทัยได้หรือยัง แต่หากปฏิเสธพิธีเก็บเกี่ยวครั้งสุดท้ายล่ะก็...จังหวะเว้นหายไป ดวงตานางพญาเปลี่ยนมองราชบริวารแห่งอนาคานที่ลายล้อมอยู่รอบนอก


    พวกเขาก็ต้องชดใช้แทน เสียงดีดนิ้วดังขึ้น พร้อมกับเสียงกรีดร้องของราชบริวาร


    ราชาบาซิกค์เบิกพระเนตรกว้างเมื่อเห็น อสรพิษพันอยู่ที่ลำคอข้าราชบริวารทุกคน แม้จะเคยสั่งลงโทษราชบริวารของตนจนถึงแก่ความตายมามาก แต่กลับทนไม่ได้หากคนของเขาจะต้องตายด้วยน้ำมือของผู้อื่น มันเป็นเหมือนการหยามเกียรติหยามศักดิ์ แต่เวลานี้เขาอยู่ในรังศัตรู หากใช้อำนาจที่มีลงมือช่วยก็เท่ากับว่า เขาเปิดสงครามขึ้นทันที และทุกคนจะต้องตายอยู่ที่นี่..สิ่งที่จะช่วยทุกคนคือ..ตัวเขาเอง

     

                จะไม่มีพิธีการเก็บเกี่ยวครั้งสุดท้ายเกิดขึ้น!” เสียงประกาศกร้าวดังขึ้นท่ามกลางความตึงเครียด เด็กหนุ่มสองสายเลือดยืนอยู่ใจกลางลานพิธี สีหน้าที่จริงจังปรากฏขึ้นพร้อมกับของเหลวบางอย่างที่กำลังไหลจากมาจากฝ่ามือ...

     

              แหมะ..

     

    แหมะ..

     

    คมมีดกรีดลึกบนฝ่ามือ เลือดสีแดงเข้มไหลหยดลงสู่พื้น กลิ่นบุปผชาติโบราณโชยคลุ้งขจรขจรายไปตามสายลม ทันทีรับรู้ อสรพิษที่เกี่ยวรัดคอร่วงหล่นบนกับพื้น ก่อนเลื้อยไปในจุดเดียวกัน กอดเกี่ยวพันกันจนกลุ่มก้อนร่วมรับไม่รู้จักอับอาย


    หากบังคับพวกมันได้ ก็ลองดูมิกิแสยะยิ้ม คิเมดาห์พยายามใช้อำนาจของตัวอีกครั้งแต่อสรพิษเหล่านั้นหาได้ทำตามคำสั่งไม่ ดวงตานางพญาหันมามองเด็กหนุ่มด้วยความกริ้ว แต่ทว่า แทนที่เขาจะได้ยินเสียงชื่นชมยินดีจากราชบริวารแห่งอนาคาน กลับกลายเป็นเสียงตัดพ้อในชีวิตต่อว่าว่าที่พระชายาแห่งอนาคาน คิเมดาห์ได้ยินเช่นนั้นแล้วก็ยกริมฝีปากขึ้นเมื่อรู้สึกเป็นต่อ อย่างไรเรื่องนี้ดิ้นรนไปก็คงสูญเปล่า หากอนาคานยังคงเป็นเมืองที่โง่งมเช่นนี้อยู่ ขณะที่มิกิทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว!


                “หยุดพล่ามได้แล้วไอ้พวกขี้ขลาด! ราชาบาซิกค์ให้ชีวิตกับพวกนายไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงตอบแทนเขาแบบนี้!” เสียงตะโกนที่ตะเบ็งออกมาจากคนที่เสียสละเลือดของตัวเอง มิกิยืนขึ้นเต็มความสูงหันใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธ เข้าหาเหล่าบรรดาบริวารแห่งอนาคานที่เอาแต่ห่วงชีวิตของตัวเอง


                เพราะกฏงั้นหรือ งั้นพวกนาย นาย นาย! ก็สมควรตายด้วยกันหมดทุกคน!” เขากล่าวเสียงแข็งอย่างไม่เคยเป็น นัยน์ตานั้นเริ่มสั่นคลอ แต่หาใช่ความเสียใจ แต่เป็นความเจ็บใจที่รอบตัวของบาซิกค์ไม่มีคนที่จริงใจเลยสักคน


                พวกนายมันเห็นแก่ตัว รักแต่ชีวิตของตัวเองที่รอคอยการปกป้อง แต่เคยถาม องค์ราชาสักคำไหมว่า เขาเจ็บปวดมากแค่ไหน เสียงของเขาดังก้อง ประโยคสุดท้ายที่พูดราวกับเขารับความเจ็บปวดของบาซิกค์ไว้กับตัวเอง


                ถ้าพวกนายภักดีแค่ปาก ก็อย่าพูดมันอีกเลย กลับไปให้หมดซะ! แต่หากรักองค์เทพจริงก็จงหยิบอาวุธขึ้นมาสู้เพื่อความถูกต้อง และหยุดไล่เขาให้ไปตายสักที..” ประโยคช่างแสนเจ็บปวดจนขอบตาร้อนผ่าว แต่เขาจะเปลี่ยนมันเป็นความเข้มแข็ง


    แต่หากพวกนายไม่กล้า... มิกิเดินไปขวางอยู่หน้าบาซิกค์ กางแขนออกทั้งสองข้าง ฉันจะปกป้อง องค์ราชาเอง... สายลมวูบหนึ่งพัดโชยมาพร้อมกับกลิ่นบุปผาที่โปรดปราน แม้ร่างกายนี้จะไม่มีอิทธิฤทธิ์ ปาฏิหาริย์ใดๆ มาป้องกัน แต่ก็จะขอใช้ร่างกายที่อ่อนแอนี้ปกป้องคนที่เขารักจนวินาทีสุดท้าย


    จะไม่ยอมเสียใครไปอีกแล้ว..

     

    จะไม่ยอมไปไหนอีกแล้ว..

     

    หากชีวิตนี้ต้องดับสิ้น ก็ขอให้สิ้นใจใต้อ้อมแขนของคนรักก็เกินพอ

     

    บาซิกค์อยากจะสวมกอดคนตรงหน้าไว้จริงๆ แต่ไม่ใช่เพราะรู้สึกละอายในความลังเลของตัวเองจนทำให้เรื่องทุกอย่างกลายเป็นเช่นนี้จึงไม่กล้าทำเช่นนั้น มิกิเป็นเด็กหนุ่มที่เหมือนจะอ่อนแอ แต่ทว่าความเป็นจริงแล้วกลับเป็นคนที่เข้มแข็งและกล้าหาญจนเขาคาดไม่ถึง เขาได้สร้างบาดแผลมากมายให้ร่างนี้มากมาย ทั้งภายนอกและภายใน น่าแปลกที่คนคนนี้กลับยอมรับมันได้ทุกอย่างโดยไม่ลังเล ขณะที่เขากลับสับสนแม้จะเลือกในสิ่งที่ถูกต้อง เขาจะปกป้องคนอื่นได้อย่างไร หากตัวนั้นยังอ่อนแอเช่นนี้อยู่..

     

    บทเรียนทุกอย่างสามารถเรียนรู้ได้

     

    แต่บทเรียนที่สอนใจคนเล่า มันจะสามารถเรียนรู้ได้เช่นกันหรือเปล่า? เขาก็อยากรู้คำตอบ

     

                “เป็นความกล้าหาญที่งดงามมาก คิโนมุระ มิกิเสียงปรบมือดังขึ้นจากร่างระหง เธอไม่คาดคิดมาก่อนว่าบาซิกค์จะมีของเล่นชิ้นดีเช่นนี้อยู่ในกำมือ แต่อย่างไรเรื่องนี้คงไม่จบเพียงเท่านี้ หากบีบบังคับตามที่วางแผนไว้ไม่ได้ เธอก็จะใช้วิธีใหม่ที่กดดันยิ่งกว่าเดิม

    ข้าก็อยากจะรู้เช่นกัน ว่าเจ้าละทิ้งความเห็นแก่ตัวอย่างที่เจ้าพูดได้หรือเปล่า หากข้ายกโทษของอนาคานครั้งนี้ให้แก่เจ้าเป็นคนตัดสิน เพื่อแลกกับอิสระภาพที่เจ้าต้องการ เจ้าจะได้กลับประเทศของเจ้า เริ่มทุกสิ่งใหม่อีกครั้งพร้อมเงินทองมากมาย และจะไม่มีใครตามมาทำร้ายเจ้า เจ้าจะได้ทุกอย่าง หากเจ้ากลับไป


    เอาเลยสิมิกิ..แสดงความเห็นแก่ตัวของเจ้าออกมา

     

                “อนาคานอยู่ในกำมือของเจ้าแล้วสิ้นประโยค คิเมดาห์ก็ทิ้งรอยยิ้มชั่วร้ายไว้ทันที เธออยากจะรู้นักว่าคนที่คิดจะปกป้องราชา จะทำจริงอย่างที่ปากว่า หรือก็แค่เสียงไก่กาไม่ต่างจากคนอื่น เมื่อเจอข้อเสนอที่ตัวโหยหามาตลอด

                มิกิยืนนิ่งครุ่นคิด รู้สึกบนบ่าเหมือนแบกโลกไว้ทั้งใบ ทั้งที่รู้ว่ามันไม่ถูกต้องที่เขาลังเล เพราะปากเขาก็พูดออกไปแล้วว่าจะปกป้องบาซิกค์ ทว่า ความคิดชั่ววูบก็พลันแล่นเข้ามาในหัว

     

                ใช่..เขาอยากกลับบ้าน กลับไปใช่ชีวิตในแบบที่เขาต้องการไม่ต้องมีเรื่องอะไรมาพัวพันอีกแล้ว

     

              เขาไม่ควรอยู่ที่นี่

     

              และอนาคานก็ไม่เคยมอบความสุขใดให้..

     

              หากกลับญี่ปุ่นพร้อมกับเงินทองมากมายเหล่านี้ ทั้งชีวิตเขาไม่ต้องทำงานเลยก็ยังได้

     

              โอกาส กองอยู่ตรงหน้าแล้วมิกิ..

     

              เลือกสิ..มิกิ

     

                “ฉันจะกลับ... คำตอบที่ได้ยินทำเอาทุกคนถึงกับเบิกตากว้าง แต่ไม่ทันที่คิเมดาห์จะยกยิ้มให้กับความสำเร็จของเธอ คำตอบก็เผยมาอีก


                “แต่ไม่ใช่ประเทศของฉัน แต่เป็น...มิกิเว้นจังหวะไป ทุกอย่างเงียบสงบ ใบหน้าอ่อนหวานของเด็กหนุ่มหันมองราชาแห่งนาคิน  อนาคาน

                สิ้นข้อต่อรองสุดท้ายที่ถูกพังทลาย บรรดาชาวอนาคานทุกคนยิ้มนับยินดีกับคำตอบเช่นนั้นของว่าที่พระบา ก่อนทุกคนหยิบอาวุธของตัวเตรียมขึ้นสู้รบ ภาพที่เปลี่ยนไปทำเอาราชีนีแห่งซาคาเดียร์สติขาดผึงทันที!


                “งั้น ก็ไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก!”


                “บาฮาล!” เสี้ยววินาทีที่เผลอไป องครักษ์ข้างกายของราชีนีก็จ่อคมดาบไว้ที่ต้นคอขององค์ขายแห่งอนาคานในทันที คิเมดาห์แสยะยิ้มชั่วร้าย เพราะบางทีอนาคานอาจจะลืมไปแล้วว่าหากปฏิเสธสิ่งที่เธอปรารถนาก็ต้องมีคนชดใช้ให้เธอเช่นกัน!


                “ประหารองค์ชาย เพื่อชดใช้ความผิดแด่ซาคาเดียร์ซะ!” สิ้นบัญชาอย่างโหดเหี้ยม คมมีดกำลังพุ่งปาดลงที่ลำคอคอขององค์ชายหนุ่มทันที แต่ไม่ทันได้ดั่งใจ พริบตาเดียวในจังหวะที่กำลังจะถึง งูหางกระดิ่งที่แอบซ่อนตัวไว้ใกล้สาบเสื้อขององค์ชายก็พุ่งตัวฉกเข้าข้อมือองครักษ์ของราชีนี พอได้โอกาสบาซิกค์ก็รีบตรงเข้าประชิดองครักษ์นั่น ฝ่ามือทรงอำนาจบีบเข้าที่ลำคออย่างไม่ลังเล ก่อนจะกดร่างนั้นจนล้มลงกองกับพื้น แล้วเหยียบเท้าทับไว้ที่ลำคอของอีกฝ่ายไม่ให้คิดหนี


                ราซิส!” คิเมดาห์ร้องดังด้วยความตกใจ องครักษ์ที่ปิดบังใบหน้าใต้ผ้าคลุมศีรษะเผยออก ใบหน้าคุ้นตาของชายหนุ่มผมทอง กับดวงตาสีครามอยู่ใต้ฝ่าเท้า เพียงแค่นั้นเขาก็จำได้ทันที


                เจ้ายังไม่ตายจริงๆด้วยสินะราซิสพยายามดิ้นให้หลุด แต่ด้วยแรงกดมหาศาลทำให้เหมือนร่างกายของเขาถูกล็อกเอาไว้ แม้จะกลายร่างเป็นนาคินก็มิอาจทำได้ แต่พอได้ยินสุรเสียงเย็นชาคุ้นหูแล้วหัวใจก็ชาวาบขึ้นมา แม้เรื่องในอดีตจะผ่านไปนานจนคิดว่าเริ่มทำใจได้ แต่พอพบคนคนนี้อีกครั้ง ความรู้สึกหลากหลายก็เข้ามาปะปนจนสับสน ทั้งเกลียดชัง ทั้งเจ็บใจ แต่ทำไมกัน ทำไมถึงได้เหลือเยื่อใยไว้ด้วย ทั้งๆ ที่คนๆ นี้ตัดเขาทิ้งออกไปแล้วทุกอย่าง หากอยากจะฆ่าเขาก็ทำเลย ไม่ต้องมามองด้วยสายตาแบบนั้น


                สายตาที่เต็มไปด้วยความสมเพช

     

                บังอาจนักบาซิกค์ ปล่อยเขาไม่งั้นข้าจะฆ่าบาฮาลเดี๋ยวนี้!” คิเมดาห์แผดเสียงลั่น หยิบคมมีดมาจ่อไว้ที่องค์ชายบาฮาลอย่างรวดเร็ว บาซิกค์ปรายตาหันกลับมองราชีนีแห่งซาคาเดียร์แล้วยกยิ้มเย็นเยียบ ในที่สุดเขาก็พอจะเข้าใจทุกอย่างแล้ว ว่าทำไมคิเมดาห์ถึงอยากจะให้เขาพิธีเกี่ยวเก็บครั้งสุดท้าย


                “หากเจ้าฆ่าบาฮาล ข้าจะฆ่าราซิสด้วย และเป็นอันว่าอนาคานจะยอมรับข้อเสนอพิธีเก็บเกี่ยวครั้งสุดท้าย และข้าจะทำตามความปรารถนาของเจ้า โดยเลือกเจ้าเป็นราเมียร์คู่บัลลังก์พอได้ยินคำตอบ คิเมดาห์ก็กลืนน้ำลายแทบไม่ลง ที่บาซิกค์พูดเหมือนรู้แผนเธอทุกอย่างว่าต้องการสิ่งใด แต่มีหรือว่าเธอจะยอมรับเรื่องนี้


                “หึ คิดหรือว่าข้าจะ...


                อ๊ากก!” ราซิสร้องโหยหวนด้วยความเจ็บเมื่อบาซิกค์กดเท้าที่คอแรงขึ้น


                อย่านะ!” คิเมดาห์ร้องห้ามอย่างลืมตัวเมื่อได้เห็นคนรักถูกทำร้าย ขณะที่บาซิกค์แน่ใจแล้วว่า ที่ราซิสรอดชีวิตที่ซาคาเดียร์เป็นเพราะเหตุใด ก่อนดวงตาคมกริบจะจ้องมองราชีนีแห่งซาคาเดียร์อย่างเหนือกว่า


                “คิดหรือว่าข้าจะไม่รู้แผนการของเจ้า ที่ไว้ชีวิตราซิสไว้ก็เพื่อที่จะนำมาเป็นคู่ครอง ตามกฏข้าไม่สามารถเลือกราเมียร์ที่มีคู่ครองได้ แต่หากราซิสตาย เจ้าก็ไร้คู่และข้าก็สามารถเลือกเจ้าเป็นราชีนีคู่บัลลังก์ได้ และที่เจ้าหวังจะให้พิธีเก็บเกี่ยวครั้งสุดท้ายเกิดขึ้น ก็เพื่อจะครอบครองโอรสเทพนาคินองค์ใหม่ไว้ในมือ แล้วนี่หรือที่บอกว่าซาคาเดียร์ไม่เคยทรยศอนาคาน!”


                พอแล้วบาซิกค์!!” มิกิทนไม่ไหวร่างเล็กรีบเข้ามาห้ามก่อนที่บาซิกค์จะเหยียบราซิสให้ตายคาแทบเท้าของตัวเอง แต่กลับถูกผลักจนล้มกับพื้น


              นี่ไม่ใช่เรื่องของเจ้ามิกิ!บาซิกค์ตวาดเสียงดังด้วยความกริ้ว ก่อนใบหน้าคมจะหันตวัดกลับมาที่ราชีนีซาคาเดียร์


                “หากเรื่องนี้ซาคาเดียร์ไม่ยอมรับ ก็เท่ากับว่าต้องการเปิดสงคราม ต้องการเช่นนั้นหรือไม่

                ดวงตาราชาจับจ้องด้วยความพิโรธ คิมเดาห์กันฟันแน่นคิดไม่ถึงว่าเธอจะเป็นฝ่ายถูกไล่ต้อนให้จนมุม แต่อย่างไรเธอก้ไม่สามารถปล่อยให้เรื่องราวลงเอ่ยเช่นนี้ได้ แม้ในอดีจะเคยคิดใช้ราซิสเป็นเพียงแค่เครื่องมือให้เธอมีชีวิตรอด แต่ตอนนี้เธอไม่ต้องการให้ชายผู้นี้เจ็บปวดอีกแล้ว บาดทางกายนั้นหายได้ แต่บาดแผลในใจยากจะรักษา หากเป็นเช่นนั้นเธอยอมตายไปด้วยเสียยังจะดีกว่าต้องอยู่เพียงลำพัง


                “ใช่หม่อมฉันยอมรับสิ้นคำตอบทุกอย่างเงียบกริบไปอีกครั้ง ราชีนีคิเมดาห์เงยใบหน้าขึ้นมาอ้อนวอนทั้งน้ำตานองหน้าอย่างไม่ปิด


    แต่ได้โปรด ปล่อยเขา...น้ำตาของหญิงสาวไหลออกมา ทั้งๆ ที่ทีแรกคิดเสมอว่าราซิสคือเครื่องมือของเธอแต่พอมาตอนนี้ เธอมิอาจโกหกความรู้สึกของตัวเองได้อีกต่อไป บาซิกค์เมื่อเห็นคิเมดาห์หลั่งน้ำตา ก็ยกเท้าขึ้น ราซิสโก่งตัวไอออกมาทันทีที่ได้รับอากาศอีกครั้ง ร่างงามรีบวิ่งเข้ามาหาองครักษ์ก่อนทรุดตัวลงนั่งข้างๆ


                “ราซิส เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า


                “ข...ข้าขอโทษ ข้าฆ่าเขาไม่ได้


                “อย่าพูดอีกเลยราซิสมือเรียวลูบลงบนเส้นผมสีทองอย่างอ่อนโยน ก่อนดวงตานางพญาจะเงยขึ้นมองคนที่ยืนคร่อมด้วยสายตาเกรี้ยวโกรธ


                “นี่คือสิ่งที่ต้องการใช่หรือไม่ ในที่สุดซาคาเดียร์ก็ไม่เหลือเกียรติใดๆ อีกแล้ว หากอยากตัดขาดกัน ก็ขาดกันตั้งแต่วันนี้!”


                “นั่นไม่ใช่เพราะพวกเจ้าเริ่มก่อนหรอกหรือ ที่มาลอบวางระเบิดที่อนาคาน!”


                นั่นไม่ใช่ฝีมือของหม่อมฉัน!” คิเมดาห์ขึ้นเสียงแข็งกับความจริงบางอย่างที่ทำเอาชาวอนาคานทุกคนไม่คาดคิดไปตามๆ กัน แต่ไม่ทันจะได้ถามอะไรต่อ ดวงตาคู่สวยของนางพญาก็หันมามองที่เด็กหนุ่มต่างชาติ


                “แต่ทรงถามคนของพระองค์ที่ทรงหวงนักหนาเองเถอะ ว่าเพราะเหตุใดแน่พอคำตอบถูกโยนมาที่เขา มิกิถึงกับสะดุ้ง เพราะมีเรื่องราวบางอย่างที่เขายังไม่ได้บอกคนตรงหน้า ใช่ว่าเขาจะปิดบัง แต่เขาแค่ไม่ในใจว่า คนจากฝั่งนั้น กลับมาตามหาเขาจริงหรือเปล่า แต่พอได้ฟังเช่นนี้ คำตอบทุกอย่างก็ยิ่งชัดเจน


                คิเมดาห์ยกมือขึ้นปาดน้ำตาแห่งความเจ็บใจ คิดไม่ถึงเลย ว่าเด็กต่างชาติเพียงคนเดียวจะทำให้ทุกอย่างที่วางแผนมาพังทลายไม่มีชิ้นดี

                “ไม่คิดเลยว่าคนนอกจะทำให้กฏของเทพนาคินย่อยยับ หากพระองค์ต้องการสงครามจริง หม่อมฉันก็จะสนอง...”


                “อนาคานจะชดใช้ให้เจ้าอย่างสมเกียรติ...และไม่จะตัดสัมพันธ์กับซาคาเดียร์ทิ้ง


                “หึ ด้วยอะไรล่ะเพคะ พิธีเก็บเกี่ยวครั้งสุดท้าย พระองค์ก็ปฏิเสธมันไปแล้ว ยังจะเหลืออะไรที่หม่อมฉันต้องการอีก!” เธอกล่าวอย่างนึกขัน ตอนนี้เธอไม่ได้อะไรสักอย่างในสิ่งที่ต้องการ แล้วจะใช้อะไรมาเอาใจเธอเพื่อผูกสัมพันธ์กับซาคาเดียร์อย่างที่เธอพอใจได้ แต่คำตอบกลับเป็นสิ่งที่เธอคาดไม่ถึง


                “ชีวิตขององค์ชายบาฮาล ข้ายกให้เจ้า ฆ่าเขาซะ เพื่อชดใช้แทนเรื่องทั้งหมดคำตอบแสนเลือดเย็นทำเอาคิเมดาห์เบิกตากว้าง มิกิรีบลุกขึ้น ทันทีเขายอมไม่ได้ที่จะให้เกิดเรื่องแบบนี้!


                “บาซิกค์! อึก!” ไม่ทันจะได้เข้าไปห้าม ทันทีที่สบดวงตาเรียวยาวของอสรพิษ ก็เหมือนมีบางอย่างทำให้ภาพทุกอย่างขาดหายไป ก่อนร่างกายจะทรุดฮวบลงในอ้อมแขนขององค์ราชา


                “นำตัวมิกิออกไป...” ราชบริวารรีบเดินเข้ามา รับตัวเด็กหนุ่มออกไปจากอ้อมแขนแกร่งตามรับสั่ง ก่อนดวงตาคมกริบจะหันมามองกับผู้ที่สำคัญที่สุดกับการรักษาความสัมพันธ์ครั้งนี้


                “เรื่องนี้เจ้าเสียสละตัวเองได้หรือไม่บาฮาลเสียงที่แสนเย็นชา จนไร้ซึ่งความรู้สึกเอ่ยกับน้องชายตน บาฮาลมองดวงตาสีอำพันของราชานาคิน แม้ภายนอกมันจะรุ้สึกว่างเปล่าไม่มีเยื่อใยให้เขา แต่เขากลับสัมผัสได้ถึงบางสิ่งที่ซ่อนเอาไว้กับการแสดงออกเพียงเปลือกนอกจากพี่ชายคนนี้ ตั้งแต่เกิดมาชีวิตของเขาไร้ซึ่งความเห็นอกเห็นใจ และเติบโตมาเพียงลำพังตลอด แต่หากเขาคงไม่มีวันได้รับโอกาสเหล่านั้นหากเทพนาคินไม่เมตตาไว้ชีวิต ทั้งๆ ที่รู้ว่าอนาคตเขาอาจกลายเป็นเทพนาคินแย่งอำนาจของพี่ชายตัวเองก็ได้ แม้การแสดงออกภายนอกจะมีแต่ความเย็นชา แต่ถึงจะเป็นความเย็น ก็เป็นความเย็นที่สามารถปกป้องและห่อหุ่มเขาได้เสมอ หากจะตอบแทนเพื่อสร้างประโยชน์ให้คนคนนี้ ชีวิตของเขาก็เกิดมาคุ้มค่ากับทุกสิ่งแล้ว


                “ชีวิตของกระหม่อมเป็นของพระองค์บาฮาลหลับตาลง พยายามโน้มศีรษะแสดงความภักดีว่าน้อมรับบัญชาขององค์เทพ บาซิกค์พยายามยกรอยยิ้ม ก่อนหันใบหน้าที่เรียบเฉยถามคิเมดาห์


                “เจ้าพอใจกับคำตอบนี้หรือเปล่า...คิเมดาห์พูดไม่ออก แต่ก็มิอาจปฏิเสธข้อเสนอนี้ ก่อนเสียงฟ้าคำรามท่ามกลางทะเลทรายร้อนระอุจะดังขึ้น พร้อมบัญชาจากองค์เทพ


                ฆ่าเขา...


                สายฝนค่อยๆ โปรยปรายลงมา อสรพิษแผ่แม่เบี้ยชูคอขึ้นสูง คมเขี้ยวพร้อมพิษล้างหัวใจฝังลงไปบนบ่ากว้างขององค์ชายแห่งอนาคาน...

     

                            หยดน้ำจากฟากฟ้า ตกลงมา..

     

                                           หรือคือ หยาดน้ำตาขององค์เทพ..

     

                                                              ลาก่อน บาฮาล 


    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

     ทักทายกันสักนิด
                   มาต่อล๊าวนะตัวเธอร์ >< อร๊างงงงงงงงงง อย่างเพิ่งด่วนสรุปอะไรเนร๊อะ อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ถ้ามี อีทูดี้ ยืนไว้อาลัยบาฮาลกับตอนนี้  เป็นการเขียนที่ข้าพเจ้าเครียดที่สุด โอมม จงบันไซพี่งู กับพระแม่มิกิ ลุ้น อีกนิด ใกล้จบล๊าวว ตอนหน้าก็ต่อใหญ่เหมือนกัน โฮกกกก  จุ๊ฟฟฟ มาช้าหน่อยย แต่ขอบคุณสำหรับกำลังใจที่ให้กันเสมอจนมาถึงตอนนี้ค่ะ #ทีมพี่งู บันไซ บันไซ


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×