ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Basilisk Eye' : เสน่หา ทาส นาคิน (Yaoi) (จบแล้วจร้า)

    ลำดับตอนที่ #22 : ค่ำคืนที่ 20 : ดวงตา เทพนาคิน..200%

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 768
      15
      18 ต.ค. 58

    พอฟื้นขึ้นมาก็มาอยู่ที่ห้องสี่เหลี่ยมแปลกตาที่ล้อมรอบด้วยกำแพงทึบหนาสีเทา มีเพียงแค่เตียงนอนแข็งๆ กับแสงสว่างที่รอดผ่านช่องประตูมาจากด้านล่าง


    กระทั่งความปวดหนึบแล่นเข้ามาที่ขมับ รู้สึกเหมือนหัวสมองจะระเบิดออกเสียให้ได้ แต่พอคิดจะยกมือขึ้นมา ก็พบว่าแขนทั้งสองข้างถูกรั้งไว้ด้วยเชือกที่ผูกเอาไว้กับขาเตียง


    มิกิตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง ก่อนจะหันสำรวจทุกอย่างบนร่างกาย อาภรณ์อันทรงเกียรติถูกถอดออกจนหมด แทนที่ด้วยชุดสีฟ้าที่คล้ายกับคนไข้ในโรงพยาบาล ซึ่งเขาแน่ใจว่าที่นี่ไม่ใช่โรงพยาบาลแน่! แต่มันเป็นที่ไหนกันล่ะ?


    เด็กหนุ่มกวาดตามองรอบๆ ในใจก็หวังจะพบอะไรที่เป็นประโยชน์และทำให้เขารู้ว่าอยู่ที่ไหน ก่อนไปสะดุดอยู่ที่ช่องหน้าต่างเล็กๆ เพียงช่องเดียวเหนือหัวเตียง


    เท้าเล็กเหยียบขึ้นไปยืนเต็มความสูง ปลายเท้าเขย่งมองภาพภายนอกผ่านหน้าต่าง ทว่าสิ่งที่ทอดสู่สายตาทำเอาแทบล้มทั้งยืน เมื่อพบว่าภายนอกเป็นป่ารกรัง ด้านล่างกลับเป็นเหวลึก และมีแม่น้ำสายใหญ่


    เด็กหนุ่มพยายามคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น..


    จำได้ว่า..เขากำลังจะเข้าพิธีอภิเษก แต่ในตอนนั้นกลับมีเสียงปืนดังขึ้นพร้อมกับความวุ่นวาย ระเบิดควันลูกหนึ่งตกลงมาตรงหน้า เขาเห็นบาซิกค์กำลังจะกลายร่างเป็นนาคินท่ามกลางหมอกควัน เขาจึงได้เอ่ยร้องห้าม มีใครบางคนมาโปะยาจากด้านหลัง แต่จากนั้นก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย


    น้ำลายอึกใหญ่กลืนลงคอ หากเขาคิดไม่ผิด ที่นี่เหมือนกับห้องพักในศูนย์วิจัย แต่ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง ทำให้ทั้งห้องนี้มีเพียงแค่เตียงนอน ซึ่งเรื่องนี้ก็ทำให้เขานึกถึงใครบางคนที่ไม่อยากจะขึ้นคิดมา


    คนที่ต้องการตัวเขาจนทำเรื่องแบบนี้ได้คงหนีไม่พ้น..“ฟื้นได้สักทีสินะ


    ประตูห้องถูกเปิดออก ชายวัยกลางคนในชุดกาวน์สีขาวค่อยๆ เดินเข้ามาด้านในพร้อมกับลูกน้องอีกสองคน รอยยิ้มแสยะตรงมุมปาก กับใบหน้าใต้แว่นกรอบใสมองมาทางเขาอย่างเจ้าเล่ห์ มือเรียวกำแน่นทันที!


    ค็อตเลอร์ ไอสารเลว!”


    มาถึงก็ทักทายกันน่ารักเลยนะ” พูดจบเดินเข้ามาใกล้มากขึ้น มิกิก้าวถอยหลังด้วยความไม่ไว้ใจ


    แกคิดจะทำอะไร” ถามเสียงแข็งอย่างไม่กลัว ค็อตเลอร์หัวเราะเสียงต่ำในลำคอ


    เราอยู่ในที่ห่างไกลมิกิ แต่ไม่ต้องห่วง...นายจะไม่เป็นอะไร ถ้านายยอมให้ความร่วมมือ แล้วบอกฉันว่าเซรุ่มดอกเพเซียของจริงอยู่ที่ไหน


    เศษสวะอย่างแก ไม่ควรค่าจะแตะต้องผลงานของศาสตราจารย์หรอก!”


    งั้นเหรอ” ค็อตเลอร์เว้นจังหวะไป ความจริงแล้วฉันไม่ต้องเสียเวลามานั่งถามเด็กอย่างนายก็ได้ ถ้ามันไม่จำเป็น แต่พอหมดค่าแล้วจะตายฉันก็ไม่ว่านะ เหมือนอย่างโลเกียไง ฮ่าๆ” พูดจบก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างสะใจ สิ่งที่ได้ยินเหมือนสะกิดแผลที่ร้ายแรงที่สุด มิกิสติขาดทันที!


    หนอยแกอึก!” หมัดหนึ่งกำลังปล่อยออกไป แต่ไม่ทันได้ซัดไปที่ใบหน้าใต้กรอบแว่นนั้นดั่งใจ กำปั้นก็ถูกเชือกรั้งจนไปไม่สุด


    หืม...จะทำอะไรน่ะไอหนู เป็นเด็กเป็นเล็กต้องทำตัวว่านอนสอนง่ายรู้ไหม ค็อตเลอร์เยาะเย้ยอย่างสะใจ มิกิกำมือแน่นจนสั่น ดวงตาคู่สวยจ้องเขม็งอยากจะฆ่าคนชั่วช้าตรงหน้าให้ตายคามือ!


    ค็อตเลอร์รู้สึกสนุกยิ่งนัก แต่ก็นับเป็นโชคดีของเขาที่มิกิยังมีชีวิตอยู่ ถึงจะไม่รู้ว่าเจ้าตัวเอาชีวิตออกมาได้อย่างไรกับระเบิดในตอนแรก แถมยังทำเรื่องประหลาดใจโดยการเป็นพระชายาคู่บัลลังก์ให้กับราชาเมืองโบราณอีก สงสัยเขาคงต้องยอมรับจริงๆ ว่าเด็กคนนี้ดวงแข็งกว่าที่เขาคิดไว้มาก ทว่าน่าเสียดายที่ต้องดวงกุดเอาเสียวันนี้


    ไหนดูซิ มีข้อมูลอะไรที่น่าสนใจจากตัวนาย” สิ้นเสียงลูกน้องของเขาก็เหมือนกับรู้หน้าที่ รีบพุ่งตรงเข้าไปจับร่างบางไว้ทันที


    แกจะทำอะไร!” มิกิพยายามดิ้น แต่ด้วยแรงคนที่มากกว่าทำเอาเขาถูกจับตัวกดเอาไว้ลงกับเตียง


    ฉันได้ยินว่านายกำลังจะเข้าพิธีวิวาห์กับราชาแห่งอนาคานงั้นเหรอ แต่น่าเสียดายนะวาสนานายคู่กับฉันมากกว่า อ่า...แต่ก็ไม่รู้ป่านนี้องค์ราชา พระองค์ท่านจะเป็นอะไรมากไหมนะ” ค็อตเลอร์เอ่ยพร้อมกับรอยยิ้ม มิกิเบิกตากว้างขึ้น


    แกทำอะไรเขา


    ก็ไม่มีอะไรมาก แค่อาจจะเจ็บพระวรกายด้วยกระสุนไปหลายนัด แต่ก็นะดูเหมือนจะเป็นเรื่องใหญ่ใช่ไหมล่ะ แต่ไม่ต้องห่วงนะ กับประเทศเล็กๆ ที่ยังไม่เปิด ไม่มีคนสนใจเท่าไรหรอก ถึงจะสิ้นพระชนม์ไป แต่น่าเสียดายที่ฉันคงส่งตัวนายกลับไปเข้าเฝ้าราชาจนถึงวันสุดท้ายไม่ได้ เพราะอะไรรู้ไหม...เพราะมันไม่มีประโยชน์อะไรที่ฉันต้องทิ้งเงินจำนวนมหาศาลเพียงเพราะความรักผิดเพศของนาย ” พอได้ยินความคิดทุกอย่างของค็อตเลอร์ มิกิก็กำมือของตัวเองแน่น พยายามออกแรงอย่างหนัก พลางตะโกนด่าด้วยถ้อยคำหยาบคายสารพัด ที่กล้าดูถูกตน แต่ทว่าชายผู้นี้มีความโลภจนไม่สนใจความผิดถูก ไม่ละอายใจ ความต้องการที่น่ารังเกียจทำให้เขารู้สึกขยะแขยงเสียยิ่งกว่าหนอนในศพ คนที่ทำทุกอย่างได้เพื่อเงิน แม้กระทั่งหักหลัง หรือฆ่าเพื่อนร่วมงานของตัวเองช่างน่าสะอิดสะเอียนนัก ถึงกฎของธรรมชาติจะมีไว้ซึ่งผู้แข็งแกร่ง แต่หาได้สอนสัตว์ที่มีมันสมองให้ฆ่าสายพันธุ์เดียวกันทิ้ง มนุษย์คือสิ่งมีชีวิตที่ซับซ้อนก็จริง แต่คนที่เป็นเช่นนี้เขามิอาจพูดคำว่ามนุษย์ออกมาได้


     ฉันจะฆ่านายเองค็อตเลอร์” มิกิกล่างเสียงเย็น ส่งสายตาแข็งกร้าวจนน่ากลัว ทว่าค็อตเลอร์กลับไม่สะทกสะท้าน มือหยาบกร้านจบลงบนแก้มนุ่ม ใบหน้าหวานเบี่ยงออกด้วยความขยะแขยง แต่ก็ไม่พ้นถูกบีบให้หันกลับมา


    นายนี่มันเป็นเด็กที่น่าทึ่งมากมิกิ สมแล้วที่เป็นลูกรักของโลเกีย


    ถุย!


    ขี้โคลนสกปรกอย่างแก ไม่ควรค่าที่จะเอ่ยชื่อเขา!” น้ำลายถ่มรดบนหน้าของอีกฝ่าย ค็อตเลอร์สูดลมหายใจลึกระงับโทสะ ก่อนยกมือขึ้นปาดน้ำใสๆ ที่รดใบหน้าของตัวเองออก ดวงตาหลังกรอบแว่นเริ่มผันเปลี่ยนเป็นความโกรธ ก่อนจะตรงเข้าบีบแก้มทั้งสองข้างของเด็กหนุ่มแรงๆ จนเจ็บกราม


    ยังปากดีเหมือนเดิมนะมิกิ แต่ก็ดี...ฉันชอบอะไรที่ตื่นเต้น” ดวงตาเต็มไปด้วยความนึกสนุก มือหยาบเหวี่ยงใบหน้าของอีกฝ่ายออกแรงๆ ก่อนจะหยิบวัตถุบางอย่างขึ้นมาจากกระเป๋าเสื้อชุดกาวน์ตัวเอง มิกิมองสิ่งที่อยู่ในมือนั้น ก่อนจะพบว่าเป็นเข็มฉีดยาที่บรรจุของเหลวใสไว้ด้านใน


    เห็นเข็มฉีดยานี่ไหม... ค็อตเลอร์ยกเข็มฉีดยาขึ้นมา มิกิถึงกับหน้าถอดสี


    ฉันได้ยินเรื่องนายจาก เมือง อ่า...อะไรนะ ซาคา อะไรสักอย่าง แกล้งทำท่าเป็นครุ่นคิด ก่อนจะดีดนิ้วดัง


    อ๋อจำได้แล้ว ซาคาเดียร์นี่เอง ที่นั่นบอกกับฉันว่าเลือดของนายมันพิเศษ” รอยยิ้มร้ายปรากฏขึ้นที่มุมปาก มิกิตะลึงค้าง คิดแล้วไม่มีผิดที่ซาคาเดียร์กับค็อตเลอร์คงต้องรู้เห็นกัน เรื่องทั้งหมดเขาสามารถผสานกันได้เป็นหนึ่งเดียวแล้ว แม้ตอนนี้อนาคานและซาคาเดียร์จะไม่มีเรื่องอันใดต่อกันอีก แต่ใช่ว่าข้อมูลที่รั่วไหลมาก่อนหน้าจะไม่เป็นประโยชน์สำหรับอีกฝ่าย และอาจเป็นไปได้ว่าค็อตเลอร์อาจรู้จักทุกซอกทุกมุมของอนาคานดีกว่าตัวเขาเสียอีก การจับตัวเขาจึงทำได้ง่ายดายนัก


    ใช่แล้วการแลกเปลี่ยนยังไงล่ะ ฉันให้ระเบิดพวกเขา แลกกับการที่พวกเขาจับตัวนายเป็นๆ มาให้ แต่นึกไม่ถึงว่าพวกนั้นจะทำเลยเถิดไปหน่อย แต่ช่างเถอะฉันก็ไม่ได้สนใจอยู่แล้วว่าสภาพนายจะเป็นยังไง ถึงจะเป็นศพกลับมา ฉันก็ยังสามารถใช้ดีเอ็นเอของนายสกัดสิ่งที่ชั้นต้องการออกมาได้อยู่ดี เพียงแค่เสียเวลาเพิ่มขึ้นนิดหน่อย” ค็อตเลอร์ยักไหล่เหมือนช่วยไม่ได้ พลางกล่าวเหมือนเรื่องทั้งหมดนั้นถูกต้อง มิกิพอได้ฟังความจริง ก็ทราบถึงจุดประสงค์ที่ซาคาเดียร์ต้องการฆ่าเขาให้ตายโดยไม่คิดจะไว้ชีวิตเหมือนอย่างที่ค็อตเลอร์พูด เพราะซาคาเดียร์คิดแค่เพียงว่าหากกำจัดเขาได้ ราชาบาซิกค์ก็จะไร้คู่ครอง แล้วพิธีเก็บเกี่ยวครั้งสุดท้ายจะเกิดขึ้น แต่ทุกอย่างกลับเกิดผลตรงกันข้ามและจบลงโดยดี ซึ่งก็แลกมาด้วยชีวิตที่ไม่มีวันหวนกลับขององค์ชายบาฮาล


    คนจิตใจโหดเหี้ยมไม่สนใจแม้ชีวิตเพื่อนร่วมงานคงไม่มีวันเข้าใจถึงการสูญเสีย


    อึก!”  สะดุ้งเฮือกด้วยความเจ็บ รู้สึกตัวอีกทีก็ถูกลูกน้องของค็อตเลอร์สองคนจับเขานอนคว่ำลง แล้วล็อกแขนทั้งสองข้างเอาไว้แน่นแล้วยึดเอาไว้กับเตียงจนขยับไม่ได้ ก่อนเข็มในมือของคนที่ยืนอยู่อยู่จะแทงลงมาที่ท่อนแขนขาว ดวงตาคู่สวยขยายกว้างพยายามออกแรงดิ้น ทว่าไม่ถึง 5 นาที รู้สึกตัวอีกทีก็เหมือนคนสติเลื่อนลอย จนไม่สามารถขยับตัวเองได้


    ไหนดูซิ...เด็กดี มือหยาบกร้านลูบบนเส้นผมอ่อนนุ่ม รอยยิ้มร้ายคลี่ออกมาเมื่อเห็นสัตว์ทดลองจอมพยศนิ่งสงบ ก่อนจะหันไปสั่งให้ลูกน้อง


    เจาะเลือดมัน

    หลอดแก้วใสถูกเติมเต็มด้วยของเหลวสีแดงเข้มหลอดแล้วหลอดเล่า มิกิเริ่มรู้สึกเปลือกตาหนักอึ้ง ภาพทุกอย่างพล่าเบลอจนใกล้ครองสติไว้ไม่อยู่


    เราเป็นนักวิทยาศาสตร์ ก็ต้องพิสูจน์เสียหน่อยจริงไหม


    ฆ่าฉันสิ ไอพวก...อึก!” กัดฟันเอ่ยแม้สติจะใกล้มอดดับ ค็อตเลอร์ย่อตัวลงใกล้คนที่อ่อนแรง กระซิบเสียงเย็นข้างใบหู


    ชู่ว...ใจเย็นๆ สิมิกิ นายยังมีชีวิตอยู่ที่นี่ต่อไปอีกนาน อย่าเพิ่งใจร้อนรีบไปหาโลเกียเลยนะ แต่ถ้าการทดลองนี้สำเร็จแล้ว ฉันรับรองว่า นายจะได้ไปพบโลเกียในทันที” เข็มที่เจาะแขนถูกดึงออก แทนที่ด้วยการทำแผลอย่างลวกๆ แค่สำลีชุบแอลกอฮอล มิกิไร้เรี่ยวแรงจะต่อต้าน แขนทั้งสองข้างเป็นรอยแผลจากการถูกเข็มแทง ภาพทุกอย่างค่อยๆ พร่าเลือนไปเรื่อยๆทุกที ก่อนค็อตเลอร์จะยืนขึ้นเต็มความสูงมองดูเหยื่อที่นอนนิ่งอย่างสงสาร


    ทนอีกสักหน่อย...อย่าเพิ่งทำอะไรให้เลือดหมดตัวไปเสียล่ะ เดี๋ยวจะไม่ได้เจอหน้าราชาที่รักนะ” รอยยิ้มเยาะเย้ยทิ้งไว้ เลือดที่บรรจุในหลอดแก้วนับสิบถูกบรรจุลงในกล่องเก็บ ประตูห้องปิดลงพร้อมกับผู้คนที่จากไป ดวงตาสีอ่อนปรือจนใกล้ปิด รู้สึกทุกสิ่งอย่างกำลังเลวร้ายไปหมด อยากเข้มแข็งให้มากกว่านี้ ไม่อยากทำให้ตัวเป็นภาระของใคร แต่สุดท้ายเขาก็เป็นแค่คนที่สร้างแต่เรื่องเดือดร้อน หรือสมควรแล้วที่ชีวิตควรจะพบเจอเรื่องแบบนี้ แต่ทำไมกันทำไมถึงได้อยากร้องไห้ขนาดนี้ คิดถึง...

    ไม่เอานะไม่อยากให้เป็นแบบนี้..

    น้ำตาอาบลงมา..ดวงตาค่อยๆ ปิดลง

    ช่วยฉันด้วย บาซิกค์..  


     


    ฝ่าบาท ประสงค์จะทำเช่นนี้จริงๆ หรือพะย่ะค่ะ กระหม่อมเกรงว่าเรามิอาจไว้ใจ...”


    ไม่เหลือเวลาให้คิดแล้วผู้อาวุโส” สุรเสียงเคร่งเครียดในท้องพระโรงที่ถูกเปลี่ยนเป็นที่ประชุมการใหญ่ระหว่างผู้อาวุโสฝ่ายต่างๆ กับราชาแห่งนาคิน ทว่ากลับไม่มีใครเห็นด้วยกับองค์เทพของพวกเขาเลยสักคนที่กระทำเช่นนี้


    แม้รู้ดีว่าสิ่งที่ทำให้เทพนาคินที่มีจิตใจเย็นยะเยือกประดุจน้ำแข็งกลับร้อนจนปานจะแผดเผาทุกอย่างให้เป็นจุณ เป็นเพราะเหตุใด แต่ราชโองการฉบับนี้จะออกไปไม่ได้เป็นอันขาด เพราะอาจจะทำให้อนาคานตกอยู่ในเงื้อมือของอดีตคนที่คิดร้าย หากทำเช่นนี้ก็ไม่เท่ากับโยนเนื้อให้เสือที่หิวโซ


    พระเนตรคมกริบมองทะลุปรุโปร่งราวกับล่วงรู้ว่าราชบริพารของเขาคิดสิ่งใด แต่ตอนนี้เขาไม่มีเวลาคิดหาเหตุผลให้ทุกคนยอมรับอีกแล้ว มีเพียงแค่ความเชื่อใจ และความสัมพันธ์กับใครคนนั้น แม้มันจะหลงเหลืออยู่บางเบาเพราะเขาเป็นคนทำลายมันเอง แต่เขาจะไม่อะไรเสียอีก สิ่งเดียวที่บอกก้องในหัวใจซึ่งไม่รู้ว่าถูกหรือผิดก็คือ

     

    ความเชื่อใจ

     

    ข้าไว้ใจเขา และท่านก็ควรไว้ใจเขาเช่นเดียวกับข้า” คำตรัสของราชาทำเอาทุกอย่างเงียบสนิท เหล่าบริวารได้แต่มองพระพักตร์ที่เรียบนิ่ง แต่หากแฝงไว้ด้วยความจริงใจอย่างไม่เคยเป็น ถึงอยากจะคัดค้านเพียงใด แค่เมื่อฟังน้ำเสียงของพระองค์แล้ว ก็ไม่มีใครพูดโต้เถียงอีก


    ไม่ใช่เพราะความหวาดกลัว

    แต่เป็นความเคารพ และเชื่อในสมมุติเทพของพวกเขา


    เขาคือคนของเรา ซาคาเดียร์คือพี่น้อง พวกเจ้าทั้งหมดจงคิดไว้แค่นั้น ได้โปรดช่วยข้านำพระชายากลับมา” บัญชาด้วยเสียงที่เรียบเย็น ทว่าความรู้สึกที่ซ่อนเอาไว้ในประโยคนั้นราวกับไหว้วอนขอร้องทุกคน สัมผัสภายในใจที่ไม่เคยเปิดเผยให้ผู้ใด ทำเอาเหล่าบรรดาราชบริวารซาบซึ้งใจ แรงต่อต้าน แรงคัดค้านทุกอย่างถูกทำลายไปสิ้นโดยไม่ต้องใช้เวทมนต์ใด


    มนตรา คำสาป เวทมนต์ ทั้งหมดอำนาจร้ายแรงผลาญทุกสิ่ง

    แต่หาก อนุภาพที่เหนือกว่าทั้งปวง คือการเปลี่ยนใจคน

    ทั้งหมดก็คือ..ความรัก

     ราชบริวารทั้งหมดยืนขึ้น น้อมรับคำสั่งของทวยเทพจากดวงใจ ขานรับคำหนักแน่น หากพระเจ้าองค์นี้จะพาพวกเขาไปที่ใด เขาก็จะขอติดตามไปทุกหนแห่ง ไม่เว้นว่าที่แห่งนั้นจะเป็นนรกหรือสวรรค์


    ด้วยใจที่เคารพ จะปฏิบัติตามดำรัสแห่งเทพนาคินตลอดไป



     

     

                เสียงมอเตอร์ไซค์ดูคาติสีดำแล่นไปตามถนนคดเคี้ยวนอกตัวเมือง สปีดที่เพิ่มขึ้นสูงทุกวินาทีจนเห็นภาพทุกอย่างเคลื่อนผ่านเพียงชั่วพริบตา บ่งบอกได้ถึงความชำนาญของคนขี่ ยิ่งสายลมที่วิ่งผ่านตีสวนกับชุดหนังและหมวกกันน็อคสีดำที่ปกปิดใบหน้ามากเท่าไร ยิ่งทำให้พวกเขาไม่รู้สึกกลัวว่าพระเจ้าจะมาพรากชีวิตเลยสักนิด ความเร็วยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องราวกับไม่อยากสูญเสียเวลาอันมีค่าไปมากกว่านี้ ทว่าความเร็วที่มากเกินไปทำให้คนที่ซ้อนท้ายอยู่ด้านหลังต้องเผลอกอดเอวของคนขับไว้เสียแน่นด้วยความกลัว


                สัมผัสจากรอบเอวทำเอาความคิดที่จะเร่งความเร็วเพิ่มชะงัก ใบหน้าใต้หมวกกันน็อคหันมามองคนข้างหลังเล็กน้อยเหมือนต้องการจะพูดอะไรสักอย่าง แต่แล้วกลับเหมือนถูกแกล้ง เมื่อเจ้าตัวกลับเร่งเกียร์เพิ่ม ทำเอาคนซ้อนต้องรีบกอดเอวไว้แน่นยิ่งกว่าเดิมจนไม่ทันได้ทักท้วง แต่ถึงจะสะกิดไปก็คงไม่มีประโยชน์อะไร เพราะสุดท้ายเส้นทางที่เขากำลังวิ่งตามหาอยู่นั้น เป็นเส้นทางที่ใช้สันชาตญาณชี้นำไป


    รู้สึกตัวอีกทีความเร็วรถก็ชะลอช้าลง ก่อนจะมาหยุดอยู่ที่หน้าศาลเจ้าแห่งหนึ่ง


    คนที่ซ้อนอยู่ด้านหลังรีบปล่อยมือและลงจากรถอย่างรู้หน้าที่ หมวกกันน็อคถูกถอดออก มือยกขึ้นมาเสยเส้นผมสีดำขลับให้เข้าทรง ก่อนใบหน้าหมดจดของชายหนุ่มจะมองขึ้นไปด้านบน คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากัน ดวงตาสีครามงดงามดั่งท้องฟ้ามองไปที่ป่ารกรังหลังศาลเจ้าราวกับว่ามีบางอย่าง


                ได้กลิ่นจางๆ มาจากที่นี่” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงเรียบ แต่สายตายังคงไม่ละออกจากป่า


                “บนเขาลูกนั้นสินะ” เสียงเข้มรอดผ่านใต้หมวกกันน็อค ร่างสูงใหญ่ผู้ขับดูคาติก้าวลงตามมา ก่อนจะใช้มือยกกระบังกันลมที่ติดอยู่กับหมวกขึ้น เพื่อให้มองเห็นสถานที่ได้ชัดๆ


                “ฝ่าป่าเข้าไปคงไม่ง่ายแน่” น้ำเสียงของร่างสูงฟังดูตึงเครียดขึ้น ขณะที่ชายหนุ่มที่ลงมาคนแรกกลับสังเกตเห็นอะไรบางอย่างที่น่าสนใจข้างพุ่มไม้ ก่อนเขาจะเดินเข้าไปใกล้


                “งั้นใช้ผู้ช่วยสิ น่าจะได้คำตอบเร็วกว่า” งูเขียวหางไหม้ถูกอุ้มเอาไว้ในอุ้งมือ ริมฝีปากบางเขยื้อนเอ่ยเป็นภาษาบางอย่างที่คนธรรมดาฟังไม่ออก แต่น่าแปลกที่อสรพิษไม่คิดขัดขืนเลยสักนิด ไม่นานก็ปล่อยมันลงกับพื้น อสรพิษเลื้อยหายเข้าไปในป่า


                “เสร็จแล้วก็ขึ้นมาสักที เราต้องรีบอ้อมไปอีกทาง” ร่างสูงเร่งบอกเมื่อเห็นว่าอีกคนอืดอาดอยู่ข้างพุ่มไม้นานเกินไป ก่อนเจ้าตัวจะรีบเดินขึ้นไปขี่คูบาติสีดำ พลางบิดคันเร่งเสียงดังราวกับต้องการเร่งคนที่กำลังยืนหน้าศาลเจ้าให้รีบขึ้นมาซ้อนท้ายอย่างใจร้อน


                “อย่างท่าน 5 นาทีก็คงถึง” ร่างโปร่งบ่นประชดพลางเดินมาขึ้นซ้อนท้ายตามคำสั่ง ก่อนจะยึดเอวอีกฝ่ายไว้


    ใบหน้าคนขับใต้หมวกกันน็อคหันมา “แค่นาทีเดียวก็พอ จับให้แน่นๆ นะซาอิด ” ดวงตาสีดำคมกริบตวัดกลับมองถนน แววตาแสดงเหมือนสัตว์ร้ายที่กำลังออกล่าเหยื่อ ก่อนจะปิดที่กันลมแล้วยานพาหนะสองล้อก็พุ่งตัวในทันที



     

     

                สองวันผ่านไปแล้ว..


    เครื่องบินส่วนตัวลำใหญ่เข้าเทียบท่าอากาศยานในประเทศหมู่เกาะแดนอาทิตย์อุทัย ทันทีที่เครื่องลงจอดสนิท ร่างของใครบางคนที่ใช้ให้นำรถลีมูซีนมารอรับถึงที่รันเวย์ก็เงยขึ้นไปบนประตูเครื่อง มีชายหนุ่มรูปร่างดีราวกับเป็นบอดี้การ์ดเดินออกมามากมาย เพื่อเคลียร์พื้นที่ป้องกันผู้เป็นนายที่อยู่ด้านใน 


    เมื่อร่างสูงศักดิ์ก้าวออกมาทุกคนก็ยืนตรงเคารพให้กับความยิ่งใหญ่ สายลมพัดพลิ้วเส้นผมสีดำให้ปลิวสยาย ดวงตาคมกริบสีอำพันปรายต่ำมองคนที่มารอรับที่อยู่ด้านล่างราวกับต้องการสื่อสารบางอย่างซึ่ง ชายคนนั้นก็เข้าใจดีว่าอีกฝ่ายอยากฟังสิ่งใด ทันทีที่ออกรถ ก็เอ่ยถามตามต้องการ


    ทุกอย่างเรียบร้อยไหมบาฮาล ถึงใบหน้าจะแสดงทีท่าว่านิ่งสงบ แต่ลึกๆ ในดวงตาก็ปรารถนาคำว่าใช่ ร่างสูงที่นั่งอยู่ด้านหน้าหันมาตอบเจ้าชีวิต


    พะย่ะค่ะ เราเจอพระชายาแล้ว พอได้ยินคำตอบก็รู้สึกเบาใจไปเปราะหนึ่ง คิดไม่ผิดจริงๆ ที่เขาแอบส่งตัวบาฮาลและซาอิดมาที่ประเทศญี่ปุ่นหลังจากวันที่ส่งพระศพคืนแด่อนาคาน แต่ทั้งหมดก็เป็นเพียงแผนเพื่อสร้างละครตบตาซาคาเดียร์เพียงเท่านั้น แต่หากจะสำเร็จไม่ได้และน้องชายของเขาคงถูกเผาทั้งที่มีลมหายใจ ถ้าไม่ได้ราซิสคอยช่วยเหลือ


    ท่านพี่ ข้าอยากจะ...


    เก็บคำพูดของเจ้าไว้ก่อน ตอนนี้ข้าอยากรู้เรื่องในตอนนี้มากกว่า” ไม่ทันได้พูดจนจบอีกฝ่ายก็ขัดเสียก่อน ดวงตาที่ดูจริงจังนั้นทำเอาบาฮาลเข้าใจดี แล้วรีบกล่าวไปตามจริง


    ท่านพี่อย่าได้ห่วงไป เรื่องนั้นข้าส่งซาอิดไปจัดการเรียบร้อยแล้วพะย่ะค่ะ” ทันทีที่ได้ยินชื่ออดีตหัวหน้าราชบริวารแห่งอนาคานก็เบาใจมากขึ้น ถึงแม้ซาอิดจะเป็นนาคินเลือดผสมแต่เรื่องความจงรักภักดีกลับไม่แพ้ใครในอนาคาน เขาช่างโชคดีจริงๆ ที่มีราชบริวารเช่นนี้ แต่ก็น่าเสียดายนัก เพราะทางออกของเรื่องที่ก่อ เขาจำเป็นจะต้องปล่อยคนทั้งสองไป


    ดี” บาซิกค์พยักหน้ารับ ก่อนจะเอ่ยเสียงเย็นเยียบ จัดการให้เร็วที่สุด ฆ่าทุกคนที่เข้ามาขวางทาง

     

     

                อาทิตย์ใกล้ลาลับขอบฟ้า หลังจากที่ทำงานจนเหนื่อยมากว่าค่อนวัน ก็ได้เวลาบอกลาสถานีวิจัยกลางป่านี่แล้วกลับบ้านไปพักผ่อนเสียที

                บริเวณพุ่มไม้ขนาดใหญ่ ดวงตาสีครามแอบเฝ้ามองเหล่าบรรดานักวิจัยในกาวน์สีขาวต่างทยอยเดินกันออกมาจากสถานี

    ซาอิดพยายามครุ่นคิดอย่างหนัก หลังจากที่ตามกลิ่นดอกเพเซียของพระชายามาถึงที่นี่ ก็สืบพบว่าสถานีวิจัยแห่งนี้ของรัฐบาลซึ่งมีป้ายติดประกาศไว้ว่า เขตหวงห้าม  ซึ่งการเข้าไปด้านในคงไม่ใช่เรื่องง่ายนัก ถ้าไม่ใช่คนใน แต่คนที่ไม่มีเส้นสายอะไรเลยจะทำอย่างไรได้เล่า นอกจากลอบเข้าไป

                ซาอิดซ่อนตัวอยู่ด้านหลังรอจังหวะที่นักวิจัยคนหนึ่งเดินหลงเข้ามาในทางที่แอบอยู่ ก่อนจะรีบใช้มือปิดปากบุคคลผู้โชคร้าย แล้วคว้าตัวมาใช้สันมือทุบเข้าที่หลังต้นคออย่างรวดเร็ว ทักษะที่ถูกฝึกปรือมาอย่างดีทำให้นักวิจัยผู้โชคร้ายสลบลงทันที เขารีบถอดชุดกาวน์ของอีกฝ่ายออกนำมาสวมทับกับตัวเอง ก่อนจะก้มลงไปหยิบบัตรประจำตัวของนักวิจัยมาคล้องคอ และจัดการมัดคนของอีกฝ่าย ซ่อนเอาไว้ใต้พุ่มไม้ด้านใน  



     

               

    วันนี้ก็ไม่ได้เรื่องอีกเหรอ

    เสียงจากหัวหน้านักวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์ถามขึ้นในห้องทดลองราวกับจะกดดันลูกมือของตัวเองให้ตอบคำว่าได้ออกมาเต็มปาก ทว่าคำตอบกลับทำให้เขาผิดหวังจนน่าหงุดหงิด


     นี่ก็ปาเข้าไปวันที่สองแล้วที่เขาไม่สามารถสกัดแยกผลเซรุ่มของโลเกียออกมาจากเลือดของมิกิ


    ขะ ขอโทษครับศาสตราจารย์ ลูกน้องของเขาตอบเสียงสั่น คนที่ถูกเรียกว่าศาสตราจารย์ส่ายหน้าผิดหวัง พลางเดินไปหยิบเอกสารที่เป็นผลการทดลองจากเลือดของมิกิขึ้นมาอ่านอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะขย้ำมันทิ้งแล้วปาลงพื้น


    ไม่ได้เรื่องเลย! เดี๋ยวเจ้าเด็กนั่นก็ตายเสียก่อนเซรุ่มจะสำเร็จหรอก!” ค็อตเลอร์กล่าวอย่างหัวเสีย ความจริงแล้วเลือดในร่างกายมนุษย์นั้นมีอยู่ประมาณ 5-6 ลิตรจากน้ำหนักตัว แต่การทำการทดลองที่เร่งรีบแบบนี้ แต่ละครั้งก็ต้องใช้เลือดของผู้ถูกทดลองเป็นจำนวนมาก ซึ่งไม่ต่ำกว่า น้ำหนึ่งแก้วต่อครั้งหรือประมาณ 200 มลซึ่งเขาเกรงว่า ต่อให้ร่างกายของเจ้าเด็กนั่นแข็งแรงเพียงใด แต่หากถูกสูบเลือดออกไปเรื่อยๆ ทุกวัน เจ้าตัวอาจจะตายก่อนที่เซรุ่มจะสำเร็จ ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด นี่ยังไม่รวมเรื่องงบประมาณในการทำทดลองแต่ละครั้งอย่างมหาศาลอีก ซึ่งตอนนี้เงินก้อนเก่าก็กำลังจะหมดลงแล้ว คิดกระนั้นจึงได้ถามทันที


    แล้วเรื่องใบเบิกงบประมาณครั้งนี้ทำไมถึงได้ล่าช้านัก ค็อตเลอร์ถามลูกน้องพร้อมจ้องตาเขม็ง แต่คำตอบที่ได้ก็ยังไม่ได้ดั่งใจ


    เอ่อ...เห็นทางนั้นบอกว่า ทางองค์กรได้ปรับเปลี่ยนระบบบริหารรวมทั้งผู้ถือหุ้นส่วนรายใหม่ครับก็เลยวุ่นวายพอสมควร ทำให้เงินที่ทางเราขอล่าช้าครับ


    ผู้ถือหุ้นรายใหม่เหรอ เหอะ...ก็เห็นมีทุกปี แต่ก็ไม่มีอะไรดีขึ้นเลยสักนิด คอยดูเถอะถ้างานนี้เสร็จเมื่อไหร่ฉันจะซื้อองค์กรเฮงซวยนี่เอง!” สถบอย่างหงุดหงิดทิ้งท้ายเอาไว้ ก่อนจะหุนหันเดินตึงตังออกไปจากห้อง คิดจะไปดูอาการของคนเจ้าปัญหาสักหน่อยว่ายังมีลมหายใจเหลือให้ทดลองได้อีกสักกี่วัน

     

                ค็อตเลอร์เดินมาตามทางเดินเรื่อยๆ จนถึงหน้าประตูเหล็กบานหนึ่งที่อยู่ด้านในสุดบริเวณทางเดินชั้นสามของสถานีวิจัย มือหยาบกร้านล้วงเอาบัตรประจำตัวของตนเองขึ้นมาจากกระเป๋าเสื้อ ก่อนจะรูดมันลงที่เครื่องรองรับ แล้วกดรหัสบางอย่าง ไม่นานนักก็ได้ยินเสียงดัง กึก’ จากตัวประตู ก่อนเขาจะเปิดเข้าไปด้านใน


                ทันทีที่ก้าวเข้ามา ภายในเป็นเพียงห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ที่ล้อมรอบด้วยกำแพงสีเทาหม่นจนทำให้บรรยากาศดูมืดครึ้ม ยังดีที่มีแสงไฟจากหลอดไฟนีออนด้านบน ที่พอจะให้ความสว่าง ทำให้ที่นี่ไม่ดูเหมือนคุก แต่จะพูดแบบนั้นก็คงไม่ถูกเท่าไรนัก เพราะในความคิดของร่างที่นองนิ่งอยู่บนเตียงด้วยลมหายใจรวยริน ที่นี่ก็คงเป็นเหมือนคุกดีๆ นี่เอง


    ความจริงเขาก็คิดสงสารอยู่หรอกนะ แต่ใครให้เจ้าตัวมีสิ่งที่เขาต้องการอยู่ในเลือดกันล่ะ?

     ใจเย็นอีกสักหน่อย เขาจะค่อยๆ เอาของของเขากลับคืนมา แล้วชีวิตของเด็กหนุ่มตรงหน้าก็จะเป็นอิสระจากโลกที่แสนโหดร้ายใบนี้


    เป็นยังไงบ้าง หึหึ ท่าทางไม่เลวเลยนี่มิกิ” เสียงที่ไม่อยากได้ยินทำเอาคนที่นอนเพลียแรงอยู่บนเตียงกัดฟันแน่น ทว่าฤทธิ์ยาที่ฉีดเข้าไปก่อนหน้าทำให้เขามีอาการอ่อนแรง เกินกว่าจะลุกขึ้นไปโต้ตอบคนที่มาเยือน


    ค็อตเลอร์เดินเข้ามาใกล้ขึ้น ในมือถือเข็มฉีดยาที่บรรจุของเหลวสีเหลืองใสไว้ด้านใน มิกิมองยาหลอดนั้นอย่างระแวดระวัง น้ำตาร้อนชื้นเหมือนจะไหลออกมาอีกครั้งด้วยความเจ็บใจเมื่อรู้ว่าร่างกายกำลังจะถูกคุกคาม

    ไม่ต้องกลัวนะเด็กดี นี่คือวิตามินบำรุงที่จะทำให้ร่างกายนายดีขึ้น” เหมือนจะเป็นคำปลอบใจ แต่รอยยิ้มบนใบหน้าใต้กรอบแว่นนั้นดูน่ากลัวเป็นที่สุด มิกิพยายามเคลื่อนตัวหนีเท่าที่จะทำได้ แม้จะรู้ดีแก่ใจว่าไม่มีวันพ้น แต่สุดท้ายมืออันหยาบกร้าน ก็คว้าท่อนแขนของเขาออกมา แล้วจัดการใช้เข็มฉีดเข้าไปในต้นแขนขาวที่เต็มไปด้วยร่องรอยเข็ม


    ชู่ว...อย่างเกร็งแขนสิ ไม่ฉันงั้นต้องฉีดใหม่นะ” มิกิพยายามยื้อแขนกลับ แต่เรี่ยวแรงก็อ่อนปวกเปียกไปหมด สุดท้ายก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ยาสีเหลืองใสถูกฉีดเข้าไปในร่างกายจนหมด กายบางทรุดฮวบลงกับเตียง หอบหายใจรวยริน น้ำตาชื้นอยู่บริเวณที่ริมตาทั้งสองข้าง นี่ไม่ใช่วิตามินแต่เป็ฯยาที่ทำให้กล้ามเนื้อของเขาอ่อนแรงจนไม่ทางขัดขื้น สภาพอันน่าสมเพชนี้เขาไม่สามารถยอมรับตัวเองได้ ไม่สามารถยอมรับได้เลยจริงๆ แม้แต่จะกำมือตัวเองก็ทำได้แค่หลวมๆ สุดท้ายจึงได้แต่พยายามเปล่งเสียงด่าคนชั่วช้าตรงหน้าด้วยความเจ็บใจ


                ไอสวะ ค็อตเลอร์” เมื่อได้ยินกระนั้นค็อตเลอร์ถึงกลับเลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจ ก่อนจะเปล่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างขบขันสร้างความเจ็บใจให้เพิ่มขึ้นกว่าเก่า แต่ก่อนที่ร่างหัวหน้านักวิจัยจะก้าวพ้นผ่านประตูไป ก็ทิ้งประโยคสุดท้ายเอาไว้


                “อย่ารีบตายนะไอหนู จนกว่างานฉันจะเสร็จ” พูดจบก็โบกมือลาให้อีกฝ่าย ก่อนจะเดินออกไปจากห้องสีเทา ทิ้งความเงียบ และความคับแค้นเป็นเพื่อนข้างกาย..

     

     

                ทันทีที่เห็นเป้าหมายก้าวเดินออกมาจากห้องที่อยู่ด้านในสุด และเข้าไปในลิฟต์ ร่างสูงโปร่งในชุดกาวน์สีขาวที่แอบมองเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่บริเวณหลังเสาขึ้นบันได ก็เผยตัวออกมาด้านนอก ดวงตาสีครามจ้องมองไปที่ห้องด้านในสุด จมูกโด่งสันได้กลิ่นหอมของดอกไม้โบราณชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ราวกับอยู่ใกล้แค่เอื้อม


                หลังจากที่ปลอมตัวเป็นนักวิจัย แล้วลอบเข้ามาที่สถานีวิจัยได้สำเร็จทางประตูหนีไฟด้านหลัง เขาก็ยิ่งแน่ใจว่าพระชายาของอนาคานถูกจับตัวมาไว้ที่นี่ เพราะกลิ่นของดอกเพเซียนั้นชัดเจนยิ่งนัก เขาตามกลิ่นนั้นมาเรื่อยๆ ก่อนจะพบว่าบริเวณชั้นสามของสถานีวิจัยเป็นชั้นที่มีกลิ่นของดอกไม้รุนแรงกว่าชั้นอื่น ก่อนจะเห็นชายคนหนึ่งเดินออกมาจากห้องด้านใน ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นศาสตราจารย์ค็อตเลอร์ หัวหน้าสถานีวิจัยแห่งนี้จากที่เขาสืบข้อมูลมา


    ซาอิดใช้บัตรประจำตัวฝ่าเซ็นเซอร์ประตูกั้น เดินตรงเข้าไปที่ห้องในสุด ประตูเหล็กสีเทาถูกล็อคด้วยอุปกรณ์ที่คล้ายกับกล่องสี่เหลี่ยม มีแป้นตัวเลขแบบดิจิตอล และมีช่องที่คาดว่าไว้สำหรับรูดบัตรประจำตัวของนักวิจัยที่นี่เพื่อความปลอดภัย ถึงเขาจะอยู่ที่เมืองโบราณแทบทั้งชีวิต แต่ใช่ว่าเขาจะไม่รู้เรื่องการเคลื่อนไหวของโลกหรือเทคโนโลยีด้านนอก ว่าเปลี่ยนไปถึงไหน ซาอิดหยิบบัตรประจำตัวที่แอบขโมยขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะรูดมันลงไป ข้อความอิเล็กทรอนิกส์หนึ่งปรากฏขึ้นเหนือแป้นพิมพ์ตัวเลข

    กรุณาระบุรหัสประจำตัว

    ขมวดคิ้วเรียวเป็นปม ก่อนจะก้มมองดูเลขบัตรของตัวเองที่เขาขโมยมา แล้วกดหมายเลขที่อยู่ในบัตรลงไป ทว่า..

    ท่านไม่ได้รับอนุญาต

    ข้อความตัวแดงปรากฏขึ้นบนหน้าจอ พร้อมกับเสียงค้านของตัวเครื่อง ซาอิดถอนหายใจ และคิดว่าคนที่สามารถเปิดประตูนี้คงมีแต่ค็อตเลอร์เพียงคนเดียว แม้จะเป็นห่วงพระชายาใจจะขาดว่ามีสภาพเป็นอย่างไรบ้าง ถึงจะแน่ใจว่ามิกิยังมีชีวิติอยู่ แต่ครั้นจะเคาะประตูและเปล่งเสียงทักทายเข้าไปจากหน้าประตู ก็กลัวว่าจะเป็นที่สงสัย สุดท้ายก็ได้แต่เม้มริมฝีปากลงแล้วเดินถอยออกมาจากประตู ก่อนจะเดินลงบันไดหนีไฟออกจากสถานีวิจัยเพื่อไปรายงานเรื่องนี้แก่ผู้ปกครองชีวิต

    องค์ราชาบาซิกค์

     

     

    ค่ำคืนนี้หนาวเหน็บจนตัวสั่น มิกินอนห่อกายอยู่บนเตียงแข็งๆ ท่อนแขนที่เต็มไปด้วยรอยเข็มเขียวจ้ำโอบกอดตัวเองไว้แน่น ราวกับหวังว่ามันจะช่วยบรรเทาความโหดร้ายนี้ลงได้ แต่ไม่เลย..มันไม่ได้ช่วยให้เขารู้สึกดีขึ้นซ้ำร้ายยังทำให้เขากลับรู้สึกเหงา และโดดเดี่ยวมากขึ้นกว่าเดิม จนเผลอคิดว่า ทำไมโลกนี้ถึงได้ทอดทิ้งเขาไว้เพียงลำพัง


    ทั้งที่แต่ก่อน เขาคอยแต่โหยหาอิสรภาพ และหวังจะใช้ชีวิตโดยไม่มีมีใครมาตลอด แต่พอมาสัมผัสจริงๆ ถึงได้รู้ว่าโหดร้ายแค่ไหน

    นายอยู่ไหนบาซิกค์

    ทำไมถึงปล่อยฉันอยู่แบบนี้

    ฉันยังมีค่ากับนายอยู่ไหม

    อยากเจอ.. อยากเจอที่สุด

    คำปรารถนาในหัวใจไหลล้นมาพร้อมกับหยาดน้ำตาที่ไม่รู้ว่าไหลลงมานานเท่าใด ทำไมถึงได้คิดถึงและโหยหาอ้อมกอดของคนคนนั้นขนาดนี้ ถึงจะรู้ว่าบาซิกค์คงพยายามตามหาตัวเขาอยู่ แต่อดไม่ได้ที่จะเผลอคิดอย่างเด็กน้อยที่เห็นแก่ตัว เขาไม่อยากถูกทอดทิ้งอีกแล้ว ไม่อยากเลยจริงๆ แต่หากพระเจ้าจะขีดเส้นทางชีวิตเขาให้เป็นเช่นนั้น เขายินดีที่จะจบชีวิตตัวเองลง ยังดีเสียกว่าการรอคอยที่ไม่สมหวังเลยสักครั้ง แต่เขาก็อยากจะเชื่อ อยากจะเชื่อในตัวของบาซิกค์ และเชื่อในดวงตาสีอำพันคู่นั้นว่าจะไม่มีวันลบเขาไปจากหัวใจ

    นายอยู่ไหนบาซิกค์

     

    ตุบ!..

    เสียงที่คล้ายกับอะไรบางอย่างล่วงลงมาจากที่สูง ทำให้ร่างที่นอนห่อตัวอยู่บนเตียงหันมาให้ความสนใจ ใช้แขนค่อยๆ ยันกายที่เริ่มพอจะมีเรี่ยวแรงแรงลุกขึ้นมานั่งบนเตียง ก่อนหูจะพลันได้ยินเสียงสั่นรัวของบางสิ่งที่ทำเอาเขาขมวดคิ้ว

    นาย... 

    ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างอย่างไม่เชื่อสายตา เมื่อเห็นงูหางกระดิ่งตัวหนึ่งกำลังขดตัวมองเขานิ่งปลายหางของมันเลิกสั่น เมื่อเห็นเด็กหนุ่มรับรู้ถึงการมีตัวตนของตนเอง และด้วยสัญชาตญาณบางอย่างทำให้เขาแน่ใจว่าเจ้างูตัวนี้ เป็นตัวเดียวกับที่พาเขาไปพบบาซิกค์ที่ห้องลับ เพียงแค่นั้นหัวใจก็พลันอบอุ่นขึ้นมาอย่างประแปลกประหลาด ทว่าไม่ทันไรเจ้างูนั่นก็มีท่าทีที่แปลกไป จนกระทั่งมันกระทำสิ่งหนึ่ง


    นี่มัน” หลอดแก้วเล็กๆ ที่บรรจุของเหลวสีแดงถูกขย้อนออกมาจากปากของอสรพิษ มิกิมองสิ่งนั้นอย่างไม่เข้าใจและไม่กล้าหยิบมันขึ้นมา งูพิษจึงใช้ศีรษะของมันดันขวดนั้นไปหาเขา


    มันคืออะไร” แม้ถามไปก็ไม่มีวันรู้ถึงคำตอบเพราะเขาไม่อาจเข้าใจภาษางูได้ แต่อสรพิษกลับมองเขานิ่งเมื่อต้องการสื่อสารบางอย่าง ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจ แต่สัญชาตญาณกลับสั่งให้รู้ว่ามันกำลังบอกให้เขาทำอะไร


    อยากให้ฉันดื่มมันเหรอ มิกิเอ่ยถาม อสรพิษสั่นหางเบาๆ เหมือนแทนคำตอบว่า ใช่


    เขาลังแลอยู่สักพัก ดวงตาสีอ่อนจ้องมองหลอดแก้วสีแดงอย่างครุ่นคิด แต่สุดท้ายมือเรียวก็เอื้อมไปคว้าขวดแก้วขึ้นมาจากพื้น ฝาที่ปิดหลอดถูกเปิดออก ก่อนยกสิ่งนั้นขึ้นมาดมเพื่อพิสูจน์ว่ามันคืออะไร


     กลิ่นคาวคล้ายกับเลือดตีคลุ้งเข้าจมูก แต่กลับรู้สึกหอมอ่อนๆ เหมือนมีรสหวาน คิ้วเรียวขมวดเข้าหากัน ไม่เข้าใจว่าสิ่งนี้เท่าไร แต่เขาก็คิดว่า บาซิกค์คงส่งเจ้างูนี้มาแทนคำตอบทุกอย่างว่าเขากำลังทำทุกวิถีทางเพื่อหาทางช่วยเหลือเขา และคงไม่ได้คิดร้ายกับเขาแน่ เมื่อคิดได้ดังนั้นก็ไม่มีอะไรจะต้องห่วง สุดทเนก็กลั้นใจดื่มของเหลวสีแดงนั้นลงคอจนหมดในอึกเดียว


    รสคาวเฝื่อนลิ้นติดอยู่ที่ริมฝีปากหลังจากที่ดื่มไป เขาแน่ใจว่าสิ่งนี้คือเลือดเป็นแน่ แต่ทำไมบาซิกค์ถึงต้องให้เขาดื่มเลือดนี้ด้วย คิดได้ไม่ทันไร..คำตอบก็สัมผัสได้ด้วยร่างกายของเขาเอง


     เวลานี้เขารู้สึกอบอุ่นขึ้น ราวกับมีกองไฟเล็กๆ ล้อมอยู่รอบตัว หัวสมองที่ปวดหนึบก็กลับคลายจนเริ่มกลายเป็นปกติอย่างไม่น่าเชื่อ มิกิมองหลอดโปร่งใสในมือพลางเม้มริมฝีปากลง แต่ไม่ทันจะได้หันใบหน้าไปขอบคุณเจ้าสิ่งมีชีวิตที่เข้ามาช่วยเขา มันก็หายตัวไปเสียแล้ว..

               

     

                ในวันรุ่งขึ้น..


    นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ตัดงบประมาณงั้นเหรอ คิดว่าการทดลองนี้มันไม่ใช้เงินทุนหรือยังไงฉันจะไปคุยกับสำนักงานใหญ่ให้รู้เรื่อง!”


     เสียงโวยวายดังขึ้นแต่เช้าที่สถานีวิจัยกลางป่า ค็อตเลอร์รู้สึกหัวเสียจนขว้างปาเอกสารวิจัยกระจุยกระจายเต็มห้อง

     ถึงนี่จะไม่ใช่ครั้งแรกที่หัวหน้าของพวกเขาโมโหสุดขีด แต่นับได้ว่าเรื่องงบประมาณเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดในการทดลอง หากไม่มีงบ ก็เท่ากับคนที่ขาดเลือดมาหล่อเลี้ยงชีวิต ศาสตราจารย์ดูจะหวังการวิจัยเรื่องดอกเพเซียนี้ไว้มาก แต่ด้วยทีมและศาสตราจารย์โลเกียผู้ช่วยคนสำคัญดันมาด่วนจากโลกนี้ไป ก็ทำให้งานที่ค้างอยู่ล่าช้ากว่าที่ควรจะเป็น และกินงบประมาณของทางองค์กรไปกว่าหลายล้าน สุดท้ายก็มาถึงวันนี้วันที่ทุกอย่างถูกยุติเอาเสียดื้อๆ แม้จะเดินมาได้ใกล้สุดทางแล้วก็ตาม สิ่งเดียวที่ทำได้คือพยายามปลอบใจหัวหน้าของพวกเขา


    ใจเย็นก่อนครับศาสตราจารย์ เรายังพอมีเงินทุนเหลืออยู่บ้าง พอที่จะทำถึงสิ้นเดือนนี้


    สิ้นเดือนนี้! มันจะไปพออะไร!” ค็อตเลอร์ตวาดเสียงดังพลางโยนเอกสารใส่หน้าลูกน้องของตัวเอง ก่อนจะเดินวนไปวนมาด้วยความหงุดหงิด ถึงเขาจะเป็นคนที่ทำงานให้กับรัฐบาล แต่รัฐบาลกลับไม่ได้เห็นค่าคนอย่างเขาว่าสามารถทำประโยชน์ให้องค์กรได้มากขนาดไหน


    ค็อตเลอร์นั่งลงที่โต๊ะ เคาะปากเร่งเป็นจังหวะราวกับกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก ใบหน้าใต้กรอบแว่นนั้นเต็มไปด้วยตึงเครียด อย่างไรเขาก็เหลือเวลาไม่มากแล้ว อีกไม่ถึงอาทิตย์ก็สิ้นเดือน พวกเขาจะต้องเก็บข้าวของทุกอย่างที่ทำและมอบให้รัฐบาลอย่างไม่มีข้อแม้ แต่ใครจะยอมมอบผลงานของตัวเองที่ใกล้เสร็จสมบูรณ์ไปให้คนอื่นเชยชมกันล่ะ ถึงแม้จะผิดกฎหมาย แต่เขาไม่สนใจ อย่างไรเม็ดเงินจำนวนมหาศาลก็รออยู่ตรงหน้าขอเพียงแค่เขาสามารถสกัดทุกอย่างออกมาจนเสร็จ ฉะนั้นสิ่งที่พอทำได้ก็คือ..


    เก็บวัตถุดิบที่เหลือมาให้หมด


    ไม่มีทางเลือกแล้ว ถ้าฝ่ายนั้นต้องการบีบเราขนาดนี้ เห็นทีจะต้องคว้าประโยชนไว้ให้ได้มากที่สุด” ค็อตเลอร์หมุนเก้าอี้หันมามองลูกน้องของตัวเอง ขณะคนที่ถูกมองใบหน้าเริ่มถอดสีไม่อยากคิดถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไป


    ศาสตราจารย์หมายความว่า…”


    วันนี้เราจะเก็บตัวอย่างเลือดทั้งหมดจากเจ้าเด็กนั่นออกมา” คำสั่งเลือดเย็นหลุดออกมาจากหัวหน้าทีมวิจัย ทำเอาทั่วทั้งห้องเต็มไปด้วยความเงียบกริบ พวกลูกน้องได้แต่มองหน้ากันเลิ่กลั่ก แต่กลับไม่มีใครกล้าแย้งศาสตราจารย์ที่ใจคอโหดเหี้ยมเลยสักคน ว่ากันว่ามนุษย์คือสัตว์ชั้นสูงที่มีความคิดเฉลียวฉลาดมีความรู้สึก สงสารเป็น รักเป็นเกลียดเป็น แต่หากมองในเรื่องวงจรผู้ล่า มนุษย์นั้นล่ะคือสัตว์ร้ายที่อันตรายที่สุด

     

     

    บรึน

     

    บรึน!

    เสียงบิดเครื่องยนต์จากยานพาหนะเหล็กสองล้อเร่งดังรบกวนอยู่ที่หน้าศูนย์วิจัยกลางป่า จนทำให้คนที่เป็นเจ้าหน้าที่ที่คอยเฝ้าผู้เข้าออกอยู่หน้าประตูสองนายต้องเดินออกมาไล่ด้วยความหงุดหงิด ไม่คิดว่ากลางป่าเขาเช่นนี้แล้วจะมีพวกก่อกวนตามมาไม่เลิก


    เฮ้ยแกเป็นใครน่ะ ที่นี่คนนอกห้ามเข้ากลับไป!” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของศูนย์วิจัยเอ่ยไล่คนที่จอดบิดมอเตอร์ไซด์อยู่ด้านหน้าอย่างไม่ไยดี ถึงพาหนะสีดำตรงหน้าจะดูโก้หรูมีราคา และรูปร่างของคนขับจะดูเท่สูงใหญ่สมชายชาตรี แต่ด้วยใบหน้าที่ปกปิดไว้ใต้หมวกกันน็อคกลับทำให้เขารู้สึกไม่ไว้ใจเลยสักนิด


    คาบูติสีดำบิดคั่นเร่งดังขึ้น ราวกับต้องการยั่วโมโหคนที่เฝ้า ในที่สุดก็เริ่มทนไม่ไหว รีบเดินย่ำตึงออกมา ในมือกำไม้ตะบองเตรียมยกขึ้นมาขู่ไล่เจ้าบ้าที่พูดภาษาคนไม่รู้เรื่อง


    บอกให้กลับไปไงเล่า ที่นี่เขตหวงห้ามอ่านภาษาคนไม่ออกเหรอ อยากโดนจับหรือไง!” ยามหนุ่มขู่เสียงดุ แต่ผลลัพธ์กลับไม่ได้เป็นไปอย่างที่เขาต้องการ เมื่อคาบูติสีดำบิดคันเร่งแรงขึ้นเสียงดังจนคนที่คิดมาไล่สะดุ้งจนล้มหงาย ไม่ทันได้พักหายใจต่อ ยานพาหนะสองล้อตรงหน้าก็พุ่งตรงมาหาพวกเขาอย่างรวดเร็ว!


    เฮ้ย!” อุทานเสียงหลง ก่อนจะกลิ้งตัวหลบอย่างทุลักทุเลแต่...

     

    โครม!!

     

    เสียงที่ได้ยินทำเอาสองยามต้องรีบเหลียวหลังหันมามอง ก่อนจะพบว่าประตูที่กั้นทางเข้า ถูกคาบูติสีดำยกล้อหนาๆ พุ่งเข้าใส่จนพังยับ ต่อด้วยสัญญาณเตือนที่ดังว่ามีผู้บุกรุก ตามมาด้วยเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่อยู่ด้านในทั้งหมดรุมกันเข้ามาเพื่อไล่จับ คนที่ขับมอเตอร์ไซค์กันวุ่นวาย โดยที่ไม่เฉลียวใจเลยสักนิดว่ามีใครบางคนแอบลอบเข้าที่ประตูด้านหลัง

     

     

    ข้างนอกเอะอะเสียงดังอะไรกัน” ถึงจะได้ยินเสียงโหวกเหวกอยู่ภายนอก แต่ค็อตเลอร์ก็ถามขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ เพราะมือทั้งสองกำลังยุ่งอยู่กับการใช้เข็มดึงตัวยาสีเหลืองใสออกมาจากขวดทดลอง


    หลังจากที่เตรียมถุงบรรจุเลือดยัดลงในกระเป๋าแช่เย็นสำหรับการเก็บตัวอย่างจนเสร็จ ลูกน้องของเขาก็ยืนขึ้นไปดูคำตอบให้ผู้เป็นนายที่หน้าต่าง เห็นคนขับมอเตอร์ไซค์เข้ามาที่ศูนย์วิจัย


    มีคนบุกรุกเข้ามาครับศาสตราจารย์!” เขาหันมาตอบด้วยท่าทีตื่นๆ ค็อตเลอร์ละสายตาออกจากขวดยา และเก็บเข็มฉีดยาเข้ากระเป๋าเสื้อของตัวเองเหมือนเช่นเคย ร่างสูงของชายวัยกลางคนขมวดคิ้วเดินตามลูกน้องตัวเองไปดูให้ชัดๆ ร้อยวันพันปีสถานีวิจัยแห่งนี้ไม่เคยเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น แต่ไฉนถึงได้เป็นแบบนี้ เห็นทีจะต้องอบรบพนักงานที่อยู่ที่นี่ใหม่ทุกคนเสียแล้ว ไม่สิ...เขาไม่มีความจำเป็นจะต้องสนใจที่แห่งนี้อีกแล้วเพราะอีกไม่นานโครงการนี้ก็จะถูกยุบและทุกคนก็จะกระจัดกระจายกันออกไป แต่ใครเล่าจะยอมทิ้งเงินมหาศาลไปเปล่าๆ ให้โง่ ถ้าเขานำเลือดออกจากเจ้าเด็กนั่นหมดเมื่อไร เขาจะไปจากที่นี่ทันที โดยไม่เหลียวแล


    ค็อตเลอร์แสยะยิ้มออกมาตรงมุมปาก ปรายตามองคนที่ก่อกวนผ่านหน้าต่างราวกับใครคนนั้นเป็นแค่แมลงหวี่แมลงวันน่ารำคาญ ก่อนจะหันหลังกลับ แล้วรีบมุ่งตรงไปที่ชั้นสามของสถานีวิจัยทันทีพร้อมกับลูกน้องอีกสองคน

     

                ทันทีที่มาถึงชั้นสาม ร่างผอมสูงของหัวหน้าศูนย์วิจัยก็รีบเดินมาตามทางเดิน โดยมีจุดหมายคือห้องด้านในสุดทางเดิน ทว่าระหว่างที่กำลังเดินไปจนใกล้ถึง จู่ๆ ไฟทุกอย่างก็ดับลงกะทันหัน!


    ฟืบ!


    ฟะ ไฟดับ” ลูกน้องข้างกายเขาร้องขึ้นอย่างตกใจ และเนื่องจากเป็นทางเดินปิดตายที่สามารถเข้าได้เพียงด้านเดียว เวลาไฟดับก็พลันทำให้ทุกอย่างนั้นมืดสนิท


    กลัวบ้าอะไรกัน เกิดมาไม่เคยเห็นไฟดับหรือไง” ศาสตราจารย์ค็อตเลอร์ดุลูกน้องทั้งสองที่ทำตัวเลิ่กลั่กจนหงอย ก่อนเขาจะหยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมา แล้วส่องให้ความสว่างแทน ทว่า...หูกลับได้ยินเสียงเหมือนคนเปิดประตูเข้ามาด้านใน


    ใครน่ะ!” เพราะด้วยไฟดับทำให้ระบบทุกอย่างถูกตัด ประตูทุกบานจึงไม่ต้องใช้เลขบัตรของพนักงานในการเปิด ค็อตเลอร์จึงรีบหันหลังกลับไปมองพลางใช้ไฟบนหน้าจอมือถือของตัวเองส่องไปยังประตูทางเข้า แต่กลับไม่พบใครสักคน หัวใจเริ่มเต้นระส่ำแปลกๆ คล้ายกลับกำลังสังหรณ์ใจบางอย่างที่ไม่ดีเลยสักนิด


    ป่านนี้เจ้าพวกบ้านั้นจะจับคนมาก่อกวนไปหรือยัง แล้วทำไมระบบไฟฉุกเฉินถึงไม่ทำงานสักที

    เขาเผลอคิดขึ้นมาด้วยความระแวง ปนกับความกลัวบางอย่างที่ผุดขึ้นในใจ แต่จู่ๆ เสียงสั่นระรัวที่ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบเฉียบก็พลันทำให้เขาเสียวสันหลังวาบ

    เสียงนั้นสั่นระรัวจนคล้ายกับเสียงคลื่นถี่ของกระดิ่งพวงเล็กๆ

    เสียงที่คล้ายกับสัตว์บางอย่างในทะเลทราย และมันอยู่..

    ที่พื้น!

     

    ฟ่อ!

     

    อ๊ากก!!”

     

    เฮ้ยพวกแกเป็นอะไรไป!” ค็อตเลอร์ตะโกนเสียงหลง เมื่อจู่ๆ ก็ได้ยินเสียงร้องโหยหวนของลูกน้องที่อยู่ข้างกาย ก่อนจะเงียบไปหายไปทีละคน

    หัวหน้าวิจัยหนุ่มหน้าซีดเผือด เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น พยายามใช้ไฟจากหน้าจอมือถือส่องที่พื้น แต่กลับพบลูกน้องตนที่นอนแน่นิ่งเป็นศพไร้ลมหายใจ สักพักรู้สึกเหมือนมีลมเย็นวูบผ่านจนหนาวสะท้าน ดวงตาใต้กรอบแว่นเบิกกว้าง ริมฝีปากเริ่มสั่นด้วยความกลัว เหงื่อไคลไหลซึมเกาะทั่วใบหน้า เท้าก้าวถอยหลังตามสัญชาตญาตที่พาหนี แต่ไม่ช้าระบบไฟฉุกเฉินก็ทำงาน เผยภาพทุกอย่างตรงหน้าให้กระจ่าง แต่สิ่งที่เห็นทำเอาเขาล้มลงไปอ้วกอยู่กับพื้น


     เส้นผมสีดำขลับยาวจรดกลางหลัง ใบหน้างดงามดั่งรูปหล่อทองคำของทวยเทพ แต่ทั้งหมดกลับไม่เท่าดวงตาเรียวยาวคมกริบคล้ายกับอสรพิษที่กำลังจ้องมองราวกับจะกลืนกินวิญญาณของเขาไปจนไม่มีวันได้ผุดเกิด บุคคลร่างสูงสง่าในอาภรณ์สูงศักดิ์กำลังยืมคร่อมขวางทาง


    ค็อตเลอร์พยายามคุมสติของตัวเองไม่ให้แตกกระเจิง แต่ภาพที่พบมันช่างเลวร้ายเกินจะรับไว้ เมื่อเห็นสภาพการตายของลูกน้องทั้งสองคน ใบหน้าบิดเบี้ยวไม่เหลือรูป ขากรรไกรอ้าข้างมีน้ำลายปะปนกับเลือดไหลออกมาไม่หยุด บริเวณลำคอและลำตัวมีงูเลื้อยพันกันยั้วเยียะจนน่าขนลุก


    ประตูห้องด้านในสุดเปิดมันออกซะ” ริมฝีปากหยัดสวยเอ่ยอย่างเย็นเยียบ ดวงตาคมกริบขององค์เทพจ้องมองไปที่คนที่ทรุดตัวอยู่กับพื้นราวกับอยากฉีกออกเป็นชิ้นๆ


    ค็อตเลอร์เมื่อได้ยินประโยคที่ร่างตรงหน้าพูด เขาก็พอจะเดาเรื่องทุกอย่างได้ทันทีว่าคนคนนี้เป็นใคร เรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ทั้งหมดถูกเฉลยออกมาทันทีว่าคงหนีไม่พ้นฝีมือของบุคคลผู้นี้ ถึงจะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไรนักว่าร่างสูงศักดิ์เข้ามาที่นี่ได้อย่างไร แต่ก็พยายามสยบความกลัวของตัวเองไว้


    ดูเหมือนว่าชายผู้นี้คงไม่ใช่คนธรรมดาอย่างที่เขาคิดแน่ทว่า หมากเกมนี้เขาต่างหากที่เป็นต่อ!


    พระองค์กำลังตามหาใครที่ห้องด้านในหรือพะย่ะค่ะ” นักวิจัยเจ้าเล่ห์จงใจยั่วโทสะของอีกฝ่าย


    เจ้าอยากตายนักใช่ไหม บาซิกค์ถลึงดวงเนตรดุดันปานจะแผดเผาร่างกายของชายชั่วให้มอดไหม้ ค็อตเลอร์เหยียดยิ้มร้ายกาจ ก่อนจะปัดฝุ่นแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูงมองใบหน้าขององค์เทพทะเลทราย


    แต่กระหม่อมคิดว่าพระองค์ไม่สามารถบังคับกระหม่อมได้นะ หรือจะฆ่าก็ไม่ได้เพราะอะไรรู้ไหม” ค็อตเลอร์มองดวงตาเย็นเยือกของอีกฝ่ายอย่างท้าทาย ริมฝีปากยกขึ้น เพราะกระหม่อมเพียงคนเดียวที่สามารถเปิดประตูห้องนั้นได้!”

     

    ฟ่อ!

    เพียงพริบตาเดียว คำพูดทุกอย่างก็กลืนหายไปในลำคอ น้ำหนักของสิ่งมีชีวิตบางสิ่งปรากฏขึ้นบนบ่าทั้งสอง ค็อตเลอร์หน้าซีดเผือดเมื่อเห็นอสรพิษขนาดใหญ่เท่าท่อนแขนเลื้อยพันอยู่ที่ลำคอของตัวเอง  เหงื่อไหลหยดลงมาจากไรผม

    เฮ้ย!!” ตกใจร้องเสียงหลงลงจนล้มไปกองกับพื้น แต่ไม่วายอสรพิษที่พันคอเขาไว้อยู่นั้นก็ไม่ได้หลุดออกแต่อยางใด มือทั้งสองข้างจึงพยายามแกะสิ่งแปลกปลอม แต่ยิ่งพยายามเท่าไรก็ยิ่งถูกบีบรัดแรงขึ้นจนแทบจะหายใจไม่ออก ดวงตาใต้กรอบแว่นพยายามเหลือบมองคนที่ทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้นอย่างตื่นกลัว


    กะ แก เป็นตัวอะไรกัน อึก!” งูรัดที่ลำคอเริ่มบดแน่นขึ้นจนเสียงที่กำลังพูดกลืนหายไปชั่วอึดใจ อย่างไรบาซิกค์ไม่ได้คิดจะไว้ชีวิตคนคนนี้ไว้อยู่แล้ว แต่หากอยากเล่นไม้นี้กับเขาเขาก็จะสนองคืนให้อย่างสาสม


    ข้าไม่มีเวลามาตอบคำถามชีวิตที่ไร้ค่าเช่นเจ้า หากเจ้าไม่ทำก็จงตายซะ” น้ำเสียงเยือกเย็นทำเอาคนฟังถึงสั่นผวา ดวงเนตรที่เต็มไปด้วยความเย็นชาทำเอาค็อตเลอร์รู้ดีถึงความน่ากลัวของราชาผู้นี้ อย่างไรเขาก็ยังไม่พร้อมจะตายที่นี่ อย่างไรข้อเสนอของเขาอาจจะใช้ไม่ได้เลยกับคนที่มีอำนาจมนตรา ถึงจะเจ็บใจที่ต้องทิ้งทุกอย่างไป แต่สิ่งที่เขาควรทำก็คือ...การมีชีวิตรอดเพื่อหาโอกาสทวงคืน

    ตัดสินใจหรือยังค็อตเลอร์

     

     

    มิกิได้ยินเสียงเอะอะดังออกมาจากด้านนอกนั่นพร้อมกับไฟในห้องที่ดับลงอย่างกะทันหัน มิกิไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่พยายามใช้เรี่ยวแรงที่เหลืออยู่ลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินไปที่ประตู แต่ด้วยข้อมือทั้งสองข้างถูกมัดไว้กับขาเตียงที่ยึดติดกับพื้นทำให้เขาไม่สามารถไปได้ดั่งใจนึก


    ร่างบางขบกรามตัวเองแน่น รู้สึกใจเจ็บใจยิ่งนักที่ไม่สามารถทำอะไรดั่งใจได้ ขณะเดียวกันก็ใจคอไม่ดีเลยสักนิดราวกับสังหรณ์ใจอะไรบางอย่าง แต่พอได้ยินเสียงกรีดร้องดังขึ้นด้านนอกก็พาเอาหัวใจเต้นกระตุก ไม่นานระบบไฟสำรองก็กลับมาให้ความสว่างอีกครั้ง ดวงตาคู่สวยหรี่ลงมองที่ช่องประตูด้านล่าง เห็นเงาดำวูบไหวไปมาอยู่ด้านนอก  ริมฝีปากเม้มลงแน่น


    หากเขาเดาไม่ผิด คงต้องเป็นค็อตเลอร์แน่ที่อยู่ข้างนอกนั่น แต่ทำไมเขากลับได้ยินเสียงร้องราวจะเป็นจะตายดังออกมาด้วย


    บานประตูค่อยๆ ถูกเปิดออก มิกิมองตามพลางใจเต้นแรง หากเป็นค็อตเลอร์ เขาจะไม่ยอมให้เจ้าคนชั่วนั่นแตะต้องร่างกายเขาอีกแล้ว แม้จะต้องต้องตายก็ขอสู้อย่างสุดแรง ว่าแล้วก็กำหมัดตัวเองแน่น แสงไฟจากด้านนอกส่องสว่างผ่านแผ่นหลังสูงใหญ่ของผู้มาเยือนจนเห็นเป็นเพียงเงาดำย้อนสายตา แต่ทำไมรูปร่างของคนคนนี้ถึงได้คุ้นตานัก


    ทันทีที่ทุกอย่างปรับชัดเข้าที่ ก็พลันทำให้ดวงตาคู่สวยนั่นตะลึงค้าง ภาพทุกอย่างราวกับหยุดชะงักจนหยุดนิ่ง ใบหน้าอันแสนคุ้นเคย นั่นทำให้รู้สึกตื้นตันขึ้นในอก


    ทั้งริมฝีปากนั่น

    จมูกนั่น

     และดวงตาสีอำพันคมกริบดุจแสงอรุณ ที่กำลังสะท้อนเป็นภาพตัวเขาอีกครั้ง


    น้ำตารื้นขึ้นมาที่ริมขอบตาไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไร หัวใจตัวเองเต้นแรงราวกับได้พบความอบอุ่นที่รอคอยมาแสนนาน ริมฝีปากแห้งปากของเขาเม้มลงแน่น ขณะที่หยาดน้ำใสๆ จากใบหน้าหยดลงบนพื้น  


    บาซิกค์ เสียงนั้นแผ่วเบาราวกระซิบ มือทั้งสอง เอื้อมขึ้นไปด้านหน้าหวังว่าภาพที่เห็นอยู่นั้นไม่ใช่เพียงฝันไป


    ฉันมารับแล้ว” ได้ยินเพียงเสียงคุ้นเคย มือที่เอื้อมไปถูกกุมมาแนบที่อกกว้าง เชือกที่พันธนาการเอาไว้มลายหายราวกับโดนแผดเผา ในอุ้งมือสัมผัสถึงเสียงหัวใจที่เต้นอย่างสม่ำเสมอแต่ทว่าอบอุ่นจนน้ำตาไหลอาบลงมาจากดวงตา


    เป็นครั้งแรกที่รู้สึกโหยหาขนาดนี้

    เป็นครั้งแรกที่ตื้นตันในหัวใจว่าไม่ได้ถูกทอดทิ้ง

    เป็นครั้งแรกที่น้ำตาไหลอาบลงมามากมายราวกับไม่มีวันจะหยุดลง

     

    ค็อตเลอร์มองภาพของคนทั้งสองอย่างเจ็บใจ ขณะที่หัวสมองก็พยายามใช้ความคิดอย่างหนักถึงวิธีเอาตัวรอด หากเจ้างูที่อยู่บนคอเขาเกิดจากมนตราของราชาแห่งอนาคานจริง ก็พอเป็นได้ว่ามนตรานั้นอาจจะสูญสลายลงหากเขาสามารถทำร้ายผู้ใช้ได้เหมือนอย่างในหนังหรือภาพยนตร์หลายๆ เรื่อง ถึงจะไม่มีเหตุผลใดมาค้ำประกันได้ว่าสิ่งที่เขาคิดถูกต้อง เพราะถ้าหากพลาดก็หมายถึงชีวิตของเขาจะต้องดับสูญอย่างน่าอนาถ แต่อย่างไรก็ไม่มีวันตกอยู่ในสภาพนี้เด็ดขาด หากชีวิตไม่ได้มาซึ่งเงินทองที่วาดฝันไว้ ทั้งที่มันอยู่แค่เอื้อมแล้วละก็ ถึงจะเสี่ยงก็ยอมดีกว่าตายเปล่าเช่นนี้!

     

    ฉึก!

                เข็มฉีดยาปักเข้าคาที่ไหล่ขององค์เทพ ภาพอันโหดร้ายราวกับถูกสะกดค้างไว้ต่อดวงตาของเด็กหนุ่มที่เบิกกว้าง กายสูงทรุดตัวล้มลงคาอ้อมแขนของคนรัก ก่อนเสียงปืนจะลั่นดังตามมาจนหูอื้อชา

     

    ปัง!

    ดวงตาคู่สวยขยายโพลน สัมผัสได้ถึงของเหลวที่เปรอะกระเซ็นใส่ใบหน้า ความกลัวในสิ่งที่ไม่อยากจะคิดทำให้เนื้อตัวสั่นเทาไปหมด มือเรียวโอบกอดร่างกายที่ทรุดลงกับพื้น แต่พอยกขึ้นมากลับพบแต่เลือดสีแดงฉานจนสติแทบขาดสะบั้น ภาพนิมิตในอดีตย้อนกลับมาในหัวอีกครั้ง น้ำตาผันแปรจากความดีใจเป็นความโศกาก่อนมันจะกลั่นออกมาพร้อมกับเสียงกรีดร้อง

    บาซิกค์!!”


    สมมุติฐานของเขาเป็นจริงทั้งหมด เมื่อเวลานี้งูที่พันรอบลำคอเขาหายไปแล้ว ค็อตเลอร์เหยียดยิ้มเย็นมองดูสภาพของคนทั้งสองอย่างสะใจ มิกิเหลือบตามองคนกระทำพลางจ้องเขม็งด้วยความเคียดแค้น แต่ไม่ทันจะได้ลุกขึ้นไปจัดการคนชั่วช้า ขณะที่กระบอกปืนสีดำถูกยกขึ้นมาขู่

    สีหน้าแบบนี้เหมือนโลเกียตอนที่ฉันจะยิงเขาไม่ผิด แต่ก็มีบางอย่างที่แตกต่างกันนิดหน่อย” ค็อตเลอร์เหยียดยิ้มเย้ย ใบหน้าเต็มไปด้วยความต่ำช้าเกินบรรยาย ตรงที่หมอนั่นขอชีวิตแกกับฉันไว้ยังไงล่ะ!” ก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง

    ไอชาติชั่ว!! ”


    ปัง!


    กระสุนนัดหนึ่งยิงเข้าที่หัวไหล่จนทะลุ ความแรงของกระสุนทำให้กายบางล้มกระแทกพื้น ความเจ็บแล่นแปลบขึ้นมาราวกับแขนทั้งท่อนกำลังถูกไฟครอกจนร้อนแสบทรมาน มิกิร้องออกมาด้วยความเจ็บ แต่ก็พยายามกัดฟันทั้งน้ำตานองหน้ากลั้นเสียงของตัวเองไม่ให้ชายที่ไม่อาจเรียกว่ามนุษย์ได้นั้นได้ใจ

    ค็อตเลอร์ยืนฉีกยิ้มอย่างพอใจมองภาพม้าพยศดิ้นทรมานอยู่กับพื้น

    ร้องออกมาสิมิกิ ส่งเสียงของนายออกมาให้ดังๆ เพราะหลังจากนี้นายจะไม่มีวันได้ร้องไห้อีกแล้ว เพราะกระสุนนัดนี้…” ค็อตเลอร์จ่อปืนสูงขึ้น ปลายนิ้วชี้จ่อไว้ตรงไกปืน จะเล็งที่หัวนาย” ดวงตาคู่สวยเบิกกว้างเมื่อได้ยินสิ่งที่เอ่ย ไม่คิดเลยว่าชีวิตจะต้องมาจบเพราะคนที่มีจิตใจเลวทรามอำมหิต หากเขาเข้มแข็งมากกว่านี้ ทุกอย่างก็อาจไม่ต้องลงเอยเช่นนี้ ความตายไม่ใช่เรื่องเลวร้าย แต่ความโดดเดี่ยวต่างหากคือสิ่งที่ร้ายแรงที่สุด


    เขาไม่อยากทิ้งใครให้โดดเดี่ยว

    เพราะการมีกันและกันต่างห่างที่ทำให้หัวใจที่เคยเหี่ยวเฉาดวงนี้อบอุ่น

    บาซิกค์จะอยู่ได้ไหมนะ...ถ้าไม่มีเขา

    ลาก่อนไอหนู” เสียงเย็นเยียบกล่าวทิ้งท้าย นิ้วเรียวค่อยๆ เหนี่ยวไกเชื่องช้า ดวงตาคู่สวยหลับลง ในใจคิดถึงแค่เพียง ขอให้ชายข้างกายคนนี้ให้อภัย


    ฟ่อ!

    ปัง!


    กระสุนพลาดไปถูกเตียงที่ด้านหลังเป็นรูดำ มิกิรีบลืมตาขึ้นมาดูเหตุการณ์ต่างๆ ด้วยความึนงง ก่อนจะพบว่ามีงูหางกระดิ่งตัวหนึ่ง กัดเข้าที่ข้อเท้าของค็อตเลอร์!

    ไองูบ้านี่!”

    ค็อตเลอร์สะบัดเท้าออก พลางรีบเล็งปืนไปที่อสรพิษที่ลอบกัด ก่อนกระหนำกระสุนยิงไม่ยั้งใส่เจ้างูตัวนั้น แต่อสรพิษก็กลับซ่อกแซกกว่าที่เขาคิดไว้นัก ทำให้กระสุนยิงไม่โดน แต่เพียงไม่นานค็อตเลอร์เริ่มเหงื่อแตกกาฬ สัมผัสได้ถึงอาการชาที่เริ่มไล่ขึ้นมาจากปลายเท้า หากปล่อยไว้เช่นนี้เขาคง..


    เซรุ่ม” ไม่รอช้าก่อนที่ขาจะใช้ไม่ได้ ค็อตเลอร์รีบวิ่งออกจากห้องทันที โดยไม่หันหลังมองพวกเขาอีก


    ค็อตเลอร์อึก!” เปล่งเสียงเรียกด้วยความแค้นพยายามจะลุกตามออกไป แต่แผลที่ไหล่ก็เจ็บเกินกว่าจะลุกขึ้นได้ทันที กระทั่งได้ยินเสียงของคนข้างกายเรียกชื่อเขาแผ่วเบา


    มิกิ” ร่างบางรีบมาอยู่ข้างๆ ค่อยๆ ยกคนที่นอนหายใจรวยรินอยู่กับพื้นขึ้นมานอนไว้บนตัก สองมือก็ประคองใบหน้าของอีกฝ่าย


    ทะ ทำใจๆ ดีไว้ บาซิกค์นายจะไม่เป็นอะไร” ถึงจะพูดปลอบไปแต่ทว่าน้ำตาเย็นชื้นกลับหยดรดใบหน้า บาซิกค์คลี่ยิ้มอ่อนๆ ก่อนจะบกมือขึ้นซับน้ำตาให้คนขี้ตกใจ


    นายต่างหากที่ต้องใจเย็นๆ กระสุนปืนฆ่านาคินไม่ได้ อึก...” บาซิกค์คล้ายกลับกำลังจะพูดอะไรต่อ แต่ดูเหมือนร่างกายเขากลับอ่อนแรงลงเสียดื้อๆ หากเดาไม่ผิดอาจเป็นเพราะเข็มฉีดยานั่นที่ค็อตเลอร์แอบแทงเข้าในตัวบาซิกค์เป็นยาตัวเดียวกันกับเขาที่จะทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง เลยทำบาซิกค์มีอาการแบบนี้


    มันคือยาคลายกล้ามเนื้ออดทนหน่อยนะบาซิกค์” ดวงตาสีเขียวมองชายคนรัก บาซิกค์พยายามพยักใบหน้ารับ เพราะประมาทไปหน่อยถึงได้พลาดท่าได้


    ลุกขึ้นไหวไหม โอ๊ย!” มิกิพยายามพยุงตัวบาซิกค์ให้ลุกขึ้น แต่ไม่วายกระสุนปืนที่ฝังอยู่ในไหล่เขาก็ทำพิษจนต้องร้องครวญ


    นายบาดเจ็บ” น้ำเสียงที่ไม่เคยได้ยินเอ่ยขึ้น ความห่วงใยส่งทอดมาจากดวงตาคู่นั้น


    ฉะ ฉันไม่...อึก!”


    ไม่ทันได้พูดต่อจนจบประโยค ก็สัมผัสได้ถึงนิ้วเรียวยาวที่เลียลงบนปากแผลจนสะดุ้ง ดวงตาคมกริบเงยขึ้น


    ถอดเสื้อออก

    ไม่รู้ว่าคนตรงหน้าคิดจะทำอะไร แต่พอเห็นใบหน้าและดวงตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใยแล้ว เขาก็ไม่สามารถขัดคำสั่งนั่นได้ มิกิค่อยๆ ถอดเสื้อของตัวเองออก เผยให้เห็นอกขาวบางเรียบ ดวงเนตรสีอำพันมองขึ้นไปบริเวณบาดแผลที่ยังคงมีเลือดไหลซึม ใบหน้าคมโน้มเข้ามาใกล้รอยแผลมากขึ้น ลมหายใจอุ่นๆ ไหลรดจนร่างกายร้อนวูบ ก่อนการกระทำหนึ่งจะทำให้หัวใจเต้นแรงอีกครั้ง


    กลีบปากอ่อนนุ่มไล่บรรจงจุมพิตลงยังบาดแผล ความเจ็บปวดแสบร้อนมลายหายราวกับร่ายเวทย์มนต์ มือทรงอำนาจสัมผัสลงบนรอยเลือด ความอบอุ่นไหลซ่านกระจ่ายที่หัวไหล่ เพียงไม่นานกระสุนที่คาอยู่ด้านในก็ถูกขับออกมาหล่นกับพื้น  ก่อนเนื้อหนังที่ฉีกขาดจะกลับเป็นดั่งปกติ


    เมื่อทุกอย่างกลับเป็นเช่นเดิม มิกิรู้สึกพูดไม่ออก ได้แต่มองใบหน้างดงามขององค์เทพอยู่แบบนั้น แม้จะมีคำถามมากมายอยู่ในหัว แต่ในใจกลับไม่รู้ว่าจะเรียบเรียงมันออกมายังไง มีคำๆ หนึ่งอยากจะเปล่งเสียงออกมา แต่มันกลับถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกในใจบางอย่างจนยากจะอธิบาย รู้สึกตัวอีกที ริมฝีปากของชายผู้นี้ก็ปิดทับลงมาอย่างอ่อนโยนพร้อมกับ ประโยคที่ไม่เคยคาดว่าจะได้ยิน

    ฉันขอโทษ ถ้อยคำเพียงสั้นๆ แต่ลึกกินใจเสียจนน้ำตาไหล สองมือโอบกอดแผ่นหลังกว้างเอาไว้แน่น เสียงสะอื้นดังออกมาไม่ขาดสาย หยาดเลือดที่เปรอะเปื้อนจากบาดแผลหายไปแล้ว เวลานี้ เหลือเพียงแผลในหัวใจที่กำลังค่อยๆ ได้รับการรักษาจากยาชั้นดี ต่อให้ชีวิตนี้ต้องเจออะไรมากกว่านี้ เขาจะไม่จากอ้อมแขนของชายผู้นี้ไปอีกแล้ว แม้จะต้องตกเป็นทาสกับความรู้สึก ก็ยินดีผูกโซ่คล้องเอาไว้ตลอดไป

    ไปจากที่นี่กันเถอะ

     


     

    เวลานี้ไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นที่สถานีวิจัยบ้าง ถึงจะมีเสียงกรีดร้อง พร้อมกับเสียงปืนดังขึ้นอยู่เป็นระยะแต่เขาก็ไม่สนใจอะไรทั้งนั้นนอกจากชีวิตของตัวเอง


    ค็อตเลอร์เดินโซเซจนถึงที่ชั้นสองของสถานีวิจัยซึ่งเป็นชั้นที่เก็บเซรุ่มและพวกยาปฏิชีวิณะต่างๆโดยเฉพาะ จึงไม่มีเจ้าหน้าที่ดูแลอยู่ในชั้นนี้


    ความจริงแล้วถึงสถานีวิจัยแห่งนี้จะอยู่กลางป่า แต่หลังจากที่เขาได้รับอำนาจให้ดูแลเกี่ยวกับการวิจัยของดอกเพเซียเพื่อมารักษาโรคเจ้าหญิงนิทราต่อ เขาก็ได้เตรียมเซรุ่มป้อนกันพิษงูเอาไว้มากมาย เพราะดอกเพเซียเป็นดอกไม้ที่ปล่อยกลิ่นฟีโรโมนดึงดูดพวกงูมาชุมนุมกัน แต่ถ้าเทียบกับตอนที่นำตัวมิกิกลับมาใหม่แล้ว พวกงูกลับชุกชุมกว่าที่เขาคิดไว้มากนัก จนต้องสั่งเซรุ่มมาเพิ่มเติมเรื่อยๆ เพราะมีนักวิจัยหลายคนถูกงูกัด


     แขนเสื้อกาวน์ข้างหนึ่งถูกฉีกออกอย่างเร่งด่วนเพื่อมาพันไว้ที่ขาข้างที่ถูกกัด ค็อตเลอร์ขบกรามแน่น เหงื่อกาฬแตกพลั่ก และหายใจลำบากขึ้นทุกที ขณะที่เขาก็พยายามลากขาที่แทบจะไร้ความรู้สึกของตัวเองไปที่ตู้เก็บเซรุ่ม ใส่รหัสบางอย่างลงไปพร้อมกับมือที่เริ่มสั่น ก่อนที่สายตาจะพล่าเรือนไปมากกว่านี้เขารีบควานหาตัวยาป้องกันในทันที เซรุ่มที่หยิบออกมาเป็นหลอดสีเหลือง หากเดาไม่ผิดงูที่กัดเขาเป็นงูหางกระดิ่ง โชคดีที่เขาจำสีของเซรุ่มนี้ได้จึงฉีดมันเข้าตัวอย่างไม่ลังเลว่าจะกลัวผิด


    ไม่นานนักอาการทุกอย่างก็ทุเลาลง ทีละน้อย กระทั่งเริ่มขยับขากลับมาเป็นปกติได้บ้าง แต่เซรุ่มที่ฉีดกลับส่งผลให้ร่างกายของเขาอยากหลับตาลงพัก แต่เขาจะเสียเวลาเพราะเรื่องแบบนี้ไม่ได้ ว่าแล้วก็กลั้นใจใช้เข็มฉีดยาแหลมๆ แทงเข้าที่ไหล่ตัวเอง ให้ความเจ็บปวดกระตุกให้เขาตื่นขึ้นมา


    ค็อตเลอร์หอบหายใจถี่รัว จากความเจ็บ เลือดสีแดงสดไหลลงมาจากบาดแผล ก่อนจะค่อยๆ พยุงตัวลุกขึ้น แล้วถอดเสื้อกาวน์ที่เลอะเปรอะเปื้อนไปด้วยคาบเลือดของตัวเองออก


    ในห้องเก็บเซรุ่มนี้เขาจำได้ว่า มีตัวอย่างเลือดของมิกิที่ยังไม่ได้รับการทดสอบเก็บไว้อยู่ด้วย เมื่อคิดได้ดังนั้นจึงจะไปเอาเลือดที่ยังไม่ได้ใช้ หากสามารถนำมันออกไปได้ เขาก็สามารถสกัด DNA จากเลือดของมิกิให้เพิ่มขึ้นมาได้โดยที่ไม่จำเป็นจะต้องมีเจ้าตัว


    หัวหน้านักวิจัยพยายามเดินไปให้ถึงตู้เก็บสีขาวขนาดใหญ่ที่คล้ายกับเครื่องแช่ มือเปื้อนเลือดรีบกดรหัสผ่านของตัวเครื่อง ด้านในมีถุงพลาสติกใสที่บรรจุเลือดสีแดงสดไว้สองถุงเต็มๆ ก่อนเขาจะคว้ามันขึ้นมา แล้วยัดใส่กระเป๋าเก็บที่วางไว้อยู่ข้างตู้ แล้วรีบเดินออกไปจากห้องทันที


    ทว่า..ก่อนจะออกมาด้านนอก เขาก็เหลือบไปเห็นคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง ซึ่งคอมพิวเตอร์ทุกตัวในสถานีนี้สามารถเข้าสู่ระบบส่วนกลางของสถานี รวมทั้งเซตระบบป้องกันต่างๆ ได้ เพียงแค่ใช้รหัสจากเขาซึ่งเป็นผู้ควบคุมทั้งหมดและรวมไปถึงอุปกรณ์ต่างๆ ในนี้ด้วย เพียงแค่นั้นความคิดชั่วร้ายก็แล่นเข้ามาในหัวทันที ก่อนที่จะแสยะยิ้มแล้วทำบางอย่าง



     

     

    มิกิค่อยๆช่วยพยุงบาซิกค์ออกมาจากห้อง แม้จะเป็นองค์เทพที่มีอำนาจมนตราสามารถรักษาแผลให้หายได้ในพริบตา แต่หากเป็นผลของพวกยากลับไม่ได้หายในทันที บาซิกค์ส่งยิ้มอ่อนๆมาให้เหมือนรู้ตัวว่าทำให้เขาต้องลำบาก แต่มิกิกลับไม่ได้คิดเช่นนั้นเลย เวลานี้พวกเขาจะต้องรีบออกไปจากที่นี่ หากเขาเดาไม่ผิด ทุกศูนย์วิจัยมักจะมีระบบป้องกัน เหมือนๆกันแทบทุกสถานี หากมีเหตุร้ายเกิดขึ้นอาจเป็นไปได้ว่าระบบ อาจจะทำลายตัวเองเพื่อกันข้อมูลรั่วไหล หรืออาจส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือจากภายนอกโดนอัตโนมัติ หรือไม่ก็..

     

    กริ๊งงง!!


    จู่ๆเสียงสัญญาณเตือนภัยก็ดังขึ้น มิกิหน้าซีดเผือดทันที มองไฟสีแดงที่กระพริบถี่อยู่บนเพดานทางเดิน

    ไม่นะ หรือค็อตเลอร์คิดจะ..

    ตูม!! เสียงระเบิดดังขึ้นจากชั้นหนึ่งของสถานีวิจัย ทำให้พื้นที่ด้านบนสั่นสะเทือนราวกับจะถล่มลงมามิกิรีบจับตัวบาซิกค์เอาไว้แน่น


    เราต้องรีบขึ้นไปชั้นบน ทางออกจากที่นี่ตอนนี้มีเพียงทางเดียวคือ เฮลิคอปเตอร์ที่ดาดฟ้า


    จับฉันไว้มิกิ


    ฟืบ!

    พริบตาเดียว คนที่เคยพยุงมากลับแปรเปลี่ยนเป็นอสรพิษทะเลทรายขนาดใหญ่ เกล็ดสีเหลืองทองสลับลายพาดดำ ทำให้เขาจำได้อย่างดิบดี รู้สึกตัวอีกทีมือทั้งสองข้างก็โอบลำคอของนาคินยักษ์เอาไว้แน่น พร้อมกับการเคลื่อนที่พุ่งทะยานขึ้นไปด้านบนอย่างรวดเร็ว ขณะที่เสียงระเบิดไล่ตามขึ้นมาเรื่อยๆ จากชั้นล่างจนโครงสร้างของตึกเริ่มบิดเบี้ยวคล้ายกับอีกไม่นานจะถล่มลงมา


    มิกิเกาะบาซิกค์เอาไว้แน่น แรงระเบิดทำกลุ่มควันคละคลุ้งไปหมด เศษหิน ซากเพดานตกลงมาเรื่อยๆราวกับห่าฝน แต่บาซิกค์ก็คอยหลบเลี่ยงแล้วใช้ศีรษะ และลำตัวของตัวเองคอยปกป้อง ไม่ช้าก็พุ่งทะยานออกมาที่ชั้นบนสุดของสถานีวิจัย ทว่าพื้นของดาดฟ้าด้านบนเริ่มเอนเอียงไปตามรูปทรงของตึกที่ใกล้พังทลาย ก่อนบาซิกค์จะกลับคืนรูปมนุษย์แล้วทรุดตัวลงฮวบเนื่องจากฝืนเรี่ยวแรงของตัวที่ยังไม่กลับคืนมาจนถึงขีดจำกัด


    มิกิตกใจเข้าไปช่วยพยุงร่างแกร่งลุกขึ้น แล้วรีบพาไปที่เฮลิคอปเตอร์ที่จอดนิ่งอยู่ใจกลาง ถึงเขาไม่รู้ว่าจะขับเฮลิคอปเตอร์ลำนี้เป็นไหม และคิดว่าคงคล้ายกับวิดีโอเกมที่เขาเคยเล่นตอนเด็กเท่าไร แต่ตอนนี้เขาก็ไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว

                เด็กหนุ่มคอยพยุงบาซิกค์ไปถึงตัวเครื่อง แต่ไม่ทันได้แตะประตู เสียงปืนก็ขึ้นมาทางด้านหลังจนไม่กล้าขยับ

     

                ปัง!


    นึกไม่ถึงพวกนายจะหนังเหนียวเกินคาดนะ” เสียงที่ไม่อยากได้ยินทำเอามิกิกัดฟันแน่นด้วยความเจ็บใจ ที่คนคนนี้ยังไม่ยอมไปเฝ้านรกอย่างที่ใจคิด ค็อตเลอร์ถือกระเป๋าบางอย่างไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง ขณะที่อีกข้างเล็งกระปืนมาที่เขา


    แต่จะทำอย่างไรดี ที่บนเฮลิคอปเตอร์นี้ คงมีไม่พอสำหรับพระองค์และพระชายา” รอยยิ้มชั่วร้ายใต้กรอบแว่นยกขึ้นอย่างไม่สำนึกผิด ขณะที่มิกิเกินจะทนแล้วจริงๆ


    แกมันไม่มีสำนึกของความเป็นคนอยู่เลยใช่ไหม พวกเขาเป็นลูกน้องของแก แกจะฆ่าพวกเขาทั้งหมดเลยหรือไง ค็อตเลอร์ไอชาติชั่ว!” แผดเสียงลั่นอย่างไม่เคยเป็น นัยน์ตาเต็มไปด้วยความโกรธ แต่หากคนที่กำลังเอ่ยถึงกลับหัวเราะเสียงดัง


    ไม่เอาสิพระชายา อย่าทำกิริยาเช่นนั้น มันไม่สง่างามเลยนะ พูดจบก็ยิงปืนลงกับพื้นที่มิกิยืนอยู่ ก่อนจะขู่เสียงเย็น ถอยออกไป” เมื่อได้ยินคำสั่งของอีกฝ่าย มิกิกัดฟันแน่ด้วยความเจ็บใจที่ไม่สามารถมีกำลังไปต่อกรกับค็อตเลอร์ได้เลย ขณะที่บาซิกค์เอง ก็รู้สึกเจ็บใจไม่แพ้กัน ถึงตอนนี้เขาจะสามารถยืนได้แล้ว แต่ยาที่ฉีดเข้าไปกลับทำให้หัวสมองเขามึนงงจนไม่สามารถใช้อำนาจนาคินของตัวเองได้ ผสานกับการฝืนตัวเองกลายร่างก่อนหน้านี้เพื่อพามิกิหนีขึ้นมาด้านบนทำให้เหนื่อย จนแทบจะรั้งร่างกายให้ยืนไว้ยังลำบาก สุดท้าย พวกเขาทั้งสองคนถึงได้แต่ทำตามคำขอที่ชั่วช้าของค็อตเลอร์อย่างเลี่ยงไม่ได้ ในที่สุดก็มองดูอีกฝ่ายแย่งเฮลิคอปเตอร์ไปต่อหน้าต่อตา แต่เหมือนเจ้าตัวยังไม่อยากหมดสนุกเพียงแค่นี้


    ถอยไปจนสุดขอบดาดฟ้านั่นล่ะ


    แก!”


    ปัง!มิกิทำท่าจะขัดขืน แต่กระสุนก็ถูกไล่ยิงที่พื้นจนเขาไร้ข้อแย้ง


    ถอย-ไป-อีก กล่าวเน้นย้ำทีละคำช้าๆ มิกิกับบาซิกค์จำใจก้าวถอยหลังไปจนสุดดาดฟ้าอย่างที่สั่ง มือเรียวกำแน่นด้วยความเจ็บใจ ขณะที่แรงสั่นสะเทือนของสถานีวิจัยก็ใกล้ขึ้นทุกที ค็อตเลอร์รีบขึ้นไปบนเฮลิคอปเตอร์ สายลมมหาศาลพัดจากใบพัดที่กำลังเตรียมโผบินไปบนฟ้า แต่ขณะที่กำลังนำเครื่องขึ้น ใบหน้าชั่วช้าก็ชะโงกออกมาด้านนอก พร้อมกับปืนที่เล็งมาที่หัวใจของเจ้านาคิน มิกิเบิกตากว้าง

     

    แล้วก็ได้โปรดประทานอภัยให้กระหม่อมด้วยนะ ฝ่าบาท


    บาซิกค์!!”

     


    ทันทีที่ยิงปืนนัดสุดท้ายเสร็จ ค็อตเลอร์มองภาพเหตุการณ์ต่างๆ ผ่านเฮลิคอปเตอร์ แล้วแสยะยิ้มเยาะ ในที่สุดเรื่องนี้เขาก็เป็นผู้ชนะ และอีกไม่นานเงินทองมหาศาลก็จะตกเป็นของเขา เขาไม่กลัวที่ตัวเองกระทำผิดเลยสักนิด เพราะจะเอาอะไรกับราชาประเทศเล็กๆ ที่ไม่มีใครรู้จักกันเล่า จะบอกว่าเขาลักพาตัวพระชายาไปงั้นหรือ แล้วหลักฐานล่ะ เพราะทั้งหมดมันถูกทำลายลงไปแล้ว ไม่มีใครจับตัวเขาหรือสามารถเอาผิดเขาได้เลยสักนิด หากเรื่องนี้จะต้องโทษใครสักคน ก็ต้องโทษที่เจ้าเด็กนั่นที่ดันดื้อด้านไม่ยอมให้ความร่วมมือกับเขาตั้งแต่ทีแรก อ่า..แต่เขาก็ไม่อยากคิดอะไรอีกแล้วเพราะทุกอย่างกำลังจะจบแล้ว


                ว่าแล้วก็เร่งเครื่องให้บินขึ้นสูงขึ้นอย่างสบายใจ แต่ไม่ทันไรที่ปลายเท้ากลับสัมผัสได้ถึงบางอย่างที่ผสานกับเสียงสั่นถี่รัวคล้ายกับปลายหางของสิ่งมีชีวิตที่เขาเพิ่งหนีรอดมาก็พลันทำให้หน้าซีดเผือดทันที


                อย่าบอกนะว่าเจ้างูที่กัดเขามัน..

     

                ฟ่อ!


                โอ๊ย!” คมเขี้ยวฝังลงที่โคนขาด้านใน ความเจ็บปวดแล่นเข้ามาจนแทบจะขาดสติมิอาจควบคุมเฮลิคอปเตอร์ได้


                อสรพิษถอนคมเขี้ยวออก ดวงตาเรียวยาวจ้องมองเขานิ่งงัน ลิ้นสองแฉกแลบยาวออกมาราวกับมันต้องการจะเยาะเย้ยในความหลงระเริงของเขา


                ค็อตเลอร์กัดฟันแน่นด้วยความเจ็บใจ แต่ไม่ทันไรพิษของงูหางกระดิ่งก็พลันเล่นงานเร็วกว่าที่คิดไว้ ไม่ช้าทั่วทั้งตัวของเขาก็เป็นอัมพาต ระบบประสาททั้งหมดในร่างกายถูกทำลาย หลอดลมตีบลงจนไม่สามารถหายใจ ใบหน้าเริ่มเขียวช้ำจนดูน่ากลัวบิดเบี้ยวราวกับศพ ในที่สุดเฮลิคอปเตอร์ที่ไร้การควบคุม ก็หมุนติ้วอยู่กลางอากาศ ไม่ช้าก็ตกลงมากลางป่าแล้วระเบิดเป็นพลุไฟสีแดง

     

     

    ปัง!


    เสียงปืนดังก้องฟ้า หมู่นกโบยบินขึ้นจากป่า ภาพทุกสิ่งทุกอย่างหมุนช้าลง หากเพียงเสี้ยววินาทีเขาช้าไปกว่านี้ เขาอาจจะได้เห็นภาพที่เขาไม่ต้องการ มือเรียวของเด็กหนุ่มผลักร่างผู้ครอบดวงใจให้พ้นวิถีกระสุนจนนาทีพรากชีวิตแปรเปลี่ยมมาฝังลงกลางอกเขาเสียแทน


    ไม่เสียดายเลย..

    ไม่เสียดายเลยสักนิดหากหัวใจนี้ต้องแหลกสลาย

    แต่ขอให้หัวใจนี้ได้ทำเพื่อใครสักคนที่รักหมดใจ อย่างน้อยก็ล่วงรู้แล้วว่าสามารถปกป้องคนที่รักไว้ได้

    เขาเคยบอกว่าดวงตาของเทพนาคินจะจ้องมองเพียงเขา เสมือนเขาเป็นเจ้าของ

    แต่กลับกัน เขาต่างหากที่กลับตกเป็นทาสดวงเนตรงดงามโดยไม่รู้ตัวเลยสักนิด

    ความรู้สึกสุดท้ายกำลังจะหายไป..มือเอื้อมขึ้นมาหวังจะสัมผัสใบหน้างดงามนั้นดั่งใจ แต่ทำไมช่างห่างไกลเสียเหลือเกิน..


    มิกิ!! ”

     

    วูบ!


    ร่างกายนี้กำลังร่วงหล่นลง หรือโบยบินกันนะ

    ทำไมใบหน้าของคนคนนั้นถึงพร่าเลือนไปเรื่อยๆ

    มีเสียงบางอย่างดังขึ้นคล้ายกับกำลังเรียกชื่อเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า

    เงาดำสูงใหญ่นั้นช่าง..งดงามจัง

     

    ตูม!!


                จบแล้วสินะ ภาพสุดท้ายที่เห็นคือแสงสีดำ กับความหนาวเย็นที่ห่อหุ้มร่างกายที่แหลกสลายพร้อมกับลมหายใจที่สิ้นไปในสายน้ำ

     


    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×