คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #25 : ค่ำคืนพิเศษ 1 : ฉลอง? (100%)
5
4
3
2
1
ติ๊ง!
เมื่อเสียงตั้งเวลาของเตาอบไฟฟ้าสิ้นสุดลง
ใบหน้าที่จับจ้องเจ้าสิ่งที่อยู่ด้านในประหนึ่งคือผลงานชิ้นสำคัญก็เต็มไปด้วยความลุ้นระทึก
มือที่ซุกซ่อนอยู่ในถุงมือกันความร้อนลายหมีน้อยค่อยๆเอื้อมเข้าไปเปิดฝาเตา
ทว่าๆทันที่เปิดรับความจริง ประกายดวงตาที่เคยอัดแน่นไปด้วยความหวังก็ดับวูบลง พร้อมกับกลิ่นเหม็นไหม้ที่โชยคลุ้งตีเข้าจมูกจนต้องยู่หน้าหนี
“แค่ก แค่ก บ้าเอ้ย! ทำไมทำตามตำราแล้วมันยัง..”
ทำเองบ่นเอง
เวลานี้คงไม่มีอะไรอธิบายสถานการณ์ของพระชายาแห่งอนาคานได้ดีกว่านี้อีกแล้ว มิกิค่อยๆดึงถาดไม้กันความร้อนออกมาจากเตา
บนนั้นมีก้อนอะไรบางอย่างสีดำๆ ที่แต่ก่อนเคยเรียกว่า’คุกกี้’
แต่สภาพตอนนี้คง…
“เฮ้อ” เสียงถอนหายใจดังขึ้นไม่รู้ว่าเป็นรอบที่เท่าไรแล้วของวัน
ให้ตายเถอะทั้งๆที่คิดว่าเรื่องทำอาหารเป็นเรื่องง่ายๆแท้ๆ เมื่อเทียบกับการทดลองเพื่อทดสอบสมมุติฐานอันแสนจะยุ่งยาก
แต่พอเอาเข้าจริงๆเขาก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไม
คุกกี้ในตำราถึงกลายเป็นก้อนอิฐสีดำไปได้ทุกครั้ง
“มันต้องมีอะไรผิดพลาดสิน่า..” ร่างบางบ่นอุบอิบกับตัวเอง
พลางหยิบตำราขนมหวานเจ้าปัญหาขึ้นมาอ่านอย่างครุ่นคิด ทั้งส่วนประกอบ การตักตวงเครื่องปรุงรส
และอุณหภูมิของไฟทุกอย่างเขาทำตามหนังสือหมดแล้ว แต่ไหงถึงออกมาสีดำปี๋เหมือนถ่านไปได้
ไม่เข้าใจเลยจริงๆ แต่ถ้ามองในแง่ดีเข้าไว้
บางทีหนังสืออาจจะลงรูปให้มันดูน่ากินทั้งที่ความจริงทำออกมาก็จะกลายเป็นแบบของเขา
ส่วนรสชาติก็คงไม่แย่ถึงขนาดทานไม่ได้หรอกมั้ง ถึงสีสันจะน่ากลัวก็เถอะ
ว่าแล้วก็หยิบคุกกี้สีดำเข้าปากทันที
กึก..
...
……
พรวด!!
แค่ก
แค่ก!
บ้าเอ้ย! ขมอย่างกะถ่าน! นี่คือความรู้สึกที่ซื่อตรงที่ไม่คิดจะปลอบใจตัวเองเลยสักนิด
แถมรสขมเหม็นไหม้ยังติดทนลิ้นจนแทบอยากจนถอดลิ้นตัวเองออกมาล้าง เวลานี้เขาประจักแล้วว่า
เขาทำอะไรผิดพลาด
ตำราขนมของอาราบัสนี่มันหลอกลวงชัดๆ!
มิกิปิดหนังสืออาหารแล้วโยนลงบนโต๊ะในครัวอย่างไม่ไยดี
ฮึ่ย..ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด
ทั้งๆที่ตั้งใจเอาแล้วไว้แท้ๆ
ว่าจะแอบทำคุกกี้ฉบับชาวญี่ปุ่นตอกหน้าบาซิกค์สักหน่อย ที่เจ้าตัวหาว่าเขาไม่มีความละเอียดอ่อนเลยสักเรื่อง
เขาเลยกะพิสูจน์ด้วยการทำขนมที่ต้องการการดูแลเอาใจใส่ทุกขั้นตอน
ซึ่งด้วยความมั่นใจ ทะนงตนว่าเขาสามารถทำเรื่องแค่นี้ได้ง่ายๆ
จึงออกปากให้ทุกคนในครัวออกไปให้หมด และทำทุกอย่างด้วยตัวเอง แต่กลับกลายเป็นว่ากินไม่ได้เลยสักชิ้น!
“ขออภัยพระชายา องค์ราชาทรงมีพระประสงค์ให้กระหม่อมมา…” ระหว่างที่กำลังก้มหน้าก้มตาหดหู่ในชีวิต จู่ๆราชบริวารรายหนึ่งที่รับบัญชามาจากเจ้าปกครองชีวิตก็โผล่พรวดเข้าในห้องมาแล้วรีบกล่าวรายงานเสียงจริงจัง
แต่พอได้เห็นสภาพครัวของวัง ผสมกับรัศมีห่อเหี่ยวของพระชายาแห่งอนาคานแล้ว
ก็ทำเอาพูดอะไรไม่ออก..
หลังจากที่ราชบริวารหนุ่มมาตามตัวพระชายาเพียงหนึ่งเดียวของอนาคานมาเข้าเฝ้าองค์เทพตามรับสั่ง
มิกิก็เลือกกลับไปที่ห้องบรรทมก่อนเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ เพราะไม่อยากให้บาซิกค์ตั้งคำถามว่าเหตุใดพระชายาแห่งอนาคานถึงได้มอมแมมราวกับลูกแมวคลุกฝุ่นเช่นนี้
เมื่อรีบทำทุกอย่างจนเสร็จ เขาก็เดินมายังประตูทางทิศตะวันตกของวัง
ทันทีที่มาถึง
นัยน์ตาคู่สวยทอดมองทัศนียภาพหลังบานประตูเทพธิดา กลิ่นหอมอ่อนๆของดอกไม้โชยเข้าจมูกโด่งสวย
ผีเสื้อตัวน้อยโบยบินรับแสงแดดไรๆลอดผ่านแมกไม้ส่องต้องมายังบริเวณใจกลาง บุรุษสูงศักดิ์ผู้ปกครองอนาคานกำลังก้มอ่านอะไรบางอย่างบนโต๊ะรับรองเล็กๆ
หากเมื่อก่อน มองไกลๆแล้วคนคนนี้ช่างงดงามราวกับจิตกรรมรูปปั้นชั้นดีกันที่จิตกรบรรจงสร้าง
แต่ปัจจุบันเขากลับไม่รู้สึกต่างว่าอะไรจากจอมเผด็จการในร่างราชา(งู)
“อยากยืนคุยกับฉันตรงนั้นหรือ” แม้ไม่เงยหน้าขึ้นมามองจากสิ่งที่อ่านอยู่ก็รับรู้ได้ถึงการมีตัวตนของอีกฝ่าย
มิกิแอบเบะปากนิดๆ ก่อนจะกลอกตาขึ้นอย่างขอไปทีกับการวางมาดอันน่าหงุดหงิดของบาซิกค์
แต่สุดท้ายก็ก้าวขาฉับๆลงมานั่งข้างๆตามคำสั่ง
บาซิกค์แอบเหลือบตาขึ้นมามองเข้าเล็กน้อย
ก่อนจะก้มลงไปอ่านหนังสือใหม่ แต่ก็ไม่ลืมใช้นิ้วมือกึ่งเขี่ยกึ่งดันชาในถ้วยกระเบื้องมาให้
ถึงการกระทำของอีกฝ่ายจะทำให้อารมณ์หงุดหงิดเมื่อก่อนหน้านี้เริ่มก่อตัวขึ้นมากกว่าเก่า
ทว่าคนที่เรียกตัวมาเอาแต่ตีหน้านิ่ง ไม่ทีท่าว่าจะขยับปากเลยสักนิด
พลันทำเอาชายาแห่งอนาคานยิ่งฉุนกึกเข้าไปใหญ่ มิกินั่งเงียบอยู่สักพัก
ลังเลใจว่าควรจะยกชานั้นขึ้นมาจิบแก้ว่างปากดีหรือไม่ พอตัดใจยกถ้วยชาขึ้นมา น้ำอุ่นๆยังไม่ทันไหลลงคอ
เสียงเรียบเย็นก็กล่าวขึ้น
“ไปทำอะไรที่ห้องครัว”
แค่ก!!
ตกใจสะดุ้ง
สำลักน้ำในทันที่พอได้ฟังคำถามจบ มิกิปิดปากไอโคกจนตัวโยน ไม่คิดไม่ฝันว่าจู่ๆบาซิกค์จะพูดเรื่องนี้ขึ้นมา
ทั้งที่เป็นความลับที่อุส่าห์ซุ่มแอบเอาไว้แท้ๆ แต่ไม่ยังไม่ทันข้ามวันก็รั่วไหลไปแล้วสุดท้ายจึงพยายามทำทีตีหน้าเฉไฉไม่รู้เรื่องอะไร
“หะ..ห้องครัวอะไรกัน” มิกิยกผ้ากันเปื้อนขึ้นมาเช็ดที่มุมปาก
ทว่าคนฟังกลับขมวดคิ้วลง ดวงตาสีเหลืองทองคมกริบเลิกออกจากหนังสือทันที แล้วหันมาจ้องเขม็งพระชายาแห่งอนาคานนิ่งราวกับจะล้วงคำโกหกไปจนถึงผิวหนัง
ทำเอามิกิขนลุกซู่ แต่ก็พยายามยิ้มแห้งปกปิดต่อไป ก่อนบาซิกค์จะหยิบอะไรบางอย่างขึ้นมาวางบนโต๊ะ
“งั้นช่วยบอกทีว่าวัตถุประหลาดนี่มันคืออะไร”
ตึง! ทันทีที่เห็น‘วัตถุประหลาด’ก้อนกลมๆสีดำที่พูดถึงวางลงอยู่บนโต๊ะ
ใบหน้าของคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามก็เปลี่ยนเป็นแดงซ่านโดยอัตโนมัติ พลันความเขินอายขึ้นมาจนถึงใบหูจนร้อนผ่าว
ทว่าถ้อยคำที่ตามมากลับทำให้หัวใจที่กำลังเต้นตุ้มๆต่อมๆชะงักงัน
“หากทำสิ่งใดไม่ได้ ก็ไม่ต้องฝืนทำ สำหรับนายแค่หายใจเพื่อฉันก็พอแล้ว ไม่จำเป็นจะต้องทำอะไรให้ทุกอย่างยุ่งยากมากกว่าเดิม
” ถึงจะเป็นประโยคจะฟังแล้วชื้นหัวใจขึ้นมาบ้าง แต่ประโยคท้ายกลับแอบเจ็บแปลบในอกขึ้นมาเสียอย่างงั้น
ที่หาว่าเขาทำตัวยุ่งยากวุ่นวาย ความโกรธที่ปะปมมาพร้อมความน้อยใจทำให้เขาลุกขึ้นยืนอยากไปจากที่ตรงนี้เดี๋ยวนั้น
ทั้งที่อุส่าห์ตั้งใจทำขนมให้เต็มที่แล้วแท้ๆ ถึงสภาพมันจะไม่น่ากิน
รูปร่างไม่อาจเรียกได้ว่าคุกกี้ได้เต็มปาก แต่ก็ไม่เห็นจะต้องพูดจากหักล้างน้ำใจกันแบบนี้เลย
“เข้าใจแล้ว..งั้นขอโทษด้วยที่ทำให้นายยุ่งยากใจ”
กล่าวด้วยความตัดพ้อ พลางรีบเดินก้มหน้าไม่รอคนที่นั่งอนุญาตเลยสักนิด
“มิกิ..” ก่อนที่ร่างบางจะเดินออกไปเสียงเรียบเย็นก็รั้งเอาไว้
“ขอโทษ โกรธหรือ” คำพูดพร้อมกับคำถามหลุดออกจากริมฝีปากหยักสวย
ทั้งๆที่เป็นประโยคที่มิอาจได้ยินบ่อยๆจากเจ้านาคิน แต่กลับไม่ได้ทำให้เขารู้สึกดีขึ้น
ถึงแม้หัวใจจะแอบหยุดตรึงเมื่อได้ยินเช่นนั้น ทว่าเขากลบเลือกที่จะปฏิเสธคำขอโทษนั้นด้วยการปิดปากเงียบไม่พูดสิ่ง
ก่อนจะเปิดประตูออกไป
จากอาทิตย์ร้อนแรง
มาจนพลบค่ำ ช่วงเวลาที่ผ่านเลยไปไร้ซึ่งเงาของผู้ปกครองแห่งอนาคาน
มิกิได้แต่เดินวนไปวนมาอยู่ในห้องบรรทม
ความโกรธและน้อยใจยังคงตรึงที่อยู่ที่แผ่นอก ถึงตัวเขาจะกระดากความคิดตัวเองที่รู้สึกเหมือนเป็นภรรยารอสามีมางอนง้อ
แต่สุดท้ายพออะไรๆไม่ได้ดั่งใจก็หงุดหงิดหายใจฟึดฟัด มองอะไรก็รกหูรกตาไปหมด
แต่เขาไม่รู้จึงว่าคนที่พาลนั้นคือตัวเขาหรือเปล่า
‘ขอโทษ..นายโกรธหรือ’
..ถามมาได้! คำตอบแน่นอนว่ามันตายตัวอยู่แล้วว่า…โกรธ!
“อ๊ากก ฉันเกลียดนายที่สุดเลยบาซิกค์!” กระฟัดกระเหวี่ยงอีกครั้งยีหัวหัวเองจนยุ่ง
ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนแผ่เตียงตังตุบไปทั้งแบบนั้น ไม่เคยรู้ว่าความรักมันเป็นเรื่องน่าหงุดหงิดขนาดนี้
ทั้งๆที่เมื่อเขาคิดว่าเป็นเรื่องเรื่องหยุ่มหยิ่มไม่น่าสนใจ และเขาล่ะเกลียดนักเวลาเห็นแฟนคนอื่นตัวพ่อแง่แม่งอนกับเรื่องแค่เล็กๆน้อยๆ
แต่พอรู้ว่ามาเป็นเสียเอง ก็ไม่อยากจะยอมรับ มิกิผุกลุกขึ้นมาที่ขอบเตียงอีกครั้ง
คิ้วทั้งสองขมวดยู่เข้าหากัน
‘หรือเขาควรไปง้ออีกฝ่ายกันนะ’
ก๊อก
ก็อก
เสียงเคาะประตูจะดังขึ้นจากด้านนอก
ทำเอาหัวใจดวงน้อยเต้นดังอย่างกับลิงโลดคิดว่าคงเป็นเจ้านาคินเป็นแน่ แต่พอเสียงรายงานบางอย่างดังขึ้นมาแทน
ใบหน้าที่แย้มยิ้มก็หุบลงแทบไม่ทัน พระชายาหนุ่มถอนหายใจ ก่อนอนุญาตให้คนนำสาสน์เข้ามาด้านใน
“มีอะไร” พยายามปรับเสียงให้สุขุมที่สุดเพื่อปกปิดความหงุดหงิด
แต่กลับกลายเป็นเสียงห้วนกระด้างปิดความรู้สึกไม่มิด ราชบริวารโค้งศรีษะลงเล็กน้อย
ก่อนจะกล่าวไปตามรายงานที่ได้รับมอบหมาย
“ฝ่าบาทมีรับสั่ง ให้กระหม่อมพาพระชายาเสด็จออกจากวังพ่ะย่ะค่ะ
ได้โปรดมากับกระหม่อมด้วยพ่ะย่ะค่ะ” ทันทีที่ฟังจบคนที่นั่งอยู่บนเตียงก็ขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม
ร้อยวันพันปีไม่เคยเรียกให้ออกไปไหนด้านดึกดื่น แต่ไฉฯวันนี้ถึงได้เรียกเขากันนะ..
ผ่านไปเพียงไม่นาน
สองเท้าพาเรือนร่างสูงโปร่งเดินร่อนแร่ภายนอกราชวัง
อากาศของทะเลทรายค่ำคืนช่างหนาวเหน็บจนแทบไม่อยากจะก้าวไปไหนต่อ
โชคดีที่ก่อนออกมาเขาคว้าผ้าคลุมผืนหนาออกมาด้วยไม่งั้นคงได้แข็งตายก็ที่จะถึงที่หมาย
แต่สุดท้ายเขาก็ต้องทำตามคนที่มีอำนาจสูงสุดสั่ง ถึงจะไม่รู้ว่าจะพาไปที่ไหน
แต่หัวสมองของเขาในตอนนี้กล้ากลับยอมรับได้เต็มปากเต็มคำว่ากำลังโลกในแง่ร้ายทั้งนั้น
เพราะครั้งในอดีตที่เขาถูกดึงตัวออกมาจากห้องบรรทม
โผล่อีกทีก็ถูกทิ้งตัดหางปล่อยวัดอยู่ที่อาราบัสตัวเปล่า ยิ่งคิดก็ยิ่งน่าโมโห
ไม่รู้ว่าคราวนี้บาซิกค์คิดจะทำอะไรกับเขาอีก ครั้นเอ่ยปากถามก็ไม่มีใครยอมบอกเขาเลยสักคน
อ้างว่าเป็นรับสั่งจากองค์เทพนาคิน
ไม่ว่าพระชายาตรัสถามอะไรก็ไม่ให้ตอบอะไรทั้งนั้น
พอรู้แบบนั้นโทสะที่อยู่ในใจก็แทบจะลุกโชนโหมกระพือ แต่ก่อนที่จะระเบิดอารมณ์ใส่ใครพร่ำเพื่อ
ทหารที่นำทางเขาก็พาเขามาหยุดอยู่ที่ปราคารหอคอยเตี้ยๆคุ้นตา หากจำไม่ผิดเขาเคยตามบาซิกค์ที่นี่แล้วจากนั้นก็..
“องค์ราชาทรงรอพระชายาอยู่ด้านบนพ่ะย่ะค่ะ” ก่อนภาพความคิดในอดีตจะพาให้หน้าซ่านไปมากกว่านี้ มิกิรีบสะบัดศรีษะตัวเองเบาๆ ก่อนจะค่อยๆเปิดประตูหอคอยเก่าๆ แล้วขึ้นบันไดไปด้านบนสุด
“นะ..นี่มันอะไรกัน” เมื่อมาถึง
มิกิเอ่ยอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง ผืนทรายเม็ดละเอียดสะท้อนแสงจันทร์เป็นประกาย
กลิ่นกำยานดอกไม้หอมหวนโชยคลุ้ง ใจกลางเป็นโครงซุ้มเล็กๆ
พันด้วยไม้เลื้อยคล้ายกับต้นไอวี่ ทว่าดอกของมันเป็นสีสมแดง
บนโต๊ะเล็กๆถูกปูทับด้วยผ้ารองสีแดง มีแก้วไวน์วางไว้สองแก้ว
บาซิกค์นั่งเท้าคางราวกับกำลังรอคอย
ดวงตาสีอำพันตวัดจ้องมองมาทันทีที่เห็นคนที่ต้องการปรากฏตัว
บรรยากาศที่พบทำให้มิกิเริ่มไม่เข้าใจเท่าไร
แต่บาซิกค์กลับตอบคำถามด้วยการยกรอยยิ้มที่มุมบอก
“ฉลอง” คำตอบเพียงสั้นๆ
แค่ทำเอาคิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันอีกครั้ง ไม่รู้ว่าเจ้าตัวมาอารมณ์ไหนกันแน่
ประเดี๋ยวทำตัวเหมือนเจ้าชายที่แสนดี ประเดี๋ยวทำตัวอย่างกับเจ้าชายอสูร
“ใครเป็นคนสอนให้นายทำเรื่องแบบนี้” มิกิลากขาเอื่อยเฉื่อย
ลงมานั่งฝั่งตรงข้าม ตอนนี้เขาประมวลได้แล้วว่าบาซิกค์ต้องการจะเอาใจเขาแทนเมื่อเรื่องตอนกลางวัน
ถึงจะรู้สึกดีใจนิดๆ ประหลาดใจหน่อยๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะต่อมเซอร์ไพรด์ของเขาทำงานผิดปกติหรือเปล่าถึงไม่ได้แสดงอาการตื่นเต้นไปมากกว่านี้
ทั้งๆที่มันออจะโรแมนติกสุดๆ ทว่าอีกฝ่ายกลับทำให้ความสงสัยในอารมณ์ของตัวเองชะงักไปในที่สุด
“คงไม่ใช่ตำราอาหารที่นายซื้อมาจากอาราบัสแน่” บาซิกค์ว่าอย่างอารมณ์ดี
ผิดกับมิกิที่พ่นลมหายใจแรงๆ ไม่สนุกด้วยเลยสักนิดที่เอาความตั้งใจเขามาล้อเล่น
“ตลกหรือไง” ตอบเสียงห้วนไม่พอใจ
แต่ทั้งๆที่เป็นคนโกรธแท้ๆ แต่กลับกลายเป็นแค่กล้าสู้ดวงตาคมกริบเพียงคู่เดียวเท่านั้นก่อนจะทำทีเป็นเสมองไปทางอื่น
ก็ใครมันจะไปทนได้กันล่ะ
..เพราะสายตาที่ร้อนแรงราวกับกำลังปลดเปลื้องเสื้อผ้าของเขาออกทีละชิ้น
มันทำให้รู้สึกเขินสุดๆ สุดท้ายจึงได้แต่เบี่ยงใบหน้าไปทางอื่น กำมือตัวเองไว้แน่นทั้งสองข้าง
และแกล้งเป็นไม่รู้สึกรู้สา ทั้งที่เสียงหัวใจเต้นแรงเสียจนแทบจะทะลุออกมา
ทว่าเงียบได้ไม่นานนักจู่ๆอีกฝ่ายก็พูดเรื่องหนึ่งขึ้นมา
“กินหมดแล้ว..” มิกิหันมากับคำพูดนั้น ไม่รู้ว่าได้ยินไม่ชัดหรือไม่เข้าใจกันแน่
บาซิกค์เลยพูดอีกครั้ง
“คุกกี้ของนาย ฉันกินหมดแล้ว”
“ว่าไงนะ!” เผลอพูดออกไปเสียดังอย่างไมเชื่อหู
แถวยังอ้าปากค้างอึ้งจนพูดอะไรไม่ออก พอเห็นกระนั้นบาซิกค์จึงหลุดยิ้มออกมานิดๆ
“ดีใจจนพูดไม่ออกเลยหรือ หึแต่อย่าถามฉันต่อเรื่องรสชาติเลยนะ”
“บ้า! ฉันไม่ได้ขอให้นายกินสักหน่อย ทำไมฉันต้อง..!”
“ดื่มสิ” ไม่ทันได้พูดจนจบประโยค
แก้วไวน์ใสๆก็ถูกชูขึ้น เหมือนต้องการให้เขายกแก้วไวน์ของตัวเองขึ้นมาดื่มด้วย
ทว่าเมื่อจ้องมองเข้าไปยังน้ำที่รินอยู่ในแก้วกลับป็นม่วงอมชมพูไม่เหมือนกับสีของไวน์เลยสักนิด
“มันคือน้ำอะไร” เขาถามอย่างสงสัย
“แค่ไวน์ชั้นหนึ่งของอนาคาน” บาซิกค์ตอบเรียบๆ
ก่อนจะยกไวน์นั้นขึ้นดื่ม ราวกับต้องการพิสูจน์ให้มิกิเห็นว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง
ชายาหนุ่มมองคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามอยู่สักพักสลับกับน้ำในแก้วของตัวเอง
ก่อนจะกลืนน้ำลายลงคออึกหนึ่ง ไม่ใช่ว่าเขาดื่มของพวกนี้ไม่ได้หรอกนะ
แต่ไม่แค่ไม่แน่ใจว่านี่มันจะไวน์ธรรมดาจริงๆ
ให้ตายเถอะจากการที่อยู่อนาคานมา
เลือดงูก็ดื่มมาแล้ว คงไม่มีอะไรน่ากลัวไปกว่านี้แล้วล่ะนะ
ว่าแล้วกลั้นใจดื่มรวดเดียวจนหมด..
หลายชั่วโมงผ่านไป..
ไวน์ชั้นหนึ่งของอนาคานถูกรินแก้วแล้วแก้วเล่า
เนื่องจากเป็นไวน์ที่ทำมาจากเลือดงูหลากชนิดหมักผสมกับผลของต้นเพเซียที่มีรสหวานอมเปรี้ยวและดอกกระบองเพรช
ทำให้ไวน์นี้มีรสชาติหวานนุ่มลึกดื่มง่ายไม่บาดคอ ผลการคาดเดาของบาซิกค์จึงเป็นไปอย่างถูกต้อง
เมื่อพระชายาของอนาคานกลับถูกอกถูกใจ ยกรวดเดียวจนหมดไปหลายแก้ว ไม่รู้ว่าชอบ หรือดื่มไม่เป็นกันแน่
เพราะสำหรับนาคินแล้วไวน์เช่นนี้ไม่ต่างอะไรจากน้ำเปล่า แต่สำหรับมนุษย์แล้วคงได้เมาหัวทิ่มบ่อเพียงไม่ถึงสามแก้วด้วยซ้ำ
ทว่านอกจากมิกิจะไม่คอพับคออ่อนภายในสามสี่แก้วแล้ว เมื่อเมาได้ที่กลับยิ่งพูดมากเป็ฯเท่าตัว
แถมยังฟังไม่ค่อยรู้เรื่องเมื่อมีอาการสะอึกแทรกเข้ามาด้วย
แต่ราชาแห่งนาคินก็ยังคงท่าทีสงบเสงี่ยมมองดูมิกิในอีกด้านอย่างเพลิดเพลิน
“บาซิกค์ อึ้ก! นายมันเป็นเทพที่ไม่ได้ อึก เรื่อง
นี่ฉันแต่ง อึ้ก งานกับนายจริงเหรอ ฮ่าๆ ดูเอาเถอะ ฉันไม่ชอบงู แต่ดันได้สา อึ้ก!
มีเป็นงูอยู่บนหัว ฮ่าๆ” ทั้งหัวเราะ
ทั้งพูดจาไม่รู้เรื่องชวนโมโห
พึ่งมาเข้าใจตอนนี้ว่าเวลาคนเมามักจะเผยความในใจก็เอาตอนนี้
แต่บาซิกค์ก็ยังคงตีหน้านิ่ง อมยิ้มๆน้อยเหมือนทั้งหมดเป็นเรื่องน่ายินดีรอฟังคำพรรณนาของตัวเองจากปากมิกิต่อไปอย่างสนใจ
“ตั้งแต่เกิด อึ้ก! ก็ทิ้งฉันไปหมด แต่บอกไว้เลยนะว่าหน้า
อึ้ก! อย่างฉันไม่ยอมเป็นเมียใครง่ายๆ หรอกเว้ย! ฮ่าๆ นอกจาก..นอกจาก เอิ๊ก..” สะอึกจนคำพูดช่วงท้ายขาดหาย
“นอกจากอะไร” บาซิกค์เท้าคางมองพลางอมรอยยิ้มไว้ที่มุมปาก
“นอกจาก นอกจาก น..เหวออ! ” ยังพูดไม่ทันจบ
จู่ๆเจ้าตัวก็หายไปจากเก้าอี้ บาซิกค์ตกใจรีบลุดตัวขึ้นมาดู
เห็นคนตัวเล็กนอนหงายอยู่บนพื้นทราย เสื้อผ้ายับเยิ่นหลุดลุ่ยดูไม่ได้
ไม่เหลือเค้าสภาพของพระชายาผู้สูงศักดิ์ของอนาคานเลยสักนิด แต่ดูเหมือนมิกิจะไม่รู้สึกตัว
แถมยังหลับตาพริ้มทำปากแจ๊บๆ ท่าทางเป็นสุขสุดๆราวกับผืนทรายเป็นที่นอนชั้นดี
ภาพที่เห็นทำให้ราชาหนุ่มหัวเราะออกมาอย่างห้ามไม่ได้
รู้สึกอยากเอ็นดู และดูแลคนคนนี้ไปจนชั่วชีวิต บาซิกค์นั่งลงข้างๆ
พลางค่อยๆยกศรีษะทุยนั้นมาวางไว้บนตัก เพื่อให้คนตัวเล็กให้หนุนสบายมากขึ้น
ก่อนจะเอื้อมมือไปเกลี่ยแก้มสีแดงระเรื่อจากพิษสุราอย่างแผ่วเบาดุจคนที่นอนเป็นของล้ำค่าหวงแหนยิ่ง
รอยยิ้มอันอบอุ่นที่ไม่เคยมอบให้ใครยกขึ้นเล็กน้อย
“อุส่าห์เตรียมดอกไม้ไฟมา สงสัยจะไม่มีความหมายแล้วสินะ” ใบหน้างดงามเงยขึ้นมาท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวเปรยขึ้นเบาๆ เส้นผมสีรัตติกาลพลิ้วสยายไปตามสายลมราตรีเอื่อยแผ่ว
เมื่อถึงเวลาดอกไม้ไฟหลากสีสันจะถูกจุดขึ้นบนท้องฟ้า แล้วฟุ้งกระจายออกอย่างสวยงาม
เสียงพลุทำให้หัวใจเต้นตึกตามไปด้วย ทว่าคนที่อยากให้เห็นมาที่สุดกลับตอบรับแต่เพียงขยับกลีบปากขึ้นเอ่ยพึมพำเสียงเบา
“บาซิกค์ ฉัน อึก ฉัน..” ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายรู้ตัวหรือไม่
ว่าท่าที่เช่นนี้ทำให้ห้ามหัวใจไว้ไม่อยู่อีกต่อไป จุมพิตหอมหวานแผ่วเบาปิดผนึกลงไปที่กลีบปากนุ่มอย่างนุ่มนวล
การปลอบประโลมอันอ่อนโยนอ่อนหวานค่อยๆสร้างความอบอุ่นขึ้นมาเรื่อยๆท่ามกลางผืนทรายยามค่ำคืนที่เริ่มเย็นเยือก
เสียงครางเบาๆหลุดออกมาจากร่างบนตัก ก่อนบาซิกค์จะเลื่อนริมฝีปากไปจบลงบนเปลือกตาที่ปิดสนิท
“มิกิ..สิ่งที่นายทำไม่ได้ฉันจะทำแทนนายให้หมดทุกอย่าง..”
เสียงนุ่มทุ้มกระซิปข้างใบหู อ้อมกอดของราชาห่อหุ้มกายของผู้ครองหัวใจเอาไว้แน่น
ก่อนจะประทับจุมพิตลงไปอีกคราที่ข้างแก้มนุ่มดุจปุยไหม
“หลับฝันดี พระชายาของข้า”
รุ่งเช้า
มิกิตื่นขึ้นมาด้วยความงัวเงีย
รู้สึกตัวอีกทีก็พบว่าตัวเองอยู่บนเตียงของพระชายาไปแล้ว พอเห็นกระนั้นก็ตื่นตกใจ
พยายามนึกเรื่องเมื่อคือที่เกิดขึ้น เขาจำได้แค่เพียงแค่ดื่มไวน์กับบาซิกค์แล้วหลังจากนั้นความทรงจำของเขาก็ขาดหายไปอย่างสิ้นเชิง
ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง มิกิรีบสำรวจร่างกายทันที ถึงไม่พบอะไรผิดปกติ
แต่ก็ไม่รู้ว่าช่วงเวลานั้นตัวเองได้อะไรน่าอายลงไปหรือไม่ ปกติเขาคิดว่าเป็นคนคอแข็งอยู่พอสมควร
เวลาเมาแล้วเพื่อนของเขาก็มักจะบอกว่าเขาพูดมาก และพูดไม่รู้เรื่อง
หากเมื่อคืนเขาเป็นแบบนั้นคงไม่รู้จะเอาหน้าไปซุกผืนทรายที่ไหนหนีบาซิกค์แน่
ระหว่างที่กำลังคร่ำครวญถึงวีรกรรมตัวเอง
จู่ๆประตูห้องก็ถูกเปิดออก ราชบริวารนำรถเข็นอาหารเช้ามาถึงเตียง มิกิชะโงกหน้าดู
กลิ่นหอมของโจ๊กเห็ดทำให้ท้องไสเริ่มหิว ด้านข้างเป็นขนมปังแห้งๆ
ส่วนของหวานก็เป็น…
“นี่มันอะไร” มิกิเงยหน้าถาม
ราชบริวารหนุ่มตอบพลางยิ้ม
“คุกกี้ พ่ะย่ะค่ะ องค์ราชาทรงทำด้วยฝีพระหัตถ์เองเลยนะพ่ะย่ะค่ะ” พอได้ยินกระนั้นมิกิก็เลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ แต่ไม่ทันไร
จู่ๆคำพูดที่เหมือนถูกฝั่งอยู่ในหัวก็ผุดขึ้นมาเอง
‘สิ่งที่นายทำไม่ได้ฉันจะทำแทนนายให้หมดทุกอย่าง..’
ประโยคหวานหูทำเอามิกิหน้าแดงก่ำทันที
บางทีบาซิกค์ก็ไม่ใช่คนเลวหรือมีแต่มุมเย็นชาเพียงอย่างเดียว
เมื่อได้ข้อความความหวานมาเติมหัวใจ ลองชิมสิ่งที่ทำให้ด้วยหัวใจดูสักหน่อยแล้วกัน
กึก!
…
….
……
“ นี่มันรสบ้าอะไร!”
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ทักทายกันสักนิด
สวัสดีปีใหม่คร่า าาา ฮิ้วววววววว ให้โชกดีสุขขีปีใหม่ โอ้ว(มาเป็นจังหวะสามช่า) ไรท์ดี้กลับมาทักทายเพื่อนๆนักอ่านที่น่ารักทุกคนแล้วนะคะ มีใครคิดถึงดี้ และพี่งูกันม๊ายยย(มองหา) ตอนนี้ก็เป็นตอนพิเศษ ตอนนี้ที่ดี้ นานจะคลอดๆออกมา(ใช่ต้อง ใช้คำว่านานๆจะคลอดจริมๆ) หลังจากที่มีรีเควสสมา ดี้ก็จัดความใสๆของนิยายเรื่องเข้าไปให้แล้วนะ ทีแรกตอนนี้กะว่าจะไม่ได้ลงหนังสือนะ คืออยากเอามาเซอวิสเฉยๆ แต่ บกใบอกให้เอาลงด้วยก็เลยจัดปายยยย ก็เป็ฯหนึ่งตอนพิเศษทั้งหมดของนิยายเสน่หาทาสนาคินนะคะ ^^
ก็ปีใหม่แล้ว ใครที่เจออะไรที่ไม่ดี ก็ขอให้หมดสิ้นไปกับปีเก่านะคะ และเริ่มต้นใหม่กับสิ่งดี เจอแต่สิ่งดีๆกันทุกนะคะ ส่วนในปีที่แล้ว หากมีเรื่องอะไรไที่ดี้ไม่ถูกใจ ก็ต้องขออภัยทุกคนด้วยนะคะ
ดี้ขอขอบคุณทุกคนนะคะ ที่ยังอยู่เป็นเพื่อนกันติดตามกันจนมาถึงตอนนี้ ในปีนี้ดี้สัญญาจะทำให้ดีที่สุดค่ะ ^^
Happy new year 2016 ค่ะ ^_^
ความคิดเห็น