ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Basilisk Eye' : เสน่หา ทาส นาคิน (Yaoi) (จบแล้วจร้า)

    ลำดับตอนที่ #4 : ค่ำคืนที่ 2 : โอเอซิส....100%

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.75K
      27
      17 พ.ค. 58

               ซู่ม!

     

                ตื่นได้แล้วเจ้าพวกสันหลังยาว!” เสียงสาดน้ำดังขึ้นพร้อมกับเสียงตวาดกร้าวก้องหู หยาดน้ำเย็นๆทำให้ร่างของมนุษย์ที่นอนรวมกันหลายสิบสะดุ้งด้วยความตกใจ ก่อนเด็กหนุ่มที่หมดสติไปนานจะฟื้นคืนสติมาฉับพลัน แต่ภาพรอบๆที่ปรากฏทำเอาเขารู้สึกเหมือนตัวเองยังไม่ได้ตื่นจากฝันร้าย ดวงตาสีสวยเบิกโตด้วยความตื่นตระหนก เมื่อพบว่าตัวเองอยู่ท่ามกลางผู้คนแปลกตาในสถานภาพที่ร่างกายทุกคนเปลือยเปล่าปิดช่วงล่างแค่ผืนผ้าๆเก่าๆขาดๆ ตามมือถูกมัดรวบไว้ด้วยเชือกเก่าๆ ส่วนข้อเท้าก็ถ่วงด้วยโซ่เหล็ก ตามเนื้อตัวของพวกเขาเต็มไปด้วยบาดแผลเฆี่ยนตีจนปลิดแตกคล้ายกับทาสมนุษย์เหมือนอย่างในหนัง

     

     สัญชาตญาณความกลัวพาเอากายบางเขยิบถอยหลังโดยอัตโนมัติ แต่กลับไม่รู้ตัวว่าทั้งข้อมือและเท้าถูกมัดไว้ด้วยเชือกหยาบแข็งไม่ต่างนัก ทันทีที่ก้าวหนีก็ล้มลุกคุกคลานอยู่กับพื้น เม็ดทรายและสะเก็ดเศษดินบาดเกาะไปตามเนื้อตัวจนรู้สึกแสบคัน แต่หากทั้งหมดไม่เจ็บใจเท่าการได้สติกลับคืนมา และรู้ว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในสถานะอะไร!

     

                “ เจ้าทาสนี่ฟื้นแล้วสินะ.. เสียงที่ได้ยินย้ำฐานะตัวเองได้อย่างดิบดี มิกิมองเจ้าของเสียงเย็นนั่นด้วยความคับแค้น เขาเห็นรอยยิ้มชั่วร้ายแสยะขึ้นบนใบหน้าเหี้ยมๆของชายที่สวมชุดคลุมสีขาวยาวจรดเท้า บนศีรษะโพกด้วยผ้าคลุมสีเดียวกันและรัดด้วยเชือกถักสีดำเหมือนชาวอาหรับ

    หลังจากที่เกิดระเบิดขึ้นที่สถานีวิจัย ตัวเขาก็หมดสติไปจนไม่รู้เรื่องราว แต่ไม่คิดว่าพอตื่นขึ้นมาโชคชะตาเลวร้ายจะรุมเล่นงานเขาซ้ำสอง เมื่อคนที่ช่วยเขากลับเป็นพ่อค้าทาส!

     

    หน้าตา ผิวพรรณไม่เลว แบบนี้ขึ้นเวทีประมูลคงขายได้ราคางามแน่มือหยาบกร้านถือวิสาสะพลิกใบหน้างามไปมาแรงๆเพื่อตรวจดูของขวัญชิ้นโตแต่ถ้อยคำที่เอ่ยอย่างเหยียดหยามราวกับชีวิตเป็นแค่สิ่งของซื้อขาย ทำเอามิกิขบกรามแน่นด้วยความเจ็บใจอย่างไรเขาไม่ยอมตกอยู่ในสภาพนี้แน่!

     

                ปล่อยนะ! ” รวบรวมแรงทั้งหมดที่มีโผเข้ากระแทกพ่อค้าชั่วที่ไม่ทันตั้งตัวจนหงายหลังล้มตึง แต่ด้วยร่างกายที่ถูกมัดเอาไว้มิอาจตั้งตัวได้เร็วเท่าคนที่มือเท้าเป็นอิสระ พอพ่อค้าชั่วลุกขึ้นได้ก่อนก็เตรียมลงโทษสุนัขที่ริกล้ากัดเขาทันที

     

    ไอบ้านี่! ”

     

    เพี๊ยะ!

     

    ฝ่ามือหยาบตบเข้าที่ใบหน้างามอย่างแรงจนสะบัดกองกับพื้น เลือดสีแดงเข้มไหลเอ่อจากมุมปากที่ปริแตก รู้สึกเจ็บชาไปทั่วแทบใบหน้าด้านซ้ายจนไม่อยากจะขยับตัว กระนั้นก็ยังคงกัดฟันแน่นเพื่อระบายความเจ็บใจให้ชีวิตที่น่าสมเพชของตัวเอง แค่เพียงคิดก็รู้สึกเริ่มร้อนที่ขอบตาทั้งสองข้าง นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกับชีวิตของเขากัน ทั้งที่คิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างควรจะจบลงด้วยดีกับงานวิจัยชิ้นนั้น

     

    แต่ทั้งหมด..

     

    ทั้งหมดมัน....ฮึก

     

    เฮอะ! เลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆ อุส่าห์ช่วยไว้ ยังมาเห่าใส่อีกเหรอ!” เสียงสบถของคนย่ำยีกล่าวอย่างเหยียดหยาม ส้นเท้าสกปรกเหยียบกดลงบนศีรษะที่เปียกชุ่มไปด้วยหยาดเหงื่ออย่างไม่ปราณี รอยยิ้มชั่วแสยะออกมาด้วยโหดเหี้ยมราวกับไม่ใช่มนุษย์ ขณะที่มิกิเองกลับไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดด้านนอกเลยสักนิด ซึ่งอาจเป็นเพราะสภาพจิตใจที่เริ่มพังย่อยยับจนทำให้คนที่เคยเข้มแข็งในทุกเรื่องๆ กลับอ่อนแอเสียจนกลบเกลือความเจ็บปวดภายในไปจนหมด เหลือเพียงหัวใจที่รองรับความเสียใจที่ไหลล้นออกมาจากดวงตา

     

                “ ร้องไห้หรือ หึ! ทุเรศชะมัด น้ำลายสกปรกถมรดแก้มซ้ำ มือหยาบกร้าน จิกขย้ำเส้นผมสีอ่อนของเด็กหนุ่มลูกครึ่งแดนอาทิตย์อุทัยจนต้องส่งเสียงร้อง แต่กระนั้นก็ยังส่งดวงตาที่แข็งกร้าวมองกลับมาขัดขืน แม้ร่างกายจะไม่มีเรี่ยวแรงปฏิเสธ

     

                พ่อค้าทาสแสยะยิ้มชอบใจก่อนกระชากร่างบางให้ลุกขึ้น และออกคำสั่งกับลูกน้องสองคนที่เพิ่งเดินเข้ามาสมทบ

     

                “ เอาไอหมาโสโครกนี่ไปอาบน้ำ คืนนี้ข้าจะขึ้นเวทีประมูลขายมันที่ตลาดมืด เพรชเม็ดงามต้องเจียระไนสักหน่อย..กล่าวสั่งการพร้อมรอยยิ้มชั่วร้ายที่ปรากฏ ก่อนผลักส่งเด็กหนุ่มที่เก็บได้ให้ลูกน้องทั้งสองเป็นคนรับช่วงต่อ มิกิปรายดวงตาอันชื้นฉ่ำหันกลับมามองพ่อค้าทาสด้วยความเคียดแค้นระคนเจ็บใจ แต่ไม่ทันได้ทำสิ่งใดท่อนแขนขาวก็ถูกกระชากไปตามเรี่ยวแรงลูกน้องของพ่อค้าทาสให้เดินตามมา



     

     

                ค่ำคืนแสนเลวร้ายกำลังดำเนินไปอย่างเชื่องช้า ไม่ว่าจะกี่ยุคสมัย ยังคงมีเรื่องราวอยู่อีกมากที่มนุษย์เราย่างก้าวได้ไม่ถึง และโลกก็ยังคงทำเหมือนปิดหูปิดตาไม่รับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นในสังคม แม้วิทยาการจะพัฒนาไปไกลแค่ไหน แต่สิ่งที่เขากำลังเผชิญอยู่กับตัวเป็นข้อบ่งบอกได้อย่างดี ว่ามนุษย์ยังคงชอบกับการเดินทางไปหาอดีต ซึ่งสิ่งเหล่านั้นอาจเป็นเครื่องมือที่ย้ำถึงสันดารมนุษย์ เพื่อต้องการความอยู่เหนือผู้คน การค้าทาสจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยสำหรับเมืองอาราบัส ซึ่งเป็นแหล่งสนองความปรารถนาของมนุษย์ชั้นดี

     

                เด็กหนุ่มลูกครึ่งแทบมิอาจยอมรับตัวเองได้ เมื่อโดนเพื่อนมนุษย์ด้วยกันกระทำราวกับเขาเป็นสัตว์ป่า ไม่ว่าจะการถูกจับโยนลงบ่อน้ำ และขัดเนื้อขัดตัวเอาคราบสกปรกออกจนสะอาดสะอ้าน แต่เชือกที่มัดแน่นก็ไม่ปลดออกแต่อย่างใด สะเก็ดแผลเล็กๆตามตัวที่เกิดจากการต่อสู้ขัดขืนถูกทาด้วยขี้ผึ้งอย่างลวกๆ และโปะด้วยแป้งขาวเพื่อกลบรอยแผลทับ ก่อนจะจับเขาให้ใส่แค่ผ้าผืนน้อยที่คลุมเฉพาะส่วนล่างเพียงแค่ไม่กี่คืบ ขณะที่ต้นคอขาวก็ถูกสวมด้วยหวงสีทองที่ห้อยเม็ดกระดุมสีทองไว้รอบๆราวกับพวกห่วงคล้องคอของนางรำ แต่กลับมีโซ่เส้นเล็กๆเชื่อมติดกับห่วงและล็อคเชื่อมเอาไว้กับข้อมือที่ถูกมัดไว้อีกทีหนึ่ง สภาพตัวเองทำเอาเขารู้สึกเหมือนเป็นแกะที่พอกขนจนสวยเพื่อส่งเข้าประกวด ก่อนจะโดนซื้อแล้วนำขนไปขายตัดเสื้อและถูกฆ่าตายในเวลาถัดมา

     

                ร่างบางถอนหายใจกับอนาคตของตัวเองที่ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป แต่ไม่ช้าพอพ่อค้าชั่วเห็นร่างที่ปรุงแต่งที่ส่งกลิ่นหอมก็เริ่มยกยิ้มพอใจกับสภาพเพรชเม็ดงามตรงหน้า ก่อนจะนำตัวเขาออกไปจากที่พักซอมซ่อ ผ่านตรอกซอกซอยที่ซับซ้อนแห่งหนึ่งในเมืองอาราบัส

     

     เมื่อออกมาด้านนอก สุดปลายสายตาที่เห็นคือเต้นท์ขนาดใหญ่เหมือนของพวกคณะละครสัตว์รกร้าง ไม่มีคบเพลิงหรือไฟให้ความสว่าง แต่กลับมีคนที่แต่งกายเหมือนๆกันด้วยเสื้อคลุมที่เรียกว่าโธบ*ครอมเท้า แล้วมีผ้าโพกคลุมศีรษะที่เรียกว่ากุห์ตรา ส่วนผู้หญิงก็สวมด้วยชุดคลุมมิดชิดตั้งหัวจรดปลายเท้า มีเพียงดวงตาสีดำที่เผยให้เห็น ซึ่งเดินกันขวักไขว่ราวกับกำลังมีงานเทศกาลเกิดขึ้น หากเขาเดาไม่ผิดที่นี่คงเป็นสถานที่ที่เรียกว่า ตลาดมืด

               

                มิกิถูกผลักตัวเข้ามาด้านใน นัยน์ตาสีสวยกวาดมองรอบๆเพื่อหาหนทางเอาตัวรอดทั้งที่รู้แก่ใจว่าเป็นได้ยากนัก แต่สิ่งที่เขาพบก็คือ ที่นี่คือโรงละครสัตว์รกร้างที่ถูกทิ้งไว้จริงๆอย่างที่คิด ซึ่งตรงกลางเป็นลานกว้างที่มีเวทีขนาดย่อมยกสูงขึ้นจากพื้น รอบๆเป็นอัฒจันทร์ที่เต็มไปด้วยผู้คนเนืองแน่น แต่มองจากการแต่งตัวและเพรชเม็ดโตที่พวกเขาสวมใส่ดูแล้วน่าจะเป็นแหล่งรวมคนที่มีฐานะหรืออิทธิพลจากหลายเชื้อชาติมารวมกัน ซึ่งนั่นทำให้เขาอดหัวเราะสมเพชไม่ได้กับความคิดต่ำช้าของคนพวกนั้นที่มาประมูลทาส โดยที่อาจลืมไปว่าทาสพวกนั้นก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน!

     

                “ หัวเราะอะไรเดินไปเมื่อเห็นร่างบางหยุดเดิน ลูกน้องพ่อค้าชั่วนั่นผลักไหล่เขาให้ก้าวต่อไปด้านหน้า เวลานี้มีทาสชายหญิงที่ถูกจับมาหลายคนถูกประมูลขายไปเหมือนกับการเลือกซื้อสุนัขในตลาด มิกิกัดฟันแน่นด้วยความเจ็บใจ แต่ในหัวสมองกลับว่างเปล่าไปหมดจน เพราะรู้ว่าเขาไม่อาจหนีไปทั้งสภาพแบบนี้ได้แน่

               

    ใจเย็นๆมิกิ..ค่อยๆวางแผน..

     

    เขาบอกกับตัวเองในใจ และพยายามผ่อนลมหายใจให้เป็นจังหวะมากที่สุด หากหนีตอนนี้ไม่ได้ก็ใช่ว่าเขาจะต้องตกอยู่ในสภาพถูกมัดแบบนี้ตลอดไป ตราบใดที่ยังมีมือมีเท้าเขาก็จะเอาตัวรอดไปจากสถานที่บ้าๆให้ได้ ซึ่งเวลานี้สิ่งที่เขาทำดีที่สุดก็คือ เล่นละครไปตามน้ำ

     

    และในที่สุดก็ถึงคิวของเขา...

     

    ท่านผู้มีเกียรติทั้งหลาย ค่ำคืนนี้ข้าขอนำเสนอไข่มุกเม็ดงามข้ามฟากทะเลทรายฮาซาน เด็กหนุ่มต่างแดนผู้มีดวงตางดงามดุจสีมรกต ทรวดทรงบอบบางดูคล่องแคล่ว ว่องไว ปั้นท้ายขาวเนียนละเอียด ดูคุ้มค่า..กับการใช้งาน

    เสียงป่าวประกาศของพ่อค้าชั่วดังก้องไปทั่วพื้นที่ มิกิถูกผลักตัวขึ้นเวทีในทันที การพูดการจาที่ดูล่อตาล่อใจอย่างดึงดูดผสานกับเรือนร่างขาวละเอียดและใบหน้าหมดจดที่ยืนอยู่กลางเวที เรียกสะกดคนดูทุกอัฒจันทร์ให้หันมองมายังร่างของเด็กหนุ่มเลือดผสมมาเป็นทางเดียว ทั้งที่คิดว่าจะเล่นละครตามน้ำด้วยการเปรยยิ้มหวานล่อใจเพื่อให้ได้คนหน้าโง่มาไถ่ตัวเขา แต่พอเจอการนำเสนอแบบนี้เข้าไปเขาถึงกับยิ้มไม่ออก แถมมือยังเย็นเฉียบ จนได้แต่ยืนนิ่งเป็นเสาหินแข็งๆ ขณะที่พ่อค้าชั่วยังคงพูดขายของ(เขา)ต่อไป

     

    ของดีๆแบบนี้มีไม่บ่อยใช่ไหม..ฮ่าๆ ใช่แล้ว..ของดีๆเลอค่าที่ทุกคนควรค่าแก่การครอบครอง อย่ารีรอๆ เริ่มต้นราคา 1 แสนลูซ!เสียงปลุกระดมเริ่มต้นประมูลด้วยความตื่นเต้น ขณะที่มิกิเองกลับแอบมีอารมณ์ร่วม ด้วยการเบ้ปากออกด้วยความไม่พอใจ

     

    เริ่มต้น 1 แสนลูซเหรอ เฮอะ ถูกไปไหม!

     

                “ 2 แสนลูซ คนแรกประมูลขึ้นอย่างตื่นเต้น ท่าทางเหมือนเป็นพ่อค้าเพรช แต่ 2แสน ก็ถูกไปอยู่ดีสำหรับตัวเขา

     

                “ 5 แสนลูซ! ” ราคาของเขาเริ่มขยับขึ้นสูงขึ้น ทำให้จิตใจชั่ววูบของมิกิรู้สึกสนุกขึ้นมา อยากจะรู้จริงๆว่าคนหน้าตาอย่างเขาจะตกอยู่ที่ราคาเท่าไรกันเชียว และนั่นก็เหมือนกับเป็นการปลุกระดมราคาราวกับสงครามที่กำลังแย่งชิงตัวเขา ซึ่งไม่ถึง5นาทีราคาประมูลเขากลับพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆจนถึงเลขหกหลัก! ทำเอาพ่อค้าชั่วนั้นไม่คาดคิดว่าเพรชเม็ดนี้จะได้ราคาดีขนาดนี้

     

                “ 5 ล้านลูซครั้งที่หนึ่ง 5 ล้านลูซครั้งที่สอง

     

                ขึ้นอีกสิ..ราคาฉันมันต้องแพงกว่านี้!

     

    “ 10 ล้าน.. เสียงเรียบนิ่งเอ่ยขึ้นจากชายหนุ่มผู้หนึ่งท่าทางมีฐานะร่ำรวย คล้ายกับพวกเศรษฐีในเมืองใหญ่ ทำเอาทุกอัฒจันทร์ถึงกับเงียบกริบ ส่วนพ่อค้าทาสแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง

     

    สะ สิบล้าน!  ” พ่อค้าชั่วอ้าปากค้าง มิกิหรี่ตาลงมองเป้าหมายที่ซื้อตัวเขาไปอย่างพิจารณา เห็นชายหนุ่มใบหน้าคมเข้มคลุมเอาไว้ด้วยผ้ากุห์ตราสีขาวสลับแดงคาดด้วยเชือกผ้าสีดำมัน

     

    สิบล้านเหรอ มากกว่าที่คิดไว้แฮะ มิกิครุ่นคิดอย่างนึกสนุก ไม่คิดว่าเลยว่าจะมีมนุษย์บนโลกยอมทุ่มทุนซื้อคนที่ไม่รู้ว่าคิดอย่างไรในราคาสิบล้าน แต่ดูจากสายตาที่หื่นกระหายแล้วไอหมอนี่คงซื้อเขามาเพื่อมาทำเรื่องอย่างว่าแน่ๆ

     

                “ ขายหรือเปล่า ชายผู้นั้นถามย้ำเสียงเรียบ พ่อค้าชั่วยืนอ้าปากค้างกับราคาที่ไม่คาดคิด ที่ไม่รู้ว่าชาตินี้เขาจะได้ทาสคนใดที่ราคามากเท่ากับมิกิอีกหรือเปล่า

     

                “ ขะ..ขะ

     

                เดี๋ยว!ขณะที่กำลังเปล่งเสียงขานรับ กลับมีอีกเสียงหนึ่งที่ดังก้องสวนขึ้นมาจนหยุดชะงัก ทุกคนหันไปมองคนที่ขึ้นเรียกขัด ซึ่งเป็นบริเวณอัฒจันทร์ที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามชายที่ประมูล ซึ่งตรงนั้นเป็นบริเวณที่ไม่อาจมองเห็นรูปหน้าของทาสที่ประมูลได้ชัดนักทำให้ปราศจากผู้คน แต่กลับเด่นสง่าด้วยกลุ่มคนจำนวนหนึ่งที่นั่งรายล้อมเรือนร่างของใครบางคนในเสื้อคลุมสีดำที่แต่งสาบเสื้อด้วยแถบผ้าปักสีทองยาวไล่ระบายมาตั้งไหล่จรดข้อเท้า ศีรษะโพกด้วยผ้ากุห์ตราสีเดียวกันแต่กลับครอบด้วยรัดเกล้าสีเงินเงางามที่ตรงกลางสลักเป็นรูปหัวของบางสิ่ง

     

    มิกิพยายามหรี่ตามองแต่ก็เห็นบุคคลนั้นได้ไม่ชัดนักเพราะผ้าคลุมกุห์ตรานั้นคลอบลงมาบดบัง มีเพียงริมฝีปากบางที่ขยับเปล่งเสียงเรียบเย็นจนทุกคนไม่คาดคิด

     

    “ 20 ล้านลูซขาดตัว.. พอได้ยินกระนั้นทุกคนถึงกับเบิกตาโต ตามด้วยเสียงฮือที่ก้องดังไปทั่ว  ขณะที่มิกิเองกลับมีอาการไม่ต่างจากผู้คนในอัฒจันทร์นัก เพราะไม่คาดคิดว่าจะมีคนที่กล้าบ้าบิ่นซื้อตัวเขาในราคาที่แทบจะซื้อเรือยอร์ชดีๆได้สักลำ พ่อค้าทาสอ้าปากค้างชะงักงัน แต่พอเรียกสติกลับคืนมาได้ ก็ไม่รอช้ารีบตะโกนปิดประมูลในทันที

     

    “ 20 ล้าน ขาย! ขาย!! ”

     

    สิ้นการประมูลเสร็จสรรพด้วยตัวเงินที่สามารถทำให้สบายได้ไปทั้งชาติ พ่อค้าทาสของมิกิก็ถูกนัดตัวมาแลกเปลี่ยนของกันที่ด้านหลังเวที บุรุษผู้นั้นส่งคนที่น่าจะเป็นลูกน้องของเขามาพร้อมกับกระเป๋าสีดำก่อนจะยื่นมันให้แก่พ่อค้าทาส เมื่อเปิดดูก็พบว่าภายในเต็มไปด้วยธนบัตรสีเทาและทองคำที่มีมูลค่าเท่ากับตามที่ตกลง มิกิเบิกตาโตกับจำนวนเงินมหาศาล มองหน้าชายผู้แลกเปลี่ยนตัวเขาด้วยสายตาที่พยายามสื่อว่า นี่มันเรื่องโง่สิ้นดี แต่ไม่ทันไร เมื่อสิ้นประโยชน์ตัวเขาก็ถูกผลักตัวไปให้พวกชายที่มาแลกเปลี่ยนด้วย และไม่ช้าเมื่อไม่มีเหตุผลจำเป็นที่จะต้องอยู่ที่ต่อ ลูกน้องของชายผู้นั้นก็รีบกึ่งดึงกึ่งลากพาตัวเขาให้ตามออกมา

     

    ขณะที่ทางด้านหลังระหว่างที่พ่อค้าชั่วกับลูกน้องกำลังแบ่งจำนวนเงินกันอย่างสุขใจ พอเอื้อมเข้าไปถึงเงินชั้นในมากขึ้นเรื่อยๆ เขากลับต้องสะดุ้งชักมือกลับเมื่อจู่ๆก็สัมผัสได้ถึงความเจ็บแปล็บที่มือ แต่พอยกขึ้นมาดูก็เห็นรอยคมเขี้ยวของสิ่งมีชีวิตบางที่ฝั่งลงไปใต้ผิวหนัง ลูกน้องทั้งสองต่างเบิกตากว้างแต่ไม่ทันได้ช่วยเหลือผู้เป็นนาย เสียงที่ดังถี่รัวคล้ายกับการสั่นกระดิ่ง ก็ดังขึ้นไปทั่วไป ใบหน้าซีดเซียวเมื่อรู้ว่ารู้ต้นตอของเสียงที่อยู่รอบๆตัวคือสิ่งใด ก่อนเสียงร้องโหยหวญจะดังย้อมให้กับค่ำคืนที่เต็มไปด้วย..

     

    ความสุขใจ..


     

     

                เพียงเวลาไม่ถึง 10 นาที ร่างบางก็ถูกลากมายังขบวนรถไฟที่จอดรอพร้อมออกเดินทาง แต่น่าแปลกที่เป็นสถานีของประชาชนในเมืองอาราบัสแต่กลับไม่มีคนอื่นอยู่เลยแม้แต่คนเดียว ราวกับมันถูกสั่งปิดไว้เพื่อรอบางอย่าง เวลานี้ด้านนอกมีเพียงคนที่แต่งตัวคล้ายกันที่เขาเห็นงานเต้นท์งานประมูลคอยยืนเฝ้าอย่างเป็นระเบียบด้วยใบหน้าที่แน่นิ่งอย่างกับรูปปั้นสลักตั้งแต่หัวขบวนยันท้ายขบวน คล้ายมาอารักขาคนใหญ่คนโตเพื่อความปลอดภัย

     

    ตอนนี้เขาเริ่มสงสัยจริงๆแล้วว่าคนที่ซื้อเขาไปเป็นใครกัน

     

    ไม่ทันได้คิดให้มากความนัก ประตูรถไฟก็ถูกเลื่อนออกช้าๆเรียกความสนใจ แสงไฟที่ส่องสว่างจะด้านใน ทำให้ดวงตาคู่สวยต้องหรี่มอง คนรออยู่เป็นชายหนุ่มในชุดสีดำขลิบสาบเสื้อด้วยผ้าสีทองซึ่งปักลวดลายคดเคี้ยวของงูเหมือนกำลังเลื้อยอยู่บนผ้าคลุม มิกิแน่ใจทันทีว่าร่างนี้เป็นคนๆเดียวกับคนที่ประมูลเขาในราคา 20 ล้านลูซ แต่ใบหน้านั่นยังคงถูกปกปิดด้วยผ้าคลุมสีดำจนมองเห็นได้ไม่ชัด แต่ผิวพรรณที่ขาวผ่องสว่างที่เผยให้เห็นทำให้มิกิคิดว่าคนคนนี้ต้องเป็นพวกเชื้อพระวงศ์เป็นแน่ แต่ทำไมเพียงแค่เห็นริมฝีปากหยักโค้งที่ยกยิ้มขึ้นเรียบๆกลับทำให้หัวใจของเขาเย็นวาบราบกับว่ามัน

     

    กำลังตื่นกลัว..

     

    โอ้ย! ” ส่งเสียงร้องทันทีเมื่อร่างกายถูกแรงกดจากด้านหลังบังคับให้คุกเข่าลงกับพื้น และบังคับให้เงยหน้าขึ้น

                 

                “ นำตัวทาสหนุ่มคนนั้นมาพบแล้วพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท.. รายงานจบ พร้อมกับคำราชาศัพท์ที่ทำให้มิกิตกใจแทบไม่เชื่อหูตัวเอง แต่ร่างสูงศักดิ์กลับไม่มีท่าทีว่าจะเอ่ยตอบอะไร หากแต่ลุกขึ้นยืน ค่อยๆก้าวเดินเอื่อยๆมาหยุดอยู่ตรงหน้าจนเงาดำคร่อมทับ ก่อนนิ้วเรียวขาวจะค่อยๆกดลงกลางแผ่นอกบาง แล้วไล่ช้อนขึ้นมาอย่างเชื่องช้าราวกับต้องการเย้ายวนจนถึงกระดูกไหปลาร้า ลำคอขาว และจบปลายคางเรียวมน สัมผัสที่ได้รับดั่งมนสะกดนี้ ทำเอาใบหน้าหมดจดต้องเชยขึ้นตามเรี่ยวแรงแผ่วเบา หัวใจดวงน้อยกลับเต้นแรงราวกับมันจะทะลุออกมาด้านนอก การกระทำเช่นนี้เหมือนต้องการปลุกอารมณ์ของเขาให้ตื่นขึ้น แต่กระนั้นมิกิก็พยายามตั้งสติให้มั่นคงแล้วเพ่งตามองใบหน้าที่หลบซ่อนอยู่ใต้ผ้าคลุมนั้นให้ชัดๆให้ได้ ทว่า..สิ่งที่เห็น กลับทำเอานัยน์ตาสีอ่อนต้องผวาวาบเมื่อพบดวงตาจ้องกลับมานั้นไม่เหมือนกับตาของมนุษย์เลยสักนิด

     

     ม่านตาที่รีเล็กนั้นมันเหมือนกับ..

               

                อสรพิษ..          

     

                “ กะ..แกเป็นใคร! ” ถามเสียงแข็งกร้าวทั้งที่เริ่มกลัวจนสั่น ร่างสูงสง่ากลับยกยิ้มเย็นเยียบไม่คิดตอบคำถาม แต่ไม่ช้าหูของเขาก็แว่วได้ยินหมือนเสียงพรึมพร่ำคล้ายภาษาอะไรอย่างที่ฟังไม่ออก เสี้ยววินาทีที่เสียงเงียบลง สัมผัสลื่นๆจากบางสิ่งก็พลันให้เขา ต้องก้มหน้าลงไปมอง ก่อนจะเบิกตากว้าง เมื่อเห็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กมีเกล็ดมันวาวสีขาวโพลนกำลังเลื้อยมาขดอยู่ตรงหน้ากว่าหลายสิบตัว

     

                “ ปล่อย! ฮึก ปล่อยฉันสิโว้ย! ” ร่างบางร้องลั่นด้วยตกใจ กายบางพยายามดิ้นให้หลุดกับการจับกุมแต่ก็ถูกกดตัวให้คุกเข่าเอาไว้กับพื้นจนขยับไปไหนไม่ได้ อสรพิษสีขาวเงางามกว่าหลายสิบค่อยๆเลื้อยไตร่ขึ้นไปตามร่างกายเปลือยเปล่าที่สั่นระริก สัมผัสที่ได้ช่างน่าขยะแขยงจนรู้สึกเกลียดร่างกายตัวเอง หัวใจก็เต้นแรงจนมิอาจควบคุมได้ ใบหน้าหวานหลับตาลงไม่อยากเผชิญหน้ากับสิ่งที่หวาดกลัวแต่ก็มิอาจกลั้นน้ำตาให้ไหลลงมาเป็นสาย ร่างสูงยืนมองทุกสิ่งที่เกิดขึ้นนิ่ง มีเพียงริมฝีปากบางที่ขยับเปล่งเสียงเยือกเย็น

     

                “ กัดเขา.. ขาดคำก็รู้สึกเจ็บทันทีที่ต้นแขนทั้งสองข้าง และไม่นานก็กลายเป็นความด้านชา จากหัวใจที่เคยเต้นถี่ระรัวก็ชะลอช้าลงเรื่อยๆเหมือนมันกำลังจะหยุดเต้น กายบางแข็งทื่อล้มพับลงไปกองกับพื้น ดวงตาปรือช่ำ แต่กระนั้นก็พยายามใช้ริมฝีปากกอบโกยลมหายใจเข้าไปทั้งที่เริ่มทำได้ยากเย็น อากาศกำลังค่อยๆขาดหายไป

    วินาทีของคนใกล้สิ้นลมนั้นช่าง..ทรมาน

     

    ทรมานเหลือเกิน..

     

    ขณะที่ภาพสุดท้ายที่เห็นกลับมีเพียงอสรพิษสีขาวที่เลื้อยผ่านใบหน้า กับร่างสูงของชายคนนั้นที่กลับเข้าไปนั่งที่เดิมขณะที่เสียงหวอดรถไฟดังก้อง..

    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    ทักทายกันสักนิด

                       Love You Everyday ในที่สุด ไรท์ดี้ก็ถึงฤกษ์ดี้ อัพนิยายแย๊วว >< ครั้งนี้ไม่เบี้ยวนะ (หราาาา) เป็ฯยังไกันบ้างกับเรื่องนี้ ไรท์รู้สึกเริ่มมึนงง กับ ระบบเครื่องแต่งกายของชาวอาหรับ ทะเลทรายเล็กน้อย ไม่รู้ว่าจะพรรณนายังไงให้เข้าใจ ก็เลยเอามาโท่งๆโจ้งๆว่า เสื้อคลุมคือ โธป ส่วนผ้าโพกศีรษะ ก็คือ กุห์ตรา -*- ถ้าเห็นภาพตามที่ไรท์พรรณาไม่ชัดหรือนึกไม่ออก ถามอากู๋วววววโล่ดค่ะ(Google) น่าจะเข้าใจมากขึ้น หวังว่าตอนนี้จะตอกย้ำความรันทดได้อย่างดิบดีเนร๊อะ แต่ฮ้วยยย!! ทำไมแต่งเรื่องนี้ นุ้งมิกี้ ถึงสลบให้มันได้ทุกตอนแบบนี้ละฮ้วยย (แกเป็นคนแต่งเองไม่ใช่เหรอ!)
    เอาเป็นว่า ติดตามตอนหน้าว่านุ้งมิกี้จะขวัญอ่อน สลบอีกครั้งหรือไม่นะคะ ^0^ โฮะๆๆๆๆ ( หัวเราะชั่วร้าย #หลบตีนแพร๊บ)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×