ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    '' Cheese #1 ''

    ลำดับตอนที่ #20 : - การอยู่ร่วมกับหุ่นใน 1 สัปดาห์ (ภารกิจไซม่อน) -

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 94
      0
      30 พ.ค. 53

    ชื่อ :: เรนนี่ ฟอลล์ โกโคลาดา
    หอ :: De'foi
    รุ่นที่ :: #1
    เรื่องราวใน 7 วันที่อยู่ร่วมกับหุ่นฟาง ::

    วันที่ 1

    .. ผมเดินดุ่มๆเข้ามาในลานที่เต็มไปด้วยหุ่นมากมายหลากชนิด.. แล้วนั่งขัดสมาธิกับพื้น กวาดตามองหุ่นรอบๆตัวนั้นชั่วครู่ ก่อนเรียกอาวุธ ..มิจัง หรือ มิโรคุมารุ (ราชันย์แห่งมวลไม้) ของผมออกมา  ..ไม้พลองขนาดยาวเท่าส่วนสูงของผมได้สะท้อนกับแสงเป็นสีเงินวาววับ
    ลวดลายดอกไม้และใบไม้และเถาวัลย์ที่นูนขึ้นมาสลักอยู่บนตัวไม้พลองนั้นอย่างงดงาม นั้นเป็นที่มาของชื่อ มิโรคุมารุ .. ราชันย์แห่งมวลไม้ ยังไงล่ะครับ ..
    ผมใช้ไม้พลองยันตัวเองให้ลุกขึ้นยืน แล้วกวาดตามองไปรอบๆอีกครั้ง หุ่นพวกนั้นเริ่มขยับเหมือนจะรับรู้ว่าผมพร้อมที่จะต่อสู้แล้ว หุ่นบางตัวหน้าตาคุ้นๆ แน่ล่ะ.. ก็ผมเคยฝึกพิเศษกับอ.เพนี่นา แล้วไม้พลองอันใหม่นี้ผมก็ได้มาจากอ.เพด้วย .. ผมพึมพำบางอย่างแล้วไม้พลองอีกอันก็ปรากฏอยู่บนมืออีกข้างที่ว่างอยู่ของผม .. มันคือ ไรน์นิ่ง เฟลล่า ที่ผมเอาไปให้คุณลุงไอรอน ซึ่งเป็นช่างโลหะที่เก่าแก่ที่สุดของหมู่บ้านโกโคลาดาช่วยซ่อมแซมและปรับปรุง +อัพเกรดคุณภาพให้มัน (และผมเพิ่งจะรู้ในตอนนี้ว่าเค้าคือคนเดียวกับที่เอาไรน์นิ่งมาให้ผม) ไรน์นิ่งในมือของผมที่ผ่านการต่อสู้มาค่อนข้างเยอะดูใหม่พอๆกับมิจัง

    เอาล่ะ.. หลังจากคิดบ้าบอคอแตกอยู่คนเดียวนาน หุ่นรอบๆด้านก็เริ่มทยอยกันเข้ามา ..
    ผมหลับตาลงช้าๆแล้วพยายามรวมจิตให้เป็นหนึ่งจะได้ไม่แตกซ่าน เวลาอยู่ในความมืดนี้.. การได้ยินเสียงจึงเป็นอะไรที่ชัดเจนและง่ายขึ้นมาก เสียงกุกกักๆของโลหะที่กระทบกันของหุ่นตัวนึงดังแว่วเข้าหูผมมา ...ทางซ้าย... ผมลืมตาขึ้นแล้วใช้ไรน์นิ่งแทงทะลุหุ่นตัวนั้นทันที ก่อนจะใช้มิจังแทงทะลุหุ่นฟางอีกตัวที่มาทางขวาเช่นกัน .
    ..ติด ซวยแล้วไง... ผมสถบออกมาเล็กน้อยแล้วใช้ไม้พลองทั้งสองที่เสียบทะลุกับหุ่นสองข้างอย่างแน่นเป็นตัวค่ำ กระโดดยกเท้าถีบไปยังหุ่นไม้ข้างหน้าแล้วยกตัวขึ้นสูงม้วนขาไปด้านหลังของตัวเอง ม้วนตัวรอบนึงแล้วทันทีที่เท้าแตะพื้น ผมก็กระชากไม้พลองทั้งสองออกมาอย่างแรง หุ่นตัวที่สามปราดเข้ามาทันทีแบบไม่ให้โอกาศได้แม้กระทั่งหายใจ ผมจึงใช้ไรน์นิ่งแทงหัวมัน ในขณะที่มิจังก็แทงทะลุท้อง การกระชากออกอย่างแรงทำให้ไส้ข้างในของมันทะลักออกมาจนผมต้องกระโดดถอยหลังแล้วย่อตัวลงตอนถึงพื้นเพื่อกันแรงกระแทกรุนแรง แม้จะพ้นรัศมีของไอ้ไส้ที่ทะลักออกมานั้น แต่ก็โดนเศษๆน็อตกระเด็นมาเฉียดๆผิวไปหน่อยจนถลอก
    ด้วยความซวยของผมมั้ง.. ในขณะที่ผมมัวแต่พะวงดูแผลที่ดันกระแทกแผลเก่าด้วยซะงั้น ผมเลยไม่ทันได้เปิดประสาทสัมผัสที่ห้าเพื่อรับการเคลื่อนไหวของสิ่งรอบกาย จึงเป็นผลให้ไอ้หุ่นบ้าตัวนึงแทงดาบเข้ามาที่ไหล่ซ้ายของผมเต็มแรง!
    "โอ้ย!!"
    ร่างของผมเซถลาไปด้านหน้า มือปล่อยมิจังมากุมแผลที่เลือดไหลอาบตามสัญชาตญาณทันที ถอยกรูดไปตั้งหลักเล็กน้อยแล้วจ้องมองหุ่นนั้นอย่างอาฆาตแค้นสุดๆ

    'จะเล่นกันถึงตายเลยเรอะ!? อ.เพนะอ.เพ....'
    แอบอาฆาตไปถึงคนที่ดูท่าจะใช้เวทย์ควบคุมหุ่นพวกนี้เล็กน้อย แล้วแรงกระแทกที่แม้จะไม่สามารถแทงทะลุเนื้อมาได้เหมือนครั้งแรก แต่กลับกระแทกแผลเก่าที่ยังไม่ได้จัดการให้เรียบร้อยอย่างเต็มแรงจนผมถึงกับทรุดไปกับพื้น รู้สึกได้เลยว่าหน้าตัวเองต้องกำลังเหยเกด้วยความเจ็บปวดแหงๆ หุ่นตัวนั้นย่างก้าวเข้ามาแล้วใช้ไม้ไผ่ที่มัดเป็นแท่งๆฟาดเข้ามาที่กลางหลังเต็มๆอีกหลายรอบ .. ผมกัดฟันกลั้นเสียงร้องเอาไว้ด้วยความเจ็บปวดสุดชีวิต แต่ก่อนที่หุ่นดินเหนียวจะได้กระทืบผมซ้ำเป็นรอบที่สี่ ผมก็ม้วนตัวแล้วกลิ้งลอดใต้ขาของหุ่นตัวนึงไปอย่างข่มอาการเจ็บไว้สุดขีด ยิ่งตอนที่แขนถูไปกับพื้นนี่มันเจ็บสุดๆเลย!! การโดนหุ่นรุมนี่มันแย่จริงๆ!!!

    ผมฉีกเสื้อเชิ้ตตัวโปรดออกมาเล็กน้อยแล้วพันที่หัวไหล่แบบลวกสุด ๆ.. ลวกจริงๆเท่าที่เวลาจะเอื้ออำนวย แล้วจึงใช้เท้าตวัดไม้พลองให้ลอยขึ้นแล้วมาตกอยู่ในมือ แต่พอผมจะเอื้อมมือไปรับเท่านั้นล่ะ.. ความเจ็บปวดก็แล่นปราดขึ้นมา แถมไอ้เศษเสื้อที่พันไว้อย่างชุ่ยๆนั้นก็หลุดแล้วหล่นลงไปกองกับพื้น
    สารอะดรีนาลีนที่พุ่งพราดขึ้นมาด้วยความกลัวตายทำให้ผมเอื้อมไปคว้าไม้พลอง แล้วกระชับทั้งสองเอาไว้แน่นในมืด ฟาดฟันไปใส่หุ่นที่กำลังกรูมาใส่ผมแบบไม่ยั้ง
    ตวัดไรน์นิ่งไปทางขวาแล้วหมุนตัวหลบเตะขาเป็นรูปครึ่งวงกลมตวัดขาหุ่นให้ล้มโดยย่อตัวด้วยเพื่อหลบดาบซามูไร ก่อนจะแทงมิจังเข้าที่หุ่นตัวนึงแล้วดึงออกก่อนจะแทงเข้าไปใหม่ซ้ำหลายๆครั้ง ในขณะที่ยกไรน์นิ่งขึ้นต้านไม้ไผ่ที่อัดเป็นแท่งๆนั่นแล้วดึงมิจังออกมาจากตัวหุ่นอีกตัวก่อนจะแทงเข้าที่หุ่นตัวที่ผมต้านดาบไม้ไผ่นั้นเอาไว้ จนมันเซถอยหลังไปเล็กน้อย ผมจึงใช้ช่วงนั้นตวัดดาบไม้ไผ่ที่ผู้จับกำลังอ่อนแรงออกจากมือมันได้
    ผมดีดตัวขึ้นสูงแล้วกระโดดขึ้นคร่อมหลังจากหุ่นตัวนึง ใช้มิจังแทงทะลุหัวมันแล้วใช้ไรน์นิ่งแทงทะลุหลังของมันจนมันเด้งไปด้านหน้า ไปสู่หุ่นอีกตัวที่ผมฟาดมิจังใส่เต็มแรงจนหัวกระเด็น ไปชนกับหุ่นอีกตัวล้มด้วยแรงกระแทกมหาศาล
    ผมกระโดดไปทางด้านหลังแล้วใช้เท้าถีบหุ่นที่เป็นพาหนะให้ผมเมื่อครู่ไปด้านหน้าจนล้มไปทับหุ่นข้างหน้าตัวอื่นๆเป็นทอดๆเหมือนโดมิโน เท้าผมสัมผัสถึงพื้นโดยย่อตัวเล็กน้อยเพื่อกันแรงกระแทก
    ผมลุกขึ้นยืนยืดเต็มความสูงอย่างภูมิใจ มองซากหุ่นทั้งหมดที่กองเกลื่อนรอบตัวไปหมดก่อนจะเจ็บแปลบขึ้นมาแล้วล้มลงไปนั่งงอตัวกับพื้น
    "โอย .." ผมเหลือบมองแผลที่เลือดเริ่มแข็งตัวแล้วแท้ๆเชียว แต่ตอนนี้แผลกลับถูกฉีกจนเลือดสีแดงข้นเริ่มไหลออกมาอาบแขนผมอีกรอบ
    ผมหยิบไม้พลองทั้งสองมาไขว่กันเป็นรูปกากบาท แล้วหยิบเชือกที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงออกมาพันๆตรงจุดตัดของไม้พลองทั้งสอง เมื่อพันเสร็จก็พึมพำอะไรบางอย่าง แล้วไม้พลองทั้งสองที่ถูกมัดติดกันไขว่ให้เป็นรูปกากบาทก็หายไป เหลือเพียงสร้อยคอที่มีจี้รูปเดียวกันนั่นห้อยอยู่คอผม
    ผมถอนหายใจน้อยๆแล้วจึงเดินออกจากลานไปห้องพยาบาล ...

    ---------------------------------------------------------------------------------------------

    วันที่ 2

    ผมกวาดตามองรอบๆตัวอย่างเซ็งสุดขีด.. แผลคราวที่แล้วเริ่มจะประสานตัว แต่มันก็ยังเจ็บแปลบๆอยู่ดี ยิ่งไอ้พวกหุ่นบ้าพวกนี้มันเล่นแรงยังกะจะฆ่ากันทิ้งให้ได้งั้นแหล่ะ ...
    เฮ้อ เอาเถอะ เลี่ยงไม่ได้นี่นะ?
    หุ่นเริ่มขยับอีกครั้งเมื่อรับรู้ถึงความพร้อมของผม ผมเรียกมิจังและไรน์นิ่งออกมาด้วยจิตใจฮึดสู้เต็มที่.. เอาว่ะ ! เอาให้มันจบๆกันไป !!  ...
    หุ่นสี่ห้าตัวรุมเข้าหาผมปิดช่องทางทุกๆด้านพร้อมทั้งฟาดฟันอาวุธทั้งหมดในมือของพวกมันลงมาพร้อมกัน ผมย่อตัวหลบแล้วกลิ้งลอดขาของหุ่นตัวนึง ก่อนจะรีบแทงมิจังเข้ากลางลำตัวหุ่นตัวนึง และดึงออกมา หมุนตัวไปครึ่งนึงแล้วใช้ไรน์นิ่งฟาดขาของหุ่นตัวถัดจนล้ม ถึงตอนนี้หุ่นที่เหลือหันหน้ามาและเตรียมรุมผมอีกรอบแล้ว ผมรวบไม้พลองทั้งสองเข้าหากันและตวัดวาดยาวจากด้านซ้ายมาด้านขวา แต่เหมือนแรงนั้นแค่ถากๆตัวของหุ่นพวกนั้นไปเล็กน้อยเอง พวกมันผงะ แล้วก้าวเข้ามาใหม่ ผมฟาดอีกรอบแล้วฟาดไปทางซ้ายทางขวาขึ้นจากข้างบน และลงจากข้างล่าง ทุกๆด้านจนตัวมันเป็นรอยถากเต็มไปหมด จากนั้นผมก็จ้วงมันรายตัวจนตัวมันเป็นรูพรุนไปหมดแล้วล้มลงไปกองอยู่กับพื้น
    ..ในขณะที่นึกครึ้มอกครึ้มใจกับชัยชนะตรงหน้านั้น หุ่นตัวนึงก็แทงดาบทะลุกลางลำตัวของผม..
    'บ้าชิบ! ลอบแทงกันข้างหลังเรอะ...' 
    ดาบถูกดึงออกไป ผมร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด มือปล่อยมิจังแล้วเลือนมากุมแผลใหญ่โดยสัญชาตญาณ เลือดสีแดงเข้มข้นๆไหลอาบมือผมไปหมดจนย้อมให้มันเป็นสีแดงฉานเหมือนกัน .. ผมร่ายมนตร์แบบลวกๆจะรักษาบาดแผล แม้ว่ามันจะเป็นเวทย์เบาะๆที่รูนสอนมาให้พอรักษาแผลเล็กๆน้อยๆได้ แต่อย่างน้อยมันก็น่าจะพอบรรเทาอาการเจ็บปวดได้บ้างล่ะ !!
    .. แต่แสงสว่างวาบๆพร้อมอาการเจ็บปวดที่ควรจะเบาบางลงก็ดันไม่หายไปซะงั้น?!
    ผมพอจะเดาเหตุผลได้ลางๆทันที ...
    'สงสัยร่ายมนตร์ห้ามใช้มนตร์เอาไว้แหงๆ..'
    'บ้าชิบ !!!!'
    ผมสถบออกมาอย่างอดไม่ได้ แล้วก็โดนทวนเล่มยาวแหลมแทงเข้าใกล้ๆแผลเดิมอีกรอบ
    "โอ้ย!!"
    คราวนี้มือผมที่ใช้กุมแผลเอาไว้เลยโดนลูกหลงไปด้วย .. ความเจ็บมันแล่นปราดไปทั่วร่างกายอย่างทรมาน ผมรีบรวบรวมเรี่ยวแรงทั้งหมดคลานหนีไอ้หุ่นซาดิสม์ทั้งหลายแล้วแทบจะหลับลงไปตอนนั้นให้ได้ .. ดวงตามันปรือเหมือนอยากจะหลับด้วยความเหนื่อยที่รุมเร้า ..
    ไม่สิ ผมจะหลับไม่ได้ !!!
    ผมพยายามฝืนลืมตาขึ้นมา ... มองไรน์นิ่งที่หยิบติดมือมาทันพอดีแล้วคลำๆหาปุ่มตรงต้นๆแถวๆที่จับ จนรู้สึกได้ถึงส่วนที่นูนขึ้นมาจากส่วนอื่นเล็กน้อย ผมกดมันทันทีอย่างไม่ลังเล แล้วปลายแหลมก็โผล่ขึ้นมาที่ปลายของไม้พลอง จนคล้ายๆทวนหรือไม่ก็หอกกลายๆ ผมมองมันอย่างลังเลเล็กน้อย.. ก่อนจะหลับตา กัดฟันแล้วทิ้มมันลงไปบนแขน อาการง่วงงุนหายไปในบัดดล มีแต่ความเจ็บแสบที่แล่นจากแขนเข้ามายังส่วนรับรู้ของหัวสมองให้เบิกโพลง ผมหลุดเสียงร้องออกมาเล็กน้อยแล้วมองร่างของหุ่นหลายสิบตัวที่ฟาดฟันเข้ามา ผมรีบถอดเสื้อของตัวเองออกแล้วฉีกส่วนนึงออกมา มัดที่เอวอย่างลวกๆ แต่อย่างน้อยก็ดูดีกว่าครั้งก่อนแหล่ะว่ะ ! จนมั่นใจว่ามันน่าจะพอห้ามเลือดได้แล้วก็น่าจะไม่หลุดแล้ว ผมก็ยืนขึ้น.. รู้สึกถึงสายลมเย็นที่พัดมากระทบผิวกาย แต่อะดรีนาลีนในร่างกายของผมกลับพุ่งขึ้นสูงจนรู้สึกเหมือนว่ามันร้อนระอุไปทั้งร่างกาย ผมไม่สนใจจะพันแผลตรงลำแขนสักเท่าไร เพราะมันถือว่าเป็นแผลค่อนข้างเล็กน้อยถ้าเทียบกันกับแผลที่ท้อง..
    ผมล้วงมือเข้าไปในกางเกงอย่างเคยชิน และสัมผัสได้กับความเย็นเยียบของขวดแก้วขวดเล็ก ..ผมรีบหยิบมันขึ้นมาก่อนจะหมดโอกาศ.. ขวดแก้วติดป้าย "ความบ้า" เอาไว้.. มันคือสารสกัดที่พี่เอลน่าเอามาดัดแปลงจากยาพิษของท่านแม่นั่นเอง.. สกัดจากเชื้อความบ้าของพี่เฟล จะช่วยกระตุ้นให้เกิดความบ้าจนลืมสติ เหมาะสำหรับโอกาศที่อยากหน้าด้านขึ้นมากระทันหันหรือไม่ก็ไว้ใช้ในโอกาศพิเศษต่างๆ.. 
    แต่ผมก็คงไม่มีเวลามาบรรยายสรรพคุณมันเยอะเท่าไร ผมเปิดจุกไม้เล็กๆสีน้ำตาลนั้นออกแล้วกระดกเข้าปากในรอบเดียว รู้สึกแสบซ่าไปทั่วทั้งคอ แล้วพลัน.. นัยน์ตาผมก็เบิกกว้าง กลายเป็นสีรุ้ง หน้าแดงระเรื่อเหมือนคนเมา มือทั้งสองข้างหยิบมิจังและไรน์นิ่งขึ้นมา ก่อนจะฟาดฟันไปยังหุ่นทั้งหลายอย่างไม่ยั้ง ใบหน้ายิ้มกว้างเหมือนคนบ้าไม่ได้สติ
    "วู้ฮู้ว!!"
    ผมกระโดดขึ้นคอหุ่นตัวนึงแล้วเฉาะกระบาลมันพร้อมทั้งยิ้มหวานเยิ้ม แล้วถีบมันรุนแรงด้วยแรงที่ผมก้ไม่รู้ว่าเอามาจากไหนไปชนหุ่นอีกสองสามตัว ก่อนจะแทงๆๆๆๆๆ!! และฟันๆๆๆๆๆ!!! จนหุ่นเหล่านั้นลงไปกองอยู่กับพื้น
    เหมือนสติเริ่มกลับคืนมา ... ความปวดหัวก็เริ่มเกาะกินหัวของผมช้าๆเหมือนอยากจะให้ทรมาน ..แต่ผมก็ยังพอคิดอะไรสะระตะไปเรื่อย
    "อา ..ผลข้างเคียงสินะ.. ยาพิษของท่านแม่.."
    แล้วผมก็หมดสติล้มลงไปท่ามกลางกองหุ่นทั้งหลาย ...

    ---------------------------------------------------------------------------------------------

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×