ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Catchy ลวงใจรัก

    ลำดับตอนที่ #2 : P-2 (รีไรท์)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.33K
      181
      15 ก.ย. 64


     


     


     


     

    สิบนาทีก่อนเกิดเหตุ


     

    ปรื๊นน! ปรื๊นน!

     

    เสียงเร่งเครื่องดังกระหึ่มไปทั่วทั้งสนามแข่งจากรถแต่งที่เสริมกำลังมาอย่างเต็มพิกัด ตัวเต็งหลักของวันนี้คือ Nissan Skyline R35 ที่แต่งตัวรถด้วยสีดำเทาตัดกับลายสีส้มเข้ม และ  Subaru WRX STI สีน้ำเงินตัดดำ จากนั้นก็มีอีกสามคันที่ลงสนามเพื่อประลองตามเกม 

       “เปลี่ยนใจตอนนี้ยังทันนะเว้ยไอชัช ฉันว่านายเสียเงินเดิมพันไปเปล่าๆว่ะ”

       “ฮึ ไม่มีทาง เห็นนายคุยนักคุยหนาว่ามันเก่งฉันละอยากรู้จริงๆว่ามันจะแน่สักแค่ไหนกันเชียว”

       “ถือว่าฉันเตือนนายแล้วนะ”

       “แล้วฉันจะขยี้มันให้นายดูเป็นขวัญตา”

    กล่าวจบเจ้าของรถR35ก็เลื่อนกระจกขึ้นขึ้นเพื่อเตรียมเหยีบคันเร่งในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า 

    รถจะปล่อยตัวอีกใน…

    3… 2… 1..

    หลังสิ้นสุดสัญญาณ ตัวรถก็พุ่งทะยานออกจากจุดสตาร์ทด้วยความเร็วที่ชวนให้หวาดเสียว R35ออกตัวนำคันอื่นมาตามที่คาดหมายไว้ ตามติดด้วยซุบารุสีน้ำเงินดำที่รักษาระยะของตนไว้อย่างดีตั้งแต่ออกตัว ตามมาด้วยคันอื่นๆที่เหลือตามลำดับ ในช่วงเริ่มR53ยังคงเร่งสปีดนำหน้าอยู่อย่างเป็นต่อหากแต่ซุบารุก็ยังไล่ตามจ่อท้ายไม่ปล่อยเช่นกัน เมื่อเห็นเช่นนั้นชัชหรือชัชพงษ์ก็เข่นเขี้ยวอย่างหงุดหงิดใจทิ้งเท้าเหยียบคันเร่งจนจบมิดหวังทิ้งห่างในการเข้าทางโค้งเบื้องหน้า แต่แล้วรถสีน้ำเงินดำที่ตามจ่อมากลับเปลี่ยนตัวกลับขึ้นมาแซงนำเขาได้อย่างง่ายดายเพียงไม่กี่เสี้ยววินาทีท่ามกลางเสียงเชียร์ของผู้คนในสนาม และเสียงเหล่านี้เองที่ทำให้ชัชพงษ์ตาทั้งสองข้างแดงก่ำด้วยแรงอารมณ์ที่ปะทุขึ้น เขาสับเปลี่ยนเกียร์อย่างรวดเร็วเพื่อหวังผลิกเกมขึ้นมาให้ได้อีกครั้งแต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นเมื่อจู่ๆตัวบังคับเกียร์เกิดการติดขัดขึ้นทำให้ไม่สามารถขยับเปลี่ยนได้ในช่วงสั้นๆที่ชัชพงษ์เกิดอาการตื่นตระหนกควบคุมสติไม่อยู่นั้นเขาก็เสียการควบคุมรถไปโดยปริยายเป็นเหตุในตัวรถเกิดการพลิกคว่ำปลิวตลบออกนอกเส้นทางกระแทกขอบสนามเข้าอย่างจัง

    กรี๊ดดด!

       “ไอชัช!”

       .

       .

       .

       .

       .

    “เอาไงต่อดีวะ” ณัฏฐ์กุมขมับกล่าวขึ้นอย่างกลุ้มใจอยู่หน้าห้องผ่าตัดที่นำที่โชกเลือดของชัชพงษ์เข้าไป ยิ่งคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างการนำตัวมาส่งโรงพยาบาลเขาก็ยิ่งกังวลถึง ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับชัชพงษ์จริงแค่เขาคนเดียวคงไม่มีปัญญารับผิดชอบอะไรได้ เมื่อคิดถึงใบหน้าผู้เป็นลุงของคนที่อยู่ด้านในเขาก็ยิ่งเกิดอาการผวา ในเมื่อไม่มีทางอื่นให้เขาได้เลือกมากนักณัฏฐ์ก็ตัดสิ้นใจใช้โทรศัพท์ของชัชพงษ์กดโทรออกหาใครบางคน

       “ฮัลโหลนี่ฉันเองนะเว้ย นายช่วย…”


     

    .

    .

    .

    .

    เมื่อปลายสายกดวางไป เขารี่ตาลงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะตัดสินใจคว้าลูกกุญแจรถเดินออกมาจากห้อง

    เจ้าของร่างสูงก้าวเดินลงบันไดมาด้วยสีหน้าแปลกๆอย่างที่พบเห็นได้ไม่ค่อยจะบ่อยนัก จนผู้เป็นพ่อที่นั่งอยู่ห้องโถงด้านล่างเห็นดังนั้นก็ต้องเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย

       “มีเรื่องอะไรหรือเปล่าเตชินท์”

      “…..” ถ้าไม่ใช่เพราะหลานชายคนโปรดของพ่อไปก่อเรื่องอะไรไว้เขาก็คงไม่ต้องเดือดร้อนไปด้วยแบบนี้ แต่เขาเลือกที่จะเก็บความไม่พอใจนี้เอาไว้ก่อน ไว้รู้ว่าทางนั้นเกิดขึ้นแล้วกลับมาจัดแล้วบอกเขาที่หลังก็ยังไม่สาย ดีกว่าให้ผู้เป็นพ่อต้องกังวลเปล่ากับเรื่องไม่เป็นเรื่องของหลานรักของเขา

    “นิดหน่อยน่ะครับ” กล่าวจบเตชินท์ก็รีบสาวเท้าเดินออกมาเพื่อหลีกเลี่ยงการซักถาม โดยทิ้งให้ธนากรมองตามแผ่นหลังของเขาไปอย่างฉงน


     


     


     


     


     

      "คนไข้...จำเป็น.." อะไร นั้นเสียงใครน่ะ

       "แล้ว...จะ..เปล่าครับ" ใครกำลังพูดอยู่ใกล้ๆเขากัน

    ...เจ็บ...คือความรู้สึกแรกที่เขาสามารถรู้ได้โดยทันทีที่เริ่มได้สติและจุดที่รับรู้ได้อย่างเด่นชัดที่สุดก็เห็นจะเป็นบริเวณศีรษะ อัศวินพยายามลืมตาขึ้นเพื่อดูว่าคนที่ยืนสนทนากันอยู่ใกล้ๆเขาเป็นใคร ภาพที่สะท้อนเข้าในตาสีอ่อนคือเพดานสีขาวนวลและกลิ่นน้ำยาฆ่าเชื้อที่ลอยมาแตะจมูก นั้นทำให้เขาเดาได้ไม่ยากว่าที่นี่คือที่ไหน

    โรงพยาบาล...  แปลว่าเขายังไม่ตายงั้นสินะ ความเป็นจริงนี้สร้างผิดหวังให้ลึกๆในใจของเขาทั้งๆที่คิดว่าตัวเองไม่รอดแล้วแท้ๆ ทั้งๆที่โอกาสมาอยู่ตรงหน้าแล้วแท้ๆ แต่เบื้องบนกลับไม่ยินยอมให้โอกาสนั้นแก่เขา

       "งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ"

       "ขอบคุณมากนะครับคุณหมอ"

       "มันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้วครับ" ผู้เป็นหมอเอ่ยยิ้มตอบอย่างสุภาพจากนั้นก็เดินออกจากห้องผู้ป่วยไปเพื่อให้พวกเขาได้มีเวลาส่วนตัวด้วยกัน

       "ฟื้นแล้วเหรอ" เด็กหนุ่มเดินมาหยุดลงยังข้างเตียงเขาพลางถามน้ำเสียงเรียบๆ สีหน้าดูหมองๆราวคนอดหลับอดนอน  “นายจำอะไรได้บ้างมั้ย”

       "เธอเป็นใคร?"อัศวินขมวดคิ้วถามอย่างสงสัยเพราะเขาไม่เคยรู้จักเด็กคนนี้มาก่อน 

       เมื่อได้ยินคนบนเตียงถามเขามาแบบนั้นเตชินท์ก็เริ่มขมวดคิ้วเพราะเข้าใจว่าบุคคลตรงหน้ากำลังก่อกวนเขาเล่น ด้วยอารามที่เขาไม่ได้นอนมาตลอดตั้งแต่เมื่อคืนเพราะถูกคนที่โทรเรียกมาทิ้งให้อยู่จัดการรับเรื่องที่เหลือต่อหลังจากที่เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคร่าวๆให้เขาฟังจบจากนั้นตัวเองก็ชิงขอตัวกลับไปก่อน และกว่าจะนำตัวชัชพงษ์ออกจากห้องไอซียูมาได้ก็เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้เอง ถ้าต้องให้มาเจอกับอะไรแบบนี้หลังจากที่ต้องเหนื่อยมาตลอดทั้งคืนก็ไม่แปลกเลยที่เตชินท์จะมีจุดเดือดที่ต่ำกว่าในยามปกติ

       “นายคิดว่ามันสนุกนักหรือไงกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน รู้บ้างหรือเปล่าถ้าเกิดนายเป็นอะไรไปขึ้นมาจริงๆแล้วพ่อฉันจะรู้สึกยัง”

       “…..”

       “ถ้าไม่ใช่เพราะ…” เตชินท์ยั้งประโยคที่เหลือของตนเอาไว้พลางลอบระบายลมหายใจเพื่อสงบสติอารมณ์ที่กำลังปะทุขึ้น ฝ่ายอัศวินที่ฟังอีกฝ่ายอย่างเงียบๆตลอดเมื่อสบจังหวะก็เอ่ยพูดขึ้นมาบ้าง

       “ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเธอกำลังพูดถึงเรื่องอะไร แต่ฉันไม่รู้จักเธอจริงๆ”

       “นายจำฉันไม่ได้จริงๆ?” เตชินท์ใช้สายตามองกดดันคนตรงหน้าแต่เมื่อเห็นแววตากระจางไร้วี่แววการเสแสร้งก็เริ่มลังเลใจขึ้นมา 

       “ฉันไม่จักเธอ” อัศวินกล่าวยืนยันว่าเขาไม่รู้จักไม่ใช่จำอีกฝ่ายไม่ได้ แต่ก่อนที่พวกเขาจะได้คุยอะไรกันไปมากกว่านั้นประตูห้องผู้ป่วยก็ถูกเปิดออกขัดจังหวะนเสียก่อน

       “อ้าวไงไอชัช ฟื้นแล้วเหรอวะ เกือบพากันซวยแล้วมั้ยละถ้าเกิดอะไรขึ้นกับนายจริงๆมีหวังลุงนายได้ส่งฉันตามลงหลุมไปด้วยแน่ๆ” 

      “…..” คราวนี้อัศวินกลัดกลุ้มยิ่งกว่าเดิมเมื่อมีบุคคลที่สามเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่ง

      “พวกนายมีเรื่องอะไรกันงั้นเหรอ” เมื่อวานเขาแยกตัวออกมาก่อนเพราะไม่อยากอยู่กับเตชินท์แค่สองคนให้อึดอัดใจเล่น ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ถึงความสัมพันธ์ที่ห่างเหินจนแทบจะเรียกได้ว่าเย็นชาระหว่างลูกพี่ลุกน้องคู่นี้แต่จนปัญญาที่เขาคิดถึงคนอื่นไม่ออกจริงๆนอกจากเตชินท์ แต่ใครจะรู้ว่ากระดาษจะติดไฟได้ง่ายขนาดนี้…

    อยู่ๆอัศวินก็เหมือนสังเกตเห็นอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ น่าแปลกที่เด็กหนุ่มแปลกหน้าสองคนนี้ต่างก็พูดคุยกับเขาราวกับว่าเป็นคนคุ้นเคยกันดี จนอัศวินเริ่มแปลกใจว่าใครกันแน่ที่ความจำสับสน  

       "เมื่อกี้ เธอเรียกฉันว่าอะไรนะ"

       "อะไร? ก็เรียกว่าชัชไง ถามอะไรแปลกๆวะ"

    ชัช? ทำไมถึงเรียกเขาแบบนั้น เด็กคนนี้มองสบตาเขาและเห็นใบหน้าชัดเจนขนาดนี้ไม่มีทางจำเขาผิดคนแน่ๆ อัศวินเริ่มปวดขมับขึ้นมาถี่ๆจนต้องใช้มือนวดคลึงเพื่อหวังที่จะบรรเทาอาการ วินาทีนั้นเขาก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่างที่ผิดปกติ ฝ่ามือของเขาเป็นหนังที่แข็งกระด้างเพราะประสบการณ์ในการทำงานและกาลเวลา สีผิวก็เป็นสีน้ำผึ้งแบบชาวไทยแท้ แต่...แล้วทำไมจู่ๆมันถึงได้ขาวขึ้นมาทันตาแบบนี้ละ นิ้วของเขาเองก็ไม่ได้เรียวยาวแบบนี้สักหน่อย! หรือว่าอาการของเขามันสาหัสมากถึงขนาดที่ว่าต้องศัลยกรรมทั้งตัว? เขาสังหรณ์ใจไม่ดีขึ้นมาอย่างน่าประหลาด อัศวินถอดสายน้ำเกลือออกจากหลังมืออย่างไม่ลังเลจากนั้นก็พาตัวเองลงจากเตียงอย่างทุลักทุเลเดินมุ่งหน้าตรงไปยังห้องน้ำ

       "ไอชัช!นั้นแกจะไปไหนวะ " เขาไม่สนใจเสียงเรียกที่ดังอยู่ด้านหลังทำเพียงเปิดประตูห้องน้ำออกจากนั้นจุดสนใจทั้งหมดของเขาก็ไปอยู่ที่เงาสะท้านบนบานกระจกแทบจะทันที

    !!!

    ภาพเบื้องหน้าทำเอาเขาแทบช็อค เงาที่สะท้อนอยู่ในนั้นสมควรเป็นชายวัยกลางคนที่เส้นผมเริ่มมีสีขาวแซมอยู่บนศีรษะแล้วสิ แต่ทำไมในนั้นกลับกลายเป็นเด็กหนุ่มหน้าคมผิวขาวผ่องแบบนี้ละ อัศวินใช้สองมือลูบไล้ใบหน้าตัวเองเพื่อเป็นการพิสูจน์ ผิวที่สัมผัสได้จากใต้ฝ่ามือนั้นสมจริงจนเกินกว่าที่จะเป็นภาพฝัน ขนาดออกแรงบีบลงบนซีกแก้มแล้วเส้นประสาทยังตอบสนองดีจนเขารู้สึกเจ็บ ถ้าใบหน้านี้ไม่ได้เกิดจากการศัลยกรรม ถ้านี่ไม่ใช่ความฝัน  แล้วตกลงมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเขากันแน่ อัศวินกระชากประตูห้องน้ำออกมาด้วยอารมณ์ที่ไม่ค่อยจะคงที่อย่างที่แล้วๆมาจนบุคคลทั้งสองที่อยู่ภายในห้องต่างพากันสะดุงด้วยความตกใจ คราวนี้เจ้าของร่างสูงเดินมุ่งหน้าไปเปิดประตูห้องพักเพื่อยืนยันข้อสงสัยเป็นอย่างสุดท้าย อัศวินเพ่งสายตามมองป้ายชื่อผู้ป่วยที่อยู่บนบานประตูด้วยสายตาคาดหวัง หากแต่ความหวังนั้นก็ต้องพังทลายลงแทบจะทันทีเมื่อสมองประมวลอักษรเหล่านั้นออกมาแล้วได้ใจความว่า

       นายชัชพงษ์ วิศนุทศกร 

       นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี้ย!!!

    ณัฏฐ์ - นัด

    NCCB: ขอติดอีกตอนไว้พรุ่งนี้นะครับ (แฮะๆ) เนื้อเรื่องอาจจะเปลี่ยนไปพอสมควรดีขึ้นหรือแย่ลงยังไงก็ฝากติดตามและคอมเม้นบอกกันได้นะครับ

    ***ขอบคุณสำหรับทุกการกดติดตามและทุกกำลังใจที่ส่งมาให้กันเสมอเลยนะครับ***

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×