คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : P- 7 (รีไรท์)
**อัปตอนที่ 7-8**
สองอาทิตย์ผ่านมาในที่สุดอัศวินก็หาคอนโดที่เหมาะสมได้และย้ายเข้ามาอยู่ในที่สุด เขาใช้เวลาแค่สองวันก็สามารถจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยหมดจด ถึงแม้ว่าราคาสูงมากอยู่เอาการแต่เมื่อเทียบกับสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆที่ได้กับทำเลที่ดีแล้วก็ถือว่าคุ้มราคาอยู่มาก ส่วนเรื่องรถที่จะใช้อัศวินตัดสินใจซื้อเป็นมอเตอร์PCXของยี่ห้อหนึ่งมาแทนที่จะเป็นรถยนต์เหมือนอย่างที่เคย เพราะนอกจากจะใช้เดินทางสะดวกแล้วนี่ก็เป็นความชอบอีกหนึ่งอย่างของเขาเหมือนกัน เมื่อก่อนเนื่องจากตำแหน่งหน้าที่อัศวินจำเป็นต้องใช้รถยนต์มากกว่าจึงไม่มีโอกาสได้มีไว้ครอบครอง แต่พอมาตอนนี้เขาสามารถเลือกซื้อแบบใดก็ได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงอะไรทั้งนั้น ความรู้สึกที่ได้ขับมันอีกครั้งช่างเป็นอะไรที่คนละเรื่องกับเบาะหนังนิ่มๆที่เคยขับอยู่ตลอดมาคนละเรื่อง
นี่คงเป็นข้อดีอีกอย่างที่เขาคิดได้ของการมีชีวิตอยู่อีกครั้งในร่างนี้ การได้เริ่มทำอะไรหลายๆอย่างที่ไม่เคยมีโอกาส
ตุ๊บ!
"อ่ะ! ขอโทษด้วยนะคะ"
"ไม่เป็นไรครับ" ระหว่างที่จอดรถเข้าบริเวณหลังร้านตอนนั้นเองที่มีร่างของใครบางคนเดินเข้ามาชนเขาเข้าจนกระเป๋าของอีกฝ่ายร่วงลงไปบนพื้น อัศวินเอื้อมมือลงไปเก็บสิ่งนั้นขึ้นมาก่อนที่จะมันกลับให้กับผู้เป็นเจ้าของ หญิงสาวร่างบางนัยน์ตาสีน้ำข้าวช้อนสายตาขึ้นมามองเขาด้วยความรู้สึกผิด
"นี่ของคุณครับ" อัศวินคิดว่าเธอเป็นลูกค้าของทางร้านจึงเพิ่มความสุภาพลงไปในน้ำเสียงขึ้นมาอีกระดับ แต่ว่าหายากจริงๆลูกครึ่งที่ได้ยีนเด่นมาแบบชัดขนาดนี้ ถ้าหากไม่ได้ยินที่เธอสื่อสารมาเป็นภาษาไทยแล้วละก็เขาคงคิดว่าเธอเป็นชาวต่างชาติแน่ๆ
"ขอบคุณค่ะ" เธอกล่าวพลางกดรอยยิ้มลึกส่งมาให้กับเขาจากนั้นก็เดินกลับไปขึ้นรถของตนไม่เหลียวหลังกลับมาอีก ไม่รู้เพราะสาเหตุอะไรอัศวินจึงรู้สึกว่ารอยยิ้มของเธอนั้นสร้างความรู้สึกแปลกๆให้เขาอย่างน่าประหลาด... หากแต่ไม่นานเขาก็เลือกที่จะปล่อยให้มันตกตะกอนในใจไปอย่างเงียบๆโดยไม่ได้คิดถึงมันอีก
กลางดึกวันหนึ่งหลังจากที่อัศวินเลิกงานและกำลังจะสตาร์ทรถกลับคอดโดตามปกติจู่ๆก็มีใครคนหนึ่งวิ่งเข้ามาถีบข้างรถเขาอย่างแรงจนเขาล้มลงไปกระแทกกับพื้น
"!" ในขณะที่เขากำลังงุนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นคนกลุ่มใหญ่ก็เดินถืออาวุธในมือเข้ามาหาเขาอย่างเอาเรื่อง
"ในที่สุดก็หาแกเจอสักทีนะไอชัช ถุย! ที่แท้ก็มาทำงานเป็นขี้ข้าอยู่ที่ร้านนี้นี่เองคิดไม่ถึงจริงๆ"
"นายเป็นใคร!?" เขาตะคอกเสียงถามเสียงแข็งด้วยความหงุดหงิดใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น
"แกถามว่าฉันเป็นใคร? เฮอะ อย่ามาทำเป็นไขสือกลบความขี้ขลาดหน่อยเลย เฮ้ย ไม่ต้องให้มากความละ เล่นมันเลยเว้ย!"
ถึงแม้จะไม่เข้าใจอะไรมากนักแต่พอเห็นความเป็นอริที่อีกฝ่ายแสดงออกมาอย่างชัดเจนแล้วอัศวินก็ไม่ลังเลที่จะซัดกระเป๋าออกไปเพื่อขัดจังหวะการโจมตีของคนที่เหมือนว่าเป็นอริของชัชพงษ์จากนั้นก็ทีบเข้าที่กลางลำตัวของแกนนำที่ก้าวออกมาอย่างสุดแรง เมื่อได้โอกาสก็ขยับขาวิ่งหนีออกมาสุดแรง
บ้าจริง! ถ้าเกิดว่ามาช้ากว่านี้อีกหน่อยให้เขาได้สตาร์ทเครื่องก่อนแล้วละก็ คงได้ขับรถหนีไปแล้ว!
ช่วงกลางดึกที่คนทั่วไปต่างพากันหลับใหลแต่อัศวินที่ดวงซวยกว่าที่เคยกลับต้องวิ่งหนีวัยรุ่นกลุ่มใหญ่จนเหงื่อโทรมกาย เขาวิ่งลัดไปมาในซอยนู้นออกซอยนี้จนพาลหลงงงไปหมดไม่รู้เลยว่าตอนนี้ตัวออกมาโผล่จนส่วนไหนแล้ว
"รีบตามมันไปเร็ว อย่าให้มันหนีรอดไปได้เชียว!"
ในขณะที่เสียงตะโกนดังขึ้นไล่มาจากด้านหลังคล้ายจะประชิดเข้ามาเลื่อยๆอัศวินก็พบว่าตอนนี้ตัวเองวิ่งเลี้ยวออกจากซอยมาจนโผล่มายังลานจอดรถของสถานบังเทิงแห่งหนึ่งในขณะที่เข็มนาฬิกาใกล้จะปัดเข้าเลขสิบสองเข้าไปทุกทีแต่ก็ใช้ว่าสถานที่แห่งนี้จะไม่มีคนไปซะทีเดียวเหมือนกับสถานที่อื่นๆ
อัศวินที่กำลังหันซ้ายหันขวาลัังเลว่าควรหาที่ซ่อนหรือวิ่งเข้าไปแอบปะปนในผับด้านหน้าดีปลายหางตาก็เหลือบไปเห็นภาพใครคนหนึ่งกำลังเก็บของเข้าเบาะหลังรถของตนอยู่ไม่ไกลนัก เสี้ยววินาทีนั้นอัศวินก็มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในหัวอย่างรวดเร็ว แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องที่ดูไม่เข้าท่านักเพราะมันอาจทำให้คนอื่นเดือดร้อนด้วยไปแต่เขาก็ไม่มีโอกาสได้คิดนานเมื่อฝีเท้าของคนกลุ่มใหญ่วิ่งเข้ามาอยู่ไม่ไกลแล้ว อัศวินก็วิ่งตรงดิ่งไปทำตามแผนที่วางอยู่ในหัวอย่างไม่รอช้า
เขาไม่คิดเลยว่าขณะที่กำลังพาตัวเองกลับจากการร่วมฉลองให้กับงานวันเกิดน้องชายของเพื่อนวันนี้กลับเจอเรื่องไม่คาดฝันเข้า โดยปกติแล้วร้านเหล้าแถวนี้ส่วนใหญ่จะมีเรื่องทะเลาะวิวาทกันบ้างเป็นปกติแต่กับเรื่องโจรกรรมหรือขโมยแล้วไม่บ่อยเลยที่จะเกิดขึ้นแต่ใครจะคาดคิดว่าวันนี้ตัวเองจะเจอเข้ากับตัวได้
"ขอโทษนะ ฉันไม่ได้มีจุดประสงค์ร้ายอะไรหรอกแค่ขอหลบสักพักเท่านั้น เธอช่วยอยู่นิ่งๆ.. ให้ความรวมมือฉันที"
ในขณะที่เตชินท์กำลังคิดหาวิธีรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันตรงหน้าอยู่ในใจ กลับได้คิดเสียงทุ้มคุ้นหูเสียงหนึ่งเอ่ยขึ้นในระยะประชิด เขาพยายามปรับสายตามองใบหน้าที่อยู่ท่ามกลางแสงสลัวเพื่อดูให้มั่นใจว่าเป็นคนที่เขารู้จักแน่หรือไม่ ไม่นานก็ได้คำตอบที่คาดการไว้ในใจ
ทำไมถึงเป็นหมอนี่ไปได้!
ใบหน้าที่ไม่ได้เห็นมาพักใหญ่นับตั้งแต่ที่อีกฝ่ายย้ายออกไปเมื่อไม่กี่อาทิตย์ก่อนฉายชัดอยู่เบื้องหน้าท่ามกลางความสับสนและมึนงงของเขา ความคิดถัดมาเมื่อเขาตั้งสติได้คือหมอนี้ต้องไปก่อเรื่องอะไรเข้าอีกแล้วแน่ๆ
ฝ่ายอัศวินที่ไม่ได้รับรู้เลยว่าเหยื่อที่ตนเลือกนั้นเป็นใครกลับมุ่งความสนใจเพียงแค่พยายามหมอบตัวในต่ำมากที่สุดเพื่อไม่ให้เป็นจุดสังเกต จนไม่ได้เอะใจเลยว่าปฎิกิริยาของคนใต้ร่างนั้นให้ความร่วมมือง่ายเกินไปอย่างผิดวิสัยของคนที่ถูกคุกคามอย่างกะทันหัน เพราะใบหน้าของเตชินท์ถูกกดให้อยู่ภายใต้พื้นที่ที่แสงไฟส่องไม่ถึงต่างจากเขาที่มีแสงสะท้อนใบหน้าอยู่เลือนรางทำให้มีแค่เตชินท์เท่านั้นที่รู้ว่าแขกไม่ได้รับเชิญคนนี้เป็นใคร
"ค้นดูให้ทั่วมันต้องหลบอยู่แถวๆนี้แน่" เสียงตะโกนร้องสั่งดังขึ้นบริเวณข้างรถด้วยความร้อนรนอัศวินจึงยิ่งกดตัวลงต่ำเป็นผลให้คนใต้ร่างสะดุดหายใจไปช่วงหนึ่ง เรียวคิ้วเข้มขมวดกันแน่จนแทบจะผูกกันเป็นปม
"นายทำอะ- !
"ช่วยเงียบก่อนมันอยู่ข้างๆรถแล้ว" อัศวินเผลอเน้นน้ำหนักมือมากขึ้นอย่างเผลอตัวเมื่อได้ยินอีกฝ่ายส่งเสียงออกมาในจังหวะนี้จนเขาผวาแต่คนใต้ล่างกลับอึดอัดจนเลือดขึ้นหน้าจนแทบจะฉีกเขาเป็นชิ้นๆอยู่แล้ว
"เวรเอ้ย! ลองย้อนกลับไปหามันอีกรอบ ยังไงมันต้องกลับไปเอาของมันมาแน่ๆ!" ผ่านไปอยู่ครู่ใหญ่ในที่สุดอีกฝ่ายก็ยอมรามือจากไปหากแต่ก็ไม่วายทิ้งคำสบถไปให้เขาได้ยินอย่างอารมณ์เสีย
"โทษทีนะ เธอไม่เจ็บตรงไหนใช่มั้ย" เมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่มีคนพวกนั้นหลงเหลืออยู่อีกอัศวินก็ยันตัวขึ้นจากพื้นด้านล่างพร้อมปล่อยมือที่ปิดปากอีกฝ่ายไว้ออกเป็นอิสระในที่สุด
"ลงไปจากรถฉัน เดี๋ยวนี้!"
"!" ในจังหวะที่ได้ยินเสียงของอีกฝ่ายและใบหน้าใต้แสงเงานั้นอย่างชัดเจนอัศวินก็ต้องชะงักการกระทำของตนไว้ด้วยความตกใจ ไม่คิดเลยว่าผู้โชคร้ายที่กำลังเปิดประตูรถอยู่คนนั้นจะเป็นลูกพี่ลูกน้องของร่างนี้ไปได้!
ดูเหมือนว่าวันนี้โชคจะไม่เข้าข้างเขาจริงๆนั้นแหละ...
"ไหนนายบอกว่าจะไม่ก่อเรื่องอะไรไม่ใช่หรือไง?" น้ำเสียงแข็งๆนั้นสามารถบ่งบอกได้อย่างดีเลยว่าเจ้าตัวกำลังอารมณ์ดำดิ่งขนาดไหน แม้จะรู้ตัวว่าตัวเองทำเรื่องไม่สมควรเข้าแต่เพราะด้วยความเคยชินกับความอาวุโสดั้งเดิมของตนจึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิดความไม่ชอบใจเล็กๆขึ้นเมื่อเจอท่าทีแบบนั้นของเด็กหนุ่มเข้า
"คนพวกนั้นจู่ๆก็เข้ามาหาเรื่องเอง ฉันไม่รู้อะไรเลยด้วยซ้ำ"
"นายแน่ใจ?"
"....." เมื่อถึงตอนนี้อัศวินก็พูดได้ไม่เต็มปากแล้วเพราะไม่แน่ว่าบางทีคนกลุ่มเมื่อกี้อาจจะเข้ามาหาเรื่องเขาเพราะเรื่องที่ชัชพงษ์เคยก่อเอาไว้ก่อนที่จะประสบอุบัติเหตุก็เป็นไปได้
ท่าทางขมวดคิ้วคล้ายกำลังใช้ความคิดแบบนั้นของคนตรงทำให้เตชินท์ตัดสินเรื่องตรงหน้าไปทิศทางนั้นไปแล้วและตอนนี้เขาเองก็ไม่มีอารมณ์มาไล่บี้ถามเอาถามตอบอีกจึงพยายามจบเรื่องตรงหน้าให้ง่ายที่สุด
"ในเมื่อหมดธุระแล้วก็ไปซะ เรื่องในคราวนี้ฉันจะถือว่าไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น แต่ถ้าขืนนายยังเล่นไม่เลิก..." เตชินท์ใช้สายตาข่มขู่ทิ้งท้ายไว้จากนั้นก็เหยียบคันเร่งขับทะยานรถออกไปหลงเหลือไว้แค่เศษฝุ่นกลุ่มจางๆกับตัวเขาที่อยู่เบื้องหลังท่ามกลางแสงไฟสลัวยามค่ำคืน
หลังจากหลบมาได้กว่าอัศวินจะกลับคอนโดก็ปาเข้าไปตีหนึ่งกว่าเพราะกว่าพวกนั้นจะตัดใจยอมถอนตัวกลับจากการเฝ้าดักเขาที่มอเตอร์ไซร์ตรงหน้าร้านก็เป็นเวลาก่อนหน้านั้นครึ่งชั่วโมง ยังดีที่ก่อนเข้างานเขาได้แวะเข้ามาให้อาหารเจ้าพวกนั้นไว้ไม่อย่างนั้นคงได้หิวกันจนร้องระงมกันไปแล้ว..
สองวันหลังจากเกิดเหตุการณ์วิ่งตะลุมบอลเมื่อกลางดึกคืนนั้นอัศวินก็ไม่ได้เข้าไปทำงานที่ร้านอีกเพราะถูกวัยรุ่นสองสามคนในกลุ่มนั้นมาดักรอเข้าอยู่ที่หน้าร้านและวันนี้เองก็เช่นกัน อัศวินที่ยืนแอบสังการณ์อยู่ที่จุดมองเด็กหนุ่มสองคนนั้นด้วยใบหน้าครุ่นคิด ถ้าหากว่าคนพวกนี้ตามตื้อเขาไม่ปล่อยแบบนี้ต่อไปเรื้อยๆคงจะเป็นเรื่องยุ่งยากหน้าดู เขาเองก็คงจะใช้การลางานแก้ปัญหาแบบนี้ได้ไม่นานนัก คงต้องจัดการเรื่องนี้ให้จบ จะรอให้อีกฝ่ายล่าถอยไปเองก็เหมือนว่าจะยืดเยื้อเกินไป ก่อนอื่นเลยคือตอนนี้เขาจำเป็นต้องรู้เรื่องราวของอีกฝ่ายเพื่อที่จะทำความเข้าใจถึงจุดยืนของตัวเอง ณ ขณะนี้ ซึ่งก็คือเขาจะต้องไปถามเอาจากเพื่อนสนิทชองชัชพงษ์ที่ชื่อ ณัฏฐ์คนนั้น เพราะนอกจากเด็กคนนี้แล้วอัศวินก็นึกไม่ออกว่าจะมีใครนอกเหนือจากนี้ที่รู้เรื่องของชัชพงษ์อีก อ่า.. ไม่สิ จะว่าเป็นแล้วเตชินท์ก็พอจะมีแนวโน้มอยู่เหมือนกัน แต่เมื่อเขาลองคิดถึงท่าทีที่เด็กหนุ่มมีต่อเขาแล้วก็ไม่ได้คาดหวังอะไรกับแหล่งข้อมูลคนนี้นัก
เช้าวันถัดมาอัศวินใช้เวลาก่อนเริ่มคลาสในคาบเช้าเข้าไปถามถึงเรื่องที่ว่ากับณัฏฐ์เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายปรากฏตัวขึ้นในมหา'ลัย
"ขอเวลาพวกนายสักเดี๋ยวได้มั้ย"
"ฮ่ะ..!?" กรที่เดินตามหลังเพื่อนสนิทอยู่ไม่ไกลหันกลับมามองบุคคลต้นเสียงด้วยใบหน้าสงสัยก่อนที่จะเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วเมื่อเห็นว่าบุคคลนั้นคือใคร ณัฏฐ์เองก็ประหลาดใจไม่แพ้กันเมื่อคนเอาแต่หายตัวไปทันทีหลังเลิกคลาสและไม่มีปฏิสัมพันธ์กับพวกเขาเลยมาตลอดหลังจบเรื่องนั้นเป็นฝ่ายเดินเข้ามาเริ่มบทสนทนาเองแบบนี้
"หมายถึงพวกเรางั้นเหรอ" ณัฏฐ์เลิกคิ้วถามกลับราวกับต้องการยืนยันความคิดของตนให้แน่ใจ
"ใช่ ฉันขอแค่สิบห้านาทีไม่รบกวนพวกนายนานนักหรอก"
"...ก็ได้ ว่ามาสิ" พวกเขาย้ายที่ไปคุยกันใต้ต้นไม้ต้นหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลจากริมทางเดินเพื่อที่จะไม่ไปขัดขว้างทางเดินของคนอื่นๆที่ต้องการใช้ทางเท้า
"แล้ว.. มีเรื่องอะไรละ?"
"นายรู้จักคนในรูปนี้มั้ย" อัศวินกล่าวพลางเอาโทรศัพท์ขึ้นมาเข้าเปิดไฟล์รูปก่อนที่จะยื่นไปให้อีกฝ่ายดูเบื้องหน้า
"เหมือนจะคุ้นๆหน้าอยู่นะ" ณัฏฐ์พินิจเด็กต่างมหา'ลัยในภาพด้วยสีหน้าครุ่นคิด "นายมีเรื่องอะไรกับพวกมันหรือไง"
"คืนก่อนเมื่อสองสามวันที่แล้วพวกเขามารุมจะทำร้ายฉัน เหมือนว่าจะเคยมีเรื่องกันแต่ฉันจำไม่ได้"
"ถ้าคนที่นายไปมีเรื่องด้วยละก็ มีเยอะเสียจนช่วยกันนับทั้งวันก็ไม่หมดหรอกรู้เอาไว้ซะ" คนตรงหน้าว่าพลางแสยะยิ้มอย่างนึกสนุกที่เห็นเขากำลังมีสีหน้าคิดหนักกับเรื่องที่ได้ยิน "นายพอจะจำได้บางมั้ย" ณัฏฐ์เอียงโทรศัพท์ไปให้กรที่ยืนอยู่ด้านข้าง
"อืมมม..." กรฮึมฮัมออกมาพร้อมมองรูปในมือถือไปด้วยราวกับกำลังใช้ความคิดกับเรื่องนี้จะหนัก
อัศวินเห็นท่าทางแบบนั้นของทั้งสองคนแล้วก็เริ่มทำใจที่จะไม่ได้ข้อมูลอะไรกลับไปในวันนี้
"อ๋อ! พวกมันอยู่แก็งเดียวกับไอกายมหา'ลัยkไง พวกเราเจอกันในสนามแข่งบ่อยๆ"
"พวกไอกาย?"
"ใช่ ฉันจำหน้ามันได้ไอพวกนี้มันชอบตามไอกายมาที่สนามบ่อยก็เริ่มคุ้นหน้าดี"
"ถ้าเป็นไอกายละก็งั้นก็ไม่น่าแปลกหรอก"
"พวกเราเคยมีเรื่องอะไรกันงั้นเหรอ" อัศวินขมวดคิ้วถามขึ้น
"เมื่อสองวันก่อนที่นายจะแข่งกับไอศิลป์ พวกนายลงแข่งกันมาก่อน"
"แล้วจากนั้นละ"
"ไอกายก็ชนะ"
"เขาชนะ?"
"ใช่"
ถ้าในเมื่อชัชพงษ์เป็นฝ่ายที่แพ้มาแล้วเด็กนั้นมีเหตุอะไรที่ต้องเป็นฝ่ายตามมาทำร้ายเขาแบบนี้ละ..
"เพราะนายแพ้มันก็เลยโมโหเลยพาลไปลงกับรถหมอนั่นแทน"
"ห๊ะ?" อัศวินหันกลับมองคนเล่าด้วยสีหน้ามึนงง
"อืม ได้ข่าวว่าพังเละเลย" กรที่ช่วยพูดเสริมขึ้นมาอีกคนยิ่งทำให้อัศวินกุมขมับตัวเองหนักเขาไปใหญ่
"ถ้านายต้องการความช่วยเหลือละก็บอกฉันก็ได้นะ เห็นแก่มิตรภาพของเราที่ผ่านมาฉันจะจัดการเรื่องนี้ให้นายเอง
"....." เมื่อสังเกตดูจากสีหน้าเขาก็พอจะเดาได้แล้วว่าเด็กนี้คิดจะทำอะไรเพราะฉะนั้น "ไม่ละขอบใจ"
"แล้วนายจะทำยังไงต่อ"
".... นายรู้เรื่องของเขามากแค่ไหน?"
.
.
"นายจะเอาแบบนี้จริงดิ" ณัฏฐ์เดินตามอัศวินออกมาจากห้องเรียนพร้อมถามข้อข้องใจ
"ตอนนี้มีแค่วิธีนี้เท่านั้นที่ใช้ได้ผลเร็วที่สุด"
"มันไม่เสี่ยงเกินหน่อยเหรอ" กรเองก็จับบ่าถามเขาอย่างเป็นห่วงเช่นกัน
"ฉันรับมือกับมันได้ ไม่ต้องห่วงกรอก" บางทีเด็กพวกนี้ก็ใช่ว่าจะมีแต่ด้านแย่ๆเสมอไป เสียดายก็แค่ชัชพงษ์ปรับตัวเข้าหาพวกเขาไม่ถูกวิธีก็เท่านั้น...
"นายมั่นใจ?"
"จากที่ฉันได้ลองเช็คๆดูแล้ว.. มันจะราบรื่นอย่างแน่นอน"
เช็ค??
"ก็หวังว่านายจะไม่ช้ำตายเพราะฝีมือตัวเองก็แล้วกัน" ..ก็ในเมื่อเจ้าตัวว่ามาแบบนั้นเขาก็ไม่จำเป็นต้องถามอะไรให้มากความอีก
"กล้าโผล่หัวออกมาแล้วหรือไงวะ ไอลูกเต่า!" กายเค้นเสียงขบกรามถามคนตรงหน้าที่ในที่สุดก็จับตัวมาได้ด้วยน้ำเสียงถือดี "อย่าคิดนะว่าแค่ยอมตามพวกฉันแต่โดยดีแล้วเรื่องอะไรๆมันจะ-"
"ฉันขอโทษ"
"ฮ่ะ?" คำขอโทษที่ตัวเจ้าพูดโพล่ออกมาโดยไม่ทันตั้งตัวทำเอาพวกเขาไปต่อกันไม่เป็น
"ฉันขอโทษ เรื่องที่พังรถนายไปเป็นความผิดของฉันเอง"
"ไอเวรเอ้ย! รู้มั้ยว่าฉันต้องเสียไปตั้งเท่าไหร่กว่าจะแต่งรถคันนั้นออกมาได้น่ะห๊ะ!" ถึงแม้ว่าจะรู้ดีอยู่แล้วว่าเป็นฝีมือไอสวะนี่แต่พอมาได้ยินจากปากเจ้าตัวแล้วเขาก็อดฟิวล์ขาดไม่ได้อยู่ดี
"ฉันยอมรับว่าตัวเองเป็นคนผิดเองกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนนั้น เพราะงั้น-"
"เพิ่มจะมาแสดงความรับผิดชอบเอาตอนนี้ไม่คิดว่ามันสายไปหน่อยหรือไงฮะ?" กายว่าพร้อมกับก้าวเข้ามาขยุ้มคอเสื้อเขาอย่างเดือดดาล แต่อัศวินก็ยังคงนิ่งเฉยอยู่ไม่แม้แต่จะขัดขืนการกระทำนั้น
"ฉันจะยอมชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมดคืนให้แล้วนายจะยอมจบเรื่องนี้ได้หรือเปล่า"
" ชดใช้? พูดง่ายดีนี่หว่า แกคิดเหรอว่าแค่จ่ายเงินมาแล้วเรื่องมันจะจบง่ายๆ? ฝันหวานไปหน่อยแล้วมั้ง!"
ผัวะ!
หมัดหนักถูกปล่อยเข้าบริเวณแก้มด้านขวาของอัศวินอย่างจังท่ามกลางสายตาสาแก่ใจของสมุนคนอื่นของผู้กระทำ
"ทำแบบนี้มันสาสมกว่าเยอะ" คราวนี้อีกฝ่ายขยุ้มเส้นผมของเขาขึ้นบังคับให้เงยหน้าเผชิญกับสายตาที่มองเหยียดลงมา "จริงสิ ได้ข่าวมาว่าแกความจำเสื่อมอยู่นี่ เรื่องจริงหรือเปล่าวะไอชัช" กายมองรอยแผลบริเวณข้างขมับของอัศวินพลางแสยะยิ้มถาม แต่ก็ยังไม่ได้รับคำตอบใดๆกลับมา "เอาแบบนี้ดีกว่า ถ้าแกยอมอยู่เฉยๆปล่อยให้ฉันซ้อมแกจนพอใจแล้ว ฉันอาจจะยอมยกโทษให้แกก็ได้ ว่าไงฮะ" กล่าวจบเจ้าตัวก็หัวเราะออกมาเสียงดังพร้อมกับคนอื่นๆที่เหลือ พวกเขาต่างก็ใช้สายตาดูแคลนและเหยียดหยามมองเขาราวกับเป็นขยะกองหนึ่ง
"เอาสิ"
"ฮ่ะ"
"ถ้านายทำแล้วจะยอมหยุดเรื่องได้ละก็ ทำสิ"
"นี่แกบ้าไปแล้วหรือไง" กายมองเขาราวกับคนที่เสียสติไปแล้วแต่เมื่อเห็นแววตาที่มองตอบมานั้นไม่มีแววล้อเล่นอยู่แม้แต่น้อยก็ถึงกับไปไม่เป็น เสียงหัวเราะที่ดังอยู่ด้านก็ไม่รู้ว่าอยู่ลงไปตั้งแต่เมื่อไหร่แล้ว
"ทำมาเป็นปากดี อย่าคิดว่าฉันไม่กล้านะ"
"....." อัศวินใช้สายตาที่แน่วแน่บ่งบอกถึงการกระทำของตน ซึ่งเมื่อเห็นท่าทีแบบนั้นของอีกฝ่ายแล้วมันก็ทำให้กายไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมากเพราะว่ามันไม่ใช่สีหน้าที่เขาคาดหวังเอาไว้เลย! "งั้นก็มาดูกันว่าแกจะทนไปได้สักกี่น้ำ" ว่าแล้วหมัดเดิมก็ถูกเหวี่ยงปะทะเข้าที่บริเวณเดิมกับคราวก่อนด้วยแรงที่ไม่ลดลงแม้แต่น้อย ถัดมาก็ต่อยเสยเข้าที่หน้าท้องของเขาอย่างจัง อาการจุกที่แผ่ไปทั่วบริเวณนั้นทำเอาอัศวินทรุดตัวลงไปนอนลงกับพื้น แต่คู่กรณีก็ไม่ได้ปราณีเขาถึงขนาดให้มีเวลาหยุดพักหายใจตามมากระหน่ำใส่เขาอีกสามครั้งจากนั้นก็ใช้ปลายเท้าเหยียบขยี้ลงบนแผ่นอกอย่างแรง "อยากรู้จริงๆว่าถ้าความทรงจำแกกลับมาแล้วรู้ว่าตัวเคยสิ้นท่าคาตีนฉันแบบนี้แล้วจะเป็นยังไง" เจ้าตัวไม่พูดเปล่าปลายเท้านั้นยังคงบดแรงลงไปราวกับต้องการตอกย้ำคำพูดของตน
อัศวินพยายามขบกรามแน่นเพื่อข่มอาการปวดที่เล่นอยู่ทั่วร่างโดยเฉพาะบริเวณที่ถูกกระทำอยู่ในตอนนี้ที่รุนแรงมากเป็นพิเศษจนแทบจะช้าไปแล้วด้วยซ้ำ เขาย้ำเตือนตัวเองซ้ำๆถึงเหตุผลของการมาที่นี้ในครั้งนี้ เตือนตัวเองไม่ให้ลุกขึ้นขัดขืนหรือตอบโต้อีกฝ่ายกลับไปอย่างสุดความสามารถที่จะทำได้
"พูดอะไรสักอย่างสิวะ"
"หยุดได้แล้ว" คำพูดที่ไม่คาดคิดดังขึ้นจนปลายเท้าที่กำลังเหยียบบนอกอัศวินต้องหยุดชะงักลง หากแต่คำพูดนี้ไม่ได้ออกมาจากของเขาแต่อย่างใด กลับเป็นบุคคลคนอื่นที่เข้ามาร่วมด้วยโดยที่ไม่ได้มีการรับเชิญ อัศวินพยายามเปิดเปลือกตามองดูผู้มาใหม่เมื่อมองใบหน้านั้นอย่างชัดเจนแล้วเขาก็ได้แต่ขมวดคิ้วถามตัวเองอย่างสงสัย ทำไมเด็กนั้นถึงมาอยู่ที่นี่ได้...
"แกเข้ามายุ่งอะไรด้วยวะ" กายหันไปมองบุคคลที่เข้ามาขัดจังหวะด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์
"ก็ไม่ได้อยากนักหรอก"
"งั้นก็ไสหัวไปซะในระหว่างที่ฉันยังพูดดีๆด้วย"
"แต่ฉันมีธุระกับหมอนั้น" เขาว่าพลางส่งสายตาไปยังสิ่งที่อยู่ใต้เท้าของอีกฝ่าย
"นี่นายกำลังจะช่วยมัน?"
"ก็ไม่เชิง"
"นายกับมันไม่ถูกกันไม่ใช่หรือไงเตชินท์ นี้ไม่ใช่สิ่งที่นายอยากเห็นมากที่สุดหรอกเหรอ"
"....." เตชินท์เปรยตามองร่างสะบัดสะบอมที่นอนอยู่บนพื้นด้วยสายตาเฉยชาไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธอีกฝ่ายกลับไป
"ถ้าเข้าใจ-" ยังไม่ทันที่เขาจะเอ่ยจบร่างสูงของใครอีกคนก็เดินเข้ามากระชากร่างใต้เท้าของเขาพยุงขึ้นอย่างไม่ฟังทำทักท้วงใดๆทั้งนั้น
"เฮ้ย! เดี๋ยวสิวะ"
"ฉันเองก็มีเรื่องยุ่งยากเพราะหมอนี่เหมือนกันเพราะงั้นอย่ามายั่วให้ฉันต้องอารมณ์เสีย" เขาทิ้งคำพูดสั้นไปก่อนที่จะพาร่างของใครอีกคนฝ่าวงล้อมออกไปอย่างไม่สะทกสะท้าน กายเองก็ไม่ทันตอบสนองกับเรื่องที่เกิดเพราะยังมึนงงกับการกระทำของเตชินท์อยู่ในขณะนั้น พวกเขาเองก็เคยลงแข่งกันอยู่หลายครั้งจนเรียกได้ว่าพอจะรู้นิสัยใจคอของกันอยู่บ้าง ว่ากันตามจริงแล้วถ้าถึงเวลาที่ต้องลงมือจริงๆเขาอาจจะลังเลอยู่บ้างถ้าอีกฝ่ายเป็นหมอนั่น อีกอย่างสาเหตุที่เขากล้าเล่นงานชัชพงษ์ก็เพราะว่าสองคนนั้นเองก็เกลียดกันเข้าไส้อย่างที่ทุกๆคนเขารู้กัน เลยไม่ต้องกังวลว่าจะผิดใจกับเตชินท์เพราะเรื่องนี้ แต่วันนี้การกระทำของอีกฝ่ายกลับต่างจากที่คาดคิดไว้ไปมาก ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้
NCCB:**ขออภัยสำหรับคำผิดที่หลุดไปนะครับจะกลับมาแก้ไขให้ในภายหลัง
>>ขอบคุณสำหรับทุกการกดติดตาม ทุกคอมเมนต์และทุกกำลังใจที่มาให้กันเลยนะครับ<<
ความคิดเห็น