“หลวงตา” วัย 78 ปี เจ้าคณะจังหวัดสุรินทร์ มุมานะเรียนจนจบปริญญาเอก มหาวิทยาลัยมหาจุฬาฯ ย้ำ “ไม่มีใครแก่เกินเรียน”
วันนี้ (21 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระศรีคัมภีรญาณ รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) เปิดเผยว่า จากพิธีประทานปริญญาบัตรแด่พระนิสิตที่จบการศึกษาระดับต่าง ๆ ของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาฯ ประจำปี 2552 จาก สมเด็จพระพุฒาจารย์ ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช โดยมีพระนิสิตอายุมากถึง 78 ปี เรียนจบการศึกษาระดับปริญญาเอก คือ พระธรรมโมลี (ทองอยู่ ญาณวิสุทฺโธ) เจ้าคณะจังหวัดสุรินทร์ ที่จบการศึกษาระดับปริญญาเอก พุทธศาสตรดุษฎีบัณฑิต (พธ.ด.)
รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาฯ กล่าวต่อว่า ช่วงที่อาตมาเป็นคณบดีบัณฑิตวิทยาลัย ได้มีโอกาสสอนพระธรรมโมลี จึงถามถึงเหตุผลที่เข้ามาเรียนต่อในระดับปริญญาเอก พระธรรมโมลีก็ตอบว่า มีแรงบันดาลใจจากการที่เห็นพระรุ่นน้องที่มีความสามารถ เช่น พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ.ปยุตฺโต) เจ้าอาวาสวัดญาณเวศกวัน จ.นครปฐม พระธรรมโกศาจารย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาฯ จึงอยากที่จะมีความรู้ความสามารถบ้าง อีกทั้งยังอยากที่จะเป็นแบบอย่างให้กับพระสงฆ์ทั่วไปที่ยังอายุน้อย ๆ ให้หันมาสนใจการเรียนหนังสือ เพราะเห็นว่า ปัจจุบันพระอายุน้อย ๆ สนใจเรียนหนังสือน้อยลง โดยต้องการแสดงให้เห็นว่า ไม่ว่าจะอายุเท่าไรก็สามารถเรียนได้ และการเรียนหนังสือจะทำให้เกิดแต่ผลดี ทั้งยังจะช่วยให้การทำงานในการปกครองเป็นระบบ ทันกับความก้าวหน้าของโลก
“พระธรรมโมลี ไม่เคยขาดเรียน แม้ในการมาเรียนแต่ละครั้งจะต้องนั่งรถไฟจาก จ.สุรินทร์ เข้ามาเรียนที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาฯ วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ กรุงเทพฯ ในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ ก็ไม่เคยย่อท้อ และสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของพระธรรมโมลีอีกอย่างหนึ่งคือ ในช่วงที่ต้องทำสารนิพนธ์ ซึ่งตามหลักสูตรต้องทำสารนิพนธ์ก่อน 3 ฉบับ จึงจะทำวิทยานิพนธ์ พระธรรมโมลี ทำสารนิพนธ์ไม่ผ่าน 2 ฉบับ ต้องแก้หลายครั้ง แต่ก็มีความพยายามทำจนผ่าน และได้ทำวิทยานิพนธ์ จนสามารถจบการศึกษาระดับปริญญาเอกได้ในที่สุด” พระศรีคัมภีรญาณ กล่าว
ด้าน พระธรรมโมลี กล่าวว่า สิ่งที่ทำให้อยากไปเรียนปริญญาเอกคือ อยากเป็นตัวอย่างให้พระ เณรในจังหวัดได้เห็นว่า การศึกษาเป็นเรื่องที่สำคัญ เพราะปัจจุบันสังคมเจริญเร็วมาก พระเณรต้องมีความรู้ทางโลกควบคู่กับหลักธรรมทางพระพุทธศาสนา เรียกง่าย ๆ ว่า ไปหาเทคนิคเพิ่ม รวมทั้งอยากรู้วิธีการด้วยว่า ปริญญาเอกเขามีวิธีการสอบเข้าอย่างไร เพื่อที่จะไปบอกพระรุ่นใหม่ที่จะเรียนได้ อีกทั้งในจังหวัดไม่มีพระที่จบปริญญาเอก จึงทำให้พระที่จะเรียนปริญญาโทต้องเดินทางไปเรียนในต่างจังหวัด หรือต้องเข้าไปเรียนที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย หากมีพระจบปริญญาเอกที่สุรินทร์ก็จะเปิดสอนปริญญาโทได้ นี่คือเหตุที่ทำให้อยากไปเรียนปริญญาเอก
“แนวทางการเรียนของอาตมา ต้องเดินทางไปเรียนที่วัดมหาธาตุฯ ทุกอาทิตย์ ตลอด 5 ปี วิธีการเรียนก็ใช้สอบถามจากผู้รู้ นักวิชาการ อาจารย์ โดยให้เขาสรุปข้อมูลมาให้ เพราะด้วยอายุที่มากจะจำอะไรทั้งหมดไม่ได้ จึงต้องค่อย ๆ ทบทวนสิ่งที่ผู้รู้ต่าง ๆ สรุปย่อมาให้ หากสงสัยตรงจุดไหนก็สอบถามอาจารย์ สิ่งที่อาตมาจะนำความรู้ที่ได้นี้ไปสอนพระเณรรุ่นต่อไปให้เขาเห็นความสำคัญของการเรียน และการใช้ความรู้ทางวิชาการไปเผยแผ่พระพุทธศาสนา โดยเฉพาะเจ้าอาวาสในจังหวัดสุรินทร์ที่เป็นพระแถบชายแดน ตอนนี้เขาเห็นอาตมาเรียนจบ เขาก็อยากเรียนบ้าง มาเรียนปริญญาตรีมากกว่า 100 รูปแล้ว” เจ้าคณะจังหวัดสุรินทร์ กล่าว
ทั้งนี้ เมื่อปี พ.ศ.2511 พระธรรมโมลี สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี พุทธศาสตรบัณฑิต (พธ.บ.) มหาวิทยาลัยมหาจุฬาฯ ก่อนที่จะเดินทางไปศึกษาต่อ และสำเร็จการศึกษาในระดับปริญญาโท อักษรศาสตรมหาบัณฑิต สาขาสันสฤต ที่มหาวิทยาลัยมัทราส ประเทศอินเดีย ในปี พ.ศ.2517 จากนั้นพระธรรมโมลี ก็ได้รับแต่งตั้งให้มีตำแหน่งเป็นเจ้าอาวาสวัดศาลาลอย ต.ในเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ ใน พ.ศ.2534 เป็นเจ้าคณะจังหวัดสุรินทร์ ใน พ.ศ.2540 ทำให้ไม่ค่อยมีเวลาในการศึกษาต่อ แต่พระธรรมโมลีก็หาเวลาเรียนจนสามารถจบการศึกษาระดับปริญญาเอกได้ ในปี 2552 และถือว่า เป็นพระสงฆ์ที่มีอายุมากที่สุด ที่สามารถเรียนจนจบระดับปริญญาเอกได้.
ที่มา เดลินิวส์ออน์
ความคิดเห็น
ขอบคุณที่เอาข้อมูลดี ๆ มาฝากกันค่ะ
สาธุ!
อ่านแล้วแบบ...สู้ๆค่ะ
อ่านแล้ว....มีกำลังใจฮึดสู้
{สู้ตาย แกทแพทรอบสี่}
ถ้าอยากทราบข้อมูลเพิ่มเติมหรือสงสัยก็เมลมาถามผมได้นะครับ pape_mg@hotmail.com
หรือโทรมาถามได้นะครับ 080-6095976
ตอนนี้ผมได้รับโอกาสแล้วผมก็อยากให้คนไทยได้โอกาสเหมือนผมบ้าง
หากอีเมล์ฉบับนี้เป็นการรบกวนท่าน ขออภัยมานะที่นี้ด้วยครับ