คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #180 : รู้หรือไม่ "ซิป มีประวัติความเป็นมาอย่างไร"
คงไม่มีใครที่ไม่รู้จัก 'ซิป' เพราะใช้กันอยู่ทุกวี่วัน แต่ที่แปลกคือไม่เคยได้ยินใครเรียก 'ซิป' ด้วยคำภาษาไทยหรือพูดถึงความเป็นมาของซิปกันเท่าไรนัก
ซิปมีชื่อเต็มตามภาษาอังกฤษว่า ซิปเปอร์ (Zipper) เรื่องของซิปไม่ขลังด้วยความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ แต่เป็นเรื่องของการใช้ความอดทนอย่างสูงกว่าที่คนทั่วไปจะยอมรับ คือใช้เวลากว่า ๒๐ ปี ในการจูงใจให้คนใช้ ซ้ำแรกเริ่มที่ประดิษฐ์ขึ้นมาก็ไม่ได้สำหรับใช้กับเสื้อผ้า แทนกระดุมอย่างทุกวันนี้ แต่ใช้กับรองเท้าบู๊ต แทนเชือกรองเท้าบู๊ตแสนยาวที่กว่าจะสอดสลับรัดรองเท้าให้เข้ารูปได้ก็กินเวลานานเสียจนน่ารำคาญ
เดือนสิงหาคม ปี ค.ศ. ๑๘๙๓ วิศวกรช่างกลผู้หนึ่งในชิคาโกชื่อ วิตคอมบ์ จั๊ดสัน ได้จดทะเบียนสิ่งประดิษฐ์ที่เขาคิดค้นขึ้นและเรียกว่า 'แคลสพ์-ล็อคเกอร์ (clasp-locker) ในช่วงเวลานั้นไม่มีใครขอจดทะเบียนประดิษฐกรรมทำนองนี้เลยสักคน แคลสพ์-ล็อคเกอร์สองอันแรกของโลกใช้กับรองเท้าบู๊ตของจั๊ดสันและลุยส์วอล์คเกอร์ หุ้นส่วนธุรกิจของเขานั่นเอง
แม้จั๊ดสันจะประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียงจากสิ่งประดิษฐ์นับสิบอย่างของเขาซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเครื่องยนต์และที่ห้ามล้อรถไฟ แต่ของเล็ก ๆ อย่าง 'ซิป' กลับไม่มีใครสนใจ อาจเป็นเพราะสิ่งประดิษฐ์นี้ประกอบด้วยห่วงและตะขอต่อเนื่องกันเป็นแถวดูคล้ายเครื่องทรมานเสียมากกว่าจะเป็นสิ่งประดิษฐ์อันทันสมัยที่ช่วยประหยัดเวลาได้
จั๊ดสันพยายามทำให้คนสนใจสิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้ของเขา โดยนำออกแสดงในงานแสดงสินค้านานาชาติที่ชิคาโก ประจำปี ๑๘๙๓ แต่ผู้เข้าชมงาน ๒๑ ล้านคน กลับสนใจแต่รถไฟฟ้าของเฟอริ ซึ่งนับเป็นรถไฟฟ้าคันแรกของโลก และมัวตื่นเต้นกับระบำอวดพุงที่แสดงในงาน ซิปอันแรกของโลกจึงไร้คนสนใจ
แต่บริษัทยูนิเวอร์ซัล ฟาสเทนเนอร์ของจั๊ดสัน และวอล์คเกอร์ก็ได้รับใบสั่งสินค้าอยู่บ้างเหมือนกัน เป็นถุงไปรษณีย์ติดซิปจำนวน ๒๐ ใบ แต่ซิปเหล่านี้มักจะติดขัดจนต้องเลิกใช้
แม้จั๊ดสันจะพยายามปรับปรุงแก้ไข แต่ผู้ที่ทำสำเร็จกลับเป็นนักประดิษฐ์คนอื่น คือวิศวกรเชื้อสายสวีเดนและอเมริกา ชื่อกิเดียน ซันแบค ในปี ๑๙๑๓ เขาประดิษฐ์ซิปขนาดเล็กกว่า เบากว่า และเชื่อถือได้มากกว่าขึ้นมา ได้รับใบสั่งชื้อใบแรกจากกองทัพอเมริกาเพื่อใช้กับเสื้อผ้าละข้าวของเครื่องใช้ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ ๑
สำหรับคนทั่วไปจะใช้ซิปกับรองเท้าบู๊ต เข็มขัดใส่เงินและซองใส่ยาสูบ จนปี ๑๙๒๐ จึงจะเริ่มใช้กับเสื้อผ้าบ้างแต่ไม่ค่อยเป็นที่นิยมเพราะทำจากเหล็ก สนิมขึ้นง่าย ขณะที่เสื้อผ้าต้องชักบ่อย ๆ นอกจากนี้คนยังคุ้นเคยกับการเอากระดุมใส่รังดุมมากกว่าจะรูดซิป เสื้อผ้าที่ใช้ซิปในสมัยนั้นจึงต้องแถมคู่มือเล็ก ๆ สำหรับการใช้และรักษาซิป
ปี ๑๙๓๒ บริษัท บี เอฟ กู๊ดริช เสนอสินค้าใหม่ คือรองเท้าบู๊ตทำด้วยยางติด 'ซิปไร้ขอ' และเรียกซิปแบบนี้ว่า ซิปเปอร์ซึ่งได้มาจากการเลียนเสียง “ซ...ซ....ซิป” ที่เกิดขึ้นขณะรูดซิปที่รองเท้าบู๊ต เมื่อมีชื่อแปลก ๆ มีความน่าเชื่อถือมากขึ้นและยังไม่เป็นสนิม ซิปจึงเป็นที่นิยมทั่วไป
ซิปเริ่มเข้ามาเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเสื้อผ้าอาภรณ์อย่างเห็นได้ชัดในปลายศตวรรษที่ ๒๐ นี้เอง คือในปี ๑๙๓๕ เอลสา เชีย-ปาเรลลิ นักออกแบบเสื้อผ้าที่มีชื่อเสียงผู้หนึ่งเสนอแบบเสื้อผ้าสำหรับฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งได้มีการผลิตซิปติดกับแถบผ้าโดยมีขนาดและสีสันต่าง ๆ
ปัจจุบันเราใช้ชิปกันอย่างแพร่หลายและกับสิ่งของหลากชนิดแม้กระทั่งชุดนักบินอวกาศก็ใช้ แต่น่าสงสารวิตคอมบ์ จั๊ดสันผู้ริเริ่มประดิษฐ์ซิป เขาเสียชีวิตในปี ๑๙๐๙ ในขณะที่เขาปลงแล้วว่าสิ่งประดิษฐ์ของเขาคงเป็นได้แค่ของตั้งไว้ดูเท่านั้นเอง หารู้ไม่ว่าเดี๋ยวนี้มันได้ร่วมเดินทางไปอวกาศมาแล้ว
“ข้อมูลสนับสนุนจากหนังสือ ๑๐๘ ซองคำถาม / สำนักพิมพ์สารคดี”
Credt www.sanook.com
ภาพประกอบจาก http://www.nsm.or.th/nsm2008/images/zipper.jpg
ความคิดเห็น