คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #188 : รู้หรือไม่ "กระดาษทิชชู มีประวัติความเป็นมายังไง"
กระดาษชำระ สืบประวัติได้ยาว นานไปถึงหลายร้อยปีราวศตวรรษที่ 14 นิยมใช้กันในราชสำนักของจีนเฉพาะเชื้อพระวงศ์เท่านั้น กระทั่งต่อมามีนักธุรกิจชาวอเมริกันชื่อ นายโจเซฟ กาเย็ตตี้ ริเริ่มผลิตกระดาษชำระออกขายครั้งแรกในปีค.ศ.1857 แต่ไม่ได้รับความนิยม เพราะผู้คนส่วนใหญ่ยังนิยมกระดาษเก่าๆ ที่ไม่เสียสตางค์
อีก 20 ปีต่อมานั่นหรอก สองพี่น้องสกุลสก๊อตได้ผลิตกระดาษชำระออกวางขายอีกครั้ง โดยใช้ชื่อ "สก๊อตทิชชู"
ขณะนั้นส้วมชักโครกและห้องน้ำภายในอาคารเริ่มเป็นที่นิยมอย่างกว้างขวาง ทำให้คนใช้กระดาษชำระมากขึ้น เนื่องจากสะดวก อีกทั้งเนื้อนุ่มและยังเข้ากับการตกแต่งห้องส้วมอีกด้วย
จากนั้นเป็นต้นมา ตลาดกระดาษชำระก็เริ่มได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ พร้อมกับวิวัฒนาการที่ค่อยๆ พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากเดิมที่เคยเป็นของใช้ระดับไฮคลาสสำหรับผู้มีอันจะกิน
ปัจจุบันกลายมาเป็นสินค้าที่ใครๆ ก็สามารถหาซื้อได้ทั่วไป
จริงๆ แล้วกระดาษทิชชูมีด้วยกันหลายประเภท แบ่งตามลักษณะการใช้งาน ได้แก่ กระดาษชำระ (toilet tissue) กระดาษเช็ดหน้า (facial tissue) กระดาษเช็ดปาก (napkin) กระดาษเช็ดมือ (hand towel) และกระดาษอเนกประสงค์
แต่ดูเหมือนว่าคนไทยเราจะใช้กระดาษทิชชูไม่ค่อยได้แยกแยะมากนัก และด้วยความที่เราใช้กระดาษชำระไปเสียทุกอย่าง เลยมีคนตั้งข้อสงสัยว่า จริงๆ แล้วมันสะอาดปลอดภัยมากน้อยแค่ไหน?
จากการเก็บตัวอย่างผลิตภัณฑ์กระดาษชำระเกรดเอ เกรดบี จำนวน 24 ตัวอย่างของทีมงานนิตยสารฉลาดซื้อ ส่งเข้าห้องทดสอบของบริษัทห้องปฏิบัติการกลางประเทศไทย จำกัด เพื่อทดสอบหาปริมาณจุลินทรีย์ชนิดก่อโรค ได้แก่ Bacillus cereus, Staphylococcus aureus, Escherichia coli, Salmonella, Yeast and mold และ Total Plate Count หรือการตรวจปริมาณจุลินทรีย์ทั้งหมดที่มีอยู่ในตัวอย่าง
ผลการทดสอบพบว่า ทุกยี่ห้อมีการปนเปื้อนของจุลินทรีย์แต่ในปริมาณน้อย ไม่ก่อให้เกิดโรคภัยใดๆ แต่ก็ถือว่ามี ดังนั้น จึงควรใช้งานกระดาษชำระให้ถูกประเภท
นิสัยที่ชอบเอากระดาษชำระไปเช็ดทุกอย่าง (นอกจากเช็ดก้น) เช็ดหน้า เช็ดมือ เช็ดผลไม้ เช็ดจาน เช็ดช้อน ฯลฯ จึงควรเลิกเสียที เพราะอาจก่อให้เกิดการปนเปื้อนของจุลินทรีย์ในวัตถุหรือพื้วผิวที่เราเอากระดาษชำระไปเช็ดได้
และหากทิ้งไว้เป็นเวลานานเมื่อมีสภาวะที่เหมาะสม เชื้อก็สามารถขยายตัวได้เป็นจำนวนมากๆ ส่งผลเสียต่อสุขภาพได้เช่นกัน
ที่มา หนังสือพิมพ์ข่าวสด
ภาพประกอบจาก http://www.aphonda.co.th/2007/promotion/image/06112007_2/clavvs2.jpg
ความคิดเห็น