ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    TenGuns(ก่อนกาล)

    ลำดับตอนที่ #1 : ก่อนกาล

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 77
      0
      9 มิ.ย. 49

    อ่านก่อนสักนิด

              TenGuns เป็นเรื่องราวผจญภัยในดินแดนประหลาดบนโลกใบเดิม ที่ผมนึกอยากเขียน
    แต่เนื่องจากผมไม่เคยเขียนเรื่องยาวมาก่อน(เรื่องสั้นก็เขียนไว้แค่เรื่องเดียว)
    จึงต้องมีการทดลองอะไรสักเล็กน้อยก่อนเขียนจริง ทั้งสำนวนและ ความต่อเนื่อง
    และแล้ว ...ก็เป็นที่มาของเรื่องนี้ครับ

              โดยเนื้อหาแล้ว เรื่องราวเหล่านี้ล้วนเกี่ยวข้องกับเรื่องหลัก
    แต่โดนน้องติว่าอืดอาดยืดยาด ผมเลยเอามาแยกไว้ต่างหากเป็นตอนนี้นี่เอง

              ดังนั้นหากอ่านแล้ว ยังจับใจความสำคัญอะไรไม่ได้ ก็ถือเป็นเรื่องธรรมดานะคร้าบบ
    (ส่วน เรื่องราวหลักๆนั้น เอ่ออ.... คงอีกนานครับ แหะๆ)

              ถือว่าอ่านผ่านตา เพลินๆละกันนะครับ
              และหากมีจิตเมตตา กรุณา มุทิตา รบกวนคอมเมนท์ไว้ด้วยจะเป็นพระคุณอย่างสูง

    ============================================================================


    คืนนี้ อากาศปลอดโปร่งเย็นสบาย
     
              ทะเลทรายแจ่มกระจ่างด้วยแสงจันทร์เต็มดวงบดบังหมู่ดาวจนจืดจาง ชายหนุ่มร่างใหญ่ผู้หนึ่ง
    เอนหลังบนผืนทรายเย็นยะเยียบ เขานอนกอดอกเอาหมวกปิดหน้า เผยอให้เห็นเพียงเค้าหน้า
    เข้มขรึม กับปากที่เม้มสนิท ชายผู้นี้แต่งกายด้วยโคทยาวสีน้ำตาลตุ่นๆรัดกุม มีเสียงโลหะกระทบ
    กันเบาๆน่าสงสัยมาจากในโคทนั้น และแม้จะอยู่ในอิริยาบถเช่นนี้ เขาก็ยังสวมรองเท้าบูทหนา
    เตอะเอาไว้ เหมือนนายพรานที่ค้างแรมกลางป่าเขา
    .
    .
    .

              "ทศ รู้มั้ย... จริงๆแล้วลูกเกิดมาจากที่ไหน..."

              เสียงอบอุ่นดังขึ้นข้างๆหู เขากำลังนั่งอยู่บนตักแม่ สะอึกสะอื้น เพราะในใจกลัดกลุ้มเรื่องที่จะ
    ไปโรงเรียนครั้งแรก แม่ต้องดึงเขาเข้ามาปลอบ แต่ทศก็ไม่ได้เอาใจใส่ที่แม่พูดมากนัก เอาแต่ส่ายหน้าเบาๆ

              "แม่น่ะเกือบจะไม่ได้เจอลูกแล้วนะ เพราะหมอบอกว่าแม่ตั้งท้องยาก แต่วันหนึ่ง พ่อพาแม่ไปเที่ยว
    ต่างจังหวัด เราก็ได้ยินข่าวว่า มีวัดที่คนเค้าชอบไปขอลูกกัน แม่ก็เลยลองดู...." 

              คราวนี้เขาเงยหน้ามองมารดาอย่างสนอกสนใจ

              "แล้วลูกก็เกิดมา ...พระท่านคงส่งลูกลงมาให้แม่แน่ๆ" แม่ก้มหน้าลงมามองเขาแล้วยิ้ม "ลูกน่ะ
    เป็นเทวดามาเกิดรู้มั้ย...เด็กชายทศพล รู้อย่างนี้แล้ว ยังมีอะไรที่ต้องกลัวอีกหรือจ้ะ...ลูกแม่"

              แม่หัวเราะเบาๆ แล้วยิ้มกว้างขึ้นอีก เด็กน้อยยิ้มตอบทั้งน้ำตา ความไม่มั่นใจจางหายไป
    กลายเป็นความสุขเต็มตื้นเอ่อท้นในอกอย่างประหลาด
    .
    .
    .

              เสียงย่ำทรายเบาๆด้านหลัง ทำให้ชายหนุ่มสะดุ้งเบาๆ นึกแปลกใจที่ตัวเองเผลอหลับไป ทั้งยัง
    ฝันเรื่องที่ไม่เคยฝันถึงมานาน จนถึงวินาทีนี้ คำพูดนั้นทำให้เขามีกำลังใจตลอดมา กระนั้นก็ยัง
    เผลอคิดอยู่บ่อยๆว่า ถ้าแม่รู้จักตัวตนจริงๆของเขา เธอจะผิดหวังหรือเปล่าหนอ คิดพลางยกมือ
    ลูบหน้าอกเบาๆ

              เสียงเดินมาหยุดใกล้ๆ แล้วผู้มาใหม่ก็เปรยขึ้นเบาๆ ข้างหลังอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย 

              "ทศ... แกรู้มั้ย ว่าดวงดาวที่เห็นน่ะเหมือนคนเรายังไง...?"

              ชายหนุ่มผู้มีรูปร่างบางกว่าคนแรก เดินมาหยุดข้างหลัง แววตาคมและใบหน้าบางส่วนซ่อนอยู่
    ใต้แว่นตาและเสื้อคลุมสีดำ ชายผ้าบางส่วนสะบัดเบาๆ ไปกับลมทะเลทราย... เขาเอ่ยต่อเหมือน
    พูดกับตัวเอง เมื่อเห็นทศเงียบไป

              "พวกมัน... ล้วนมีที่อยู่เป็นของตัวเอง มีการจับกลุ่มเพื่อนฝูง มีการรวมตัวเป็นหมู่บ้านอย่างระบบ
    สุริยะ เป็นตำบลอย่างกาแลกซี่ เป็นตำบลอย่างกระจุกดาราจักร พวกมันมีสังคม บ้างดึงดูดกัน บ้าง
    ผลักใส และ ไม่แน่นา ตอนนี้มันอาจซุบซิบนินทามนุษย์อย่างพวกเราอยู่ก็ได้"

              ผู้นอนนิ่งแต่แรก ส่งเสียงขรึมๆ ตอบออกมา

              "....เหรอ...วันนี้แกอ่านหนังสืออะไรมาล่ะ..."

              "อะเดย์..."

              "มีหนังสือให้อ่านก็ดีอยู่หรอกนะ แต่พรุ่งนี้ที่นี่อาจไม่เหลืออะไรเลยก็ได้ ...ฉันว่าสิ่งที่ดาวเหมือน
    กับคนมากที่สุดก็คือ... พวกมันเองก็มีวัฎจักรเหมือนกับคนเรา ...เหมือนทุกๆอย่างในโลกนี้... สักวัน
    ก็ต้องดับสลายไป..."

              "พูดเหมือนกับคนปลงได้งั้นแหละ แต่ฉันรู้ดีว่าแกหมายถึงอะไร"

              "เออ... ศัตรูก็เหมือนดาวนั่นล่ะ ไม่มีอะไรเป็นอมตะ..."

              "นั่นสินะ แต่พวกเราเองก็ครือๆกันน่ะแหละ นึกๆดูก็น่าขำ ทั้งๆที่เราต่อสู้เพื่อมันแท้ๆ ...แต่คง
    ไม่เหลือบ่ากว่าแรง สำหรับ 'หัตถ์มาร'ของแกหรอกน่า..."

              "รีบนอนเถอะ เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว"

              ผู้นอนนิ่งตัดบท น้ำเสียงหงุดหงิด  ทั้งๆที่คิดว่าน่าจะทำใจยอมรับกับความจริงได้แล้ว
    แท้ๆ แต่เมื่อถูกเรียกชื่อนั่น คราวนี้กลับสะกดใจไม่ได้เหมือนทุกที

              ชายหนุ่มในผ้าคลุมดำสนิทขยับแว่น ยักไหล่ แล้วเอนกายลงบนซากกำแพงใกล้ๆกันนั้น 

              ทั้งสองไม่ได้พูดอะไรกันอีก เหมือนต้องการพักผ่อนออมแรงสำหรับวันรุ่งขึ้น

              ยอดอาคารสูง และบ้านเรือนที่เหลือซากจากเหตุการณ์คราวนั้น โผล่พ้นสันทรายระเกะระกะสุดตา
    มองเผินๆเหมือนป้ายหลุมศพ... อากาศเย็นกดทับมากขึ้นจนน้ำค้างเริ่มจับตามแง่งหิน เนินทรายสี
    เงินสลับซับซ้อนทอดตัวไปไกลจนถึงเทือกเขาทะมึนเขียวครึ้มเบื้องหน้า

              บนท้องฟ้า... ดวงจันทร์ดูซีดจางลง ปรากฏมีม่านเรืองแสงยักษ์ถูกลมพัดไสวบนอากาศ 

              ออโรร่าสีรุ้ง เริงระบำดุจมีชีวิต

              คล้ายภาพวาด... คล้ายภาพฝัน... คล้ายมนต์มายา...

    ============================================================================

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×