ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Rebels คนบ้าระห่ำ แหกกฎสวรรค์

    ลำดับตอนที่ #12 : Curse of the dark soul III

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 194
      1
      4 ส.ค. 61

     11

    Curse of the dark soul III

     

    " กรี๊ดดดดดดดดด!!! อดอล์ฟ! ทำไมนายทำแบบนี้ " เสียงกรีดร้องอันโหยหวนของยัยดอลล่าร์เรียกปลุกผมให้ตื่นในเช้าวันนี้ ผมจึงลุกขึ้นด้วยความงัวเงียทันทีเมื่อได้ยินเสียงนี้ จากนั้น...ผมก็พูดขึ้นว่า

     

    " ฉันทำอะไร? "

     

    " ก็นายดันไปขโมยเงินจากสุสานมาตั้งหมื่นล้านเหรียญวิชเชเลียนน่ะสิ นายไม่รู้สึกเดือดร้อนอะไรบ้างเลยหรอ? " เงินนั่นมีค่าตั้งหมื่นล้านเหรียญเชียวหรอ ก็ว่า ทำไมเวลาลากมาถึงรู้สึกหนักๆ

     

    " เดือดร้อน...เรื่องอะไร ็ดรากเนสบอกฉันว่าเธอบอกว่าวันนี้ฉันต้องใช้เงินเยอะเป็นพิเศษไม่ใช่หรอ ฉันก็เลยเอามาเยอะๆ แล้วเธอมีปัญหาอะไรอีก? "

     

    " มีสิ มีแน่ ก็เงินพวกนี้มันเยอะเกินไป แล้วเราจะใช้หมดภายในวันเดียวได้ยังไงล่ะ? "

     

    " เอาน่า เรื่องนี้ฉันจัดการเองได้ " ผมตัดบทก่อนที่จะล้มตัวลงไปนอนอีก แล้วผมก็ไม่ทันจะได้นอน เมื่อมอนสเตลล่ากับเรอัสได้เดินเข้ามาในห้อง แล้วดรากเนสก็เดินเข้ามาสมบท

     

    " อดอล์ฟ แกมากับฉันเดี๋ยวนี้ " ดรากเนสว่าพลางลากแขนผมแล้วเดินนำมอนสเตลล่ากับเรอัสไปที่ไหนสักแห่งในโรงแรมนี้

     

    ครู่ต่อมา...ดรากเนสก็พาผมมาหยุดอยู่ที่บนดาดฟ้าของโรงแรม ซึ่งที่นี่ถือได้ว่าเป็นสถานที่ที่เลวร้ายที่สุดในดินแดนวิชเชล่าแห่งนี้เลยก็ว่าได้ เพราะเราสามารถมองเห็นดินแดนวิชเชล่าทั้งเมืองได้จากบนดาดฟ้านี้

     

    จากนั้น...ผมก็ถูกดรากเนสต้อนให้ไปนั่งเก้าอี้ที่มุมดาดฟ้า และดรากเนสก็นั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆ ผม ครู่ต่อมา...อีกเจ็ดคนที่เหลือก็ได้ตามขึ้นมาสมบทด้วย

     

    " และแล้ว วันสุดท้ายของภารกิจก็ได้มาถึงแล้ว และคืนนี้คุณจะต้องไปทำลายริโซเลโต้เพื่อที่จะนำจิตวิญญาณธาตุสว่างกลับคืนสู่ชาววิชเชเลียนทุกคนให้ได้ " โซเฟจเอ่ยขึ้น มันทำผมรู้สึกหดหู่ทุกครั้งเมื่อได้ยินชื่อของไอ้สัตว์นรกนั่น   

     

    " แล้วไอ้สัตว์นรกนั่นมันอยู่ที่ไหนล่ะ? " ผมถามขึ้น

     

    " ผมเสียใจเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องบอกคุณว่าผมไม่รู้ " โซเฟจว่า ซึ่งคำพูดประโยคนี้ทำให้ผมอยากจะฆ่าไอ้ทูตเวรนี่จริงๆ " แต่ผมคิดว่าเพื่อนของคุณคงจะรู้ข้อมูลบางอย่างที่พอจะใช้ประโยชน์ได้นะ " พอไอ้ทูตเวรโซเฟจพูดจบ เรอัสก็ส่งโทรศัพท์มือถือของเขามาให้ผม บนหน้าจอมือถือของเรอัสปรากฏภาพของหญิงสาวร่างบาง ผมยาว ผู้ซึ่งมีนัยน์ตาสีเงินอันทรงเสน่ห์ และเรือนผมสีชมพูอ่อน เมื่อผมมองแล้ว ผมก็รู้สึกหลงใหลในรูปโฉมอันงดงามของเธอผู้นี้ ทุกส่วนในร่างกายของเธอช่างมีเสน่ห์ดึงดูดอะไรเช่นนี้

     

    " ผู้หญิงคนนี้จะเป็นผู้ช่วยของนายสำหรับคืนนี้ " เรอัสว่า แล้วผมก็ทำหน้าเคลิ้มก่อนที่จะพูดขึ้นมาว่า

     

    " หมายความว่า...เธอจะเป็นผู้ช่วยสนองความต้องการทางเพศของฉันสำหรับคืนนี้ใช่มั้ย? " ผมเอ่ยขึ้น จากนั้นทุกคนก็มองหน้าผมอย่างเอือมๆ นี่ผมทำอะไรผิดล่ะเนี่ย ผมก็พูดตามที่ผมเข้าใจนะ ก็คำพูดของเรอัสมันออกไปในทำนองนั้นเองนี่หว่า

     

    " มันไม่ใช่อย่างนั้นหรอก เพราะผู้หญิงคนนี้จะเป็นกุญแจสำคัญในการบอกที่อยู่ของริโซเลโต้ให้กับนายในคืนนี้ " มอนสเตลล่าพูดขึ้น " เพราะผู้หญิงคนนี้เป็นคนเดียวในดินแดนวิชเชล่าแห่งนี้ที่ยังมีจิตสำนึกดีหลงเหลืออยู่หลังจากที่ริโซเลโต้ได้ดูดจิตวิญญาณธาตุมืดของเธอออกไป และตอนที่เธอถูกดูดจิตวิญญาณฝ่ายมืดไปนั้น เธอก็ยังมีสติอยู่ครบจนทำให้สามารถที่จะจดจำที่อยู่ของริโซเลโต้ได้ "


    " แต่มันไม่ง่ายเลยที่นายจะได้ตัวเธอมา เพราะตอนนี้เธอคนนั้นถูกบังคับให้ขายบริการอยู่ที่ตลาดมืดหลังเมือง ซึ่งมันจะง่ายขึ้นถ้านายสามารถนำเธอออกไปจากตลาดมืดนั้นได้ ซึ่งหมายความว่านายต้องได้เธอมาก่อนถึงจะพาเธอออกไปจากที่นั่นได้ " เรอัสว่า

     

    " หมายความว่า...ฉันต้องได้กับเธอก่อนใช่มั้ย? ได้เลย! คืนนี้เธอคนนั้นจะต้องตกเป็นของฉันอย่างแน่นอน " พอผมพูดจบ คนที่เหลือก็หันมามองหน้าผมอีกครั้ง ผมสาบานได้ว่าผมไม่ได้คิดไปเรื่อยจริงๆ นะ ก็คำพูดของเรอัสมันส่อไปในทางนั้นเองนี่หว่า ผมว่า จริงๆ แล้ว เรอัสมันก็แอบหื่นเหมือนกันนั่นแหละ แต่...ภาพพจน์ของมันเป็นเด็กเรียน ดังนั้น...มันจะต้องวางมาดเคร่งขรึมเอาไว้ตลอดเวลา

     

    " มันไม่ใช่อย่างนั้นหรอก " มอนสเตลล่าว่า " เพราะการที่นายจะสามารถพาเธอคนนั้นออกจากตลาดมืดนั่นมาได้ นายจะต้องใช้เงินในการประมูลตัวเธอคนนั้นมา ซึ่งถ้าใครจ่ายเงินเยอะที่สุด ก็จะได้ตัวเธอคนนั้นไป " พอมอนสเตลล่าพูดจบ ผมก็พยักหน้ารับก่อนที่จะพูดขึ้นมาว่า

     

    " อื่มม์...แค่นี้ใช่มั้ย " พอผมพูดจบเรอัสกับมอนสเตลล่าก็พยักหน้าขึ้นพร้อมกัน " งั้น...ฉันขอให้เงินห้าพันล้านสำหรับคืนนี้ ส่วนอีกห้าพันล้านที่เหลือก็ให้พวกนายเอาไปใช้ทำอะไรก็ได้ เข้าใจ๊? " พอผมพูดจบ ทุกคนก็พูดอะไรไม่ออก พวกเขาคงจะตกใจกับความคิดบ้าๆ ของผมเป็นแน่

     

    " แล้วตอนนี้กี่โมงแล้วล่ะ? " ผมเอ่ยถามขึ้น

     

    " บ่ายโมงเกือบบ่ายสองแล้ว ซึ่งงานประมูลนั่นจะเริ่มตอนสองทุ่มตรงของวันนี้ และผู้หญิงคนนั้นจะเป็นผู้ที่จะถูกประมูลเป็นคนแรก " มอนสเตลล่าว่า

     

    " เหลืออีกตั้งหกชั่วโมงแน่ะ เราจะทำอะไรกันดีล่ะ? " ผมถามขึ้น หลังจากนั้น...ยัยดอลล่าร์ก็สวนตอบขึ้นทันควันว่า

     

    " นายก็แค่ทำให้ตัวเองดูน่าเชื่อถือขึ้นมายังไงล่ะ " พอได้ยินดังนั้น ผมก็ถึงกับทำหน้างงทันที ยัยนั่นพูดถึงเรื่องอะไรกันน่ะ ผมเห็นจะไม่เข้าใจเลยสักนิด

     

    " ดอลล่าร์หมายความว่า นายจะต้องจัดการสร้างประวัติภูมิฐานของตัวเองให้ดูน่าเชื่อถือขึ้นมาเสียก่อน " มอนสเตลล่าว่า " เพราะการที่คนคนหนึ่งจะมีเงินมากถึงห้าพันล้านเหรียญวิชเชล่าได้นั้นจะต้องเป็นคนชั้นสูงที่มีฐานะร่ำรวยมาก ดังนั้น...นายจะต้องสร้างประวัติของตัวเองให้น่าเชื่อถือ และนายจะต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองสำหรับคืนนี้ " ผมถึงกับช็อคเมื่อมอนสเตลล่าพูดจบ ผมก็รู้ได้เลยว่า...คืนนี้ผมจะต้องทำงานหนักมากแน่ๆ

     

    " หมายความว่า...ฉันจะต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองให้กลายเป็นคนชั้นสูง และต้องสร้างประวัติที่น่าเชื่อถือได้ใช่มั้ย? " แล้วมอนสเตลล่าก็พยักหน้าให้ผม เรื่องแบบนั้นผมก็ไม่ถนัดเสียด้วย เอาเป็นว่า ถ้าคิดไม่ออก ก็มั่วขึ้นมาซะเลย

     

    " ขั้นแรก ฉันคิดว่านายตั้งชื่อใหม่ให้ตัวเองเสียก่อน " ยัยดอลลาร์ว่า " ซึ่งชื่อสำหรับคนชั้นสูงนั้นจะประกอบไปด้วยชื่อหลายๆ ชื่อ และนามสกุล ซึ่งถ้านำมาเรียงต่อกันแล้วมันจะเป็นชื่อที่ยาวมาก อย่างเช่นชื่อของฉัน ดีซีดอเรต้า ย่อมาจาก ดอเซ็น ซิติเซ็น ดอเรต้า ฟรานซ์สเตลเดอราสแชร์ " ชื่อยาวๆ ของยัยดอลล่าร์ทำให้ผมรู้สึกปวดหัวเป็นอย่างมาก แต่ผมก็ปวดหัวหนักขึ้นเมื่อผมเริ่มที่จะคิดชื่อใหม่ให้ตัวเอง

     

    " อดอล์ฟ ฉันคิดว่าเธอจำเป็นที่จะต้องมีนามบัตรนะ เขียนชื่อเธอมาสิ แล้วฉันจะทำนามบัตรให้เธอเอง " เบลลาทริกซ์เอ่ยขึ้น แต่ทว่า...ความหวังดีของเธอกลับมาได้ไม่ถูกเวลานัก ตอนนี้ผมยังคิดชื่อไม่ออกเลย 'เอาวะ ในเมื่อคิดไม่ได้ก็มั่วซะเลย' ผมคิดก่อนที่จะเขียนชื่อที่เกิดจากการมั่วสดลงบนกระดาษแผ่นเล็กๆ ที่วางอยู่บนโต๊ะ

     

    "Qazws Xedcrfv Rfvtgbyhn Ujmikolp" ช่างเป็นชื่อที่สง่างามอะไรเช่นนี้ ฮ่าๆ

     

    " ภาษาอะไรของมึงวะ? " ดรากเนสว่าพลางขมวดคิ้ว

     

    " โทษทีว่ะเพื่อน คือว่า...กูมั่ว " พอผมพูดจบ ทุกคนก็ทำหน้าเหมือนกับว่าอยากตายขึ้นมาทันที พวกเขาคงจะรับไม่ได้กับวิธีการเอาตัวรอดบ้าๆ ของผมสินะ

     

    " ฉันขอแนะนำว่าการแก้ปัญหาแบบนี้ไม่ใช่วิธีที่ดีนัก " มอนสเตลล่าว่า " ถ้าหากเธอคนนั้นขอร้องให้นายอ่าน พร้อมกับแปลชื่อของนายให้เธอฟังล่ะ นายจะทำยังไง? "

     

    " ฉันจะบอกเธอไปว่า ชื่อของฉันถูกเขียนด้วยภาษาที่ออกเสียงยาก และฟังยาก มันไม่มีประโยชน์ถ้าฉันจะอ่านชื่อของฉันให้เธอฟัง เพราะยังไงซะ เธอก็ไม่เข้าใจมันอยู่ดี " พอผมพูดจบ ผมก็ได้ยินพวกเขากำลังด่าผมอยู่ในใจว่ากวนตีนแล้วผมก็ไม่เห็นว่ามันจะกวนตีนตรงไหนเลย สมเหตุสมผลดีออก

     

    " แล้วประวัติของนายล่ะ? " มอนสเตลล่าเอ่ยถามขึ้น แล้วผมก็พูดขึ้นมาทันทีโดยที่ไม่หยุดคิดเลยว่า

     

    " อ้างอิงมาจากชื่อของฉัน คือฉันเป็นเศรษฐีที่มาจากต่างแดน เกิดในตระกูลนักธุรกิจชื่อดัง ฉันมาทำธุรกิจที่วิชเชล่าได้สักพักหนึ่งแล้ว เอ่อ...แล้วไงต่อดี? "

     

    " ฉันว่าแค่นี้ก็พอได้แล้วล่ะ " ดรากเนสว่า " ต่อไปแกต้องพยายามโน้มน้าวใจผู้หญิงคนนั้นให้บอกแกถึงที่อยู่ของริโซเลโต้ โดยแกจะใช้วิธีอะไรก็ได้ที่ทำให้ผู้หญิงคนนั้นบอกข้อมูลนั้นแก่แก แต่แกห้ามลวนลามผู้หญิงคนนั้นเด็ดขาด " เฮ้ย! มันรู้ได้ยังไงว่าผมจะลวนลามผู้หญิงคนนั้น หึ...ฉลาดเกินไปแล้วมั้ง ดรากเนส

     

    " เอ่อน่า จริงๆ แล้วไม่ได้จะลวนลามเธอคนนั้นหรอก แค่จะแตะนิดเดียวเอง " พอผมพูดจบ ทุกคนก็ประสานเสียงกันขึ้นว่า

     

    " นิดเดียวก็ไม่ได้ "

     

    " งั้น...ทำเป็นแตะโดยไม่ได้ตั้งใจก็ได้ " จากนั้นมอนสเตลล่าก็ร้องขึ้นมาว่า

     

    " ไม่ได้! ยังไงก็ไม่ได้ทั้งนั้น!!! " อะไรอีกวะเนี่ย นี่นรกส่งยัยนี่มาทำลายความสุขของผมหรอเนี่ย! " เพราะผู้หญิงคนนั้นเป็นคนที่ผ่านเรื่องร้ายๆ มามาก ทำให้เธอเป็นคนที่มีสภาพจิตใจเปราะบางกว่าปกติ นายต้องไม่ทำให้ผู้หญิงคนนั้นตกใจเป็นอันขาด ไม่อย่างนั้น นายอาจจะไม่ได้ข้อมูลจากเธอเลยก็ได้ และทางที่ดีที่สุด นายต้องห้ามลวนลามเธอเป็นอันขาด " เอ่อ...ผมจะลองทนๆ ดู ถ้าทนไม่ไหวเมื่อไหร่ล่ะก็ หึ...เธอเสร็จผมแน่

     

    " โอเค เข้าใจแล้ว ไม่ลวนลามก็ได้ " ผมกัดฟันพูด

     

    " เดี๋ยว! " ยัยดอลล่าร์เอ่ยขึ้น อะไรอีกวะ...ยัยนี่ มึงจะให้กูทำอะไรอีก หา! " นอกจากจะเปลี่ยนชื่อกับประวัติแล้ว นายยังจะต้องเอานิสัยเดิมๆ ของนายออกไปให้หมด เพราะนิสัยเดิมๆ ของนายน่ะ มันเป็นนิสัยของพวกสถุน ดังนั้น...นายจะต้องเรียนรู้ที่จะเป็นคนชั้นสูงให้สมจริงที่สุด "

     

    " เฮ้ย! ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ แค่คืนเดียวเอง เอาอะไรมากวะ "

     

    " เอาเถอะ อดอล์ฟ นายลองฟังดอลล่าร์ดู เผื่อเธอจะมีคำแนะนำดีๆ ให้กับนายยังไงล่ะ "  พอมอนสเตลล่าพูดจบ ผมก็พยักหน้ารับด้วยความเซ็ง

     

    กลายเป็นว่า ตลอดช่วงเวลาที่เหลืออยู่ ผมก็ได้แต่นั่งฟังยัยดอลล่าร์สาธยายเกี่ยวกับว่าการเป็นคนชั้นสูงนั้นจะต้องทำตัวยังไงบ้าง แต่ยิ่งฟังก็ยิ่งเครียดจริงๆ เพราะการที่จะเป็นคนชั้นสูงได้เนี่ยมันยากจริงๆ มันต้องทำนั่นทำนี่ อะไรก็ไม่รู้เยอะแยะ ขี้เกียจฟัง ขี้เกียจจำด้วย ไม่รู้จะจำให้หนักหัวไปทำไม เดี๋ยวพอถึงเวลาผมก็ทำได้เองแหละ สัญชาตญาณของการเป็นเทพบอกผมไว้อย่างนั้นแล้ว

     

    " กรี๊ดดดดดดด! ไอ้บ้า นายตื่นเดี๋ยวนี้นะ " เสียงกรีดร้องแหลมสูงของยัยดอลล่าร์เรียกปลุกผมขึ้น ผมจึงงัวเงียตื่นพลางมองไปรอบๆ "ทำไมมันมืดเร็วอย่างนี้วะ?" ผมคิดก่อนที่จะเอานาฬิกาขึ้นมาดูแล้วพบว่า ตอนนี้เป็นเวลาหนึ่งทุ่มครึ่งแล้ว นี่ผมเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วเนี่ย!?!

     

    " นายรู้ตัวมั้ยว่านายหลับไปตั้งแต่ห้านาทีแรกที่ฉันเริ่มพูดแล้ว "

     

    " หรอ? ฉันไม่รู้ว่ะ " ผมพูดพลางสั่นหัวไล่ความงัวเงียออกไป

     

    " อีกครึ่งชั่วโมงเวลานั้นก็จะมาถึงแล้วนะ นายไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยหรอ? "

     

    " ก็ไม่ได้บอกว่าไม่รู้สึกอะไรนี่ เธอว่าไปเองทั้งนั้นน่ะ " พอผมพูดจบ ยัยดอลล่าร์ก็กรีดร้องออกมาอย่างหัวเสียก่อนที่จะพูดขึ้นมาว่า

     

    " นี่! นายไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น รีบตามฉันมาเดี๋ยวนี้ " พอยัยนั่นพูดจบ มันก็สะบัดตูดแล้วเดินออกไป แล้วผมก็ต้องเดินตามยัยนั่นไปอย่างไม่มีทางเลือก

     

    ครู่ต่อมา...ยัยดอลล่าร์ก็นำผมมาหยุดอยู่หน้าห้องพัก ยัยนั่นบอกให้ผมรออยู่ข้างนอก แล้วเธอก็เข้าไปในห้องเพื่อที่จะไปเอาของบางอย่างออกมา ต่อมา...ยัยดอลล่าร์ก็โผล่หัวออกมาพร้อมกับชุดสูทสีดำในมือ อย่าบอกนะว่าจะให้ผมใส่ชุดนั่นน่ะ เพราะมันไม่คู่ควรกับผมอย่างยิ่ง

     

    " ใส่นี่ซะ นี่เป็นเสื้อสูทของญาติฉัน เผอิญว่าฉันรู้ว่ามันต้องได้ใช้แน่ๆ ฉันจึงหยิบมาด้วย " พอดอลล่าร์พูดจบ ผมก็มองหน้ายัยนั่นด้วยสายตาไม่พอใจ แต่ก็ต้องรับชุดสูทนั่นมาอย่างไม่ค่อยเต็มใจนักเมื่อเห็นว่าเวลาเหลือน้อยเต็มทีแล้ว " นายสามารถเอาสูทนี้ไปเปื้อนเลือดที่ไหนก็ได้นะ เพราะสูทนี้ราคาไม่แพง แค่ยี่สิบล้านเหรียญเอง " ไม่แพงบ้าอะไรวะ โคตรแพงฉิบหาย

     

     " ขอบใจ " ผมว่าก่อนที่จะวิ่งไปเปลี่ยนชุดที่ห้องแต่งตัวซึ่งอยู่ตรงชั้นสองทางซ้ายของโรงแรม

     

    พอผมเริ่มที่จะใส่ชุดสูทราคาแพงนี่ ผมก็รู้เลยว่าชุดสูทนี่มันแพงเฉยๆ แต่ไม่คุณภาพ กางเกงนี่ก็ฟิตฉิบหาย ฟิตจนพอใส่แล้วโคตรจะรัด...เลยว่ะ แล้วเสื้อตัวในที่ก็แมร่ง...จะแหวกหาอะไรนักหนาวะ แหวกจนจะเห็นหัวนมอยู่แล้ว แถมยังมีเสื้อขนหมี(?)นี่อีก ร้อนจะตายห่าอยู่แล้ว ยังจะเอามาให้ใส่อีก ไม่รู้ว่ายัยนั่นคิดอะไรอยู่นะ

     

    จากนั้น...ผมก็สั่นหัวไล่ความอคติทั้งหมดที่มีต่อชุดสูทเวรๆ นี่ออกไปก่อนที่จะรีบวิ่งออกจากห้องแต่งตัวนั้นไปเพื่อมุ่งหน้าไปยังที่หน้าห้องพัก ซึ่งที่นั่นเพื่อนของผมทั้งแปดคนได้ยืนรออยู่ที่นั่น

     

    " อดอล์ฟ ฉันขอให้นายโชคดีนะ คืนนี้เป็นคืนที่สำคัญที่สุดของนาย ขอให้นายทำให้ดีที่สุด เพราะพวกเราอาจจะไม่ได้อยู่ให้กำลังใจนายในคืนนี้" มอนสเตลล่าเอ่ยขึ้น ผมก็ไม่เข้าใจว่ามอนสเตลล่าหมายความว่ายังไง แต่ผมก็พอจะรู้แล้วว่าจะต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นถ้าหากผมทำภารกิจในคืนนี้ไม่สำเร็จ เมื่อ...

     

    โครม!!!

     

    ร่างของพวกเขาทั้งแปดคนต่างล้มลงไปนอนกับพื้นทีละคนจนครบทั้งแปดคน ผมจึงเดินเข้าไปแตะผิวกาย พร้อมทั้งจับชีพจรของพวกเขา ผมจึงรู้ได้ว่าวิญญาณได้ออกจากร่างของพวกเขาไปแล้ว

     

    ด้วยความตกใจ ผมจึงเอานาฬิกาขึ้นมาดูพบว่า เฮือก! ตอนนี้สองทุ่มแล้ว!!!

     

    ตอนนี้ผมแทบเป็นบ้าจนควบคุมสติตัวเองไว้ไม่ได้ ร่างกายของผมสั่นไปด้วยความเลือดร้อน แล้วผมจึงรีบวิ่งออกไปให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตอนนี้ภาระอันหนักอึ้งกำลังรอผมอยู่ข้างหน้าแล้ว คืนนี้ผมจะต่อสู้กับความตายจนถึงที่สุด ผมต้องไม่ยอมให้พวกเพื่อนๆ ของผมจบชีวิตภายในคืนนี้เป็นแน่

     

    และความบ้าระห่ำทั้งหมดของตัวเองก็เป็นผล เมื่อผมพบว่าตัวเองได้วิ่งมาถึงหน้าตลาดมืดภายในเวลาเพียงแค่ห้านาทีเท่านั้น 'แต่เวลาเพียงแค่ห้านาทีก็อาจจะสายเกินไป' ผมคิดก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้องมืดๆ ซึ่งเป็นสถานที่ประมูลหญิงขายบริการ

     

    ภายในห้องนั้น มีเก้าอี้วางไว้สองสามแถวสำหรับผู้ประมูล และบนเวทีก็มีผู้ดำเนินงานที่กำลังประกาศอยู่บนแท่นประกาศ และข้างๆ กับผู้ดำเนินงานนั้น ก็มีหญิงสาวคนหนึ่งยืนยิ้มให้ผู้ประมูลด้วยความมั่นใจ ซึ่งผู้หญิงคนนั้นมีนัยน์ตาสีเทาอันทรงเสน่ห์ และมีเรือนผมสีชมพู นั่นมันผู้หญิงคนนั้นนี่!

     

    " เอาล่ะคะ ราคาประมูลสูงสุดตอนนี้อยู่ที่ห้าล้านเหรียญวิชเชล่านะคะ มีใครจะให้มากกว่านี้มั้ยคะ? ห้าล้านเหรียญครั้งที่หนึ่ง...ห้าล้านเหรียญครั้งที่สอง...ห้าล้านเหรียญครั้งที่ส่ะ--- "

     

    " ห้าร้อยล้านเหรียญวิชเชล่า! " ผมตะโกนออกไปเพราะไม่มีทางเลือกจริงๆ หวังว่าคงจะไม่มีใครประมูลในราคาที่สูงกว่านี้แล้วนะ

     

    " โอ้โห! นั่นเป็นราคาประมูลที่สูงที่สุดตั้งแต่ที่เคยมีมาเลยล่ะคะ มีใครจะให้มากกว่านี้มั้ยคะ? ห้าร้อยล้านเหรียญครั้งที่หนึ่ง...ห้าร้อยล้านเหรียญครั้งที่สอง...ห้าร้อยล้านเหรียญครั้งที่สาม ยินดีด้วยค่ะ! นางฟ้าแห่งวิชเชล่าได้ตกเป็นของคุณในค่ำคืนนี้ค่ะ " พอผู้ดำเนินงานพูดจบ ผมก็ยิ้มให้กับความสำเร็จของตัวเองก่อนที่จะก้าวขึ้นไปบนเวทีอย่างสง่าเพื่อที่จะไปเซ็นชื่อ และจ่ายเงินให้กับผู้ดำเนินงาน และจับมือผู้หญิงคนนั้นเดินลงมาจากเวทีท่ามกลางสายตามั่นไส้ของเหล่าผู้ประมูล

     

    " ไอ้นี่เป็นใครวะ ขนาดกูเป็นลูกค้าประจำของที่นี่ กูยังไม่เคยเห็นหน้ามันเลย "

     

    " ฮึ่ม...ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น นี่กูเป็นมือประมูลอันดับหนึ่งของเมืองนะเว๊ย ไปประมูลที่ไหนกูก็ชนะทุกที แล้วอยู่ดีๆ ไอ้นี่ก็โผล่มาจากที่ไหนก็ไม่รู้ แถมยังชนะการประมูลด้วยราคาประมูลสูงสุดอีกต่างหาก แบบนี้มันได้ที่ไหนกัน! "

     

    " มึงยอมเขาเถอะ ก็เขารวยนี่ ยุคเนี่ย ใครมีเงินเยอะก็ได้เปรียบทั้งนั้น "

     

    " เอ่อ...ใช่ ดูเสื้อผ้าที่ไอ้นั่นใส่สิ พอมาเทียบกับเสื้อผ้าเรา เสื้อผ้าเรากลายเป็นเศษผ้าขี้ริ้วไปเลย "

     

     

    พอผมได้ยินคำวิจารณ์ของผู้ประมูลพวกนั้น มันก็ยิ่งทำให้ความบ้าของผมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ผมจึงเดินโอบไหล่ผู้หญิงคนนั้นออกไปพลางส่งสายตาเหยียดหยามพร้อมกับยิ้มเยาะเย้ยให้พวกมัน แมร่ง...สะใจว่ะ!!!

     

    ตอนนี้เป็นเวลาสองทุ่มครึ่ง ผมพาผู้หญิงคนนั้นเข้าโรงแรมหรูแห่งหนึ่งของวิชเชล่า ซึ่งค่าห้องพักที่นี่ก็แพงฉิบหาย ตั้งล้านห้าเหรียญต่อคืนแน่ะ แต่จ่ายแพงมันก็คุ้มอยู่นะ เพราะห้องพักที่นี่คุณภาพดีมากๆ ห้องกว้างมาก แถมเตียงใหญ่มากอีกด้วย

     

    ผมพาผู้หญิงคนนั้นไปนั่งที่ปลายเตียงซึ่งเธอก็ไม่มีท่าทีขัดขืนอะไร แต่เธอกลับก้มหน้าตลอดเวลา ซึ่งพอผมมองไปที่หน้าของเธอแล้ว ผมก็มองเห็นความเศร้าในนัยน์ตาของเธอได้อย่างชัดเจน ผมจึงจับหน้าของเธอให้เงยขึ้นมามองหน้าผม และในตอนนั้น...น้ำตาของเธอก็ได้ไหลออกมาอาบแก้ม แล้วเธอก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือว่า

     

    " อย่าทำอะไรฉันเลยนะ " พอเธอพูดจบ ผมก็อดขำในความไร้เดียงสาของเธอคนนี้ไม่ได้ นี่เธอมาขอร้องผมทำไม ผมดูเหมือนโรคจิตมากขนาดนั้นเลยหรอ เพราะผมรู้สึกสงสารเธอ ผมจึงยิ้มให้เธอก่อนที่จะพูดขึ้นมาว่า

     

    " ไม่ต้องกลัวนะ ผมไม่ทำอะไรคุณหรอก ไม่คิดเลยว่า ชาตินี้ผมจะได้มาพูดอะไรแบบนี้ เพราะตั้งแต่ผมเกิดมา เมื่อผมเห็นว่ามีผู้หญิงคนไหนเซ็กซี่น่าอึ๊บ ผมก็มักจะไม่รอช้า รีบพุ่งเข้าไป...เธอทันที รับรองว่าเมื่อผมรู้สึกมีอารมณ์กับผู้หญิงคนไหนแล้ว ผู้หญิงคนนั้นต้องเสร็จผมทุกราย แต่ทำไมผู้หญิงคนนี้ผมถึงกลับปล่อยให้รอดไปง่ายๆ ได้นะ ในเมื่อเธอออกจะสวย และเซ็กซี่กว่าผู้หญิงคนอื่นๆ ที่ผมเคยเจอมาตั้งเยอะ แถมยิ่งเธอใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้นแบบนี้ ยิ่งเสี่ยงต่อการถูก...อย่างยิ่ง เห็นแล้วทรมานใจฉิบหายเลยว่ะ

     

    แต่มันก็ได้ผล เมื่อเธอหันมายิ้มให้ผมก่อนที่จะเช็ดน้ำตาออกจนหมด เมื่อเห็นว่าเธอรู้สึกดีขึ้นแล้ว ผมจึงทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ เธอทันที เมื่อเห็นว่าเธอกำลังตัวสั่นด้วยความหนาวเพราะเครื่องปรับอากาศ ผมจึงถอดเสื้อขนหมี(?)ตัวนอกออกก่อนที่จะส่งไปให้เธอแล้วพูดว่า

     

    " อ่ะ...ใส่นี่ซะนะ อากาศหนาวแบบนี้ ถ้าใส่เสื้อผ้าน้อยชิ้นแบบนี้จะทำให้ไม่สบายเอาได้นะ " พอผมพูดเสร็จ เธอก็รีบรับเสื้อขนหมี(?)นั้นมาใส่ เอ่อ...ใส่ก็ดีแล้ว ผมจะได้ไม่ต้องทรมานใจกับความเซ็กซี่ของเธออีก

     

    " ขอบคุณมากนะคะ คุณช่างเป็นคนดีจริงๆ ไม่เหมือนลูกค้าคนอื่นๆ ที่ฉันเคยเจอมา " เธอว่า " ขนาดคุณยอมจ่ายเงินเพื่อฉันตั้งห้าร้อยล้านเหรียญ คุณยังไม่ทำอะไรฉันเลยสักนิด "

     

    " เพราะผมคิดว่าคุณคงไม่เต็มใจที่จะร่วมเพศกับผมหรอกครับ ผมถึงไม่ทำอะไรคุณ แล้วอีกอย่างผมก็ไม่ชอบที่จะบังคับคนอื่นด้วย " พอผมพูดจบ เธอคนนั้นก็ยิ้ม นัยน์ตาของเธอเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง แล้วเธอก็พูดขึ้นมาว่า

     

    " ถ้าทุกคนในวิชเชล่าแห่งนี้เป็นแบบคุณก็คงจะดีสิคะ ประชาชนทุกคนจะได้อยู่กันอย่างมีความสุข " เธอช่างเป็นชาววิชเชเลียนที่นิสัยดีที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมา ตอนนี้ผมชักจะหลงไหลในความไร้เดียงสาของเธอเสียแล้วสิ

     

    " ท่าทางคุณจะรวยมากนะคะ "

     

    " ครับ " ผมว่าแล้วหยิบนามบัตรของผมส่งให้เธอ แล้วผมก็เริ่มที่จะเล่าเกี่ยวกับประวัติจอมปลอมของผมให้เธอฟัง และดูเหมือนว่าเธอจะเชื่อผมเสียสนิทเสียด้วยสิ

     

    " แล้วทายาทเศรษฐีตระกูลนักธุรกิจชื่อดังอย่างคุณมาทำอะไรที่วิชเชเลียนแห่งนี้ละคะ? "

     

    " คือ...ผมมาทำธุรกิจอยู่ที่นี่ได้สักพักแล้วล่ะครับ แต่พออยู่ไปเรื่อยๆ ผมก็ชักสนใจเมืองนี้ขึ้นมาจริงๆ แล้วล่ะสิ " เอาล่ะ...ผมจะเริ่มเข้าสู่แผนการแล้วนะ " คุณช่วยบอกผมได้มั้ยว่าเกิดอะไรขึ้นกับเมืองนี้หรอ? "

     

    " คือว่า...สิ่งที่เกิดขึ้นกับเมืองนี้มันเป็นเรื่องที่เลวร้ายมากเกินกว่าจะรับได้ และเรื่องเลวร้ายเหล่านั้นก็เกิดขึ้นมากว่าพันปีแล้ว คือว่า...ประชาชนทุกคนของที่นี่ถูกสัตว์ประหลาดฝ่ายมืดที่ชื่อว่าริโซเลโต้ดูดจิตวิญญาณธาตุสว่างไป ทำให้ประชาชนทุกคนที่นี่เหลือแต่จิตวิญญาณธาตุมืดเท่านั้น ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่เมื่อถูกดูดจิตวิญญาณธาตุสว่างไปแล้ว ก็จะพากันทำบาป และฆ่าผู้บริสุทธิ์ที่หลงเหลืออยู่ให้หมดไปจากวิชเชล่าแห่งนี้ "

     

    " คุณคือผู้บริสุทธิ์เพียงคนเดียวที่ยังหลงเหลืออยู่ในเมืองนี้ใช่มั้ยครับ? " เฮ้ย! ซวยแล้ว นี่ผมเผลอพูดอะไรออกไปเนี่ย

     

    " คุณรู้ได้ยังไงคะ? " เมื่อได้ยินดังนั้น ผมก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี ผมจึงยิ้มให้เธอก่อนที่จะพูดขึ้นมาว่า

     

    " เอาเป็นว่าผมรู้ก็แล้วกันครับ " เนื่องจากว่าตอนนี้เหลือเวลาเพียงแค่สองชั่วโมงครึ่งเท่านั้น ทำให้ผมรู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก และผมจึงได้ตัดสินใจที่จะพูดบางอย่างออกไป ซึ่งมันเป็นคำพูดที่สิ้นคิดที่สุดเท่าที่ผมเคยพูดมา " ช่วยเล่าเรื่องของคุณให้ผมฟังได้มั้ยครับ? " แล้วเธอก็พยักหน้ารับช้าๆ ก่อนที่จะเริ่มเล่าเรื่องของเธอให้ผมฟัง

     

    " ฉันถูกริโซเลโต้ดูดจิตวิญญาณธาตุสว่างไปเมื่อตอนที่ฉันอายุห้าขวบ ซึ่งในตอนนั้นฉันพยายามที่จะใช้แรงทั้งหมดต่อต้านอำนาจมืดของเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนั้นเพื่อไม่ให้ฉันสูญเสียจิตวิญญาณธาตุสว่างไป แต่ด้วยความดื้อดึงของฉันเอง ทำให้ฉันต้องสูญเสียพ่ออันเป็นที่รักไป และต้องพรากจากแม่ของฉันตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา และตั้งแต่วินาทีที่ฉันต้องสูญเสียจิตวิญญาณธาตุสว่างไป ก็มักจะมีเรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นกับฉันเสมอ เพราะต่อจากนั้นเป็นต้นมา...สภาพบ้านเมืองก็เริ่มเปลี่ยนไป มองไปทางไหนก็เจอแต่คนบาปกับอารยธรรมเสื่อมๆ ตั้งแต่ตอนนั้น...ฉันก็ไม่เคยมีความสุขเลย แต่...จะให้ฉันทำยังไงได้ล่ะ ในเมื่อฉันก็ทำอะไรไม่ได้เลย " พอพูดจบ เธอก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นเป็นการใหญ่

     

    ไม่รู้เป็นเพราะว่าผมอยากปลอบเธอหรืออยากลวนลามเธอทางอ้อมกันแน่ถึงทำให้ผมตัดสินใจดึงเธอมาซบอกแล้วลูบหัวเธอเบาๆ

     

    " ไม่เป็นไรนะ ผมเชื่อว่าพรุ่งนี้มันคงจะดีขึ้นมาเอง "

     

    " ฉันเกรงว่ามันคงจะไม่เป็นอย่างนั้นหรอกนะคะ เพราะฉันอธิษฐานขอให้เจ้าสัตว์ประหลาดกับคำสาปนั่นหายไปจากเมืองนี้มาตลอดทั้งชีวิตแล้ว และคำอธิษฐานของฉันก็ไม่เคยจะเป็นจริงเลยสักครั้ง " พอเธอพูดจบ ผมก็รีบผละออกจากเธอทันที เพราะหน้าอกไซส์บิ๊กบึ้มของเธอได้ทิ่มอกของผมจนทำให้ผมเกือบหายใจไม่ออกแล้ว

     

    " บางทีผมอาจจะช่วยคุณได้นะครับถ้าคุณบอกผมมาว่าเจ้าสัตว์ประหลาดที่ชื่อริโซเลโต้นั่นอยู่ที่ไหน " พอผมพูดจบ เธอก็มองหน้าผมด้วยสีหน้าอึ้งปนงงก่อนที่พูดขึ้นมาว่า

     

    " คุณจะช่วยฉันได้ยังไงคะ ในเมื่อคุณไม่ใช่The soul hunterสักหน่อย " พอเธอพูดจบ ผมก็ไปยืนต่อหน้าเธอก่อนที่จะกลายร่างเป็นThe soul hunterให้ดูก่อนที่จะกลับคืนสู่ร่างเดิม ผมจึงยิ้มให้เธอก่อนที่จะพูดขึ้นว่า

     

    " ผมนี่แหละThe soul hunter ซึ่งThe soul hunterคนนี้จำเป็นที่จะต้องทำภารกิจของเขาให้เสร็จภายในเที่ยงคืน และตอนนี้ก็เหลือเวลาเพียงแค่หนึ่งชั่วโมงกว่าเท่านั้น มันจะเป็นผลดีต่อตัวคุณเอง และประชาชนทั้งเมืองถ้าคุณบอกข้อมูลนั้นให้กับผมเดี๋ยวนี้ "

     

    " ริโซเลโต้อาศัยในอยู่ปราสาทมืดหลังหุบเขาเอสโกเน่ค่ะ " เมื่อได้ยินดังนั้นผมจึงรีบเร่งฝีเท้าเพื่อที่จะไปที่ปราสาทมืดนั้นให้เร็วที่สุด

     

    ในอีกสิบห้านาทีต่อมา ผมได้มาหยุดอยู่หน้าสถานที่พิลึกพิลั่นที่ถูกลายล้อมด้วยเหล่าต้นไม้มีพิษกิ่งสีแดงเลือด ซึ่งกิ่งของต้นไม้มีพิษเหล่านี้พากันสั่นไหวไปมาจนทำให้ผมเห็นเพียงแค่ยอดของปราสาทมืดเท่านั้น

     

    ขณะนี้ เวลาได้ล่วงเลยไปจนถึงสี่ทุ่มกว่าแล้ว ผมที่อยู่ในร่างของThe soul hunterที่ถือดาบเล่มหนาสีเงินประกายแดงกำลังเร่งฝีเท้าเพื่อที่จะเข้าไปในเขตุสถานที่อันตรายที่อยู่ตรงหน้า ซึ่งการเข้าไปที่นั่นเป็นเรื่องที่ยากลำบากอย่างยิ่ง ผมพยายามที่จะต่อต้านกับกิ่งของต้นไม้มีพิษที่ค่อยเอนมาทำให้ผมถึงฆาตเสมอด้วยดาบสีเงินประกายแดงที่ถืออยู่ในมือ

     

    พอผมจัดการกับกิ่งของต้นไม้มีพิษเหล่านั้นได้แล้ว ผมจึงเดินลึกเข้าไปเรื่อยๆ จนผมเดินมาพบกับปราสาทมืดที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้า มีบันไดชันๆ วนรอบนอกของปราสาทขึ้นไปจนถึงดาดฟ้าของปราสาท และเมื่อผมตัดสินใจที่จะเดินขึ้นไปตามทางบันไดนั้น ผมก็พบว่า การที่จะก้าวขึ้นไปบนบันไดแต่ละขั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย เพราะบันไดนี้ถูกสร้างมานานแล้ว ทำให้บันไดแต่ละขั้นเกิดรอยร้าวบ้าง แตกหักบ้าง หรือบางขั้นก็หายไป ถ้าคุณไม่มีสติเวลาที่ขึ้นบันไดนี้ คุณก็อาจตกลงไปข้างล่างได้ และอาจถึงฆาตได้ในที่สุด

     

    ผมรีบก้าวฝีเท้าให้เร็วที่สุดในการขึ้นบันไดโดยที่ผมไม่มองไปที่ขั้นบันไดเลย แต่ผมจะวิ่งข้ามผ่านมันโดยใช้สัญชาตญาณของตัวเอง

     

    อีกห้านาทีต่อมา ผมก็มาถึงบนดาดฟ้าของปราสาทมืด ผมเดินเข้าไปเรื่อยๆ จนพบกับสัตว์ประหลาดร่างยักษ์ที่สูงเกือบสองเมตร ผิวขาวซีดของมันเผยให้เห็นเส้นประสาทสีม่วงได้อย่างชัดเจน เจ้าสัตว์ประหลาดนี้มีดวงตาโปนสีม่วงแดง และมันก็ได้ขู่คำรามด้วยเสียงแหบห้าวเผยให้เห็นฟันแหลมๆ และลิ้นไก่ของมันเมื่อผมเดินเข้าไปใกล้มัน และเจ้าสัตว์ประหลาดนี่ก็คือริโซเลโต้ สัตว์นรกที่ผมต้องฆ่ามันให้ได้ภายในคืนนี้

     

    แต่มันก็ไม่ง่ายเลย เมื่อเจ้าสัตว์นรกนี่กลับเป็นฝ่ายจู่โจมผมก่อน ริโซเลโต้วิ่งเข้ามาต้อนผม จากนั้นมันก็ขวิดผมจนล้มลงก่อนที่มันจะกระโจนเข้าทับร่างผม มันขู่คำรามอีกครั้งก่อนที่จะใช้อุ้มมือหนาๆ ที่มีเล็บแหลมๆ กรีดเข้าที่คอผมจนเลือดไหลไม่ยอมหยุด ความเจ็บปวดนั้นได้แพร่เข้าทั้งร่างจนทำให้ผมขยับไปไหนไม่ได้ ผมจึงนอนแน่นิ่งอยู่อย่างนั้นอยู่นาน

     

    จนเวลาได้ดำเนินมาเรื่อยๆ อย่างรวดเร็ว จนทำให้ในตอนนี้เหลือเวลาอยู่เพียงแค่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเท่านั้น ผมจึงใช้แรงที่เหลืออยู่เพียงเล็กน้อยพยายามยกร่างของอสุรกายร่างยักษ์ที่นอนทับร่างของผมอยู่ออกไป ผมจึงผลักร่างของริโซเลโต้ให้นอนแพร่หลาอยู่บนพื้นก่อนที่จะหยิบดาบขึ้นมาแทงเข้าที่ดวงตาโปนโตสีม่วงแดงของมัน แต่มันไม่ง่ายอย่างนั้น เมื่อ...

     

    เคว้ง!!!

     

    เจ้าสัตว์นรกนั่นเหวี่ยงดาบของผมให้อยู่ห่างจากที่ที่เราอยู่ก่อนที่จะใช้หางที่เต็มไปด้วยหนามของมันรัดคอผมจนทำให้ผมล้มลงมาทับร่างของมัน แล้วผมก็ใช้มือทั้งสองข้างบีบคอมันก่อนที่จะใช้เล็บแหลมๆ กรีดหนังคอมันจนทำให้ริโซเลโต้ดิ้นอยู่กับพื้นด้วยความทุรนทุรายก่อนที่จะร้องคำรามด้วยความเจ็บปวด ระหว่างนั้น ผมพยายามใช้มือข้างหนึ่งเอื้อมไปหยิบดาบที่อยู่ข้างๆ ก่อนที่จะแทงเข้าไปที่ดวงตาโปนสีม่วงแดงของมัน

     

    " กีซซซซซซซซซซซซซซ!!! " เจ้าสัตว์นรกนั่นร้องคำรามเสียงดัง เลือดสีดำของมันได้พุ่งออกมาจากดวงตานั้น และได้ไหลเป็นแนวยาว ริโซเลโต้ดิ้นอย่างทุรนทุรายจนกระทั่งมันได้แน่นิ่งไปในที่สุด  

     

    เมื่อแน่ใจว่าเจ้าสัตว์นรกนี่ได้ตายไปแล้ว ผมจึงรีบดึงดาบออกจากตาข้างซ้ายของริโซเลโต้ทันที และหางหนามของมันที่รัดคอผมอยู่ก็ค่อยๆ คลายออกไปจนเคลื่อนไปวางอยู่กับพื้นในที่สุด

     

    ในเวลาต่อมา...ผมจึงลุกขึ้นแล้วมองไปที่ร่างของสัตว์นรกที่แน่นิ่งไปแล้ว ทันใดนั้น...ก็มีแสงสีขาวปรากฏขึ้นรอบตัวของมัน ริโซเลโต้เปิดปากขึ้น และแสงสีขาวก็ได้พุ่งออกจากปากของมัน แสงสีขาวนั้นได้ลอยออกไป และกระจายไปทั่วเมือง มันคือจิตวิญญาณธาตุสว่างนั่นเอง

     

    ในเวลานั้นผมจึงหยิบนาฬิกาขึ้นมาดูพบว่าตอนนี้เป็นเวลาห้าทุ่มห้าสิบห้า สำเร็จแล้ว! ผมคิดพลางยิ้มให้กับความสำเร็จของตัวเอง ก่อนที่จะกลับคืนสู่ร่างเดิม และก้าวออกไปอย่างผู้ชนะ

     

    ตลอดเส้นทางที่ผมเดินมา ผมก็ได้ยินเสียงของชาวบ้านแถวนั้นโห่ร้องด้วยความยินดี บางคนดีใจมากถึงกับกอดกันร้องไห้ราวกับไม่ได้เจอกันมานาน พวกเขาทั้งหมดต่างร้องสรรเสริญพระเจ้าอย่างไม่หยุดปาก ซึ่งมันก็ทำให้ผมดีใจที่สามารถทำให้ดินแดนวิชเชล่าแห่งนี้กลับคืนสู่สภาพเดิมได้

     

    ตอนนี้..ผมตัดสินใจที่จะมุ่งหน้าไปยังห้องพักในโรงแรมหรู ที่ซึ่งผู้หญิงคนนั้นกำลังนั่งอธิษฐานอยู่ที่มุมห้องอย่างมีความหวัง และทันทีที่ผมเปิดประตูเข้าไป เธอก็วิ่งเข้ามาหาผมพร้อมกับเอ่ยถามขึ้นว่า

     

    " เรียบร้อยมั้ยคะ? " แล้วผมก็พยักหน้ารับ " ฉันรู้ว่าคุณต้องทำได้ " จากนั้น...เธอก็โผลเข้ากอดผมโดยที่ผมยังไม่ทันตั้งตัว ช่างรู้สึกดีอะไรเช่นนี้ กอดนานๆ ก็ได้นะ

     

    แต่ขณะที่ผมกำลังถูกกอดอยู่นั้น สายตาของผมก็เหลือบไปเห็นหน้าอกของเธอเข้าโดยที่ไม่ได้ตั้งใจ อื่มม์...ร่องนม หัวนมสีชมพูอ่อนนี่เซ็กซี่เป็นบ้าเลย ก่อนที่ผมจะเก็บอารมณ์ไว้ไม่ไหว ผมจึงรีบผละออกจากเธอทันที ก่อนที่จะเอ่ยขึ้นว่า

     

    " ขอบคุณมากนะครับ ผมไปก่อนล่ะ " แต่พอผมพูดจบ และกำลังจะออกจากห้องพักนี้ไป เธอก็กลับพูดขึ้นมาว่า

     

    " เดี๋ยวอีกสักพักแม่ของฉันก็จะมาที่นี่ คุณจะไม่อยู่รอพบท่านหรอคะ? "

     

    " ไม่ล่ะครับ พอดีว่าผมต้องรีบไปทำธุระต่อ " ผมว่าพลางหยิบกระเป๋าตังค์ขึ้นมาก่อนที่จะส่งเงินจำนวนสิบล้านเหรีญวิชเชล่าไปให้เธอ " ผมคิดว่าคุณจำเป็นต้องใช้เงินจำนวนมากในอนาคตอันใกล้นี้ ขอให้คุณเก็บเงินนี่ไว้ละกันนะครับ ส่วนเสื้อนั่นผมก็ให้คุณละกันนะครับ " พอผมพูดจบ เธอก็พยักหน้ารับ เมื่อเห็นอย่างนั้นแล้ว ผมจึงรีบเดินออกไปเพื่อจัดการธุระของตัวเองต่อ

     

    ในที่สุด...ผมก็ได้มาถึงลานจัตุรัสกลางเมือง และเริ่มที่จะทำธุระของตัวเองทันที และธุระที่ผมพูดถึงก็คือ...

     

    " สุภาพบุรุษและสุภาพสตรีทั้งหลาย ใครที่กำลังขัดสนหรืออยากได้เงิน เชิญมาทางนี้ ผมจะแจกเงินทุกท่านฟรีๆ มากถึงคนละหนึ่งล้านเหรียญวิชเชล่า แจกเฉพาะคืนนี้เท่านั้น ใครช้าหมด อดได้ตังค์! " ผมตะโกนร้องบอกชาวบ้านแถวนั้นให้มาเอาเงินที่เหลืออยู่ไป เพราะผมก็ไม่รู้ว่าจะนำเงินที่เหลืออยู่ถึงพันกว่าล้านเหรียญวิชเชล่าไปใช้ทำอะไร ในเมื่อพรุ่งนี้ผมก็จะต้องออกจากเมืองนี้ไปแล้ว และนี่ก็เป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับผม

     

    จากนั้น..ก็มีชาวบ้านพันกว่าคนรีบวิ่งมาเอาเงินจากผมไป และในที่สุด...ผมก็แจกเงินเสร็จภายในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง และตอนนี้ผมก็จัดการธุระเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผมจึงตัดสินใจที่จะกลับไปยังห้องพักของตัวเองที่ ซึ่งที่นั่น ก็มีเพื่อนอีกทั้งแปดคนนอนรออยู่ภายในห้องพักนั้น เพราะผมได้ยินเสียงหายใจ และเสียงกรนของพวกเขา มันจึงทำให้ผมแน่ใจว่าพวกเขายังไม่ตาย และทำให้ผมหลับได้อย่างสบายใจในคืนนี้

     

    และแล้ว...เช้าวันรุ่งขึ้นก็มาถึง ที่น่าแปลกใจก็คือ เช้านี้ผมกลับไม่ได้เสียงตด หรือเสียงกรีดร้องโหยหวนของยัยดอลล่าร์ที่เรียกปลุกผม แต่กลับมีเสียงพลุที่จุดเฉลิมฉลองรอบเมืองที่ปลุกผมให้ตื่นจากภวังค์ในเช้าวันนี้

     

    ผมจึงมองออกไปข้างนอกโดยผ่านทางหน้าต่างบานเล็กๆ ของห้องพัก เบื้องล่างมีขบวนพาเรตของชาววิชเชเลียนที่กำลังเดินวนรอบเมือง พวกเขาต่างขับขานบทเพลงด้วยความชื่นชมยินดีไปพร้อมๆ กับเสียงดนตรีที่ถูกบรรเลงขึ้นด้วยความเบิกบานใจ ครู่ต่อมา...พวกเขาก็ได้เดินไปรอบๆ เมืองพร้อมกับพร่ำไม่หยุดว่า

     

    " สรรเสริญThe soul hunter วีรบุรุษแห่งสวรรค์ที่ทำให้วิชเชล่ากลับคืนสู่สภาพเดิมอีกครั้ง! "

     

    เมื่อได้ยินดังนั้น ผมก็ยิ้มด้วยความยินดี พวกเขากำลังสรรเสริญผม พวกเขากำลังยกย่องผมว่าเป็นวีรบุรุษแห่งสวรรค์ แต่ไม่มีอะไรที่ทำให้ผมดีใจไม่กว่าความสำเร็จที่เกิดจากความสามารถของตัวเอง

     

    " ยินดีด้วย คุณได้ทำภารกิจสำเร็จแล้ว! และเรากำลังจะออกไปจากวิชเชล่า ดินแดนแห่งความเสื่อมในอีกห้านาทีนี้ " โซเฟจพูดขึ้นในขณะที่กำลังเดินเข้ามาในห้อง และอีกเจ็ดคนก็ได้เดินเข้ามาสมบททีหลัง

     

    " เดี๋ยวก่อน! แล้วเงินอีกสามพันล้านเหรีญวิชเชล่าที่เหลือล่ะ เราควรจะยังไงกับมันดี? " มอนสเตลล่าว่า หา! มันยังไม่หมดอีกหรอ!?!

     

    " เงินนั่นมันเยอะจริงๆ ขนาดเราเก็บไว้ใช้คนละหนึ่งล้านเหรีญวิชเชล่าแล้ว มันก็ยังเหลืออีกตั้งสามพันล้านเหรียญวิชเชช่าอยู่ดี " เบลลาทริกซ์เอ่ยขึ้น

     

    " วันนี้ วิชเชล่ามีการจัดงานเลี้ยงฉลองเนื่องในโอกาสที่เมืองนี้กลับคืนสู่สภาพเดิม ฉันคิดว่าเราควรจะเอาเงินที่เหลือนี่ไปบริจาคนะ " เรอัสว่า

     

    " เรื่องนี้คงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของอดอล์ฟ ไหนๆ มันก็ได้เป็นวีรบุรุษของเมืองนี้แล้ว ก็ให้มันจัดการเรื่องเงินนี่ซะเลย " พอดรากเนสพูดจบ ผมจึงมองหน้ามันสักพักก่อนที่จะรับเงินที่อยู่ในถุงหนังนั่นมา แล้วเขียนชื่อลงบนถุงหนังว่า 'Qazws Xedcrfv Rfvtgbyhn Ujmikolp' การที่ผมตัดสินใจบริจาคเงินในฐานะเศรษฐีต่างเมือง เป็นเพราะผมคิดว่ามันจะดูดีกว่าการบริจาคเงินในนามของThe soul hunter

     

    ครู่ต่อมา...เงินทั้งหมดก็ได้ถูกส่งไปที่ลานกว้างใจกลางเมืองซึ่งเป็นที่ที่พวกเขาจัดงานเลี้ยงฉลองกันนั้น และตอนนี้ภารกิจของผมก็ได้สิ้นสุดลง พร้อมกับภารกิจใหม่ที่กำลังจะเริ่มขึ้น

     

    " เอาล่ะ...ตอนนี้ภารกิจที่สองก็ได้สิ้นสุดลงแล้ว และผมกำลังจะบอกพวกคุณว่า เวลาของเราก็เหลือน้อยเต็มทีแล้ว ถ้านับวันนี้ เราก็จะเหลือเวลาอยู่เพียงแค่หกวันเท่านั้น " โซเฟจเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูสลดใจก่อนที่จะเปิดฝาวัตถุประหลาดสีขาวนั่นขึ้นมาแล้วพูดต่อว่า " และภารกิจที่สามจะเกิดขึ้นที่ ไซเทร์น่า ดินแดนแห่งความวิปริต และผู้ที่ถูกเลือกคือ--- "

     

    " เฮ้ย!!! " พวกเราทั้งหมดต่างก็ร้องขึ้นพร้อมกันเมื่อแสงสีฟ้าได้ส่องไปที่ใบหน้าของผู้ถูกเลือกคนนั้น และเราก็ไม่แน่ใจว่า ผู้ถูกเลือกคนนั้นจะมีความสามารถมากพอที่จะทำให้เรารอดตายได้หรือไม่

     

    ( End Adolph 's Part ) 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×