คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : chapter 10 : Hurt (100%)
Chapter 10 : Hurt
Sehun's part
‘แต่พี่ไม่ได้ชอบนาย...เซฮุน’
ประโยคนี้มันยังคงดังก้องอยู่ในหัวของผม ไม่ว่ายังไงก็ไม่สามารถลบมันออกไปจากความคิดได้ ภาพเหตุการณ์เมื่อวานผมยังคงจำมันได้ดี ความเจ็บปวดที่ผมได้รับมันก็สมแล้วกับการกระทำของผม ผมรู้ดีอยู่แก่ใจว่าเขาไม่มีทางชอบผม แต่ผมก็ยังดันทุรังทำให้เกิดเรื่อง
ถ้าผมไม่จูบเขา...
ถ้าผมไม่สารภาพความในใจออกไป...
ถ้าผมคิดก่อนทำสักนิด...เรื่องทุกอย่างมันคงจะไม่เป็นแบบนี้
ตอนนี้มันไม่เหลืออะไรอีกแล้วแม้กระทั่งความเป็นพี่น้องระหว่างเรา
ทุกอย่างมันจบลงแล้ว...
“เห้ออออ...”
ผมถอนหายใจหนักๆก่อนจะทิ้งตัวลงนอนแผ่บนเตียงแล้วหลับตาลง ผมนอนคิดเรื่องนี้ทั้งคืนจนถึงเช้า คิดซ้ำไปซ้ำมาตรงที่เดิมก่อนจะจบลงด้วยการถอนหายใจเหมือนเช่นทุกครั้ง
ความจริงแล้วทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเป็นเพราะผม ผมเป็นคนทำทุกอย่างพังด้วยมือของผมเอง เป็นพี่น้องที่ดีต่อกัน แอบมองเขาอยู่ห่างๆมันก็ดีอยู่แล้ว แต่เพราะผมมันโง่ โง่ที่ไม่รู้จักเจียมตัว ต่อจากนี้ผมก็ไม่รู้ว่าจะเข้าหน้าพี่แบคฮยอนยังไง เขาจะรังเกียจผมมั้ย? เขาอาจจะไม่อยากคุยกับผมหรืออาจจะไม่อยากเจอหน้าผมอีก
ผมได้แต่กลัว...
กลัวไปหมดทุกอย่าง...
ยอมรับว่าตอนนี้ผมรู้สึกเจ็บมากจนอยากจะร้องไห้ออกมาตลอดเวลา แต่ไม่ว่าผมจะเจ็บแค่ไหนชีวิตผมก็ต้องเดินต่อไป ผมถอนหายใจอีกครั้งก่อนจะตัดสินใจลุกขี้นอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปมหาวิทยาลัย
การทำตัวให้เป็นปกติมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด ผมต้องฝืนยิ้มและทำเหมือนไม่เป็นอะไรทั้งที่ข้างในเจียนตาย
“มึงเป็นไรวะ?” จงอินโบกมือไปมาเพราะเห็นว่าผมนั่งเหม่อลอยเขี่ยข้าวในจานไปมาแต่ไม่ยอมกินสักที
“เปล่า...” ผมปฏิเสธ
“โกหกตัวเองโกหกได้ แต่มึงโกหกกูไม่ได้หรอก ไม่เนียน” จงอินส่ายหน้าก่อนจะตักอาหารเข้าปาก
“กูไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ” ผมพยายามพูดให้มันเชื่อ แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่เชื่อเลยสักนิด
“ส่องกระจกดูหน้าตัวเองมั้ยวะ? หน้าอมความทุกข์ขนาดนี้แล้วบอกไม่เป็นอะไร ใครเชื่อก็บ้าแล้ว!!”
“….”
“มีอะไรบอกพวกกูได้นะเว้ย” แทมินพูดเสริมจงอิน ถึงจะคบกันมาได้ไม่นานแต่พวกมันก็น่าจะดูออกว่าผมมีท่าทางแปลกๆไป
“….”
“ตามใจ” จงอินพูดขึ้นก่อนจะยกน้ำขึ้นดื่ม “แต่ถ้าไม่ไหวก็บอกพวกกูได้นะ ปรึกษาได้เสมอเลย”
จงอินยิ้มบางๆให้ผมก่อนจะตบไหล่ผมสองสามที ผมรู้สึกดีที่ไอ้แฝดสองคนมันเป็นห่วงผม แต่ผมยังไม่พร้อมที่จะเล่าอะไรให้ฟังจริงๆ
วันนี้ก็เป็นเหมือนเช่นทุกวัน พอเลิกเรียนพวกผมสามคนก็เดินลงมาจากตึกก่อนจะเข้าชมรมเพื่อซ้อมฟุตบอล
“มึง...” ผมเรียกเพื่อนทั้งสองให้หยุดขณะที่กำลังเดินเข้าไปในชมรม
“วันนี้กูไม่เข้าชมรมนะ”
“ทำไมอ่ะ” จงอินถาม
“กูปวดหัวนิดหน่อยอ่ะ ว่าจะกลับไปนอน” ผมโกหกพวกมันอีกแล้ว
“ไม่สบายเหรอวะ?” แทมินถามผมด้วยความเป็นห่วง
“นิดหน่อย”
“เออๆงั้นก็นอนพักเยอะๆนะ” จงอินตบบ่าผมก่อนที่จะโบกมือแล้วเดินเข้าไปในชมรม ผมถอนหายใจออกมาเบาๆก่อนจะหันหลังกลับไป ผมยังไม่อยากเข้าชมรมเพราะยังไม่พร้อมที่จะเจอพี่แบคฮยอนตอนนี้ มันคงจะต้องใช้เวลานานสักหน่อยแต่ผมคิดว่าสักวันผมคงจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้
สักวันหนึ่ง...
ผ่านมาอาทิตย์หนึ่งแล้วที่ผมไม่ได้เข้าไปซ้อมฟุตบอลที่ชมรม ข้ออ้างที่ใช้อ้างทุกวันเริ่มฟังไม่ขึ้นเมื่อจงอินกับแทมินจับไต๋ได้ ไอ้แฝดพยายามจะถามความจริงจากผม แต่ผมก็ไม่เคยหลุดปากบอกพวกมันเลยสักนิด
ผมมันคนปากแข็ง...
“มึงเข้าชมรมเถอะ พี่ชานยอลถามถึงมึงทุกวันเลย กูก็ไม่รู้ว่าจะตอบว่าอะไร” จงอินพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“ก็บอกไปว่ากูไม่สบาย”
“กูตอบว่ามึงไม่สบายมาเป็นอาทิตย์ล่ะ มึงควรจะหายได้แล้วอ่ะ” จงอินขมวดคิ้วใส่ผมอย่างไม่เข้าใจ ที่ผมอ้างว่าไม่สบายแรกๆมันก็เชื่อ แต่หลังๆมันก็เริ่มจะไม่เชื่อผมซะแล้ว
“เหมือนมึงกำลังหนีอะไรอยู่เลยว่ะ” แทมินทำสีหน้าจริงจังใส่ผม
“กูไม่ได้หนีอะไร”
“….” พวกมันยังคงจ้องหน้าผมราวกับว่าจะจับผิด
“งั้นฝากบอกพี่ชานยอลทีว่ากูขอลาออก”
“เห้ยย!!!” แฝดสองคนอุทานออกมาพร้อมกันก่อนจะมองหน้าผมอย่างไม่เข้าใจ
“ล้อเล่นป่ะเนี่ย? มึงเป็นตัวหลักของทีมมึงจะออกได้ยังไงว่ะ” จงอินขมวดคิ้วเป็นปม จริงอยู่ว่าถ้าทีมขาดผมไปตัวหลักก็จะเหลืออยู่ไม่กี่คน แต่มันก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้
“เอาดีๆไอ้เซฮุน” แทมินจ้องหน้าผมอย่างคาดคั้น ผมจะพยักหน้าเบาๆเพื่อยืนยันว่าสิ่งที่ผมพูดจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง ผมตัดสินใจแล้วที่จะไม่เจอพี่แบคฮยอนอีกต่อไป และตัดสินใจว่าจะตัดขาดกับสายรหัสด้วย ผมรู้ว่ามันเป็นวิธีที่โง่และบ้า ผมกำลังหนีปัญหาอย่างคนขี้ขลาด แต่ถ้าไม่มาเป็นผมคุณไม่มีวันเข้าใจหรอกว่าการที่ต้องเผชิญหน้ากับปัญหาแบบนี้มันรู้สึกอย่างไร ผมไม่มีทางที่จะกลับไปมองพี่แบคฮยอนแบบเดิมได้อีกต่อไป เพราะฉะนั้นการที่จะตัดใจจากเขาได้ก็มีแค่วิธีนี้วิธีเดียวเท่านั้น
“เออตามใจ” จงอินถอนหายใจดังๆให้ผมได้ยิน มันคงรู้ว่าถ้าผมตัดสินใจแน่ชัดแบบนี้แล้วมันคัดค้านไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร
“เอ้อลืมไป พี่รหัสมึงอ่ะ ถามหามึงด้วย”
“….”
“เขาบอกว่าโทรไปมึงก็ไม่รับ ส่งข้อความไปมึงก็ไม่ตอบ”
“….”
“ถามจริงเดี๋ยวนี้มึงเป็นอะไรวะ?”
ผมเลือกที่จะเงียบโดยไม่ตอบอะไร ผมไม่รู้ว่าควรจะรู้สึกอย่างไร หลังจากเกิดเรื่องสามวันพี่แบคฮยอนก็ส่งข้อความมาหา ผมไม่ได้กดเข้าไปอ่านแต่แอบอ่านจากข้างนอก เนื้อหาก็ประมาณว่า อยู่ไหน ทำอะไร อยากให้เข้าชมรม ซึ่งผมไม่รู้ว่าควรจะต้องทำตัวอย่างไรกับเขา ผมจึงเลือกที่จะไม่จะตอบอะไรกลับไป ผมรู้ว่าเขาคงไม่อยากให้ความสัมพันธ์พี่น้องต้องพังลงไปเพราะเรื่องแบบนี้ เขาอาจจะทำใจได้ แต่สำหรับผม ผมคงจะกลับไปเป็นพี่น้องกับเขาไม่ได้อีกต่อไป
หลังจากเลิกเรียนผมก็กลับมาที่ห้องก่อนจะอาบน้ำให้รู้สึกสดชื่น แต่ถึงภายนอกจะรู้สึกดีแค่ไหนแต่ภายในไม่ได้รู้สึกดีอย่างที่ควรจะเป็น มันรู้สึกหดหู่และรู้สึกว่าโลกใบนี้ไม่สดใสเท่ากับตอนที่ได้เห็นรอยยิ้มน่ารักของใครบางคน
‘ไส้กรอก...’
‘แม่ครับ....ผมอยากกินไส้กรอก’
‘แง่มๆๆ....อาหย่อยจัง...งืมม’
ผมทอดสายตามองไปยังเตียงนอนแล้วนึกถึงภาพพี่แบคฮยอนนอนละเมอส่งเสียงเรียกไส้กรอก คิดแล้วก็ขำ คนอะไรคิดถึงแต่เรื่องของกินจนเก็บเอาไปฝัน ผมอมยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัวก่อนจะหุบยิ้มลงเมื่อเหตุการณ์ในวันนั้นตามมาหลอกหลอนในหัวของผม ตอนนี้มันไม่เหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว
ไม่มีเสียงเล็กๆคอยมากวนใจ
ไม่มีรอยยิ้มน่ารักที่ฉีกยิ้มจนตาหยี
ไม่มีอีกแล้ว...
ผมถอนหายใจออกมาหนักๆก่อนจะหลับตาลงเพื่อตั้งสติและหยุดความคิดฟุ้งซ่านของตัวเอง ผมคิดมากเรื่องนี้อีกแล้ว ผมคงจะต้องหาอะไรทำเพื่อจะได้ลืมๆมันไป คิดได้อย่างนั้นผมก็ลงมือจัดห้องใหม่ กวาดห้องถูห้องแล้วก็ขัดห้องน้ำ พยายามทำให้ตัวเองยุ่งเข้าไว้ เพราะถ้าอยู่เฉยๆผมจะเอาแต่คิดถึงเขา
ครืนนนนนนนน!!!
นั่งพักได้ไม่เท่าไหร่เสียงโทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้น ผมคว้าโทรศัพท์บนหัวเตียงก่อนจะอ่านชื่อเบอร์โทรเข้า
‘พี่แบคฮยอน’
ผมถอนหายใจออกมาเบาๆ ผมไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไรถึงโทรมาหาทั้งๆที่เรื่องเพิ่งมีเรื่องไม่ดีกันไป ผมวางโทรศัพท์ลงบนเตียงแล้วนั่งมองจนเสียงหยุดไป ผมถอนหายใจออกมาอีกรอบก่อนที่โทรศัพท์จะดังขึ้นอีกครั้ง
‘จงอิน’
คราวนี้เป็นสายเรียกเข้าของไอ้จงอิน ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะกดรับสายทันที
“ฮัลโหล”
(ฮัลโหลเซฮุน)
ผมชะงักไปเพราะเสียงที่ได้ยินในสายไม่ใช่เสียงของจงอิน แต่เป็นเสียงของคนที่ผมพยายามจะหลบหน้ามาตลอด ผมเงียบใส่ปลายสายก่อนจะได้ยินเสียงอีกฝ่ายถอนหายใจเบาๆ
(คุยกับพี่หน่อยได้มั้--)
ติ๊ดดดดดๆๆๆๆๆๆๆ
สายโทรศัพท์ถูกตัดไปเพราะผมเป็นคนกดวาง ใจผมไม่แข็งพอที่จะฟังเสียงของเขาได้ ผมมันคนขี้ขลาด ตอนนี้ผมกลัวไปหมดทุกอย่าง กลัวแม้กระทั่งหัวใจตัวเอง ผมกดปิดเสียงโทรศัพท์ก่อนจะโยนมันไว้บนหัวเตียงแล้วทิ้งตัวลงนอน ผมไม่ได้อยากจะร้องไห้แต่มันก็ห้ามตัวเองไม่ได้ ผมจึงปล่อยให้น้ำตามันไหลออกมาเสียให้พอก่อนจะหลับตาลง
ผมร้องไห้อีกแล้ว...
ผมนี่มันอ่อนแอชะมัดเลย...
วันนี้ผมเลือกที่จะไม่กินข้าวเช้ากับเพื่อนสองคนเหมือนเช่นเคยเพราะผมยังเคืองมันเรื่องเมื่อวานอยู่ ผมเดินเข้าไปในห้องเรียนก่อนจะนั่งลงตรงที่นั่งประจำ จงอินกับแทมินเหล่มองผมเล็กน้อยก่อนจะมองหน้ากันแล้วค่อยๆหันมาหาผม
“มึง...” มันส่งเสียงเรียกผม ผมเหล่ตามองพวกมันเล็กน้อยก่อนจะทำเป็นไม่สนใจหันไปหยิบของขี้นมาวางบนโต๊ะ
“มึงจะออกจากชมรมจริงเหรอวะ? คิดดีแล้วเหรอ?” แทมินถามผมอีกครั้งเผื่อว่าผมจะเปลี่ยนใจ ผมหันมองเพื่อนสนิททั้งสองก่อนจะพยักหน้าอย่างหนักแน่นเพื่อเป็นการยืนยันโดยไม่พูดอะไรอีก
“แต่พี่ชานยอลบอกว่าไม่ให้มึงออก มึงต้องกลับไปเล่น” จงอินพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“อย่าเซ้าซี้กูได้มั้ย?” ผมพูดเสียงนิ่งๆก่อนจะหยิบโทรศัพท์มือถือขี้นมา “อ้อแล้วก็...”
“….”
“ถ้ายังอยากเป็นเพื่อนกับกูอยู่ ทีหลังอย่าให้ใครยืมโทรศัพท์โทรหากูอีก เข้าใจป่ะ?” ผมจ้องหน้าไอ้แฝดสองคนอย่างเอาเรื่อง แต่จะไปว่ามันก็ไม่ได้เพราะพวกมันไม่รู้ว่าผมกับพี่เขามีเรื่องอะไรกัน
“แล้วมึงจะให้กูทำยังไง ก็พี่เขามาขอ บอกว่ามึงไม่รับโทรศัพท์เขา”
“….”
“เขาอยากคุยกับมึง”
“….”
“แล้วจะให้กูปฏิเสธเขายังไง”
“….” ผมเงียบเมื่อได้ยินอย่างนั้น
“ถามจริง มึงกับพี่เขามีอะไรกันเหรอวะ?” จงอินถามผมด้วยสีหน้าจริงจัง แต่ผมก็ยังคงเงียบ ผมไม่อยากตอบหรือเล่าอะไรให้ใครฟังทั้งนั้น ผมไม่อยากนึกถึงมันด้วยซ้ำเพราะมันทำให้ผมรู้สึกแย่และเจ็บปวด ผมอยากจะให้เรื่องนี้มันจบและตายไป
ตายไปพร้อมกับหัวใจพังๆของผม...
มันก็จะเจ็บหน่อยๆอ่ะ ㅠ.ㅠ
@Auaum_CB
ความคิดเห็น