นางพญาแม่อยู่หัวศรีสุดาจันทน์ - นางพญาแม่อยู่หัวศรีสุดาจันทน์ นิยาย นางพญาแม่อยู่หัวศรีสุดาจันทน์ : Dek-D.com - Writer

    นางพญาแม่อยู่หัวศรีสุดาจันทน์

    โดย Bnk_Kridsada

    ชู้รักหลังราชบัลลังก์

    ผู้เข้าชมรวม

    73

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    73

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  28 ก.พ. 62 / 13:21 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    แม่อยู่หัวม่ายสาว กับเจ้าหนุ่มผู้เฝ้าหอพระ
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      บันทึกจากพงศาวดาร
      นางพญาแม่อยู่หัวศรีสุดาจันทน์

      เรื่องของความยุ่งยากตอนนี้เริ่มต้น เมื่อพระชัยราชาธิราชเสด็จสวรรคตแล้ว พระแก้วฟ้าเสด็จขึ้นครองราชย์ทั้ง ๆ ที่มีพระชนมายุเพียง ๑๑ พรรษา  ความตอนนี้ปรากฎเป็นที่เด่นชัดว่า พระแก้วฟ้าไม่สามารถที่จะทรงบริหารราชการแผ่นดินได้ เนื่องจากยังทรงพระเยาว์อยู่  ข้าราชการทั้งปวงจึงพร้อมใจกันทูลเชิญ นางพญาแม่อยู่หัวศรีสุดาจันทน์ ให้รับภาระทำนองผู้สำเร็จราชการแผ่นดินต่อไป

      ความใน พระราชพงศาวดาร ฉบับพระราชหัตเลขา ว่า..

      “ ครั้นอยู่ต่อมา นางพญาแม่อยู่หัวศรีสุดาจันทน์ เสด็จไปประพาสเล่น ณ พระที่นั่งพิมานรัตยา  หอพระข้างหน้า ทอดพระเนตรเห็นพันบุตรศรีเทพ ผู้เฝ้าหอพระ ก็มีความเสน่หารักใคร่พันบุตรศรีเทพ  จึงสั่งสาวใช้ให้เอาเมี่ยงหมากห่อผ้าเช็ดหน้า ไปพระราชทานพันบุตรศรีเทพ พันบุตรศรีเทพรับแล้วก็รู้อัชฌาสัยว่า นางพญามีพระทัยยินดี  พันบุตรศรีเทพจึงเอาดอกจำปา ส่งให้สาวใช้เอาไปถวายนางพญา นางพญาก็ยิ่งมีความกำหนัดในพันบุตรศรีเทพเป็นอันมาก “

      “ จึงมีพระเสาวนีย์สั่งพระยาราชภักดีว่า พันบุตรศรีเทพเป็นข้าหลวงเดิม ให้เอามาเป็นที่ขุนชินราช รักษาหอพระข้างใน  ให้เปลี่ยนขุนชินราชออกไปเป็นพันบุตรศรีเทพ รักษาหอพระข้างหน้า   ครั้นพันบุตรศรีเทพเป็นขุนชินราช เข้าไปอยู่รักษาหอพระข้างในแล้ว   นางพญาก็ลอบลักสมัครสังวาสกับด้วยขุนชินราชช้านาน แล้วดำริจะเอาราชสมบัติให้สิทธิแก่ขุนชินราช  จึงตรัสสั่งพระยาราชภักดีว่า ให้ตั้งขุนชินราชเป็นขุนวรวงศาธิราช  ให้ปลูกจวนอยู่ริมศาลาสารบัญชี ให้พิจารณาเลขสังกัดสมพรรค์(เป็นพนักงานชำระคนเข้ารับราชการทหาร) หวังจะให้กำลังมากขึ้น  แล้วให้เอาเตียงที่อันเป็นราชอาสน์ไปตั้งไว้ข้างหน้า สำหรับขุนวรวงศาธิราชนั่ง  เพื่อจะให้ขุนนางทั้งปวงอ่อนน้อมยำเกรง  แล้วนางพญาสั่งให้ปลูกจวนให้ขุนวรวงศาธิราชว่าราชการ ณ ประตูดิน ริมต้นหมัน “

      เมื่อนางพญาได้เลื่อนยศศักดิ์ให้แก่ขุนวรวงศาธิราชแล้ว พระยามหาเสนากับพระยาราชภักดี ก็พากันพูดจาซุบซิบว่า “ แผ่นดินเป็นทุรยศ “ ทั้ง ๆ ที่เวลานั้นพระแก้วฟ้า กำลังได้ราชสมบัติ

      พระราชพงศาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขา กล่าวต่อว่า...

      “ ครั้นรุ่งขึ้น นางพญารู้ว่าพระยามหาเสนา พูดกับพระยาราชภักดี จึงสั่งให้หาพระยามหาเสนา มาเฝ้าที่ประตูดิน   ครั้นเพลาค่ำ พระยามหาเสนากลับออกไป มีผู้แทงพระยามหาเสนาล้มลง  เมื่อใกล้จะสิ้นใจ พระยามหาเสนาจึงว่า  เมื่อเราเป็นดังนี้แล้ว ผู้อยู่ภายหลังจะเป็นประการใดเล่า “

      จากนั้น นางพญาก็ให้ปลัดวังเอาราชยานและเครื่องสูง แตรสังข์กับขัติยวงศ์ ออกไปรับขุนวรวงศาธิราช เข้ามาในพระราชนิเวศน์มณเฑียรสถาน แล้วตั้งพระราชพิธีราชาภิเษก(ไม่ใช่ปราบดาภิเษก) ยกขุนวรวงศาธิราชขึ้นเป็นพระมหากษัตริย์

      จากนั้น ก็โปรดให้เอา นายจันทร์ผู้น้องขุนวรวงศาธิราช บ้านอยู่มหาโลก เป็นมหาอุปราช ซึ่งทั้งนี้ขุนวรวงศาธิราช คงต้องการคนสนิทที่ไว้ใจได้เป็นที่ปรึกษาราชการแผ่นดิน
      เมื่อขึ้นครองราชสมบัติแล้ว ขุนวรวงศาธิราช ก็ปรึกษากับนางพญาว่า..

      “ บัดนี้ ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยรักเราบ้าง ชังเราบ้าง หัวเมืองเหนือทั้งปวงก็ยังกระด้างอยู่  เราจำจะให้หาลงมาผลัดเปลี่ยนเสียใหม่ จึงจะจงรักภักดีต่อเรา  นางพญาก็เห็นด้วย  ครั้นรุ่งขึ้น เสด็จออกขุนนางสั่งสมุหนายก ให้มีตราขึ้นไปเมืองเหนือเจ็ดเมืองลงมา “

      ข้อความในพระราชพงศาวดาร ฉบับพระราชหัตถเลขา ได้กล่าวต่อไปว่า...

      “ ฝ่ายขุนพิเรนทรเทพ เชื้อพระวงศ์ กับขุนอินทรเทพ หมื่นราชเสน่หา หลวงศรียศ   บ้านลานตากฟ้า สี่คนไว้ใจกัน เข้าไปในที่ลับแล้วปรึกษากันว่า... เมื่อแผ่นดินเป็นทุรยศดังนี้ เราจะละไว้ดูไม่ควร จำจะกุมเอาตัวขุนวรวงศาธิราชประหารชีวิตเสีย   ขุนอินทรเทพ หมื่นราชเสน่หา หลวงศรียศ จึงว่า  ถ้าเราทำได้สำเร็จแล้ว จะได้ผู้ใดเล่าที่จะปกป้องครองประชาราษฎร์สืบไป   ขุนพิเรนทรเทพจึงว่า เห็นแต่พระเทียรราชาที่บวชอยู่นั้น จะเป็นเจ้าแผ่นดินได้  ขุนอินทรเทพ หมื่นราชเสน่หา หลวงศรียศจึงว่า  ถ้าฉะนั้น เราจะไปเฝ้าพระเทียรราชา ปรึกษาให้เธอรู้ จะได้ทำด้วยกัน    แล้วขุนพิเรนทรเทพ ขุนอินทรเทพ หมื่นราชเสน่หา หลวงศรียศ ก็พากันไปวัดราชประดิษฐาน   เข้าไปเฝ้าพระเทียรราชา นมัสการ จึงแจ้งความว่าทุกวันนี้ แผ่นดินเป็นทุรยศ ข้าพเจ้าทั้งสี่คนคิดกันจะจับขุนวรวงศาธิราชฆ่าเสีย แล้วจะเชิญพระองค์ลาผนวช ขึ้นครองสิริราชสมบัติ จะเห็นประการ พระเทียรราชาก็เห็นด้วย “

      และเมื่อตกลงกันได้แล้ว ขุนนางทั้งสี่ก็ใช้วิธีเสี่ยงเทียนอธิษฐาน เป็นเครื่องตัดสินว่างานที่ตนจะไปทำนั้น เป็นการได้ชัยชนะหรือไม่

      ดังข้อความในพระราชพงศาวดารตอนนี้..

      “ ฝ่ายขุนอินทรเทพ หมื่นราชเสน่หา หลวงศรียศ จึงว่า   เราคิดการทั้งนี้เป็นการใหญ่หลวงนัก  จำจะไปอธิษฐานเสี่ยงเทียนเฉพาะพักตร์พระพุทธปฏิมากรเจ้า ขอเอาพระพุทธคุณเป็นที่พำนัก ให้ประจักษ์แจ้งว่า  พระเทียรราชา กอปรด้วยบุญบารมีจะเป็นที่ศาสนูปถัมภก  ปกป้องอาณาประชาราษฎรได้หรือมิได้ประการจะได้แจ้ง พระเทียรราชาก็เห็นชอบด้วย  ขุนพิเรนทรเทพจึงว่า  เราคิดการใหญ่หลวงถึงเพียงนี้  อนึ่งก็ได้เตรียมการไว้พร้อมแล้ว ถ้าเสี่ยงเทียนมิสมดังเจตนาจะมิเสียชัยสวัสดิมงคลไปหรือ  ถ้าไม่เสี่ยงเทียนตกจะไม่ทำหรือประการใด  ว่าแล้วก็ต่างคนต่างไป “

      ครั้นค่ำลงวันนั้น ฝ่ายขุนอินทรเทพ หมื่นราชเสน่หา หลวงศรียศ พระเทียรราชา ก็ชวนกันฟั่นเทียนสองเล่ม ขี้ผึ้งหนักเท่ากัน ด้ายไส้นั้นนับเส้นเท่ากัน เล่มเทียนสั้นยาวเสมอกัน  แล้วก็พากันไป ณ อุโบสถวัดป่าแก้ว  ฝ่ายพระเทียรราชากราบถวายนมัสการพระพุทธปฏิมากรเจ้าโดยเบญจางคประดิษฐ์  แล้วจึงกระทำเสี่ยงวจีสัจจาธิษฐาน...

      “ ข้าพระพุทธเจ้า จะกระทำสัตย์เสี่ยงเทียนของข้าพระองค์เล่มหนึ่ง ของขุนวรวงศาธิราชเล่มหนึ่ง  ถ้าข้าพระองค์จะสมลุ มโนรถความปรารถนา ด้วยบุญญาธิการโบราณและปัจจุบันกรรม  ควรจะได้มหาเศวตฉัตรสกลรัฐธิปไตย... ขอให้เทียนขุนวรวงศาธิราชดับก่อน  ถ้ามิสมลุ ดังมโนรถความปรารถนาแล้ว ขอให้เทียนข้าพระองค์ดับก่อน “

      ครั้นอธิษฐานเสร็จแล้ว ก็จุดเทียนทั้งสองเล่มนั้นเข้า   ฝ่ายขุนพิเรนทรเทพไปถึง เห็นเทียนขุนวรวงศาธิราชยาวกว่าเทียนพระเทียรราชา ก็โกรธ  จึงห้ามว่ามิให้ทำสิขืนทำเล่า ก็คายชานหมากดิบทิ้งไป  จะได้ตั้งใจทิ้งเอาเทียนขุนวรวงศาธิราชนั้นหามิได้  เป็นศุภนิมิตรเหตุ พอไปต้องเทียนขุนวรวงศาธิราชดับลง

      นับจากหลังวันเสี่ยงเทียนประมาณ ๑๕ วัน   กรมการเมืองลพบุรีบอกลงมาว่า  ช้างพลายสูงหกศอกสี่นิ้ว หูหางสรรพต้องลักษณะติดโขลง สมุหนายกจึงนำความขึ้นกราบทูล  ขุนวรวงศาธิราชตรัสว่า เราจะขึ้นไปจับ  อยู่อีกสองวันจะเสด็จ แต่แล้วมีตราสั่งงดการเสด็จเสีย คงให้กรมการจับกันเอง

      ครั้นอยู่มาประมาณ ๗ วัน โขลงช้างชักปกเถื่อน เข้ามาทางวัดแม่นางปลื้ม เข้าพะเนียดวัดซอง  สมุหนายกก็นำความขึ้นกราบทูลอีก  ขุนวรวงศาธิราชตรัสว่า พรุ่งนี้เราจะไปจับ

      ครั้นเวลาค่ำ ขุนพิเรนทรเทพ จึงสั่ง หมื่นราชเสน่หานอกราชการ ให้ออกไปคอยทำร้ายมหาอุปราชอยู่ที่ท่าเสือ   สั่งแล้ว พอพระยาพิชัย พระยาสวรรคโลกลงมาถึง ขุนพิเรนทรเทพจึงให้ไปบอกโดยความลับ  พระยาพิชับ พระยาสวรรคโลกก็ดีใจ จึงไปซุ่มที่คลองบางปลาหมอ พร้อมกับขุนพิเรนทรเทพ หลวงศรียศ หมื่นราชเสน่หาในราชการ ขี่เรือคนละลำ  พลพายมีศัตราวุธครบมือ  ฝ่ายหมื่นราชเสน่หานอกราชการ ถือปืนไปแอบคอยอยู่ ทำอาการดุจหนึ่งทนายเลือก  ครั้นเห็นมหาอุปราชขี่ช้างจะไปพะเนียด หมื่นราชเสน่หาก็ยิงถูกมหาอุปราชตกช้างลงตาย

      ครั้นเช้าตรู่ ขุนวรวงศาธิราชกับแม่อยู่หัวศรีสุดาจันทน์ และราชบุตรีซึ่งเกิดด้วยกันนั้น ทั้งพระศรีศิลป์ก็ลงเรือพระที่นั่งลำเดียว มาตรงคลองสระบัว   ขุนอินทรเทพตามประจำมา ขุนพิเรนทรเทพ พระยาพิชัย พระยาสวรรคโลก หลวงศรียศ หมื่นราชเสน่หาในราชการ   ครั้นเรือพระที่นั่งขึ้นมา ก็พร้อมกันสกัด   ขุนวรวงศาธิราชร้องไปว่า เรือใครตรงเข้ามา ขุนพิเรนทรเทพร้องตอบไปว่า กูจะมาเอาชีวิตเอ็งทั้งสอง

      ฝ่ายขุนอินทรเทพก็เร่งให้พายรีบกระหนาบเรือพระที่นั่งขึ้นมา  แล้วชวนกันกลุ้มรุมจับขุนวรวงศาธิราช กับแม่อยู่หัวศรีสุดาจันทน์ และบุตรีซึ่งเกิดมาด้วยกันนั้นฆ่าเสีย  แล้วให้เอาศพไปเสียบประจานไว้ ณ วัดแร้ง...

      จบนางพญาแม่อยู่หัวศรีสุดาจันทน์

      หนังสืออ้างอิง
      พิมาน แจ่มจรัส. วันสวรรคตของ๖๖กษัตริย์ไทย.
      กรุงเทพ: สำนักพิมพ์ผ่านฟ้าพิทยา,
      มีนาคม ๒๕๐๗.

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×