ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เรื่องบ้าๆ ของผม

    ลำดับตอนที่ #6 : หัวหน้า

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.26K
      1
      1 พ.ย. 53

    - 6 -

    หัวหน้า

                ตอนนี้ผมอยู่กับเชนและเนฮีเดียในห้องประชุมส่วนตัวที่ทางห้างจัดสรรให้ เชนนั่งเหยียดแขนขากว้างยึดครองโซฟายาวไปแถบหนึ่ง เนฮีเดียค่อยๆ นั่งลงอย่างสงบเสงี่ยม และก็กลับมาอยู่ในท่าเดิมบนเก้าอี้นวมของเธอเหมือนเมื่อตอนที่ผมเจอเธอบนม้านั่งหน้าน้ำพุไม่ผิดเพี้ยน ส่วนตัวผมเองยังคงยืนเอ๋อ ไม่รู้ว่าเอาชีวิตตัวเองมาจบอยู่ที่นี่ได้ยังไง

                ผมควรจะบรรยายลักษณะของห้องนี้ให้พวกคุณฟังสักหน่อยสินะ

                นี่เป็นห้องโล่งๆ สีขาวสะอาดล้วนจนมองไม่เห็นขอบระหว่างพื้นกับผนังและผนังกับเพดาน แต่ผมก็ไม่แน่ใจนักว่าห้องนี้เป็นสีขาวจริงหรือเปล่า เพราะเชนและเนฮีเดียสามารถมองเห็นห้องนี้มีสีและลวดลายแบบอื่นตามที่ต้องการซึ่งคนอื่นก็ไม่จำเป็นต้องเห็นไปด้วย ประตูทางเข้าห้องจะหายไปทันทีเมื่อคนที่ต้องการใช้ห้องนี้ก้าวเข้ามาครบทุกคน และประตูทางออกก็จะปรากฏเมื่อมีคนอยากออกไป เรียกห้องนี้ว่าห้องประชุมอาจไม่เหมาะนัก เพราะมันเป็นห้องอเนกประสงค์ที่สามารถบันดาลให้ได้ทุกอย่างตามที่คนในห้องต้องการ แต่นั่นก็รวมถึงการใช้เป็นห้องประชุมส่วนตัวด้วยนั่นแหละ

                นั่งลงสิวะ” เชนสั่ง และผมก็นั่งลงบนเก้าอี้สามขาตามคำเขาไม่ต่างจากหุ่นกระป๋องตกรุ่น แข็งทื่อและด้านๆ อย่างนั้น

                เอาล่ะ เรามาวางแผนครองโลกกันดีกว่า” นายเชนยังคงพูดต่อ โต๊ะกระจกใสโผล่ขึ้นมาตรงหน้าเขาพร้อมกับภาพโฮโลแกรมสามมิติของโลกเบี้ยวๆ ที่เกือบจะกลมใบนี้ทันที

                ใจหนึ่งผมก็อยากดูอยู่หรอกนะว่าแผนการยึดครองโลกของเชนจะเป็นอย่างไร แต่พอเชนเอ่ยอย่างนี้ขึ้นมา ผมก็ต้องขัดเขาเสียหน่อย ไม่อย่างนั้นเขาจะกลายเป็นผู้นำของกลุ่ม และผมก็จะกลายเป็นลูกไล่ของเขา ถึงผมจะกลัวเชนอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ใจเสาะถึงขนาดจะเลิกล้มความตั้งใจเดิมไปเลย ผมต้องเป็นสุดยอดตัวร้ายให้จงได้

                เอ่อ แผนการเป็นตัวร้ายที่ร้ายกาจที่สุด” เสียงผมแทรกขึ้น อาจฟังดูไม่เข้มแข็งอย่างที่คิดไว้ แต่ก็พอรับได้อยู่

                เชนขมวดคิ้ว หันมามองผม แล้วเถียงว่า

                โลกใหญ่กว่าตัวร้าย แผนการยึดครองโลกต้องสำคัญกว่าการเป็นตัวร้าย”

                ไม่ใช่ อุดมการณ์ยึดครองโลกเป็นสับเซตของตัวร้าย ดังนั้นการเป็นตัวร้ายต้องสำคัญกว่าการยึดครองโลก” ผมเถียงกลับโดยพลัน พอเจอเรื่องเหตุผลวิบัติอย่างนี้ผมมักยอมไม่ได้ทุกที ตัวร้ายที่ดีต้องฉลาดทันคนด้วย

                เชนทำหน้าเหมือนไม่เข้าใจศัพท์คณิตศาสตร์ของผม เดาได้เลยว่าเขาไม่ได้สำเร็จหลักสูตรการศึกษาพื้นฐานของระบบเก่าอย่างผมแน่ๆ แต่ก็อย่างว่าแหละ หลักสูตรนี้มีแต่พวกที่คิดจะต่อวิชาชีพชั้นสูงทั้งหลายเรียนกัน ส่วนผมก็เรียนไว้เพื่อจะเป็นคนธรรมดาตามมาตรฐานยุคก่อน

                แล้วคำพูดยอมรับตรงๆ ของเชนก็ยืนยันความคิดของผม

                หมายความว่าไงวะ”

                ก่อนที่พวกคุณจะเข้าใจผิดไปว่าคนในโลกบ้าๆ นี้จะสมองฝ่อแบบเชนหมด เนฮีเดียก็ช่วยกู้สถานการณ์และช่วยผมตอบไปในตัวว่า

                คนที่คิดจะครองโลกทุกคนเป็นคนร้าย แต่ใช่ว่าคนร้ายทุกคนคิดจะยึดครองโลก”

                อา... นั่นแหละ ถูกต้องเลย

                เสริมความรู้เรื่องความฉลาดของคนที่นี่อีกสักนิด ถ้าวัดระดับสติปัญญาเฉลี่ยแล้ว คนในปัจจุบันฉลาดกว่าคนในอดีตแน่นอน เพราะคนที่อยู่รอดในยุคนี้ต่างก็เป็นคนเก่งๆ ในยุคก่อนทั้งนั้น และประชาชนรุ่นที่เพิ่งเกิดใหม่ได้ไม่นานก็ผ่านการคัดเลือกสายพันธุ์มาอย่างดี นั่นความหมายว่าคนในโลกบ้าๆ นี้สามารถเข้าใจอะไรที่เป็นเหตุเป็นผล มีตรรกะทางความคิดที่ยอดเยี่ยม เสียก็แต่ส่วนใหญ่เลือกที่จะไม่ศึกษาให้ลึกซึ้ง เพราะขี้เกียจเกิน

                ตั้งแต่แรกเริ่มการศึกษาและวิทยาการต่างๆ มีไว้เพื่อให้มนุษย์สามารถขี้เกียจได้ดั่งใจอยู่แล้วนี่ ในตอนนี้เมื่อสามารถใช้ชีวิตสบายๆ ตามต้องการได้ จะเรียนเพื่อให้ตนเองต้องทำงานหนักยิ่งขึ้นไปทำไม... นี่คือสิ่งที่คนส่วนใหญ่คิดกันล่ะ

                ถึงผมจะแอบด่าเชนในใจว่าสมองฝ่อไปก่อนหน้านี้ เขาก็ยังมีความฉลาดที่มนุษย์ปัจจุบันพึงมีอยู่ดี เพียงเนฮีเดียพูดเท่านั้น เขาก็พยักหน้าเข้าใจ และยกตำแหน่งหัวหน้าให้ผมแล้ว

                งั้นนายเป็นหัวหน้าตัวร้ายไปก็ได้ ส่วนฉันจะเป็นตัวร้ายที่มีแผนการจะครองโลกเอง”

                เชนเปลี่ยนมาใช้คำแทนตัวเองมาเป็น 'ฉัน' หลังจากเนฮีเดียเข้าร่วมกลุ่ม ที่จริงพวกคุณไม่ต้องสนใจสรรพนามในเรื่องนี้นักหรอก มันเปลี่ยนไปเรื่อยเสมอตามอารมณ์แหละ คลื่นแปลภาษาที่ทะลุหูผมอยู่นี่มันทำงานลำบากหน่อยเพราะภาษาแม่ของผมมีสรรพนามหลายระดับ

                แล้วนายก็ต้องเป็นคนคิดแผนการเป็นตัวร้ายที่ร้ายกาจที่สุดให้สำเร็จ ส่วนฉันจะยืมมือนายยึดครองโลกหลังจากนั้น”

                เห็นไหมล่ะว่า เชนไม่โง่เลย เขาคิดจะใช้ผมทำงานแทน แล้วรอชุบมือเปิบอยู่ด้านหลัง ผมเบิกตากว้าง กะพริบตาปริบๆ ด้วยความอึ้งไปสักพัก แต่ไม่ทันไรเชนก็เร่งผมให้คิดให้เสร็จเร็วๆ

                เร็วๆ สิวะ โลกไม่ได้รอให้นายมายึดครองได้ทุกวันหรอกนะโว้ย”

                ฟังแล้วก็น่าตะหงิดใจกับเหตุผลแปลกๆ ของเชน แต่ผมเริ่มชักชินแล้วล่ะ บางทีนี่อาจเป็นวิธีทำตัวเป็นคนเลวอย่างหนึ่งของเขา

                ผมคิดต่อว่า จะเป็นตัวร้ายที่ยิ่งใหญ่ได้อย่างไร คิดแล้วก็ต้องย้อนกลับไปตั้งแต่ตอนต้นที่ผมค้นคว้ามา ตัวร้ายที่ดีต้องมีมาด จะยิ่งใหญ่หรือไม่ยังไงจะเป็นตัวร้ายได้ต้องมีมาดไว้ก่อน มีมาดแล้วความยิ่งใหญ่ค่อยตามมาทีหลังก็ได้ ในเมื่อมาดตัวร้ายแห่งยุทธภพล้มเหลวไปแล้ว ก็ถึงเวลาหามาดใหม่ละ

                ตัวร้ายที่ดีต้องมีมาด” ผมกล่าวดังๆ หลังคิดเรียบร้อย ภาพที่เห็นในขณะนี้เรืองรองด้วยแสงแห่งการบรรลุ และไฟอันร้อนกรุ่นที่สุมอยู่ในใจ

                เชน นายต้อง...” ผมหันไปมองนายเชนแล้วกะจะสั่งในฐานะหัวหน้า แต่เมื่อเห็นเขาชัดเจนแล้วก็นึกขึ้นได้ว่าเชนไม่จำเป็นต้องหามาดใหม่หรอก เขาดูเหมือนตัวร้ายสุดๆ อยู่แล้ว

                อะไรวะ จะพูดอะไรก็พูดให้จบสิ”

                นายดูเป็นคนเลวพออยู่แล้ว ไม่ต้องเปลี่ยนอะไรหรอก”

                ผมบอก เชนแสยะยิ้มรับ

                ผมหันไปมองเนฮีเดียต่อ ว่าจะชี้นิ้วสั่งอย่างองอาจ แต่ก็ต้องค้างชะงักไปอีกครั้ง จะเปลี่ยนภาพลักษณะของเด็กสาวจากเรียบร้อย น่ารัก ขี้อาย คงแก่เรียน เป็นตัวร้ายอย่างไรดี แค่จิตนาการก็ทำเอาสวรรค์ของผมล่มสลายแล้ว อย่าว่าแต่เชนและเจ้าตัวจะยอมหรือเปล่าเลย

                ดิฉันเป็นตัวร้ายที่เก็บซ่อนความชั่วร้ายอยู่ข้างใน ไม่เปิดเผยออกมาก็ได้ค่ะ” เนฮีเดียเสนอทางออกให้ ราวกับรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่

                เป็นประเภทมือถือสากปากถือศีล วิญญูชนจอมปลอม นักการเมืองคอรัปชันใช่ไหม” ผมยกตัวอย่างมาถามเพื่อความมั่นใจ

                ค่ะ” เธอผงกศีรษะใต้ฮู้ดหูแมวทีหนึ่ง

                ก็โอเค” ผมต้องยอมรับ เนฮีเดียเลือกจะเป็นคนเลวที่ชั่วช้าสุดๆ แต่ก็เป็นประเภทของตัวร้ายที่คนส่วนใหญ่รวมถึงสาวๆ ทั้งหลายไม่ชอบเช่นกัน ผมจึงเป็นตัวร้ายประเภทนี้ไม่ได้

                ดีเลย” เชนเห็นด้วย

                เมื่อเชนและเนฮีเดียได้มาดตัวร้ายที่เหมาะสมกับตัวแล้ว ก็เหลือแต่ผมเพียงคนเดียวที่ยังเป็นปัญหาอยู่ ทั้งสองต่างหันมามองผม ด้วยสายตาตั้งคำถามว่า 'แล้วนายล่ะจะเป็นอะไร' แม้ผมจะไม่เห็นแววตาที่ซ่อนอยู่ใต้ผมสีทรายและฮู้ดสีเหลืองของเนฮีเดีย ผมก็คิดว่าเธอคงมองมาในทำนองเดียวกันกับเชน

                นี่ล่ะปัญหาโลกแตกของผม

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×