ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Special Ones

    ลำดับตอนที่ #24 : บทที่ 10 การเดินทางช่วงต้น - "แต่ละคนดูจะสร้างปัญหาให้ข้า..." [1]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.52K
      3
      10 ธ.ค. 53

    บทที่ 10 การเดินทางช่วงต้น

    แต่ละคนดูจะสร้างปัญหาให้ข้ามากกว่าพวกสัตว์อสูรเสียอีก

     

                หลังจากที่วิลเลียมประลองชนะมาแล้ว ทุกคนก็ยอมรับแคสซานดราเข้าร่วมกลุ่ม โดยไม่มีใครไม่เห็นด้วยอีก ไลนัสเองก็เงียบไป คณะเดินทางปราบแม่มดจึงได้เริ่มออกเดินทางกันจริงๆ เสียที

                แดนรกร้างตะวันตกอยู่ห่างจากลูซแวร์ไปประมาณสองวันเดินเท้า ถ้าหากขี่ม้าไปก็อาจร่นเวลาเดินทางให้เร็วขึ้นเหลือเพียงหนึ่งวันได้ ทว่าเมื่อไปถึงที่นั่นแล้วก็จะเข้าสู่เขตแดนป่ารกชัฏและหนองบึง เอาม้าเข้าไปไม่สะดวก วิลเลียมจึงตกลงกับลูเธอร์ไว้ว่าจะเดินไปเอง เขาอยากไปปรากฏตัวอย่างเงียบๆ ไม่ให้แม่มดไหวตัวทันด้วย

                เดิมทีเขากังวลการมีผู้หญิงติดไปด้วยหลายคนอาจทำให้การเดินทางล่าช้าได้ แต่ตรงจุดนี้ก็มีคนอื่นเป็นห่วงแทนเขาอยู่เช่นกัน ไลนัสที่หลังจากใช้เวลาทำใจได้สักพักแล้วก็อาสาช่วยโรซาลินด์ถือของ วิลเลียมมองภาพนั้นด้วยความสนใจ เขายังไม่รู้ว่าโรซาลินด์กับไลนัสรู้จักกันได้อย่างไร แต่การที่ชายหนุ่มจะพยายามทำดีกับหญิงสาวผู้มีความงามเป็นเลิศเช่นนี้ก็ไม่แปลก ทว่าวิลเลียมไม่เคยคิดว่า ไลนัสจะชอบคนที่มีฐานะทางครอบครัวด้อยกว่าอย่างโรซาลินด์เท่านั้นเอง

                แดเนียลก็ช่วยแบ่งสัมภาระของเรนนีมาบ้าง ของของนักบวชสาวไม่ค่อยมีอะไรมาก ตอนแรกนางทำทีจะปฏิเสธ แต่สุดท้ายก็เปลี่ยนใจยอมให้แดเนียลช่วย ถ้าผู้อื่นเสนอน้ำใจมาให้แล้ว นางก็ต้องยอมรับไว้ แม้ว่าแท้จริงเรนนีอยากแสดงให้ทุกคนเห็นว่า นางรับผิดชอบตัวเองได้ก็ตาม

                สำหรับอีกหนึ่งสาว... แม่มดดำในชุดหลากสีสันนั้นดูไม่ต้องการความช่วยเหลือแต่อย่างใด เนื่องจากนางเก็บสัมภาระกองใหญ่ของนางไว้ในมิติเวลาลี้ลับแล้ว วิลเลียมคิดว่าถ้าแคสซานดราเสนอจะช่วยเก็บของของคนอื่นให้ด้วยวิธีเดียวกันคงเป็นการดีไม่น้อย แต่พอคิดอีกที...คนอื่นอาจจะไม่ไว้วางใจที่นางจะเก็บของให้ เขาก็ตัดสินใจว่าอย่าเสนอความคิดนั้นออกไปเลยดีกว่า

                ช่วงแรกของการเดินทาง พวกเขาอาศัยถนนสายหลักช่วยนำพา เส้นทางเหล่านี้มีผู้คนสัญจรผ่านไปมาบ่อยๆ ยิ่งเป็นทางผ่านเข้าสู่ลูซแวร์ซึ่งเป็นเมืองหลวงด้วยแล้วจึงค่อนข้างปลอดภัย ไม่มีสัตว์อสูรเพ่นพ่านหรือเดินผ่านมาให้เห็นสักตัวตน

                วาเรนคอยบินไปสำรวจเส้นทางข้างหน้าแล้วกลับมาเกาะที่บ่าของผู้เป็นนายเป็นระยะๆ แคสซานดราไม่เคยบอกว่าอีกากลับมารายงานอะไรให้ฟังบ้าง วิลเลียมคาดว่านั่นคงหมายถึงไม่มีสิ่งใดที่ต้องเป็นห่วงรออยู่เบื้องหน้า

                ตอนตะวันขึ้นตรงเหนือศีรษะ ชายหนุ่มผู้นำก็บอกให้ทุกคนหยุดพักกันได้ชั่วคราว พวกเขานำอาหารแห้งจำพวกขนมปังที่นำติดตัวมาด้วยขึ้นมารับประทานกันเล็กน้อยที่ใต้ร่มไม้ แล้วก็จับกลุ่มพูดคุยกันบ้าง

                วิลเลียมปรึกษาเรื่องเส้นทางและระยะเวลาเดินทางกับมาร์คัส หลังจากนั้นก็สอบถามข้อมูลบางอย่างไปด้วย

                “ท่านมาร์คัสพอทราบข้อมูลเกี่ยวกับแม่มดแห่งแดนรกร้างตะวันตกบ้างไหม”

                “ฝ่าบาทให้ข้าไปสืบเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน ข้าไปค้นแล้วก็พอข้อมูลของนางมากมายอยู่ที่สมาคมในเอกสารที่รอการคัดแยกว่าจะทิ้งดีหรือไม่ ทุกคนเห็นเรื่องของนางแล้วก็ไม่รู้จักจึงคิดว่าไร้ค่า ข้อมูลของนางจึงไปอยู่ที่นั่น ตามที่ฝ่าบาทคาดการณ์ไว้ไม่ผิด”

                มาร์คัสเท้าความ ก่อนตอบคำถามว่า

                “จากข้อมูลในเอกสาร เอริกาเป็นนักเวทที่ยิ่งใหญ่มากในกาลก่อน เพียงแต่นางไม่ยอมทำตามบทบัญญัติของสมาคมนักเวท ใช้เวทมนตร์คุกคามก่อความวุ่นวายไปทั่วตามอำเภอใจ ดังนั้นนางจึงถูกหมายตัว”

                ใจความนั้นตรงกับที่แคสซานดราเคยบอกมา ชายหนุ่มฟังแล้วจึงวางใจ แต่ก็นึกเปรียบเทียบพฤติกรรมของแม่มดเอริกากับสหายของตนต่อ

                “แม่มดดำทั่วไปนี่ไม่ได้ถูกหมายตัวเหมือนนางใช่ไหม”

                แม้จะขึ้นชื่อว่าเป็น นักเวทนอกรีต ชายหนุ่มก็ไม่เคยได้ยินว่าจะมีการกวาดล้างหรือตั้งเงินรางวัลไว้ให้แก่ผู้ที่สังหารผู้ใช้ศาสตร์มืดได้โดยสมาคมนักเวทแต่อย่างใด ทว่าเรื่องนี้เขายังไม่เคยตรวจสอบให้แน่ชัดว่า นั่นเป็นเพราะพวกพ่อมดแม่มดหลบเลี่ยงการตามล่าได้ดี หรือเป็นเพราะทางสมาคมไม่ได้สนใจจะจัดการ

                “ศาสตร์มืดก็เป็นเพียงศาสตร์แขนงหนึ่งที่คนยังไม่ยอมรับ” นักเวทของสมาคมบอก “แต่ถ้าไม่ได้ใช้มันสร้างความเดือดร้อนแก่ผู้อื่น ก็ยังไม่ถือว่าผิดหลักของสมาคม”

                “ฟังดูมีหลักการสูงส่งน่ายกย่องดี” วิลเลียมเปรย

                “ทว่าเรื่องเพื่อนของเจ้าที่เข้ามาร่วมเดินทางด้วย ก็ต้องระวังอยู่นะ” มาร์คัสกล่าวพลางเหลียวไปทางแม่มดดำที่อยู่แยกตัวออกไปจากกลุ่ม “นางมีอิทธิพลในลูซแวร์อยู่มากเกินกว่าที่แม่มดหรือนักเวททั่วไปควรจะมี สมาคมก็กำลังตรวจสอบเรื่องนี้อยู่ ยังไม่ทราบที่มาที่ไปแน่ชัดนัก หากก็ยังไม่มีหลักฐานใดจะเอาผิดนางเช่นกัน”

                “ข้าเข้าใจ” ชายหนุ่มบอก “อย่างไรก็ต้องขอบคุณท่านมาร์คัสที่ยอมให้นางมาร่วมเดินทางด้วย”

                นักเวทลมยิ้มรับคำนั้น ปากเอ่ย

                “ก็ฝ่าบาททรงอนุญาตให้เจ้าเลือกคนได้อยู่แล้วนี่ แถมเจ้าก็เอาชนะไลนัสมาแล้ว การณ์นี้ข้าจะได้คอยจับตาดูนางด้วย ไม่บ่อยนักหรอกที่แม่มดดำแห่งลูซแวร์จะมาปรากฏตัวให้คนเห็นนานๆ”

                วิลเลียมคลี่ยิ้มบ้าง เขาเพิ่งรู้ว่าแคสซานดราจะเป็นคนดังที่ทางสมาคมนักเวทต้องการจะสืบความเป็นมามากกว่านี้ และถึงมาร์คัสจะดูเป็นคนที่ตกลงด้วยได้ง่ายๆ หากแต่คนแก่อาวุโสย่อมกระดูกแข็ง เคี้ยวยากกว่าคนอายุเยาว์เป็นธรรมดาอยู่แล้ว การตัดสินใจของเขาย่อมมีจุดประสงค์ซ่อนอยู่เบื้องหลังเสมอ

                หลังจากที่วิลเลียมสนทนากับมาร์คัสเสร็จ เขาก็บอกให้ทุกคนเดินทางกันต่อ

                ช่วงบ่ายพอจะมีสัตว์อสูรล่าเนื้อออกมาหากินตามรายทางบ้าง แต่พออสูรเหล่านี้เห็นมนุษย์มาด้วยกันเป็นกลุ่มใหญ่แล้วก็จะไม่เข้ามาทำร้าย อาจมีบ้างที่โหยหิวมาจะเข้ามาด่อมๆ มองๆ ใกล้ๆ ทว่าไม่ทันไรไลนัสกับแดเนียลก็ไล่พวกมันไปได้แล้ว

                การเดินทางในวันนั้นสิ้นสุดลงเมื่อพระอาทิตย์ตกดิน

                เหล่าสมาชิกที่ต่างเหนื่อยล้ากันมาเต็มที่แล้วก็พากันแยกย้ายไปพักผ่อน จัดเตรียมที่พัก และอาหารเย็น

                มาร์คัสกางข่ายอาคมป้องกันสัตว์ป่ามารบกวน ไลนัสบอกว่าจะออกไปล่าสัตว์ ส่วนแดเนียลไปหาฟืน ไฮเดนกำลังเตรียมหม้อ ไห กระทะ และไปตักน้ำจากธารใกล้ๆ เหลือวิลเลียมคอยตรวจตราดูและสั่งงานส่วนที่ยังไม่มีคนทำ พวกผู้ชายที่เหมือนจะเคยชินกับการใช้ชีวิตกลางดินแบบนี้ดีแล้วแบ่งหน้าที่กันได้อย่างรวดเร็ว โดยไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมาก

                ฝ่ายสาวๆ เมื่อเห็นหนุ่มๆ ทำงานกันแข็งขันก็รี่เข้ามาอาสาช่วยเหลือบ้าง เรนนีบอกจะช่วยไฮเดนเตรียมอาหาร เพราะนางเคยเป็นเวรห้องครัวที่วิหารอยู่บ่อยๆ ส่วนโรซาลินด์สนใจข่ายอาคมที่มาร์คัสกำลังใช้ดินสอถ่านวาดอยู่ที่พื้นจึงตามไปศึกษาดู

                ตอนนั้นเองแคสซานดราจึงได้มีโอกาสคุยกับวิลเลียม

                “วิชาที่เจ้าใช้เอาชนะไลนัสได้เรียกว่าอะไรหรือ” นางเอ่ยถามขึ้นขณะเดินตามวิลเลียมที่สำรวจสถานที่อยู่ไปด้วย ถึงเขาจะไม่อยากตอบให้ทุกคนรู้ แต่หากนางเข้ามาถามเป็นการส่วนตัวแล้ว... วิลเลียมก็น่าจะยอมบอกอะไรบ้าง

                “เป็นวิชาที่ข้าฝึกมั่วๆ เอง ไม่คิดว่ามันจะดีเด่นอะไร เลยยังไม่ได้ตั้งชื่อไว้” วิลเลียมยังคงตอบเหมือนเดิม

                แม่มดดำมีสีหน้าไม่พอใจ

                “แม้แต่กับข้า เจ้าก็ยังไม่คิดจะยอมบอกอะไรเลยหรือ วิลเลียม”

                “ข้าพูดจริง” ชายหนุ่มสบตาอีกฝ่ายตรงๆ ยืนยันคำนั้น

                แคสซานดราเห็นรอยยิ้มขี้เล่นบนใบหน้าเขา แต่แววตาสีน้ำเงินกลับสื่อว่าอยากให้นางเชื่อ นางทราบดีว่านี่ไม่ใช่วิธีโกหกหรือกลบเกลื่อนธรรมดาที่วิลเลียมชอบใช้ หากก็ยังไม่น่าใจนักว่า สิ่งที่กล่าวมานั้นเป็นความจริงหรือไม่

                “ข้าสงสัยจริงๆ ว่า ช่วงที่เจ้าหายตัวไป เจ้าไปทำอะไรมาบ้าง” หญิงสาวไพล่ไปพูดอีกเรื่อง

                “ก็เที่ยวเล่นไปทั่วตามประสาของข้าแหละ” เขาบอก กลับไปเดินต่อ แล้วค่อยถามว่า “แต่ที่จริง ถ้าเจ้าอยากรู้เรื่องของข้า เจ้าก็แค่เอาของของข้าไปสักอย่าง แล้วไปปรุงน้ำยาดูก็ได้ไม่ใช่หรือ แคส”

                หญิงสาวไม่ตอบ... ที่วิลเลียมพูดมาก็ถูกต้องแล้ว ถ้านางอยากรู้เรื่องของเขาก็สามารถทำได้ง่ายนิดเดียว

                ริมฝีปากเรียวบางเอ่ยเอื้อนประโยคหนึ่งด้วยเสียงที่เบายิ่งนักกับตัวเองว่า

                “สำหรับบางคน...ข้าก็ไม่อาจใช้วิธีนั้นไปล่วงรู้สิ่งที่เจ้าตัวเองยังไม่อยากเล่าให้ข้าฟังได้หรอก”

                “หืม... เมื่อกี้เจ้าพูดอะไรหรือเปล่า แคส” วิลเลียมที่เดินนำอยู่หันกลับมามองหญิงสาวที่หยุดเดินไปชั่วคราว

                แคสซานดราเงยหน้าขึ้น ออกเดินตามอีกฝ่ายให้ทัน ไม่ตอบรับหรือปฏิเสธคำถามของวิลเลียม กลับกล่าวขึ้นแทนว่า

                “แล้วมีดเล่มนั้น เจ้ายังเก็บไว้อยู่อีกหรือ”

                อย่างน้อยก็ยังดีที่ยังมีมีดเล่มนั้นให้นางยินดีอยู่เรื่องหนึ่ง

                “อ้อ มีดเล่มนี้น่ะหรือ...”

                วิลเลียมนำมีดที่พกติดตัวไว้ออกมาดู ใบมีดที่มีรูปทรงคดโค้งกว่ามีดทั่วไปนั้นมีสีเงินทึบ แต่หากจับหันถูกทิศทางก็สามารถทำมาใช้เป็นกระจกสะท้อนได้ ตัวด้ามจับก็แลเรียบง่ายธรรมดา แต่เมื่อรวมกันทั้งหมดแล้วมีดเล่มนี้ก็ดูเป็นมีดชั้นดีคุณภาพสูงเล่มหนึ่ง

                “...จำได้ว่า ตอนประลองคราวก่อน ข้าก็ใช้มันช่วยสู้กับไลนัสแล้วมีปัญหาขึ้นมา แต่มันก็เป็นมีดที่ดี ข้าจึงยังเก็บไว้ใช้อยู่ เหมือนมีบางอย่างดลใจไม่ให้ข้าทิ้งมันไปได้เสียที”

                แคสซานดราฟังแล้วก็ก้มหน้าลง แสร้งทำเป็นมองมีดในมือของวิลเลียม แต่ใจกลับคิดคำนึงไปไกล...

                ใช้ในการประลองคราวก่อนแล้วมีปัญหาอย่างนั้นหรือ...

                ใครก็ตามที่สนใจติดตามเรื่องของวิลเลียมในอดีตล้วนทราบดีว่า วิลเลียมต้องประลองกับไลนัสในการสอบเข้าเป็นทหารองครักษ์ แล้วหลังจากวันนั้นนั่นเอง วิลเลียมก็หายตัวไป

                ข้าหลงนึกว่า...

                “แล้วเจ้ารู้จักที่มาของมีดนี้ด้วยหรือ แคส”

                เสียงถามเรียกความคิดของนางให้กลับมาอยู่กับปัจจุบัน

                แคสซานดราเบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อย เมื่อได้ยินคำนั้น

                “เจ้ายังจำเรื่องในอดีตได้ไม่หมดอีกหรือ”

                วิลเลียมคลี่ยิ้มบาง

                “เป็นฝีมือของเจ้าจริงๆ ด้วยสินะ ที่ทำให้ข้าฝันประหลาดอยู่ตั้งหลายคืน”

                แคสซานดราชะงักไปชั่วขณะ แต่ทันทีที่ได้สตินางก็รีบบอกว่า

                “เจ้าพูดเรื่องอะไร ฝันอะไรหรือ ข้าแค่สงสัยเพราะเห็นเจ้าลืมข้าไปในตอนแรก แล้วพออ่านหนังสือแม่มดดำแล้วก็กลับมาจำได้มากขึ้นเท่านั้นเอง”

                วิลเลียมยิ้มกว้างกว่าเดิม ไม่พูดอะไร

                หญิงสาวรู้ตัวว่านางได้ทำพลาดไปแล้ว พลาดง่ายๆ เสียด้วย นางหลุดถามออกไปก่อนเอง แล้วแค่อาการชะงักเพียงชั่วขณะกับคำตอบที่เป็นเหตุเป็นผลกันเกินไปนั้นก็ทำให้อีกฝ่ายจับพิรุธได้แล้ว

                ถึงจะคิดไว้แล้วว่าปล่อยให้วิลเลียมรู้ไปก็ไม่เป็นไร แต่ก็ไม่เคยคิดเลยว่า จะต้องหลุดสารภาพไปเองอย่างนี้

                “ไม่ต้องห่วงหรอก ข้ารู้ว่าเจ้ามีเจตนาดี ไม่โกรธเจ้าหรอก” ชายหนุ่มว่าขึ้น “ข้าแค่ไม่เข้าใจว่าทำไมข้าถึงได้ลืมเรื่องพวกนั้นไปได้”

                “คำสาป...” ตอนที่เอ่ยคำนั้นหญิงสาวยังคงก้มหน้าลง แต่แล้วนางก็เงยหน้าขึ้นสู้สายตาเขา นัยน์ตาสีเทามองตรงมาอย่างแน่วแน่ยิ่ง แคสซานดรากล่าวต่อว่า “เจ้าไม่มาตามสัญญา ข้าโกรธแค้นจึงบริกรรมคำสาปที่เคยแช่งเจ้าไว้ให้สัมฤทธิ์ผล”

                “อ้อ...”

                วิลเลียมไม่จำได้ว่ามีเรื่องเช่นนั้นด้วย แต่ก็ร้องเออออไปก่อน รู้สึกเสียวสันหลังขึ้นมาชอบกล หากแคสซานดรานึกโกรธเขาด้วยเรื่องในคราวนี้แล้วร่ายคำสาปอะไรที่ร้ายแรงกว่านั้นขึ้น เขาจะมิแย่หรอกหรือ

                “พอเห็นเจ้ากลับมาแล้ว ผ่านไปนานปีข้าก็หายโกรธ เลยช่วยถอนคำสาปให้” แม่มดดำเล่า

                “เป็นเพราะข้าไม่ดีเองสินะ”

                “ใช่... เพราะเจ้าไม่ดีเอง” แคสซานดราย้ำคำนั้นหนักแน่น

                ถึงเรื่องก่อนจะพลาดพลั้งไปแล้ว แต่เรื่องสำคัญที่กำลังทำอยู่ขณะนี้ นางจะต้องไม่พลาดเด็ดขาด

                เดินกันต่อสักพัก หญิงสาวก็กล่าวขึ้นว่า

                “มีอีกเรื่องที่ข้าจะต้องบอกให้เจ้ารู้ไว้...”

                “อะไรหรือ”

                “ข้าจะแค่ร่วมเดินทางไปกับพวกเจ้า ให้เจ้าพาข้าไปส่งถึงที่อยู่ของเอริกาเท่านั้น มิได้ตกลงจะเข้าช่วยเหลือเมื่อคนในคณะของเจ้าประสบภัยในระหว่างทาง แต่ก็จะไม่ก่อเรื่องตามที่รับปากกับเจ้าอยู่ ข้าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องใดๆ แค่ตามมาด้วย เข้าใจไหม”

                “เจ้าแค่อยากให้พวกเราช่วยเบิกทางให้นั่นเอง” วิลเลียมสรุป

                “ใช่” แคสซานดรารับ

                “ก็ตามใจเจ้า” เขายักไหล่ “แต่ข้าก็อยากแนะนำให้เจ้าลองผูกมิตรกับคนอื่นดูบ้างก็ดี อย่างน้อยก็น่าจะช่วยให้คนอื่นไม่ต้องแบ่งสมาธิมาระแวงสงสัยเจ้าให้มากเกินไป ทำให้สามารถทำหน้าที่กรุยทางให้เจ้าดีขึ้นด้วยนะ แคส”

                แม่มดดำฟังแล้วก็ไม่ตอบอะไร

                วิลเลียมมองกิริยานั้นแล้วอดคิดไม่ได้ว่า

                แต่ละคนดูจะสร้างปัญหาให้ข้ามากกว่าพวกสัตว์อสูรเสียอีก...

     

                ไลนัสจับกระต่ายตัวใหญ่มาได้ตัวหนึ่ง และกระรอกได้สามตัว รวมกับที่แดนเนียลจับปลามาได้อีกสามตัวหลังจากไปเก็บฟืน วัตถุดิบสำหรับประกอบอาหารมื้อนี้ก็ถือว่ามีมากเกินพอ

                ตกค่ำ พวกเขาก็ล้อมวงกันกินเนื้อกระต่าย กระรอก และปลาย่างรอบกองไฟ ที่จริงไฮเดนอยากทำสตูว์ แต่กลัวว่าจะใช้เวลาทำนานเกิน ทุกคนจะหิวกันเสียก่อน จึงเปลี่ยนเป็นอะไรที่ทำได้ง่ายๆ แทน แต่หลายคนกินแล้วก็เอ่ยชมว่า เขาปรุงรสได้อร่อยดี

                “ท่านวิลเลียมรู้จักกับท่านแคสซานดราได้อย่างไรหรือ”

                มาร์คัสเป็นคนเปิดหัวข้อสนทนานี้ขึ้นมาระหว่างรับประทานอาหาร ทุกคนได้ยินแล้วก็หันมาสนใจฟัง แม้แน่แคสซานดราที่นั่งอยู่นอกวงก็มองมายังวิลเลียมและมาร์คัส

                ทุกคนในลูซแวร์รู้จักนามแคสซานดรา แม่มดดำผู้ลือเลื่องกันดี ทว่าก็มีน้อยคนนักที่อยากจะเป็นเพื่อนกับนาง ต่อให้จะพอทำใจยอมรับนางเข้าร่วมกลุ่มด้วยได้ ในใจของแต่ละคนก็ยังคงเคลือบแคลงสงสัยอยู่ดีว่า วิลเลียมไปสนิทกับแม่มดนางนี้ได้อย่างไร

                “พอดีข้าไปซื้อของที่ร้านอาลีค้าสรรพยุทโธปกรณ์ แล้วบังเอิญเจอแคสซานดราเข้า แล้วพอดีคุยกันถูกคอ เลยคบหากันเป็นเพื่อน”

                คนที่รอฟังคำตอบได้ยินประโยคทีเล่นทีจริงนี้แล้วต่างมีสีหน้าไม่ค่อยอยากเชื่อกันเท่าใดนัก

                มีเพียงแคสซานดราที่คลี่ยิ้มออกมา อย่างไรเรื่องในอดีตและเรื่องงานที่ตกลงกันไว้ก็ยังถือเป็นความลับระหว่างเขากับนางอยู่ดี

                “แต่นางไม่ได้นักเวทธรรมดานะคะท่านวิลเลียม” เรนนีพูดขึ้น “...นางเป็นผู้ใช้ศาสตร์มืด” หญิงสาวพยายามเลี่ยงที่จะใช้คำพูดที่รุนแรงกว่านี้

                “เจ้าเรียกข้าว่า แม่มดดำ ตรงๆ เลยก็ได้” แคสซานดราบอกด้วยน้ำเสียงเย่อหยิ่ง “ข้าภูมิใจในคำเรียกนั้น”

                เรนนีสะดุ้ง หันไปมองหญิงสาวผมแดงที่อยู่ด้านหลัง นางลืมไปว่าแคสซานดรานั่งอยู่ใกล้ๆ นางนี่เอง พอเห็นนัยน์ตาสีโลหะที่สะท้อนกับแสงจากกองไฟแล้วรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

                “เจ้าคิดว่าผู้ใช้ศาสตร์มืดไม่ดีอย่างไรหรือ เรนนี” วิลเลียมเอ่ยถามเรียบๆ ช่วยคลี่คลายสถานการณ์ที่กำลังโดนข่มขวัญของนักบวชสาวไปได้

                “ก็ข้า...ได้ยินมาว่า แม่มดดำจับเด็กไปปรุงยาอายุวัฒนะ” เรนนีหันมาตอบวิลเลียม ไม่มองแคสซานดราอีกต่อไป

                ยินเสียงแม่มดดำหัวเราะเบาๆ ฟังแล้วช่างระรื่นเย็นจับใจและชวนให้รู้สึกหนาวในคราวเดียวกัน

                วิลเลียมจำได้ว่า อาลีก็เคยพูดอะไรทำนองนี้ให้ฟังตอนที่พยายามโฆษณาขายหนังสือให้เขา ดูท่าหนังสือแม่มดดำอะไรนั่นจะมีพิษสงร้ายกาจกว่าที่คิด

                แต่ถึงอย่างไร เขาก็ไม่คิดว่าแคสซานดราจะทำอะไรที่ผิดศีลธรรมขนาดนั้นได้หรอก ดูเอาจากเหล่าวัตถุดิบที่ใช้ปรุงยาแต่ละอย่างก็ได้ ถึงจะแปลกพิสดารอยู่บ้าง แต่ส่วนใหญ่แล้วจะมีเงื่อนไขที่ว่าต้องตายแบบประหลาดๆ ทั้งสิ้น

                “แล้วเจ้ามีหลักฐานยืนยัน หรือเคยเห็นกับตาหรือเปล่า หรือว่านั่นเป็นเพียงแค่คำที่คนเล่าลือมา” วิลเลียมถามชี้นำด้วยเสียงที่ฟังอ่อนโยน

                เรนนีรู้สึกเหมือนชายหนุ่มกำลังสั่งสอนตน พอคิดตามดูแล้ว นางก็ช่างหลงเชื่อคนโดยง่ายเสียนี่กระไร หากได้ยินอะไรซึ่งเป็นสิ่งที่ห่างไกลจากชีวิตของนางแล้วมักจะเชื่อเช่นนั้นทันที มาสเตอร์ก็เคยสอนไว้เช่นเดียวกันว่า นอกจากวิถีแห่งศรัทธาต่อพระผู้เป็นเจ้าแล้ว อย่าได้หลงเชื่ออะไรโดยง่ายจนกว่าจะได้พิสูจน์ด้วยตนเอง

                หญิงสาวนักบวชส่ายศีรษะ ก่อนบอกด้วยเสียงสำนึกผิดว่า

                “ข้าไม่เคยคิดเช่นนั้นมาก่อนเลย ข้าขอโทษด้วยที่สงสัยในตัวท่านวิลเลียมและท่านแคสซานดราก่อนหน้านี้”

                ถ้าหากนางเป็นสหายของท่านวิลเลียมแล้ว แสดงว่าที่จริงคงเป็นคนดีเช่นกัน บางทีแม่มดดำอาจจะไม่ได้ชั่วร้ายอย่างที่เรนนีเคยจินตนาการเอาไว้

                วิลเลียมฟังแล้วก็ยิ้มรับ คนอย่างเรนนีอาจกล่อมได้ง่ายอยู่ แต่กับคนอื่นคงไม่เปลี่ยนความคิดรวดเร็วเช่นนี้

                “ไม่เป็นไร ข้าไม่ถือหรอก” เขาบอก

                “ข้าชอบแนวทางการแต่งตัวของท่านแคสซานดรานะ” โรซาลินด์กล่าว “ข้าว่าท่านต้องเป็นแม่มดดำที่สวยที่สุดเท่าที่เคยมีมาในประวัติศาสตร์แน่ๆ เลยละ”

                มีสาวงามที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นกุหลาบแห่งลูซแวร์มาชมเชยเช่นนี้ ถ้าเป็นสาวอื่นคงต้องเอียงอายหรือหน้าแดงกันบ้างแล้ว ทว่าแคสซานดรากลับหยักยิ้มทรงเสน่ห์ แล้วเอ่ยว่า

                “ขอบใจ แต่ข้าชอบตำแหน่งแม่มดดำผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งยุคมากกว่า”

                โรซาลินด์ได้ยินคำนั้นแล้วก็หัวเราะเสียงใส พลางกล่าว

                “ข้าพอจะเข้าใจแล้วว่า ทำไมท่านถึงสนิทกับวิลเลียมได้ พวกท่านมีนิสัยบางอย่างที่คล้ายกันอยู่นะ”

                “อะไร” วิลเลียมว่า

                “ข้าไปคล้ายวิลเลียมที่ตรงไหน” แคสซานดราถาม

                หญิงสาวผมทองไม่ตอบ เพียงเอามือป้องปากหัวเราะเริงรื่นกว่าเดิม คนอื่นที่ไม่รู้จักวิลเลียมดีพอก็ไม่รู้ว่านางหัวเราะด้วยเรื่องอันใด ทว่าพอฟังเสียงหัวเราะที่ไพเราะเสมือนเสียงทิพย์จากสรวงสวรรค์ของโรซาลินด์แล้ว ทุกคนก็ไม่คิดจะเอ่ยถามเพื่อขัดนาง ต่างคนต่างยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว

                “ข้าขอโทษด้วยที่เสียกิริยาไป” โรซาลินด์บอกหลังหัวเราะเสร็จ “เดี๋ยวข้าเล่นดนตรีสร้างความบันเทิงให้พวกท่านเป็นการไถ่โทษละกันนะ”

                หลายคนคิดจะบอกว่า ไม่ต้องขอโทษหรอก ทว่าเพียงแค่คิดก็ช้าไปเสียแล้ว หญิงสาวหยิบพิณเรือนงามขึ้นมาวางบนตักแล้วเริ่มไล่เสียง เตรียมบรรเลงเพลง

                ปลายนิ้วเรียวจรดสายพิณ ออกแรงดีดคราหนึ่ง บังเกิดเสียงกังวานไพเราะ โน้ตตัวถัดไปไหลตามมา ท่วงทำนองรินลื่นขับขานกลางถิ่นไพร

                หญิงสาวเล่นพิณจนจบเพลง แต่มิได้เปล่งเสียงร้อง ทว่าเสียงดนตรีที่นางสร้างขึ้นก็ช่วยขับกล่อมผู้ฟังให้สนุกสบายอารมณ์ ทุกคนปรบมือชื่นชมนาง แม้แต่แคสซานดราที่นั่งอยู่นอกวงก็ยังเอามือทั้งสองแตะกันสามที

                “ได้ยินคำเล่าลือถึงฝีมือทางด้านดนตรีของกุหลาบแห่งลูซแวร์มานานแล้ว” มาร์คัสบอก “แต่เพิ่งมาได้ฟังเอาวันนี้รู้สึกเสียดายจริงๆ ที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้ไปเยี่ยมชม”

                “ท่านเก่งมาก” ไลนัสกล่าวกับหญิงสาว อาจเป็นเพียงประโยคง่ายๆ สั้นๆ แต่คำชมที่หลุดมาจากปากของเขานั้นก็นับว่ามีค่ายิ่งแล้ว

                “ไพเราะจริงๆ ค่ะ” เรนนีก็เพิ่งเคยได้ยินโรซาลินด์เล่นดนตรีเช่นกัน ทว่าพอเห็นอย่างนี้แล้วก็อดรู้สึกชื่นชมในตัวหญิงสาวมากขึ้นไปอีกไม่ได้ คนอะไรทั้งสวย ทั้งเก่ง กิริยาวาจาก็ดี น่ารักไปหมด

                “สุดยอดขอรับ ฟังแล้วรู้สึกสบายใจอย่างบอกไม่ถูกเลย” แดเนียลว่าบ้าง

                ส่วนไฮเดนและวิลเลียมที่พอจะมีโอกาสได้ยินโรซาลินด์เล่นดนตรีบ่อยกว่าคนอื่นก็ไม่ได้พูดอะไรมาก แต่อย่างไร วิลเลียมก็บอกขอบใจหญิงสาวอยู่เบาๆ โรซาลินด์ช่วงเบี่ยงเบนประเด็นและทำให้คนอื่นรู้สึกดีกับแคสซานดราขึ้นมาบ้าง

                หญิงสาวตอบรับคำชมทั้งหมดนั้นด้วยการกล่าวถ่อมตัวตามมารยาท ก่อนเก็บเครื่องดนตรีไป

                ความบันเทิงในค่ำคืนนั้นสิ้นสุดพร้อมอาหารมื้อเย็น

    ---

    S.O.

    November 17, 2010

    ช่วงนี้รู้สึกเหมือนอารมณ์วิลเลียมเข้ามาครอบงำค่อนข้างมาก ขี้เกียจบอก ขี้เกียจชี้แจง ขี้เกียจเล่าให้ฟัง...
    คงเป็นเพราะเห็นว่านั่นไม่ใช่หน้าที่ บอกแล้วก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา...กระมัง

    วิลเลียมนี่นิสัยไม่ดีจริงๆ ไม่ควรเอาเยี่ยงอย่างเลย

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×