ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Special Ones

    ลำดับตอนที่ #27 : บทที่ 11 อุปสรรค์ระหว่างทาง - "อย่าเข้ามาใกล้ข้าตอนนี้นะ ข้าตัวเหม็นมากเลย"

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.3K
      5
      10 ธ.ค. 53

    บทที่ 11 อุปสรรคระหว่างทาง

    อย่าเข้ามาใกล้ข้าตอนนี้นะ ข้าตัวเหม็นมากเลย

     

                เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากจัดการกิจธุระส่วนตัว รับประทานอาหารกันเล็กน้อย และจัดเก็บสัมภาระเสร็จ ชาวคณะก็พากันออกเดินทางไปยังแดนรกร้างตะวันตกต่อ

                เรนนีมองอาทิตย์ยามเช้าที่ทอแสงอยู่เหนือเส้นขอบฟ้าเล็กน้อย แล้วสูดอากาศเย็นผสมกลิ่นธรรมชาติของหญ้าเคล้าดินเข้าไป รู้สึกว่าวันนี้ช่างเป็นเช้าที่สดใส เหมาะแก่ออกเดินชมทิวทัศน์อย่างมาก นางคิดถูกแล้วที่ตัดสินใจออกมาของประสบการณ์ข้างนอกในครานี้ การเดินทางนี้ทำให้นางได้เปิดโลกทัศน์ให้กว้างขึ้น และรู้ว่าไม่ควรตัดสินคนจากที่คำเล่าลือที่ได้ยินมาโดยง่าย

                นางต้องขอบคุณหัวหน้าผู้นำขบวนเป็นอย่างยิ่งที่ช่วยสอนนางให้ทราบเรื่องนี้...

                เรนนีมองไปยังแผ่นหลังของชายหนุ่มผมน้ำตาลที่เดินน้ำอยู่เบื้องหน้า แล้วก็รู้สึกสำนึกในน้ำใจของเขาอีกครั้ง เมื่อคืนก่อนนี้ วิลเลียมอุตส่าห์ยอมสละตนเพื่อช่วยให้นางได้ลองแก้คำสาปดู

                “มองอะไรอยู่หรือจ๊ะ” โรซาลินด์เห็นเรนนีดูเหม่อๆ ก็ชะโงกหน้าเข้ามาถามอย่างน่ารัก

                ทว่าเพียงเท่านั้นก็ทำให้เรนนีสะดุ้งตกใจได้แล้ว

                “ขออภัยค่ะ พอดีว่าข้า...” นักบวชสาวรีบบอก หลังหายตกใจ ใบหน้าเรื่อสีแดงอยู่บ้าง “...ข้ากำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่”

                “หืม...” โรซาลินด์ส่งเสียงในลำคอ นิ้วชี้เรียวแตะปลายคาง นัยน์ตาสีเขียวมรกตหันมองไปยังคนที่คิดว่าเรนนีน่าจะมองอยู่เมื่อครู่ ก่อนถามว่า “เหมือนเรนนีจะรู้จักวิลเลียมมาก่อนนะ บอกข้าหน่อยได้ไหมว่ารู้จักกันได้อย่างไร”

                “ได้ค่ะ” เรนนีรับโดยไม่คิดอะไรมาก “ข้าทำงานอยู่ที่วิหารหลวงแห่งลูซแวร์ ท่านคงทราบแล้วว่า ที่วิหารแห่งนั้นมีแต่เชื้อพระวงศ์ชั้นสูงเท่านั้นที่จะมาใช้ได้ แล้วข้าก็เลยได้ยินเรื่องของท่านวิลเลียมมาบ้าง อ้อ... จริงสิ บางส่วนในเรื่องนี้ข้าคงเล่าให้ท่านฟังไม่ได้ เพราะมันผิดต่อหน้าที่” หญิงสาวเว้นวรรคไปเล็กน้อย “อันที่จริง ข้าก็เพิ่งรู้จักท่านวิลเลียมเมื่อไม่กี่วันก่อนนี้เอง แต่ท่านวิลเลียมก็เป็นคนดีอย่างที่คิดจริงๆ นะคะ”

                โรซาลินด์ฟังแล้วก็คลี่ยิ้มมุมปากอย่างน่ารัก นางพอจะจับกระแสเรื่องถูกใจเข้าให้แล้ว

                “เจ้าอาศัยอยู่ที่โบสถ์มาตั้งแต่เล็กเลยใช่ไหม เรนนี” หญิงสาวผมทองชวนคุยต่อ

                “ค่ะ ข้าเป็นกำพร้า แต่โชคดีที่มาสเตอร์รับเลี้ยงดูไว้ มาสเตอร์เป็นนักบวชชั้นสูงคนหนึ่งน่ะค่ะ”

                “แล้วเจ้าไม่คิดจะออกมาใช้ชีวิตแบบหญิงสาวธรรมดาข้างนอกบ้างเลยหรือ”

                “เอ๋...” เรนนีงงงันไปชั่วครู่ นางไม่เคยมีความคิดเช่นนั้นมาก่อน มาสเตอร์หรือคนอื่นในวิหารก็ไม่เคยถามนางเช่นนี้ “...ใช้ชีวิตแบบหญิงสาวธรรมดาหรือคะ”

                “ใช่แล้ว” โรซาลินด์รับ “ถ้าเป็นหญิงสาวธรรมดาก็ต้องคอยดูแลบ้าน ทำอาหาร เลี้ยงเด็ก แล้วก็...”

                ถ้าพูดถึงเรื่องการดูแลบ้าน ทำอาหาร หรือเลี้ยงเด็กนั้น เรนนีคิดว่าไม่ค่อยต่างจากการเป็นนักบวชเลย เพราะทุกวันนางก็ต้องคอยทำความสะอาดสถานที่ เป็นเวรทำอาหาร หรือว่าคอยดูแลเด็กๆ ที่เจ็บป่วยมาให้รักษาอยู่แล้ว ทว่าโรซาลินด์ยังคงเปิดปลายประโยคเอาไว้ คงต้องมีอย่างอื่นที่ต่างกันเป็นแน่

                “แล้วก็อะไรหรือคะ” คิดแล้วนางก็ถามต่อ

                “แล้วก็ต้องเอาใจใส่สามีสุดที่รักอย่างไรล่ะจ๊ะ” โรซาลินด์ลงท้ายเสียวหวาน “เป็นหญิงสาวธรรมดาก็แต่งงานได้ ไม่เหมือนนักบวชอย่างไร”

                เรื่องการมีคนรักหรือสามีนี่...

                “ไม่หรอกค่ะ” เรนนีส่ายหน้าปฏิเสธทั้งที่หน้าแดงก่ำ “ความรักต่อพระเจ้าและความรักที่พระองค์ทรงมอบให้เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้วละค่ะ ข้าคงมิอาจรักใครอื่นมากเท่าพระองค์ได้”

                “ถ้าเจ้าว่าเช่นนั้นก็...แล้วแต่เจ้าละนะ” โรซาลินด์บอกพร้อมยิ้มบางๆ เห็นกิริยาหญิงสาวเช่นนี้แล้วยิ่งน่าสนใจยิ่งขึ้นไปอีก

                “แล้วคุณโรซาลินด์รู้จักกับท่านวิลเลียมได้อย่างไรหรือคะ” นักบวชสาวพยายามเปลี่ยนเรื่องคุย ทว่าข้อหัวก็ดูจะไม่ไกลไปจากเดิมนัก

                “ข้าน่ะหรือ...” หญิงสาวผมทองเอียงคอคิด “...ข้าก็รู้จักกับวิลเลียมตั้งแต่เด็กแล้วละ พอดีแม่ของข้ากับแม่ของวิลเลียมสนิทกันน่ะ ข้ากับวิลเลียมเลยได้รู้จักกันไปด้วย”

                “อย่างนั้นหรือคะ” เรนนีมองโรซาลินด์แล้วหันไปมองวิลเลียมบ้าง อดคิดไม่ได้ว่าชายหญิงทั้งสองก็ดูเหมาะสมคู่ควรกัน ต่างรูปงาม และเป็นคนดีด้วยกันทั้งคู่

                “วิลเลียมที่จริงก็คงเป็นคนดีอย่างที่เจ้าว่านั่นแหละ เพียงแต่บางครั้งก็ออกจะซุกซนไปหน่อย” โรซาลินด์นึกถึงความหลังแล้วก็ยิ้ม “แต่ความซุกซนนั่นอาจถือเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งก็ได้นะ”

                นางตั้งใจจะกล่าวให้เรนนีเห็นข้อดีของชายหนุ่ม แต่ไม่รู้ตัวเองว่าคนฟังกลับคิดไปอีกทาง

                สำหรับเรนนีแล้ว นิยามของความรักก็คือความปรารถดี คือการเสียสละ และกระทำดีเพื่อคนที่ตนรักโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน แต่เรนนีก็รู้ว่า สำหรับผู้ที่ไม่ได้รับใช้พระผู้เป็นเจ้าอย่างใกล้ชิดแล้ว นิยามความรักอาจต่างออกไป ดังนั้น ถ้าหากวิลเลียมและโรซาลินด์ได้ครองคู่ร่วมกับคนที่ตนรักจริงๆ ก็คงจะดีไม่น้อย ...เรนนีหวังให้เป็นเช่นนั้น

     

                แคสซานดราทิ้งช่วงห่างไม่ไกลจากหญิงสาวทั้งสองคนนัก ได้ยินบทสนทนาแล้วรู้สักจั๊กจี้

                วิลเลียมน่ะหรือคนดี...

                เมื่อแรกที่ได้ยินเรนนีชมวิลเลียมนางก็คิดเช่นนั้น คนดีที่ไหนจะพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ตนต้องการกัน วิลเลียมนั้นแสร้งทำตัวเป็นคนดีให้คนอื่นเห็นมากกว่า

                ยิ่งได้ฟังเกี่ยวกับเรื่องการแต่งงานหรือมีสามีแล้ว แม่มดดำยิ่งรู้สึกอยากร่ายคำสาปหูหนวกแบบธรรมดาใส่ตัวเองไปชั่วคราวเสียด้วยซ้ำ ชีวิตของนางห่างไกลจากคำว่า หญิงสาวธรรมดานั้นอยู่มาก คนอย่างนางไม่มีทางอยู่กับบ้านคอยตามคนอื่นเช่นนั้นแน่

                ซุกซนหรือ... อย่างวิลเลียมน่ะเรียกแสบและนอกลู่นอกทางต่างหากเล่า...

                ในความคิดของแคสซานดรา ชายหนุ่มดูจะเป็นคนที่เลวร้ายกว่าที่คนอื่นบรรยายไว้นัก

                แม้โรซาลินด์จะบอกว่ารู้จักกับวิลเลียมตั้งแต่เด็กก็ตาม แต่แคสซานดราก็ยังเชื่อว่า คนที่รู้จักตัวตนหรือธาตุแท้ของวิลเลียมดีที่สุดในที่นี้ก็หนีไม่พ้นตัวนางเอง

     

                เดินทางกันไปได้สักระยะก็เหมือนสาวๆ จะหมดเรื่องคุยกันแล้ว บทสนทนาทั้งหลายจึงหยุดลง

                วาเรนบินกลับมาเกาะที่บ่าของแคสซานดรา วิลเลียมสังเกตจากลักษณะการบินที่ดูเร่งร้อนกว่าปรกติของมัน และสีหน้าที่ดูเคร่งเครียดขึ้นมาของแม่มดดำแล้วก็คาดว่าคงเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นแน่

                “ข้างหน้ามีฝูงมดดำยักษ์กำลังเพ่นพ่านออกล่าเหยื่ออยู่” เจ้าของอีการายงาน แม้นางจะเคยบอกต่อวิลเลียมว่าจะไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยอะไร แต่บางเรื่องก็พอบอกกันได้บ้าง

                “ฝูงมดดำยักษ์... ปรกติมันไม่ออกหากินเวลากลางวันนี่นา” มาร์คัสว่า

                “แต่ถ้านางพญาของพวกมันสั่งก็ทำเช่นนั้นได้” แคสซานดราบอก

                ทุกคนเงียบไป ก็จริงอย่างที่นางว่า ปรกติแล้วมดดำยักษ์ไม่ได้น่ากลัวอะไรนัก แต่ถ้าเจอพวกมันกำลังออกล่าเหยื่อหลายๆ ตัวแล้วถูกจับไปเป็นอาหารเข้าละก็...พอไปจ่อปากนางพญาของพวกมันแล้วคงมีชีวิตรอดยากอยู่

                “พวกเราควรหาทางเลี่ยงไป...” วิลเลียมกำลังจะเสนอ

                ทว่าไลนัสที่ปีนขึ้นไปสำรวจมองบนยอดไม้ใกล้ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าแม่มดดำไม่ได้โกหก กลับกล่าวขัดขึ้นว่า

                “ไม่ทันแล้ว พวกมันมาแล้ว”

                พร้อมกันนั้นก็ส่งลูกธนูออกจากสายไปโดยไม่รีรอ ศรพุ่งไปไกลโพ้น และแทงเข้ากลางช่วงตัวของมดดำยักษ์ตัวหนึ่ง เห็นแข้งขาของมันพุ่งออกจากพุ่มไม้บางส่วน

                คนอื่นที่อยู่ด้านล่างให้มองไม่เห็นตัวศัตรู แต่เมื่อมองไปตามทิศที่มองของเสียงก็ปรากฏมดดำตัวขนาดเท่าสุนัขเดินแน่วออกมาจากพุ่มไม้เตี้ยๆ ตรงนั้นแล้ว พวกมันมากันเป็นฝูง ตามกันเป็นสายๆ และตรงที่พวกเขายืนอยู่ก็น่าจะขวางทางเดินของสัตว์อสูรกลุ่มนี้พอดี ถ้าหากจะเปลี่ยนที่ตอนนี้ก็คงหลบไม่พ้นคลื่นขบวนมดดำยักษ์สายอื่น

                ทุกคนกระชับอาวุธและเครื่องป้องกันในมือ เตรียมพร้อมต่อสู้

                เรนนีร่ายมนตร์เสริมพลังความสามารถให้พวกผู้ชายที่ต้องออกไปรับศึกโดยพลัน พร้อมกันนั้นก็สร้างเกาะป้องกันขึ้นให้โรซาลินด์ มาร์คัส แคสซานดรา และตัวนางเองตามลำดับ

                โรซาลินด์คว้าฟลุตขึ้นมาจ่อที่ริมฝีปาก พอเห็นฝูงมดใกล้เข้ามาก็เริ่มต้นเป่าเป็นเสียงกังวานสูงซึ่งดูเหมือนจะทำให้แถวที่เคยตรงเป็นระเบียบของพวกมันเรรวนไป ทว่าก็ยังมีบางตัวเซซวนเข้ามาใกล้พวกเขาอยู่ดี

                มาร์คัสใช้เวทลมซัดมดดำสองตัวที่กระโจนใส่เข้ามากระเด็นกลับไป พวกนี้ถ้าเจออะไรที่มีชีวิตและกินได้ขวางอยู่เบื้องหน้าก็สามารถจับกลับไปเป็นอาหารโดยไม่เลือก จึงต้องระวังอย่าให้พวกมันรุมประชิด

                วิลเลียมจัดการซัดอาวุธเข้าไปที่ตำแหน่งที่หนวดของมันยื่นออกมาจากศีรษะของสัตว์อสูรที่กำลังจะพุ่งเข้าใส่เขาและกลุ่มผู้หญิง พวกมันล้มลงเพราะเสียจังหวะ แล้วไฮเดนที่อยู่ใกล้ๆ ก็เข้ามาปลิดชีพปิดท้าย

                แดเนียลและดาบยาวในมือก้าวรุดหน้า สังหารมดยักษ์ที่อยู่ในแถวที่จะจู่โจมพวกของตนไปเรื่อยไม่หยุดยั้ง ไลนัสที่ยังคงปักหลักอยู่บนต้นไม้ก็ส่งธนูออกไปไม่ขาดสาย ทุกดอกเข้าเป้าอย่างแม่นยำ จนสุดท้ายก็มีมดดำบางตัวพยายามปีนต้นไม้ที่เขาใช้อาศัยขึ้นมาอยู่ ไลนัสก็ยิงธนูรัวใส่พวกมันในระยะประชิด ทุกตัวสิ้นฤทธิ์ในทันที

                คลื่นขบวนมดคลื่นที่กันต่อไป โดยมีแถวหนึ่งตรงช่วงกลางขาดแหว่งไปเสียแล้ว

                ทุกคนกลับมารวมตัวกันโดยปลอดภัย ไม่มีใครบาดเจ็บ จะมีแต่แค่เลอะเทอะเปื้อนเมือกสีเขียวเหนียวๆ ที่มาจากซากมดกันอยู่บ้างเท่านั้น เมือกนี้หากปล่อยทิ้งไว้นานอาจสร้างความระคายที่ผิวหนังได้ แต่ถ้าชั่วคราวก็ไม่นับเป็นอย่างไร

                เรนนีบอกว่า เวทชำระล้างนางยังไม่เชี่ยวชาญนัก คงทำความสะอาดให้ทุกคนได้ไม่หมด หนุ่มๆ ก็ไม่ว่าอะไร บอกว่า พอเจอแหล่งน้ำข้างหน้า ค่อยแวะพักทำความสะอาดกันก็ได้ ที่จริง นอกจากแดนเนียลที่เข้าไปลุยประจันหน้าเต็มตัว คนอื่นก็ไม่ได้เปรอะอะไรนัก

                แคสซานดราใช้ปลายนิ้วเคาะเกราะป้องกันที่เรนนีร่ายให้เพื่อสลายมันไป คณะเดินทางกลุ่มนี้จัดการฝ่าฝูงมดดำยักษ์ได้โดยไม่ต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากนางเลยด้วยซ้ำ แม้จะยังทำงานประสานกันได้ไม่คล่องนัก แต่ความเก่งและฝีมือที่แต่ละคนมีอยู่ เมื่อมารวมกันและทำหน้าที่ในส่วนของตนอย่างเต็มที่แล้ว ก็เพียงพอจะรับมือกับสัตว์อสูรระดับต่ำกลุ่มใหญ่ได้สบาย คิดแล้วก็ไม่รู้ว่าควรจะชื่นชมดีหรือไม่... แต่หากมองในแง่ดี การณ์นี้น่าจะช่วยให้นางไปถึงตัวแม่มดแห่งแดนรกร้างตะวันตกได้ง่ายขึ้น นางจำเป็นต้องออมแรงเอาไว้ก่อนจนกว่าจะถึงตอนนั้น

                ชาวคณะเดินทางกันต่อไปด้วยความฮึกเหิมที่เพิ่มขึ้น พอได้เห็นฝีมือของเพื่อนร่วมทางที่ได้นำออกมาใช้เมื่อครู่ก็ทำให้ต่างคนต่างเชื่อถือและคิดว่าอีกฝ่ายก็พึ่งพาไว้ใจได้

                พวกเขาพบธารน้ำสายหนึ่งในเวลาใกล้เที่ยงพอดี จึงหยุดแวะพักชำระร่างกาย และถือโอกาสพักรับประทานมื้อกลางวันกันเลย

                ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลกำลังนั่งตรวจสอบอาวุธของตน อาวุธสำหรับขว้างหรือซัดจำพวกที่เขาใช้นี้ แม้จะสามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ก็จริง แต่ในบางสถานการณ์ก็ยากที่จะไปตามเก็บกลับมาได้ ทั้งยังเป็นของที่มีราคาค่อนข้างสูง และไม่ได้หาซื้อได้ง่ายอย่างลูกดอกหรือลูกธนูที่ไลนัสใช้ วิลเลียมยังมีปัญหาด้านการเงินเพราะอาวุธของตนอยู่ร่ำไป เวลาจะซัดมีดออกแต่ละครั้งจึงต้องคิดคำนวณถึงหลายสิ่งหลายอย่างไว้ก่อน เพราะหากใช้แล้วสูญหายหรือหมดไป เขาก็ไม่ได้มีชุดสำรองติดตัวเอาไว้มากนักด้วย

                นึกแล้วก็น่าหดหู่ใจกับแนวอาวุธที่เขาถนัดเสียนี่กระไร แต่จะให้หัดไปจับดาบ หรือยิงธนูสู้ก็เทียบคนอย่างแดเนียลหรือไลนัสไม่ได้อีก ถ้าหากอยากมีอะไรที่เฉพาะโดดเด่นเป็นของตนเองก็ต้องเลือกเส้นทางที่ต้องลงทุนทั้งกำลังทรัพย์และกำลังสมองสายนี้ อย่างน้อยก็ยังพอภูมิใจได้ว่าตนมีอะไรที่เหนือกว่าผู้อื่นอยู่บ้าง

                เมื่อครู่นี้ วิลเลียมซัดมีดโจมตีมดดำยักษ์ไปหลายเล่มเหมือนกัน ทว่าเขาหากลับคืนมาได้ไม่ครบ มีที่ขาดไปอยู่สอง ทั้งสองเล่มนั้นเป็นมีดในชุดที่ซื้อมาจากร้านของอาลีเสียด้วย คิดแล้วก็ช่างน่าเสียใจยิ่งนัก ราคาก็แพงแสนแพงแต่มาหายเอาง่ายๆ โดยยังใช้แค่ไม่กี่ครั้งนี้ ช่างไม่คุ้มเสียเลย

                ทว่าพอเขาเอาแผ่นหนังที่ใช้เก็บมีดชุดนั้นที่มาคู่กันขึ้นมาดู กลับพบว่า มีดขว้างสลักลายรูปปีกที่ด้ามทั้งหกขนาดต่างกันยังอยู่ครบ

                วิลเลียมหรี่ตามองอาวุธราคาแพงอย่างครุ่นคิด...

                มีดซัดหวนคืน

                ชื่อของอาวุธที่อาลีหลุดบอกออกมาตอนต่อราคากระเป๋าหนังมังกรย้อนกลับเข้ามาในสมอง

                แต่ถ้ามีดชุดนี้มีความพิเศษอย่างชื่อที่ว่าจริง ทำไมอาลีถึงไม่โฆษณาบอกสรรพคุณของมันตั้งแต่ต้นเล่า ตอนแรกที่คุยกันก็ไม่ได้บอกถึงเรื่องของอาวุธเลยด้วยซ้ำ บอกแค่ว่า ลงอาคมช่วยเพิ่มความเร็วและความแม่นยำเท่านั้นเอง

                ชายหนุ่มว่าจะทดสอบทฤษฎีที่เพิ่งคิดขึ้นได้ดูเล็กน้อย จึงลองขว้างมีดใส่ต้นไม้ดูหลายๆ ครั้ง ขว้างแล้วก็ไปเก็บกลับคืนมาบ้าง ไม่เก็บบ้าง ลองกะเวลา ลองวางแผ่นหนังที่ใช้จัดเก็บไว้ที่อื่น ไม่พกติดตัว แล้วก็ลองพกติดด้วยดูอีกที ทำอยู่นานเข้าคนอื่นที่พักอยู่ใกล้ๆ เห็นก็เริ่มหันมามองอย่างสงสัยว่าเขากำลังทำอะไรอยู่

                พอวิลเลียมทดลองจนได้ข้อสรุปแล้วก็ยิ้มกริ่ม เก็บอาวุธไว้กับตัว ถ้าเป็นอย่างนี้ราคาของอาวุธชุดนี้ก็คุ้มสุดแสนคุ้มแล้ว และต่อไปคงช่วยเขาประหยัดเงินได้เยอะทีเดียว ความดีความชอบนี้คงต้องยกให้อาลี... ไม่สิตอนนั้นคงเป็นอีกคนที่สั่งให้อาลีทำเช่นนี้มากกว่า...

                “ชอบอาวุธจากร้านข้าละสิ” แคสซานดราเห็นวิลเลียมเหมือนจะค้นพบความสามารถที่แท้จริงของมีดซัดหวนคืนเข้าแล้วก็เดินเข้ามาคุยด้วย

                “ใช่ มันดีมากๆ เลย ขอบใจเจ้ามากนะ แคส” ชายหนุ่มยังคงยิ้มกว้าง

                “ถ้าอยากขอบคุณก็หาเงินไปจ่ายอาลีเพิ่มเถอะ” แม่มดดำบอก “เจ้านั่นยังคงคร่ำครวญเรื่องที่ขาดทุนเพราะขายมีดชุดนั้นให้เจ้าไปไม่หยุดเลย”

                วิลเลียมไม่ตอบรับ เรื่องจะให้หาเงินไปจ่ายเพิ่มคงต้องเอาไว้หลังจากที่เขาเรียกเงินจากลูเธอร์ได้เยอะกว่านี้ และมั่นใจว่าภารกิจปราบแม่มดจะสำเร็จลุล่วงโดยที่เขาไม่ต้องเป็นหนี้ใครก่อน

                “แต่เจ้ามัวแต่ห่วงอาวุธ ไม่สนใจดูแลตัวเองบ้างเลยนะ คนอื่นเขาชะล้างเสร็จ เตรียมออกเดินทางกันต่อแล้ว”

                “อ้อ จริงสินะ” ชายหนุ่มว่า มองสำรวจรอยสีเขียวที่เปื้อนแขนเสื้อของตนเองอยู่ประปราย แต่ว่าอย่างไรดูแล้วก็คงล้างออกไม่ได้ง่ายๆ คงต้องปล่อยให้เป็นเช่นนี้ไปก่อนละกัน

                “ท่านวิลเลียม ทุกคนพร้อมแล้ว ใกล้จะออกเดินทางกันละค่ะ...” เรนนีที่ได้รับมอบหมายจากโรซาลินด์ให้มาตามวิลเลียมต้องชะงักคำไปเมื่อเห็นว่า มีใครอีกคนอยู่กับชายหนุ่มด้วย แต่พอนางเห็นแขนเสื้อของวิลเลียมที่ยังเลอะอยู่แล้วก็เปลี่ยนไปกล่าวอีกเรื่องแทน

                “ยังไม่ได้ล้างเลยนี่คะ เดี๋ยวปล่อยไว้จะซักออกยากนะ เดี๋ยวให้ข้าลองใช้เวทชำระล้างให้แทนดีกว่าค่ะ ถึงจะยังใช้ได้ไม่คล่องแต่แค่นี้ก็คงพอทำได้ จะได้ไม่เสียเวลาเดินทางกันต่อด้วย”

                “อย่าเลย ไม่ต้องลำบากเจ้าหรอก ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร พวกเรารีบไปรวมกับคนอื่นดีกว่า”

                วิลเลียมไม่อยากพิรี้พิไรให้มากความนัก อย่างไรเขาก็เผชิญกับอะไรที่สกปรกเลอะเทอะเป็นประจำอยู่แล้ว คนอื่นคนจะไม่ถือ คงมีแต่พวกผู้หญิงเท่านั้นที่ดูจะรักสะอาดจนเกินไป

                ชายหนุ่มคิดจะเดินตรงไปรวมกับคนอื่นตัดปัญหาไปเลย ทว่าไม่เพียงก้าวไปข้างหน้าได้ไม่กี่ก้าว แคสซานดราก็ตัดหน้าเข้ามา นางเอามือแตะบ่าเขา ฉับพลันนั้นความสกปรกทั้งหลายก็หลุดลอกออกไปจากเสื้อผ้าและเนื้อตัวของเขาทั้งหมด วิลเลียมเหมือนเพิ่งอาบน้ำเปลี่ยนชุดมาใหม่ๆ

                “เวทแค่นี้ไม่เห็นจะยากอะไร ให้ข้าทำให้ก็สิ้นเรื่อง” กล่าวจบนางก็หันหน้าหนี ชิงเดินกลับไปร่วมขบวนกับคนอื่นก่อน

                “แม่มดดำสามารถใช้เวทชำระล้างเป็นด้วยหรือคะ” เรนนีถามวิลเลียม หลังจากเห็นฤทธิ์เวทนั้น นี่มันเหนือว่าที่นางทำได้เสียอีก นักบวชสาวทำได้แค่ให้คราบสกปรกหลุดออกไปเป็นส่วนๆ เอง

                “แคสมีความสามารถมากมายหลายด้านน่ะนะ” วิลเลียมบอกพลางเดินกลับไปกับเรนนี

                เรื่องที่ว่าแม่มดดำทั่วไปสามารถใช้เวทเช่นนี้ได้หรือไม่เขาเองก็ไม่ทราบเช่นกัน แต่เห็นทีคงต้องบอกให้แคสซานดราระวังมากกว่านี้เสียแล้ว นางไม่ควรจะทำดีกับเขาเพียงคนเดียวให้ใครเห็น แล้วก็ควรจะแบ่งหน้าที่ให้เรนนีรับผิดชอบบ้าง ช่วงนี้เหมือนแม่มดดำจะหงุดหงิดด้วยเรื่องอะไรบางอย่าง ถึงได้ทำอะไรแปลกๆ ไม่ค่อยคิดหน้าคิดหลังอย่างที่สมควรจะเป็น ไม่แน่บางทีอาจจะเป็นเรื่องที่เขาแหย่ไปเมื่อวานทำให้นางยังโกรธอยู่

                “มาช้าเพราะมัวแต่เสียเวลาไปแต่งองค์ทรงเครื่องอยู่อย่างนั้นรึ” ไลนัสอดแขวะใส่คนที่เพิ่งมาถึงในชุดสะอาดเอี่ยมกว่าผู้ใดไม่ได้

                เรนนีอ้าปากเตรียมจะช่วยพูดแก้ให้ แต่วิลเลียมก็ทำมือบอกให้หญิงสาวเงียบลงเสียก่อน เรื่องนี้ให้เรนนีรู้ก็แย่พออยู่แล้ว ปล่อยให้ไลนัสรู้อีกจะยิ่งเลวร้ายเข้าไปใหญ่ ดังนั้นก็นิ่งเงียบ เจียมตัว ยอมให้ชายผมเงินด่าบ้างก็ดี วันก่อนหลังพ่ายแพ้ไลนัสก็เงียบผิดปรกติไป วันนี้กลับมาได้ยินเสียงค่อยรู้สึกว่ามีอะไรมากระตุ้นโสตสัมผัสให้ตื่นเต้นบ้าง

                วิลเลียมกล่าวขอโทษ ยอมรับทุกคำติเตียน แล้วบอกให้ทุกคนเดินทางต่อกันได้ แม้จะอยู่ในฐานะหัวหน้า และทำตัวให้สมกับตำแหน่งผู้นำแล้วก็ตาม แต่ชายหนุ่มก็ยังดูสบายๆ ผ่อนคลาย และมีความคิดและการกระทำที่ผู้อื่นคาดไม่ถึงอยู่เช่นเดิม

     

                ยามอาทิตย์ใกล้อัสดงลาลับขอบฟ้าไปนั้น มีกลิ่นเหม็นคละคลุ้งรอยมาปะทะจมูกเหล่านักเดินทาง กลิ่นนั้นเหม็นจนชวนคลื่นเหียน โรซาลินด์และเรนนีต้องเอามือปิดจมูก ทางด้านแคสซานดราก็ลูบปลอบวาเรนที่ส่งเสียงร้องและทำท่ากระสับกระส่ายอยู่ให้สงบลง ทว่าสีหน้าของแม่มดดำก็ดูไม่ดีเอาเสียเลย

                ฉับพลันทันใดนั้น โดยที่ยังไม่มีใครได้ไต่ถามหรือลงมือทำอะไรถูก ก็ปรากฏร่างของสัตว์อสูรรูปร่างผอมแห้งที่มีปีกเป็นพังผืดเหมือนค้างคาว มีจะงอยปากติดเขี้ยวยาวแหลม และอุ้งเล็บขนาดใหญ่ที่เท้า อมนุษย์รูปร่างคล้ายคน นก และกิ้งก่านั้นพุ่งตรงมายังพวกเขา

                “วิหคหนังเกล็ดดึกดำบรรพ์” มาร์คัสบอกขึ้นท่ามกลางความตื่นตกใจของเหล่าสมาชิกคณะเดินทางที่เห็นภาพนั้น “...ไม่น่าเชื่อว่าจะมาเจอในที่แห่งนี้”

                คนอื่นไม่เคยได้ยินนามสัตว์อสูรดังกล่าว แต่เห็นจากปฏิกิริยาของมาร์คัสแล้วก็พอทราบได้ว่า มันต้องร้ายกาจไม่เบา

                นักเวทที่ได้สติก่อนคนอื่นรีบใช้เวทลมขับไล่กลิ่นเหม็นออกไป อย่างน้อยอากาศบริสุทธิ์จากอีกทิศหนึ่งก็น่าจะช่วยให้พวกเขามีสมาธิต่อสู้กับศัตรูมากขึ้น

                “มันเป็นอย่างไรหรือท่านมาร์คัส” วิลเลียมรีบถามขึ้นเมื่อพอโอกาสให้เปิดปากหายใจได้

                “รายละเอียดเกี่ยวกับวิหคหลังเกล็ดนี้ข้าก็ไม่ทราบ แค่เคยเห็นรูปของมันในหนังสือสัตว์อสูรยุคเก่าเท่านั้น” มาร์คัสตอบ “เตรียมตัวรับมือไว้ให้ดีละกัน”

                ไลนัสนำธนูออกมายิงศรใส่เจ้าสัตว์มีปีกนั้นเป็นการลองเชิง ทว่าทันทีที่ลูกศรเข้าไปใกล้สัตว์อสูร ปีกยักษ์จะสะบัดฟาดมันจนปลิวกระเด็นไป แม้แต่สภาวะที่รุนแรงของธนูของไลนัสก็ไม่อาจต้านทานพลังกำลังลมนั้นได้

                อสูรดึกดำบรรพ์บินมาใกล้พวกเขาแล้ว แต่ก็ยังอยู่สูงเหนือขึ้นไปมากนัก

                วิลเลียมตะโกนบอกให้โรซาลินด์ลองใช้เสียงดนตรีก่อกวนมัน ทำให้สับสน ซึมเซา หรือหลับใหล ไม่ได้สติไปเลยก็ยิ่งดี แล้วก็บอกไฮเดนให้คอยช่วยคุ้มกันนางไว้

                หญิงสาวพยักหน้ารับ เตรียมพิณขึ้นมาพร้อม ก่อนเริ่มบรรเลง หากแต่โรซาลินด์เองก็ยังไม่แน่ใจนักว่าวิธีนี้จะใช้ได้ผลหรือไม่ ส่วนไฮเดนก็พร้อมปฏิบัติตามคำสั่งของผู้เป็นนาย ย้ายมาคอยระวังอยู่ข้างๆ สาวผมทองโดยพลัน

                เรนนีร่ายมนตร์เสริมพลังและป้องกันให้ทุกคนเอาไว้โดยไม่ต้องบอก นางทราบดีว่าการต่อสู้กับสัตว์อสูรตนนี้คงจะหนักหนาอยู่จึงตั้งใจรวบรวมสมาธิ คอยระวังความปลอดภัยและช่วยเหลือทุกคนอย่างเต็มที่

                กรงเล็บของนกยักษ์โฉบลงมาจากฟ้ากลางวงของคณะเดินทาง ทุกคนเคลื่อนที่ไหวตัวหลบได้ทัน ไลนัสที่รอท่าอยู่แล้วรีบพุ่งเข้าไปโจมตีด้วยดาบในมือ แดเนียลก็แทงหอกออกตามเพื่อนไปเช่นกัน ทว่าเพียงเท่านั้นก็มิทำให้เกิดบาดแผลระคายเคืองต่อผิวหนังหุ้มเกล็ดของมันแม้แต่น้อย เพียงสัตว์อสูรขยับปีกบินขึ้นอีกครั้งก็สลัดชายทั้งสองหลุดออกไปได้แล้ว

                วิหคหนังเกล็ดดึกดำบรรพ์หยอกเล่นกับเหยื่อของมันอีกหลายครั้ง แต่ทุกครั้งที่กางกรงเล็บโฉบลงไปหมายจับมนุษย์มากินสักคนก็คว้าได้เพียงอากาศธาตุเสียทุกที จนอมนุษย์กึ่งกิ้งก่ากึ่งนกชักรำคาญพวกมันที่มาตามตอแยเอาของแหลมมาสะกิดผิว จึงว่าจะเลิกเล่นแล้วเปลี่ยนไปเลือกเอาคนใดคนหนึ่งมาเป็นมื้อเย็นเลยเสียที

                ที่สะดุดสายตาของมันมากที่สุดก็คือผู้หญิงในชุดนักบวช เป็นเพราะนางคอยร่ายมนตร์สร้างเกราะกำบังให้พวกนั้นใหม่เรื่อยๆ การโจมตีของมันจึงไม่เป็นผล ถ้าจับไปกินเสียเลยคงดี

                เมื่อนั้นเองเป้าหมายการโจมตีของสัตว์อสูรที่เคยเป็นแบบสุ่มก็เปลี่ยนไปมุ่งที่เรนนีคนเดียว ตอนแรกมันก็ยังทำอะไรไม่ได้มากเพราะว่า หญิงสาวก็ร่ายเกราะคุ้มกันต้องตนเองไว้อยู่ แต่พอโดนกระแทกมากๆ เข้าเกราะนั้นก็สลายไป เรนนีตกใจที่ศัตรูเปลี่ยนมาเล่นงานเพียงคนเดียวจนตั้งตัวไม่ทันและไม่มีความคิดจะร่ายเกราะให้ตนเองใหม่ หญิงสาวได้แต่ยืนรอรับชะตากรรมด้วยความหวาดกลัว

                เรนนีขดตัวหลับตาปี๋เมื่อกรงเล็บยักษ์พุ่งเข้ามาหานาง

                วิลเลียมที่คอยสังเกตมองหาจุดอ่อนของวิหคหนังเกล็ดดึกดำบรรพ์ และอยู่ใกล้บริเวณนั้นพอดีรีบพุ่งตัวเข้ามาช่วยเมื่อเห็นนักบวชสาวมีภัย เขาผลักเรนนีล้มไปด้านข้างและใช้มีดสั้นที่พกไว้ยันเท้านกติดพังผืดขนาดใหญ่นั้นแทน

                แม้จะทราบดีว่าอาวุธยาวจะรับการโจมตีนี้ได้ดีกว่าอาวุธนั้น แต่พอถึงยามคับขันก็เหมือนสัญชาตญาณจะชักนำให้หยิบมีดเล่มนี้ออกมาใช้เสมอๆ มีดเล่มนี้มักสร้างปาฏิหาริย์ให้เขาตลอด และคราวนี้ก็เช่นกัน...

                ชายหนุ่มยังคงยืนยั้งอยู่ตรงนั้นรับแรงโจมตีมหาศาลของสัตว์ดึกดำบรรพ์ได้อย่างน่าอัศจรรย์ เท้าจมดินลึกไปตั้งแต่ทีแรกที่กระแทกกันแล้ว ทว่าเขาก็ยังคงยืดมีดไว้ได้อยู่ เป็นฝ่ายอสูรครึ่งกิ้งก่าครึ่งนกเสียอีกที่ต้องล่าถอยด้วยการบินหนีหลบขึ้นไป

                เมื่อเรนนีลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก็เห็นวิลเลียมกำลังแยกตัวออกจากสัตว์อสูรพอดี เป็นเขานั่นเองที่ช่วยนางเอาไว้

                “แดเนียล มาร์คัส ไฮเดน ช่วยหลอกล่อเจ้านกยักษ์นี้ไว้ให้หน่อย” ชายหนุ่มร้องบอกชายอีกสามคน ก่อนหันไปกล่าวกับมาร์คัสต่อว่า “ท่านมาร์คัส ข้าอยากได้ลมช่วยส่งขึ้นฟ้าไปเกาะตัวมัน”

                วิลเลียมชี้นิ้วมือซ้ายไปที่วิหคหนังเกล็ดดึกดำบรรพ์ที่ตอนนี้หันไปโจมตีไลนัสเพราะการยิงธนูต่อเนื่องใส่ของเขาแล้ว

                “เอาให้ยิ่งสูงยิ่งดี” เขาเสริม พอมองเห็นแล้วว่าช่วงคอเล็กๆ สั้นๆ ของมันนั้นไม่ได้มีเกล็ดหุ้มอยู่ด้วย

                “ได้เลย” ชายสูงวัยกว่ารับ พร้อมกันนั้นก็เริ่นต้นเรียกลมมา

                มาร์คัสยังไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายต้องการจะทำอะไร แต่เมื่อชายหนุ่มมีท่าทีกระตือรือร้นเหมือนจะมีแผนดีอยู่ในหัวเช่นนี้ เขาก็พร้อมจะสนับสนุน

                สายลมและมวลอากาศที่อัดกันแน่นรอบตัวกำลังพาวิลเลียมลอยสูงขึ้น ชายหนุ่มผมน้ำตาลมาอยู่ด้านหลังวิหคหนังเกล็ดดึกดำบรรพ์แล้ว ขอเพียงลมส่งให้ลอยเข้าไปใกล้อีกนิดก็จะไปประชิดตัวได้ ทว่าขณะนี้มาร์คัสค่อยๆ บังคับลมพาวิลเลียมเคลื่อนเข้าไปนั้นเอง สัตว์อสูรก็หันฉับ สะบัดปีกเรียกลมมาจัดการกับพวกไลนัสเสียก่อน แรงสะท้อนในทิศตรงข้ามก็กระทบถึงคนบนฟ้าด้วย

                วิลเลียมถูกเหวี่ยงออกไปนอกทิศทาง...และปฏิบัติการครั้งนี้ก็กำลังจะล้มเหลว...

                ...หากไม่ได้ลมจากเวทมนตร์ของแม่มดดำมาช่วยคำจุนพยุงเอาไว้เสียก่อน

                คนที่ลอยเคว้งอยู่ในอากาศมองเห็นในชั่วเสี้ยวหนึ่งว่า แคสซานดราที่ยืนอยู่ห่างออกไปจากคนอื่นเสมือนต้องการชมดูเฉยๆ นั้นชูไม้เท้าอสรพิษขึ้นมาช่วยเขา

                และแล้วชายหนุ่มก็มาเกาะอยู่ที่หลังของนกยักษ์ได้ในที่สุด เมื่อเจ้าตัวที่มัวแต่ระดมกำลังจัดการกับมนุษย์ที่พื้นทั้งสามรู้สึกตัวก็สายเกินไปแล้ว คมมีดอาบพลังสายฟ้าบาดลำคอ ตัดหลอดลมของมันไป ร่างอสูรดิ่งฮวบลงสู่พื้นดิน...

                ถ้าเป็นเวทธาตุอื่นมันคงไม่พ่ายแพ้หรือเกรงกลัว แต่เวทสายฟ้า...พลังเดียวกับที่บังคับมันให้ล่าถอยเมื่อครู่...เป็นพลังชนิดเดียวที่ทำอันตรายมันได้

                อสูรติดปีกตกลงแล้ว คนธรรมดามีหรือจะไม่ตกด้วย...

                เมื่อรู้ตัวอีกทีว่าหัวหน้ากลุ่มของตนได้ทำอะไรลงไป สมาชิกคนอื่นก็ต่างวิ่งไปดูที่ตำแหน่งที่นกยักษ์ตกลงมาด้วยความเป็นห่วง

                ครั้นพอเห็นชายหนุ่มผมสีน้ำตาลนอนหงาย กางแขนกางขากว้าง แผ่หลาออกไป อยู่ที่พื้นข้างๆ ซากของวิหคหนังเกล็ดดึกดำบรรพ์ และรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาแล้วก็ต่างคลายใจลง

                “อย่าเข้ามาใกล้ข้าตอนนี้นะ ข้าตัวเหม็นมากเลย” วิลเลียมบอกทั้งที่ยังหอบหายใจ

                ในเวลาเช่นนี้ชายหนุ่มก็ยังคงกล่าวไปอีกเรื่องโดยไม่สนใจเลยว่าคนอื่นต่างกำลังเป็นห่วงแค่ไหน

     

                ค่ำคืนนั้นทุกคนเอาใจใส่ดูแลวิลเลียมเป็นพิเศษ อันที่จริงมันเริ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงเย็นในตอนที่เขาสลบไปหลังจากบอกว่าตัวเองตัวเหม็นมาก ไฮเด็นเป็นคนแบกเขาขึ้นหลังแล้วพามาจนถึงแหล่งที่พักในขึ้นนี้ซึ่งก็เข้ามาอยู่ในเขตของแดนรกร้างตะวันตกแล้ว

                แม้แต่ไลนัสเองก็ไม่พูดจาชวนหาเรื่องกับเขาอีก ผู้นำขบวนกลายเป็นผู้ป่วยที่ไม่ต้องทำอะไรไป อาหารไฮเดนก็ยกใส่จานมาให้กินถึงที่ ที่นอนก็มีคนจัดให้ อาวุธประจำตัวต่างๆ ของเขาแดเนียลก็รับอาสาเอาไปดูแล ลับคม ขัดเงา ทาน้ำยา แล้วนำมาคืนอย่างรวดเร็ว โรซาลินด์ก็แวะมาชวนคุยตอนว่างงาน ส่วนมาร์คัสก็รับหน้าที่หัวหน้าไปจัดการดูแลความเรียบร้อยของสิ่งต่างๆ แทนเขา เรนนียิ่งไม่ต้องพูดถึง แผลทุกอย่างนางดูแลรักษาให้เป็นอย่างดี

                วิลเลียมอยากประท้วงว่าเขายังเดินได้ ไม่ได้ป่วยหรือบาดเจ็บอะไรมากมาย ยังทำอะไรเองได้ทุกอย่าง แต่หลังจากที่ทุกคนเห็นเขาทำอะไรบ้าระห่ำอย่างการโดดขึ้นไปเฉือนคอวิหคหนังเกล็ดดึกดำบรรพ์ แล้วตกลงมาหมดแรงจะยืนไปชั่วขณะ ก็พากันคิดว่าสมองเขาอาจผิดปรกติหรือกระทบกระเทือนไป จึงต้องให้พักระยะหนึ่งก่อน

                ยังดีที่ไม่มีใครมาอาบน้ำชำระกลิ่นสาปให้เขาด้วย...

                ...แต่จะว่าไป การที่เรนนีร่ายมนตร์ชำละล้างให้ตั้งหลายรอบตอนที่เขายังไม่ฟื้นคืนสติก็คงคล้ายๆ มีคนอาบน้ำให้อยู่ดีนั่นแหละ

                คิดแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างปลงๆ อีกครั้ง

                ขณะนี้วิลเลียมกำลังนั่งเอนหลังผิงต้นไม้ ดูทุกคนทำงานอยู่ห่างๆ ไป มองอีกด้านหนึ่ง ได้พักเอาแรงเสียบ้างคงก็ดี เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็จะเข้าสู่เขตแดนรกร้างตะวันตกจริงๆ แล้ว การเดินทางคงอยากลำบากกว่านี้

                ชายหนุ่มอดเหลียวมองแขนขวาของตนอย่างนึกกังวลไม่ได้... เมื่อครู่เขาก็ทำอะไรเกินไปอย่างที่ทุกคนคิดนั่นแหละ พอถึงยามคับขันเจียดตายทีไร ก็ไม่รู้มีลูกบ้ามาจากไหนผุดขึ้นมาทุกทีสิน่า

                แต่จะว่าไป...เหมือนจะขาดไปอีกคนที่ยังไม่ได้มาเยี่ยมเขา...

                ทันทีที่คิดเช่นนั้น ร่างเพียวบางในชุดสีสันสดใสก็ปรากฏขึ้นในกรอบการมองเห็น แคสซานดราเดินตรงเข้ามาหาเขา แม่มดดำไม่พูดพล่ามกล่าวคำทักทาย นางมาถึงก็ออกคำสั่งทันทีว่า

                “ยื่นแขนขวามา”

                “สวัสดี แคส เมื่อกี้ขอบใจที่ช่วยข้านะ แล้ววาเรนเป็นอย่างไรบ้างหรือ” วิลเลียมคุยไปเรื่องอื่น เขาจำได้ว่าเห็นวาเรนเหมือนจะกลัวเกรงวิหคหนังเกล็ดดึกดำบรรพ์อยู่

                “วาเรนไม่เป็นไร แล้วก็ไม่ต้องมาทำเป็นเฉไฉ ตอนที่ยื้อยุดกรงเล็บกับนกประหลาดนั่นน่ะ แขนเจ้าน่าจะกระเทือนไม่ใช่หรือ” หญิงสาวขึ้นเสียงถาม

                “อ้อ... ก็ไม่เท่าไหร่หรอก”

                “ถ้าไม่เท่าไหร่ก็ยื่นแขนมาสิ”

                วิลเลียมนิ่ง ไม่ขยับตัวแต่อย่างใด

                “แล้วยังจะมาปากแข็งอีก” ว่าแล้วนางก็คุกเข่าลงที่ข้างตัวเขา จับแขนขวาของชายหนุ่มยกขึ้น วิลเลียมจำเป็นต้องกัดฟันทนไม่ให้ส่งเสียงร้องออกมา

                “มันก็แค่ซ้น เดี๋ยวก็หาย” เขาแค่นเสียงบอก

                “ทำไมไม่ตอบให้นักบวชนั่นรักษาให้ตั้งแต่แรกเล่า” แคสซานดราถามถึงอีกเรื่อง ขี้เกียจต่อคำกับคนเจ็บแล้วไม่รู้จักดูแลตัวเอง...หรือจะโทษว่าไม่รู้จักดูแลตัวเองจึงต้องมาเจ็บเช่นนี้ดีล่ะ เอาตัวเข้าไปรับเคราะห์แทนคนอื่นชัดๆ

                “ยายนั่นก็เหมือนกันเป็นเวทรักษาแล้วอย่างไร แค่มองคนว่าเจ็บตรงไหนบ้างยังมองไม่ออก” แม่มดดำบ่นต่อ แล้วค่อยวางแขนของวิลเลียมลงเหมือนเดิม

                ขณะที่แคสซานดรากำลังจะถ่ายทอดพลังรักษาให้เขาอยู่นั่นเอง วิลเลียมก็ยกมือซ้ายที่ยังใช้งานได้อยู่ขึ้นมาจับข้อมือของนางไว้ ไม่ให้ได้แตะแขนของเขา

                “เดี๋ยวข้าจะไปบอกให้เรนนีรักษาให้เองแหละแคส ไม่ต้องเปลืองแรงเจ้าหรอก”

                “แต่ว่าข้าใช้เวทรักษาได้ดีกว่านาง” หญิงสาวเถียง

                วิลเลียมคลี่ยิ้มบาง

                “คนอื่นกำลังจับตาดูอยู่นะแคส ถึงเรนนีจะไม่รู้ก็จริง แต่ทั้งไลนัส แดเนียล และท่านมาร์คัสก็สังเกตเห็นว่าข้าไม่ได้ใช้แขนขวาที่ถนัดอย่างที่ควร ที่จริง ถ้ารู้อย่างนั้นพวกเขาน่าจะบอกให้เรนนีช่วยรักษาให้ข้าตั้งแต่แรกแล้ว แต่ที่ไม่บอกก็เพราะสงสัยว่า เมื่อกลางวันใครเป็นคนใช้มนตร์ชำระล้างให้ข้ากันแน่ เรนนีคงร่ายมนตร์ตั้งหลายรอบกว่าตัวข้าจะหายเหม็น แล้วก็คงไม่มีแม่มดดำคนไหนใช้เวทสายขาวได้อย่างเจ้าใช่ไหม เรื่องที่เจ้าใช้เวทแขนงนี้ได้มีแต่ข้ารู้คนเดียว”

                แคสซานดรามองวิลเลียมอย่างชั่งใจ นางกำลังเทียบน้ำหนักระหว่างเหตุผลทั้งสองด้าน เหตุผลของวิลเลียมก็มีอยู่ แต่ว่านางก็อยากจะ...

                “ถึงคนอื่นจะรู้ไปก็ไม่เห็นจะเป็นไร” แม่มดดำกล่าว “ข้าก็บอกไปได้นี่ว่า ข้าน่ะเป็นแม่มดดำผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งยุค เก่งกาจทั้งสองด้าน เวทสายอื่นๆ ข้ายังใช้ได้ขนาดนี้แล้ว เวทสายมืดของแม่มดดำจริงๆ จะไม่น่ากลัวกว่าหรือ”

                “ถ้าเจ้าอยากให้ข้าสบายใจ ก็ไปตามเรนนีมารักษาให้ข้าเถอะ แคส” ชายหนุ่มกล่าวเสียงอ่อน นัยน์ตาสีน้ำเงินมองตรงไปที่อีกฝ่าย

                หญิงสาวฟังคำนั้น นั่งสบตาเขาสักพัก แล้วจึงลุกจากไป โดยไม่หันมามองวิลเลียมอีกเลย

                คนที่ยังคงพิงต้นไม้อยู่ได้แต่ถอนหายใจอีกครั้ง ด้วยเสียงที่ฟังหนักหน่วงยิ่งกว่าครั้งใดๆ

                ให้อภัยข้าเถอะนะ แคส...

                ข้าจำเป็นต้องทำอย่างนี้ก็เพื่อ...ตัวเจ้าและตัวข้าเอง...

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×