คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #37 : - เบื้องหลังม่านบังตา - "ด้วยพลังที่ข้ามีอยู่ตอนนี้..."
- เบื้องหลังม่านบังตา -
“ด้วยพลังที่ข้ามีอยู่ตอนนี้ จะเปลี่ยนชะตา ฝืนฟ้าลิขิตแค่ไหนก็ได้”
วิลเลียมกลับมายังห้องของตนที่บ้าน จัดการหยอดเส้นผมสีทองลงไปในขวดแก้วบรรจุน้ำยา ปิดฝาเขย่าเล็กน้อย ก่อนเปิดฝาออกอีกครั้ง กลั้นใจ...แล้วเทน้ำยาสีใสใส่ตัวเอง
เหตุการณ์ในงานเลี้ยงแปลงเปลี่ยนไปจากเดิมเป็นอันมาก
กว่าจะรู้ตัวว่าติดสินใจผิดมหันต์ที่ย้อนกลับมาดูก็สายเกินกว่าจะแก้ไขเสียแล้ว
ท่านกลางแสงสีหฤหรรษ์ของงานเลี้ยงฉลองยามค่ำคืน ทุกสรรพเสียงเงียบลง ดวงตาทุกคู่ให้ได้จดจ้องยังผู้ที่เพิ่งมาเยือนแทน
หญิงสาวในชุดอาภรณ์ยาวสีดำเดินก้าวเข้ามาตามโถงทางเดิม หยาดน้ำตาไหลนองหน้าเป็นสายราวไข่มุก ริมฝีปากสีชาดยังคงเหยียดยิ้มเย็น ทว่าก็ไม่อาจซ่อนเร้นความโศกเศร้าที่โถมซัดออกมาพาเอาผู้คนในรัศมีหม่นหมองและกังขาไปด้วย
ในอ้อมแขนของนางโอบอุ้มทารกมาด้วย... ไม่ใช่เพียงหนึ่ง แต่มีอยู่ถึงสองคน
ผู้อยู่ ณ ที่แห่งนั้นเสมือนโดนสะกดไว้ ไม่ต่างจากกาลก่อน
“ราชวงศ์แห่งดาเรเนีย พวกท่านสุขสบายภายใต้แสงสว่างและพรแห่งพระเจ้ามานานแล้ว” นางแม่มดกล่าว “แต่ยามที่ข้า...ซึ่งเป็นราษฎรคนหนึ่งของท่านเดือดร้อน หัวใจแหลกสลาย ท่านกลับจัดงานเลี้ยงรื่นเริง เฉลิมฉลองการประสูติของพระนัดดา ไม่หันมาเหลียวแลข้าแต่อย่างใด”
ถ้อยคำของนางฟังดูไร้เหตุผลในความคิดของวิลเลียม ผู้เป็นกษัตริย์แม้นมีความพยายามและอุตสาหะเพียงใดแต่ไหนเลยจะดูแลทวยราษฎร์ได้ถ้วนทั่วทุกคน บททดสอบในชีวิตที่พระเจ้าประทานมา มนุษย์เพียรหาทางฟันฝ่าด้วยตนเองต่างหาก ถ้ามั่วแต่งอมืองอเท้าโยนความผิดให้ผู้อื่น ไม่เคยคิดโทษตนเอง แล้วจะมีความก้าวหน้าได้อย่างไร
ชายหนุ่มคาดว่าคงมีหลายคนคิดข้างเข้าฝ่ายที่ถูกกล่าวหาแบบเขา แต่ก็คงมีอีกมากที่นึกอิจฉาราชวงศ์ดาเรนไลน์เช่นกัน คราครั้งก่อนเขายังคิดเช่นนั้นเลย
ไม่มีผู้ใดเอ่ยสอดคำโต้แย้งอย่างที่วิลเลียมตริในใจ ไม่ว่าจะเป็นเพราะต้องมนตร์หรืออย่างไรไม่ทราบ ทุกคนต่างรอฟังนางกล่าวต่อ
“ทว่าข้าก็รู้ดีว่าคนอย่างข้า...ผู้ที่ไม่เคยให้พระเจ้าหรือใครมาลิขิตชะตาชีวิตให้...ไม่ควรลดตัวลงมาโทษพวกท่านเช่นนี้หรอก” นัยน์ตาสีฟ้าเข้มของนางฉายแววหยิ่งทระนงยิ่ง “ปัญหาเกิดกับข้า ข้าก็ต้องแก้เอง และด้วยเหตุนี้ ข้าจะต้องพาว่าที่เจ้าหญิงแห่งดาเรเนียไป”
ครั้งนี้มีเสียงตวาดห้ามดังขึ้นจากอดีตพระราชา และเจ้าชายลูเธอร์ แต่เพียงหญิงสาวชุดดำตวัดหางตาไปมอง ทั้งสองก็ทำได้เพียงขยับปากโดยไร้สำเนียง
เอริกาเปลี่ยนตัวทารกในอ้อมกอดของพระชายาเฟลิเซียซึ่งแข็งค้างเป็นรูปปั้นไปกับเด็กคนหนึ่งในวงแขนของนาง
“การลบความทรงจำเปลี่ยนให้ธิดาของท่านไม่มีตัวตนเลยนั้นยากเกินความสามารถของข้า” นางกระซิบบอกต่อพระชายาที่คงฟังไม่ได้ยิน “ข้าจึงจำเป็นต้องใช้แผนเปลี่ยนตัวเช่นนี้ ฝากดูแลนางด้วย นางเองก็มีศักดิ์เป็นเจ้าหญิงในอนาคตได้เช่นกัน”
นัยน์ตาที่ทอดมองทารกหญิงที่ส่งต่อไปให้พระชายานั้นแฝงความอ่อนโยนของเพศแม่อยู่บ้าง ทว่าขณะถัดมาก็เปลี่ยนมาเป็นแข็งกร้าว แล้วมองยังพันธะแห่งดาเรนไลน์ซึ่งกำลังส่องสว่างอยู่บนตัวทารกที่นางสลับตัวมา
“เวทแสงอันแข็งแกร่ง...” นางรำพึง “...นี่แหละที่ข้าต้องการ”
ครั้นกล่าวจบนางก็ใช้มือข้างที่ว่างอยู่กำรอบตัวล็อกเก็ตนั้น ดับแสงสว่างลงโดยพลัน
แม่มดดำเหยียดยิ้มคราหนึ่ง น้ำตาบนใบหน้าของนางแห้งกรังลงแล้ว บัดนี้เหลือทิ้งไว้เพียงรอยคราบจางๆ เป็นหลักฐาน เสมือนนางกำลังสุขใจที่ทำตามแผนได้สำเร็จโดยไม่มีใครขัดขวาง แต่ขณะเดียวก็กันรอยยิ้มนั้นแฝงความข่มขื่นอยู่ลึกๆ เช่นกัน
หญิงสาวแค่นหัวเราะกับตัวเอง พลางกล่าว
“พลังเวทที่ข้าได้มาเพราะพฤติกรรมชั่วร้ายนั้นแข็งแกร่งเหลือเกิน” อารมณ์สีรัตติกาลกระเพื่อมออกขยายรัศมีกว้างตอนที่นางกล่าวประโยคนั้น “แต่แล้วอย่างไรเล่า ข้าไม่ได้ต้องการมัน ข้าต้องหาทางขจัดมันออก จึงต้องควานหาตัวผู้ที่สถิตในธาตุแสงทั้งหลายมาช่วยเหลือ... กระทำการน่าละอายยิ่งนัก”
นางกล่าวพร่ำเพ้อ ระบายอารมณ์ และจับความได้ยากยิ่งต่อไปอีกว่า
“สำหรับเด็กปีศาจอีกคนหนึ่งนี่ ข้า...จะเอามาทดสอบดูด้วยแล้วกัน ว่าเลือดหรือใจคนจะเข้มข้นกว่าคน ถ้าลองให้เติบโตขึ้นมาท่ามกลางแสงสว่างอย่างพวกท่านบ้างจะเป็นอย่างไรนะ” แม่มดดำก้มลงมองเด็กอีกคนที่นางนำมาด้วยอย่างไม่คิดจะปิดบังความเกลียดชัง ทารกคนนั้นดูจะโตกว่าทารกที่เพิ่งเปลี่ยนมาอยู่เล็กน้อย
วิลเลียมเข้าใจเลยว่า เอริกากำลังกล่าวอะไร นางเหมือนเสียสติไปแล้วกึ่งหนึ่ง แต่ยังมีบางสิ่งรั้งความคิดเป็นเหตุเป็นผลกันของนางไว้อยู่ นางพูดเรื่อยคนเดียว ทำอะไรตามใจ ทว่าข้อความที่กล่าวออกมาก็ไม่สื่อโดยตรงทั้งหมดว่าต้องการสิ่งใดกันแน่ การกระทำแต่ละอย่างยิ่งซับซ้อน นี่นางจะลักพาตัวเจ้าหญิงไปละหรือ...
ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่า...
“บางทีข้าอาจฝากให้พวกท่านสักคนช่วยเลี้ยงดีกว่า ด้วยพลังที่ข้ามีอยู่ตอนนี้ จะเปลี่ยนชะตา ฝืนฟ้าลิขิตแค่ไหนก็ได้นี่นา” แม่มดดำหัวเราะร่วน แต่กลับฟังคล้ายเสียงหัวเราะประชดชะตากรรมของตนเองมากกว่าจะสะท้อนความยโสโอหัง
วาจานั้นทำเอาวิลเลียมยิ่งตกตะลึงงัน คงไม่ใช่ว่าคำกล่าวล้อเล่นนั้นจะกลายเป็นจริง
ชายหนุ่มคิดแล้วก็รีบมองหาคนอีกคนที่อาจจะอยู่ในงานเลี้ยงครั้งนี้ด้วย ขณะเดียวกันก็ตั้งใจฟังว่าเอริกาจะทำอะไรต่อ
“ขืนข้าพูดมากความไปมากกว่านี้ พวกท่านก็คงยังไม่เข้าใจอยู่ดี” หญิงสาวเปลี่ยนมากล่าวด้วยเสียงคับแค้นหนักอึ้ง “แต่ช่วยเห็นใจข้าหน่อยละกัน ข้าไม่ได้พูดกับใครมานานแล้ว คราวนี้มีคนนิ่งแข็งเป็นตุ๊กตามาฟังเป็นเพื่อน ได้ระบายออกมาบ้างก็ยังดี ...แต่แรกพวกท่านก็ชอบกล่าวหาว่าศาสตร์ที่ข้าใช้เป็นศาสตร์มืด ทั้งที่ข้าไม่ได้ใช้มันทำอะไรผิด ต่อมา เมื่อข้าเริ่มทนไม่ไหว ใช้มันตามใจจริง พวกท่านก็ยังส่งคนมาปราบข้า ข้ากะจะหนีไปใช้ชีวิตสงบสุขกับคนรัก แต่แล้วก็ผิดแผน...”
น้ำตาคลอหน่วยอีกครา ทว่าเพียงไม่นานนางก็สลัดมันทิ้ง สีหน้าเปลี่ยนมาเป็นหยิ่งลำพอง แววตาแฝงความเกลียดชัง
“พวกท่านกล่าวอ้างว่าตนเป็นอย่างไรนะ มีโซ มีพลังพิเศษสืบทอดตลอด เพราะเป็นบุตรที่รักของพระเจ้าอย่างนั้นหรือ ถ้าพระเจ้าดีจริงทำไมต้องรักทุกคนไม่เท่ากันด้วยเล่า ถ้าพระเจ้ามีจริง...ทำไมไม่ทรงกำจัดคนชั่วช้าอย่างข้าเสียแต่แรกเลย... ข้าจะพิสูจน์ให้พวกท่านเห็นว่าสิ่งที่พวกท่านเชื่อถือนั้นมันงมงาย ข้าจะตั้งตนเป็นพระเจ้าให้ท่านดู ...อย่างน้อย ถึงตอนนี้จะยังควบคุมชีวิตมนุยษ์ทุกคนไม่ได้ ข้าก็พอจะตัวหมากสำคัญๆ มาให้เล่าสนุกมาละนะ”
หัวเราะสะใจอย่างเปี่ยมเสน่ห์เล็กน้อย ก่อนพูดต่อว่า
“น่าเสียดายที่บอกต่อพวกท่านไปตอนนี้ก็เหมือนจะเปล่าประโยชน์ เพราะอีกเดี๋ยวพวกท่านก็จะลืมคำพูดข้าไปหมดแล้ว ข้าอุตส่าห์ช่วยไม่ให้พวกท่านทุกข์ทรมานเพราะสับสนมากเกินไป ข้าจะเปลี่ยนความทรงจำของพวกท่านช่วงนี้ สร้างมายาซ้อนคิดมาอีกชั้น แล้วใช้โซปิดบังอีกที ...พวกท่านควรจะขอบคุณข้านะ”
แน่นอนว่าไม่มีใครกล่าวอะไรสักคำ แม้แต่วิลเลียมยังพูดไม่ออก
กลุ่มหมอกควันจากอารมณ์ของนางขยายตัวออกไปเป็นม่านรัตติกาลครอบคลุมพื้นที่ ริมฝีปากเรียวเอ่ยเอื้อนมนตราเป็นท่วงทำนองเสนาะหูอันจับความหมายไม่ได้
เอริการ่ายเวทมนต์จบแล้วจึงบอกปิดท้าย
“ป้องกันขนาดนี้แล้ว คงไม่มีใครไขความลับนี้ได้หรอกกระมัง... แต่ถ้าเกิดมีใครต้องการสืบหาความจริงขึ้นมา ก็ลองมาถามหาดูจากข้าก็แล้วกัน”
ครั้นแล้วนางก็หันมายิ้มให้วิลเลียมที่ยืนอยู่ตรงนั้น ประหนึ่งรู้ว่าจะมีคนอีกรอฟังข้อความนี้อยู่ ณ ที่นี้ในกาลอนาคต
กระแสอากาศหนักอึ้งแผ่คลุม สีดำมืดสนิทปิดประสาทการเมืองเห็นไปชั่วขณะ เมื่อรู้ตัวอีกที แม่มดดำและทารกในอ้อมแขนทั้งสองก็หายไป งานเลี้ยงกลับมาดำเนินตามทิศทางแห่งความรื่นเริงเช่นเดิม
“ผมของข้าเส้นนี้มีอำนาจสลายม่านพลังบังตาสถิตอยู่”
นั่นเป็นเพียงคำกล่าวล้อเล่นของลูเครเซียที่เขาไม่นึกเลยว่าจะมีผลทำให้เป็นเช่นนั้นได้จริง
เอริกาซ่อนเวทบังตาเปลี่ยนความทรงจำเอาไว้ถึงสองชั้น กระทำการอาจหาญตามอำเภอใจถึงเพียงนั้น แต่ก็ไม่มีผู้ใดหยุดยั้งนางได้ แม้ตัวเขาเองทราบเบื้องหลังถึงขั้นนี้แล้วก็ยังไม่เข้าใจเลยว่านางคิดจะทำอะไร หรือเกิดอะไรขึ้นกับนาง
นางบอกว่า หัวใจแหลกสลาย แต่กลับพาทารกมาด้วยถึงสองคน เด็กทั้งคู่นั้นเป็นลูกของนางหรือ... หรือว่าจะเป็นแค่คนที่นางนำมาเพื่อจะสลับตัวเท่านั้น แต่ถ้าเป็นไปตามข้อหลัง ไฉนถึงต้องมีตั้งสองคนเล่า
นางบอกว่า นางมีพลังอำนาจยิ่งใหญ่ที่ไม่ต้องการ แม้จะดูเหมือนว่านางยังควบคุมมันได้อยู่ แต่นางก็ต้องการพันธะแห่งดาเรนไลน์ ต้องลักพาตัวลูกของลูเธอร์และเฟลิเซียไป เพราะว่าต้องการแสงสว่างมาช่วยควบคุมพลังของนางอย่างนั้นหรือ
ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้ว แสดงว่า...ลูเครเซีย...เจ้าหญิงองค์ปัจจุบัน...มิใช่เจ้าหญิงตัวจริง แต่ถูกสลับตัวไปตั้งแต่เด็กใช่หรือไม่ กระนั้นแล้ว เจ้าหญิงตัวจริงเล่า ไปอยู่ที่ไหนกัน
แค่คิดถึงตรงนี้ เขาก็ประสบปัญหาหนักแล้ว... แต่ชายหนุ่มก็ยังใคร่ครวญต่อไป เพราะยังมีอีกมากมายหลายจุดที่เขาสงสัย
นางดูจะรัก...ลูเครเซีย...รักทารกที่นำมาเปลี่ยนตัว ทั้งยังบอกว่า นางก็เป็นเจ้าหญิงเช่นกัน นางใช้คำว่า ‘ว่าที่เจ้าหญิง’ ในตอนแรก แสดงว่านางล่วงรู้หรือว่าอนาคตจะเป็นเช่นไร นางรู้แต่แรกแล้วหรือว่า ลูเธอร์จะได้ขึ้นเป็นพระราชา บางทีแม่มดดำอาจมีความสามารถเช่นนั้นก็เป็นได้
แต่ลูเครเซียมีผมสีทองสด...สีที่เหมือนกับสีของพระเกศาสีทองเข้มของพระราชาและสีทองอ่อนของพระราชินีผสมกัน นัยน์ตาก็เป็นสีฟ้า...เห็นว่าเหมือนของพระราชาองค์ก่อน ทั้งยังมีโซเกี่ยวเนื่องกับแสงอีก บางทีนางอาจเป็นเจ้าหญิงตัวจริง แล้วสิ่งที่เขาเห็นนี่อาจเป็นภาพลวงตา หรือมีใครจัดการเปลี่ยนตัวกลับให้เรียบร้อยแล้วก็ได้
เช่นนั้น...แล้วเด็กอีกคนหนึ่งเล่า
กับเด็กอีกคนที่แม่มดดำพามาด้วย นางกล่าวหาว่าเป็นเด็กปีศาจ และดูจะเกลียดเด็กคนนั้นมาก ถ้าทั้งสองเป็นลูกของนางเหมือนกัน ทำไมจึงได้เกลียดคนหนึ่งมากกว่าอีกคน
นางว่าจะทำเด็กคนนั้นมาทดลอง ทดลองอันใดกัน ...เลือดหรือใจคนจะเข้มข้นกว่ากันอย่างนั้นหรือ... ฟังแล้วไม่เข้าใจเลย
แล้วใครกันเป็นผู้ที่ประทานอำนาจเย้ยฟ้าท้าดินให้นางเช่นนี้ได้ มีคนที่มีอำนาจขนาดนั้นเชียว หรือเอริกาสามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของผู้คนตามใจชอบ...สามารถอ้างตัวเป็นพระเจ้าได้จริงๆ อย่างนั้นหรือ
อำนาจของนางอยู่เหนือกษัตริย์ผู้ครองแผ่นดิน...อยู่เหนือหลักการและเหตุผล ใช้เพียงอารมณ์เป็นตัวตัดสินใจ อำนาจเช่นนี้คู่ควรให้นางนำมาใช้โดยพร่ำเพรื่อหรืออย่างไร
นางบอกให้ไปถามหาคำตอบเอาจากนาง แต่ตอนนี้นางตกลงไปในหลุมดำของแคสซานดราแล้วนี่ ความลับที่นางปิดบังไว้ใช่จะจากไปหมดด้วยหรือไม่ ถ้าไปขอความช่วยเหลือจากแคสซานดราแล้ว เขาจะยังมีโอกาสได้รู้ความจริงหรือไม่
แต่คิดอีกที... บางทีนางอาจจะยังอยู่...ยังไม่ได้จากไปไหนก็ได้
ยิ่งคิดยิ่งมีแต่คำถาม คำนึงไปก็มากความ แต่กลับไม่มีคำตอบใดกลับมาเลย
---
S.O.
April 22, 2011
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนต์และกำลังใจนะคะ
อ่านหมดทุกคอมเมนต์ และก็อยากตอบหมดทุกคอมเมนต์ แต่ช่วงนี้ยังไม่ค่อยมีเวลาเลย (เวลาตอบคอมเมนต์ทีเคจยิ่งชอบเขียนอะไรไปยาวเรื่อยเปื่อยเสียด้วย) ดังนั้นขอติดไว้ก่อนอีกครั้งล่ะกัน
ขอบคุณจริงๆ ที่ติดตามเรื่องนี้ค่ะ
ความคิดเห็น