คำปราศรัยเนื่องในวันคล้ายวันเกิด ๕ สิงหาคม ๒๕๕๓
ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณทุกท่านที่อุตส่าห์เข้ามาอวยพรวันเกิดให้คอฟฟี่ คอฟฟี่อยากกล่าวจากใจจริงว่าซาบซึ้งมาก มีคนเข้ามาอวยพรในอินเทอร์เน็ทมากกว่าในชีวิตจริงเสียด้วยซ้ำ แม้จะด้วยระบบแจ้งเตือนหรือระบบเพื่อนของเด็กดีทำให้ท่านเข้ามาอวยพรหรืออะไรก็ตามคอฟฟี่ก็ยังขอขอบคุณอยู่ดีที่เข้ามาอวยพรให้ทั้งที่เราไม่เคยพบหน้าค่าตากันแท้ๆ (เว้นไว้สักสองสามคนที่เคยพบกันแล้ว) คิดๆดูแล้วก็สมเป็นสังคมสมัยใหม่ซึ่งถ้าหากมองโลกในแง่ร้ายแล้วคอฟฟี่นี่ก็เป็นคนที่ใช้ไม่ได้จริงๆที่มีเพื่อนในโลกไซเบอร์มากกว่าโลกจริงอย่างนี้ แต่ก็อีกนั่นแหละ มีความรู้สึกว่าแบบนี้สบายใจกว่าเยอะเลย
ปี ๒๕๕๓ นี้เป็นปีที่คอฟฟี่อยู่ดูโลกนี้ครบสองทศวรรษพอดี ถ้าวัดจากประวัติศาสตร์ก็ถือเป็นหนึ่งในห้าของศตวรรษ เป็นศตวรรษที่แล้วเสียครึ่ง และศตวรรษนี้อีกครึ่ง ถือเป็นคนในยุคเปลี่ยนผ่านยุคสมัยพอดี ถ้าวัดจากอายุขัยก็คือหมดไปแล้วหนึ่งในสี่ ถ้าสั้นหน่อยก็คือหนึ่งในสาม
เมื่อมองย้อนกลับไปผ่านความทรงจำมากหลายก็รู้สึกว่าเรานี่แก่ตัวลงไปมากทีเดียว วันเวลาช่างผ่านไปเร็วเสียจริง ยุคสมัยมันเปลี่ยนไปมากแล้วคอฟฟี่ก็ออกจะเชื่องช้าหรือสวนทางกับกระแสสังคมจนไม่เข้าใจคนรุ่นใหม่หรือแม้แต่บางทีก็คนรุ่นเดียวกันว่าทำอะไร ทำไปเพื่ออะไร หรือทำแล้วมันบังเกิดความจำเริญแก่ชีวิตส่วนตัว ชาติบ้านเมือง หรือว่ามวลมนุษยชาติตรงไหน ก็เลยมักจะถูกเรียกว่าอนุรักษนิยมบ้าง หัวโบราณบ้าง ก็ต้องยอมรับว่าในบางเรื่องคอฟฟี่ก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ แต่คอฟฟี่ก็ไม่ใช่ว่าจะหลังเขาอะไรนะ ถึงจะไม่ยอมเล่น “หนังหน้า” ก็เถอะ (Face = หน้า Book = หนังสือ ดังนั้น Facebook = หนังหน้า) ที่จริงแล้วนอกจากมายไอดีคอฟฟี่ไม่ยอมเล่นอะไรอย่างอื่นเลย ไม่ว่าเขาจะนิยมอะไรก็ตาม แต่ก็ไม่ใช่ว่าตกยุคหรือไม่ตามกระแสสังคมนะ ตามแบบสวนนิดๆด้วยซ้ำ เป็นคอฟฟี่นี่แหละที่พร่ำเตือนเพื่อนถึงความไม่ปลอดภัยในการใช้กูเกิลมากเกินควร (จะเห็นได้ว่าคอฟฟี่สนับสนุนให้ใช้บิงจากไมโครซอฟต์ เอาแปะไว้ที่หน้ามายไอดีด้วย) ระบบติดตามพฤติกรรมของบริษัทโฆษณา ภัยต่อความมั่นคงแห่งชาติของแบล็กเบอร์รี่ คนใช้เครื่องแมคโดนหาตำแหน่งบนพื้นโลกได้ด้วยความผิดพลาดไม่เกินสามสิบฟุต หรือผู้ใช้เฟซบุ๊คร้อยเจ็ดสิบล้านคนโดนเอาข้อมูลส่วนตัวอัดใส่ไฟล์ขึ้นระบบทอร์เรนต์ ใครอยากได้ก็ดูดไป ด้วยนิสัยวิตกจริตคอฟฟี่ตามข่าวด้านนี้เสมอแล้วพร่ำเตือนเพื่อนๆทุกวันจนเพื่อนหวาดผวาไปหมด (เพื่อนคนหนึ่งปิดไวไฟแมคบุ๊คไปแล้วหลังจากคอฟฟี่เตือนไป) เพราะดูเหมือนเพื่อนๆคอฟฟี่จะไม่ระแวงเอาเสียเลยว่าอินเทอร์เน็ตนี่น่ะอันตรายขนาดไหน ว่าแล้วก็ขอยกโคลงสี่ที่เคยแต่งส่งอาจารยตอนมัธยมขึ้นมาเสียหน่อย
อินเทอร์เน็ตที่อ้าง แสนดี หนักหนา
อันตรายมากมี แน่แท้
โดนหลอกอาจเสียที หมดทรัพย์ เสียตัว
เตือนก่อนสายเกินแก้ ดาบนั้นสองคม
เอาเถอะ นั่นมันเรื่องนวัตกรรมทันสมัยยุคใหม่ที่เด็กไทยดีแต่ใช้แต่ไม่สนใจเบื้องลึกสักนิดว่ามันน่าประหวั่นพรั่นพรึงขนาดไหน! เรื่องนั้นช่างมัน เพราะที่อยากจะพูดที่สุด และถือโอกาสวันเกิดนี้บ่นเสียหน่อยคือเรื่องภาษาล่ะ สอบกลางภาคที่ผ่านมานี้มีอยู่วิชาหนึ่งมีคำถามสองข้อ ให้เลือกตอบหนึ่งข้อ ปรากฏว่ามีหลายคนไม่เลือกข้อสอง เพราะมันมีคำว่า “มิคสัญญี” ซึ่งไม่รู้กันว่าแปลว่าอะไร หรืออย่างวันนี้ รุ่นน้องอ่านหนังสืออยู่แล้วถามว่า “ยี่หระ” แปลว่าอะไร คอฟฟี่กับเพื่อนที่รู้คำนี้ดีลงความเห็นว่า เราได้เข้าสู่ยุค “กระเบื้องที่เฟื่องฟูลอย น้ำเต้าน้อยถอยจม” เรียบร้อยแล้ว คอฟฟี่แถมเพิ่มไปอีกด้วยว่า “ถาดทองรองเยี่ยวหมา” หากท่านไม่เข้าใจก็ลองไปหาหนังสือเกี่ยวกับพุทธทำนายมาอ่านดูนะ!
นี่เป็นเรื่องของเด็กสมัยใหม่ที่ไม่ใช่นักอ่าน เอาล่ะ บางคนอาจจะอ่านตำราเรียนเป็นบ้าเป็นหลัง แต่คำสวยหรูพวกนี้น่ะหาไม่ได้หรอกในตำราเรียนน่ะ มันต้องอ่านนิยายไม่ก็วรรณคดีเยอะๆ แล้วดูเถอะผลเป็นยังไง ไม่รู้จักคำศัพท์ คอฟฟี่เองนั้นพยายามใช้คำภาษาไทยให้มากที่สุด ใช้คำทับศัพท์ให้น้อยที่สุด (กำลังพยายามฝึกตัวเองให้เลิกใช้คำว่า “โอเค”) แล้วก็ใช้เลขไทยแทนเลขฮินดู-อารบิกด้วย ล่าสุดก็หันมาใช้ ฃ ฃวด กับ ฅ ฅน คอฟฟี่ไม่ได้จะให้หันมาใช้ภาษาแบบคอฟฟี่ ยอมรับว่ามันค่อนข้างสุดโต่งอยู่สักหน่อย แต่ก็หวังจะให้ใช้ภาษากันให้ดีกว่านี้ เพราะมีหลายทีคอฟฟี่อดถามกลับไปไม่ได้ว่า “ที่โรงเรียนไม่ได้สอนภาษาไทยหรือ?”
แต่ที่น่ารำคาญยิ่งกว่าคือภาษาวิบัติ ไล่ระดับความน่าเกลียดจากน้อยไปมากคือวิบัติเพราะพิมพ์ผิด วิบัติเพราะย่อ และวิบัติเพราะจงใจวิบัติ อย่าง “หั้ย” ที่ต้องพิมพ์สี่ตัว มันจงใจวิบัติชัดๆ พิมพ์ “ให้” อันถูกต้องไม่สั้นกว่ารึ ยิ่งบางคนมาถึง “สวัสดีคร่า” นี่จะทำอะไรคอฟฟี่น่ะ...
คร่า [คฺร่า] ฉุดลากไปอย่างไม่ปรานี.
ได้โปรดเถอะ คอฟฟี่ตัวน้อยๆน่าสงสารไร้ทางสู้นะ! อย่ามาฉุดคร่ากันเลย!
นี่เป็นหนึ่งในเหตุผลหลายๆข้อที่คอฟฟี่ไม่ยอมเล่นเอ็มเอสเอ็น นอกจากจำเป็นจริงๆหรือกับบุคคลที่คัดสรรแล้วว่าสามารถสนทนาผ่านระบบดังกล่าวได้ ทำไมน่ะรึ? นอกจากจะต้องทนกับภาษวิบัติแล้วยังต้องนั่งรอการพิมพ์อันอืดอาดยืดยาดเชื่องช้ายิ่งกว่าหอยทากสัปหงก ประโยหนึ่งๆนี่เคาะขึ้นบรรทัดใหม่มาเสียห้าหกที แถมมีแต่ 555+ เพราะไม่รู้จะพิมพ์อะไรตอบกลับมาอีกต่างหาก น่ารำคาญมาก กว่าจะคุยสักเรื่องจบนี่หมดเป็นชั่วโมงๆ แบบนี้ไม่เจริญแน่นอน
เพื่อนคอฟฟี่หลายคนเอาแต่อ่านหนังสือเรียน ตำราอ้างอิง อะไรบ้างก็ไม่รู้ ก็พยายามบอกว่าอ่านนิยายหน่อยเถอะ วรรณคดีก็ได้ นอกจากจะพักสมองแล้ว ยังได้ภาษา ได้คำศัพท์ ได้วลีโวหารดีๆ (อย่าลืมนะว่าเราเรียนการทูตน่ะ!) ที่สำคัญคือเป็นการอุดหนุนพวกเราๆนักเขียนด้วยนั่นแหละ! เวลาฟังพวกบ้าเรียนบ่นว่าการ์ตูนหรือนิยายไร้สาระอย่างนู้นอย่างนี้น่ะคอฟฟี่ละแสนจะเจ็บปวด เอาล่ะ อย่างน้อยคอฟฟี่ก็พยายามทำให้นิยายตัวเองมีสาระแล้วนะ! คนที่อ่านนิยายของคอฟฟี่น่าจะได้อะไรไปไม่มากก็น้อยล่ะน่า
เอ้อ ไหนๆก็มาถึงเรื่องนี้แล้วก็น่าจะพูดถึงสักหน่อย สมัยที่หันมาเขียนนิยายเป็นของตัวเองจริงๆ (เพิ่งขยับมาจากวงการแฟนฟิคชั่น) เมื่อแปดปีที่แล้วคอฟฟี่แค่แต่งไปเรื่อยๆ เป็นยุคสมัยที่สวยหวาน ไร้เดียงสา บริสุทธิ์สดใส ผลที่ได้ออกมาคือแอตแลนติสนั่นเอง และอย่างที่ขอโทษคนอ่านหลายคนที่อยากให้มีภาคสอง คอฟฟี่เข้าสู่ด้านมืดของพลังไปแล้วล่ะ กลับไปแต่งอะไรแบบนั้นได้แล้วจ้า!
พอมาราว ม.๓ ก็เริ่มแต่งนางฟ้าฯ ตอนนั้นเริ่มรู้แล้วว่าชีวิตจะไปทางไหน เกรดถึงรึ ช่างมันเถอะ คอฟฟี่จะเข้าสายศิลป์แน่นอนตัดสินใจไว้แล้ว แล้วก็เล็งแล้วด้วยว่าจะมาทางรัฐศาสตร์ ก็เลยแต่งให้โรงเรียนนราวดีอกอจะหนักการเมืองอย่สักหน่อย ค่อนข้างจะเสียดสีประวัติศาสตรืเศรษฐกิจสังคมการเมืองและเหตุการณ์ปัจจุบันอยู่มากทีเดียว บวกกับความอัดอั้นตันใจหลายอย่างและความต้องการ “โรงเรียนในฝัน” ทำให้นราวดีออกมาเป็นแบบนั้น
พอมาชาร์มิลา อืม...ค่อนข้างจะพูดยากอยู่สักหน่อยเพราะมีอะไรหลายอย่างทีเดียว รู้ไหมถ้าวัดกันตอนนี้น่ะชาร์มิลายาวกว่านางฟ้าฯแล้วนะ! ทั้งที่ยังดำเนินเรื่องไปไม่ถึงไหนเลย! เทศกาลเรวินลาฟยังไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ! เพราะเรื่องนี้คอฟฟี่ใส่ใจมากกับการใส่รายละเอียดให้สมจริง เบื่อนิยายแฟนตาซีที่สักแต่ว่าสร้างโลกขึ้นมาตามใจฉันแล้วมันดูพิลึกพิลั่นไม่น่าเป็นไปได้น่ะ คอฟฟี่ก็เลยสร้างโลกของชาร์มิลาขึ้นมาให้เป็นอย่างที่เป็นอยู่ แล้วก็ตัดสินใจให้เป็นโลกที่ไม่มีเวทมนตร์ แต่...อืม ถ้าเป็นไปตามพล็อตที่วางไว้ล่ะก็ มันจะหักมุมแบบที่เรียกได้ว่าออกนอกโลกไปเลยล่ะ แต่นั่นก็ยังไม่แน่ใจว่าจะเอามั้ยนะ...
ชาร์มิลายังเป็นที่ที่คอฟฟี่ใช้พูดถึงอุดมการณ์ทางการเมืองบางประการของตนเอง (จะเรียกว่าโฆษณาชวนเชื่อก็ย่อมได้) และหากอ่านกันจริงๆ รวมถึงหน้าถามตอบที่คอฟฟี่ลงไว้เมื่อวันเกิดคราวที่แล้วนั่น ก็จะรู้ทันทีว่าคอฟฟี่มีความเห็นเยี่ยงไรเกี่ยวกับอะไรต่อมิอะไรในบ้านในเมือง ที่จริงคนอ่านหลายคนบอกว่ามั่นใจเลยล่ะว่าคอฟฟี่ตั้งใจอย่างไร และเตรียมจุดจบไว้ให้มันอย่างไร...
อืม...เอาเถอะ ยืดยาวมาพอสมควรแล้ว เอาเป็นว่าวันนี้คอฟฟี่ครบยี่สิบแล้ว (ที่จริงต้องรอสามทุ่มยี่สิบห้า) หลายอย่างเปลี่ยนไปแต่บางสิ่งบางอย่างยังคงเดิม ยังเป็นคนที่บ้าการ์ตูนญี่ปุ่นไม่เปลี่ยนแปลง (ตอนนี้กำลังตามเก็บ Letter Bee กับ Uragiri wa Boku no Namae wo Shitteiru อยู่) มีความสุขที่ได้ถกเรื่องพระเจ้าเอชกับเพื่อน เพื่อนแบบนี้น่ะใช้มือข้างเดียวนับยังเหลือนิ้วเลย (เพื่อนคอฟฟี่เสนอทฤษฎีแปลกใหม่ว่าเคียวคุงเป็นพระเจ้าล่ะ ไม่ใช่ฮารุฮิ) แถมยังนั่งน้ำตาคลอกับสองตอนสุดท้ายของโคบาโตะ ซึ่งให้ความรู้สึกว่าชีวิตนี้ยังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่งดงามยิ่งนัก!
สุดท้ายนี้ คอฟฟี่ขอขอบคุณทุกๆคนที่เข้ามาอวยพรวันเกิดให้ สัญญาว่าคอฟฟี่จะยังสิงสถิตอยู่ในเด็กดีแห่งนี้ไม่หนีไปไหน เขียนนิยายต่อไปเรื่อยๆ พัฒนาหมู่บ้านของพวกเราต่อไปให้ดียิ่งๆขึ้น (ขอพูดถึงเพื่อนคนสำคัญเสียหน่อย ได้เพื่อนดีๆในอินเทอร์เน็ตอย่างเคจสักคนนี่คอฟฟี่ก็ถือว่าชีวิตนี้โชคดีแล้วล่ะ ขอบคุณสำหรับทุกอย่างนะเคจ!) สำหรับคนที่หลงเข้ามาในไอดีของคอฟฟี่ ลองดาวน์โหลดเกมของคอฟฟี่ไปเล่นดูนะ! เล่นคาเฟ่แล้วขอให้สมองเฉียบคม เล่นลาร์มิชาแล้วอย่าลืมไปอ่านชาร์มิลา โนเวลการ์ดเดี้ยนยังเปิดรับคำขออยู่ สำหรับนักอ่าน ช่วงนี้อาจลงช้ามาก ก็ต้องขออภัยจริงๆ ไม่มีคำแก้ตัวใดนอกจากคำขอโทษจากใจจริง สัญญาว่ายี่สิบแล้วจะมีความรับผิดชอบที่มากขึ้น ยังไงก็ช่วยแสดงความเห็นเยอะๆด้วยก็แล้วกันนะ!
ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลกที่ท่านนับถือ ดลบันดาลให้ท่านมีความสุข สุขภาพแข็งแรง สมหวังในทุกความปรารถนาด้วยเทอญ
คอฟฟี่คัพ
ความคิดเห็น
[แต่น่าฉุดจริงจัง ฮ่าๆ]
กล้าแสดงความคิดเห็นซะที [พยายามไม่ใช้คำทับศัพท์]
สุขสันต์วันเกิดย้อนหลังค่ะพี่คอฟฟี่ ^ ^