แรงบันดาลใจอันสดใสของถ้วยกาแฟ
ตอนนั้นเรายังแต่งแอตแลนติสอยู่ มีเหตุการณ์สำคัญของระดับ ม.2 คือการแสดงละครเวทีเกี่ยวกับกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับนักเรียน แล้วก็เชิญผู้พิพากษา (มาสายไปสองชั่วโมง -_-) มาบรรยาย เราก็ได้รับบทให้มาแสดงเกี่ยวกับการชิงทรัพย์ แล้วห้องคอฟฟี่นำโดยชาวแชทอีกเช่นเคยก็แสดงกัน แถมเรายังทำหนังสือพิมพ์ฉบับเบ้อเริ่มไปใช้แสดงบนเวทีด้วย! หนังสือพิมพ์จริงๆ! นอกจากลงข่าวนักเรียนช่วยตำรวจจับโจรวิ่งราวแล้วก็มีข่าว เช่น ช็อคซูเปอร์สตาร์สาวกล้วยประตูหนีบนิ้วหวิดตาย หรือข่าว บอสระห่ำย่ำสี่ศพเมื่อคืนวาน เป็นต้น ล้วนเป็นข่าวสร้างสรรค์ที่เอาเพื่อนในห้องมาเป็นข่าวทั้งสิ้น
จากจุดนั้น คอฟฟี่ก็ออกหนังสือพิมพ์ของห้องสอง คมทับสอง เรื่อยมา ออกข่าวเวลามีเรื่องสำคัญๆ เช่น น้อง เพื่อนในแก๊งแชท ชนะการเลือกตั้งได้เป็นประธานระดับ ม.3 หรือข่าวยุบสภาเปลี่ยนหัวหน้าห้อง อะไรทำนองนี้แหละ!
จากจุดนั้น ก็แตกแขนงออกมาอีก คอฟฟี่ตัดต่อภาพเป็นว่าเล่นเช่น เอาโปสเตอร์หนังแฮร์รี่ภาคสี่มาตัดต่อหน้าเพื่อนๆลงไป เอาอาจารย์วิทย์ซึ่งเป็นที่ปรึกษาเป็นฉากหลังบนท้องฟ้าหลังฮอกวอตส์ แล้วประกาศตัวเบ้อเริ่ม The Legends of 3/2 and the Teacher of Science มีอีกครั้ง คอฟฟี่ตัดต่อเพื่อนผู้หญิงเป็นไอด้อลเซ็กซี่ จัดประกวด 3/2 Supermodel Contest 2006
ทั้งหมดนี้เป็นไอเดียให้คอฟฟี่แต่งเรื่องนราวดีขึ้นมา หนังสือพิมพ์เนี่ยแหละ!
ไอเดียเนื้อเรื่องอย่างอื่น...อันนี้มีหลายอย่างเลย อย่างที่บอกไปแล้วว่าคอฟฟี่ได้ไอเดียเป็นหนังสือพิมพ์จากละครเวทีของห้อง แล้วก็อีกหลายๆเรื่องผสมกัน เพราะคอฟฟี่ว่าสื่อมวลชนเป็นอะไรที่น่าสนใจ ก็เลยออกมาเป็นเรื่องนี้
พล็อตตอนแรกของนราวดีต่างจากตอนจบจริงๆ ณ เวลานี้มากทีเดียว! เหมือนแอตแลนติสนั่นแหละ เปลี่ยนไปเยอะน่าดู แต่งไปก็แก้พล็อตไปเรื่อย คอฟฟี่เคยเอาไดอารี่ของตัวเองมานั่งอ่านทวนความหลังของสองสามปีก่อน (เราเขียนไดอารี่ในคอม เลยไม่มีปัญหาหลายปีแล้วกระดาษหมด!) ถึงได้รู้ว่าพล็อตเปลี่ยนไปมากเลย เพราะเราเอาไดอารี่ไว้ใช้ระบายพล็อตนิยาย แถมค้นไปค้นมายังเจอโปรเจ็คท์นิยายที่ไม่เคยเริ่มอีกหลายเรื่อง!
พล็อตตอนแรกจริงๆฟลายต้องบุกเดี่ยวสู้กับนราวดี ส่วนแมคกับคนกว่าค่อนโรงเรียนถูกขังรอความตายอยู่ห้องใต้ดิน แต่ไม่รู้จะผูกเรื่องยังไงดี ไปๆมาๆก็เลยออกมาเป็นแบบนี้!
เพราะคอฟฟี่ก็แต่งไปเรื่อยๆตามใจตัวเอง เดินไปตามพล็อตที่วางเอาไว้ตั้งแต่ต้น แต่เพราะถึงจุดๆนึง พล็อตที่วางไว้ก็ทำไม่ได้เพราะมีตัวแปรหลายตัวเข้ามาเกี่ยวข้อง! เลยต้องเบี่ยงซ้ายป่ายขวาไปเรื่อยเพื่อดำเนินเรื่องต่อไป แล้วก็ออกมาเป็น นักข่าวนางฟ้าล่าแผนจารกรรม! อย่างทุกวันนี้ในที่สุด...
แต่ที่ไม่เปลี่ยนเลยจริงๆก็คือฉากที่นราวดีจะหนีไปด้วยเฮลิคอปเตอร์ แล้วฟลายใช้สลิงผูกเฮลิคอปเตอร์ไว้กับตึก ฉากนี้น่ะวางไว้ตั้งแต่แรกเริ่มเลย! น่ายกย่องจริงๆนะเนี่ย! เพราะแอตแลนติสน่ะไม่มีอะไรเหมือนที่คิดพล็อตไว้ตอนแรกเลย!
ไอเดียคั่นเรื่องด้วยเอ็นไซโคลปิเดียก็เป็นอะไรที่เจ๋งมากๆ จำได้เคยมีคนพูดเรื่องนี้เหมือนกันนะ จำไม่ได้แฮะว่าใคร ไอเดียนี้ได้มาจากเรื่อง สถาบันสถาปนา (เอ่ยถึงแล้วก็ต้องขอบคุณนัทที่ให้ยืมหนังสือเรื่องนี้ด้วย!) ของไอแซค อสิมอฟผู้ยิ่งใหญ่ เรื่องนี้ขึ้นบทด้วยเอ็นไซโคลปิเดีย แต่ในนราวดีคอฟฟี่เอามาใช้คั่นฉากแทน เวลาหัวตันคิดเรื่องไม่ออก ก็เอาไอ้เอ็นไซโคลปิเดียนี่แหละมาแทรก! เพราะคอฟฟี่ก็บอกไปแล้วว่าคิดข้อมูลเกี่ยวกับโรงเรียนนราวดีเอาไว้มาก! ชนิดถ้าเอามาเขียนจริงๆจะยาวกว่านิยายเองเสียอีก!
ไอเดียที่จะให้ในโรงเรียนมีหน่วยงานเหมือนกับทางการสหรัฐอย่างเอ็นเอสเอหรือนาซามีตั้งแต่ต้นแล้ว องค์กรพวกนี้ตัวย่อขึ้นต้นด้วยตัว N จาก National เราเลยตั้งชื่อเจ้าของโรงเรียนให้มี น.หนู นำหน้า คชาธารกับซีไอเอก็เป็นไปด้วยเหตุผลดังนี้! ส่วนที่มาของไอเดียนี้ มาจากการที่คอฟฟี่อ่านหนังสือยูเอฟโอกับทฤษฎีสมคบคิดเอเลี่ยนมากไปหน่อย ว่ามีหน่วยงานนู่นนี่ปิดบังความจริงเรื่องจานบินตก จะว่าไปในนักข่าวนางฟ้านี่ยังไม่มีคณะเอ็มเจสิบสองเลยนะเนี่ย...
โครงการบลูบุ๊คของแองเจิลวิงส์ที่ตามข้อมูลของนราวดี ก็มาจากโครงการบลูบุ๊ค ซึ่งยกเลิกไปตอนปลายทศวรรษที่ 60 เป็นโครงการรวบรวมข้อมูลยานจากต่างดาว หลังจากยกเลิกไป ก็เชื่อกันว่าโครงการอควอเรียสที่นำโดยคณะเอ็มเจสิบสองก็มาลุยแทน...โครงการหลังนี้ไม่มีการรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับนราวดีแต่อย่างใด สนใจข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการอควอเรียส ให้เจาะระบบเพ็นตาก้อน
เหตุการณ์หลายอย่างในโรงเรียนนราวดีที่นำเสนอผ่านเอ็นไซโคลปิเดียส่วนใหญ่ดัดแปลงมาจากประวัติศาสตร์จริงๆ ซึ่งหลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อน ก็หวังว่าจะไปศึกษามาใส่หัว และจำไว้เป็นบทเรียนกันเสียบ้าง ประเทศชาติจะได้ไม่วุ่นวายแบบนี้
ความทรงจำมีชีวิตด้วย ‘คอฟฟี่ แฮนดี้แคม’
เมื่อวันก่อนคอฟฟี่เอาไดอารี่ของตัวเองมานั่งอ่าน แบบว่าคอฟฟี่เขียนไดอารี่ในคอมน่ะ เขียนมาเกือบสามปีได้แล้วมั้ง อันที่จริงต้องเรียกว่าพิมพ์ถึงจะถูก เอาเถอะๆ! เราก็มานั่งอ่านความทรงจำอันแสนดีและไม่ดีในไดอารี่ วันที่เขียนวันแรกเป็นวันที่ 1 ธันวาคม ปี 47 เท่าที่อ่านดูตอนนั้นเพิ่งลงแอตแลนติสไปได้สามสี่ตอนเอง น่าปลื่มใจจริงๆที่พัฒนาการของแอตแลนติสถูกบันทึกไว้หมดในไดอารี่! แล้วก็อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้...คอฟฟี่ใช้ไดอารี่เป็นที่ระบายพล็อตฟิคหลายต่อหลายครั้ง อ่านดูแล้วก็รู้...มันช่างต่างกับตอนจบตอนนี้ซะจริงไอ้พล็อตพวกนี้เนี่ย เฮ้อ!
คอฟฟี่รู้จักเด็กดีไม่นานก็ลงแอตแลนติสแล้ว ตอนนั้นก็เลยมีเพื่อนไม่มากนัก ที่จำได้แม่นเลยคือ ‘วิกฤติการณ์ควียอนี ร.ศ.
ก็อย่างที่กล่าวไปแล้วตอนพูดถึงมิ้นท์ ว่าเรื่องรักล้นฯซึ่งตอนนี้กลายเป็นรักสุดกิ๊งฯแล้วนั้นดันไปเหมือนคีย์หัวใจ บันไดเสียงรัก หลังจากอ่านทั้งรักล้นฯและคีย์หัวใจฯเสียหลายรอบจนหัวหมุนเป็นโดเรมีฟาซอลลาทีโด ก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่ามันเหมือนกันตรงไหน ลองไปฟังคำให้การของมิ้นท์จังกันเถิดสหาย...
“แต่ขอบอกไว้ก่อน สำหรับเพื่อนๆที่เพิ่งจะอ่าน 'คีย์หัวใจ บันไดเสียงรัก' ซึ่งเป็นของสำนักพิมพ์แจ่มใส จบไป ก็ขอบอกไว้เลยนะ ^^ ว่า...
“ไม่ได้ลอกเลียนแบบอะไรใดๆทั้งสิ้นจากหนังสือเล่มดังกล่าว ไม่ว่าจะส่วนหนึ่งส่วนใดของหนังสือเล่มนั้น”
เราเพิ่งอ่านจบไปเหมือนกัน ^O^
อ่านแล้วยังตกใจเองเลย O_O เพราะว่า เนื้อเรื่อง หรือว่าอะไรทั้งหลายทั้งแหล่ คล้ายกันมากๆ ! ตั้งแต่ตัวนางเอกถึงคาแรคเตอร์ของน้องชาย
เหมือนกันมากๆ !!!
แต่ว่าเราพูดจริงๆนะ ว่าไม่ได้เลียนแบบเลย แบบว่า เพื่อนเรามาบอกที่รร.แต่เช้าเลย ว่าตัวละครคล้ายกันมากๆ ทำให้เหมือนเราไปลอกเลียนแบบของเค้ามาเลย TT__TT”
ก็งี้แหละนะ หลังจากนั้นก็เลยรู้จักกับมิ้นท์ ไปมาหาสู่จนกระทั้งมิ้นท์หายสาบสูญไปในสามเหลี่ยมเบอร์มิวด้านั่นแหละ!
หลังจากนั้นไม่นาน ริบบิ้นก็เข้ามาทักอย่างที่รู้ๆกัน นี่คือข้อความที่ยกมาจากไดอารี่ของคอฟฟี่ล้วนๆแบบไม่ผ่านการศัลยกรรมตกแต่งแต่อย่างใด
คุณริบบิ้นสีฟ้าผู้แต่งเรื่องรักเกินสามร้อยหกสิบองศามาเยี่ยมเยียนเราล่ะ เค้าบอกว่ามาทักทายเราหลังจากที่เราไปป่วนเค้า! โอ้ เลอะเทอะสิ้นดี
โอเค...สงสัยกับสรรพนามอันแสนสุภาพที่ใช้กับริบบิ้นล่ะซี แหม...รู้จักกันใหม่ๆก็สุภาพงี้แหละเวลากล่าวถึงน่ะ แต่ตอนนี้น่ะรึ เหอะ! ‘คุณริบบิ้น’ น่ะกลายเป็น ‘ยัย(ตัวแสบ)ริบบิ้น’ ไปเสียแล้ว!
หลังจากนั้นก็เป็นเรื่องน่าเบื่อหน่ายที่ทำให้คอฟฟี่ต้องยืนยันบ่อยๆว่ามีโครโมโซมคู่ที่ 13 เป็น XY ไม่รู้จะเข้าใจผิดอะไรกันหนักหนา! เคยไปอ่านไดอารี่ของนักเขียนชายคนหนึ่งในเด็กดีที่มาบ่นว่าแชทแล้วถูกถาม “อ้าว พี่ไม่ได้เป็นผู้หญิงหรอคะ” เราเข้าใจความรู้สึกเค้าทันที หัวอกเดียวกัน!
ตอนนี้คอฟฟี่ก็ขึ้น ม.4 แล้ว เพื่อนแก๊งเดียวกันที่เคยอยู่ด้วยกันตอน ม.ต้น ก็แตกกระเด็นเซ็นซ่านหายไปอยู่สายวิทย์กันเสียหมด! เหลือคอฟฟี่กับเพื่อนจากห้องเดิมที่ไม่ค่อยสนิทกันเท่าไหร่อีกสองคน (ตอนนี้สนิทแล้ว!) ไปอยู่ห้องคิงของศิลป์ - คำนวณ
แน่นอนว่าเพราะอยู่สายนี้ เวลาว่างเลยมากกว่าพวกวิทย์นิดหน่อย ในห้องทั้งนักเรียนก็เฮฮากันดีและอาจารย์ก็ร่วมเฮฮาไปกับนักเรียนด้วย -_-^ แล้วก็ไม่เครียด ก็คงยังงั้นจริงๆเพราะคอฟฟี่เพิ่งได้ 4.00 เป็นครั้งแรกตั้งแต่เข้าเตรียมพัฒน์ พิลึกจริงๆ ห้องใหม่ก็มีเพื่อนใหม่ เลยเรื่องแปลกๆใหม่ๆเยอะแยะเลย (ทำยังกับว่าอยู่กับเพื่อนเพี้ยนๆสมัยประถมกะมัธยมต้นไม่เจอเรื่องพิสดารยังงั้นแหละ!) ซักวันนึงคอฟฟี่อาจจะแต่งนิยายในยุคปัจจุบันเกี่ยวกับนักเรียนวัยรุ่นอย่างเราๆมั่งก็ได้ นักเรียนในโรงเรียนปกติแบบที่คอฟฟี่และท่านผู้อ่านเรียนอยู่น่ะ...ไม่ใช่โรงเรียนแบบโรงเรียนนราวดี! ถ้าให้เขียนเรื่องแบบนี้คอฟฟี่คงมีประสบการณ์ชีวิตมาให้เขียนมากทีเดียว!!!
อย่างตอนนี้ที่คอฟฟี่กำลังทำอยู่ในช่วงปิดเทอมคือตัดต่อรูปเพื่อน...อีกแล้ว โชคดีจริงๆที่ระหว่างตัดต่อ ช่อง 7 สี ทีวีเพื่อคุณ ก็เอา Goong หรือ Princess Hours มาฉายพอดี ดีจริงๆเพราะจะทำให้ภาพที่คอฟฟี่ตัดต่ออยู่ก่อนอยู่ในกระแสพอดี! แค่นี้ก็คงรู้แล้วสินะว่าคอฟฟี่ตัดต่อรูปอะไรอยู่... /8 Hours ประดับศรีวุ่นวายกับเจ้าชายอินทร์สรรค์ จับเพื่อนสนิทสองคนของคอฟฟี่มาตัดต่อซะเลย สะใจ!
ตั้งแต่เข้าเว็บเด็กดีนี่ได้เพื่อนดีๆตั้งหลายคนแน่ะ ทั้งในเน็ททั้งที่โรงเรียน มารู้จักกันได้ก็เพราะมีนิยายเป็นตัวเชื่อมสัมพันธ์! ดีจริงๆที่วันนั้นหลงเข้ามาในเว็บนี้ ทำให้มีงานอดิเรกดีๆในการเขียนและอ่าน ได้รู้จักคนเยอะแยะ มีประสบการณ์ดีๆแบบนี้ โชคดีจริงๆ!
ความคิดเห็น