ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : Chapter 2 (Rewrite)
Chapter 2
ตึกตึก
เสียงรองเท้าส้นสูงสามนิ้วครึ่งกำลังกระทบไปกับพื้น
ตึกตึก
เขายังคงจับมือเธอแน่น
ถึงแม้จะรู้สึกประหลาดใจในท่าทีของคนที่กำลังจับมือเธออยู่ แต่นั่นมันก็ทำให้ลัลทริมารู้สึกดีอยู่ไม่น้อยที่เขายังยอมช่วยเหลือ
ทว่าตอนนี้เธอและรองเท้าส้นสูงคู่ใหม่ที่ใส่อยู่เริ่มไปด้วยกันไม่ได้ อาจจะเพราะด้วยความไม่ชินและรองเท้านั้นยังใหม่อยู่ ลัลทริมาเดินเจ็บๆมาแบบนี้ร่วม5นาที ในที่สุดเด็กสาวก็ทนไม่ไหว จำต้องเอ่ยปากเรียกเขาอีกครั้ง
"การิน.."
"อะไรอีกล่ะ" เด็กหนุ่มหันหน้ามาหาเธอ น้ำเสียงธรรมดาแต่แฝงไปด้วยความรำคาญเล็กน้อย ลัลทริมาชะงักก่อนจะพูดกับเขา
"ฉัน..เจ็บเท้า อีกไกลมั้ย ถ้าไกลฉันขอใส่รองเท้าของฉันนะ"
เด็กสาวพูดพลางเอื้อมมือไปคว้าถุงในมือของการิน แต่เขาก็ยกถุงชูขึ้นสูงจนลัลทริมาที่เจ็บเท้าอยู่คว้าไม่ได้
"เธอไม่มีสิทธิเลือกหรอกนะ เป็นแค่ของเล่นก็ช่วยหุบปากแล้วอยู่เงียบๆไม่ได้หรือไง? หรือเธอจะโกรธฉันจนไปกระตุ้นให้คนแถวนี้ฆ่ากันเองนี่ฉันก็ไม่เกี่ยงนะ จะขอบคุณด้วยซ้ำ หึหึ.."
"นี่!!"
ลัลทริมาโกรธจนหน้าแดง เมื่อเด็กหนุ่มเห็นดังนั้นก็หัวเราะลงคอเบาๆ ราวกับว่าแผนการแกล้งเธอประสบผลสำเร็จ
ร่างสูงหันหลังแล้วเริ่มเดินอีกครั้ง แต่ก็คว้าข้อมือของเธอไปด้วย ลัลทริมาหน้าร้อน ลืมที่เธอโกรธเขาไปชั่ววูบ แต่ความเจ็บที่เท้าก็ยังย้ำเตือนกับเธออยู่ดีว่าชายที่กำลังจับมือลากเธอเดินอยู่พยายามจะแกล้งเธอ
นี่ฉันมาทำอะไรเนี่ย?
ลัลทริมาคิดวนเวียนอยู่ในหัว เท้าก็เจ็บจนแทบจะขยับไม่ไหว เด็กสาวจึงตัดสินใจอย่างแน่วแน่ว่าถ้าเขาไม่หยุด เธอจะถอดรองเท้าส้นสูงนี่แล้วหิ้วเดินซะเลย แต่ในขณะที่เธอกำลังจะย่อตัวลงไปถอดรองเท้า การินกลับหยุดเดิน ทำให้เธอชนกับแผ่นหลังของเขาเข้าอย่างจัง เด็กหนุ่มสะบัดข้อมือเธออย่างแรงจนเธอเซไปเล็กน้อย ทำให้รู้ว่าเขาหยุดเดินเพราะ..
ลิฟต์?
ลิฟต์เหรอ.. ลัลทริมาหันไปมองซ้ายขวาก็เห็นว่าบันไดเลื่อนนั้นอยู่อีกฝั่งซึ่งไกลมากทีเดียว
"ไม่ต้องคิดนะว่าที่ฉันขึ้นลิฟต์เพราะเธอสำออย แต่ฉันขึ้นเพราะฉันรีบ"
"ฉันไม่ได้สำออย! นายลองมาเป็นฉันมั้ย ส้นสูงสามนิ้วครึ่งไม่ใช่รองเท้าแตะนะ แล้วนายก็รีบเดินอย่างกับอะไร"
"เรื่องเยอะจริง เป็นแค่ยัยแม่มดแท้ๆ"
"นายช่วยสนใจความรู้สึกฉันบ้างจะได้ไหมการิน?"
ลัลทริมาพูดเสียงเบาจนคำพูดนั้นแทบจะกลืนหายไปในคอ ทว่าการินกลับได้ยินมันชัดเจน
ทุกๆคำพูดของเธอมีอิทธิพลต่อเขาไม่มากก็น้อย แต่ลัลทริมาเองก็ยังคงไม่รู้ตัว เด็กสาวก้มหน้ามองชายกระโปรงตัวเอง เธอไม่กล้ามองหน้าของเขา ไม่รู้ว่าเขาจะตอบกลับมาอย่างไร แต่ด้วยประสบการณ์ของเธอแล้วก็คงจะประมาณว่า..
'อย่าสำคัญตัวเองผิดไป' หรือไม่ก็ 'เธอเป็นแค่ของเล่นของฉัน'
การที่ต้องมาฟังคำพูดถากถางจิตใจจากเขาซ้ำๆแบบนี้ ขอเลือกฟังแค่เสียงคงจะดีกว่า
"ลิฟต์มาแล้ว.." การินพูดก่อนจะเดินเข้าลิฟต์ไป ลัลทริมาเดินตามหลังเข้ามา ในลิฟต์มีแค่เขาและเธอ มันอบอวลไปด้วยความเงียบและบรรยากาศที่ชวนให้อึดอัด
มันเงียบจนลัลทริมาเองแทบไม่กล้าหายใจ เด็กสาวคิดไปต่างๆนานาถึงข้อผิดพลาดที่เธอเคยทำให้การินต้องสูญเสียสิ่งของของที่ต้องการไปไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ไม่นับครั้งที่เธอดื้อแพ่ง ไม่ฟังคำพูดของการินจนบางทีกลับทำให้อะไรๆมันแย่กว่าเดิม
ทุกอย่างตีกันในหัวจนเธอชักจะคิดฟุ้งซ่าน และมันไปไกลขนาดที่ว่า
การินจะเกลียดเธอไปแล้วหรือเปล่า?
ความคิดในหัวเด็กสาวตีกันจนยุ่งเหยิง ถึงแม้จะมีความคิดว่า 'เขาไม่พูดก็ดี ห่างกันไปเลย ชีวิตจะได้สงบเสียที'
แต่มันก็ไขว้เขวทุกครั้งด้วยคำถามที่ว่า 'เขาเกลียดเธอหรือเปล่า' ลัลทริมาไม่อาจเข้าใจถึงความรู้สึกตัวเองได้เลย เธอสามารถเลือกที่จะสะบัดมือเขาออกแล้วก็หายไป หนีไปก็ได้ เธอสามารถปฏิเสธเขาได้ เธอสามารถไม่สนใจเขาได้ แต่สุดท้ายก็ทำไม่ลง
ยิ่งมองมาที่การินก็ยิ่งรู้สึกห่วงลึกๆในฐานะเพื่อน ถึงแม้เขาอาจจะรำคาญและมองว่าเธอเป็นแค่สิ่งของ แต่เธอก็ไม่อาจทิ้งเขาไปได้อยู่ดี
ถ้าจะบอกว่าให้ตัดปัญหาด้วยการเลิกมองเขา นั่นมันก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้ เธอไม่สามารถทำได้เลย ตั้งแต่ที่เจอกันลัลทริมาก็เฝ้ามองเขาห่างๆด้วยความหวาดระแวงอยู่ตลอดเวลา เธอเองก็ไม่รู้ตัว จนมันกลายเป็นเธอมองหาเพราะเป็นห่วงเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
การินเป็นคนที่เธออยากจะเข้าใจ ทั้งเขาและเธอต้องสูญเสียคนที่รักไป ความรู้สึกนั้นเธอรู้ดี และการที่ปล่อยเขาไว้ให้อยู่คนเดียวมันคงเป็นอะไรที่ใจร้ายเกินไป เธอตัดสินใจว่าจะอยู่ข้างเขาต่อไป ถึงแม้ว่าเขาไม่เคยร้องขอก็ตาม
.
.
ร่างสูงเดินต่อเรื่อยๆ แม้ใบหน้าจะเรียบเฉยแต่ขาเองก็มีความคิดในหัวไม่น้อยไปกว่าลัลทริมาที่เดินตามมาข้างหลัง ได้แต่เก็บความไม่เข้าใจตัวเองเอาไว้ในอก เขามีเธออยู่ข้างๆตลอดมา แต่ว่า
คนบาปที่เอาแต่ปิดกั้นตัวเองแบบเขา ไม่เหมาะกับแสงสว่างจ้าอย่างเธอ
อาถรรพ์คือเครื่องนำทางและสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจชั้นยอด การินปล่อยให้ตนเองตกอยู่ในภวังค์ของความมืด ซึ่งเขาก็พอใจในสิ่งนั้น
จนกระทั่งวันหนึ่งแสงอันริบหรี่ก็สว่างขึ้นมาท่ามกลางทางมืดมิด ในตอนแรกเขาไล่ตามแสงนั้นด้วยความเกลียดแค้นและริษยา แต่เมื่อนานไปก็ได้รู้ว่าแสงเล็กๆ นี้คือสิ่งนำทางที่แท้จริง แสงนั้นพยายามส่องไปในทางที่ไร้ขวากหนามหรือหุบเหวลึกที่จะฉุดเขาลงไปในความมืดได้มากกว่าเดิม
พอแสงนั้นหายไปก็พยายามไขว่คว้ากลับคืนมา ยิ่งคิดทบทวนเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้ว่าแสงนี่สำคัญกับเขามากเพียงใด และตอนนี้แสงเล็กๆนี่ได้เติบโตขึ้นภายในจิตใจของเขาจนกลายเป็นแสงที่สว่างจ้าในเมื่อไหร่ ตัวเขาก็ไม่อาจรู้เช่นกัน
'ขอโทษ'
เด็กสาวชะงักในทันทีที่เสียงเสียงหนึ่งแวบเข้ามาในหัว มันไม่ใช่เสียงที่น่ากลัว แต่มันอบอุ่นเสียจนเธอตกใจ..ลัลทริมาหันมองไปรอบกาย แต่ก็ไม่อาจสัมผัสได้อีก
จะบอกกการินดีไหม?
..ถ้าบอกไปแล้วตาบ้านั่นเกิดหัวเราะลั่นห้างขึ้นมาล่ะ?
แต่ว่า..
ลัลทริมาลังเลอยู่นาน สุดท้ายเธอก็สรุปว่าควรจะบอกเขาไป แต่ทั้งที่เธอยังไม่ทันได้ถาม เสียงของเด็กหนุ่มก็พูดแทรกขึ้นมาอีกตามเคย
"ถึงแล้ว"
เด็กสาวเงยหน้าขึ้นมองตาม พบว่าเป็นร้านอาหารจีนที่ค่อนข้างหรูมากทีเดียว ได้ยินว่าเขาจะมาหาพ่อ หรือผอ.นรินทร์ ผู้อำนวยการรร.นิศาพาณิชย์ที่เขาและเธอเรียนอยู่ที่นั่น แต่เธอก็ไม่มีเวลาจะมาตะลึงอะไรกับร้านมากนัก เพราะตอนนี้การินหายวับเข้าไปในร้านแล้ว
ลัลทริมารีบวิ่งตามเข้ามาพลางหันซ้ายขวา พนักงานเสิร์ฟต่างเร่งรีบเดินสลับกันจนทำให้การชะเง้อมองเขาเป็นไปได้ยาก ไหนจะรองเท้าส้นสูงนี่อีก
"มานี่"
เด็กหนุ่มโผล่ขึ้นมาจากด้านหลัง ลัลทริมาสะดุ้งเฮือก ไม่ใช่แค่เพราะตกใจ แต่เพราะความใกล้ระหว่างเขาและเธอ ร้านนี้เรียงรายไปด้วยโต๊ะจีนมากมาย พนักงานก็มีจำนวนเยอะทำให้ทางเดินนั้นแคบลง
ลัลทริมารับรู้ได้ถึงลมหายใจอ่อนๆ ของร่างสูงข้างหลังรดมาที่ต้นคอของเธอ เด็กสาวหน้าแดงแปร๊ด ใจของเธอเต้นรัว หากเขาขยับเข้ามาใกล้เธอมากกว่านี้ เขาอาจจะได้ยินก็ได้
ตึกตัก
หยะ..หยุดสิ
"ยัยโง่ เธอเป็นอะไรของเธอ"
"ปละ..เปล่า"
ตึกตัก ตึกตัก
นี่มันบ้าอะไรเนี่ย!!
"การิน ทางนี้"
ในที่สุดลัลทริมาก็สามารถหลุดจากภวังค์ได้เมื่อได้ยินเสียงของผู้เป็นพ่อของเด็กหนุ่ม เขาเดินเบียดพนักงานโดยมีลัลทริมาตามหลังไปห่างๆ ตรงเข้าไปที่โต๊ะที่พ่อของเขานั่งอยู่ ถ้ามองไม่ผิดนั่นมัน..ใครกันนะที่นั่งข้างผอ.?
"สวัสดีหนูลัล นั่งก่อนสิ"
ผอ.นรินทร์ยิ้มและทักทายเธออย่างเป็นมิตร ท่านเป็นกันเองจนลัลทริมาคิดว่าท่านเป็นญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง
"ขอบคุณค่ะ"
เธอคลี่ยิ้มบางๆตอบกลับไปพร้อมกับเลื่อนเก้าอี้แล้วค่อยๆนั่งลงอย่างประหม่า เด็กสาวไม่คุ้นชินกับสถานที่ที่มีคนเยอะๆแบบนี้เอาเสียเลย..
'เฮอะ หลอกลวง'
'ไอ้บ้าเอ๊ย ใครจะไปช่วยแก'
'โง่ว่ะ'
'นังแพศยาเอ๊ย'
'ทุเรศจริงๆเลย'
ทุกๆคำพูดหลั่งไหลเข้ามาอย่างรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่าถึงแม้ผู้คนแม้จะดูยิ้มแย้มมากแค่ไหน แต่ก็ยังคงมีด้านมืดในจิตใจลึกๆอยู่ดี นี่ไม่ใช่เสียงที่ฟังแล้วอบอุ่นแบบเมื่อกี้ แต่มันราวกับคมมีดนับพันที่กรีดลงมาบนตัวของเธอ ลัลทริมาเริ่มมึนหัวและหายใจหอบ เมื่อผอ.นรินทร์เห็นดังนั้นจึงหันมาดูอาการเธออย่างเป็นห่วง
"หนูลัลเป็นอะไรหรือเปล่า? โดนการินลากมาอีกแล้วใช่มั้ย การิน พ่อบอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่าทำแบบนี้ ลูกจะเที่ยวไปดึงตัวคนอื่นเขาไปนู่นนี่ไม่ได้นะ เขาต้องมีเวลาส่วนตั--"
"พ่อเรียกผมมามีเรื่องอะไร ทำไมต้องมาไอ้ร้านบ้านี่ด้วย แล้วยัยนั่นเป็นใคร เสนอหน้ามาทำไมไม่ทราบ?"
การินพูดด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย แต่ก็จบประโยคได้สมกับเป็นตัวปัญหา ทำให้ผอ.นรินทร์ต้องขอโทษขอโพยหญิงสาวเสียยกใหญ่
"ขอโทษแทนลูกชายลุงด้วยนะหนูแพร การิน หนูลัล นี่แพรววิลาศ เธอเป็นญาติห่างๆของเรา"
"แล้วไง เรียกมาแนะนำแค่นี้?"
เด็กหนุ่มพูดอย่างไม่สนใจพร้อมทำหน้ากวนประสาท ท่าทางว่าแพรววิลาศจะอยู่มหาวิทยาลัยแล้วเพราะดูจากเครื่องแบบ และแพรววิลาศเองก็แสดงออกชัดทางสีหน้าเหมือนกันว่าเธอไม่ค่อยชอบการินเอาเสียเลย
เมื่อเห็นท่าไม่ดี ลัลทริมาจึงแตะไปที่แขนของเขาเบาๆ การินหันมามองค้อนเธอนิดๆ แต่นั่นก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติแล้วสำหรับเธอ ยอมโดนมองค้อนก็ยังดีกว่าให้เขาอาละวาดกลางร้านน่ะนะ...
ผอ.นรินทร์สูดหายใจเข้าเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อ
"เพราะอย่างนั้น..พ่อจะให้เธอมาช่วยดูแลแก"
"ไม่!!"
การินตอบกลับในทันที เด็กหนุ่มขึ้นเสียงด้วยความฉุนเฉียวพลางยกเท้าขึ้นมากระแทกบนโต๊ะแรงๆ อย่างไม่เกรงกลัวใคร และเพิ่มความเด่นมากขึ้นไปอีกเพราะโต๊ะนั้นอยู่กลางร้าน ลัลทริมาถอนหายใจยาวๆ เธอคงต้องเข้าไปห้ามก่อนที่เขาจะทำอะไรอล่างฉ่างไปมากกว่านี้ และคงต้องโดนเจ้าตัวด่าว่ากลับมาอีกตามเคย
"การิน.."
เขาไม่ตอบ แต่หันหน้าไปทางผอ.นรินทร์และพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
"ผมบอกว่าไม่ก็คือไม่ จะให้มาเป็นหนูทดลองการทำวิทยานิพนธ์ของยัยป้านี่เรอะ เฮอะ ไม่มีทาง พ่อเองก็บ้าจี้ไปกับยัยนี่นะ คิดอะไรอยู่ถึงจะเสียสละส่งลูกชายไปเป็นกรณีศึกษาให้ยัยโง่ที่ไหนก็ไม่รู้ลองผิดลองถูก บ้าไปแล้วหรือไง?"
"แต่ลูกก็ต้องเข้าสังคม ต้องมีคนอยู่ข้างๆ.."
"แล้วยัยนี่ไม่ใช่หรือไง"
เขาพูดพลางลากเก้าอี้ของลัลทริมาเข้ามาใกล้ๆ เด็กสาวตกใจจนทำอะไรไม่ถูก ไม่มีเสียงจากเขาดังขึ้นมา
ทำไมถึงชอบทำอะไรไม่บอกกันนะ..
"แค่ยัยโง่นี่คนเดียวก็ลำบากแล้ว ไม่ต้องการคนอื่น ไม่จำเป็น!!"
"เรารบกวนหนูลัลเกินไปแล้วการิน ลูกต้องหาคนที่สามารถอยู่กับลูกได้ตลอ--"
"รู้ไว้นะ ยัยนี่อยู่กับผมตลอดเวลา เข้าใจคำว่าตลอดไหม ต ล อ ด น่ะ หมายถึงทุกเวลาไง ไม่ว่าจะตอนไหน"
การินหัวเราะลงคอเบาๆเมื่อได้เห็นสีหน้าช็อคของพ่อตนเองและแพรววิลาศ ลัลทริมาถอนหายใจไม่รู้รอบที่เท่าไหร่กับพฤติกรรมบ้าๆของเขา แถมยิ่งชอบพูดอะไรแบบนี้อีก เขาไม่รู้หรือไงกันนะว่าไอ้การพูดแหย่เล่นๆ ของเขานั้นทำให้คนฟังตกใจขนาดไหน..
"การิน...พูดให้มันดีกว่านี้ไม่ได้หรือไง"
"ฮึ ฉันพูดอะไรผิดล่ะ เธอกับฉันเคยนอนห้องเดียวกัน รีสอร์ทชายทะเล เกาะรูปพระจันทร์เสี้ยว ว้าววว บรรยากาศก็ดีมากด้วย ให้บอกแบบนี้ใช่ไหม?"
"อย่าพูดบ้าๆนะ ตอนนั้นนายนอนซมไม่สบายต่างหากล่ะ!!!"
เด็กสาวรีบแก้คำพูดของการินในทันที เมื่อสีหน้าคนฟังทั้งสองนั้นคิดไปไหนต่อไหนแล้วก็ไม่รู้ ไหนจะคนในร้านที่หันมามองกันเป็นตาเดียวอีก
"หึ แค่นี้ก็พอจะเข้าใจแล้วใช่มั้ยว่ายัยป้านี่ไม่มีทางมาแทรกช่องว่างระหว่างผมกับยัยแม่มดได้หรอก ไม่ต้องหาคนให้ผมอีก เข้าใจนะพ่อ ไปละ"
เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูง พลางกระชากข้อมือลัลทริมาให้เดินตาม เด็กสาวมองแผ่นหลังเขาอย่างปลงๆ ถึงในหัวจะคิดเรื่องที่ว่าต่อไปจะเป็นอย่างไร แต่มันก็มีความรู้สึกแปลกๆเข้ามาด้วย เธอไม่สามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่ามันคือความสุข ตอนนี้ทั้งเขาและเธอต่างเหมือนกับภาพมัวที่เริ่มชัดเจนขึ้นในอีกไม่ช้า
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น