ตอนที่ 22 : เรื่องวุ่นวายของวงการแฟชั่น
บทที่ 22 เรื่องวุ่นวายของวงการแฟชั่น
ฉันกลับมานั่งเล่นในหอพักอีกครั้ง แต่ก็พบว่าดายังไม่กลับมา ฉันเลยไปล้างหน้าเอาแป้งกับเครื่องสำอางที่แต่งปลอมออกจนหมด พึ่งมารู้เนี้ยแหละว่าพวกผู้หญิงเค้าต้องทนกับความรู้สึกหนักอยู่บนใบหน้าเพราะเครื่องสำอางขนาดไหน ในตอนที่เป็นผู้ชายฉันไม่เคยแตะอะไรพวกนี้เลยด้วยซ้ำ ขนาดแป้งทาหน้าที่คุณแม่ซื้อมาให้ใช้ ตอนนี้ผ่านไป 2 ปี มันก็ยังมีปริมาณเท่าเดิมอยู่เลย
พอเสร็จทุกอย่างแล้ว ฉันก็มานั่งดูแหวนที่ได้รับมาจากคุณไลท์ เพราะแอบสงสัยตั้งแต่ตอนที่เห็นเด็กในห้องเรียนเอามาเล่นกันแล้ว ตกลงมันทำอะไรได้บ้างน้า? พอฉันเปิดระบบการทำงานของแหวน ก็มีหน้าต่าง 3 มิติเด้งขึ้นมาสว่างอยู่ตรงหน้า พร้อมกับมีเสียงดังขึ้นมา [ข้อมูลยืนยันของคุณ อาเคมิ ยูกิโกะ ถูกวิเคราะห์เรียบร้อยแล้วครับ]
ฉันมองหน้าต่าง 3 มิติ ที่กำลังแสดงข้อมูลตัวตนของฉัน (ในร่างผู้หญิง) ในนั้นมีอธิบายชื่อ อายุ น้ำหนัก สัดส่วน? ห้องเรียน วิชาที่เลือกเรียน พรสวรรค์ และอะไรอีกหลาย ๆ อย่าง แถมดูเหมือนว่าจะสามารถกดเข้าไปดูรายละเอียดต่าง ๆ ได้อีกด้วย
ฉันลองกดภาพเมนูความสามารถ ก็พบว่าแหวนได้อธิบายความสามารถทั้งหมดของฉันในปัจจุบันได้อย่างละเอียด มีทั้งพลังกาย พลังความอึด โดยใช้ค่าวัดพลังเป็นตัวเลข แถมมีอธิบายเรื่องคุณสมบัติของหมื่นทิวามาด้วยอีกต่างหาก
อาเคมิ ยูกิโกะ อายุ 16 ปี เพศ หญิง สัดส่วน 34-23-35
ค่าพลังชีวิต 850/850 หน่วย
ค่าพลังจิต 1400/1400 หน่วย
ค่าพลังกาย 220/220 หน่วย
ค่าความเหนื่อย 0/850 หน่วย
คลาส F
รูปลักษณ์อาวุธ [ยังไม่ได้กำหนด]
พรสวรรค์ สมาธิจิต
ความสามารถ พัดหมื่นทิวา/มีดพันราตรี
พัดหมื่นทิวา – พัดซึ่งถูกสร้างจากสมาธิจิต มีพลังในการแปรเปลี่ยนทิศทางของวัตถุ และดูดซับวัตถุไว้ชั่วคราว หากใช้พัดหมื่นทิวาร่วมกับพรสวรรค์แห่งสมาธิจะทำให้สามารถมองสิ่งรอบกายภายในระยะ 5 เมตรได้อย่างละเอียด เทียบเท่ากับการเร่งอัตราการทำงานของสมองให้เร็วขึ้น 10 เท่า จนมองเห็นสิ่งรอบกายเหมือนเคลื่อนที่ช้าลง ระยะเวลาจำกัด 5 วินาที
มีดพันราตรี – [ยังไม่สามารถเข้าถึงได้ : เนื่องเพราะยังไม่ได้รับการยอมรับ]
“ หมื่นทิวา มีดพันราตรีคืออะไรเหรอ ” ฉันหยิบสร้อยหมื่นทิวาออกมาถามดู จำได้ลาง ๆ ว่าตอนขึ้นรูปผลึกแก้วก็ได้ยินมารอบหนึ่งแล้วว่ามีพันราตรีอยู่ด้วย แต่ฉันยังไม่รู้ข้อมูลอะไรเกี่ยวกับพันราตรีเลย
“ พันราตรี คือ อาวุธมีดสั้น ซึ่งก่อกำเนิดจากพลังแห่งความมืดในจิตใจของนายท่านขอรับ ส่วนข้าหมื่นทิวา คือ อาวุธซึ่งก่อกำเนิดจากพลังแห่งความสว่างในจิตใจของนายท่านเช่นกัน เราทั้งสองได้หลอมรวมกันจนก่อเกิดเป็นรูปลักษณ์แห่งอาวุธตามที่นายท่านประสงค์ ” หมื่นทิวาอธิบายให้ฉันฟัง จะว่าไปในตอนนั้น มีแสงสว่างและความมืดคอยแข่งขันกันลบล้างอีกฝ่ายอยู่ในสมาธิจิตของฉันด้วยนี่น่า ตกลงทั้งสองสิ่งนั้นคือหมื่นทิวากับพันราตรีสินะ
“ เหตุผลที่นายท่านยังไม่สามารถเรียกพันราตรีให้แสดงรูปลักษณ์ออกมาได้ เนื่องเพราะนายท่านยังเข้าไม่ถึงตัวตนของนายท่านอย่างแท้จริงขอรับ ดังคำกล่าวที่ว่า จักรวาลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคือจิตใจของตนเอง หากนายท่านสามารถเข้าถึงแก่นแท้ของตัวตนนายท่านได้เมื่อใด นายท่านย่อมสามารถใช้รูปลักษณ์ของพันราตรีได้เองขอรับ ”
“ แล้วฉันจะต้องทำยังไงล่ะ ถึงจะเข้าใจแก่นแท้ของตัวเองได้ ” ฉันถามหมื่นทิวาไปด้วยความสงสัย แต่ก็แทบจะทันทีนั้นเองที่ฉันต้องปลงกับความช่วยเหลือของหมื่นทิวา เนื่องจากคำตอบที่ได้ “ นายท่านไม่ทราบ ข้าน้อยก็ไม่ทราบเช่นกันขอรับ ”
จากนั้นก็ลองกดดูนู้น ๆ นี่ ๆ เช่นแผนที่บ้าง วิชาที่เรียนบ้าง แล้วก็เปิดทีวีดูการ์ตูนไปเรื่อยเปื่อย กระทั่งประตูห้องถูกปิดออก แล้วดาเดินเข้ามาพร้อมกับอาการที่เห็นได้ชัดว่าเหนื่อยล้า
“ อ๊ะ......ขอโทษด้วยค่ะ เข้าห้องผิด ” ดาทำสีหน้าตกใจปนแปลกใจ แล้วก็ถอยหลังปิดประตูห้อง จากนั้นไม่นานดาก็เดินเข้ามาอีกครั้ง “ ไม่ใช่สิ นี่มันห้องพักฉันนี่น่า.......แล้วเธอเป็นใครกัน?........เอ๊ะ....รูปร่างแบบนี้ ผมยาวแบบนี้ อย่าบอกนะว่ายูจัง? ”
แต่ก่อนที่ฉันจะได้ตอบคำถามทั้งหลายของดา เจ้าตัวคนถามก็ดันวิ่งเข้ามาจับไหล่ทั้งสองข้างของฉันพร้อมกับจ้องหน้าอย่างจริงจัง “ ใช่จริง ๆ ด้วย ยูจัง........สวยจังเลย กรี้ด......ขอกอดหน่อยนะ ว้าย ๆ ๆ ๆ ”
“ ยะ....อย่าดึงแก้มสิ เดี๋ยวแก้มมันย้วยกันพอดี อ๊ะ......ดา กอดแน่นไปแล้ว หะ...หายใจไม่ออก “
“ ยูจังสวยสุด ๆ ไปเลย แบบนี้สินะถึงต้องแต่งหน้าปลอมไว้แบบนั้น ขนาดดาเห็นดายังอยากจะกอดขนาดนี้ นี่ถ้าพวกผู้ชายมาเห็นเข้า รับรองตีกันแย่งยูจังแน่เลย ”
“ มะ.....ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกมั้ง ดาก็ ว่าแต่ ปล่อยก่อนเถอะนะ ฉันมีเรื่องจะคุยกับดาเยอะเลย เรื่องเรียนการละครนั้นก็ด้วย ”
พอดาได้ยินแบบนั้นก็ปล่อยกอดออกไป แล้วฉันก็ไปเทน้ำเปล่าใส่แก้วมาให้ดาและฉันดื่มกินให้หายเหนื่อยกันเสียก่อน จนถึงตอนนี้ฉันพึ่งได้รู้ว่า ดาเรียนอยู่ในสถาบันอีเดนมาได้ 2 ปีแล้ว ในปีนี้ดาเลือกลงวิชาการละคร และภาษาโบราณ ส่วนอีกวิชาดาบอกว่าอยากจะเรียนการสืบหาข่าว เพราะอาจารย์คนใหม่หน้าตาหล่อ (ฉันแอบอึ้งไปแว็บหนึ่ง นั้นมันวิชาที่โทยะสอนไม่ใช่เหรอ หมอนี้ก็เสน่ห์แรงไม่เบาเหมือนกันแหะ ทำให้เด็ก ๆ หลงได้ตั้งแต่วันแรกเชียว)
จากนั้นฉันก็บอกดาไปว่าฉันตกลงเรียนวิชาการละครด้วย โดยคุณเลขาของผอ.ไลท์จะเป็นคนดำเนินการเกี่ยวกับการลงทะเบียนให้ ดาได้ยินแบบนั้นก็ดีใจยกใหญ่ แต่ก็ต้องจ๋อยลงนิดหน่อยในตอนที่ฉันบอกว่าจะแต่งหน้าปลอม ๆ ไปซ้อมกับทุกคน
“ ยูจังสวยออกขนาดนี้ แต่กลับไม่ยอมให้คนอื่นได้เห็น ดาว่ามันน่าเสียดายนะ ถ้าเป็นดา ดาจะสวย เริด เชิด ใส่ผู้ชายทุกคนเลยคอยดู ” ดาพูดขึ้นมาพร้อมกับแสดงท่าทางประกอบอีกต่างหาก (อ่า.....นี่สินะ ที่เค้าเรียกว่าด้านมืดของสาวน้อย)
“ แต่หน้าตา รูปร่างของดา ก็ไม่ได้แย่อะไรซักหน่อยนี่น่า ถ้าถามฉันล่ะก็ ฉันบอกได้ทันทีเลยนะว่าดาดูน่ารักมาก ๆ เลยแหละ สาวน้อยใส่แว่น มันเป็นอะไรที่ดูเปล่งประกายทีสุดเลยไม่ใช่รึไง หรือว่าไม่มีใครเคยบอกดามาก่อน “ ทันทีที่ฉันพูดจบ ดาก็ทำท่าเขินอาย พร้อมกับใบหน้าที่ค่อย ๆ แดงขึ้นเรื่อย ๆ
“ บะ....บ้าเหรอ ยูจังเนื้ย....พูดอะไรเหมือนพวกผู้ชายแบบนี้ก็ไม่รู้ อยากให้ดาหลงเสน่ห์ยูจังเหรอ ถ้าดาถอนตัวไม่ขึ้น ยูจังรับผิดชอบดาด้วยล่ะ ต่อให้เป็นผู้หญิงด้วยกัน ดาก็ไม่สนหรอกนะ ” ดาพูดออกมาเบา ๆ แถมยังก้มหน้าลงจนฉันเห็นช่วงคอที่แดงขึ้นเพราะความอาย
(อึ้ย......ไปกันใหญ่แล้ว พูดชมไปนิดเดียวเองไหงเป็นงี้ไปได้นะ ไม่เอาละ เปลี่ยนเรื่องดีกว่า) ฉันคิดขึ้นมาในใจ พร้อมกับพยายามดึงดาให้ออกมาจากทุ่งลินลี่เสียก่อน ไม่อย่างนั้นมันอาจจะก่อให้เกิดอันตรายต่อฉันได้ในอนาคต
“ อ่า.......เรื่องที่ว่าแต่งหน้าแบบเดิมไปซ้อมละครด้วย คงไม่มีใครว่าอะไรหรอกใช่มั้ยอะดา ”
ดาเหมือนจะสะดุ้งเล็กน้อย หลังจากที่ฉันถามเรียกสติไป “ หือ.....เรื่องแต่งงานอะไรนะ ” (เหวอ.....คิดไปไกลแล้ว แย่ล่ะ ต้องรีบพากลับมาก่อนจะกู่ไม่กลับ) “ เรื่องแต่งหน้าจ๊ะ แต่งหน้า.....ไม่ใช่แต่งงานนะ ตื่น ๆ ๆ ดื่มน้ำให้โล่ง ๆ ก่อนมั้ย? ” ใช้เวลาพอดูอยู่เหมือนกันกว่าที่ดาจะกลับมาสู่โลกปัจจุบัน (เย้.....ดาไม่ได้เข้าไปสู่ทุ่งดอกลินลี่แล้ว เฮ้อ...รอดแล้วฉัน)
“ ถ้าเป็นการซ้อมเฉย ๆ คงไม่เกิดปัญหาอะไรหรอกจ๊ะยูจัง แต่ถ้าถึงวันแสดง ยูจังคงแต่งหน้าเองแบบเมื่อเช้าไม่ได้หรอก นักเรียนพวกที่เรียนวิชาแต่งหน้าเขาจะมาทำให้ทุกอย่าง เป็นการประเมินผลร่วมกันจากการจัดงานในครั้งเดียวน่ะจ๊ะ ”
“ แล้วแบบนี้จะทำยังไงดีล่ะเนี้ย ถอนวิชาตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้วแหะ ” ฉันบ่นออกมาด้วยความหนักใจ ไม่อยากเจอเหตุการณ์ที่เดินไปไหนมาไหนแล้วถูกจ้องมองเหมือนในห้างหรอกนะ หรือว่าจะปล่อยเลยตามเลยดี ขี้เกียจแต่งหน้าแบบนี้แล้วเหมือนกัน
[ข่าวด่วนครับทุกท่าน ทางสถานีขออนุญาตแทรกรายการซักครู่นะครับ] เสียงจากทีวีที่ฉันเปิดถูกเปลี่ยนสัญญาณขึ้นมากะทันหันทำให้การ์ตูนที่กำลังออกอยู่ถูกตัดไป
[ในขณะนี้ได้เกิดเหตุการณ์ชุลมุนขึ้นอย่างวุ่นวายครับ ที่ตึกแฟชั่นกลางเมืองนิวยอร์ก ทั้งนักออกแบบเสื้อผ้า และเหล่าสปอนเซอร์ยักษ์ใหญ่ต่างพุ่งเข้าทำร้ายกัน เกิดการบาดเจ็บจนต้องนำตัวส่งโรงพยาบาลกันไปหลายราย ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้ามาระงับการต่อสู้ที่เกิดขึ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ แต่ดูจากสถานการณ์แล้ว ผมคิดว่ายังไม่น่าไว้วางใจเท่าไหร่นัก]
ฉันและดา ต่างก็มองดูข่าวที่เกิดขึ้นด้วยความสงสัย ปกติวงการแฟชั่น และพวกสปอนเซอร์ มักจะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันไม่ใช่รึยังไง เกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ ภาพในข่าวมีทั้งการด่าทอ และต่อยตีกัน คล้าย ๆ กับต่างคนต่างก็ตกลงผลประโยชน์กันไม่ลงตัว จนเกิดมีเรื่องกันขึ้นมา
[ทางเราได้สัมภาษณ์กับผู้อยู่ในเหตุการณ์จนได้ทราบสาเหตุเรียบร้อยแล้วครับ ตัดภาพไปสู่ผู้อยู่ในเหตุการณ์นะครับ]
[ขณะที่เดี้ยนกำลังชมผลงานการออกแบบเสื้อผ้าอยู่นั้นแหละค่ะ จู่ ๆ ก็มีการทะเลาะกันเสียงดังระหว่างสปอนเซอร์ยักษ์ใหญ่ของวงการแฟชั่นทั้งสองคน ดูเหมือนทั้งสองจะแย่งตัวนางแบบคนนี้กันนะคะ แต่แหม ถ้าเป็นเดี้ยน เดี้ยนก็พร้อมที่จะกระทืบทุกคนที่มาแย่งนางแบบคนนี้ไปอยู่ในสังกัดตัวเองแหละค่ะ เพชรเม็ดงามแบบนี้ ใครจะปล่อยให้หลุดมือไปได้ล่ะคะ โฮะ ๆ ๆ ๆ ]
อึก.....แค๊ก ๆ ๆ ๆ ฉันสำลักน้ำเปล่าที่กำลังยกขึ้นมาดื่มทันทีหลังจากเห็นภาพที่เจ้คนในเหตุการณ์ยกมาให้นักข่าวดู ดาก็ทำหน้าตื่นตะลึง มองมาทางฉันที่กำลังสำลักน้ำ สลับกับมองรูปในทีวีไป ๆ มา ๆ “ นะ....นั้น.....ยูจังนี่น่า ยูจังจริง ๆ ด้วยอะ ” รินชี้มาทางฉัน สลับกับชี้ไปที่รูปในทีวี
รูปดังกล่าวมันเป็นรูปที่ฉันเคยถ่ายเป็นแบบให้กับเจ้าของร้านเสื้อผ้าในห้าง ตอนที่ไปซื้อเสื้อผ้ากับโทยะในครั้งก่อน ไหงมันไปโผล่อยู่ในงานได้ล่ะ แล้วที่บอกว่าเป็นสาเหตุให้เค้าต่อยกันทั้งงานเนี้ย มันยังไงกัน?
[สปอนเซอร์ยักษ์ใหญ่ทั้งสองบริษัท ต่างก็ไม่ยอมปล่อยให้นางแบบคนนี้ไปอยู่ในสังกัดของอีกฝ่ายสินะครับ กระทั่งมีปากมีเสียงกันและลงไม้ลงมือกันในที่สุด แล้วคุณ......เออ....คุณพี่ พอจะบอกได้รึเปล่าครับว่านางแบบคนนี้เป็นใคร มีประวัติยังไงครับ?]
[เดี้ยนไม่รู้เหมือนกันแหละค่ะ แต่ด้วยการหาข่าวของเดี้ยน เดี้ยนรับรองได้เลยค่ะว่าอีกไม่นาน เธอคนนี้จะต้องถูกเผยโฉมอันงดงามของเธอสู่วงการแฟชั่นแน่นอนค่ะ เดี๋ยนเอาตำแหน่งเจ้าหญิงของวงการเป็นประกัน]
จากนั้นทางนักข่าวก็นำเสนอรูปภาพต่าง ๆ ที่ฉันเคยเป็นแบบเสื้อผ้าให้กับคุณเจ้าของร้าน ซึ่งตอนนี้ก็รู้แล้วว่าชื่อคุณมิลลี่ (จากข้อความการโอนเงินมาให้) ตอนนี้คุณมิลลี่กำลังถูกบอดี้การ์ดจำนวนหลายสิบคนกันพื้นที่ให้เข้าห้องพักไปก่อน
“ ยูจัง......เป็นนางแบบด้วยเหรอ? ไม่บอกกันเลยนะ ” ดาถามขึ้นมา และมองฉันด้วยสายตาที่เป็นประกายวิบวับ
“ แค่ช่วยเค้าครั้งเดียวเอง ไม่คิดว่าจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้เหมือนกัน หลังจากนี้ฉันจะทำยังไงดีล่ะ ” ฉันกุมหัวด้วยอาการหนักใจ มีแต่เรื่องวุ่นวายเข้ามาหาจริง ๆ ตอนเป็นผู้ชายไม่เห็นมีอะไรแบบนี้เลยนี่น่า
“ เอาอย่างนี้สิยูจัง ดาคิดแผนดี ๆ ออกแล้วล่ะ เดี๋ยวดาจะช่วยพูดให้นะ ”
จากนั้นฉันกับดาก็ช่วยกันวางแผนปกปิดใบหน้าที่สร้างปัญหานี้ไว้ด้วยกัน แล้วเราก็คุยแลกเปลี่ยนกันในเรื่องที่ผ่าน ๆ มา ซึ่งฉันก็ยกเอาเรื่องตอนเป็นเด็ก ๆ มาเล่าโดยเปลี่ยนตัวเอกในอดีตให้กลายเป็นยูกิโกะในตอนนี้เสีย ซึ่งดาก็ไม่ได้สงสัยอะไร จนตกดึกฉันและดาก็แยกกันไปอาบน้ำและเข้านอน
หลังจากที่ฉันแต่งตัวด้วยชุดนอนเสร็จแล้ว ดาก็เปิดประตูห้องนอนฉัน พร้อมกับพูดเสียงเบา ๆ ว่า “ ยูจัง......ดา......ขอนอนด้วยได้มั้ยอะ ” ดาที่ไม่ได้ใส่แว่น เดินเข้ามาในห้องของฉันในชุดนอนลายหมีน้อยสีน้ำตาล พร้อมกับกอดหมอนมาด้วยหนึ่งใบ ทำให้ฉันรู้สึกแปลกตาขึ้นมานิดหน่อย
“ ดากลัวผีเหรอ ในห้องหรูแบบนี้คงไม่มีผีหรอกมั้ง? ” ฉันถามเล่น ๆ ไปพร้อม ๆ กับกำลังหวีผมอย่างเบามืออยู่หน้ากระจกในห้องนอน
“ ไม่เอาอะ ดาอยากนอนกับยูจังนี่น่า ไม่งั้นดาไม่ช่วยยูจังนะ ” พูดเสร็จก็ทำท่างอนแก้มป่องไปอีกทาง แต่ฉันก็รู้แหละว่าดาแค่แกล้งทำเท่านั้น
“ อื่อ....ได้สิ แต่ฉันไม่รู้ว่าฉันนอนดิ้นรึเปล่านะ ”
“ แฮ่ ๆ ไม่เป็นไร ยูจังไม่ได้ดิ้นหรอก เพราะดาจะนอนกอดยูจังทั้งคืนเลยแหละ คิก ๆ ” ดายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ และหัวเราะอย่างมีความสุข เหมือนกับแผนที่วางไว้สำเร็จได้โดยง่ายดาย (อา.......มาอีกแล้ว ด้านมืดของสาวน้อยที่ชื่อดาราคนนี้ น่ากลัวแบบแปลก ๆ แหะ)
หลังจากที่ฉันหวีผมจนเสร็จ ก็พบว่าดาไปนอนหลับรออยู่บนเตียงฉันเรียบร้อยแล้ว ฉันก็ปิดไฟเข้านอนตามปกติ แต่เหมือนว่าฉันจะคิดผิดที่ว่าดาหลับไปแล้ว ทันทีที่ฉันนอนลงพร้อมกับห่มผ้า ดาก็ดึงฉันเข้าไปกอด จนหน้าอกของดามาบดทับอยู่ที่แขนฉัน (อ๋อย.....โนบราอีกละ แต่ฉันก็ไม่ได้ใส่นี่น่า คงอึดอัดเหมือนกันสินะ ผู้หญิงนี่ลำบากแหะ) ส่วนแขนดาอีกข้างก็เอื้อมมากอดรอบหน้าอกฉันเบา ๆ
“ นอนกอดกันนะ.....ฝันดีจ๊ะ ยูจัง...” ดากระซิบพร้อมกับขยับหน้ามาหอมแก้มฉันเบา ๆ จากนั้นก็หนุนไหล่ฉันแล้วหลับตาลง
(เป็นเด็กที่ขี้อ้อนเหมือนกันนะดาเนี้ย ไม่เหมือนเจ้าน้องของฉันเลยแหะ ว่าแต่ตอนนี้น้องฉันมันจะเป็นยังไงบ้างน้า ตั้งแต่เกิดเรื่องก็ไม่ได้คุยด้วยเลย) ฉันมองดาที่หลับไปด้วยรอยยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปาก จากนั้นไม่นาน ฉันก็หลับไปด้วยเช่นกัน ทำให้ไม่ได้ยินเสียงละเมอของเด็กสาวที่นอนข้าง ๆ เลยซักนิด
“ ยูจังของดา งืม....งืม...งืม... ”
----------------------------------
มีใครแอบคิดอะไรไปไกลกันรึเปล่าครับ อิอิ ไรท์เองก็ไปไกลละ เดี๋ยวเรียกตัวเองให้กลับมาสู่แฟนตาซี + วิทยาศาสตร์เหมือนเดิมดีกว่า แหะ ๆ
ขอบคุณทุก ๆ คนนะคร้าบ แค่เพียงมีคนอ่าน และคนชอบนิยายเรื่องนี้ ผมก็ดีใจมากแล้วคร้าบ ขอบคุณแฟนคลับทุก ๆ คนด้วยนะครับผม ฉลอง 100 แฟนคลับ ด้วยสองตอนในหนึ่งวันครับ เย้ ๆ (ยังไม่ได้กินข้าวเลย ฮื่อ ๆ ๆ ๆ ไปหาอะไรหม่ำ ๆ ก่อนน้า)
ป.ล. หากมีคำผิด ขออภัยด้วยนะครับผม พอแต่งเสร็จผมอ่านตรวจทานอย่างไว แล้วก็อัพลงเลย เอาไว้ค่อยแก้ทีหลังนะครับผม
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นนะคร้าบ เย้ ๆ ๆ
~~ ~ น่าอิจฉา น่าอิจฉา เกินไปแล้ววว😣😣😣😣😣
แต่เรื่องนี้ไม่ฮาเร็มนะครับ (ฮาเร็มผมแอนตี้มากอะ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน)
บ่นอะไรเนี้ย กลับเข้าเรื่องดีกว่า แหะ ๆ
อารมณ์ของดา ประมาณว่าน้องสาวอยากอ้อนพี่สาวครับผม (ไม่จริงม้างงงง?)
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นนะครับ เย้ ๆ ^_^
คงไม่เกี่ยวกับตอนท้ายของตอนใช่มั้ยครับ แหะ ๆ
งั้นมาหาข้าวกินกันก่อนดีกว่าเนอะ อิอิ
ขอบคุณสำหรับทุก ๆ คอมเม้นเลยนะคร้าบ เย้ ๆ ๆ ^_^