ตอนที่ 26 : การกลับมาของเอกราช
บทที่ 26 การกลับมาของเอกราช
“ ยูจัง…..ตื่นรึยัง…..ยูจัง….ไปเรียนกันเถอะ " เสียงดาเรียกฉันอยู่หน้าห้องนอน ทำให้ฉันตัดสินใจลุกขึ้นจากเตียงมาเปิดประตูให้ดาเข้ามาหา และทันทีที่ดาเห็นใบหน้าฉัน เธอก็ตกใจพร้อมกับถามขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
" ยูจังเป็นอะไร ทำไมตาช้ำแบบนั้นล่ะ ยูจังร้องไห้เหรอ ใครรังแกยูจัง บอกดามาเลยนะ "
" มะ....ไม่มีอะไรหรอก พอดีฝันร้ายเลยคิดถึงคนที่บ้านขึ้นมาน่ะ ไม่มีอะไรจริง ๆ นะ " ฉันไม่รู้ว่าจะอธิบายให้ดาฟังยังไงดี เลยขอโกหกไปก่อน
ดาชวนฉันไปห้องพยาบาล แล้วไปเรียนด้วยกัน แต่อารมณ์ฉันตอนนี้ไม่อยากจะออกไปไหนทั้งนั้น หรือต่อให้ไปฉันก็ไม่ได้เรียนอยู่ดีเพราะต้องไปหาคุณไลท์ตอน 10 โมงเช้าตามที่นัด ซึ่งก็เหลือเวลาอีกแค่ 3 ชั่วโมงเท่านั้น
" วันนี้ดาไปก่อนเถอะ ฉันปวดหัวนิดหน่อยน่ะ ขอกินยาแล้วนอนพักซีกแป็บนะ วันนี้ฉันขอฝากดาเรียนแทนก็แล้วกัน "
ดากำชับด้วยความเป็นห่วง บอกให้ฉันไปห้องพยาบาล จากนั้นเธอก็ไปเรียนตามปกติ ฉันพอโกหกดาไปแล้ว ก็รู้สึกผิดอยู่บ้าง แต่ฉันยังไม่อยากที่จะเจอใครจริง ๆ แค่อยากนอนเงียบ ๆ อยู่คนเดียว
เกี่ยวกับเรื่องเมื่อวานที่โทยะพูด ในตอนนี้ฉันยอมรับมันได้แล้ว จากนี้ฉันตัดสินใจว่าจะสืบหาวิธีเพื่อที่จะกลับเป็นผู้ชายเพียงคนเดียวก็พอ เพราะที่ผ่านมามันก็แสดงให้เห็นแล้วว่าคนที่มาเกี่ยวกับเรื่องนี้ต้องเจอกับอันตรายขนาดไหน ฉันไม่อยากให้เกิดเรื่องร้าย ๆ กับคนรอบข้างอีก ไม่ว่าจะเป็นริน หรือโทยะ หรือใครก็ตาม
บางที ฉันคิดว่าฉันควรจะตัดสินใจแบบนี้มานานแล้วด้วยซ้ำ ไม่น่าเลยจริง ๆ ที่เอาคนรอบข้างมาเสี่ยงกับปัญหาของฉันเองแบบนี้ แต่ก็นะ ฉันพอแล้วล่ะ
ฉันนอนคิดคนเดียวอยู่นาน จนกระทั่งนาฬิกาปลุกในแหวนดังเตือนขึ้น ฉันเลยลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว พร้อมกับแต่งหน้าใส่แว่นหลอก ๆ อีกครั้ง พอเรียบร้อยทั้งหมด ฉันก็ออกจากห้องเพื่อไปตามนัดทันที แต่พอลงจากห้องพัก ฉันก็พบกับเลขาของคุณไลท์ยืนรออยู่หน้าหอพักก่อนแล้ว
" ดิฉันไปรออยู่ที่ห้องเรียน แต่ไม่พบคุณ ถึงได้รู้ว่าคุณไม่ได้ไปเรียน ตอนนี้ใกล้ถึงเวลานัดแล้วค่ะ เราไปด้วยกันเลยดีกว่านะคะ " คุณเลขาพูดพลางเดินนำฉันไปยังอาคารแห่งหนึ่งที่มีป้ายหน้าตึกเขียนว่า ศูนย์เทคโนโลยีอีเดน
เราเดินเข้าไปในห้องกว้าง ๆ ห้องหนึ่ง มีเตียงนอนเล็ก ๆ หลายเตียง และมีกระจกใสขนาดใหญ่อยู่กลางห้อง คุณไลท์ ยืนอยู่ข้างเตียงนอนเตียงหนึ่ง ยิ้มรับฉันที่เดินมาพร้อมกับคุณเลขา พอฉันเดินมาถึงคุณไลท์ เขาก็สั่งให้คุณเลขาออกไปก่อน จากนั้นก็พูดกับฉัน
" ดูคุณยูกิโกะจะยังไม่ค่อยพร้อมนะครับ เหมือนกับว่าร่ายกายจะอ่อนล้าเพราะนอนน้อย แถมตาช้ำมาอีกต่างหาก ถ้ายังไงเราเลื่อนการทดสอบนี้ไปก่อนก็ได้นะครับ " คุณไลท์ถามด้วยอาการเป็นห่วง
" ไม่เป็นไรค่ะ อย่างน้อยก็ทำให้หนูกลับไปเป็นผู้ชายได้ช่วงหนึ่งก็ยังดี หนูพร้อมสำหรับการทดสอบค่ะ " ฉันพูดออกไปอย่างหนักแน่น เพื่อเป็นการยืนยันความตั้งใจ
" ถ้าอย่างนั้น ผมขออนุญาตคุณยูกิโกะไว้ก่อนเลยว่า หากผมเห็นสมควรยุติการทดสอบ ผมจะสั่งหยุดทันทีนะครับ " พอคุณไลท์พูดจบ เขาก็ยื่นอุปกรณ์คล้ายที่คาดผมมาให้ฉันหนึ่งอัน พร้อมกับอธิบาย
" สิ่งที่ผมให้ไป คือเครื่องจำลองโลกเสมือนจริงครับ พอคุณคาดไว้บนหัว มันจะทำให้คุณหลับในได้ภายในระยะเวลาไม่นานหลังจากสวม จากนั้นจิตคุณจะถูกส่งไปยังโปรแกรมจำลองโดยมีร่างเป็นคุณเอกราชเหมือนเดิม ในนั้นจะมีศัตรูเข้ามาต่อสู้กับคุณเรื่อย ๆ และเพิ่มเลเวลความเก่งขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนกัน แต่การได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้ในโลกจำลองดังกล่าว จะไม่ส่งผลต่อร่างที่นอนอยู่แต่อย่างใดครับ ถ้าคุณคิดว่าหนักเกินไปเพราะต้องต่อสู้แบบไม่จำกัดเวลา คุณยูกิโกะจะยกเลิกตอนนี้ก็ยังทันนะครับ "
" ไม่ค่ะ ดำเนินการต่อได้เลย แล้วฉันต้องทำอะไรบ้างคะ "
" สวมเครื่องมือลงบนหัวครับ สวมคล้าย ๆ ที่คาดผมก็ได้ จากนั้นก็นอนลงบนเตียงนี้เท่านั้นแหละครับ อ้อ....ผมเกือบลืมบอกไป ภายในโลกเสมือนจริงนั้น คุณจะสามารถใช้พรสวรรค์สมาธิของคุณได้โดยไม่มีอาการสลบหรือปวดหัวเหมือนกับที่เคยเป็นนะครับ ดังนั้นสบายใจได้ "
" ก็ดีค่ะ แต่ก่อนอื่น หากการทดสอบนี้ มีข้อมูลที่สามารถเปลี่ยนร่างกายหนูกลับไปเป็นผู้ชายได้ รบกวนคุณไลท์บอกด้วยนะคะ " ฉันถามยืนยันถึงสิ่งที่ฉันต้องการ ซึ่งคุณไลท์หยุดคิดไปพักหนึ่ง จากนั้นเขาก็ตอบตกลง
ฉันสวมที่อุปกรณ์ไว้บนหัว จากนั้นก็นอนลงบนเตียงข้าง ๆ แล้วไม่นานความรู้สึกในร่างฉันก็หายไป
ผู้อำนวยการสถาบันอีเดนยืนมองร่างของเด็กสาวนอนหลับอยู่บนเตียงอย่างครุ่นคิด พร้อมกับพูดกับตัวเองเบา ๆ
" เพราะคุณโทมิยะ สินะครับคุณถึงไม่อยากเป็นผู้หญิงอีกต่อไป เรียกเขามาที่นี้เพื่อกันไว้ก่อนจะดีรึเปล่านะ " จากนั้นดูเหมือนว่าเขาจะตัดสินใจได้ ผอ.ไลท์ จึงกดคำสั่งเรียกเลขาเข้ามาอีกครั้ง
" ประกาศเร่งด่วนนะ เรียกคุณโทมิยะ เข้ามาหาผมที่ห้องนี้ให้เร็วที่สุดเลยครับ " เขาสั่งงานเลขาทันทีที่เธอเปิดประตูเข้ามาหา
" ได้ค่ะท่าน " เลขารับคำสั่ง แล้วรีบเดินออกไป
ผอ.ไลท์ มองกระจกใสใบใหญ่กลางห้อง ซึ่งค่อย ๆ ปรากฏภาพทุ่งหญ้าที่กว้างสุดลูกหูลูกตาขึ้นมาทีละน้อย พร้อม ๆ กับร่างของชายคนหนึ่งที่กำลังนอนอยู่บนพื้นหญ้าดังกล่าว
" เอาล่ะ.....ไหนลองดูหน่อยซิว่า ฝั่งของเจ้าไปถึงไหนแล้ว "
-------------------------------
ฉันตื่นลืมตาตื่นขึ้นมา ก็พบว่าตอนนี้ฉันนอนอยู่บนพื้นหญ้าสีเขียว รอบข้างมีแต่ทุ่งหญ้ากว้างขวางสุดตา ทันทีที่ฉันรู้สึกตัว ฉันก็พบกับความแตกต่างของร่างกาย
มือที่ใหญ่ขึ้น และเต็มไปด้วยพละกำลังเหมือนที่เคยเป็น กล้ามเนื้อที่ทรงพลังและกระฉับกระเฉง ผมที่สั้นลง หน้าอกที่หายไป ชุดของเจ้าหน้าที่สภาโลกที่เมื่อก่อนเคยใส่อยู่บ่อย ๆ ตัวที่สูงขึ้น ตกลงตอนนี้ฉันเป็นผู้ชายแล้วสินะ
“ หึหึหึ คิดถึงนายจริง ๆ เอกราช รัฐประชา หายไปนานเป็นอาทิตย์เลยนะเรา “ ฉันพูดกับตัวเองเบา ๆ เอ๊ะ…ไม่สิ ต้องเรียกตัวเองว่าผมสินะตอนนี้
[นักรบอัศวินขุนพลสวรรค์ เลเวล 35 ปรากฏ] เสียงระบบอัตโนมัติดังขึ้นเบา ๆ จากนั้นก็มีหุ่นอัศวินตัวเดิมที่เคยโจมตีผมเมื่อวานโผล่ขึ้นมาจากประกายแสงข้างหน้า ผมรีบลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว พร้อมกับรอยยิ้มดีใจที่มุมปาก
“ ตัวแรกมาแล้วสินะ เมื่อวานโดนแกเล่นซะแทบแย่ วันนี้ขอเอาคืนบ้างก็แล้วกัน หึหึ เข้ามา “
ดูเหมือนมันจะตอบรับคำขอของผมในทันที หุ่นอัศวินดังกล่าวพุ่งเข้ามาฟันดาบใส่ผมอย่างรวดเร็ว แต่มันยังไม่เร็วพอ ผมงอศอกกดกระแทกไปยังด้านข้างที่ไม่มีคมของดาบ จนมันหักกระเด็นไป
ตูม….เสียงดังขึ้นมาอีกครั้ง จากการที่ผมยกเข่าพุ่งเข้าปักเข้าใส่โล่ยักษ์ของหุ่นอัศวิน ปรากฏว่าทั้งโล่ และทั้งตัวอัศวินถูกแรงกระแทกเข้าไปจนแตกกระจาย ความจริงผมแค่กะว่าจะทำลายโล่ท่านั้นเองนะ ทำไมมันกระจอกแบบนี้เนี้ย
[นักรบอัศวินขุนพลสวรรค์ เลเวล 70 จำนวน 20 ตน ปรากฏ]
มันแทบจะไม่ต่างกันเลย ต่อให้เพิ่มจำนวนมากกว่าเดิมมันก็แค่นั้น จากตอนแรกมี 20 ตน จนมาถึงตอนนี้ 100 ตน ผมชกไปตัวละครั้งมันก็แตกตายกันหมดแล้ว อา…..รอบหน้าขอเก่ง ๆ หน่อยเถอะ
[อสูรโลกันต์ เลเวล 85 ปรากฏ] เกิดแผ่นดินไหวขึ้นมาเบา ๆ จนมีรอยแยกบนพื้นดินขนาดกว้าง 2 เมตรได้ จากนั้นก็มีอสูรตัวหนึ่งกางปีกบินขึ้นมา มันมีตัวสีแดง เขี้ยวยาว กำลังถือดาบที่มีสีแดงก่ำคล้ายหยดเลือดเกาะติดอยู่ที่ตัวดาบ
“ ดูเหมือนจะเก่งนี่น่า อย่าทำให้ผมผิดหวังก็แล้วกัน “ ผมพูดพร้อมกับจ้องมองอสูรที่กำลังลอยขึ้นมาอย่างใจเย็น
อสูรตัวนั้นบินขึ้นไปบนฟ้า มันชี้นิ้วมาที่ผม ทันทีนั้นเองเกิดแสงสีดำถูกยิงออกมาจากนิ้วมือพุ่งเข้าหาผมด้วยความเร็ว ผมรีบกระโดดหลบออกมาจากจุดเดิมที่เคยยืนอยู่ ไม่มีเสียงระเบิด ไม่มีแม้กระทั่งฝุ่นละออง พื้นที่แสงสีดำกระทบใส่มีเพียงแค่รูลึก และยาวต่อไปทางด้านหลังเป็นทางประมาณ 5 เมตรได้
เจ้าอสูรยังคงยิงแสงเข้าใส่ผมเรื่อย ๆ จนผมรู้สึกรำคาญขึ้นมา อย่าคิดว่าลอยอยู่บนฟ้าแล้วผมจะทำอะไรไม่ได้ล่ะ ผมรวมพลังไว้ที่ปลายเท้าแล้วกระโดดสูงขึ้นไป จากนั้นก็เร่งสมาธิจิตให้ลอยตัวเหมือนตอนตกเครื่องบินเมื่อครั้งแรกที่ถูกโทยะดึงคอตกไปพร้อมกันจนได้พรสวรรค์มา แล้วเหยียบสายลมที่ใช้สมาธิจิตทำให้แข็งตัว จากนั้นก็พุ่งเข้าหาเจ้าอสูร
ดูเหมือนเจ้าอสูรมันจะตกใจที่ผมลอยตัวเข้าหามันได้ มันรีบยกดาบขึ้นมาฟันผมในระยะประชิด ดาบสีแดงก่ำเกิดเพลิงสีดำลุกไหม้อย่างร้อนแรง ผมตัดสินใจใช้พลังสมาธิขั้นที่ 3 ซึ่งเป็นการรวมสมาธิจนเกิดรูปร่างขึ้นมา ทำให้แขนทั้งสองของผมตอนนี้มีแสงสีทองห่อหุ้มอยู่ตั้งแต่ปลายนิ้วมาจนถึงข้อศอก
พรสวรรค์สมาธิของผมมี 5 ระดับขั้น ขั้นแรก เป็นการรวบรวมและเพ่งสมาธิธรรมดา ทำให้สามารถมีจิตจดจ่อกับเรื่องเฉพาะหน้าได้ เช่นการทำอาหาร การอ่านบทละครเหมือนที่เคยทำมา
ขั้นที่ 2 เป็นการใช้สมาธิเร่งการทำงานของระบบประสาทในสมอง ให้สามารถทำงานเกินขีดจำกัดตามปกติได้ ส่งผลให้ผมสามารถบังคับสมาธิจิตไปสู่ทุกส่วนของร่างกายได้อย่างรวดเร็ว มีการตอบสนองในด้านต่าง ๆ มากกว่าเดิมหลายเท่า และสามารถใช้สมาธิบังคับวัตถุ หรือสายลมรอบกายให้ขยับไปตามที่ต้องการได้ เช่นเปลี่ยนสายลมเป็นใบมีดเข้าโจมตีตัดศัตรูเหมือนที่เคยใช้ช่วยรินในอดีต
ขั้นที่ 3 คือการเปลี่ยนสมาธิจิตให้แสดงรูปลักษณ์ออกมาได้ ซึ่งก็คือแสงสีทองรอบแขนของผม เพื่อใช้เสริมในการโจมตี และป้องกัน สำหรับสู้กับพวกที่มีอาวุธเป็นหลัก มันเหมือนกับการหลอมรวมขั้นที่ 1 และ 2 เข้าด้วยกัน ทำให้ผมสามารถใช้พลังสมาธิได้สองทาง คือกับตัวเอง และกับสิ่งรอบกายได้อย่างไม่ยากเย็น
ส่วนขั้นที่ 4 กับขั้นที่ 5 นั้นผมรู้ว่ามันมี เพราะมีเสียงลึกลับในจิตใจคอยกระซิบบอกผมถึงวิธีการและพลังของมันอยู่ มันน่าแปลกอยู่บ้างที่เสียงนั้นผมกลับรู้สึกคุ้นเคยและไว้ใจมันตั้งแต่ครั้งแรกที่มันคุยกับผม แต่พอผมเล่าให้ครูมวยฟัง ผมก็ถูกครูมวยห้ามไม่ให้ใช้พลังทั้งสองขั้นที่เหลือ เพราะท่านบอกว่าอันตรายเกินไป สำหรับตัวผมเองและคนรอบกาย ทำให้ตั้งแต่เรียนมวยมา ก็ยังไม่เคยใช้มันซักที ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะเป็นยังไงบ้าง ไม่แน่นะ ในการต่อสู้นี้ผมอาจจะได้ลองใช้ดูซักที
เคร้ง!! เสียงปะทะของดาบกับแขนของผมดังสนั่น พร้อมกับการแตกตัวของอากาศรอบ ๆ กายทำให้เมฆบนท้องฟ้าปลิวหายไป “ ใช้ได้เหมือนกันนี่หว่า ขนาดใช้พลังขั้น 3 ยังทำให้มีแรงกระเทือนได้อยู่อีกเหรอเนี้ย ดีจัง... “ ผมพูดออกมาอย่างยินดี ยิ่งศัตรูเก่งแค่ไหนมันก็ยิ่งทำให้ผมเบื่อน้อยลง แต่แล้วก็มีเสียงดังขึ้นทันที (โพละ......) เมื่อผมตวัดปลายเท้าขึ้นมาเตะเสยคางของอสูร หัวมันก็แตกระเบิดจนร่างกลายเป็นแสงไปอย่างรวดเร็ว
“ อีกละ ยังไม่ทันเหนื่อยเลยนะเว้ย…. “ ผมพูดออกมาด้วยความหงุดหงิด กะว่าจะเล่นระบายอารมณ์ที่มีจากคำพูดเมื่อวานของโทยะซักหน่อย เอาตัวที่มันทนมือทนเท้ามาให้หน่อยไม่ได้รึยังไงนะ
[เทพสวรรค์ เลเวล 120 จำนวน 10 ตน ปรากฏ] เหมือนระบบจะได้ยินคำพูดของผม เลยส่งตัวที่ดูเก่งกาจมาให้สู้ตามคำขอ ครั้งนี้เอาให้มันดี ๆ หน่อยละกัน ผมมองดูเทพอสูรที่ค่อย ๆ ออกมาอย่างมุ่งหวัง
(ถ้าหากว่าเจ้าเห็นว่าในนี้มันน่าเบื่อ เจ้าอยากออกไปสู้โลกจริงนั้นมั้ยล่ะ แค่หลอมรวมจิตของเราเข้าด้วยกันเหมือนที่เคยผ่านมา เจ้าก็สามารถทำลายได้ทุกสิ่งอยู่แล้ว แม้กระทั่งโลกจำลองนี้ก็เถอะ) เสียงกระซิบดังขึ้นในจิตใจผม เป็นเสียงที่แสดงออกว่ากำลังเบื่อกับพวกตัวข้างหน้าเหมือน ๆ กัน
(นายอีกแล้วสินะ เดี๋ยวค่อยดูอีกทีก็แล้วกันว่ามันทำให้หายเบื่อได้รึเปล่า ถ้ามันไม่สนุกแล้ว พวกเราค่อยหลอมรวมจิตกันอีกที) จากนั้น ผมก็พุ่งเข้าหาเทพสวรรค์ทั้ง 10 ตนข้างหน้าอย่างไม่รีบร้อน
---------------------------------
เย้ ๆ ๆ ๆ
คอมเม้นครบ 100 เม้นแล้ว ดีใจจัง ขอบคุณทุก ๆ คนที่ติดตามเรื่องนี้นะคร้าบ ฉลองด้วยการอัพอีกตอน อิอิ (สั้นไปมั้ยเนี้ย ไม่หรอกเนอะ)
มีอะไรติชมหรือแนะนำ เม้นบอกได้เสมอนะครับผม ขอบคุณทุก ๆ คนมากครับ ^_^
ขอบคุณที่ชื่นชอบนิยายเรื่องนี้นะคร้าบ ไรท์ดีใจที่สุดเลยเวลารีดเดอร์บอกว่านิยายสนุก อะแหะ อะแหะ ^_^
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นนะครับผม เย้ ๆ ๆ ๆ
ขอบคุณนำคร้าบที่ติดตามอ่าน และขอบคุณสำหรับคอมเม้นด้วยครับ
มาลุ้นโทยะกับยูกิกันต่อนะครับ ตอนใหม่มาแย้ววว
แต่เดี๋ยวต้องรออ่านกันต่อไปนะ ^_^
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นนะครับผม เย้ ๆ ๆ
เจอแบบนี้บ่อย ๆ ธาตุไฟเข้าแทรกแน่เลย อิอิ
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นนะคร้าบบบบ เย้ ๆ ๆ
เดี๋ยวไว้ต่อวันพรุ่งนี้นะครับ ^_^
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นนะคร้าบ เย้ ๆ ๆ ๆ
ขอไปตรวจสำนวนแพร๊บ ^_^
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นนะคร้าบ เย้ ๆ ๆ