ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    One more time

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 เพิ่มเติมนิดหน่อยค่ะ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 571
      3
      15 พ.ย. 58

     

    บทที่ 1

     

     

     

     

     

    เขาไม่รู้ว่าตัวเองกำลังรู้สึกอย่างไรอยู่ในตอนนี้ ความรู้สึกหลายอย่างมันปะปนกันจนเขาไม่รู้ว่าควรรู้สึกอย่างไรก่อนดี ระหว่างดีใจ ตื้นตัน ไม่อย่างเชื่อ เสียใจ ไม่เข้าใจและโกรธ ระหว่างที่เขากำลังมองภาพตรงหน้า ร่างบอบบางเดินเข้าไปล้างหน้าในห้องน้ำและกลับออกมาในชุดนอน ท่าทางจะเหนื่อยเพราะทันทีที่หัวถึงหมอนเธอก็หลับสนิท เมื่อแน่ใจว่าร่างบางหลับสนิทแล้ว เขาจึงยอมปล่อยให้ขาตัวเองก้าวเข้าไป ยังตระหนกกับความจริงที่เขาคงจะไม่รับรู้หากไม่รู้สึกตัวขึ้นมาเพราะมือของเธอที่ลูบบนใบหน้าเขา

    เขาแทบหยุดหายใจเลยด้วยซ้ำขณะที่ก้มมองหน้าเธอ นึกว่าตัวเองฝันทั้งทั่งลืมตา นึกว่าเป็นภาพลวงตาของเธอที่เขามักเห็นอยู่บ่อยๆ ถ้าเขาไม่รู้สึกถึงลมหายใจอ่อนๆที่แผ่วรดบนปลายนิ้ว ทั้งเส้นผมสีดำนุ่มสลวยแผ่สยาย ใบหน้าเล็กขาวนวล ดวงตาที่ต่อให้หลับสนิทเขาก็ยังรู้ว่ามันเป็นสีอะไร และเป็นอย่างไรเมื่อเธอโกรธ เสียใจ ดีใจ

    เป็นเธอ..เป็นเธอจริงๆที่อยู่ตรงหน้าเขา ความรู้สึกที่ตีตื้นขึ้นมาในอกเขาคือ ความดีใจ เขาดีใจ ดีใจมากๆที่เธอยังมีชีวิตอยู่ เขาเงยหน้าขึ้นเมื่อรู้สึกถึงความร้อนผ่าวบริเวณขอบตา มือทั้งสองข้างกำเป็นหมัดแน่นซุกอยู่ในกระเป๋ากางเกง เพราะถ้าไม่ทำอย่างนี้เขาได้พุ่งเข้าไปกอดเธอแน่ เขายืนมองเธออยู่อย่างนั้นไม่รู้นานเท่าไหร่ แต่ก็นานพอที่จะทำให้ความดีใจที่ได้เจอเธอของเขาเริ่มเจือปนด้วยความสงสัยและความโกรธ

    ในที่สุดเขาก็รู้แล้วว่านิสัยจุ้นจ้านของจูเลียนนั้นเหมือนใคร ความรู้สึกรำคาญที่มีต่อจูเลียนหายไปแทนที่ด้วยความพอใจกึ่งดีใจนิดๆเมื่อเป็นเธอ

    แม้จะมีความหวังว่าเธออาจยังไม่ตาย แต่เขาก็มีความคิดที่ว่าเธออาจจะตายไปแล้ว ทุกครั้งที่เบาะแสของเธอนำเขาไปสู่ความว่างเปล่าความคิดนี้ของเขาก็คล้ายหมุดที่ถูกตอกลึกลงไปทุกที เพราะไม่พบศพเธอความจริงของนั้นเป็นเชือกเหนี่ยวรั้งเขาไม่ให้มอบความตายให้ตัวเอง เขาคิดว่าอาจจะไม่ได้เจอเธออีก เหตุการณ์ในครั้งนั้นอาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาได้เห็นเธอ

    แต่เธอกลับหลอกเขา ปิดบังความจริงจากเขา ปลอมตัวเป็นจูเลียนอะไรนั่น ความจริงแล้วเธอกลับอยู่ใกล้เขาแค่นี้ เธออยู่ข้างเขามาตลอด แต่เธอกลับไม่ยอมให้เขารู้ และเขาต้องรู้ให้ได้ว่าทำไม แน่นอนเขาจะเอาคืนที่เธอหลอกเขา

    ท้องฟ้าที่เริ่มสว่างเตือนเขาให้ควรออกไปจากห้องของเธอ

    เพราะไม่ต้องการให้เธอรู้สึกตัวและรู้ว่าเขารู้เรื่องทั้งหมดที่เธอปิดบังแล้วเขาจึงทำแค่จูบลาเธอที่ปอยผมสีดำนุ่ม ต่อให้ใจจริงเขาอยากทำมากกว่านี้ก็ตาม เขาไม่อยากเสี่ยงให้เธอรู้ตัว แต่แค่ตอนนี้เท่านั้น หลังจากนี้เธอจะไม่มีทางหนีจากเขาได้อีก เขาจะไม่มีทางปล่อยเธอไป คงยุติธรรมถ้าตอนนี้เขาจะให้อิสระกับเธอบ้าง

     

    เธอตื่นมาในตอนเช้าด้วยเสียงนาฬิกาปลุกที่ตั้งเอาไว้ เธอปิดมันก่อนหลับตาต่อครู่หนึ่งแล้วจึงลุกขึ้นจากเตียง เธอมักมีปัญหาในการตื่นนอนตอนเช้า ที่นอนในช่วงนั้นมักมีแรงดึงดูดที่มองไม่เห็นมากกว่าเดิมเป็นพิเศษ เธอหาวหนึ่งครั้งก่อนลุกไปทำกิจวัตรประจำวันเริ่มจากแปรงฟัน ล้างหน้าและอาบน้ำ

    ขณะแปรงผมของตัวเองเพื่อปลอมตัวเป็นจูเลียน เธอก็นึกถึงเรย์ไปด้วย ดูเหมือนว่าเมื่อคืนเขาจะไม่ได้กินแซนวิชที่เธอทำไว้ให้เขา ไม่รู้เมื่อคืนเขาไปทานข้าวมาบ้างรึเปล่าหรือจะดื่มเหล้าแทนเหมือนที่ทำเป็นส่วนใหญ่ เธอหวังว่ามันคงไม่เป็นอย่างหลัง ตอนทำอาหารเช้าวันนี้เธอต้องไม่ลืมใส่วิตามินลงไปด้วย ขืนเขากินแต่เบียร์เหล้าทุกวันมีหวังร่างกายคงแย่ ว่าแต่เธอจะทำอะไรเป็นอาหารเช้าให้เขาดีนะ เมื่อวานเธอทำสครับเบิ้ลเอ๊กกับขนมปังปิ้ง เบคอนและไส้กรอก วันนี้คิดว่าเธอจะทำซุปกับขนมปังแล้วก็สลัดอกไก่แบบนั้นเธอคงใส่ยาให้เขาได้ง่ายกว่า เธอคงต้องทำมากหน่อยเพราะปกติผู้ชายตัวโตขนาดเขาต้องการพลังงานสี่พันถึงห้าพันกิโลแคลอรี่ต่อวัน เธอใส่เสื้อยืดกับกางเกงยีนส์รวบผมไว้ใต้วิก เธอติดผิวหนังที่ทำเป็นหน้ากากปลอมเป็นอย่างสุดท้าย

    เมื่อไปถึงห้องของเขาเธอก็ต้องแปลกใจเมื่อทันทีที่กดกริ่งหน้าห้องประตูก็ถูกเปิดออกจาข้างในแทนที่เธอจะต้องใช้คีย์การ์ดเปิดเข้าไปเหมือนทุกครั้งและคนที่เปิดคือ เขา เรย์

    เขาทำให้เธอตกใจอีกครั้งและมากกว่าเดิม ด้วยการพูดว่า “อรุณสวัสดิ์จูเลียน

    เธอรู้ตัวว่าตัวเองอ้าปากค้างตั้งแต่ตอนที่ได้ยินเขาพูดทักทายเมื่อได้ยินเสียงเขาปิดประตู รีบเดินเอาข้าวของที่เตรียมมาทำเป็นอาหารเช้าไปวางบนเคาน์ทเตอร์ห้องครัว แม้จะยังตกใจแต่เธอก็รู้ว่าควรต้องพูดอะไรบ้าง“แปลกใจชะมัดที่เห็นนายตื่นเช้าได้”แถมเขายังแต่งตัวเรียบร้อยแล้วด้วย เสื้อยืดกับกางเกงยีนส์ธรรมดาดูมีราคาขึ้นมาทันทีเมื่ออยู่บนร่างเขา

    ปกติเธอเข้ามาทำอาการเช้าให้เขาจนทำเสร็จแล้วเขาก็ยังไม่ตื่นด้วยซ้ำและเธอรู้ว่าเขาไม่อยากเห็นหน้าเธอ

    “ก็วันนี้เราต้องไปหาตาเฒ่านั่นไม่ใช่รึไง”

    เรย์เรียกปู่ของเธอว่าตาเฒ่า ซึ่งเธอก็ไม่ว่าอะไรหรอก ในฐานะหลานเธอรู้ซึ่งดีถึงความเจ้าเล่ห์ของอีกฝ่าย ผู้ชายที่ได้ชื่อว่าตาเฒ่าสารพัดพิษด้วยอำนาจที่มีและสมองที่เหมือนรวมเซลล์ของอัจฉริยะหลายคนไว้ด้วยกันทำให้ไม่มีสิ่งไหนที่เอียน เคอร์ติสอยากได้แล้วจะไม่ได้มา แต่จะไปว่าปู่ของเธอนักก็ไม่ดีเพราะเธอเองก็ได้รับความร้ายกาจนั้นมาพอสมควรเหมือกัน แต่ถึงอย่างไรเธอก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าทำไมเขาถึงตื่นเข้าอย่างนี้ เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาจะไปเจอปู่ของเธอ ครั้งก่อนหน้านี้เธอยังต้องมาเคาะประตูห้องปลุกเขาแล้วลากเขาไปพบคุณปู่อยู่เลย เอาเถอะบางทีวันนี้เขาอาจจะอารมณ์ดี

    เธอไม่ถามอะไรอีกรีบลงมือทำอาหารเช้า

    เรย์นั่งเงียบที่โต๊ะอาหารไม่พูดไม่จา แต่ลูกตาสีฟ้าอมเทาของเขาแทบจะตามติดเธอไปทุกทีไม่ว่าเธอจะเดินไปที่ตู้หยิบจาน ก้มลงหยิบกระทะ เดินไปหยิบขนมปังปิ้งที่ได้ที่แล้วออกจากเตา ดูท่าเขาไม่คิดจะปิดบังเลยด้วยซ้ำตอนที่เธอยกซุปกับขนมปังออกไปวางบนโต๊ะ ดวงตาทั้งสองของเขามองเธออย่างเปิดเผย

    “นายจะมองฉันไปถึงเมื่อไหร่ มันขนลุกนะรู้ไหม”

    เรย์เลิกคิ้ว “งั้นเหรอ”เขากลับทำแค่รับคำแล้วยกกาแฟขึ้นจิบ “นั่นสินะ”

    ทั้งที่เธอคาดว่าจะได้รับสายตาขวางๆของเขากลับมาเหมือนทุกทีแท้ๆ เธอเก็บของในครัวที่ใช้แล้วเข้าที่เตรียมจะอออกไปรอเข้าที่ด้านล่างคอนโดนเหมือนทุกครั้ง

    “นายกินข้าวหรือยัง”

    คราวนี้เธอซ่อนความแปลกใจเอาไว้ได้ ตอบเขาไปตามตรง “ยัง”เธอไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าที่เห็นหัวคิ้วของเขาขมวดเข้าหากัน เธอถูกดึงดูดความสนใจไปที่อย่างอื่น..ที่ชามซุปที่พร่องไปครึ่งหนึ่งของเขาถูกเลื่อนมาทางเธอ

    “นั่งลงแล้วกินซะ”

    “ฉันมีแซนวิชรออยู่ข้างล่าง”เมื่อทุกอย่างไม่เป็นไปอย่างที่คิดสมองของเธอจึงเริ่มหาข้ออ้าง

    เรย์หัวเราะเบาๆ พระเจ้า เขาหัวเราะทั้งๆที่อยู่ต่อหน้าเธอ ปกติเธอแทบจะไม่เคยเห็นเขายิ้มต่อหน้าเธอมาก่อนเลยด้วยซ้ำ และตอนนี้เขากำลังหัวเราะต่อหน้าเธอ

    เขาเหมือนจะรู้ถึงสายตาของเธอจึงหยุดหัวเราะ “ทั้งๆที่มีซุปกับขนมปังแล้วก็สลัดอยู่ตรงหน้าเนี่ยนะ กินซะ”แล้วจานขนมปังปิ้งก็เลื่อนตามมา เธอไม่มีทางเลือกนอกจากนั่งลง

    แปลก การกระทำของเขาแปลกเอามากๆ “ฉันคิดว่านายไม่อยากเห็นหน้าฉันนานๆซะอีก”เธอตักซุปกินหลบสายตาของเขาและรู้สึกโชคดีที่ตอนนี้เธอใส่หน้ากากไว้เมื่อเธอพึ่งรู้ตัวว่าตัวเองใช้ช้อนคันเดียวกันกับเขา

    “เผอิญตั้งแต่วันนี้ไปฉันอยากเห็นหน้านาย โทรไปบอกพวกที่อยู่ด้านล่างว่าไม่ต้องรอ นายจะไปกับฉัน”เขาพูดออกมาได้หน้าตาเฉยเหมือนมันเป็นเรื่องที่ถูกต้องอยู่แล้ว

    “อะไรนะ”คราวนี้เธอตกใจจนซ่อนอาการไม่อยู่ ถามออกไป โดยเฉพาะคำพูดส่วนแรกของประโยค

    เขาเหลือบตามองเธอตอบพลางลุกขึ้น “ฉันบอกว่านายจะไปที่ CIN กับฉัน ฉันจะขับรถไปโทรไปบอกพวกข้างล่างสิ”

    เธอไม่ได้บอกว่าจะไปกับเขานี่ อีกอย่างที่ผ่านมาถึงพวกเขาจะไปที่เดียวกันแต่เรย์ก็มักขับรถไปเอง ส่วนเธอไปกับพนักงานคนอื่นที่มารับ แต่ดูเหมือนว่าวันนี้เธอต้องไปกับเขาสินะ เธอมองเขาที่โทรศัพท์ต่อสายไปหาพวกที่อยู่ข้างล่างเมื่อเขาเห็นว่าเธอไม่มีทีท่าจะโทร บอกให้ไม่ต้องรอเธอ

    “กินข้าวให้เสร็จ ฉันจะไปรอที่รถ นายรู้ว่ารถฉันจอดที่ไหนใช่ไหม”

    เขารอจนเธอพยักหน้าถึงยอมเดินออกไป

    เธอสงสัยจริงๆว่าวันนี้มันเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่

     

    ควอนติโก ศูนย์ใหญ่ CIN

    เธอกับเขามารายงานเรื่องการจับกุมเอเย่นต์ค้ายารายใหญ่กับคุณปู่เธอ คาดว่าคุณปู่ของเธอจะว่าอะไรเขาบ้างกับการกระทำบ้าระห่ำที่ตัดสินใจโดยลำพังของเขา แต่ที่ไหนได้นอกจากจะว่านิดหน่อยพอเป็นพิธีคุณปู่ของเธอกลับชมเขาเป็นส่วนใหญ่ นั่นสินะ ปู่เอียนของเธอเป็นผู้ชายนี่นะ พวกผู้ชาย!

    “ผมขอไปดูภารกิจอื่นก่อนนะครับ”เธอข่มกลั้นความโกรธในใจ ขอออกจากห้องสงบอารมณ์ข้างนอก

    ทันทีที่ประตูบานใหญ่บดบังร่างของหญิงสาวในคราบชายหนุ่มแล้วห้องปิดเสียงนาดกว้าง ใหญ่พอที่จะยัดคน สามสิบคนไปกินอยู่ได้อย่างสบายๆ กว้างเกินไปสำหรับคนเพียงคนเดียวแต่ก็เหมาะสมกับคนที่เป็นประธาน CINคนที่ทำให้ทั้งรัฐบาลและผู้ก่อการร้ายเกรงใจได้ และหวาดกลัวถ้าจำเป็น เรย์มองไปที่ร่างสูงใหญ่บนเก้าอี้หมุนที่ยังคงความหล่อเหลาในวัยหนุ่มเอาไว้ ในขณะที่ความเกรงขามดูจะเพิ่มขึ้นตามเวลา เอียน เคอร์ติส ห้องทั้งห้องเงียบลงมีเพียงเสียงลมหายใจสองสาย

    เอียนเป็นคนทำลายความเงียบก่อน “ดูท่าเธอจะรู้เรื่องทั้งหมดแล้วสิใช่ไหม”ถึงจะเป็นประโยคคำถามแต่มันฟังดูเป็นประโยคบอกเล่ามากกว่า

    เรย์ไม่ประหลาดใจที่เอียนรู้ ตาเฒ่าเจ้าเล่ห์มักรู้บางอย่างที่ไม่ควรรู้และสิ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่คาดว่าเขาจะรู้เสมอนั่นเป็นสาเหตุหนึ่งของความน่าเกรงขามของเอียน อีกอย่างเขาไม่คิดจะปิดยังอยู่แล้ว เขาจะได้ประหยัดเวลาที่ต้องพูดด้วย “คุณมีส่วนร่วมกับการแสดงบ้าๆนี่ด้วยใช่ไหมเอียน”

    คิ้วที่กลายเป็นสีเทาซะส่วนใหญ่ของอเอียนเลิกขึ้นสูงแต่ดวงตาทั้งสองยังจ้องอยู่กับเอกสารบนโต๊ะ มือพลิกหน้ากระดาษเมื่อพูด “อืมใช้เวลานานกว่าที่ฉันคิดนะสำหรับเธอ”

    เขาสบถ “โทษหลานสาวคุณเถอะที่เล่นละครได้ดีขนาดนั้น”แถมเธอยังจงใจทำให้เขาเกลียดขี้เหน้าเพื่อที่จะกันไม่ให้เขาอยู่ใกล้เธอมากเกินไปด้วยการให้เขาเป็นฝ่ายอยู่ให้ห่างจากเธออีก

    เอียนหัวเราะเสียงดังอย่างถูกใจ “นั่นสินะฝีมือของลิณาน่ะเข้าขั้นปลอมเป็นคนอีกคนได้อย่างสมบูรณ์แบบแล้ว”

    “คุณคงสนุกน่าดู แต่ผมไม่คิดจะเป็นตัวตลกให้คุณดูฟรีๆหรอกนะ”

    เอียนเซ็นเอกสารแล้วปิดแฟ้มหนาลง เอนหลังพิงเก้าอี้แบบพิเศษ “นั่นเป็นเหตุผลที่เธอขับรถมากับลิณาในวันนี้ใช่ไหม เอาสิ ว่ามาเลย”

    “อย่างแรกผมอยากให้คุณทำให้ผมแน่ใจว่าลิณาจะไม่มีวันรู้เรื่องที่ผมรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว”

    เอียนยิ้มบางอย่างถูกใจในตัวชายหนุ่ม ค่อยทำให้เขารู้สึกดีขึ้นมาหน่อยจากเดิมที่โมโหอีกฝ่ายนิดหน่อยเพราะใช้เวลานานกว่าจะรู้ “ดักคอไว้เลยนะ ตกลงฉันจะทำให้ลิณาไม่มีวันรู้เรื่องนี้”

    “อย่างที่สองผมอยากรู้ว่าทำไมลิณาถึงทำแบบนี้”

    เอียนยกแตะปลายนิ้วมือทั้งสองข้างเข้าหากัน “นายนี่ฉลาดจริงๆด้วยนะ”ขำเบาๆ “แต่น่าเสียดายฉันบอกเธอไม่ได้หรอกนะ มันมากเกินไปสำหรับค่าดูและฉันคิดว่าเธอควรรู้ด้วยตัวเองมากกว่ารู้จากคนอื่น”ดวงตาคมสีน้ำเงินที่ผ่านโลกมามากจ้องมองชายหนุ่ม “และความจริงก็คือฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกัน จิตใจผู้หญิงมันซับซ้อนเธอก็รู้

    เรย์เกี่ยวนิ้วหัวแม่มือกับหูกางเกงพยักหน้ารับครั้งหนึ่งอย่างเข้าใจง่ายๆ เขาก็คิดไว้แล้วล่ะ “ผมจะเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นแทน”

    “อะไรล่ะ”ยกมือแตะริมฝีปาก ซ่อนรอยยิ้มกว้างที่ผุดขึ้นมาเมื่อได้ยินคำขอของอีกฝ่าย

    “คุณต้องไม่ให้ลิณาออกไปจากเมืองนี้ได้”

    “อืม..ที่เธอขอมามันไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยนะ”คิดว่ามันมีกี่ทางกันที่จะออกจากเมืองนี้ ยิ่งในยุคนี้ด้วย

    “แต่มันไม่ใช่เรื่องที่คุณทำไม่ได้นี่ แล้วก็อีกอย่างหนึ่ง..”

    เอียนทำเสียงฮึ่มฮั่มในลำคอ “ค่าดูของเธอชักจะแพงเกินไปแล้วนะ”แต่ใบหน้าของชายชรายังปรากฏรอยยิ้ม “ดูท่าเธอจะวางแผนไว้แล้วสินะ”

    เรย์ลุกขึ้นจากเก้าอี้ เมื่อเสร็จธุระ “เสียใจด้วยนะเอียนคุณทายผิด ตอนนี้ผมไม่ได้คิดแผนอะไรทั้งนั้น”

    ใช่ ตอนนี้เขายังไม่ได้คิดวางแผนอะไรทั้งนั้นแหละ เขาแค่รู้สึกพอใจเพราะหลังจากนี้เธอจะไม่มีวันหนีพ้นจากสายตาเขาอีกไม่ว่าจะทำยังไงก็ตาม เขาจะไม่ยอมให้เธอหนี ไม่ยอมให้เธอซ่อนตัวเองจากสายตาของเขาเหมือนที่ผ่านมาอีก

     

    เพียงวันเดียวเขาทำให้เธอแปลกใจมากกว่าสองสามครั้ง ครั้งนี้เขามาปรากฏตัวในห้องของแผนกหนึ่งในบริษัทแทนที่จะรีบออกจากศูนย์เร็วเท่าที่จะทำได้เหมือนทุกครั้ง เธอไม่ได้อยู่คนเดียวดังนั้นจึงไม่ใช่แค่เธอคนเดียวที่แปลกใจกับการปรากฏกายของเขาบางคนประหลาดใจมากด้วยซ้ำ เพราะปกติจะได้เห็นหน้าเขาก็แค่ตอนปฏิบัติภารกิจเท่านั้น ผ่านทางมอนิเตอร์เพราะเขาเลือกรับแค่ภารกิจเดี่ยวเท่านั้น ทำให้เขาไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมประชุมภารกิจ และน่าโมโหที่เขาแค่คนเดียวภารกิจก็สามารถสำเร็จได้อย่างง่ายดาย สาวๆทั้งในและนอกแผนกพากันจ้องเขาตาเป็นมัน ชะเง้อคอมองเขาเท่าที่สถานการณ์จะอำนวย

    “นายจะกลับเมื่อไหร่”

    “คงอีกซักพักน่ะ นายไม่รีบกลับเหรอ”โชคดีที่เธอเริ่มชินกับพฤติกรรมแปลกๆของเขาวันนี้บ้างแล้วเลยคิดคำตอบทัน

    ดวงตาสีเหล็กของเขาหรี่ลงดูจะไม่ค่อยพอใจกับนักกับคำตอบ เธอเลยพูดตอบไปอีกที “น่าจะประมาณอีกครึ่งชั่วโมง”

    เขาทำเสียงในลำคอรับ “ฉันจะรอนายที่ร้านกาแฟฝั่งตรงข้าม”พูดแค่นั้นแล้วก็เดินออกไปจนเธอต้องเป็นฝ่ายตามไปถามเขาว่าทำไม และให้เขากลับไปก่อนก็ได้ไม่ต้องรอเธอ

    เขามองเธอจากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ออกมา ไม่นานนักโทรศัพท์ของเธอก็สั่น บ่งบอกข้อความเข้า เขามองที่กระเป๋ากางเกงของเธอเป็นสัญญาณให้เธอหยิบโทรศัพท์ออกมา เธอเลื่อนหน้าจอกดเปิดข้อความล่าสุดที่พึ่งส่งเข้ามา เธอกวาดตาอ่านมันอย่างรวดเร็ว

    เธอเงยหน้ามองเขารู้สึกเหมือนเห็นประกายตาขบขันในสายตาของเขา “ตั้งแต่วันนี้ไปฉันกับนายจะทำภารกิจร่วมกัน”

     

    เธอรู้มาตั้งนานแล้วว่า เรย์คิล แม็กซ์ วิสตัน เป็นผู้ชายที่มีความเป็นชายอยู่เต็มเปี่ยม เสน่ห์ของเขามีแต่คนตายด้านเท่านั้นที่ไม่รับรู้ มันแผ่ออกมาจากร่างของเขาโดยที่เขาไม่ต้องทำอะไรเลย จากนั้นใบหน้าหล่อเหลาคมคาย เรือนร่างกำยำสูงกว่าคนทั่วไปก็จะทำให้คนไม่อยากจะละสายตาจากเขา พร้อมจะจับจ้องเขาไม่ว่าเขาจะทำอะไร เธอกล้าสาบานว่าไม่มีผู้ชายคนไหนที่แค่นั่งดื่มกาแฟจะดึงดูดสายตาของผู้คนได้มากเท่าเขาแม้ว่าตอนนี้เขาจะสวมแว่นตากันแดดทุกคนยังรับรู้ได้ถึงเสน่ห์ของเขา

    เธอกลั้นยิ้มเอาไว้เมื่อเห็นความหงุดหงิดบนสีหน้าเขา เขารำคาญสายตาของผู้คน เขารู้สึกถึงมันแต่ไม่ชอบมัน เธอรู้ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากอดทน

    “ขอโทษนะที่ให้รอ”เธอเดินเข้าไปหาเขา “เราจะกันเลยไหม”เธอคิดว่าเขาคงอึดอัดจนอยากรีบไป เลยไม่ได้นั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเขา

    “ไม่เป็นไรนั่งสิ”

    เธอกะพริบตาปริบ ดูท่าเจาจะไม่รีบอย่างที่เธอคิด “นายทำตัวแปลกๆจริงๆด้วยนะวันนี้”

    แม้จะสวมแว่นกันแดด เธอก็รู้ว่าสายตาของเขาเหลือบขึ้นจากหนังสือพิมพ์มามองเธอ

    “เหรอ ยังไงล่ะ”

    “ปกตินายทำท่ารังเกียจฉัน โอเค อาจไม่ถึงขนาดนั้นแต่นายก็เว้นระยะห่างจากฉันมากกว่าตอนนี้ บอกได้เลยว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ฉันไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้น”เธอยอมเปลี่ยนมาใช้คำพูดที่นุ่มนวลกว่าเดิมเมื่อเห็นอาการไม่เห็นด้วยจากสายตาคู่นั้น

    “งั้นเหรอ”เขาทำสัญญาณให้กับพนักงาน ไม่นานนักขนมเบนเย่โรยน้ำตาลก็ถูกนำมาเสิร์ฟ เธอไม่รู้ว่าเขาสังเกตหรือเปล่าว่าพวกพนักงานสาวๆแย่งกันจะมาเสิร์ฟเบนเย่ให้เขา จนในที่สุดผู้ชายที่ดูเหมือนจะเป็นผู้จัดการร้านก็เป็นคนเดินมาเสิร์ฟแทน

    “นายยังไม่ได้กินข้าวกลางวันใช่ไหมกินซะสิ”จานเบนเย่ถูกเลื่อนมาตรงหน้าเธอ

    นี่เขาไม่คิดจะอธิบายอาการทำตัวแปลกๆของตัวเองหน่อยเลยรึไง คิดว่าเธอจะพูดถึงมันทำไมกัน เธอลดสายตามองจานเบนเย่แล้วก็เหลือบมองชายหนุ่มอีกครั้ง.. ท่าทางเขาคงไม่ได้สังเกตสินะว่าจานเบนเย่จานนี้ต่างจากปกติ แต่ปกติเขาก็ไม่ค่อยชอบทายของหวาน ไม่แปลกที่เขาจะไม่รู้สึกผิดปกติอะไรกับน้ำตาลที่โรยเป็นรูปหัวใจกับจำนวนชิ้นของมัน และสายตาจิกกัดเล็กๆเจ็บเหมือนโดนมดกัด ดูก็รู้ว่าขนมเบนเย่จานนี้คงไม่ได้ทำมาเพื่อเธอหรอก

    “กินซะสิ เดียวเราจะไปทำภารกิจกัน”

    เธอหยิบเบนเย่ขึ้นมากิน นึกถึงเนื้อหาอย่างย่อของภารกิจที่พึ่งได้รับมาเมื่อครู่ “นึกไม่ถึงว่านายจะรับภารกิจธรรมดาๆแบบนี้เลยนะ”CIN รับทำภารกิจที่อยู่นอกเหนืออำนาจรัฐ หรืออีกนับหนึ่งคือทำสิ่งที่รัฐบาลที่ดีทำไม่ได้ก็จริงแต่ภารกิจธรรมดาที่เป็นเรื่องเล็กน้อยจากนิติบุคคล คนธรรมดาก็ใช่ว่าจะไม่มี แต่เขาไม่เคยที่จะรับภารกิจธรรมดาๆแบบนี้มาก่อนเลย เขามักรับภารกิจนี้ที่อันตรายมีความเสี่ยงสูง โอกาสล้มเหลวมากกว่าสำเร็จ เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เมื่อก่อน แล้วยิ่งเป็นหนักขึ้นในช่วงที่ผ่านมา เขารับภารกิจที่เสี่ยงกับชีวิตตัวเองอย่างไม่กลัวตายแต่ต้องการมัน เพราะอย่างนี้ที่ผ่านมาเธอถึงคอยวนเวียนอยู่รอบตัวเขาจนถูกเขารำคาญ เกลียดขี้หน้า และหาว่าเธอจุ้นจ้าน ถ้าเขาไม่อยากให้จุ้นจ้าน เขาก็น่าจะใส่ใจตัวเองมากกว่านี้หน่อยสิ

    “คิดอะไรอยู่น่ะ ถ้าอิ่มก็ไปกันได้แล้ว”เรย์พับหนังสือพิมพ์วางบนโต๊ะ

    “อ..เดียว”เธอหยิบเบนเย่อีกชิ้นขึ้นมากิน ในจานมีเบนเย่เหลืออยู่อีกหนึ่งชิ้น เธอหยิบมันขึ้นมายื่นไปตรงปากเขา “นายยังไม่ได้กินข้าวกลางวันใช่ไหม กินซะสิ”เพราะไม่มีจานอาหารอื่นวางอยู่บนโต๊ะเธอเลยเดาว่าเขายังไมได้กินข้าวมาคิดเรื่องที่เธอกำลังใช้มือป้อนส่งเบนเย่ให้เขาถึงปากได้ทีหลัง

    “อ..โทษทีนายกินเองดีกว่า”เธอลดมือลงพร้อมกับที่เขาโน้มตัวลงมากัดเบนเย่ที่อยู่ในมือของเธอ ความตื่นตะลึงทำให้เธอไม่ทันสังเกตเห็นประกายตาที่วูบไหวเพียงชั่วขณะของคนที่หันหลังเดินนำเธอไปที่รถ

    เธอรีบเดินตามเขาไปทันทีที่ตั้งสติได้ เพราะไม่ใช่เธอคนเดียวที่เห็นเขากินเบนเย่ที่เธอป้อน คนบ้าคิดว่ามีกี่คนกันที่จ้องเขาอยู่น่ะ เธอโกรธเขาแต่ก็ห้ามรอยยิ้มบนใบหน้าไม่ได้เลย

     

    ลิณาเงยหน้าขึ้นมองตึกสูงระฟ้ากว่าร้อยชั้น ป้านด้านหน้าเขียนว่า McKanich สมกับที่เป็นไง”

    บริษัทเทรดดิ้งที่ใหญ่ที่สุดของอเมริกาแค่พื้นที่โดยรอบของตัวอาคารบริษัทก็ปากเข้าไปกว่าสิบเฮกเตอร์ทั้งที่อยู่ใจกลางตัวเมือง ทั้งร้านอาหารและยิ้ม ซุปเปอร์มาร์เก็ตรอบๆต่างก็เป็นของบริษัท

    เธอขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าเขาจอดรถหน้าทางเข้าบริษัท เปิดประตูเดินลงจากรถเข้าไปในบริษัทหน้าตาเฉย

    “เฮ้ เดียวสินี่นายจะเข้าไปข้างหน้าอย่างนี้เลยรึไง

    เขาตอบโดยไม่หันมามอง “ฉันไม่เคยเดินเข้าด้านหลังของบริษัท”ยื่นกุญแจรถให้ยามที่เดินเข้ามาแสดงความเคารพ

    “อรุณสวัสดิ์ครับท่านประธาน”

    ท่านประธาน? จริงสิ เธอลืมไปได้ยังไงกัน นอกจากเรย์จะทำงานให้CIN เขายังมีธุรกิจส่วนตัวอีกอย่างหนึ่งด้วย เขาเป็นประธานของบริษัท McKanich และยังเป็นหุ้นส่วนของบริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกอีกหลายแห่งด้วยรวมถึง CIN พนักงานบางคนในองค์กรยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขามีส่วนในการปฏิบัติภารกิจด้วย เข้าใจว่าเขาเป็นเพียงหุ้นส่วนคนหนึ่งขององค์กร CIN เท่านั้น การที่เขาเป็นประธานทำให้เขาไม่จำเป็นต้องเข้าบริษัททุกวัน เขาให้เลขาของเขาเป็นคนจัดการส่งเอกสารมาที่คอนโดของเขา เพื่อที่เขาจะได้ลงมือทำมันในตอนกลางคืน โลกเบื้องหลังเขาคือคิล ส่วนในโลกเบื้องหน้าเขาเป็นชายหนุ่มที่ประสบความสำเร็จอย่างมากทั้งๆที่อายุยังน้อย และติดอันดับหนึ่งในผลสำรวจผู้ชายที่ผู้หญิงต้องการตัวบนเตียงมากที่สุดด้วย

    เขาคงเป็นประธานบริษัทยักษ์เพียงคนเดียวที่เข้างานในชุดเสื้อยืด แจ็คเก็ตหนังและกางเกงยีนส์ แต่ถึงอย่างนั้นคำว่าดูดีก็ยังน้อยเกินไปที่จะใช้อธิบายเขา เธอที่ใส่เสื้อผ้าแบบเดียวกันรู้สึกได้ชัดเจนถึงความแตกต่าง เธอรู้ว่าไม่ใช่แค่เพราะหน้าตาของเขาที่ทำให้เป็นแบบนั้น แต่เพราะบรรยากาศรอบตัวเขาด้วย บรรยากาศที่แผ่ออกมาจากร่างกำยำนั่นเต็มไปด้วยอำนาจที่ทำให้คนเกิดความเคารพโดยธรรมชาติ รวมถึงรังสีแผ่อำนาจที่บอกให้รู้ว่าเขาจะไม่ยอมให้ใครมารุกล้ำอาณาเขตของเขา เหมือนที่เสือดาวที่พร้อมจะขย้ำศัตรูที่บุกเข้ามาในที่ของมัน

    เธอจงใจเดินให้ช้าลงเพื่อเว้นระยะห่างจากร่างสูง ไม่ถึงขนาดให้มากจนดูเหมือนไม่ได้มาด้วยกัน แต่ก็ให้ดูแล้วเข้าใจว่าไม่ได้อยู่ในฐานะเดียวกัน แต่นึกไม่ถึงว่าแค่เธอเริ่มเดินทิ้งช่วงเท่านั้นเขาจะหยุดเดิน หมุนตัวเดินเข้ามาจับมือจูงเธอให้เดินไปพร้อมกัน

    “เดียวสิเรย์!”แค่ผู้ชายสองคนจับมือกันก็เป็นเป้าสายตาแล้ว การที่ผู้ชายที่เป็นถึงเจ้าของบริษัทอย่างเขาจับมือผู้ชายด้วยกันอีกนั้นไม่ต้องบอกว่าตกเป็นเป้าสายตาขนาดไหน

    “ไม่ต้องจูงมือหรอกเดียวฉันเดินตามนายเอง”

    เรย์หันมามองเธอ “เดินตามหลังฉันห้าฟุตแบบที่นายทำเมื่อกี้น่ะเหรอ ไม่”แต่ไหนแต่ไรเข้าก็ไม่แคร์สายตาคนอื่นอยู่แล้ว ตราบใดที่คนพวกนั้นไม่มายุ่งกับเขา ยิ่งเวลาผ่านไปนิสัยนี้ยิ่งแสดงให้เห็นชัดเจน เขาไม่สนใจพวกพนักงานที่พากันจ้องเราเลยซักนิด ทำเหมือนไม่มีใครเลยนอกจากเธอกับเขา

    “โอเคเรย์เดียวฉันเดินไปพร้อมกับนาย ทีนี้ปล่อยฉันได้รึยัง”ดูเขาจะพอใจเพราะหลังจากนั้นเขายอมปล่อยมือฉัน

    “นายนี่เผด็จการชะมัดพอก้าวเข้าในลิฟต์ส่วนตัวที่มีแค่ประธานบริษัทอย่างเขานั้นที่มีสิทธิขึ้นเธอก็เริ่มว่าเขาทันที

    เขาที่พิงหลังกับลิฟต์เลิกคิ้วสูงรับแล้วหลับตาลง “พึ่งรู้เหรอฉันคิดว่านายรู้มาตั้งนานแล้วซะอีก”

    “...”เขาตอบกลับมาแบบนี้แล้วจะให้ฉันพูดอะไรตอบเขาได้

    ห้องทำงานของเขาอยู่บนชั้นสูงสุดของตึก ห้องของเขาตกแต่งด้วยโทนสีเข้ม จากน้ำเงินไปจนถึงดำ บ่งบอกถึงบุคลิกมั่นคง หนักแน่นของเขา มีเพียงโซฟากลางห้องเท่านั้นที่เป็นสีเบจ ผนังห้องด้านหนึ่งของเขาเป็นกระจกใส เผยให้เห็นทิวทัศน์ของสวนลอยฟ้าที่กินพื้นที่กว่าครึ่งหนึ่งของชั้นนี้  ส่วนอีกครึ่งคือห้องนี้ ระหว่างที่เขาถอดเสื้อแจ๊คเก็ตออกแขวน เธอก็อดไม่ได้ที่จะเดินสำรวจห้องทำงานของเขา โต๊ะไม้โอ๊กขัดมันกับเก้าอี้อย่างดีนั่นคงเป็นที่ๆเขานั่งทำงาน บนโต๊ะของเขามีกรอบรูปอยู่ เธอรู้ว่ามันเป็นรูปของใครแม้มันจะอยู่ไกลและเธอเห็นได้ไม่ชัด เพราะมันเป็นรูปของเธอ รูปของเธอตอนอายุ 18 ตอนที่เธอเข้ามหาวิทยาลัยปีแรก

    “นายไปนั่งรอก่อน เดียวฉันของทำงานหน่อยแล้วเราค่อยเริ่มงานกัน”เขาเดินตามหลังเธอมาไปนั่งหลังโต๊ะและเริ่มเปิดคอมพิวเตอร์

    “ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าในบริษัทของนายจะมีพวกลักลอบค้าของเถื่อน ทั้งที่บริษัทเทรดดิ้งของนายมีระบบรักษาความปลอดภัยชั้นหนึ่งแท้ๆ”

    เรย์ตอบทั้งที่สายตากำลังกวาดมองเอกสารบนหน้าจอ นิ้วมือเรียวของเขาขยับไปมาบนคีย์บอร์ดอย่างคล่องแคล่ว “พวกแบบนี้ก็มีอยู่ทุกที่นะแหละ”

    มันก็จริงของเขา เธอยกกาแฟที่เลขาของเขาลูคัสพึ่งให้แม่บ้านนำมาให้ขึ้นจิบ หลังจากที่เขานำเอกสารสำคัญที่ต้องให้เรย์เซ็นมาส่ง หลังจากนั้นอีกหนึ่งชั่วโมงเอกสารอีกตั้งหนึ่งก็ตามมา ตามมาอีกหนึ่งตั้งหลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมง

    นอกจากลุกไปเติมกาแฟกับเข้าห้องน้ำ ก็ดูเหมือนเขาจะไม่ลุกไปไหนเลย นี่เขาคิดจะทำงานไปถึงเมื่อไหร่กัน เขานี่..ไม่ให้เธอต้องดูแลไม่ได้เลยรึไง เธอลุกขึ้นเดินไปที่โทรศัพท์ภายในที่ต่อสายถึงแม่บ้าน ให้ทำแซนวิชมาให้เธอสี่คู่ เมื่อได้มาเธอนำจานไปวางบนเอกสารที่เขากำลังอ่าน

    เธอตอบ ดวงตาสีฟ้าอมเทาของเขาเงยขึ้นมองเธอ “นายยังไม่ได้ ทานข้าวกลางวัน”

    เรย์ทำท่าเหมือนพึ่งนึกขึ้นได้ แต่เขายังก้มหน้าอ่านเอกสารต่อ เธอวางจานแซนวิชไว้ที่เดิมและยืนอยู่ที่เดิม

    “งานนี่หนึ่งนาทีก็เสร็จแล้ว”

    เขายังคิดจะทำต่ออีก “แซนวิชนี่กินหนึ่งนาทีก็เสร็จได้เหมือนกัน”ปกติกินข้าวไม่เป็นเวลาอยู่แล้วนี่ เขาอยากเป็นแผลในกระเพาะอาหารรึไงนะ ถึงตอนนี้เขาจะร่างกายแข็งแรงมากขนาดทีสิบล้อชนก็คงไม่เป็นไรก็เถอะ

    “นายนี่ชอบยุ่งเรื่องชีวิตฉันจริงๆนะ ก็ได้ถ้านายกล้าป้อน ฉันก็จะกิน โอเคไหม”เขาเอนหลังกับพนักเหมือนจะถามว่าเธอกล้าไหม

    ถ้าเขาคิดว่าเธอไม่กล้าเขาก็คิดผิด เธอหยิบแซนวิชมาคู่หนึ่งจ่อถึงปากเรียวนั่น ท่ามกลางสายตาสีเทาที่ดูเหมือนมันจะเข้มกว่าปกติ

    อีกอย่างเป็นเขาต่างหากที่จะเดือดร้อน ถ้าเธอป้อน เธอส่งยิ้มให้ลูคัสที่เคาะประตูเดินเข้ามาเพื่อรับเอกสารต่อจากนั้น

    “ลูคัส เอกสารพวกนี้เสร็จแล้วนะเอาไปได้เลย”เขาชี้ไปที่กองเอกสารที่อยู่ทางซ้ายมือ บอกเสร็จเขาก็อ้าปากงับแซนวิชในมือเธอโดยที่ทั้งมือทั้งตายังทำงาน

    อ..เอ๋ เขาไม่รู้สึกอะไรเลยเหรอ ลูคัสเลขาของเขาไม่ยักกะพูดอะไรกับสภาพของเธอกับเขา ปฏิกิริยาจากเขาที่เธอเห็นมีเพียงอย่างเดียวคือการกะพริบตาหนึ่งครั้ง เขาเดินเข้ามาหยิบเอกสารหองที่เรย์บอกแล้วจาไปโดยไม่ลืมก้มหัวหนึ่งครั้งก่อนปิดประตู

    หรือเขาชินแล้วกับการที่ประธานบริษัทของเขาให้ผู้ชายป้อนข้าว

    “เฮ้ จูเลียน”เธอสะดุ้งหันมาสบตาคนตัวสูงที่ต้องนั่งเก้าอี้เท่านั้นระดับสายตาของเธอถึงจะเท่ากับเขา ทั้งที่ตัวเธอสูงกว่าความสูงโดยเฉลี่ยของผู้หญิงทั่วไปด้วยซ้ำ “แซนวิชน่ะหมดแล้วนะ หยิบชิ้นใหม่สิ”

    ท่าทางเธอจะคิดผิดสินะที่คิดจะแกล้งเขาด้วยวิธีนี้ เฮ้อ เธอลืมไปได้บังไงนะว่าผู้ชายคนนี้ไม่สนใจสายตาคนอื่น เขาเคยจูงมือเธอในสภาพจูเลียนมาแล้วแค่ป้อนข้าวทำไมจะไม่กล้า เธอล้มเลิกความคิดที่จะแกล้งเขา เพราะดูเหมือนเธอมากกว่าที่จะเป็นฝ่ายถูกแกล้ง ถ้าไม่กลัวว่าเขาจะไม่ยอมกินข้าวเธอคงให้เขากินเองไปแล้ว ไม่ต้องมาเห็นฟันขาวสะอาดที่เรียงตัวเป็นระเบียบที่งับเนื้อขนมปัง กรามแข็งแรงที่ขยับเคี้ยว การเคลื่อนไหวของลูกกระเดือกของเขาเพราะการกลืนอาหาร เธอไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าผู้ชายเวลากินข้าวก็เซ็กซี่ได้ นอกจากนี้แววตาของเขายังเหลือบขึ้นมามองเธอไปพักๆ

    “มองทำไมกินไปสิ”

    เรียกเสียงหัวเราะห้าวลึกจากลำคอของเขา “รู้ละน่า ป้อนดีๆสิ”

    หลังจากป้อนแซนวิชให้เขาเสร็จแล้ว งานของเขาก็ดูเหมือนจะยังไม่เสร็จและท่าทางจะไม่เสร็จง่ายๆ เพราะนี่เป็นครั้งที่สี่แล้วที่เธอบอกเขาว่าเธอน่าจะกลับไปก่อนแล้วเขาตอบกลับมาว่าเดียวเสร็จ

    “วันนี้นายโกหกฉันบ่อยมากเลยนะ”

    เขาไหวไหล่หนึ่งทีแล้วตอบ “ก็งานมันมาเรื่อยๆ”

    งานมันมีมาเรื่อยๆแต่เขาก็ยังบอกว่าเดียวเสร็จเนี่ยนะ คนโกหก เธอรู้ทันเขาแต่ไม่ว่าอะไร เพราะมันไม่ใช่เรื่องง่ายที่เอจะได้นั่งมองเขาอย่างนี้ ทุกครั้งเธอต้องเป็นฝ่ายถอยออกมาจากเขาเพื่อไม่ให้เขาจับพิรุธได้และคิดว่าจูเลียนคิดอะไรกับเขา เธอต้องแอบมองเขาตอนที่เขาไม่ทันสังเกต เธอหยิบนิตยสารขึ้นมาเปิดอ่านและเหลือบมองเขาในบางครั้ง นานแค่ไหนแล้วนะที่เธอไม่ได้เห็นเขานั่งทำงานแบบนี้ เขายังชอบใช้นิ้วชี้แตะที่ขมับเวลาใช้ความคิดเหมือนเดิม

    เรย์ถอนหายใจ วางปากกา ละสายตาจากเอกสารเงยขึ้นมองร่างที่ฟุบหลับบนโซฟา เขาเองก็รู้สึกเหนื่อยเหมือนกันกับการแกล้งทำเป็นไม่รู้สึกถึงสายตาของเธอที่มองมาที่เขา เขาเคยอยู่ในสนามรบมาไม่รู้กี่ครั้งกับแค่สายตาของเธอทำไมเขาจะไม่รู้สึก ยิ่งตอนนี้เขารู้ว่าตัวตนที่แท้จริงของเธอแล้วด้วย ท่าทางยาในกาแฟจะได้ผลดี เขาดูออกว่าเธอยังเพลียอยู่เพราะรอเขากลับมาเมือคืนนี้ ที่เขาโกหกไม่ให้เธอกลับก็เพราะอยากให้เธอได้พักบ้าง ถ้าปล่อยกลับไปเธอคงเอาแต่ทำงานไม่ได้พักผ่อน

    ลิณาขยับตัวพลิกเมื่อรู้สึกว่าท่าที่เธอนอนอยู่ไม่ค่อยสบายตัว ก่อนสะดุ้งลืมตาตื่นเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้ตัวเธออยู่ที่ไหน

    “ตื่นแล้วเหรอ”เรย์ที่ยังนั่งอยู่ที่เดิมถาม

    เธอไม่ได้ตอบเขาเพราะมัวแต่ขมวดคิ้วเมื่อพบว่าตัวเองกำลังนอนราบอยู่บนโซฟาเพราะถ้าเธอเผลอหลับไปจริงขาของเธอก็น่าจะอยู่ข้างล่างมากกว่าแต่ที่สำคัญกว่านั้น เธอเหลือบมองคนตัวสูงที่ถมเธอทั้งที่มือของเขายังขยับทำงานอยู่

    นั่นเป็นความฝันหรือความจริงกันนะ ช่วงที่เธอหลับอยู่เธอเหมือนเก็นเขาเดินมานั่งข้างเอ ก้มลงมองเธอ จนเอได้กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆจากเขา

    “มีอะไร”จู่เขาก็เหลือบตาขึ้นมองเธอ “ตื่นมาแล้วจ้องหน้าฉันทำไม”

    บ้าน่า เขาไม่มีทางทำแบบนั้นหรอก ตอนนี้เธอเป็นจูเลียนนะ นั่นคงเป็นความฝันของเธอมากกว่า “เปล่า โทษทีฉันเผลอหลับไป”

    “ไม่เป็นไรงานฉันก็พึ่งเสร็จ”เขาปิดแฟ้ม ปิดคอมพิวเตอร์เดินไปหยิบเสื้อที่แขวนมาสวม เขาทำท่าเหมือนจะออกไปข้างนอก

    “นายจะไปไหนน่ะ”ไม่ใช่ว่าทำงานเสร็จแล้วเขาจะคุยเรื่องภารกิจหรอกเหรอ

    เขาขยับปกเสื้อ “เกือบทุ่มแล้ว ฉันหิวข้าว”เขาล้วงของในหระเป๋ากางเกงแล้วโยนมาให้เธอเป็นแฟลชไดร์ฟขนาดเล็กเท่าไมโครชิพ “ในนี้มีข้อมูลที่น่าจะช่วยหาตัวหมอนั่นได้ ในนั้นมีรหัสผ่านที่ใช้เข้า intranet* ของบริษัท กับโค๊ดที่ใช้เข้าไปในทุกระบบของแผนกในบริษัทได้นายลองไปที่มันน่าสงสัยดู”

    เธอสงสัยนิดหน่อยว่าตกลงเขาให้เธอมาที่นี่ทำไม “นายน่าจะปลุกฉัน”

    “ฉันไม่ได้เป็นคนทำ ฉันให้ลูคัสเป็นคนทำมา”

    งั้นเขาก็ให้คนส่งไปให้เธอทีหลังก็ได้นี่ ไม่เห็นต้องพาเธอมาที่นี่เลย เอาเถอะ ตอนนี้ก็เย็นแล้วด้วย “โอเคงั้นไว้ได้เรื่องอะไรฉันจะติดต่อนายอีกทีละกัน”เธอยัดมันใส่กระเป่ากางเกง เดินตามเขาลงลิฟต์มาชั้นล่าง เธอกำลังคิดว่าจะต่อรถเมล์หรือเรียกแท็กซี่กลับดี

    “ขึ้นรถสิ”เขาก็พูดขึ้น ขมวดคิ้วมองเธอราวกับการที่เธอไม่เดินขึ้นรถของเขานั่นเป็นเรื่องผิดปกติ “นายก็อยู่คอนโดเดียวกับฉันนี่ไปด้วยกันนี่แหละ”

    เธอขอให้เขาส่งเธอที่ร้านขายของชำเล็กเพราะของกินที่เก็บไว้ในห้องเธอไว้ทำอาหารให้ตัวเองกับเขาหมดแล้ว และแน่นอนว่าที่ห้องของเขาไม่เคยมี แต่เขากลับลงมาด้วย

    “ฉันจะซื้อของน่ะ”

    “ฉันอยากกินสตูนะ”

    นี่เขาเข้าใจคำพูดของเธอผิดรึเปล่า นั่นไม่ใช่ประโยคคำถามนะ

    “ก็นายเป็นคนทำกับข้าวให้ฉันไม่ใช่รึไงไม่บอกนายแล้วฉันจะบอกใครล่ะ”

    “ฉันไม่ใช่คนใช้ของนายนะ”

    เขาหยิบมันฝรั่งสองลูกออกมาจากชั้นวาง “งั้นนายจะไม่ทำอาหารให้ฉันงั้นเหรอ”เขาโยนหัวมันฝรั่งเล่น

    เธอตีมือเขา หยิบมันฝรั่งจากมือเขามาใส่รถเข็น “ห้ามเล่นของกิน” เธอทำเป็นไม่เห็นรอยยิ้มกว้างอย่างได้ใจของเขา ให้ตายสิ เขาหล่อร้ายเป็นบ้าเวลาทำแบบนั้น ขืนมองรอยยิ้มนั่นของเขานานกว่านี้เธออาจจะโผเข้าไปกอดเขาก็ได้

    “ว่าแต่นายนี่เลือกของเก่งนะ”

    “ฉันช่วยแม่ทำอาหารมาตั้งแต่เด็กแล้ว”มันแค่บทสนทนาทั่วไปเธอบอกกับตัวเอง

    “ฉันไม่จ่ายนะ”นิ่วคิ้วใส่เมื่อเขาหยิบกระป๋องเบียร์ใบที่เจ็ดแปดใส่รถเข็น

    เขาหัวเราะก๊าก พระเจ้า เธอไม่ได้ยินเสียงหัวเราะแบบนี้ของเขามานานเท่าไหร่แล้วนะ ทุกคนที่อยู่รอบๆ ต่างก็หันมามองเพราะเสียงหัวเราะที่ถูกดึงดูดด้วยท่าทางแจ่มใสของเขา “ไม่ต้องห่วงเดียวฉันจะจ่ายแทนนายด้วย”เช่นเดียวกับเธอ

    “เห วันนี้มาช็อปกับใครล่ะนี่ จูเลียน”แอนเน่พนักงานสาวเจ้าของร้านที่สนิทกับเธอเพราะเธออุดหนุนบ่อยๆทักขึ้น เพราะปกติเธอมักจะมาซื้อของที่นี่คนเดียวเสมอจึงเป็นเรื่องแปลกที่เธอมากับผู้ชายตัวโตและผู้ชายคนนั้นยังหล่อมากอีกด้วย แอนเน่พยักเพยิดหน้าไปที่ชายหนุ่มที่ยืนอยู่หน้าชั้นเครื่องดื่ม

    นี่เขายังคิดจะซื้ออีกเหรอ เขาดื่มมันมากเกินไปแล้ว

    “ผู้ชายคนนี้หล่อเป็นบ้าเลยนะเนี่ย อย่าบอกนะว่าแฟนนาย มิน่าฉันอ่อยนายกี่ทีก็ไม่ได้ผล”

    นี่เขากับเธอดูเหมือนคู่รักกันงั้นเหรอ เธอส่ายหน้ากำลังอ้าปากจะตอบ

    “ดูเป็นอย่างนั้นเหรอครับ”คนตัวโตที่เป็นหัวข้อสนทนาก็เข้ามาแทรก ส่งยิ้มที่ถ้าขาของแอนเน่เป็นเยลลี่ตัวเธอคงละลายลงไปกองอยู่กับพื้นแล้ว

    “อย่าพูดให้คนอื่นเข้าใจผิดได้ไหม”เธอถองศอกใส่เขา “แค่เพื่อนร่วมงานเท่านั้นล่ะครับแอนเน่ ไปได้แล้วเรย์”เธอยัดของใส่มือเขาแล้วผลักหลังเขาออกเดิน เขาร้องเสียงโอดโอยว่าเธอทำเขาเจ็บ ทั้งที่เธอรู้ว่าศอกของเธอมันไม่ได้โดนตัวเขาเลยซักนิด

    เขาแปลกไปจริงๆ

    “นายเป็นอะไรรึเปล่า?”

    แววตาของเขาที่จดจ่ออยู่กับสตูชามที่สองเหลือบขึ้นมองเธอ “นายหมายความว่ายังไง”

    วันนี้เป็นวันแรกที่เขาให้เธอนั่งร่วมโต๊ะทานข้าวด้วย และน่าอิจฉาที่เขาน่ามองขนาดนั้นแม้แต่ตอนที่กำลังอ้าปากกว้างกินขนมปังที่เธออบก็ตาม เธอถอนหายใจกับคามของเขา “อย่าให้ฉันพูดเป็นครั้งที่สามอีกล่ะ ฉันรู้ว่านายรู้ว่าฉันหมายความว่ายังไง”เขาจะแกล้งทำเป็นไม่รู้ไปถึงเมื่อไหร่กัน “เหตุผลที่นายทำตัวแปลกๆกับฉันวันนี้ไง แล้วก็งั้นเหรอมันไม่ใช่คำตอบหรอกนะ”

    “เรื่องที่ฉันตื่นเช้าน่ะเหรอ”

    “ใช่”

    “หรือว่าเรื่องที่ฉันพานายไปที่บริษัท”

    “ใช่”เธอเริ่มกัดฟัน

    “หรือว่าเรื่องที่ฉันรอนายที่ร้านกาแฟ”

    “ทั้งหมดนั่นแหละ”เธอรีบตัดบทสนทนาที่ดูจะจงใจกวนประสาทเธอของเขา “ตอบมาได้แล้วเรย์นายทำแบบนี้ทำไม”และน่าเจ็บใจที่มันได้ผล

    เขาท้าวคางกับโต๊ะ ตอบเรียบๆเหมือนเขากำลังตอบเรื่องธรรมดาทั่วไป “ก็แค่อยู่ใกล้นายแล้วฉันรู้สึกดี”

    เธอดื่มน้ำเย็นเพื่อสงบอารมณ์ของตัวเอง “ถ้าล้อเล่น มันไม่ขำนะ”

    “ก็ไม่ขำน่ะสิเพราะมันเป็นเรื่องจริง”

    “นายเป็นเกย์งั้นเหรอ”

    “ไม่ ฉันไม่ได้ชอบผู้ชาย”การตอบทันทีของเขาทำให้เธอโล่งอกจนถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง “สำหรับตอนนี้น่ะนะ”

    ลมหายใจที่เธอผ่อนออกมาเหมือนจะติดอยู่ที่ลำคอ

    “ก็อนาคตเป็นเรื่องไม่แน่นอนนี่ จริงไหม?”

     

    intranet** คือ ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์แบบภายในองค์กร

     

     

    [Talk]

    ทิ้งท้ายอย่างนี้น่ากลัวนะคะพี่เรย์ ฮ่าๆ

    วันนี้เอาไปเลยเต็มๆ 120% นะคะ ฮิๆ

    ยังไม่ค่อยมีฉากหวานๆเลย

    ไม่ได้เนอะพี่เรย์บอกเดียวหนูณาตื่น

    เม้นติชม ได้เหมือนเดิมนะคะ

    คำผิดก็บอกได้ค่ะเพราะอัลรีบพิมพ์เลยตรวจไม่ค่อยละเอียด

    ยินดีที่ได้รู้จักค่ะคุณภัคน์ ขอบคุณที่ติดตามอ่านพี่เรย์นะคะ

    ไปเม้าท์กันได้ที่หน้าเพจอัลนะคะ อิๆ

    << เพจอัลเองค่ะเข้าไปกด Like เข้าไปคุยกันน๊า
     

    FROM  Aunqio

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×