มุมมองอ่สาสมัคร(รีไรท์)
รีไรท์ครับผม
ผู้เข้าชมรวม
572
ผู้เข้าชมเดือนนี้
3
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
มุมมองอาสาสมัคร
“อาสาสมัครคืองานที่ต้องอาสา...เราเป็นผู้เลือกที่จะทำไม่ใช่โดนบังคับให้ทำ”
การเป็นอาสาสมัครครั้งล่าสุดของข้าพเจ้าเกิดขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่12 มกราคม 2551 ซึ่งก็คือวันเด็กแห่งชาติที่เพิ่งผ่านมานี้เอง ข้าพเจ้าได้รับการเชื้อเชิญจากองค์กร ActionAid ผ่านโครงการ Global Action School ที่ร่วมกับองค์กรอื่นๆ จัดกิจกรรมรณรงค์ โดยมีแก่นสาระ (theme) เกี่ยวกับภาวะโลกร้อน ให้เด็กได้เข้ามาร่วมเรียนรู้ ภายใต้ชื่องาน “ขบวนการเด็กยิ้ม อิ่มรักษ์ พิทักษ์โลก” งานนี้จัดขึ้นที่สวนรถไฟ...พร้อมๆกับงานของ กทม.
หากจะให้อธิบายว่าข้าพเจ้าได้ทำอะไรบ้าง คงต้องเล่าถึงลักษณะงานโดยรวมเสียก่อน ตัวกิจกรรมต่างๆ จะจัดเป็นซุ้ม แต่ละซุ้มก็จะมีพี่ๆ และน้องอาสาสมัครอยู่ประจำเพื่อถ่ายทอดความรู้ผ่านเกมต่างๆ ซุ้มที่ข้าพเจ้ารับผิดชอบคือ “เส้นทางข้าวอินทรีย์” มีพี่ไมเคิลจากองค์กรกรีนเนทเป็นพี่เลี้ยง ข้าพเจ้าต้องทำความเข้าใจเนื้อหาเรื่องเกษตรอินทรีย์หรือเกษตรธรรมชาติ ปราศจากสารเคมี...รวมถึง การใช้วิถีไถกลบฟางแทนการเผา งานนี้มีความลำบากอยู่มากทีเดียวเพราะกลุ่มเป้าหมายหรือเด็กที่มาร่วมทำกิจกรรมยังเล็กมากเกินกว่าจะเข้าใจว่าเนื้อหาที่ต้องการสื่อนั้นคืออะไร...จึงเป็นความท้าทายว่าข้าพเจ้าจะพูดอธิบายอย่างไรให้เด็กๆเข้าใจได้
ประมาณ 10 รอบที่มีเด็กเข้ามาในซุ้มของข้าพเจ้า..การอธิบายจะต่างกันทุกๆ รอบเพราะมีการปรับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ
ขึ้นอยู่กับเด็กที่เข้ามา..แต่ก็ถือว่าข้าพเจ้าสำเร็จกับงาน เพราะข้าพเจ้าได้พยายามอย่างเต็มที่ และเด็กบางกลุ่มสามารถตอบคำถามในเนื้อหาที่ข้าพเจ้าถ่ายทอดออกมาได้ มันเป็นความภาคภูมิใจที่เกิดขึ้นจากการทำงานโดยแท้จริง ข้าพเจ้าคิดว่า การออกมาเป็นอาสาสมัครสร้างเสริมภูมิความรู้ของตัวเองให้ดียิ่งๆขึ้นนอกเหนือจากที่เรียนรู้ในห้องเรียน..และเห็นว่านักเรียนควรได้ออกมาพบเจอกับประสบการณ์เพื่อทดสอบความสามารถดูบ้าง ซึ่งงานอาสาสมัครเป็นทางเลือกที่ดีทีเดียว เพราะเราไม่รู้ว่าจะเจอกับอะไร..ไม่เหมือนกับการทัศนศึกษาหรือออกค่ายที่คณาจารย์ได้สำรวจสิ่งต่างๆ ไว้เรียบร้อยแล้ว..เราจึงรู้ว่าต่อไปจะเป็นอย่างไร ทำให้ไม่สามารถใช้ความสามารถไหวพริบปฎิภาณได้อย่างเต็มที่ สิ่งต่างๆ ที่ข้าพเจ้าได้ทำในฐานะของอาสาสมัครมือสมัครเล่นขณะที่ยังเป็นนักเรียนไปด้วยนั้น จึงไม่ได้เป็นแค่การไปทำกิจกรรมธรรมดา แต่ถือเป็นการทดสอบตัวเอง และฝึกตนในหลายๆ ด้านเพื่อก้าวสู่ความเป็นผู้ใหญ่อย่างสมบูรณ์ ในแง่ที่ว่าได้ทำตัวให้มีประโยชน์กับสังคม 62 ล้านคนของประเทศไทยจะมีสักกี่คนที่จริงจังกับงานเพื่อส่วนรวม การเป็นอาสาสมัครในครั้งนี้จึงเรียกได้ว่าเป็นการปลูกฝังตัวเองให้รู้จักคำว่า ให้ มากกว่าที่จะเรียกร้องเพื่อรับแต่ฝ่ายเดียว ข้าพเจ้าคิดว่าสิ่งตอบแทนสำหรับอาสาสมัครไม่ได้มีความจำเป็นเท่าไรเลย เพียงแค่ได้เห็นผลสำเร็จของงานที่ทำอย่างเต็มที่ นั่นคือสิ่งตอบแทนที่ยิ่งใหญ่แล้ว
มุมมองของข้าพเจ้าต่ออาสาสมัครรุ่นพี่ อาสาสมัครสมัครเล่นหรืออาสาสมัครอาชีพ....บุคคลเหล่านี้
เกิดมาไม่เสียเที่ยว พวกเขาช่วยเพิ่มเติมสีสันแก่โลกนี้ ได้ให้ความสุขกับผู้ด้อยโอกาส เป็นกลุ่มบุคคลที่
สมควรได้รับการเคารพนับถือ ในนามของผู้ให้ที่สำคัญยิ่ง ถ้าหากไม่มีกลุ่มคนเหล่านี้ เด็กในชนบท โรงเรียนเล็กๆที่ไม่มีงบประมาณและบุคลากร เหล่าสตรีที่ถูกกดขี่ย่ำยี หรือคนไม่มีที่อยู่ ไม่มีอาหารหรือโอกาสในการทำงาน คงไม่สามารถลืมตาอ้าปากได้แม้แต่น้อย
อาสาสมัครคือผู้ให้ และผู้สร้าง ข้าพเจ้านับถือและชื่นชมบุคคลเหล้านี้อย่างยิ่งและมีความหวังว่า
สักว่าขาพเจ้าจะมีวันนั้น วันที่ได้ใช้ความสามารถในทุกๆด้านของตัวเองทำประโยชน์กับสังคม
สุดท้ายนี้ ..... ข้าพเจ้าอยากบอกว่างานอาสาสมัครไม่จำเป็นต้องเรียนสูงหรือมีเงินทุนมากมาย
ขอเพียงใจรักที่จะกระทำ หนักเอาเบาสู้ไม่อู้งาน และเต็มที่กับทุกๆงานที่ทำ เส้นทางการเป็นอาสาสมัครเปิดกว้างให้กับทุกคนและทุกชนชั้น ไม่มีสิ่งใดขวางกั้น ข้าพเจ้าเคยได้รับคติข้อหนึ่งมาจากอาจารย์ท่านหนึ่ง ว่า " ไม่มีคำว่าสุดวิสัยสำหรับหัวใจที่มุ่งมั่น” คำนี้ใช้ได้ทุกที่ทุกเวลาและสถานการณ์เลยทีเดียว
ทุกสิ่งหากเราเรียนรู้ในสถานศึกษาแล้วไม่ได้นำมาใช้หรือถ่ายทอดสู่ผู้อื่นมันก็จะไร้ประโยชน์ทันที
การออกมาทำกิจกรรมถ้าไม่คิดว่าทำเพื่อผู้อื่นมันคือเวทีประลอง กับตัวเองโดยแท้จริง
_____________________________________________________________________
ผลงานอื่นๆ ของ CraZZy-CatZ ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ CraZZy-CatZ
ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้
ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้
ความคิดเห็น