ตอนที่ 1 : Mission 1 - Danger Hazard
Devil May Cry
- The Legend Of Sons Sparda -
Opening
ครั้งหนึ่งนานมาแล้วในอดีต...มีปีศาจตนหนึ่งนามว่า Sparda ได้ต่อสู้กับเหล่าปีศาจมากมายเพื่อช่วยเหลือมวลมนุษย์ และได้ใช้พลังของดาบปีศาจปิดกั้นช่องทางเข้าออกระหว่างโลกปีศาจกับโลกมนุษย์ไว้ด้วยพลังทั้งหมดที่เขามี และเนื่องจากเขาเองก็เป็นปีศาจจึงถูกผนึกไว้ในโลกเบื้องหลัง
แต่ว่าพวกเราไม่เคยเชื่อเรื่องพวกนี้หรอกนะ เพราะมันจะเป็นสิ่งที่ยอมรับถึงชะตากรรมของพวกเราน่ะสิ
แต่แล้ว...พวกเราก็ต้องยอมรับถึงโชคชะตานั้น เพราะว่าเรื่องเหล่านี้ไม่ได้เป็นเรื่องโกหก Spardaมีอยู่จริงๆ...ทำไมพวกเราถึงแน่ใจน่ะเหรอ? ก็พวกเรา...ได้พบกับลูกชายของเขาน่ะสิ ทั้ง 2 คนเลย
- 2,000 ปีล่วงมาแล้ว นับจากSpardaจอมปีศาจจากโลกอันมืดมิดได้สิ้นอายุขัย เขาได้มอบกุญแจซึ่งใช้เปิดประตูที่กั้นระหว่างโลกปีศาจกับโลกมนุษย์ ซึ่งเป็นเครื่องรางอัญมณีสีแดง 2 ชิ้นให้กับลูกชายของเขาทั้งสองคน แล้วSpardaก็ได้จากโลกปีศาจไปตลอดกาล
แต่แล้ว...ด้วยรอยร้าวของช่องว่างแห่งประตูที่ล่วงเลยมานาน ทำให้ปีศาจจำนวนหนึ่งถูกปลดปล่อยจากพันธนาการ มนุษย์จึงได้สร้าง อาวุธ ที่ใช้ต่อกรกับเหล่าปีศาจไว้ โดยที่อาวุธนั้นมีชื่อว่า Death Blood คำสาปมรณะ
- Danger Hazard
-
เฮ้ๆ สิบรุมหนึ่งแถมอีกฝ่ายยังเป็นเด็กอีกต่างหากไม่อายฟ้าดินบ้างรึไง พวกแก-- เสียงผู้ชายนุ่มทุ้มกังวาลดังมาจากด้านบนหัวของสาวน้อย เธอแหงนหน้าขึ้นมองดูที่มาของเสียงพบชายหนุ่มในชุดโค้ดหนังสีแดงสด ผมสีขาว โดดลงมาจากดาดฟ้าบนตึกพร้อมกับสาดกระสุนลงมาเป็นของฝากให้กับบรรดาไอ้โม่งทั้งหลายจนราบเป็นหน้ากลอง สาวน้อยยืนอึ้งกับเหตุการณ์ตรงหน้าคนอะไรกันนี่โดดลงมาจากตึกสูงขนาดนั้นแต่กลับไม่เป็นอะไรสักนิดแถมยังสู้กับพวกไอ้โม่งหน้าปีศาจได้อย่างสูสีอีก
ยังอยู่ครบสามสิบสองใช่ไหม? ชายหนุ่มหันมาถามเธอ หน้าทะเล้น
อ๊ะ--เอ๋!? เอ่อ
อือ เธออ้ำอึ้งตอบไม่ถูกเพราะยังรู้สึกตกใจอยู่
ไอ้โม่งตัวหนึ่งที่เหลือรอดจากการสาดกระสุนเมื่อครู่ลุกขึ้นและพุ่งอาวุธของมันเข้าเสียบที่หน้าอกของเขาจนทะลุ สาวน้อยร้องกรี๊ดเสียงหลงชายหนุ่มผมขาวค่อยๆ เงยหน้าขึ้นด้วยแววตาเรียบเฉยมองมาทางสาวน้อย
เหอะ!--เอาเข้าไป เขาพูดอย่างเซ็งๆ ก่อนจะหมุนตัวกลับไปเป่าหัวสมองของไอ้โม่งซะจนกระจาย
เอ้า! เอาของแกคืนไป เขาพูดพร้อมกับดึงง้าวที่เสียบอยู่ตรงหน้าอกออกและเหวี่ยงทิ้งไปบนกองซากศพพวกไอ้โม่ง
ที่น่าตกใจยิ่งกว่านั้นคือแผลที่หน้าอกของเขาจางหายไปอย่างรวดเร็วจนไม่หลงเหลือแม้แต่ร่องรอย เขาเดินตรงมาทางที่สาวน้อยที่นั่งดูอย่างตกตะลึงและทันทีที่ได้สติเธอยกดาบสั้นขึ้นมาทำราวกับว่าชายหนุ่มเป็นศัตรู
ก็จะไม่ให้เธอคิดแบบนั้นได้ไงล่ะ คนบ้าอะไรกันเนี่ยโดนแทงจนทะลุยังทำเป็นไม่รู้สึกแถมแผลจากการต่อสู้ก็ไม่มีสักนิดดูยังไงหมอนี่ก็ไม่ใช่คนแล้ว สาวน้อยคิดในใจ และการกระทำของเธอทำให้ชายหนุ่มต้องหยุดเดิน เขาทำสีหน้างงๆ
ทำอะไรของเธอน่ะ? เขาถามพร้อมกับควงปืนทั้งสองเก็บที่
ก็ป้องกันตัวน่ะสิ
ป้องกันตัว? จากอะไร?
ก็จากตัวนายไง ยังจะมาถามอีก--อย่าเข้ามานะไม่งั้นฉันจับนายเจี๋ยนแน่ เธอขู่เสียงดุ
ดุจริงแฮะ เอาๆ ไม่เข้าไปก็ได้ ว่าแต่เธอเถอะ ดึกดื่นป่านนี้แล้วออกมาทำอะไรข้างนอกแอบหนีพ่อ แม่มาเที่ยวรึ?
บ้าเหรอ ฉันกำลังตามล่าไอ้พวกHellนั่นต่างหากล่ะ เธอตอบอย่างไม่สบอารมณ์และพยายามลุกขึ้นแต่ข้อเท้าของเธอช่างไม่อำนวยเอาเสียเลย จากการพยายามจะหนีไอ้พวกโม่งที่เธอเรียกว่า เฮล ทำให้ข้อเท้าที่แพลงของเธอเริ่มเกิดอาการอักเสบขึ้นมา
ตามล่า-- ชายหนุ่มทวน
ใช่ ฉันกำลังตามล่าแล้วก็กำจัดไอ้พวกนรกพวกนั้นอยู่ไม่ได้แอบหนีพ่อแม่มาเที่ยวอย่างที่นายพูดซะหน่อย
อุ๊บส์--ฮ่า..ฮ่า..ฮ่า ทันทีที่สาวน้อยพูดจบชายหนุ่มก็ระเบิดเสียงหัวเราะออกมาสุดเสียง
หัวเราะอะไรของนาย ห๊ะ!!! มีอะไรน่าขำนักหรือไง เธอตวาดเสียงเข้ม สายตาดุดัน
ฮะ..ฮะ..โฮะ--โอ้ย ท้องจะแข็งตาย ชายหนุ่มยังคงหัวเราะต่อก่อนจะค่อยๆรวบรวมสติพูด ตลกสิเพราะเท่าที่ฉันเห็นนะ ฉันว่าเธอถูกพวกมันตามล่ามามากกว่าจะตามล่าอ่ะ
ว่าไงนะ--อะ..โอ้ย!! สาวน้อยตะคอกเสียงดังและลุกขึ้นยืนด้วยความโมโหแต่เธอก็แพ้ภัยตนเองจากอาการเจ็บข้อเท้า ทรุดลงไปนั่งแผละอยู่กับพื้น
อ้าว--นี่เธอเจ็บเท้าเหรอ? ไหนขอดูหน่อยสิ ชายหนุ่มนั่งลงและขอดูแผลที่ข้อเท้าของสาวน้อยแต่เธอก็ปัดมือเขาออก
ก็บอกว่าอย่าเข้ามาไงเล่า ไม่เข้าใจรึไงที่นายช่วยฉันก็ขอบใจล่ะนะถ้าพอใจแล้วก็ไปได้แล้วไป
นี่ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอกน่า ถ้าจะทำแล้วฉันจะโดดลงมาช่วยเธอทำซากไปหาสวรรค์อะไรเล่า ไหนขอดูเท้าหน่อยคงจะแพลงล่ะสินั่นน่ะ
ไม่! อย่าเข้ามานะไม่งั้นฉันจะฟันนายจริงๆด้วย เธอยกดาบเตรียมพร้อมฟันทุกอย่างที่ขว้างหน้าแต่ชายหนุ่มไม่สนใจ เขาเอื้อมมือจับข้อเท้าของเธอขึ้นมาดู
อยากจะฟันก็ฟันเลย--เชิญ แต่ก็อย่างที่เธอเห็นฉันน่ะ--ไม่ตายหรอกนะ เขาพูดในขณะที่กำลังดูข้อเท้าให้เธอ อืมข้อเท้าแพลงแถมอักเสบอีกต่างหากบ้านเธออยู่ที่ไหนล่ะฉันจะไปส่ง
. สาวน้อยนิ่งเงียบ ไม่ตอบคำถาม
เอ้า--เป็นอะไรไปอีกล่ะ คราวนี้ใบ้กินรึไง
ไม่มีแล้วล่ะ-- เธอพูดเบาๆ จนแทบจะเป็นเสียงกระซิบ
หา!?
บ้านน่ะฉันไม่มีแล้ว ไม่มีที่จะให้กลับไปอีกแล้ว เธอพูดเสียงเหมือนจะร้องไห้ ถ้าเข้าใจแล้วก็ปล่อยฉันสักที ฉันจะได้ไปหาที่พัก
แล้วไง จะคลานไปรึ เดินเองก็ไม่ได้จะลุกยังลุกไม่ไหวเลย ไป--เข้าบ้านฉันก่อนเดี๋ยวฉันจะได้ทำแผลให้ เขากล่าวพร้อมกับชี้ไปด้านหลังของเขาที่เป็นตึกทาวเฮ้าท์ค่อนข้างโทรม(ก็เก่านั่นแหละนะ)
บ้าน? ของใคร?
ก็บ้านฉันน่ะสิ อะไร--นี่เธอไม่รู้เลยรึไงว่ามาทะเลาะกันหน้าบ้านคนอื่นเขาน่ะ เขากล่าว เอาเหอะยังไงซะ ถ้ามีคนมานอนตายอยู่หน้าร้านฉันตั้งแต่ยังไม่เปิดกิจการก็อัปมงคลแย่น่ะสิ พูดจบชายหนุ่มก็ช้อนตัวเธอขึ้นมาอุ้มพาดบ่าและตรงไปที่ประตูตึก
อ๊ะ ว้ายๆๆ นี่นายจะทำอะไรฉันน่ะ ปล่อยฉันลงนะบอกว่าให้ปล่อยไงฉันเดินของฉันเองได้ นี่--อีตาบ้าปล่อยฉันลงไปนะ
ถ้าเธอเดินไปเองได้ล่ะก็เธอคงจะเดินไปไกลหลายร้อยกิโลแล้ว ไม่โดนฉันอุ้มอยู่อย่างนี้หรอก ชายหนุ่มตอกกลับทันที
สาวน้อยรู้สึกสะอึกกับคำพูดแต่เธอยังคงพยายามดิ้นขัดขืนทว่าความพยายามของเธอก็ไร้ผล ในที่สุดก็โดนอุ้มเข้ามาในตึกจนได้ ชายหนุ่มวางเธอลงบนโซฟาสีแดงใต้บันไดภายในไม่มีอะไรมากมายนักนอกจากโต๊ะทำงานที่ทำมาจากไม้แลดูเก่าๆ (แถมยังเหมือนกับว่าจะดูผุๆ ด้วย)ตั้งอยู่กลางห้อง ชุดโซฟารับแขกที่เธอกำลังนั่งอยู่ โต๊ะสนุ๊กเกอร์ ตู้เล่นเพลงและเครื่องดนตรีอีกชุดที่วางอยู่ใกล้ๆ กัน
มันอาจจะดูสกปรกแล้วโทรมไปสักหน่อยนะแต่ว่าก็คลาสสิคดีใช่มะ? ชายหนุ่มพูดในระหว่างที่เขากำลังถอดอาวุธวางบนโต๊ะ เมื่อเห็นว่าเธอมีท่าทีสนใจที่นี่
อืม--นั่นสินะถ้านายตกแต่งให้มันดีๆ ล่ะก็ที่นี่ก็คงจะสวยดีนะ เธอพูด
เอาล่ะ ถอดบู๊ดออกสิฉันจะได้ดูแผลให้
เอ่อ--ไม่ต้องๆๆ ไม่ต้องเลยแล้วก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันจัดการเองดีกว่านายน่ะมันไม่น่าไว้วางใจยังไงชอบกลก็ไม่รู้
นี่แม่คุณ บอกไว้ก่อนนะว่าฉันไม่มีธุระอะไรกับเด็กๆอย่างเธอหรอกเฟ้ย เห็นแล้วไม่เกิดอารมณ์ เขาพูดพลางทิ้งตัวลงนั่งที่เก้าอี้ตรงโต๊ะทำงานที่อยู่กลางห้อง คำพูดนั่นทำให้สาวน้อยไม่พอใจอย่างมาก เธอปาขวดยาทาแผลที่เขาเพิ่งส่งมาให้ใส่หน้าแต่ชายหนุ่มก็รับไว้ได้อย่างสวยงาม
กะเอาให้หัวแตกเลยใช่มั้ยเนี่ย
เสียมารยาทที่สุดเห็นอย่างนี้แต่ฉันน่ะ19แล้วนะยะไม่ใช่เด็กๆ ซะหน่อย
ฉันไม่สนใจที่อายุสักหน่อยแต่สนตรงรูปร่างต่างหาก ราบเรียบแบบนั้นฉันไม่สนหรอกน่า เมื่อพูดจบคราวนี้กล่องยาทั้งกล่องก็ลอยมาทางที่ชายหนุ่มนั่งอยู่และเขาก็ยังคงรับได้อย่างสวยงามอีกเช่นเคย
นี่เธอ--คราวนี้เล่นมาทั้งกล่องเลยรึ
ก็ถ้านายยังไม่หุบปากหมาๆ นั่นล่ะก็ฉันจะขว้างโซฟานี่ให้นายดู
ก็ได้ๆ ไม่พูดก็ได้ เอ้า! เอาไป เขาพูดพร้อมกับโยนกล่องยาคืนให้เธอ สาวน้อยยื่นมือไปรับกล่องยาพลางมองเขาอย่างไม่สบอารมณ์ก่อนจะก้มหน้าจัดการกับแผลบนข้อเท้าข้างซ้ายของเธอ
ให้ตายเถอะมีผู้ชายบ้าที่ไหนมันโยนของให้กุลสตรีกันมั่งฟะ! อีตานี่น่าโมโหชะมัดยาด! เธอคิดในใจพลางกัดฟันกรอดๆ
ว่าแต่ ทำไมเธอถึงได้ถูกไอ้พวกนั้นมันตามล่าเอาล่ะ? ชายหนุ่มถามขึ้น
ไม่รู้สิ-- เธอยักไหล่ ตอบเสียงราบเรียบ แต่ที่ฉันรู้อยู่อย่างหนึ่งก็คือฉันเป็นคนที่พวกมันต้องการฆ่า เพราะตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมาฉันก็โดนเล่นงานตลอดแถมยังแบบถี่ยิบเลยด้วย เธอพูดต่อพลางพันแผลที่ข้อเท้าไปด้วย
หมายความว่าไง--?
ก็หมายความว่า ฉันไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับตัวเองไงล่ะ--เมื่อ2ปีก่อนฉันตื่นขึ้นมาจากโบสถ์แถวๆชานเมืองในสภาพโทรมสุดฤทธิ์แถมโบสถ์ยังถูกเผาซะเกรียมเหลือแต่ตอ
เดาว่าเธอคงเป็นผู้โชคดีที่รอดชีวิต
ใช่--แต่หลังจากนั้นก็มีไอ้พวกบ้าที่ไหนก็ไม่รู้มาตามฆ่าฉัน ที่ฉันรู้ก็มีอยู่แค่นี้
รันทดดีเนอะ
อยากจะพูดอะไรกันแน่ยะ--
ก็เปล่านิ--ว่าแต่เธอเอาแต่หนีอย่างเดียวเลยรึไง? ดาบก็มีทำไมไม่ตอบโต้ไปบ้างล่ะ?
ไอ้เนี่ยเหรอ-- เธอพูดพร้อมกับยกดาบคู่สีทองขึ้นมาให้เขาดูก่อนจะพูดต่อ บอกตามตรงนะว่า--ฉันใช้ไม่เป็นหรอก
ยัยจิ๋วเอ๊ย ชายหนุ่มส่ายหน้า เขาพูดพร้อมกับสรรพนามเรียกแทนตัวสาวน้อยที่ถือวิสาสะตั้งเอาเองสดๆ ร้อนๆ เธอเงยหน้าขึ้นมองแบบโกรธๆ
นี่นาย--เรียกใครยัยจิ๋วยะ
แล้ว--ในนี้เธอเห็นใครคนอื่นอีกไหมล่ะ หือ? ชายหนุ่มพูดออกแนวกวนประสาท เขาเดินมาที่เธอและโน้มตัวลงมาพูดเล็กน้อยเป็นเชิงตอกย้ำในเรื่องความต่างของส่วนสูง สาวน้อยทำหน้าคิ้วผูกโบว์ใส่เขาทันที แววตาสีชมพูมุกประกายเริ่มฉายแววไม่พอใจ เมื่อชายหนุ่มมองเธออย่างพิจารณาภายใต้แสงไฟจากหลอดนีออนในตึก แล้วเขาเองก็เพิ่งสังเกตุเห็นว่าสีตาของเธอเป็นสีชมพูอ่อนๆ ราวกับไข่มุก มันเป็นสีตาที่แปลกและดูสวยอย่างประหลาด แต่ในขณะที่ทั้งคู่กำลังปะทะคารมกันอยู่นั้นเสียงกระจกแตกก็ดังขึ้นจากทางหน้าร้านพร้อมด้วยอาคันตุกะที่ไม่ได้รับเชิญแบบเป็นฝูง พวกเฮลนั่นเองมันค่อยๆ ย่างเท้าตรงเข้ามาที่ทั้งสอง
นั่นไง คนอื่น ที่นายถามถึง เธอพูดเสียงแหยงๆ
เออ--ไม่เถียงล่ะแต่อย่างไอ้พวกนี้เนี่ยไม่จิ๋วแล้วมั้ง เขาพูด นี่พวกแกทีหลังจะเข้ามาเนี่ยประตูก็มี รู้จักไหมประตูน่ะ ประตู? ชายหนุ่มพูดไม่สบอารมณ์พลางชี้ไปที่ประตู แล้วพวกเฮลก็ตรงเข้ามาเล่นงานทั้งสองทันทีที่ชายหนุ่มพูดจบ เขาอุ้มสาวน้อยขึ้นจากโซฟาและกระโดดออกมาจากวงล้อมของพวกเฮลไปที่โต๊ะทำงานพร้อมกับคว้าปืนคู่ที่วางไว้เมื่อครู่มา
นี่ยัยจิ๋ว--อยู่ตรงนี่อย่าไปไหนนะ เข้าใจ? เขาพูดในระหว่างที่วางเธอลง สาวน้อยพยักหน้าหงึกหงักเป็นเชิงรับรู้แต่ก็รู้สึกเปล่งๆ ตอนที่เขาเรียกเธอว่า ยัยจิ๋ว
นี่! เดี๋ยวเถอะ--อีตาบ้าฉันไม่ได้ชื่อยัยจิ๋วนะยะ เธอตะโกน เพราะต้องแข่งกับเสียงปืนที่ชายหนุ่มกำลังเริ่มกราดใส่พวกเฮลอย่างเมามัน
เอ้า! ก็แล้วเธอมีชื่อให้ฉันเรียกไหมล่ะ เขาตะโกนถามกลับมาแต่ยังคงไม่ละสายตาจากการต่อสู้ ทำให้สาวน้อยเริ่มรู้สึกว่าอีตานี่เป็นคนรึเปล่ากันนะในสถานการณ์แบบนี้ยังมาพูดคุยกันได้หน้าตาเฉยอีก(เธอเองก็เหมือนกันแหละ ยังจะด่าตามหลังอีกเหลือเกินจริงๆ )
ฉันชื่อ เพ
กรี๊ดดดดดด ในขณะที่สาวน้อยกำลังจะ(ตะโกน)บอกชื่อแก่ชายหนุ่ม เธอก็ต้องตกใจเพราะมีเฮลกลุ่มหนึ่งโผล่มาจากด้านหลังของเธอ ชายหนุ่มจึงหันมาและพบว่าสาวน้อยกำลังจะถูกเฮลทำร้ายเขาก็พยายามจะปลีกตัวไปช่วย แต่จากระยะที่เขาอยู่กับระยะของเธอมันห่างกันเกินไปอีกทั้งพวกเฮลก็รุมล้อมหน้าล้อมหลังเขาให้ตรึมไปหมดก่อนที่เขาจะโดดไปช่วยเธอมันก็อาจจะสายเกินไป เขาตัดสินใจเปลี่ยนแม็กของปืนและโยนให้เธอกระบอกหนึ่ง
เอ้า! ยัยจิ๋ว--รับ!!
ใช้มันป้องกันตัวไปก่อนนะ อ้อ! ห้ามมาตายในร้านฉันเด็ดขาดล่ะขี้เกียจเก็บกวาด
อีตาบ้า--ก็บอกแล้วไงว่าฉันไม่ได้ชื่อยัยจิ๋วแล้วที่สำคัญฉันใช้ปืนเป็นซะที่ไหนกันเล๊า--เธอตะโกนพลางจับปืนที่เขาส่งมาให้อย่างแหยงๆ มือ
ปัดโธ่--ยัยจิ๋วเอ๊ย ก็ยิงๆ ไปเหอะน่าไม่เห็นจะยากเด็กสามขวบยังทำได้เลยเฟ้ย เขาตะโกนกลับในขณะที่ยังคงสาดกระสุนใส่พวกเฮลและฟันด้วยดาบสีเงินที่เขาคว้ามาจากไหนก็ไม่รู้ในระหว่างที่ชุลมุนวุ่นวาย
เว้ย--เอาก็เอา(วะ) ยังดีกว่าต้องมาตายเป็นผีเฝ้าเรือนให้คนอย่างอีตาบ้านี่แน่ๆ เข้ามาเลยไอ้พวกบ้าทั้งหลาย ว่าแล้วเธอก็เล็งปืนขึ้นและลั่นไกใส่พวกเฮลแบบไม่เลี้ยง จนหัวสมองกระจายเป็นแถบๆ
และในขณะที่สาวน้อยกำลังจนมุมมีเฮลตัวหนึ่งฟาดง้าวใส่เธอ แต่เธอก็กระโดดหมุนตัวบนกำแพงและใช้ขาขาวเรียวๆ(แต่สั้น)ของเธอหักคอของเฮลตัวนั้นอย่างชำนาญ ทำเอาชายหนุ่มอึ้งไปพักหนึ่งทั้งการต่อสู้และฝีมือในการยิงปืนของเธอที่ไม่เหมือนคนเพิ่งเคยต่อสู้เป็นครั้งแรก เขารู้สึกว่ายัยจิ๋วนี่ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่ๆ แต่จากนั้นก็กลับมาเป็นอีหรอบเดิมอีกคือ เธอหนีอย่างเดียวเขาจึงเปลี่ยนความคิดทันทีสงสัยเมื่อกี้เขาคงจะตาลาย ในที่สุดเฮลตัวสุดท้ายก็ถูกจัดการโดยฝีมือของชายหนุ่มเมื่อการต่อสู้จบสาวน้อยก็นั่งแผละลงกับพื้นทันที
โอ๊ย!! นี่มันอะไรกันนักกันหนาเนี่ย อยากจะร้องไห้-- สาวน้อยโอดครวญ
ทางฉันนี่สิที่อยากจะร้องไห้ไม่ใช่เธอ ดูผลงานของเธอซะยัยจิ๋วเล่นร้านฉันจนพรุนเป็นรูไปหมดเลยเนี่ย กระจกหน้าร้านก็แตก--เธอจะรับผิดชอบยังไงห๊า!!
อะไรกันยะ--ก็ฉันบอกนายแล้วนี่ว่าฉันไม่เคยใช้ปืนแล้วก็ไม่เคยสู้ด้วย ไอ้ที่บ้าระห่ำน่ะมันนายคนเดียวเลยนะยะ ส่วนกระจกหน้าร้านนั่นไอ้พวกเฮลบ้าต่างหากที่ทำไม่ใช่ฉัน
แล้วที่ไอ้พวกบ้านี่มันเข้ามาเนี่ยคิดว่าเป็นเพราะใครกันล่ะ หา!!
อึก!!(เสียงสะอึกเป็นอาการของการเถียงไม่ออก) สาวน้อยเถียงไม่ออกเพราะพวกที่พวกเฮลต้องการก็คือชีวิตของเธอจริงๆ ตามที่ชายหนุ่มพูดและที่มันบุกมาถึงในนี้ก็เป็นเพราะเธออยู่ที่นี่
ถึงจะว่างั้น แต่ฉันก็ไม่มีเงินหรอกนะจะบอกให้ เท่าที่มีอยู่ตอนนี้ก็ตัวเท่านั้นแหละ
เออ--เยี่ยม ชายหนุ่มสบถเชิงประชดแต่สักพักเขาก็นึกอะไรบางอย่างได้ ชายหนุ่มหันมาที่สาวน้อยอย่างมีเลศนัย แววตาแฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์จนเธอเองเริ่มรู้สึกไม่ดี
อะไรยะ-- เธอถามสีหน้าผวาๆ พร้อมกับตั้งท่าเตรียมหนีเต็มที่
ก็นะ--เธอบอกว่าเธอไม่มีเงินใช่มั้ย
เอ๋?--กะ
ก็ใช่ ทำไม?
มีแต่ตัว-- เขาลากเสียงยาวและยาน
แล้ว--ไง เสียงเริ่มผวาหนักกว่าเก่า
ดี งั้นเธอก็เอาตัวเธอมาชดใช้หนี้สินครั้งนี้ก็แล้วกัน
ห๊า!! เธอร้องว้ากด้วยความตกใจจนชายหนุ่มเอามือขึ้นมาปิดหูแทบไม่ทัน เธอถอยกรูจนไปแปะอยู่ข้างฝาบ้าน นะ--นายคิดจะทำอะไรฉันน่ะ อย่านะ ถ้านายทำอะไรฉันนะฉันจะ..จะ..(จะอะไรดีวะ อีตานี่ฆ่าก็ไม่ตายเสียด้วย) เธอพูดอ้ำอึ้งด้วยความกลัวเพราะเธอคิดว่าชายหนุ่มจะให้เธอชดใช้ค่าเสียหายด้วยร่างกายของเธอ ชายหนุ่มเห็นดังนั้นก็อดที่จะขำไม่ได้ว่ายัยจิ๋วนี่ต้องกำลังเข้าใจคำพูดของเขาผิดอยู่แน่ๆ เขาจึงนึกสนุกอยากแกล้งสาวน้อยขึ้นมา
จะอะไร--เธอจะทำอะไรฉันได้งั้นเหรอ หือ? เขาพูดพร้อมกับเดินมาให้ใกล้เธอเข้าไปอีก
จะ..จะ..เอ่อ--ฉันจะกัดลิ้นตาย เธอพูดเสียงหนักแน่นและมาดมั่น ชายหนุ่มทำหน้าเหวอๆ อยู่พักหนึ่ง
กัดลิ้นตายเนี่ยนะ--
เออเด่ะ--ก็นายน่ะโดนเสียบจนทะลุกลางอกยังไม่ตายเลย แล้วอย่างฉันจะไปมีปัญญาทำอะไรนายได้ และก็ถ้าจะต้องโดนนายทำมิดีมิร้ายล่ะก็นะฉันขอฆ่าตัวตายดีกว่า
เธอจะบ้าเหรอ ที่ฉันบอกเธอว่าให้ชดใช้ด้วยร่างกายน่ะหมายถึงเธอต้องมาทำงานให้ฉันต่างหากเล่า ยัยบ๊องเอ๊ย!
หา?--อ้าว เหรอ เธอเอ่ยหน้าตาเหลอหลา แต่ก็แอบโล่งใจนิดๆ
นี่ยัยจิ๋ว--ฉันก็บอกไปแล้วนี่ว่าฉันไม่มีธุระอะไรกับเด็ก
ฉันไม่ได้ชื่อยัยจิ๋ว ฉันชื่อเพิลย่ะ สาวน้อยกล่าวแนะนำตัวเองอย่างเป็นทางการด้วยเสียงอันดังต่อจากเมื่อครู่ที่ถูกขัดเพราะการต่อสู้ สาวน้อยนามเพิลหวังว่าเขาคงจะเลิกเรียกเธอว่ายัยจิ๋วเสียที
หืม?--เพิล (Pearl-ไข่มุก) น่ะเหรอ?
ไม่ใช่เพิลมาจาก เพิลริล (Peril-ภัยอันตราย) ต่างหากล่ะ เพิลตอบปฏิเสธกับความหมายที่ชายหนุ่มกล่าว เขาทำหน้าไม่อยากจะเชื่อหูตนเอง
เฮ้! ล้อเล่นน่ะมีใครที่ไหนจะบ้าตั้งชื่อลูกแบบนี้กันบ้างเนี่ย?--
จริงๆ ฉันจำเรื่องของตัวเองได้เรื่องเดียวก็คือเรื่องชื่อนี่แหละ ทำไมนายถึงคิดว่าเป็นเพิลที่มาจากคำว่าไข่มุกล่ะ เพิลถาม ชายหนุ่มนิ่งไปพักหนึ่งก่อนจะตอบ
ตาไง เพราะว่าสีตาของเธอเหมือนสีของไข่มุกทะเล สีชมพูใสเป็นประกาย ชายหนุ่มตอบ เพิลรู้สึกคุ้นๆ กับคำพูดประโยคนี้ของเขาเป็นอย่างมาก ราวกับว่าเมื่อนานมาแล้วมีคนเคยพูดประโยคนี้กับเธอ แต่เธอนึกไม่ออกและเกี่ยวกับเรื่องชื่อก็เหมือนกัน เพิลไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อกับแม่ที่เธอไม่รู้จักถึงตั้งชื่อเธอแบบนี้
เอาล่ะ งั้นตกลงตามนี้แล้วกันนะ เพิล--เธอต้องทำงานให้ฉันเพื่อใช้หนี้และต้องอยู่ที่นี่ด้วยห้องข้างบนยังมีว่างเหลืออยู่ห้องหนึ่ง เข้าใจนะ--ฉันง่วงจะไปนอน ชายหนุ่มพูดตัดบทแบบเออเองก่อนจะเก็บปืนกับดาบแล้วเดินขึ้นบันไดไปชั้นบน เพิลสะดุ้งเล็กน้อยแต่ยังไม่ทันที่จะตอบอะไรเขาก็พูดตัดบทขึ้นมาอีกครั้ง อ๋อ! อย่าลืมเก็บกวาดให้เรียบร้อยด้วยล่ะ
นี่เดี๋ยวสิ ชื่อนายล่ะ--จะให้ฉันเรียกนายว่าอะไร เพิลถาม ชายหนุ่มเปิดประตูห้องก่อนจะหันหน้ามามองเธอ
ดันเต้...คือชื่อของฉันเพิลริล--ราตรีสวัสดิ์นะ พูดจบชายหนุ่มนามดันเต้ก็เดินเข้าห้องและปิดประตูปล่อยให้เพิลยังยืนงงๆ อยู่
ฮึ้ย! อีตาบ้าเอ๊ยแล้วนี่ฉันจะทำยังไงกับไอ้ซากพวกนี้ดีล่ะเนี่ย โอ๊ย! ปวดหัว เพิลโอดครวญ
และนับจากนี้เธอจะต้องอยู่ที่นี่และทำงานให้กับเขา ดันเต้ ชายซึ่งเธอมีความรู้สึกไม่ถูกชะตาเอาซะเลย อีกอย่างคนที่โดนเสียบจนอกทะลุกแต่ยังไม่ตายแถมไม่มีท่าทีว่าจะรู้สึกเจ็บอย่างนี้คงไม่ใช่คนแน่ๆ แต่จะทำไงดีล่ะเพราะเพิลในตอนนี้นอกจากเรื่องชื่อของตนเองแล้วเรื่องอื่นๆ ที่เกี่ยวกับตัวเองเธอก็ยังไม่รู้ ไหนยังจะมีคำถามมากมายที่เธอต้องค้นหาคำตอบ
ในเมื่อไม่เหลือทางเลือกอื่น เธอจึงตัดสินใจที่จะอยู่ที่นี่ไปจนกว่าเธอจะรู้ว่าตัวเองเป็นใครและทำไมถึงถูกพวกเฮลตามล่า เรื่องฝีมือที่บางทีก็เก่งขึ้นมาซะเฉยๆ จนตัวเธอเองยังตกใจอีก บางทีการมีคน(ที่อาจจะไม่ใช่คน)อยู่ใกล้ๆ มันก็น่าอุ่นใจกว่าด้วย แต่เรื่องสำคัญในตอนนี้ของเพิลก็คือเธอต้องหาทางทำอะไรซักอย่างกับไอ้ขยะกองโตกับซากพวกเฮลที่นอนตายให้เกลื่อนร้านนี่เสียก่อน
เฮ้อ--สรุปว่าเรานี่โชคดีหรือโชคร้ายกันแน่หว่า เพิลบ่นพึมพำในระหว่างการเก็บกวาดร้าน ทำไมกันนะถึงรู้สึกเหมือนกับว่า เรื่องราวบางอย่างกำลังจะเริ่มต้น
แปลกจริงเรานี่
By : Minoru And Michiyo
(จากเกมส์Devil May Cry เพื่อความบันเทิง คนที่เคยเล่นเกมส์นี้หรือไม่ก็ได้ โปรดวิจารณ์ด้วยนะคะ)
79 ความคิดเห็น
-
#77 bomeza (@taye) (จากตอนที่ 1)วันที่ 23 สิงหาคม 2556 / 20:59ขอบคุณครับ ผมชอบเกมนี้มากๆเลย เลยมาหาอ่านเกี่ยวกะ DMC มาเจอของคุณพอดี ขอบคุณครับที่หามาให้อ่าน \O/#770
-
#76 Dante (จากตอนที่ 1)วันที่ 3 มิถุนายน 2556 / 21:04*-* จะลองอ่านดูนะครับ#760