คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : ค.ศ. 1917-1918
ค.ศ.
1917-1918
ความคืบหน้าใน ค.ศ. 1917
เหตุการณ์ใน
ค.ศ. 1917
นั้นได้พิสูจน์แล้วว่ามีความเด็ดขาดในการยุติสงคราม
แม้ว่าผลจะยังไม่อาจสัมผัสได้กระทั่งปลาย ค.ศ. 1918 การปิดล้อมทางทะเลของกองทัพเรืออังกฤษได้ทำให้เกิดผลกระทบใหญ่หลวงต่อเยอรมนี
เยอรมนีได้โต้ตอบด้วยการออกปฏิบัติการเรือดำน้ำแบบไม่จำกัดขอบเขตเมื่อเดือนกุมภาพันธ์
ค.ศ. 1917 โดยมีเป้าหมายเพื่อให้อังกฤษขาดแคลนอาหารและต้องออกจากสงคราม
นักวางแผนชาวเยอรมันประเมินว่า
สงครามเรือดำน้ำแบบไม่จำกัดขอบเขตจะทำให้อังกฤษสูญเสียเรือไปกว่า 600,000 ตันต่อเดือน
ขณะที่อังกฤษตระหนักว่านโยบายดังกล่าวมีแนวโน้มจะดึงให้สหรัฐอเมริกาเข้าสู่ความขัดแย้ง
การสูญเสียเรือของอังกฤษจะสูงมากเสียจนอังกฤษถูกบีบให้เรียกร้องสันติภาพหลังเวลาผ่านไป
5 ถึง 6 เดือน
ก่อนที่การเข้าแทรกแซงของสหรัฐจะมีผลกระทบ ในความเป็นจริง
เรืออังกฤษถูกยิงจมไปคิดเป็นน้ำหนักมากกว่า 500,000 ตันต่อเดือนระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ถึงกรกฎาคม
และสูงที่สุด 860,000 ตันในเดือนเมษายน หลังเดือนกรกฎาคม
ได้มีการนำระบบขบวนเรือคุ้มกันกลับมาใช้ใหม่
ซึ่งมีประสิทธิภาพในการลดภัยคุกคามจากเรืออูลงอย่างยิ่ง
อังกฤษปลอดภัยจากการขาดแคลนอาหาร ขณะที่ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของเยอรมนีลดลง
และทหารสหรัฐเข้าร่วมสงครามเป็นจำนวนมากกว่าที่เยอรมนีเคยคาดไว้ก่อนหน้านี้มาก
วันที่ 3
พฤษภาคม ค.ศ. 1917 ระหว่างการรุกเนวิลล์
กองพลอาณานิคมที่ 2 ของฝรั่งเศสที่เหน็ดเหนื่อย
ทหารผ่านศึกยุทธการแวร์เดิง ปฏิเสธคำสั่งที่ได้รับ มาถึงโดยเมาและปราศจากอาวุธ
นายทหารไม่อาจหาวิธีการมาลงโทษทหารทั้งกองพลได้
และไม่มีการดำเนินมาตรการรุนแรงในทันที จากนั้น การขัดขืนคำสั่งได้ลุกลามไปยังอีก 54
กองพลของฝรั่งเศส และมีทหารหนีหน้าที่ 20,000 นาย
กองทัพสัมพันธมิตรอื่นโจมตีแต่ประสบความสูญเสียมหาศาล[87] อย่างไรก็ตาม ด้วยการดึงดูดสู่ความรักชาติและหน้าที่ เช่นเดียวกับการจับกุมและการพิจารณาครั้งใหญ่
กระตุ้นให้ทหารกลับมาป้องกันสนามเพลาะของตน
แม้ว่าทหารฝรั่งเศสปฏิเสธจะเข้าร่วมในการปฏิวัติการรุกต่อไป[88] โรเบร์ต เนวิลล์ถูกปลดจากตำแหน่งบัญชาการในวันที่ 15 พฤษภาคม และแทนที่ด้วยพลเอกฟิลิป
เปแตง ผู้ยกเลิกการรุกขนาดใหญ่อันนองเลือดชั่วคราว
ชัยชนะของออสเตรีย-ฮังการีและเยอรมนีที่ยุทธการกาปอเรตโต
นำให้ฝ่ายสัมพันธมิตรที่การประชุมราปัลโลจัดตั้งสภาสงครามสูงสุดเพื่อประสานการวางแผน
โดยก่อนหน้านั้น กองทัพอังกฤษและฝรั่งเศสได้ดำเนินการบังคับบัญชาแยกกัน
ในเดือนธันวาคม
ฝ่ายมหาอำนาจกลางลงนามสงบศึกกับรัสเซีย ทำให้ทหารเยอรมันจำนวนมากสามารถถูกส่งมาปฏิบัติหน้าที่ในทางตะวันตกได้
ด้วยกำลังเสริมเยอรมนีและทหารสหรัฐที่ไหลบ่าเข้ามาใหม่
ทำให้แนวรบด้านตะวันตกจะเป็นการตัดสินผลของสงคราม
ฝ่ายมหาอำนาจกลางทราบว่าตนไม่อาจเอาชนะสงครามยืดเยื้อ
แต่พวกเขาตั้งความหวังไว้สูงสำหรับความสำเร็จโดยขึ้นอยู่กับการรุกอยางรวดเร็วครั้งสุดท้าย
ยิ่งไปกว่านั้น
ผู้นำฝ่ายมหาอำนาจกลางและฝ่ายสัมพันธมิตรต่างเริ่มรู้สึกกลัวต่อความไม่สงบในสังคมและการปฏิวัติในยุโรป
ดังนั้น ทั้งสองฝ่ายต่างก็มุ่งได้รับชัยชนะขั้นเด็ดขาดอย่างรวดเร็ว[89]
ค.ศ. 1917 จักรพรรดิคาร์ลที่
1 แห่งออสเตรีย ทรงพยายามเจรจาแยกต่างหากอย่างลับ ๆ กับคลูมองโซ โดยมีน้องชายของพระมเหสี
ซิกตัส ในเบลเยียม เป็นคนกลาง โดยเยอรมนีไม่รับรู้ด้วย เมื่อการเจรจาล้มเหลว
และความพยายามดังกล่าวทราบถึงเยอรมนี ส่งผลให้เกิดหายนะทางการทูตระหว่างสองประเทศ[90][91]
สหรัฐอเมริกาเข้าสู่สงคราม
สหรัฐอเมริกาเดิมดำเนินนโยบายไม่แทรกแซง
เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับความขัดแย้งระหว่างประเทศและเป็นนายหน้าสันติภาพ
เมื่อเรืออูเยอรมันจมเรือโดยสารลูซิเทเนียของอังกฤษ
ใน ค.ศ. 1915
ที่มีชาวอเมริกันอยู่บนเรือ 128 คน
ประธานาธิบดีวิลสันได้สาบานว่า "อเมริกามีทิฐิมากเกินกว่าจะสู้"
และเรียกร้องให้ยกเลิกการโจมตีเรือพลเรือน ซึ่งเยอรมนีก็ยอมตาม
วิลสันพยายามเป็นผู้ไกล่เกลี่ยระงับข้อพิพาทแต่ล้มเหลว
เขาเตือนย้ำว่าสหรัฐอเมริกาจะไม่ทนต่อสงครามเรือดำน้ำไม่จำกัดขอบเขต
วิลสันได้รับแรงกดดันธีโอดอร์
รูสเวลต์ ผู้ประณามพฤติการณ์ของเยอรมนีว่าเป็น
"การกระทำอันเป็นโจรสลัด"[92] ความปรารถนาของวิลสันที่จะได้เข้าร่วมในการเจรจาสันติภาพเมื่อสงครามยุติเพื่อพัฒนาแนวคิดสันนิบาตชาติเองก็เป็นส่วนสำคัญ[93] รัฐมนตรีต่างประเทศของวิลสัน วิลเลียม เจนนิงส์ ไบรอัน
ซึ่งความคิดเห็นของเขาได้ถูกเพิกเฉย
ได้ลาออกเพราะไม่อาจสนับสนุนนโยบายของประธานาธิบดีได้อีกต่อไป
มติมหาชนรู้สึกโกรธกับเหตุวินาศกรรมแบล็กทอมในนครเจอร์ซีย์ รัฐนิวเจอร์ซีย์ ซึ่งสงสัยว่าเยอรมนีอยู่เบื้องหลัง และเหตุระเบิดคิงส์แลนด์
ในเดือนมกราคม
ค.ศ. 1917
เยอรมนีทำสงครามเรือดำน้ำไม่จำกัดขอบเขตอีกครั้ง รัฐมนตรีต่างประเทศบอกแก่เม็กซิโก
ผ่านโทรเลขซิมแมร์มันน์ ว่า
สหรัฐอเมริกามีแนวโน้มเข้าสู่สงครามหลังสงครามเรือดำน้ำไม่จำกัดขอบเขตเริ่มขึ้น
และเชิญเม็กซิโกเข้าสู่สงครามเป็นพันธมิตรของเยอรมนีต่อสหรัฐอเมริกา
เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน เยอรมนีจะส่งเงินให้เม็กซิโกและช่วยให้เม็กซิโกได้รับดินแดนเท็กซัส
นิวเม็กซิโกและแอริโซนาที่เม็กซิโกเสียไประหว่างสงครามเม็กซิโก-อเมริกาเมื่อ 70
ปีก่อน[94] วิลสันเปิดเผยโทรเลขดังกล่าวให้แก่สาธารณชน
และชาวอเมริกันมองว่าเป็นเหตุแห่งสงคราม
อย่างไรก็ตาม
แม้ว่าสหรัฐอเมริกาจะเข้าสู่สงครามโดยอยู่ข้างเดียวกับฝ่ายพันธมิตร
แต่ไม่เคยเป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการของฝ่ายพันธมิตรเลย โดยเรียกตัวเองว่าเป็น
"ประเทศผู้ให้ความช่วยเหลือ" (Associated Power) สหรัฐอเมริกามีกองทัพขนาดเล็ก แต่หลังรัฐบัญญัติคัดเลือกทหาร (Selective
Service Act) สหรัฐก็มีทหารเกณฑ์มากถึง 2.8 ล้านนาย[95] และภายในฤดูร้อน ค.ศ. 1918 ก็มีการส่งทหารใหม่กว่า 10,000
นายไปยังฝรั่งเศสทุกวัน ใน ค.ศ. 1917 รัฐสภาสหรัฐให้สถานะพลเมืองแก่ชาวเปอร์โตริโก เมื่อพวกเขาถูกเกณฑ์ให้เข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง จากรัฐบัญญัติโจนส์
เยอรมนีคำนวณผิด โดยเชื่อว่าจะใช้เวลาอีกหลายเดือนกว่าสหรัฐอเมริกาจะมาถึง และการขนส่งทหารข้ามมหาสมุทรสามารถถูกหยุดยั้งได้โดยเรืออู[96]
ความคิดเห็น