21
cause all of me, love all of you
"แอบกินของคนอื่นอร่อยมั้ยจ๊ะเหรินจวิ้น"
"นายอน ทำไมพูดแบบนี้" เจโน่กดเสียงต่ำ เอ่ยปรามหญิงสาวที่กล่าวโทษอีกคนออกมาอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว นายอนตวัดหางตามองไปทางแฟนหนุ่มอย่างนึกเคืองก่อนจะหันกลับไปมองตัวต้นเหตุที่นั่งนิ่งอยู่บนโซฟาอย่างเกลียดชัง
"ทำไมจะว่าไม่ได้ ก็ฮวังเหรินจวิ้นมันแย่งแฟนนายอน"
"เหรินจวิ้นไม่ได้แย่งใคร"
"เจโน่.." คนตัวเล็กเอ่ยเสียงอ่อยหลังจากที่นั่งเงียบมานาน ไม่คิดว่าเจโน่จะออกตัวปกป้องเขาแบบนี้ อาการหัวใจเต้นแรงกลับมาอีกครั้ง อยากจะคิดเข้าข้างตัวเองแต่ก็กลัวว่าจะต้องเจ็บปวดหากผิดหวัง เจโน่หันมองคู่หมั้นตัวเล็กที่นั่งกุมมือตัวเองแน่น ดวงตาคู่คมฉายแววอบอุ่นจนเหรินจวิ้นสะท้าน -- เจโน่กำลังต้องการที่จะปกป้องเขาจริงๆใช่มั้ย เหรินจวิ้นคงไม่ได้คิดไปเองใช่มั้ย
"โน่พูดแบบนี้ได้ยังไงคะ!"
"นายอน โน่เคยบอกแล้วนะว่าโน่ไม่ชอบคนขึ้นเสียงใส่" เสียงทุ้มต่ำเอ่ยออกมาอย่างน่ากลัว แววตาคู่คมฉายแววไม่พอใจอย่างปิดไม่มิดจนนายอนรู้สึกพลาดที่ทำแบบนั้นออกไป แต่ทิฐิในตอนนี้มันมีมากกว่าหญิงสาวจึงเลือกที่จะสะบัดหน้าหนีไปโดยปราศจากคำขอโทษอย่างที่ควรเป็น
"แล้วทีโน่เอามันมากกโดยที่ไม่เห็นหัวนายอนที่เป็นแฟนเลยสักนิดนี่โน่คิดว่านายอนพอใจมั้ยคะ" หญิงสาวไม่ยอมแพ้ พูดทุกอย่างที่พอจะทำให้ตัวเองอยู่เหนือกว่าในเกมส์นี้ออกมาได้ เจโน่กระตุกยิ้มหลังจากได้ยินประโยคนั้นจนนายอนนึกหวั่น -- สายตาของเจโน่ตอนนี้น่ากลัวเหลือเกิน
"งั้นหรอนายอน" ถ้อยคำที่ถูกเอ่ยออกมาทำให้ใบหน้าของนายอนเริ่มถอดสี ใบหน้าหล่อคมกดยิ้มมุมปากพลางมองไปที่หญิงสาวที่เอ่ยเรียกร้องสิทธิ์ของตัวเองออกมาแบบนั้นจนคนถูกมองเริ่มสั่น ลีเจโน่โหมดนี้ชวนผวาเสียจริง -- นายอนคิดในใจ
"รอโน่ก่อนนะครับ เดี๋ยวโน่ออกมา" ว่าแค่นั้นก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องนอนโดยทิ้งสองชีวิตที่เหลือในห้องให้ได้แต่มองตาม ความหวาดกลัวเริ่มคืบคลานเข้ามาในจิตใจของนายอนหากแต่เธอก็ไม่แสดงอาการอะไรออกมา ดวงตาเรียวตวัดไปมองคนที่นั่งสงสัยอยู่บนโซฟาอย่างเกลียดชังก่อนที่เหรินจวิ้นจะหันมาสบตากันอย่างไม่เกรงกลัว เหมือนมีสายฟ้าฟาดฟันระหว่างทั้งสองคน -- เหรินจวิ้นยอมรับว่าลีเจโน่เป็นแฟนนายอน แต่อีกคนก็เป็นคู่หมั้นของเขาไม่ใช่หรือไงกัน คู่หมั้นที่คุณปู่ของเราทั้งสองหมายมั่นกันไว้ตั้งแต่เกิด คู่หมั้นที่ผู้ใหญ่เห็นดีเห็นชอบด้วย ไม่ใช่ผู้หญิงเสแสร้งที่แม่ของเจโน่ไม่ยอมรับแบบนี้
ยอมรับก็ได้ว่าเห็นแก่ตัว แต่เหรินจวิ้นเองก็หลงรักเจโน่มานาน หลงรักผู้ชายคนนั้นมาก่อนที่อีกคนจะเจอกับนายอนซะอีก -- เขาเองก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งที่ต้องการสมหวังในความรักเหมือนกัน
"เหอะ ไม่คิดว่าตัวเองหน้าด้านไปหน่อยหรอ" นายอนเอ่ยทำลายความเงียบขึ้นมา เหรินจวิ้นมองนิ่งไม่แสดงอาการอะไรจนคนที่ตั้งใจเอ่ยด่าโมโหออกมาซะเอง
"แล้วไม่คิดว่าตัวเองหน้าด้านไปหน่อยหรือไงที่แม่เขาไม่ยอมรับแต่ก็ยังดันทุรังเกาะลูกของเขากินอยู่"
"แก!!"
"ชู่ว อย่าเสียงดังสิ เป็นถึงเด็กทุนเขาไม่อบรมมารยาทให้เธอเลยหรือไง" เหรินจวิ้นพูดออกมาโดยที่ใบหน้าเรียบเฉย นายอนกัดฟันกรอด อยากไปกระชากคนตรงหน้ามาตบให้สะใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ หากเธอทำแบบนั้นมีหวังเจโน่ได้จับเธอโยนออกไปนอกคอนโดแน่ๆ -- ปล่อยให้เป็นแบบนั้นไม่ได้
"เงียบทำไมล่ะนายอน หรือยอมรับความจริงไม่ได้"
"หุบปาก!"
"เธอนั่นแหละหุบปาก เลิกเสแสร้งสักที ผู้หญิงแบบเธอไม่สมควรที่เจโน่จะรักหรอก นิสัยแบบเธอน่ะควรไปรักกับผู้ชายอีกคนของเธอที่อยู่โรงเรียนกางเกงสีดำคนนั้นมากกว่า" คนตัวเล็กเอ่ยเสียงนิ่ง ไม่มีถ้อยคำกระโชกโฮกฮาก แต่เพียงเท่านั้นมันก็ทำเอาคนฟังตัวแข็งทื่อได้ไม่ยาก "เงียบทำไมล่ะนายอน"
"แกโกหก! แกอย่ามาพยายามใส่ร้ายฉัน แกต้องการให้เจโน่เข้าใจฉันผิดใช่มั้ย แกมันชั่วที่สุดเลยฮวังเหรินจวิ้น" หญิงสาวเอ่ยออกมาอย่างเหลืออด คนฟังอย่างเหรินจวิ้นทำเพียงยกยิ้มออกมาอย่างเหนือกว่าจนนายอนเริ่มอยู่ไม่สุข -- เป็นไปไม่ได้ มันรู้ความลับของเธอได้ยังไงกัน
"ขอตบสักทีเถอะ" ว่าออกมาแค่นั้นก่อนร่างบางจะพุ่งตัวเข้าไปหาศัตรูหัวใจที่นั่งอยู่ที่เดิม เหรินจวิ้นที่ไม่มีแรงก็ไม่คิดที่จะลุกหนีให้ตัวเองต้องเจ็บตัวมากกว่าเดิม ดวงตาคู่สวยยังคงจดจ้องปฏิกิริยาของหญิงสาวที่เคลื่อนตัวเข้ามาใกล้อย่างไม่มีท่างทางเกรงกลัว ใจดวงน้อยเต้นระรัว ทำใจดีเข้าสู้เอาไว้แม้จะรู้ว่าถ้าหากโดนฝ่ามือนั่นฟาดลงมาบนหน้าตอนนี้มันจะต้องเจ็บมากแต่เขาก็จะไม่มีวันแสดงอาการกลัวให้อีกคนได้ใจเด็ดขาด
เพี๊ยะ -- ใบหน้าหวานสะบัดไปตามแรงตบตามที่คิดเอาไว้ นายอนฟาดมือลงมาสุดแรงแบบไม่ออมมือก่อนจะยกมืออีกข้างขึ้นมาเพื่อหวังทำรอยที่แก้มอีกด้านของผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นมารหัวใจ แต่ยังไม่ทันได้ทำอย่างใจคิดแรงฉุดรั้งก็ทำให้เธอต้องหันไปมองยังที่มาอย่างเลี่ยงไม่ได้ เป็นเจโน่เองที่จับแขนของเธอเอาไว้ แรงของผู้ชายคนนี้มีมากจนเธอเริ่มรู้สึกเจ็บและแสดงสีหน้าเหยเกออกมาจนชายหนุ่มต้องผ่อนแรงลง
"จะทำอะไร" เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามขึ้นมาอย่างพยายามใจเย็นแม้ว่าในใจตอนนี้มันจะร้อนรุ่มเหมือนกับถูกไฟเผา เจโน่หันมองคนตัวเล็กที่นั่งนิ่งอยู่โดยที่ไม่คิดสู้อะไรแล้วก็ได้แต่หงุดหงิด รอยแดงที่แก้มนวลของเหรินจวิ้นเป็นเครื่องยืนยันสถานการณ์ก่อนหน้านี้ได้เป็นอย่างดีและตอนนี้เขาเองก็เริ่มจะโมโหแล้ว "โน่ถามว่านายอนจะทำอะไร"
"นายอนจะตบมัน!"
"เพื่ออะไรนายอน"
"มันแย่งโน่ไปจากนายอน มันทำให้โน่ไม่สนใจนายอนเหมือนเมื่อก่อนเพราะมัวแต่มาสนใจมันมากกว่า!"
"นายอนเข้าใจผิดแล้ว ไม่มีใครแย่งโน่ไปทั้งนั้น ทุกอย่างที่เกิดขึ้นก็เพราะนายอนทำตัวเอง" ประโยคเรียบๆถูกเอ่ยออกมาจากปากของคนตัวสูงอีกครั้ง เจโน่ปล่อยมือออกจากแขนเล็ก ก่อนที่ซองเอกสารสีน้ำตาลอ่อนที่หยิบออกมาจากในห้องนอนจะถูกยื่นไปตรงหน้าของหญิงสาวเพียงหนึ่งเดียวในห้อง นายอนนิ่งอึ้ง ความกลัวเริ่มเกาะกินหัวใจอีกครั้ง ไม่กล้าแม้แต่จะยื่นมือออกไปรับเพราะมีความผิดติดตัวอยู่มากโข แต่สายตากดดันของเจโน่ที่มองมาก็ทำให้เธอต้องตัดสินใจหยิบมันมาจนได้
"เปิดดูสิครับ" น้ำเสียงทุ้มต่ำที่ฟังดูเย็นชานั่นทำให้มือเล็กเริ่มสั่นขึ้นเรื่อยๆ นายอนพยายามบังคับมือของตัวเองไม่ให้สั่นเทาไปมากกว่านี้เพื่อให้หยิบเอกสารในซองได้ หญิงสาวเบิกตากว้าง รูปคู่หลายสิบใบของเธอกับผู้ชายอีกคนที่อยู่ต่างโรงเรียนในเกือบทุกอิริยาบถปรากฎแก่สายตา นายอนเงยหน้ามองเจโน่แทบจะทันทีก่อนจะเอ่ยแก้ตัวออกมาอย่างหน้าไม่อาย
"มันไม่ใช่อย่างที่โน่คิดนะคะ ค.. คือ ผู้ชายคนนั้นเป็นน้องชายนายอนเอง โน่ต้องเชื่อนายอนนะคะ"
"นายอนเป็นลูกคนเดียวไม่ใช่หรอ" เจโน่เอ่ยดักทางออกมาเหมือนเตรียมการมาอย่างดี หญิงสาวเริ่มอยู่ไม่สุข อาการท่าทางการแสดงออกยิ่งตอกย้ำให้รู้ว่าโกหก เจโน่ส่ายหน้าออกมาเบาๆก่อนที่นายอนจะพุ่งตัวเข้ามาแล้วจับมือหนาขึ้นมากุมไว้
"ล.. ลูกพี่ลูกน้องค่ะ ลูกของป้า โน่เชื่อนายอนนะคะ นายอนไม่ได้โกหกจริงๆ"
"งั้นหรอ"
"จริงๆนะคะ" บทบาทนางเอกเจ้าน้ำตาถูกยกมาเล่นอีกครั้งจนเหรินจวิ้นที่นั่งมองอยู่ร้องเหอะออกมาในลำคอเบาๆ เจโน่ยืนมองหญิงสาวที่เขาเคยหลงนักหลงหนาด้วยสายตาเรียบนิ่ง -- ผิดหวังจริงๆ ไม่คิดว่านายอนจะทำกับเขาได้ถึงขนาดนี้เหมือนกัน
"พี่น้องกันเขาไม่เข้าม่านรูดด้วยกันหรอกนะนายอน"
"โน่.."
"นายอนหลอกโน่มาตลอดเลยนี่ ถ้าแม่ของโน่ไม่จ้างนักสืบให้ตามตัวนายอนและไม่ได้รูปพวกนี้มาโน่ก็คงยังเป็นควายอยู่แบบนั้นสินะ" ความไม่พอใจฉายชัดอยู่ในแววตาที่แสนขุ่นมัวของเจโน่ในตอนนี้ หญิงสาวตัวเริ่มสั่น ตัดสินใจปล่อยแขนของชายหนุ่มที่ตนเองเกาะกุมเอาไว้พลางถอยหลังห่างออกมาเล็กน้อย
"โน่คะ ค.. คือนายอน"
"ไม่ต้องพูดแล้ว โน่ไม่ถือโทษอะไร" รอยยิ้มเริ่มปรากฏบนใบหน้าของนายอนหลังจากที่ได้ยินประโยคนั้น ส่วนเหรินจวิ้นก็หันมองหน้าคู่หมั้นตัวเองด้วยความไม่เข้าใจอย่างถึงที่สุด -- ขนาดนี้แล้วเจโน่ยังไม่ยอมเลิกกับผู้หญิงคนนี้อีกงั้นหรอ รักมากขนาดนั้นเลยสินะ เจ็บดีเหมือนกัน
"งั้น.. เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมนะคะ นายอนสัญญาว่าครั้งหน้าจะไม่ทำอีก"
"ไม่มีครั้งหน้าแล้ว"
"โน่หมายความว่าไง"
"เราเลิกกัน ถ้าหากว่านายอนอยากเรียนอยู่ที่โรงเรียนต่อไปอย่างมีความสุขและไร้ข้อกล่าวหาก็เลิกยุ่งกับโน่ซะ อ้อ เลิกยุ่งกับเหรินจวิ้นด้วย"
"นี่มันอะไรกันคะ! โน่จะทำแบบนี้กับนายอนไม่ได้นะ" คนโดนตัดความสัมพันธ์เอ่ยโวยวายออกมาอีกครั้ง เจโน่เริ่มจะหมดความอดทน มือหนาตบลงบนโต๊ะกระจกหน้าโซฟาเสียงดังจนทั้งเหรินจวิ้นและนายอนสะดุ้ง
"โน่ว่าโน่พูดชัดแล้วนะ" เอ่ยย้ำออกมาอีกรอบอย่างเด็ดขาด นายอนกำมือทั้งสองข้างเข้าหากันแน่น ใบหน้าบูดเบี้ยวด้วยความโมโห "โน่ให้เวลานายอนออกไปจากที่นี่"
"หนึ่ง"
หญิงสาวยืนนิ่งราวกับไม่ได้ยินประโยคนั้นทำให้เจโน่เริ่มหงุดหงิดมากกว่าเดิม
"สอง"
"..."
"สา--"
"แล้วโน่จะเสียใจที่ทำกับนายอนแบบนี้!" เสียงเล็กเอ่ยขัดขึ้นมาก่อนที่เจโน่จะได้พูดจบ หญิงสาวเดินปึงปังออกไปจากคอนโดมิเนียมของอดีตแฟนหนุ่มด้วยความรู้สึกหลากหลาย -- แค้นเจโน่แต่ก็เกลียดเหรินจวิ้นเหลือเกิน
"อย่าหวังเลยว่าพวกแกจะมีความสุข"
เธอจะทำให้พวกมันรู้สึกคิดผิดที่ทำกับเธอแบบนี้
"อ๊ะ" กายเล็กสะดุ้งหลุดออกจากภวังค์เมื่อมือใหญ่เเตะลงมาบนแก้มนวล ความเจ็บแสบเเล่นริ้วขึ้นมาจนอดจะร้องออกมาไม่ได้ เหรินจวิ้นหันมองหน้าเจโน่ที่มานั่งข้างๆกันตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ด้วยความสับสน -- เหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านไปนี่มันความจริงหรือความฝันกันนะ
"เจ็บมั้ย" น้ำเสียงนุ่มทุ้มที่เอ่ยขึ้นพร้อมๆกับสัมผัสอ่อนโยนจากฝ่ามือหนาที่แตะลงเบาๆบนแก้มข้างที่โดนตบทำให้หัวใจดวงน้อยรู้สึกปลอดภัย ดวงตาคู่คมที่กำลังทอดมองไปยังรอยแดงด้วยสายตาที่คาดเดาไม่ออกทำให้หัวใจดวงเล็กเต้นระรัว ได้แต่ส่ายหน้าออกมาเบาๆปฏิเสธออกไปแม้ว่าตามจริงจะเจ็บมากก็ตาม
"โกหก"
"เราไม่ได้โกหกนะ อ๊ะ.." เพียงแค่สัมผัสเบาๆจากปลายนิ้วยาวก็ทำให้หลุดร้องออกมา เจโน่มองดุคนที่ไม่ยอมรับจนเหรินจวิ้นต้องก้มหน้าลงหลบสายตาคมกริบที่ถูกส่งมา
"ขี้โกหกจริงๆ"
"เราไม่ได้เจ็บขนาดนั้น"
"ยังจะโกหกอีก" เหรินจวิ้นนี่ดื้อด้านจริงๆเลย "เจ็บก็บอกเจ็บ จะเก็บเอาไว้ทำไม"
"อือ เจ็บ" สุดท้ายก็ต้องยอมเอ่ยความจริงออกมาจนได้สินะ
"ขอโทษนะ" คนตัวสูงเอ่ยออกมาเสียงอ่อน สายตาสองคู่สอดประสานกัน ราวกับต้องมนตร์สะกดเจโน่โน้มตัวเข้ามาหาใบหน้าหวานของอีกคนจนไม่มีช่องว่างระหว่างกัน ริมฝีปากทาบทับลงบนอวัยวะเดียวกันกับคนตรงหน้าอย่างไม่รู้ตัว เหรินจวิ้นหลับตาพริ้มรับสัมผัสอ่อนโยนที่ถูกถ่ายทอดมาอย่างเต็มใจ ลืมสิ้นความเจ็บปวดทั้งหมดที่ได้รับ เนิ่นนานนับนาทีก่อนที่ฝ่ายผู้คุมเกมส์จะเป็นคนผละตัวออกมาก่อน "ทุกเรื่องเลย"
"อื้อ เราไม่เคยโกรธเจโน่หรอก" เจโน่ยกยิ้มทันทีที่ได้ยินประโยคนั้น มือหนาถูกส่งไปลูบแก้มเนียนของคนตรงหน้าอีกครั้งด้วยความแผ่วเบา เหรินจวิ้นหน้าเหยเก ขยับหน้าหนีด้วยความเจ็บจนคนตัวสูงหลุดยิ้มออกมาอย่างเคย
"รออยู่นี่แหละ เดี๋ยวไปเอายามาทาให้"
แผ่นหลังกว้างที่เดินหายลับไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลทำให้เหรินจวิ้นแอบลอบยิ้มออกมา ลีเจโน่อบอุ่นเหลือเกิน สายตาคู่นั้นมันทำให้เขารู้สึกปลอดภัย -- ขอให้ในพรุ่งนี้และวันต่อๆไปเจโน่ยังน่ารักแบบนี้เหรินจวิ้นก็พอใจแล้ว
พอใจแล้วจริงๆ
40%
บรรยากาศครึกครื้นของห้องเรียนปรากฎแก่สายตาทันทีที่ขาเรียวสวยก้าวผ่านพ้นประตูบานสวยเข้ามาภายใน เหรินจวิ้นส่งยิ้มให้กับเพื่อนร่วมห้องไปตลอดทางอย่างน่ารักจนในที่สุดก็เดินมาถึงตัวเพื่อนสนิททั้งสองคนที่นั่งเล่นเกมส์อย่างเมามันจนหัวแทบจะจุ่มกันอยู่โดยมีประธานนักเรียนคนหล่อนั่งเฝ้าแจมินด้วยรอยยิ้ม -- คู่นี้น่ะหลังจากที่เคลียร์กันแล้วก็น่ารักมากเสียจนเขานึกอิจฉา เหรินจวิ้นก็ลุ้นอยู่ทุกวันว่าเมื่อไหร่ถึงจะคบกันสักที แต่ถึงยังไม่คบก็เหมือนคบกันแล้วล่ะตอนนี้
"อะแฮ่ม สวัสดีครับ" สามชีวิตที่ไม่รับรู้สิ่งต่างๆรอบตัวชะงักเล็กน้อยหลังจากที่เสียงหวานดังขึ้น เป็นแจมินที่ตั้งสติได้ก่อน คนหน้าหวานกระถดตัวไปข้างๆเพื่อให้มีที่ว่างพอที่เพื่อนตัวเล็กจะนั่งได้ก่อนเหรินจวิ้นจะทิ้งกายลงไปตรงนั้นอย่างรู้หน้าที่
"ไม่สบายเป็นอะไรมากหรือเปล่าเนี่ย หายดีแล้วหรือไงถึงมาเรียน" แจมินกดปิดหน้าจอวางสมาร์ทโฟนลงบนโต๊ะทั้งๆที่เกมส์ยังไม่จบ ส่งมือเล็กๆขึ้นมาอังหน้าผากของเพื่อนที่ดูแลมายิ่งกว่าลูกด้วยความเป็นห่วง เหรินจวิ้นระบายยิ้มบาง ส่ายหน้าเบาๆให้กับความเป็นห่วงจนเกินไปของเพื่อน -- แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขารู้สึกดีทุกครั้งที่เพื่อนรักเป็นห่วงแบบนี้
"เราหายแล้วจริงๆ เเข็งแรงมากด้วย เนี่ยไม่เชื่อเดี๋ยวไปวิ่งรอบสนามให้ดูก็ได้"
"เบาหน่อยเปี๊ยก ไม่สบายขึ้นมาอีกรอบไม่ให้ไปเที่ยวซนที่ไหนแล้วนะ" ดงฮยอกเอ่ยขึ้นมาบ้างจนเหรินจวิ้นยู่หน้า คนผิวแทนส่งมือมาขยี้กลุ่มผมนุ่มของคนที่ชอบพูดอะไรเกินตัวอย่างนึกเอ็นดู มินฮยองที่นั่งมองอยู่นานหลุดหัวเราะออกมาเบาๆจนคนตัวเล็กหันไปส่งค้อนวงโตให้อีกคน
"ก็ดื้อตลอด"
"มาร์ค!" โดนงอนอีกคนจนได้สินะ และคนขี้งอนก็ต้องหันไปหาที่พึ่งสุดท้ายแบบแจมินที่นั่งยิ้มขำอยู่
เห้อ -- สุดท้ายก็ต้องหลุดยิ้มออกมาจนได้ เพื่อนๆของเขาน่ารักตลอดเลย โชคดีจริงๆที่ได้เกิดมาเจอกับทุกคน เหรินจวิ้นคิดในใจ
--
ออกมาเจอกันหน่อย ที่เดิม
นั่นเป็นประโยคที่ถูกส่งเข้ามาในแอพพลิเคชันไลน์จาก user ที่ชื่อว่า jn. เหรินจวิ้นกดปิดหน้าจอ ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเช็คเวลาเข้าเรียนก่อนจะพบว่าเหลือเวลาอีกยี่สิบนาทีจึงจะหมดพักเที่ยง หันไปบอกกับแจมินที่นั่งคุยกับมาร์คอยู่ว่าจะออกไปห้องน้ำ ประโยคเดิมๆถูกเอื้อนเอ่ยออกมาจากเพื่อนสนิทว่าจะไปเป็นเพื่อนแต่เหรินจวิ้นก็ปฏิเสธออกไปเหมือนเคย
เคลื่อนกายออกจากห้องไปพร้อมกับหัวใจที่สั่นไหว ก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายเต้นระรัวจนบ้าคลั่ง แค่รู้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับลีเจโน่แบบชัดๆเหรินจวิ้นก็ไม่รู้ว่าควรจะทำตัวยังไง เพราะตั้งแต่ที่เจโน่ไปส่งเขาที่บ้านเมื่อวานเราก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย เมื่อเช้าก็เป็นพี่แจฮยอนที่มาส่ง -- ควรทำตัวยังไงดีนะ เหรินจวิ้นคิด
"อ้าว พี่จวิ้นจะไปไหนครับ" หลุดออกจากความคิดตัวเองเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อ เป็นเฉินเล่อที่เอ่ยทักขึ้นมาตอนที่เราสวนกันตรงทางเดินเชื่อมตึก เหลือบไปมองข้างหลังก็เห็นดงฮยอกเดินถือถุงขนมตามแฟนเด็กมาติดๆ คนตัวเล็กส่งยิ้มก่อนจะตอบว่าไปเข้าห้องน้ำและแยกตัวออกมาปล่อยให้คู่รักเขาได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน
สูดลมหายใจเข้าปอดเเละพรูมันออกมาเมื่อเดินทางมาถึงจุดนัดหมาย มือเล็กถูกส่งผลักบานประตูไม้เก่าเข้าไปก่อนจะพบกับคู่หมั้นตัวสูงที่นัดกันมายืนพิงผนังห้องน้ำอยู่พร้อมกับมวนบุหรี่ในปาก คนตัวเล็กยู่หน้า และเจโน่คงเห็นมันจึงได้จัดการทิ้งแท่งนิโคตินลงกับพื้นแล้วใช้เท้าที่หุ้มไปด้วยรองเท้าผ้าใบเหยียบมันจดมอดดับ
"สูบบุหรี่อีกแล้ว" เหรินจวิ้นว่า เจโน่ยิ้มก่อนจะเคลื่อนกายเข้ามาใกล้
"มันไม่ได้เลิกง่ายๆ" เข้าใจ แต่ก็เป็นห่วง เหรินจวิ้นอยากพูดออกไปแบบนี้เสียจริง
"ไม่อยากให้สูบแล้ว" เอ่ยพูดเสียงอู้อี้ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตากับคนสูงกว่าตรงๆ "เป็นห่วง"
"อยากจูบ" เสียงทุ้มเอ่ยออกมาหลังจากที่ยิ้มให้กับประโยคเป็นห่วงของคนตัวเล็ก เหรินจวิ้นหน้าแดงไม่คิดว่าอีกคนจะพูดตรงขนาดนี้ยิ่งทำให้เจโน่ได้ใจ
เคลื่อนกายเข้าใกล้ จับคนตัวเล็กกว่าหมุนแล้วดันจนแผ่นหลังบางชิดกำแพง จู่โจมทาบทับโดยที่อีกคนไม่ทันได้ตั้งตัว เหรินจวิ้นหลับตาพริ้ม เอียงคอรับสัมผัสดุดันแต่ทว่าอ่อนโยนนั้น มือเล็กทั้งสองข้างเกาะลงบนไหล่กว้างอย่างหาที่ยึดเหนี่ยว เสียงเฉอะแฉะของน้ำลายดังลั่นไปทั่วห้องสุขาที่ไร้ผู้คนก่อนที่ทุกอย่างจะถูกขัดลงด้วยฝีมือของใครบางคน
"ขอโทษทีที่มาขัดจังหวะ ไม่คิดว่าจะมีคนอยู่" เสียงหวานติดแหบของคนที่เจโน่รู้จักดีเอ่ยขึ้น จองอูห้องเอที่เป็นลูกพี่ลูกน้องกับพี่ชายคนสนิทของเขายืนพิงประตูโดยไม่กลัวว่ามันจะเลอะสนิมพลางสิ่งยิ้มล้อเลียนมาให้ เหรินจวิ้นซุกหน้าลงกับแผ่นหลังกว้างของเจโน่อย่างเขินอายจนคนโดนซุกแอบลอบยิ้ม
"ตามสบายแล้วกัน แต่ว่าเบามือหน่อยนะเพื่อน คู่หมั้นนายตัวเล็กนิดเดียวเอง" ยิ่งได้ยินยิ่งเบียดกายเข้าใกล้ ใบหน้าร้อนผ่าวด้วยความเขินอายจนอยากที่จะแทรกแผ่นดินหนี เจโน่หันมายกยิ้มให้เพื่อนก่อนจะยักคิ้วให้เป็นเชิงบอกว่าทำดีแล้ว จองอูหัวเราะ "มีไฟแช็คป่ะ"
เจโน่ล้วงของที่อีกคนต้องการออกจากกระเป๋ากางเกง โยนมันให้เพื่อนร่วมชั้นและคนรับก็รับมันได้อย่างแม่นยำ มือหนายกขึ้นโบกไล่อีกคนกรายๆจนจองอูยกยิ้มแล้วเดินออกไป
"ขนาดนี้ก็สิงเลยมั้ยล่ะ"
"ฮื่อ อย่าล้อ" ได้ยินแค่นั้นเจโน่ก็พลิกตัวหันกลับมากอดอีกคนเอาไว้จนจมอกพลางก้มลงสูดความหอมของกลุ่มผมนุ่ม เหรินจวิ้นเงยหน้า ดวงตาสองคู่ประสานกันอีกครั้ง ระยะห่างระหว่างใบหน้าเริ่มเลือนหาย เกือบไม่มีช่องว่างให้หายใจแต่ทุกอย่างก็ต้องจบลง -- ด้วยเสียงออดเข้าเรียนที่บ่งบอกถึงการเริ่มต้นของคาบเรียนในตอนบ่าย
เจโน่หัวเสียแต่ก็ต้องยอมปล่อยอีกคนให้เป็นอิสระ
"เย็นนี้รออยู่ที่ห้อง เดี๋ยวไปรับ"
"อื้อ เราจะรอนะ"
บ้าเอ๊ย -- หยุดสั่นสักทีได้ไหมหัวใจ
--
ไม่เคยได้ยินเสียงไหนที่ขัดขวางความสุขของเขาได้เท่ากับเสียงออดเข้าเรียนมาก่อนเลย -- มินฮยองคิดในใจ
ใบหน้าสมบูรณ์แบบของประธานนักเรียนงอลงอย่างเห็นได้ชัดทันทีที่คนข้างกายเอ่ยไล่ให้เขาไปเข้าเรียนได้แล้ว แจมินหลุดหัวเราะ ท่าทางของอีกคนตอนนี้มันเหมือนเด็กที่งอแงตอนโดนพ่อแม่ขัดใจอย่างไรอย่างนั้น
"ไปเรียนได้แล้วมาร์ค"
"ไม่อยากไป" ประโยคที่ถ้าหากว่าใครมาได้ยินคงจะไม่เชื่อแน่ว่าคนเอ่ยคือประธานนักเรียนหลุดออกมา มินฮยองทิ้งหัวลงกับตักนุ่มของอีกคนอย่างออดอ้อนจนเพื่อนในห้องบีที่เห็นเหตุการณ์พากันเอ่ยแซว
"งอแงจัง ลุกได้แล้วอายเขา"
"อายหรือเขินเอาดีๆ" คนดื้อไม่ยอมลุก ยังคงนอนหนุนตักของคนตัวบางอยู่แบบนั้นพลางมองใบหน้าหวานที่กำลังขึ้นริ้วแดงไปด้วยอย่างอารมณ์ดี แจมินหลบตา ดีดนิ้วลงบนหน้าผากกว้างอย่างหมั่นไส้จนมินฮยองร้องโอดโอย -- มือหนักจริง
"ไปเรียน"
"ไปก็ได้" คนโดนสั่งหยัดกายลุกขึ้น รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ถูกแต่งแต้มลงบนใบหน้าคม "แต่หอมแก้มก่อน"
"จะบ้าหรอ" แจมินมองคนที่ทำแก้มพองลมตาขวาง อีกคนยื่นแก้มเข้ามาใกล้เรื่อยๆจนเพื่อนในห้องเอ่ยเเซวหนักขึ้น มือเล็กส่งแรงไปที่แก้มขาวแบบไม่แรงและไม่เบานักด้วยความหมั่นไส้อย่างถึงที่สุดจนคนตัวสูงต้องยกมือขึ้นมาลูบแก้มตัวเองป้อยๆ
"ใจร้าย" คนฟังยิ้มขำ ท่าทางแสนงอนนั่นถูกแสดงออกมาโดยผู้ชายตัวโตอายุสิบแปดย่างสิบเก้าปีที่มีดีกรีเป็นถึงประธานนักเรียน ดูไปแล้วก็น่าตลก -- แต่ก็น่ารักดี
"ตรงนี้ไม่ได้" แจมินเอ่ยบอกเหตุผลออกไป ถ้าหอมแก้มกันตรงนี้มีหวังโดนเพื่อนเเซวยันลูกบวชแน่ "เลิกเรียนค่อยว่ากัน"
และเพียงแค่นั้นก็ทำให้คนเจ้าเล่ห์เผยยิ้มกว้างออกมาอย่างถูกใจได้ไม่ยากเลยทีเดียว
"จะรอนะครับ"
ให้ตายเถอะ -- แทบรอให้ถึงเวลาเลิกเรียนไม่ไหวซะแล้วสิ
70%
"โอ๊ย" เสียงหวานหวีดร้องพร้อมกับร่างทั้งร่างที่ล้มลงไปกองกับพื้น หญิงสาวกำมือแน่นตวัดหางตามองเรียวขาขาวของเพื่อนร่วมห้องที่ถูกยื่นออกมาขัดทำให้ตนต้องล้มอย่างโกรธแค้น
"มองทำไมหรอนายอน หน้าฉันเหมือนแม่เธอหรือไง" เสียงหัวเราะของคนอื่นๆในห้องดังลั่นทั่วโสตประสาททันทีที่อดีตเพื่อนสนิทของเธออย่างเจนนี่พูดจบ หญิงสาวหยัดกายลุกขึ้นทรงตัวยืนจนอยู่ ดวงตาเรียวกวาดมองไปรอบๆอย่างแค้นเคือง สายตาเหยียดหยามพร้อมคำพูดดูถูกถากถางทำให้เธอต้องกำมือแน่นขึ้นมาอีกครั้ง
ข่าวที่เจโน่เลิกกับเธอดังไปทั่วโรงเรียนภายในคืนเดียวอย่างไม่อยากจะเชื่อ ไม่รู้ว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวแต่เรื่องนี้ต้องมีคนรับผิดชอบ
"โกรธเราหรอ เราขอโทษนะไม่ได้ตั้งใจขัดขาให้เธอล้มจริงๆ" ยิ่งอีกคนพูดเหมือนยิ่งสร้างความโมโหให้คนถูกกระทำ นายอนพุ่งตัวเพื่อหวังเข้าไปทำร้ายร่างกายคุณหนูตระกูลคิมแต่ก็ถูกเพื่อนคนอื่นในกลุ่มล็อกแขนเอาไว้ก่อน
"พวกแกปล่อยฉัน!"
"ทำไม จะตบหรอ" เจนนี่ลุกขึ้นยืน ก้าวเท้าย่างกายเข้ามาหาเพื่อนเก่าอย่างช้าๆ ยกยิ้มเหยียดขึ้นที่มุมปาก มองอดีตเพื่อนรักที่จ้องหน้าเธอไม่วางตาด้วยสีหน้าคาดเดาไม่ออก "งั้นลองโดนก่อนเลยนะ"
เจนนี่เงื้อมือขึ้นเตรียมฟาดลงบนใบหน้าของนายอนสุดแรงโดยมีเสียงเชียร์จากเพื่อนๆรอบข้าง แต่มือเล็กก็ถูกรั้งเอาไว้ด้วยมือของคนที่สูงกว่าหลายเซน
"มาร์ค แกมาห้ามฉันทำไม" หญิงสาวเอ่ยออกมาด้วยความไม่เข้าใจ
"อย่าทำแบบนี้เลย ปล่อยนายอนเถอะ"
"แต่แกก็รู้ว่านังนี่มันทำอะไรไว้บ้าง" เอ่ยออกมาด้วยแรงอารมณ์ เธอรอมานานเหลือเกินวันที่จะได้เอาคืนคนอวดดีแบบนายอน
"แต่แค้นกันไปแค้นกันมาก็ไม่มีอะไรดีขึ้นหรอกนะ" เจนนี่ร้องเหอะ ตวัดตามองคนที่เธอเกลียดชังอีกครั้งอย่างชั่งใจก่อนจะหันมามองหน้าเพื่อนร่วมห้องที่สนิทกันในระดับหนึ่ง มินฮยองพยักหน้าให้น้อยๆจนคนที่จับตัวนายอนอยู่ปล่อยมือออก "ปล่อยเขาไปตามทางของตัวเองเถอะ อย่าไปยุ่งเลย คิดซะว่าก็เพื่อนร่วมห้องคนนึง"
"ก็ได้ แต่แกก็อย่าหวังเลยว่าจะมีเพื่อน คนแบบแกอยู่แบบโดดเดี่ยวไปตลอดชีวิตก็เหมาะสมดีแล้ว เหอะ" ความทรงจำมากมายไหลหลาก ภาพที่เธอบอกกับนายอนว่าชอบเจโน่ ภาพที่นายอนบอกกับเธอว่าเจโน่เหมาะสมกับเธอ ภาพที่นายอนคบกับเจโน่ และภาพที่ผู้หญิงร้ายกาจคนนั้นส่งรอยยิ้มเหยียดมาให้เธอในขณะที่เดินอยู่ข้างเจโน่ยังทำให้เจนนี่จดจำได้ไม่ลืม -- เพื่อนทรยศ คนที่ทำให้เธอเจ็บแสบมากที่สุดเท่าที่เคยเป็นมา หยิ่งยโสเพราะมีเจโน่คอยหนุนหลัง ต่อจากนี้ก็อย่าหวังเลยว่าจะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้อีก
"ไปเหอะพวกเรา เสนียดติด" กลุ่มคนกระจายตัวออกไปทุกทิศทุกทาง กลับเข้าไปนั่งที่ตนเองในห้องเรียนเหลือเพียงสองชีวิตที่ยังคงยืนนิ่ง
"มาช่วยทำไม" นายอนถาม มินฮยองที่กำลังหันหลังเพื่อเดินกลับโต๊ะหยุดชะงัก
"ฉันไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำอะไรถึงขนาดจะเห็นเพื่อนร่วมห้องโดนรุมตบได้หรอกนะ อีกอย่างฉันเป็นประธานนักเรียน หน้าที่ดูแลความสงบของโรงเรียนมันก็ต้องมีอยู่แล้ว" มินฮยองเอ่ยตอบออกไป หญิงสาวร้องเหอะเบาๆในลำคอ ยกมือขึ้นเสยผมที่หลุดออกมาเล็กน้อยไปทัดหู
"อย่ามาทำดีกับฉัน ต่อให้พวกแกทำดีขนาดไหนถึงยังไงฮวังเหรินจวิ้นมันก็ต้องชดใช้ที่ทำให้ชีวิตฉันเป็นแบบนี้!"
"เลิกโทษคนอื่นสักที" คนตัวสูงเอ่ยออกมาอย่างเหลืออด "แล้วก็จำไว้ด้วยนะว่าถ้าเธอแตะต้องเหรินจวิ้นแม้แต่ปลายเล็บ เธอจะไม่มีที่ยืนอยู่บนโลกนี้แน่ คอยดู"
"ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกัน" ว่าฮวังเหรินจวิ้นที่มีคนคอยดูแลมากมายมันจะอยู่รอดปลอดภัยไปได้สักกี่วัน "งั้นเรามารอดูกันมั้ย"
--
"ยัยนั่นพูดงั้นจริงดิ"
มินฮยองพยักหน้า ตอบรับข้อสงสัยของคนตัวเล็กได้เป็นอย่างดี แจมินอารมณ์เดือดดาล อยากลุกออกไปตามหาตัวผู้หญิงคนนั้นมาตบสั่งสอนให้หลาบจำแต่ก็ทำไม่ได้ สิ่งที่มินฮยองเล่าให้ฟังมันเกินไป เหรินจวิ้นไม่ควรถูกพูดถึงและปองร้ายจากคนแบบนั้น -- อย่าให้เจอตัวนะ แม่จะตบให้เลิกโทษคนอื่นเลย
"อย่าไปถือสาเลย ยังไงก็ผู้หญิง"
"จังหวะนี้ผู้หญิงก็ไม่สนแล้วโว้ย" บังอาจมากนักที่มาพูดจาแบบนั้นถึงเพื่อนของเขา ตอนนี้ต่อให้เป็นผู้หญิงที่คนอื่นบอกว่าเป็นเพศแม่แจมินก็ไม่สนใจแล้ว -- สงสารลูกในอนาคตที่ต้องมีแม่แบบนี้จริงๆ
"เอาน่า ใจเย็นๆก่อน" มินฮยองเอ่ยบอกพลางลูบแขนคนหัวร้อนที่นั่งฝั่งตรงข้ามให้ใจเย็นลง รู้ว่าแจมินห่วงเพื่อนมากซึ่งเขาเองก็ห่วงเหรินจวิ้นไม่ต่างกันแต่มันก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่เหรินจวิ้นจะถูกทำร้าย "นายอนก็พูดไปงั้นแหละ เธอเป็นแค่เด็กทุนนะจะมาทำอะไรเหรินจวิ้นได้"
"ก็จริง" คิดตามคำพูดของประธานนักเรียนแล้วก็เอ่ยออกมา พ่อแม่เหรินจวิ้นก็ไม่ใช่เล่น ไหนจะพ่อแม่เขากับดงฮยอก ไม่นับรวมครอบครัวของเจโน่อีก
"เพราะฉะนั้นเลิกกังวลได้แล้ว ยังไงพวกเราก็ดูแลเหรินจวิ้นตลอด ใครจะมาทำอะไรได้"
"ก็ลองทำสิ แม่จะจับยัดถังขยะเลย" มินฮยองหลุดหัวเราะ ท่าทางมุ่งมั่นเกินตัวของแจมินทำให้อดที่จะยื่นมือไปบีบแก้มเล็กๆนั่นเล่นไม่ได้ คนโดนแกล้งมองตาขวางก่อนจะฟาดมือลงมาที่เเขนของเขาอย่างแรงพร้อมด้วยสายตาเกรี้ยวกราดจนมินฮยองต้องยอมแพ้ -- ตัวแค่เนี้ยดุจัง
"แล้วไหนสัญญาเมื่อตอนเที่ยงอะ" เขาคิดว่าการเปลี่ยนเรื่องคงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในตอนนี้ และประเด็นใหม่ที่เลือกมาพูดก็เป็นผลประโยชน์ของตัวเขาเองซะด้วยสิ
"สัญญาอะไร"
"ก็.." คนตัวสูงหยุดพูดพลางยกยิ้มออกมา ยกนิ้วชี้ไปที่แก้มของตัวเองอย่างสื่อความหมาย แจมินส่งยิ้มหวานมาให้ซึ่งมันทำให้เขาใจชื้น
"กลับไปหอมไอ้ด่างที่บ้านนะ อารมณ์ไม่ดี"
มัมครับ -- มาร์คทำอะไรผิด
--
"เจโน่จะพาเราไปไหนหรอ" เสียงเล็กเอ่ยถาม ทอดมองภาพทิวทัศน์ที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆด้วยความแปลกใจ ตึกรามบ้านช่องอันเเสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองของเมืองหลวงเริ่มน้อยลงและถูกแทนที่เข้ามาด้วยต้นไม้ ทุ่งหญ้าเขียวขจีกับแสงสีส้มของพระอาทิตย์ยามใกล้ตกดินหล่อหลอมให้ธรรมชาติดูเป็นภาพที่สวยงามจนยากจะละสายตา เจโน่มองคนที่สนใจนอกกระจกรถอย่างน่ารักจนเผลอยิ้มตามออกมา
"เดี๋ยวก็รู้" เหรินจวิ้นขมวดคิ้ว เหลือบมองเสี้ยวหน้าคมของเจโน่ที่กำลังตั้งใจขับรถด้วยความสงสัย เป็นเวลาเดียวกันกับที่อีกคนหันมาพอดีมันเลยกลายเป็นว่าตอนนี้เราทั้งสองคนสบตากันอยู่ ราวกับดวงตาคู่นั้นมีแรงดึงดูดมหาศาลที่ไม่สามารถต้านทานได้เหรินจวิ้นจึงได้จ้องมันอยู่แบบนั้นอย่างหลงไหล เจโน่กระตุกยิ้มก่อนจะหันไปสนใจกับถนนข้างหน้าต่อ และในตอนนั้นคนตัวเล็กก็รู้สึกตัว -- น่าอายจริงๆเลยเหรินจวิ้น
ความรู้สึกอบอุ่นที่ฝ่ามือทำให้ต้องก้มมองอย่างเลี่ยงไม่ได้ หัวใจดวงน้อยสั่นไหวราวกับโดนคลื่นยักษ์ซัดสาดเข้ามากระทบ เจโน่ยังคงนั่งนิ่งและมองตรงไปข้างหน้าเหมือนเดิมแต่สิ่งที่ผิดปกติไปคือมือหนาข้างหนึ่งที่ถูกปล่อยออกจากพวงมาลัย มันเอื้อมมากอบกุมมือที่ขนาดเล็กกว่าของคนข้างๆเอาไว้อย่างถือวิสาสะ ก้านนิ้วยาวทั้งห้าสอดประสานเข้ากับอวัยวะแบบเดียวกับอีกคนแล้วกุมมันเอาไว้พลางบีบเบาๆ
เหรินจวิ้นเบนสายตาออกไปด้านนอกเพื่อซ่อนใบหน้าที่แดงซ่านของตัวเอง หัวใจเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ -- รู้สึกอบอุ่นเหลือเกิน ยามที่มือข้างนั้นกอบกุมมือเขาไว้แบบนี้ เห็นแบบนั้นคนต้นเหตุก็ได้แต่แอบยิ้มอยู่กับตัวเองคนเดียว
ทุกอย่างมันกำลังจะดีขึ้น -- เจโน่คิดว่าแบบนั้น
บรรยากาศวังเวงพิกลทำให้ความกลัวเริ่มเข้าครอบคลุมจิตใจ สีท้องฟ้าเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีของดวงอาทิตย์ยามอัสดง เนินหญ้าเขียวขจีที่บัดนี้เริ่มถูกความมืดกลืนกินรวมกับป้ายหินอ่อนตามรายทางยิ่งทำให้สถานที่แห่งนี้น่าพะวงมากขึ้นไปอีก
แล้วลีเจโน่คิดอะไรอยู่ถึงได้พาเขามาที่สุสานตอนใกล้ค่ำเต็มทีแบบนี้
"เจโน่.." เสียงเล็กร้องเรียกคนที่เดินนำหน้า เจโน่หยุดเดิน หันมองคนขี้กลัวที่ตัวสั่นแล้วก็ยกยิ้ม มือหนาถูกยื่นออกไปคว้ามือของคนตัวเล็กกว่ามาจับไว้อีกครั้ง "ไม่ต้องกลัว โน่อยู่ตรงนี้ ไม่มีใครทำอะไรจวิ้นได้หรอก"
สรรพนามที่ถูกแปรเปลี่ยนทำให้เหรินจวิ้นกลั้นยิ้มไว้ไม่อยู่ แค่เพียงประโยคเดียวจากคนตรงหน้าก็ทำให้ความหวาดกลัวมลายหายไปจนสิ้น เท้าสองคู่ต่างขนาดที่ถูกหุ้มด้วยรองเท้าผ้าใบตามยูนิฟอร์มเดียวกันแต่คนละไซส์เหยียบย่ำลงไปบนพื้นดินที่ปกคลุมด้วยหญ้าพร้อมๆกันอย่างอุ่นใจ -- แค่มีเจโน่ เหรินจวิ้นก็ไม่กลัวอะไรแล้ว
แท่งหินประดับหลุมศพปรากฎตรงหน้าทันทีที่เจโน่หยุดเดิน อักษรสลักลายสวยที่ถูกเขียนไว้บ่งบอกว่าเจ้าของหลุมศพแห่งนี้คือใครทำให้เจโน่ระบายยิ้มออกมา เหรินจวิ้นมองตามสายตาคม ดวงตาเล็กเพ่งมองผ่านความมืดอ่านตัวอักษรที่ถูกแกะสลักไว้แล้วก็ร้องอ๋อในใจ
ลี ทงเฮ
"พ่อครับ ผมมาหาแล้วนะ" เสียงทุ้มเอ่ยบอกผู้เป็นบิดาหลังจากที่นั่งคุกเข่าลงแล้วจนเหรินจวิ้นต้องนั่งตาม คนตัวเล็กมองใบหน้าที่ราวกับรูปปั้นของคู่หมั้นตัวสูงแล้วก็พบกับรอยยิ้มแสนสวยงามยามที่อีกคนทอดมองหลุมศพผู้เป็นพ่อ -- จนอดที่จะยิ้มตามไม่ได้เลย
"พ่อสบายดีมั้ย ผมขอโทษนะครับที่ไม่ค่อยได้มาหาเลย" น่ารัก -- คำๆนี้วนเวียนอยู่ในหัวของเหรินจวิ้นเต็มไปหมด ดูเหมือนเจโน่จะรักพ่อของตนมากและเขาก็คิดว่าอีกคนตอนอยู่กับพ่อจะต้องน่ารักมากแน่ๆ
"วันนี้ผมพาคนมาให้พ่อเจอด้วย" สิ้นประโยคใบหน้าคมนั่นก็หันมามองคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ด้านข้างอย่างสื่อความหมาย ก่อนที่ใบหน้านั้นจะหันกลับไปบอกกับพ่อของตนเองด้วยประโยคธรรมดาที่มีผลต่ออัตราการเต้นของหัวใจดวงน้อยอย่างล้นหลาม "ว่าที่ลูกสะใภ้พ่อครับ"
สายลมพัดผ่านร่างสองร่างไปราวกับรับรู้คำบอกกล่าวของลูกชายสุดที่รัก เจโน่ระบายยิ้มออกมาอีกครั้งพร้อมๆกับเหรินจวิ้นที่เผยยิ้มออกมาอย่างมีความสุข
ขอบคุณนะเจโน่ -- ขอบคุณจริงๆ
"เจโน่ดูรักพ่อมากเลยเนอะ" เหรินจวิ้นพูดขึ้นมาฝ่าความเงียบที่โรยตัวอยู่โดยรอบ เจโน่พยักหน้าตอบรับในขณะที่ขายาวก็ยังคงก้าวเดินอย่างเชื่องช้าเพื่อรักษาระดับให้อยู่เคียงข้างกับคนตัวเล็ก
"รักสิ มีใครไม่รักพ่อบ้าง"
"นั่นสิ เราก็ถามอะไรโง่ๆ" ได้แต่ยิ้มแห้งส่งไปยามที่รู้ตัวว่าถามอะไรที่ไม่ควรจะถาม เจโน่หลุดหัวเราะเบาๆออกมากับท่าทางนั้น
"ก็ตั้งแต่จำความได้โน่ก็สนิทกับพ่อที่สุด และตั้งแต่ห้าปีก่อนที่พ่อรถชนโน่ก็เหลือแค่แม่ที่เป็นทุกอย่าง" เสียงทุ้มเอ่ยออกมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยเหมือนระบายกับลมฟ้าอากาศ เหรินจวิ้นเงียบฟังอย่างตั้งใจโดยที่ไม่พูดขัดอะไรออกไป -- เหมือนเจโน่ยอมให้เขาไ้ด้รู้จักกับเจ้าตัวมากขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง
"แม่ต้องเข้าไปดูแลบริษัทและทุกอย่างแทนพ่อ โน่รู้ว่าแม่รักโน่มาก แม่ทำทุกอย่างเพื่อโน่ แต่สิ่งที่โน่ต้องการก็คือเวลา เวลาของครอบครัวที่มันหายไปตั้งแต่พ่อตาย"
"..."
"แต่ตอนนี้มันดีขึ้นมากแล้วล่ะ แม่มีเวลาให้โน่มากขึ้นเพราะมีคุณอามาช่วยงาน แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ คงเป็นเพราะเวลาหลายปีที่ผ่านมามันเลยทำให้เราไม่สนิทกันเหมือนเดิม"
ความในใจของลีเจโน่ในวัยสิบแปดปีถูกระบายออกมาให้กับคนข้างกายได้ฟัง เหรินจวิ้นยกมือขึ้นลูบแขนคนตัวสูงเบาๆอย่างปลอบประโลม -- จริงๆแล้วลีเจโน่ก็เป็นเพียงแค่เด็กผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งที่เปราะบางเกินกว่าที่ใครจะสามารถรับรู้ได้จากตาเปล่า และวันนี้เหรินจวิ้นก็รับรู้ทุกอย่างแล้ว
"เรายังอยู่ข้างโน่เสมอนะ"
เหรินจวิ้นจะคอยอยู่เคียงข้างเจโน่ไปเสมอแม้ในวันที่เจโน่จะไม่ต้องการเขาแล้วก็ตาม -- แบบที่เป็นมาตลอด
100%
tbc.
จะบอกว่าใกล้จบแล้วนะคะอีกไม่กี่ตอนเท่านั้น แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่ากี่ตอน เอ้าย้อนแย้ง555555 ขอบคุณทุกคนที่ยังติดตามกันอยู่น้า
แล้วก็ช่วยโหวตหน่อยค้าบ
noren vs jamren
ไม่บอกหรอกเรื่องไหน แต่ช่วยเม้นโหวตหน่อยนะคะ5555 ily
ยังยืนยันว่าแม่น้องจวิ้นสเเตนด์บาย!
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
รักมากๆๆๆๆ
Noren ค่าาา
โน่เหรินตลอดกาลค่ะ คู่นี้น่ารักที่สุดแล้ว
พร้อมค่ะ!แสตนบายเรียบร้อยเตรียมพร้อมแล้ว(((((พร้อมจัดการนังนายอน)))))//ไม่รู้เรื่องไหนแต่norenค่ะ!555+