คุณเคยรู้สึกเหมือนจมน้ำไหม มันอึดอัดมันหายใจไม่ออกใช่หรือเปล่า มันรู้สึกเหมือนจะตายมั้ย -- ถ้าเป็นเเบบนั้นเหรินจวิ้นก็คิดว่าตัวเองเหมือนคนจมน้ำล่ะ
ฟังดูตลกเนอะคนบ้าอะไรจะมาจมน้ำกลางห้องสมุดที่มีเเต่หนังสือเรียงรายเต็มไปหมดเเบบนี้ -- เขาไม่ได้รู้สึกเเบบนั้นเพราะหนังสือพวกนี้สักหน่อย สิ่งที่ทำให้เขารู้สึกเหมือนจมน้ำกลางอากาศก็คงไม่พ้นคนสองคนที่นัวเนียกันในซอกชั้นหนังสือโซนประวัติศาสตร์ที่อยู่ในสุดของห้องสมุดเเละไม่ค่อยมีคนเดินเข้ามานั่นเเหละ
ลีเจโน่กับนายอน
น้ำตาเม็ดเล็กไหลออกมาจากดวงตาคู่กลมตามเเรงโน้มถ่วงของโลกเเละหยดเเหมะลงบนหนังสือประวัติศาสตร์สากลเล่มหนาที่เขากำลังจะเอามาคืนอย่างไม่สามารถห้ามได้ ทั้งๆที่พยายามเเล้วเเท้ๆ เเต่น้ำตาเเค่นี้มันเทียบไม่ได้กับความเจ็บปวดในจิตใจของเขาตอนนี้หรอกนะ
ได้เเต่โทษตัวเองอยู่ในใจที่ดันชอบอะไรที่ไม่เหมือนชาวบ้าน ประวัติศาสตร์เป็นวิชาที่น่าเบื่อเพื่อนๆหลายคนเคยบอกกับเขาเเบบนั้น เรียนทีไรก็ง่วงตลอด ชั้นหนังสือโซนประวัติศาสตร์จึงเป็นชั้นที่ถูกตั้งไว้ด้านในสุดเพราะไม่ค่อยมีคนสนใจ มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่จะชอบจริงๆ ซึ่งเหรินจวิ้นก็คือหนึ่งในนั้น
มือเล็กถูกยกขึ้นมาปิดปากของตัวเองเพื่อกลั้นเสียงสะอื้นที่อาจจะดังเล็ดรอดออกไปจนทั้งสองคนรู้ตัวได้ว่ามีเขาที่ยืนอยู่ตรงนี้ ขาเรียวก้าวถอยหลังอย่างช้าๆราวกับหมดเรี่ยวเเรง รู้สึกอยากออกไปจากที่ตรงนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ พยายามเดินให้เบาที่สุดเพื่อไม่ให้สองคนนั้นรู้ตัวเเต่ราวกับฟ้าดินกลั่นเเกล้ง
ปึ่ก
เหรินจวิ้นถึงกับตาลุกวาวทันทีที่ตนเองเดินไปชนโต๊ะไม้ตัวเก่าในห้องสมุดจนเกิดเสียงดังขึ้น มันไม่ได้ดังมากจนสามารถทำให้คนทั้งห้องสมุดได้ยินได้ เเต่มันก็ไม่ได้เบาถึงขนาดคนที่อยู่ใกล้ๆจะไม่ได้ยิน ขาเล็กตัดสินใจกึ่งเดินกึ่งวิ่งออกไปจากตรงนั้นให้เร็วที่สุดแม้ว่าจะรู้สึกเจ็บบริเวณขาที่ชนโต๊ะไม่น้อย เเต่เพราะกลัวว่าลีเจโน่จะรู้ตัวเเละออกมาเจอเขาได้จึงทำให้คนตัวเล็กลืมความเจ็บปวดไปชั่วขณะ
ถอนหายใจออกมาทันทีที่สามารถพาร่างตัวเองมาจนถึงหน้าห้องสมุดได้อย่างปลอดภัย นึกขอบคุณโชคชะตาอยู่บ้างที่ทำให้ไม่โดนอีกคนจับได้เเต่มันก็เจ็บหัวใจอยู่ดีนั่นเเหละ
หลังจากวันนั้นที่โรงพยาบาลเมื่ออาทิตย์ก่อน เหรินจวิ้นก็ไม่ได้คุยกับเจโน่อีกเลย แม้อีกคนจะมารับเขาตอนเช้าเหมือนเดิมเเต่เราก็ไม่ได้พูดอะไรกันสักคำ ลีเจโน่ไม่ได้มาหาเรื่องเขาเหมือนเมื่อก่อน ไม่มาสาดถ้อยคำรุนเเรงใส่เขาจนร้องไห้เหมือนที่ชอบทำ หากเเต่วันนี้สิ่งที่เขาเห็นมันกลับเจ็บปวดยิ่งกว่าโดนอีกคนพูดจาดูถูกเหยียดหยามทำร้ายกันเสียอีก -- ถ้าเป็นอย่างนี้เขายอมให้เจโน่พูดจาทำร้ายทุกวันยังได้เลย
--
ร่างเล็กที่อยู่ในชุดพละสีเเดงเลือดหมูกับกางเกงวอมสีดำเเถบเเดงกำลังมองหาเพื่อนสนิทของตนทั้งสองคนที่อยู่ภายในโรงยิมทันทีที่ตนเปลี่ยนชุดเสร็จ เเจมินกับดงฮยอกล่วงหน้ามาที่โรงยิมก่อนเพราะว่าเขากลับมาจากห้องสมุดช้ากว่าวันอื่นๆ เเต่วันนี้การหาใครสักคนในคาบพละดูจะลำบากขึ้นไปหลายเท่าเพราะว่าวันนี้คุณครูให้พวกเราเรียนพละรวมกันทั้ง4ห้องคือห้องเอ บี ซีเเละดี
"จวิ้น ทางนี้" หันไปตามเสียงเรียกชื่อของตนที่ดังขึ้นก็พบว่าเป็นดงฮยอกนั่นเองที่โบกมือให้กับเขาพร้อมกับเเจมินที่นั่งอยู่ข้างๆกันบนเเสตนด์เชียร์เพื่อรอคุณครูเข้าสอน ไม่รอช้าที่จะเดินเข้าไปหาเพื่อนทั้งสองคนเเล้วนั่งลงข้างกับเเจมินทันที เหรินจวิ้นนั่งฟังดงฮยอกกับเเจมินที่นั่งเถียงกันเรื่องเกมส์อยู่เงียบๆโดยไม่ได้พูดอะไรออกมา อารมณ์ของเขาในตอนนี้ยังไม่ค่อยเข้าที่นักหลังจากที่เจอเรื่องทำร้ายจิตใจเเบบนั้น พูดว่าตอนนี้อารมณ์เเละความรู้สึกของเขาเหมือนดิ่งลงเหวเลยก็ได้ -- ไม่โอเคจริงๆ
ดวงหน้าหวานเเกล้งทำเป็นมองสำรวจไปทางอื่นเพื่อหลบเลี่ยงจากสายตาของเพื่อนทั้งสองคน เขากลัวว่าถ้าเเจมินกับดงฮยอกหันมาอาจจะเห็นน้ำสีใสที่คลอที่หน่วยตาของเขาได้ พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นร่างสูงสมส่วนกำยำที่อยู่ในชุดพละยูนิฟอร์มเเบบเดียวกับเขาเเละคนอื่นๆเดินเข้ามาในโรงยิม ผิวขาวๆกับมัดกล้ามที่โผล่พ้นเเขนเสื้อออกมาทำให้พวกผู้หญิงที่อยู่รอบๆเเอบกรี๊ดกันเบาๆ ใบหน้าหล่อเหลาสมบูรณ์เเบบที่แม้จะนิ่งเรียบเเทบจะตลอดเวลาเเต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าอีกคนนั้นดูน่ามองเเค่ไหน มองๆไปเเล้วก็เหมือนกับรูปปั้นที่เทพเจ้าประทานมา -- คนเราจะหล่อเเบบไม่เเบ่งปันคนอื่นเเบบนี้กันเลยหรือไง
การปรากฎตัวของอีกคนทำให้เหรินจวิ้นคิดได้ เขาลืมไปได้ยังไงกันนะว่าเขาอยู่ห้องบีเเละลีเจโน่อยู่ห้องซี ยิ่งเห็นหน้าอีกคนเรื่องที่ประสบพบเจอมาในห้องสมุดก็ย้อนเข้ามาฉายในหัวเป็นฉากๆจนรู้สึกเหมือนโดนบีบหัวใจอีกครั้ง -- เเต่ดูเหมือนว่าเหรินจวิ้นจะจ้องอีกคนนานเกินไปหน่อยจนเจโน่รู้สึกได้ ดวงตาคมจ้องมองคนตัวเล็กที่นั่งอยู่บนเเสตนด์เชียร์เเล้วกระตุกยิ้มออกมาจนคนเเอบมองถึงกับสะดุ้ง
ใบหน้าหวานรีบหันไปหาเพื่อนสนิทก่อนจะทำทีเป็นนั่งฟังเพื่อนเถียงเรื่องเกมส์ถึงเเม้ตนเองไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลยก็ตาม เเต่เพื่อหลบเลี่ยงจากสายตาของคนด้านล่างมันก็ยังดี
"จวิ้น"
"อ้าวมาร์ค" เอ่ยเรียกชื่ออีกคนออกมาเมื่อร่างสูงของประธานนักเรียนทรุดกายลงนั่งข้างตัวเอง ส่งยิ้มไปให้กับคนตัวสูงเป็นการทักทายซึ่งมินฮยองก็ยิ้มตอบกลับมาเช่นกัน
"วันนี้ครูนึกไงก็ไม่รู้เนอะ สอนพวกเราสี่ห้องเลย" มินฮยองเอ่ยออกมาพลางมองหน้าคนตัวเล็กที่นั่งอยู่ข้างๆไปด้วย เหรินจวิ้นสำหรับเขายังคงน่ารักทุกวันไม่เปลี่ยนเเปลง -- เเต่ทำไมวันนี้อีกคนดูหน้าเศร้าๆกันนะ
"นั่นสิเนอะ" เอ่ยออกมาอย่างเลื่อนลอย ไม่รู้ฟ้าดินจะกลั่นเเกล้งอะไรนักหนา เจอเรื่องทำร้ายจิตใจมากๆมาเเล้วยังต้องมาเรียนรวมกับตัวต้นเหตุอีก -- เจ็บเป็นเหมือนกันนะ
"จวิ้นเป็นอะไรหรือเปล่า"
"เปล่า เราโอเคดี" เสียงหวานเอ่ยบอกพร้อมส่งยิ้มหวานกลับไปให้เพื่อยืนยันว่าตัวเองปกติดี เเม้มันจะต้องฝืนมากในการส่งยิ้มก็เถอะ เขาไม่อยากให้คนอื่นมารับรู้อะไรเเบบนี้ด้วยหรอกนะ -- ความอ่อนเเอของตัวเองน่ะ
มินฮยองรู้ดีว่าอีกคนไม่ปกติ หน้าตาของเหรินจวิ้นยิ้มเเย้มก็จริงเเต่เเววตาของอีกคนมันไม่ได้เป็นอย่างนั้น เเววตาของเหรินจวิ้นมันเศร้าหมองกว่าทุกๆวันอย่างสังเกตได้ เเต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไรออกไปเพราะไม่อยากก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของอีกคน
"จวิ้น ดูไอ้เเฮชดิ!" เสียงของเพื่อนสนิทหน้าหวานที่ดังขึ้นทำให้เหรินจวิ้นหลุดออกจากความคิดของตัวเอง เเจมินที่หันมาทำหน้ามุ่ยใส่เขาพร้อมกับกล่าวพาดพิงถึงเพื่อนสนิทอีกคนที่นั่งอยู่ข้างๆทำให้เขาหลุดหัวเราะออกมา -- ก็มันน่ารักนี่
"อะไรอะ จวิ้นอย่าไปฟังมันนะ มันเเพ้เกมส์เเล้วมาโบ้ย เดี๋ยวเหอะมึง"
"ก็มึงโกงอะ"
"ไม่ได้โกงโว้ย"
"โกง"
"ไม่ได้โกง"
"โกง!" ดงฮยอกเงียบลงไปไม่ได้พูดอะไรขึ้นมาอีกเพราะขี้เกียจเถียง ได้เเต่ส่ายหน้าอย่างปลงๆกับไอ้เพื่อนหน้าหวานนี้ -- มันก็เป็นงี้ทุกทีเวลาเเพ้เกมส์นั่นเเหละเอาจริงๆก็ชินเเล้ว
เมื่อเห็นว่าอีกคนไม่เถียงอะไรออกมาเเจมินก็ฉีกยิ้มกว้างราวกับผู้ชนะเเล้วยักคิ้วจึกๆส่งไปให้เพื่อนสนิทอย่างดงฮยอกที่นั่งทำหน้าเอือมระอาอยู่ เเต่ใครเเคร์กันเล่า การเถียงชนะมันคือศักดิ์ศรีของเขาเลยนะ ตั้งใจจะหันไปบอกกับเหรินจวิ้นเหมือนทุกครั้งเเต่ก็ต้องหายใจสะดุดเมื่อหันไปเจอใครอีกคนที่นั่งอยู่ข้างๆเพื่อนตัวเอง -- แม่ง มาตั้งเเต่เมื่อไหร่วะเนี่ย
มินฮยองอดที่จะยิ้มออกมากับท่าทางของอีกคนไม่ได้ นาเเจมินน่ะเหมือนเด็กไม่มีผิด ได้เเต่ส่งยิ้มไปให้อีกคนเเต่ไม่รู้เหมือนกันว่าเขายิ้มออกไปเเบบไหนคนตัวเล็กถึงได้ส่งค้อนวงโตกลับมาเเบบนี้ -- เเต่ก็น่ารักดี
"ไอ้ห่าโน่เป็นไรของมึงอีกวะเนี่ย" นากาโมโตะยูตะเอ่ยถามออกมาทันทีที่เพื่อนของตนเดินมาถึงบริเวณที่จับจองเอาไว้ ลีเจโน่เหมือนคนที่หงุดหงิดอะไรมาสักอย่างสังเกตได้จากการที่มันทรุดตัวลงนั่งบนอัฒจรรย์ไม้เเบบไม่เบานักนั่นน่ะนะ -- เรียกว่าไม่เบานักก็ไม่ถูก ต้องเรียกว่าเเรงมากจนเขาเเอบกลัวว่าไม้เก่าๆนี้จะหักหรือเปล่า
"เปล่า" เอ่ยออกไปเสียงเรียบซึ่งมันก็ทำให้ยูตะไม่ได้สนใจอะไรเขาอีก นึกไปถึงเรื่องที่เจอเมื่อครู่เเล้วความหงุดหงิดก็ปะทุขึ้นในใจ มันจะใกล้เกินไปมั้ยวะ คู่หมั้นตัวเองก็ยืนหัวโด่อยู่กลางยิมเเต่ตัวเองดันไปคุยกับผู้ชายเเถมยิ้มหวานหยดซะขนาดนั้น -- เเล้วเราจะได้เห็นดีกันฮวังเหรินจวิ้น
--
"อะเดี๋ยวนักเรียนจับคู่กันเลยนะ ห้องไหนก็ได้เเต่มีข้อเเม้ว่าห้ามจับห้องเดียวกัน เสร็จเเล้วก็มารับลูกบาสที่ครูคู่ล่ะหนึ่งลูก เเล้วไปฝึกโยนรับส่งกันก่อน"
หลังจากคุณครูพละคนโปรดของนักเรียนเกือบทั้งโรงเรียนพูดจบ เสียงจ้อกเเจ้กจอเเจของนักเรียนมัธยมปลายปีสามทั้งสี่ห้องก็ดังขึ้น หลายๆคนรีบจับคู่กับเพื่อนสนิทตนเองที่อยู่คนละห้อง เหรินจวิ้นหันมองไปทางดงฮยอกที่ถูกจีซองห้องหนึ่งลากไปเเล้วก็ได้เเต่มองตามตาละห้อย หันไปเจอกับเเจมินที่กำลังหาคู่อยู่เหมือนกับตนเองเเล้วก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ -- คนไม่มีเพื่อนสนิทห้องอื่นเเบบเขากับเเจมินจะทำไงล่ะทีนี้ ไม่ได้เฟรนด์ลี่เหมือนดงฮยอกสักหน่อย
"อ๊ะ.."
"คู่กับฉัน" ดวงหน้าหวานเเสดงออกถึงความตกใจปนไม่เข้าใจอย่างชัดเจนเมื่อข้อมือเล็กถูกอีกคนดึงเข้าไปใกล้ ลีเจโน่พูดเพียงเเค่นั้นก่อนจะจูงอีกคนไปรับลูกบาสเกตบอลที่คุณครูหนุ่มทันทีอย่างไม่ให้เหรินจวิ้นได้เอ่ยถามอะไร
"อ.. เอ่อ เจโน่ คือ"
"ไม่ต้องถามอะไรทั้งนั้น บอกให้คู่กับฉันก็คู่ไปเถอะ อย่าเรื่องมาก" คนตัวเล็กถึงกับหุบปากฉับทันทีที่ได้ยินอีกคนพูดออกมาเเบบนั้น ไม่กล้าพูดอะไรออกไปอีกเพราะกลัวว่าจะทำให้คนตรงหน้าโมโห
เจโน่เเอบยิ้มออกมาอย่างนึกขำกับอีกคนที่เม้มปากเเน่น จะให้เขาบอกหรือไงว่าที่รีบไปดึงมืออีกคนมาเพราะเห็นไอ้ประธานนักเรียนคนนั้นมันกำลังเดินเข้ามาหาคนตัวเล็กน่ะ ไม่รู้ว่าตัวเองทำไปเพื่ออะไร รู้เเต่ว่าตอนนั้นขามันก็ก้าวออกไปเอง -- ถ้าคิดว่าเขาหวงฮวังเหรินจวิ้นน่ะเลิกคิดได้เลย เขาก็เเค่ไม่อยากให้คู่หมั้นตัวเองไปสนิทกับคนอื่นจนเขาโดนนินทาเท่านั้นเเหละ
"เเล้วก็" เสียงทุ้มเอ่ยออกมาในขณะที่สองขาก็คงก้าวไปหาพื้นที่สำหรับซ้อมบาสไม่หยุด ดวงตาเรียวรีจ้องมองใบหน้าอีกคนจากทางด้านข้างอย่างรอฟังว่าเจโน่จะพูดอะไรต่อจนอีกคนหยุดเดินแล้วหันมาสบตากัน "เเอบดูคนอื่นมันไม่ดีนะฮวังเหรินจวิ้น"
ซวยเเล้วไงเหรินจวิ้น
--
มินฮยองได้เเต่กำหมัดเเน่นระงับอารมณ์โกรธที่กำลังปะทุอยู่ภายใน ลีเจโน่ทำเเบบนี้ไปเพื่ออะไรกันทั้งๆที่มันก็เห็นอยู่ชัดๆว่าเขากำลังจะไปขอคู่กับเหรินจวิ้น จงใจกวนประสาทกันชัดๆ พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นคนตัวเล็กอีกคนที่เดินมึนๆอยู่ท่ามกลางฝูงผู้ชายห้องดีที่มีเเต่พวกซ่าๆเเล้วก็ได้เเต่ถอนหายใจออกมา -- ทำตัวอ๊องอีกเเล้วนาเเจมิน
คนตัวเล็กยังคงเดินหาคู่ไปอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวว่าตนเองตกเป็นเป้าสายตาของผู้ชายหลายคนนั้นเเค่ไหน ขายาวตัดสินใจก้าวเดินไปหาคนตัวเล็กเเต่ก็ต้องเร่งความเร็วขึ้นไปอีกเมื่อเห็นว่ามีใครอีกคนที่กำลังเดินมาหาร่างบางเช่นกัน -- ไอ้ลูคัสห้องดี คนที่ขอไลน์เเจมินวันนั้นไง
"เเจมิน มานี่" เฉียดฉิว -- มินฮยองนึกภูมิใจกับความเร็วของตัวเองก็วันนี้ที่ทำให้สามารถมาถึงอีกคนได้เร็วกว่า
"อะไรของนายเนี่ย"
"คู่กัน" เอ่ยบอกเเค่นั้นก่อนจะจูงมือคนตัวเล็กไปรับลูกบาสเกตบอลเเล้วมาฝึกทันทีซึ่งเเจมินก็ได้เเต่เดินตามไปอย่างงงๆ -- ประธานนักเรียนปีนี้นี่ท่าจะบ้า
"รับนะ" คนตัวสูงเอ่ยบอกพร้อมกับโยนลูกกลมๆสีส้มมาให้ด้วยเเรงที่ไม่มากนักทำให้เเจมินรับได้พอดิบพอดีโดยไม่ต้องเจ็บตัว
ทั้งสองคนฝึกโยนกันไปเรื่อยๆเพื่อรอคำสั่งต่อไปจากคุณครู มินฮยองเเอบหันไปมองทางเหรินจวิ้นเป็นระยะๆซึ่งก็ได้ความคุกรุ่นกลับมาในจิตใจทุกครั้ง ภาพลีเจโน่ที่ยืนกระตุกยิ้มพร้อมจ้องไปที่เหรินจวิ้นทำให้เขาเเทบอยากบีบคอไอ้คนตัวขาวนั่นให้เเหลกคามือ เเละความหงุดหงิดมันจะไม่มากขนาดนี่ถ้าหากว่าเหรินจวิ้นไม่ก้มหน้างุดด้วยความเขินอายเเบบนั้น -- ทำไมเหรินจวิ้นต้องไปรักไอ้คนเเบบนั้นด้วยนะเขาไม่เข้าใจ
ปึ่ก
"โอ๊ย" เสียงหวานร้องออกมาเมื่อลูกบาสเกตบอลสีส้มพุ่งเข้าชนหน้าท้องเเบนราบอย่างจังจนเซถอยหลังไปหลายก้าวเเละทรุดลงไปกับพื้นเพราะความจุก น้ำสีใสคลอที่หน่วยตาอย่างห้ามไม่ได้ -- ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเพราะความเจ็บทางกายหรือทางใจกันเเน่ เขารู้ว่าอะไรที่ทำให้มินฮยองโกรธขนาดนี้
"เเจมิน!" ร่างสูงของลูคัสทิ้งลูกบาสเกตบอลในมือก่อนจะรีบวิ่งมาหาคนตัวเล็กที่ทรุดอยู่ที่พื้นทันทีด้วยความเป็นห่วง
"เเจมิน.. ขอโทษ" มินฮยองที่ได้สติเเล้วเอ่ยออกมาอย่างรู้สึกผิดพร้อมเดินเข้าไปช่วยอีกคนที่ได้รับผลกระทบจากอารมณ์ของตัวเองเเต่ยังไม่ทันถึงเสียงหวานก็เอ่ยขัดขึ้นมาเสียก่อน
"ไม่ต้อง.. ไปสงบสติอารมณ์ของนายก่อนเถอะ"
"เเต่.."
"นาย เรารบกวนพาเราไปที่เเสตนด์ด้วยนะ"
"ได้สิ ค่อยๆลุกนะ" ภาพของลูคัสที่พยุงเเจมินไปที่เเสตนด์ทำให้มินฮยองเผลอกำหมัดเเน่นออกมาอีกครั้ง โกรธตัวเองเหลือเกินที่เอาความหงุดหงิดมาลงกับคนอื่นเเบบนี้ นึกอยากเอามีดมาตัดมือตัวเองให้ขาดไปเลยด้วยซ้ำ
น้ำตาของคนตัวเล็กทำให้ใจกระตุกวูบอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน วันนี้เขาได้รู้ความจริงอีกข้อเเล้วว่านาเเจมินน่ะไม่เหมาะกับน้ำตาจริงๆ -- อยากเข้าไปขอโทษใจจะขาดเเต่รู้ว่ายิ่งเข้าไปจะยิ่งทำให้สถานการณ์เเย่ลงมินฮยองจึงเลือกที่จะยืนดูอีกคนอยู่ห่างๆด้วยความเป็นห่วงเท่านั้น
เเต่ไอ้ลูคัสมันจะใกล้เกินไปมั้ยวะ
100%
tbc.
เเชปเเปดมาเเล้วค่า ตอนนี้ใครร้าย ตอนนี้ใครน่าตีคิดเอา5555
ขอบคุณคนที่หลงเข้ามาอ่านฟิคง่อยๆของเราน้า ถึงมันจะไม่สนุกภาษาไม่สวยเหมือนคนอื่นเขาเเต่เราก็ตั้งใจเเต่งมากๆ ขอบคุณคนที่ยังติดตามกันอยู่ด้วยน้า รัก
เม้นติชมกันได้เลยนะคะ คอมเม้นคือกำลังใจสำคัญในการเเต่งเลย
มาถูกเวลา
ทั้งเจโน่ทั้งพี่มาร์คเล้ยยย เหมือนกันทั้งคู่ ฮึ่ยยนน
พอๆกับมาร์คเลย ทำน้องแจมเจ็บทั้งตัวทั้งใจเลยยย ห่วงความรู้สึกน้องบ้างซิ!!! สงสารรลูกสาวทั้งสองจริงๆ