ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ' G A N G S T E R | hunhan ft.chanbaek

    ลำดับตอนที่ #5 : G A N G S T E R - 04 | is blushed

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.5K
      2
      23 มี.ค. 59



    G A N G S T E R  0 4





    is blushed -
    มันคืออาการเขิน



    เสียงจ๊อกแจ๊กจอแจของนักเรียนกว่าร้อยคนดังอยู่ในห้องประชุมขนาดใหญ่ของโรงเรียนชื่อดัง โดยที่มีบางส่วนพึ่งเดินเข้ามาหลังจากที่เสียงสัญญาณหมดเวลาพักดังขึ้น


    ลู่หานนั่งอยู่ในช่วงกลางๆแถว กำลังคุยกับเพื่อนๆอย่างออกรส เพราะไม่รู้ว่าถูกเรียกรวมตัวทั้งสายชั้นเพื่ออะไร นักเรียนหลายคนต่างเดากันไปต่างๆนานา แต่ส่วนใหญ่ก็คงไม่พ้นเรื่องการไปทัศนศึกษาแน่ๆ เนื่องจากช่วงนี้เรียกได้ว่าเป็นฤดูกาลของการศึกษานอกสถานที่


    อยู่ๆนักเรียนทั้งหอประชุมก็เงียบไปในบรรดล ลู่หานหันหน้ากลับมามองที่เวทีก็ต้องปิดปากฉับ เพราะครูฝ่ายกิจกรรมที่ถึงจะยิ้มแย้มแต่ความโหดก็ไม่น้อยไปกว่าครูฝ่ายปกครอง กำลังเดินไปยืนอยู่ตรงกลางเวที


    "เงียบกันดีมากค่ะทุกคน ...เอาล่ะ ครูไม่อ้อมค้อมน่ะคะ ที่เรียกรวมกันในคาบนี้เพราะอาจารย์มีเรื่องจะแจ้งเกี่ยวกับการทัศนศึกษาในปลายสัปดาห์"


    "ซึ่งสถานที่คืออินซอน ...."


    หลังจากนั้นอาจารย์กิจกรรมก็แจกแจงลายละเอียดต่างๆให้กับนักเรียนอีกสักพักใหญ่ๆ ก่อนจะปล่อยเด็กกลับไปเรียนในคาบที่เหลือตามปกติ เพราะเนื่องจากยังมีเวลาอีกเกือบสองคาบกว่าจะเลิกเรียน


    "ทำไมไม่ปล่อยกลับบ้านสักทีเนี่ยยยย" เสียงกึ่งเบื่อหน่ายของเพื่อนตาโตเอ่ยขึ้นในจังหวะที่ขาก้าวพ้นออกมาจากหอประชุม ทำให้เพื่อนที่เดินมาด้วยกันหลุดหัวเราะ


    "ห้องนายเรียนอะไรต่อล่ะ" เป็นเพื่อนแก้มป่องนามว่ามินซอกที่เอ่ยถามขึ้นอย่างสงสัย


    "คาบนี้คณิต คาบสุดท้ายประวัติอ่ะ"


    พอเดินกันมาจนถึงบริเวณหน้าห้องเรียนก็แยกย้ายกัน โดยที่ลู่หาน มินซอก จงแด เดินเข้าประตูหลังห้องบีไป ส่วนคยองซูและอี้ชิงก็เดินเลยไปอีกหน่อยเพื่อเข้าห้องเอ


    สรุปได้ว่าเพื่อนกลุ่มเขามีกันอยู่ห้า เพิ่มลู่หานกับเพื่อนที่มาจีนอย่างอี้ชิงเข้าไปด้วย ส่วนคู่เฉินมินก็สนิทกับคยองซูมาตั้งแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว แถมคยองซูบอกต่ออีกว่ายังมีอีกคนที่อยู่ในกลุ่ม แต่เจ้าตัวไปแลกเปลี่ยนที่อเมริกาตั้งแต่เทอมก่อน เลยค่อยแนะนำตอนกลับมาจากนู้นแล้ว


    ตัวลู่หานก็ไม่ได้ติดใจอะไร ออกจะตื่นเต้นด้วยซ้ำที่จะได้เพื่อนเพิ่มอีกหนึ่งคน


    ร่างบางหย่อนก้นนั่งลงกับเก้าอี้ที่อยู่เกือบมุมห้องแอบหน่ายๆนิดหน่อยตามเพื่อนสนิทที่อยากจะกลับไปนอนเล่นอยู่บ้านใจจะขาด เขาเองก็มีความขี้เกียจอยู่ในตัวสูงจึงไม่แปลกที่จะไม่อยากมานั่งเรียนต่อแล้ว


    หลายครั้งที่เขาหันไปมองคนข้างหลัง แต่ก็พบเพียงแค่ความว่างเปล่า...ไม่สิ ต้องเรียกเหมือนเดิมมากกว่า เพราะว่าบนโต๊ะก็ยังเต็มไปด้วยขนมและของอื่นๆมากมาย เห็นแล้วก็อยากจะเบ้ปากมองบนกับความฮอตสุดปรอทของพ่อนักเลงใหญ่จริงๆเลย(โต๊ะข้างๆก็เหมือนกันจะเอาไปฟ้องคยองซู!)


    แต่จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่เห็นเจ้าของโต๊ะเลยด้วยซ้ำ แค่ปลายเงาก็ยังไม่เห็น ไม่รู้ว่าไม่มาโรงเรียนจริงๆหรือว่าโดดไปไหนอีกรึเปล่า 


    ครืดดดด


    ครืดดดด


    เสียงเปิดประตูด้านหน้าห้องดังขึ้นพร้อมกับประตูหลังที่ถูกเปิดออก ใบหน้าหวานหันไปตามต้นเสียงด้วยความเคยชิน เขามองไปที่หน้าห้องก็พบกับอาจารย์ประจำวิชาสุดท้ายของวันกำลังเดินเข้ามา แล้วพอเบนหน้าไปทางหลังห้องก็พบเข้ากับผู้ชายผมสีควันบุหรี่คนเดิมตามด้วยเพื่อนสนิทของเจ้าตัว


    ร่างสูงนั่งลงกับเก้าอี้ตัวสุดท้ายหลังจากที่ยกข้าวของมากมายไปไว้ที่พื้นหลังห้อง ลู่หานอยากจะหันหลังไปคุยด้วยเหลือเกินถ้าไม่ติดว่ามีสายตาเป็นเชิงดุของอาจารย์ผู้อาวุโสที่มองมาจากหน้าห้อง


    สุดท้ายอาจารย์ก็เริ่มสอนเนื้อหาในรายวิชาของตนพร้อมกับเงียบของห้องที่รางกับอยู่ในป่าช้าเวลาเที่ยงคืน


    ลู่หานเหลือบไปมองคนด้านหลังในจังหวะที่เจ้าของวิชากำลังหันหลังเขียนกระดานให้ ก็พบกับคนตัวสูงที่ฟุบหลับไปกลับโต๊ะโดยไม่กลัวว่าแผลจะปริแตกรึเปล่า


    มันก็เป็นแค่ความรู้สึกห่วงใยนั้นแหละ


    เวลาหนึ่งชั่วโมงในการเรียนค่อยๆหมดไปอย่างเชื่องช้าเพราะความเบื่อหน่ายที่มีให้แก่มัน ก่อนผู้สูงอายุที่สุดในห้องตอนนี้จะเดินออกไปเพราะกำลังจะหมดคาบเรียนก็ไม่ลืมสั่งรายงานคู่ที่เพิ่มความชิบหายให้แก่นักเรียนอีกหนึ่งรายการ


    และประเด็นมันอยู่ตรงที่อาจารย์เป็นคนจับคู่ให้เอง


    เสียงแหบทุ้มของชายหนุ่มเอ่ยเรียกชื่อนักเรียนในห้องทีละคนพร้อมๆกับคู่พันธมิตรในการทำงานครั้งนี้ เรื่อยๆมาจนถึงชื่อของเซฮุนที่อยู่ก่อนเขาไม่กี่คน...


    "โอ เซฮุน คู่กับ เสี่ยว ลู่หาน ...."


    ไม่รู้ว่าอะไรดลใจอาจารย์ถึงให้เขาได้คู่กับผู้ชายผมเทาที่นั่งอยู่ด้านหลัง เขาควรจะดีใจมั้ยนะ


    ลู่หานหันกลับไปมองร่างสูงที่ตอนนี้ผงกหัวขึ้นมามองอยู่ก่อนแล้ว ดวงสบกันเล็กน้อยก็จะเลื่อนไปเห็นรอยยิ้มที่ระบายขึ้นมาเบาๆ จนร่างบางต้องสะบัดหน้าหนีไปสนใจอาจารย์หน้าห้องต่อ


    แล้วอาจารย์ก็เดินออกจากห้องไปทันทีที่สัญญาณดังขึ้น เพื่อนๆในห้องต่างลุกขึ้นมาคุยเรื่องงานกัน คงเหลือแค่เขานี่แหละที่ไม่กล้าจะหันคุยกับอีกคนเท่าไหร่


    แต่พอรวบรวมกล้าได้แล้วก็ฉุดมือหนาของอีกคนฉุดให้ลุกขึ้น ลู่หานรีบคว้ากระเป๋าในขณะที่ตนถูกลากให้ออกมานอกห้องท่ามกลางสายตาสอดรู้สอดเห็นของใครหลายๆคน


    "อะไรของนายเนี่ย ปล่อยก่อน เดินตามไม่ทัน" ก็จริงอย่างที่ลู่หานว่า เพราะเขาก็เกือบจะสะดุดขาตัวเองก็หลายรอบ โชคดีที่เซฮุนยังจับเอาไว้ ไม่งั้นหน้าได้แหกไปกลับพื้นแน่ๆ


    "ขาสั้น" เซฮุนปล่อยมือเขาออกก่อนจะหันกลับมาพูด ทั้งที่ใบหน้าเรียบเฉยแต่น้ำเสียงก็แฝงไปด้วยความกวนตีน   


    "โอ เซฮุน!" ร่างบางตะโกนขึ้นก่อนจะพุ่งเข้าไปหวังจะตีอีกคนเสียให้เข็ดแต่ก็กลายเป็นว่าเซฮุนสามารถหลบได้หมด จนกระทั่ง...


    ปึก


    คนตัวเล็กเซเกือบล้มกระเเทกเข้ากับแผงอกกว้างอย่างไม่ได้ตั้งใจเพราะสะดุดขาของตัวเองเข้า มือหนาจับช่วงเอวของลู่หานเอาไว้และทรงตัวได้ทัน ทำให้ตอนนี้ระยะห่างของทั้งคู่เหลือเพียงแค่ไม่กี่เซนเท่านั้น


    หัวใจของลู่หานเต้นรัวยิ่งกว่ามีใครเอากลองชุดมาตีข้างในนี้ ร่างบางผลักเซฮุนออกทั้งที่ใบหน้าแดงก่ำราวกับมะเขือเทศสุก และยิ่งลามไปถึงหูและคอเมื่อนึกขึ้นได้ว่านี่มันกลางลาดจอดรถที่คร่าคร่ำไปด้วยนักเรียนคนอื่นๆ 


    ตอนนี้เขาแทบจะระเบิดตัวเเตกด้วยซ้ำเมื่อเงยหน้ามองใบหน้าหล่อที่ยิ้มมุมปากอย่างกรุ้มกริ่ม


    "ละ แล้วนายจะพาฉันไปไหน" ลู่หานรีบเปลี่ยนเรื่องอย่างไวก่อนที่จะเขินและใจเต้นเเรงไปมากกว่านี้


    "ก็ไปส่งมึงไง" 


    "จะไปส่งทำไมเล่า" เสียงหวานเอ่ยอย่างขัดใจพลางทำปากยื่นปากยาวกลบเกลื่อนอาการของตัวเอง


    "คยองซูไปกับไอ้ดำแล้ว" 


    "...."


    "จะไปเป็นก้างขวางคอเขารึไง" ลู่หานขมวดคิ้วกับคำตอบที่รับ เดี๋ยวนะ


    ไอ้ดำ??


     ใครวะ นึกก่อนนะ .... อ๋ออ จงอิน ...ใช่มั้ย??


    เขาร้องอ่อขึ้นมาทันทีหลังจากที่นึกออกว่าเป็นสรรพนามที่ร่างสูงใช้เรียกใคร ยังทันได้เอ่ยอะไรต่อก็ถูกลากมาอีกครั้ง


    จะไม่รอให้เตรียมตัวเตรียมใจอะไรเลยรึไงงงง


    สุดท้ายเขาก็ถูกลากมาจนถึงลาดจอดรถจักรยานยนต์ที่ห่างจากตัวตึกไม่มากนัก ลู่หานเป็นอันต้องขมวดคิ้วอีกครั้งเมื่อเห็นดูคาติสีดำคันเดียวกันกับเมื่อวันนั้น


    "คราวที่แล้วไม่เห็นมีรถเลย"


    "พี่เอาไปใช้" พ่อนักเลงใหญ่ตอบไว้แค่นั้นพลางตะหวัดขาขึ้นคร่อมรถก่อนจะถอยมันออกมาจากซองจอด


    "นายมีพี่ด้วยหรอ" 


    "ใช่เรื่องของมึงมั้ยล่ะ"


    "โอโห ด่าว่าเสือกก็ได้นะ"


    "อ่ะ ใส่ซะ แล้วขึ้นรถ" อีกฝ่ายพูดเปลี่ยนเรื่องพลางยื่นหมวกกันน๊อคแบบเต็มใบมาให้ เขาก็รับมาอย่างงงๆ เพราะนึกได้ว่ามีแค่ใบเดียว


    "ใส่ไปเหอะ"


    "เป็นห่วงว่างั้น" ลู่หานพูดทีเล่นทีจริงในขณะที่ค่อยๆปีนขึ้นซ้อนท้ายสารถีจำเป็น แต่เขาก็ต้องชะงักเพราะพูดที่ว่าไปเล่นๆถูกตอกกลับมาจนแถมหงายหลังไปพร้อมๆกับใบหน้าขึ้นสี


    "เอ่อ เป็นห่วง"


    "ขะ ขับรถไปเลยนะ" มือเล็กฟาดปาบไปที่ไหล่กว้างอย่างหมั่นไส้


    ยานพาหนะสองล้อขับเคลื่อนไปตามถนน ไม่มีบทสนทนาอะไรขึ้นมาอีก เพราะลู่หานตั้งใจที่จะเงียบเองเนื่องจากเขายังเขินไม่หายกลับเหตุการณ์เมื่อครู่ และเพราะรู้ว่าอีกคนคงกำลังใช้สมาธิกับการควบคุมรถ เขาจึงไม่ขอไปกวนดีกว่า เพื่อความปลอดภัยของตนเอง และผู้อื่น


    ตลอดเวลาที่ได้นั่งซ้อนท้ายแบบนี้ ใจดวงน้อยก็เต้นแรงราวกับจะหลุดออกมานอกอก ยิ่งตอนที่มือหนาดึงมือของเขาไปเกาะที่เอวแล้ว....


    เขาก็แทบจะระเบิดเป็นชิ้นๆ แถมกลัวอีกว่าสักวันจะเป็นโรคหัวใจเอาได้


    ไม่นานรถก็เทียบจอดลงที่หน้าบ้านสองชั้นที่แสนคุ้นเคย ลู่หานกระโดดลงจากรถ(เพราะมันสูงมาก...) ก่อนจะถอดหมวกกันน๊อคคืนให้เจ้าของมันอย่างเร่งรีบเพราะเขินไม่หาน แล้วหน้าก็ร้อนผ่าวมากๆด้วย


    "เออนี่ ขอเบอร์นายไว้หน่อยสิ เพื่อจะคุยเรื่องงาน" ลู่หานกลั้นใจถามหลังจากที่คิดอยู่นานว่าต้องหาช่องทางติดต่อไว้สักอย่าง


    เซฮุนไม่ได้ตอบปฏิเสธอะไร ทำให้ร่างบางยื่นโทรศัพท์ของตนไปให้ มือหนารับมาก่อนจะกดอะไรยุกยิกแล้วจึงคืนให้


    "แล้ว...แผลเป็นไงบ้างล่ะ"


    "ก็โอเค"


    "งั้น....ฉันเข้าบ้านก่อนนะ" ในเมื่อไม่รู้ว่าจะคุยอะไรกันต่อลู่หานจึงเลือกตัดบทสนทนาไปดื้อๆ เขาหมุนหันหลังให้ แต่ก็ต้องชะงักเท้าไปครู่เพราะเสียงที่เอ่ยขึ้นขัด และสุดท้ายก็รีบเร่งฝีเท้าเข้าบ้านทันทีแบบไม่ต้องรอให้เซฮุนเอ่ยอะไรต่ออีก


    "คงได้กำลังใจดีด้วยล่ะมั้ง"


    ก็ไม่ได้อยากคิดเข้าข้างตัวเองเท่าไหร่ ว่าประโยคนั้น...หมายถึงเขา


    -------------


    ในเช้าวันอาทิตย์ที่ผมควรจะนอนแห้งตายอยู่ที่ห้อง ก็ต้องมานั่งหงอยรออีกคนที่ห้องสมุดกลางของมหาวิทยาลัยที่อยู่ใกล้บ้านผมแทน เพียงเพราะผมนัดเซฮุนมาทำงานในวันนี้


    ผมเริ่มทำงานมาสักพักใหญ่ๆแล้วครับ ก็ตั้งแต่ที่มายังห้องสมุดเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วตามเวลานัด แต่จนถึงตอนนี้คู่ดูโอ่ของผมก็ยังไม่มา...


    ไอ้ตัวผมก็นัดวันนี้ให้ตอนสายๆ เพราะรายนั้นบอกว่าวันเสาร์ไม่ว่าง ผมก็ทำตาม แต่แหม่...ถ้านัดแล้วจะสายขนาดนี้ก็ไม่ต้องมามันแล้วมั้ง แม่จะส่งรายงานโซโล่ก่อนไปทัศนศึกษาเสียเลย


    นั้นไง นินทาได้ไม่เท่าไหร่ หัวสีแปลกตาก็เคลื่อนเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆตามฝีก้าวของร่างสูง ผมลองสังเกตไปรอบๆก็เห็นนักศึกษาหลายคนที่ดูจะสนใจเขาไม่น้อยเลยล่ะ ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือเคะน้อยร่างบาง แต่อยากจะบอกเอาไว้ก่อนเลยว่าเซฮุนไม่ได้เป็นอย่างที่เห็นหรอก...


    กวนตีน และชอบทำให้ใจเต้นแรงตลอด


    แย่มากๆ


    "ช้า" ผมพูดเสียงเรียบพลางตีหน้านิ่งคล้ายว่าจะโกรธ แต่จริงๆก็ไม่ได้โกรธอะไรหรอกครับ ออกจะไม่พอใจหน่อยๆมากกว่า แต่เพราะประโยคคำตอบของอีกคนนี่แหละที่จะทำผมโกรธเข้าจริงๆ


    "ตื่นสาย"


    "แล้วทำไมไม่ตั้งนาฬิกาปลุก"


    "ลืม"


    "เอ่อ งั้นก็มาช่วยกันทำงาน" ผมไม่คิดจะต่อความยาว สาวความยืดอีกเพราะมีแต่จะอารมณ์เสียเปล่าๆ เลยตัดบทไปทั้งอย่างนั้น


    "ตื่นมาแล้วจะช่วย"


    "ห้ะ??"


    เซฮุนทำผมงงเป็นไก่ตาแตก แต่ก็ถูกไข้ข้อสงสัยด้วยการที่ร่างสูงนั่งลงตรงข้ามแล้วฟุบหน้าไปกับโต๊ะ ทำท่าเหมือนจะหลับต่องั้นแหละ 


    โอโห ผมนี่ปรี๊ดเลยครับ


    "เฮ้ ตื่นมาช่วยกันทำงานก่อนนน" ผมพยายามโวยวายให้ได้เบาที่สุด เพราะอย่างน้อยก็อยู่ในห้องสมุด และหลังจากที่เดินผ่านบรรณารักษ์ของที่นี้ก็รู้ได้ทันทีว่าทำผิดกฎคงไม่ตายดีแน่ๆ


    "ขอนอนก่อน" ถึงผมจะพยายามดึงแขนบ้างตบโต๊ะเรียกเบาๆบ้างก็ไม่ทำให้เขาผงกหัวขึ้นมาแม้แต่น้อย ผมจึงจำใจต้องกรอกตามองบนแล้วกลับมาทำงานแทน


    ผมไม่กล้าไปคะยั้นคะยออะไรมากหรอกนะ ผมก็กลัวนะเว้ย เซฮุนมันเป็นนักเลงเลยนะ ถึงเขาจะดีกับผมก็ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่ฆ่าผมนี่ ...จริงมั้ย?


    เพราะฉะนั้น....อยู่อย่างสงบแล้วนั่งทำงานไปก่อนแล้วกัน


    บ้างทีผมก็คิดนะว่าจะชวนมาทำไม ในเมื่อมาก็แทบไม่ได้ช่วยอะไรอยู่แล้ว ทำคนเดียวก็ทันส่งก่อนไปทัศนศึกษาด้วยซ้ำ ตอนนี้แค่เห็นหัวเทาๆก็หงุดหงิดแบบขัดสุดแล้ว


    ให้ตายเถอะ


     เวลาผ่านไปแล้วอีกประมาณครึ่งชั่วโมงเห็นจะได้ ผมก็ยังคงนั่งทำงานคนเดียวอีกเหมือนเดิม ว่าแล้วก็เบ้ปากหน่อยดีกว่ามั้ยนะ


    "ปาก"


    !!!!


    เกือบจะหงายหลังตกเก้าอี้ด้วยความตกใจแล้ว เมื่อเบ้ปากใส่อีกคนอยู่ๆดี เสียงทุ้มคุ้นหูก็ดังขึ้นเสียอย่างนั้น หัวใจเกือบวาย ...นี่จะไม่ถูกฆ่าหมกป่าใช่มั้ย?


    "ตะ ตื่นแล้วหรอ?"


    "ยังมั้ง" เซฮุนยืดตัวลุกขึ้นนั่งหลังตรง ก่อนจะบิดขี้เกียจเล็กน้อยเพื่อคลายความเมื่อยล้า


    ส่วนตัวผมนั้นก็ได้แต่หัวเราะแหะๆ ทำหน้าแหย่ๆ แบบไม่รู้จะแสดงสีหน้าแบบไหนออกไปดี ถึงแม้ว่าส่วนลึกๆอยากจะกระโดดไปขย้ำคออีกฝ่ายก็ตาม แต่พอนึกถึงวันที่เซฮุนมีเรื่องชกต่อยกับนักเรียนซอนจิน ความคิดนั้นก็ต้องพับเก็บไป


    "เดี๋ยวมา"


    "เฮ๊ยยยย ไปไหน" ผมลุกพรวดเผลอไปดึงข้อมือร่างสูงเอาไว้ เนื่องจากเขาลุกขึ้นยื่นเหมือนจะไปไหนสักอย่าง


    ผมรีบสะบัดมือออกทันทีเมื่อรู้ตัวว่าทำอะไรที่ดูจะไม่สมควรเท่าไหร่ลงไป เขาหันมามองผมพลางกดยิ้มที่มุมปากเหมือนที่ชอบทำ ก่อนจะพูดตอบ


    "หาไรกิน"


    แล้วเซฮุนก็เดินหายไปเลย ทิ้งผมเคว้งอยู่กลางอาการ ไม่ใช่อึ้งในความหล่ออะไรหรอก แต่อึ้งในความชิวแสนชิว และอืดอาดกับการทำงาน ชนิดที่สล๊อตยังเรียกทวด...


    เขาดูไม่เดือดร้อนกับงานที่ต้องส่งเลยสักนิด


    ส่วนผมก็หันมานั่งทำงานมันต่อไปแล้วกัน มันไม่ใช่รายงานที่ยุ่งยากอะไรมากนักหรอก ก็แค่หาเนื้อหามาพิมพ์ๆลงหรือก๊อปวาง เป็นเรื่องเกี่ยวกับความเป็นมาของภาษาเกาหลี ซึ่งถ้าเป็นสำหรับผมก็แอบยากหน่อย เพราะผมเป็นคนจีน แต่อย่างที่เคยบอกว่าผมชอบ มันก็เลยออกจะสบายๆ


    นิ้วเรียวงามเคาะไปตามแป้นพิมพ์เพื่อเรียบเรียงเนื้อหาใหม่ให้ดูเข้าที่ และเพื่อจะได้ไม่ต้องมานั่งแก้รอบสองให้เสียเวลาหรือเสียคะแนนไปเปล่าๆ


    !!!!


    ผมสะดุ้งตกใจอีกครั้ง เมื่อจู่ๆก็รู้สึกเย็นวาบขึ้นมาที่ข้างแก้มซ้าย พอหันไปดูตัวต้นเหตุก็เห็นแก้วพลาสติกสีใสที่ข้างในบรรจุน้ำสีขาวนวล มันถูกยื่นมาจากคนที่หายไปกว่าสิบห้านาที ซึ่งดูจากสายตาก็คงบอกประมาณว่าง รับๆไปซะ ก็เลยยื่นมือไผปรับทั้งที่ยังงงๆอยู่


    "ซื้อมาให้ กินซะ" ร่างสูงพูดขึ้นพลางหย่อนก้นนั่งลงกับเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามตัวเดิม ผมก็พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะเอ่ยขอบคุณ


    พอดูดน้ำขึ้นมาถึงทำให้รูแน่ชัดมามันคืออะไร ตอนแรกผมคิดว่าเป็นแค่นมสดปั้น แต่ก็พึ่งนึกขึ้นได้ว่ามันออกสีเหลืองนวลๆด้วย ซึ่งมันคือนมสดน้ำผึ้งปั้นต่างหาก


    อร่อย...


    "เห็นแล้วนึกถึงมึง เลยซื้อมา"


    "อะ อื้ม ขอบคุณอีกรอบนะ" 


    "ว่าแต่มีงานอะไรให้กูช่วยบ้าง?"


    "ห๊ะ เออ... ช่วยไปหยิบหนังสือที่เกี่ยวกับภาษาเกาหลีมาหน่อยสิ" 


    หลังจากเอ่ยเสร็จ พ่อนักเลงใหญ่ก็ลุกขึ้นไปเพื่อทำตามคำขอของเขาทันที แอบใยสั่นเหมือนกันกับบทสนทนาเมื่อครู่ ไม่รู้สิ...ตอนนี้แค่มองหน้าเซฮุน ใจมันก็รู้สึกพองโตไปทั้งดวงแล้ว


    อาจจะดูเว่อร์แต่ก็เป็นแบบนั้นจริงๆ และถึงแม้บางครั้งผมจะเองหมั่นไส้อีกฝ่าย แต่ก็ไม่อยากจะปฏิเสธว่าเริ่มชอบไปจริงๆแล้ว


    เซฮุนจะเริ่มชอบเขาบ้างรึยังนะ....


    ว่าแต่...


    ทำไมเซฮุนหายนานอย่างนี้เนี่ย แค่วานไปหาหนังสือนี่ก็ล่อไปสิบกว่านาทีแล้วนะ แถมต้องรีบใช้แล้วด้วยเพราะลงราบละเอียดต่อไม่ได้


    พอคิดได้ดังนั้นผมก็เลยลุกขึ้นหวังจะไปเดินตามอีกคน เดินผ่านหลายล๊อคแล้วก็ไม่เจอ พอไปตรงหมวดของหนังสือที่ให้ช่วยหาก็ไม่เห็น หายไปไหนกันเนี่ย อย่าบอกนะว่าแอบหนีงานไปแล้วอ่ะ


    ผมฟึดฟัดเดินออกมาจากล๊อคหนังสือหมวดภาษา ก่อนสายตาดุจพญาเหยี่ยวจะเหลือบไปเห็นหัวสีเทาไหวๆอยู่ที่หมวดหนึ่งที่ไม่ไกลกันมากนัก


    "อะแฮ่ม!"


    ร่างสูงหันมามองผมนิ่งๆเหมือนอย่างเคย ไม่ได้มีท่าทีสะทกสะทานกับสายตาของผมแม้แต่น้อย ก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาบางๆเท่านั้น


    "หนังสือฉันล่ะ?"


    "หาไม่เจอ" เซฮุนตอบพลางเก็บหนังสือในมือเข้าชั้นเหมือนเดิม และเมื่อได้รับคำตอบที่ไม่น่าพึ่งพอใจเท่าไหร่ผมก็ตีหน้านิ่งเข้าไปหนัก 


    เอาซี่ ...ตอนนี้ใครจะน่ากลัวมากกว่ากัน


    "ยิ้มหน่อยสิ" 


    "ไม่! นายกลับไปนั่งที่เลย เดี๋ยวฉันหาเอง" ด้วยความสุดจะทน ผมก็เลยดึงอีกคนออกมาพร้อมใบหน้าแบบผีเสื้อสมุทรในวรรณคดีไทยก่อนจะดันหลังให้เดินกลับไปทางเดิม ร่างสูงก็ไม่ได้ค้านอะไร ยอมเดินไปตามแรงดีๆ


    ตอนแรกก็รู้สึกดีอยู่หรอกนะ พอเจอแบบนี้เข้าไปแล้วปวดประสาทสุดๆ


    ผมเดินกลับมาที่หมวดภาษา กวาดสายตาไล่ไปตามชั้นหนังสือเพื่อหาเล่มที่ต้องการ ก้มๆเงยๆอยู่นานกว่าจะเจอ 


    แต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะผมเกิดมาเตี้ยหรือแขนสั้นกันแน่ เขย่งอยู่นานแต่ก็เอื้อมไม่ถึงเสียที ผมลองมองไปรอบว่าจะมีใครช่วยได้มั้ยหรือมีบันไดอะไรรึเปล่า ...แต่ก็ไม่มี ยังกับโซนร้างผู้คนงั้นแหละ 


    เอาว่ะ...ลองหยิบดูอีกรอบ


    กึก


    ผมค้างเติ่งไว้ท่าเดิมพร้อมกับหัวใจที่เต้นแรงขึ้นมาทันที เพียงเพราะรู้สึกได้ว่ามีใครมายืนซ้อนหลัง แถมภาพที่เห็นตรงหน้าคือมือหนาที่ดูคุ้นตากำลังหยิบหนังสืออกมาจากชั้นอย่างง่ายดาย และสิ่งที่ชัดเจนที่สุดก็คงไม่พ้นกลิ่นน้ำหอมที่ลอยแตะจมูกผมในตอนนี้....


    เป็นกลิ่นเดียวที่ผมจำได้และติดอยู่ในใจมาสักพักใหญ่ๆแล้ว


    กลิ่นของโอ เซฮุน


    ปึก


    "โอ๊ย!"


    "หนังสือหนะจะเอามั้ย?" เสียงทุ้มต่ำดังขึ้นที่ข้างหูหลังจากที่เจ้าตัวสูงเอาส่วนที่คาดว่าน่าจะเป็นสันมาเคาะหัวจนเกิดเสียง นอกจากจะเจ็บแล้วยังรู้สึกขนลุกแปลกๆด้วยสิ


    ก็ใครใช้ให้มาพ่นลมหายใจใส่ที่ซอกคอด้วยเล่าา TT


    "อะ เอาดิ"


    "กี่ท่า?"


    "อะ ไอ้!!"


    !!!!


    บางทีผมก็อาจจะลืมบางอย่างไป ว่าเราอยู่ใกล้กันมากจนรับรู้แรงหายใจ แต่ด้วยความที่ถูกกวนประสาทและผมไม่สามารถอยู่เฉยๆได้จึงหันกลับไปหวังจะตบปากนั้นเสียหน่อย 


    แต่ก็กลายเป็นเหมือนปากตบปากรึเปล่า...


    ไม่รู้ว่าความร้อนมากมายมาจากไหน รู้ตัวอีกทีคือตอนที่รู้สึกร้อนจนแทบจะระเบิด ป่านนี้ใบหน้าของผมคงแดงแปร๊ดไปแล้วแน่ๆ


    ยังมีใครนึกท่าทางของเราตอนนี้ไม่ออกมั้ยครับ... อย่าให้ผมต้องอธิบายเลย มันก็เหมือนฉากในละครที่ปลายจมูกชนกัน และริมฝีปากก็ห่างกันเพียงไม่กี่มิลลิเมตร แถมอยากจะหนีออกไปไหนก็ไม่ได้เมื่อแขนทั้งสองข้างของเซฮุนกำลังกักผมเอาไว้


    "ถอยเลย.. นี่ห้องสมุดนะ" ผมพยายามพูดโดยการขยับปากให้ได้น้อยที่สุด เพราะกลัวเหลือเกินว่ามันจะไปโดนปากร่างสูงอีกครั้ง พลางดันแผงอกกว้างให้ห่างออก แต่เพราะแรงที่น้อยนิด เซฮุนจึงไม่ขยับเลยแม้แต่น้อย


    จุ๊บ


    O_O !!!!


    ราวกับร่างกายถูกชัดดาวไปเสียดื้อๆ เมื่อคนตัวสูงแตะริมฝีปากลงมาที่ปลายจมูกของผมอย่างรวดเร็วจนแทบสัมผัสไม่ทันด้วยซ้ำ แต่ความอุ่นวาบมันคือเรื่องจริง แม้จะเร็วที่มันก็ยังติดอยู่ที่เดิม


    กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เซฮุนจับยัดหนังสือใส่มือ แล้วเดินออกไปจากตรงนี้ ในดวงตาของผมสะท้อนแผ่นหลังกว้างของเขากับเรือนผมสีควันบุหรี่


    ส่วนตัวผมก็ยืนอยู่ที่เดิม โดยที่หัวใจยังคงเต้นแรงและใบหน้าก็ยังร้อนผะผ่าว สุดท้ายก็ระบายความเขินด้วยการเอาหนังสือปิดหน้าแล้วดิ้นไปมาเหมือนปลาขาดน้ำอยู่อย่างนั้น...

     


    นี่ก็เลยมาประมาณบ่ายแก่ๆแล้วครับ พวกเราก็ยังนี่งทำงานอยู่ที่เดิมแต่เปลี่ยนตำแหน่งกันแทน ผมเป็นคนหาข้อมูลส่วนเซฮุนก็พิมพ์ลงคอมพิวเตอร์ตามที่ผมบอก


    หลังจากเหตุการณ์นั้นเราก็คุยกันไม่กี่คำ เพราะผมเขินมากๆ แค่เหลือบตามองเห็นเสี้ยวหน้าความร้อนก็ระบายขึ้นที่แก้มทั้งสองข้างแล้ว ยิ่งตอนเซฮุนมองกลับมาแล้วสายตาประสานกันด้วยนะ...แทบจะระเบิดไปหลายๆรอบ


    "เสร็จล่ะ" เซฮุนเอ่ยขึ้นเรียบๆพลางดันอุปกรณ์การรายงานเครื่องใหญ่ส่งมาให้ผม ผมก็รับมาพลางพยักหน้าตอบ ก่อนจะไล่สายตาไปตามหน้ารายงาน


    "อื้ม...งั้นก็ถือว่าเรียบร้อยแล้วล่ะ เดี๋ยวจะกลับไปเรียบเรียงแล้วก็รวมเล่ม เป็นอันเสร็จสมบูรณ์" ผมพูดโดยที่สายตายังไม่ล่ะไปจากหน้าจอ เพราะไม่อยากจะเงยหน้าขี้นมาแล้วเจอสายตาของอีกคนหรอกนะ


    ...กลัวรับมือกับสายตาไม่ไหว


    เนี่ย แค่คิดภาพเมื่อตอนเช้า ความร้อนก็ขึ้นที่หน้าแล้วอ่ะ ฮืออออ


    "งั้นก็กลับได้แล้วใช่มั้ย?"


    "ก็...อื้ม" ผมพยักหน้าตอบอีกครั้ง ก่อนจะลงมือเก็บของอะไรลงกระเป๋าให้เรียบแล้ว ไม่อยากจะบอกเลยว่าเซฮุนมาตัวเปล่า ส่วนผมก็ขนมาราวกับจะย้ายบ้านงั้นแหละ ขามากูลำบากขากลับก็ลำบาก


    "เสร็จยัง?"


    "ห๊ะ??"


    "เดี๋ยวไปส่ง"


    "เฮ๊ยย ไม่ต้อง" ...เพราะแค่นี้หัวใจก็ทำงานหนักพอแล้ว


    ก็ได้แต่เก็บความคิดนี่เอาไว้กับตัว เพราะถ้าพูดไปไม่วายจะได้เขินหนักกว่าเดิม และยังไม่ทันจะแย้งมากกว่านี้ ข้อมือก็ถูกฉุดให้ลุกขึ้นและลากให้เดินตามไป


    อยากจะสะบัดทิ้งแต่ก็รู้ว่าทำไม่ได้แน่ๆ #ลู่หานร้องไห้ทำไม


    "ใส่ซะ" หลังจากที่เดินมาถึงดูคาติคันเดิม ร่างสูงก็ยื่นหมวกกันน๊อคสีขาวมาให้ ซึ่งไม่ใช่ใบเดียวกันกับคราวที่แล้ว


    "ของฉัน??"


    "ของหมา"


    "อะ ไอ้บ้า!!" ขอด่าในความกวนตีนสักทีเถอะ จริงๆอยากจะด่าแรงกว่านี้แต่ก็ไม่รู้คำด่าภาษาเกาหลีมากนัก เอาไปแค่นี้แล้วกัน


    "ชักช้าว่ะ" และเป็นอีกครั้งที่ผมทำอะไรช้ากว่าเซฮุน เพราะเขาดึงร่างผมเข้าไปใกล้แล้วใส่หมวกให้ผมไปแล้ว


    ผมมองเซฮุนอย่างอึ้งๆ ดวงตาแอบสั่นไหวเพราะความเขิน ยังดีที่คนตัวสูงไม่ได้จ้องกลับเพราะมัวแต่สนใจตัวล๊อค หัวใจของผมเลยไม่ได้เต้นเเรงไปกว่านี้


    "แล้วก็ใส่นี่ด้วย แดดแรง" ผมได้แต่ยืนเป็นหุ่นให้เซฮุนทำตามใจชอบ ทั้งใส่หมวกกันน๊อคให้ และสวมเสื้อหนังให้ด้วย


    เหตุผลของเซฮุนค่อนข้างฟังขึ้นครับ เพราะวันนี้แดดแรงจริงๆ ถึงจะเริ่มเข้าหน้าหนาวแต่สภาพอากาศก็ไม่ได้เย็นมากมาย


    แต่ที่ผมไม่เข้าใจคือจะเอามาใส่ให้ผมทำไม ในเมื่อถ้าทำแบบนี้ตัวเองก็จะร้อนแดด


    และราวกับเซฮุนอ่านความของผมออก เพราะคำตอบของเขานั้นแหละ เล่นเอาผมเขินอีกแล้ว..


    เลิกทำตัวแบบนี้สักทีเถอะ!!!


    "เดี๋ยวมึงป่วย กูเป็นห่วง"





    [TBC.]

    เรียนหนักมากเลยเว้ย
    เลยปั่นมาได้แค่อาทิตย์ละตอน

    รู้สึกเหมือนไม่ค่อยมีคนอยากติดตามแล้วยังไงก็ไม่รู้ ;^;
    ขอบคุณสำหรับคนที่อาสนอยู่นะค่ะ เราจะพยายามให้ดีที่สุด
    แล้วก็มีใครยังอยากอ่านต่ออยู่อีกมั้ย
    ถ้าไม่ แม่จะไปลงเรื่องอื่นแล้วนะเว้ยยยย ฮือออ
    เม้นกับแท็กให้รู้หน่อยเร็วว่ายังอ่านอยู่

    เจอกันตอนหน้า จุ๊บบบ

    เม้น โหวต เฟบ แท็ก = ล้านกำลังใจ
    ช่วยกันสกรีมแท็ก #ฟิคนักเลงเซฮุน ด้วยนะค่ะ
    รออ่านอยู่เน้ออ 

    รีไรท์ 23/03/16




















    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×