มังกรขนด - นิยาย มังกรขนด : Dek-D.com - Writer
×

    มังกรขนด

    โดย Jupsagaimgow

    ดูผิวเผินมันคล้ายคนเกียจคร้านเสเพล ทั้งยังคล้ายปีศาจสุราเสียแปดเก้าส่วน มันไม่คิดกระทำก็แล้วกันไป แต่หากมันคิดกระทำ ไม่ว่าเรื่องราวใด มันต้องกระทำจนถึงที่สุด มังกรขดตัวหมอบคลานหรือกำลังพุ่งทะยานผาดโผน ไม่ว่าจะอย่างไรยังคงมากมายด้วยพิษสง!

    ผู้เข้าชมรวม

    13,538

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    28

    ผู้เข้าชมรวม


    13.53K

    ความคิดเห็น


    192

    คนติดตาม


    169
    จำนวนตอน :  53 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  2 ก.ค. 62 / 13:22 น.

    อีบุ๊กจากนิยาย ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

    ผู้เขียน : จับซาเกี่ยมโก้ว

    เกริ่น…
                             สายลมละเลียดผ่านยอดไม้ใบหญ้าเต้นระริก   แสงสายัณห์สาดส่องแมกไม้ดูร่มรื่น ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งใบหน้าคมคาย   สองคิ้วดกหนาดำขลับดั่งวาดแต้มด้วยสีหมึก   จมูกคมสัน  ปากเรียวรับกับรูปหน้า   สวมชุดหลวมกว้างบ่งบอกถึงอุปนิสัยรักสะดวกสบายไม่นำพาต่อการสวมใส่เสื้อผ้าอาภรณ์มากนัก  ในมือถือไหสุราเดินขึ้นเขามาอย่างแจ่มช้าเลี้ยวลดผ่านเส้นทางคดเคี้ยวมาได้สักระยะก็ตัดขึ้นสู่หน้าผาสูงชัน   บนหน้าผาสลักคำแป๊ะฮุ้น (เมฆขาว) ที่แท้เรียกว่าผาเมฆขาวนั่นเอง

    เขาแหงนมองขึ้นไปบนหน้าผาที่ตั้งตระหง่านพร้อมกับยกไหสุราขึ้นซด   สุราหลายหยดกระซ่านเซ็นหกรดเสื้อผ้า   ชายหนุ่มดื่มจนพอใจค่อยเหวี่ยงไหสุราขึ้นไปบนหน้าผา   จากนั้นตัวเองค่อยกระโดดติดตามไป เขาพุ่งทะยานคราเดียวสูงหกเมตร   ต่อมาค่อยใช้เท้าขวาแตะเท้าซ้ายหยิบยืมพลังพุ่งทะยานต่อไปอีกหกเมตรค่อยเปลี่ยนมาเป็นใช้เท้าซ้ายแตะเท้าขวาดีดตัวเองขึ้นไปอีกหกเมตรค่อยบรรลุถึงยอดผา

    เขาหย่อนเท้าลงแตะพื้นพร้อมกับยื่นมือออกไปรับไหสุราที่กำลงตกลงมาอย่างพอดิบพอดี   หน้าผาเมฆขาวความจริงสูงราวสิบเจ็ดสิบแปดเมตร   เขากลับพุ่งทะยานขึ้นมาอย่างง่ายดายในชั่วพริบตาเดียว คิดไม่ถึงเด็กหนุ่มอายุสิบแปดสิบเก้าผู้นี้กลับมีวิชาตัวเบาไม่ต่ำทราม   เขายิ้มร่าในขณะที่ไหสุรากำลังจะสัมผัสกับฝ่ามือ   มิคาดอยู่ ๆ ไหสุรากลับพุ่งฉิวห่างออกไปจนแทบไม่อาจจะเชื่อสายตา    เขาหันหน้าติดตามไปกลับพบว่าไหสุราตกไปอยู่ในมือของชายชราท่านหนึ่งที่ยืนห่างออกไปห้าหกเมตร   ชายชราท่านนี้รูปร่างสูงโปร่งไม่ต่างกัน   ผมเผ้าท่านหงอกขาวไว้เครายาวจรดหน้าอก   หนวดเคราล้วนเป็นสีขาวหมดสิ้น ถึงแม้ท่านอายุล่วงเข้าสู่วัยชราแต่ท่านกลับยืนหยัดหลังตรงไม่งองุ้มแม้แต่น้อย   มิหนำซ้ำยังดูสง่าผ่าเผยยิ่งกว่าเด็กหนุ่มผู้นั้นเสียอีก   เด็กหนุ่มทิ้งร่างนั่งลงบนพื้นหญ้าแย้มยิ้มกล่าว
    “แป๊ะแปะ(ท่านลุง)คิดไม่ถึงว่าวันนี้ท่านก็ใคร่ดื่มสุรา”
    ชายชราปั้นสีหน้าเคร่งขรึมจากนั้นค่อยทอดถอนใจส่ายศีรษะกล่าวอย่างอ่อนโยน
    “ไคซิม (ใจเบิกบาน) เอ๋ยไคซิม   พรุ่งนี้เจ้าก็ต้องออกเดินทางเพื่อไปเป็นศิษย์ของผู้อื่นเค้า   เจ้ายังจะเอาแต่เที่ยวเล่นเมามายอยู่อย่างนี้อีกเหรอ”
    เด็กหนุ่มเปลี่ยนเป็นสีหน้าหมองหม่นลงอย่างเห็นได้ชัดเขากล่าวเสียงแผ่วเบา
    “แต่ข้าไม่อยากไปนี่ท่านลุง   ข้าไปแล้วใครจะดูแลท่านล่ะ”
    เขาพูดออกมาด้วยความรู้สึกจากใจ    ชายชรามองหลานชายอย่างนึกสงสารแล้วตัดใจปั้นสีหน้าเคร่งขรึมอีกคราค่อยกล่าวอย่างจริงจัง
    “ยังไงเจ้าก็ต้องไป เรารับปากผู้อื่นไว้แล้ว   หรือเจ้าอยากให้เราเสื่อมเสียหน้า”
    เด็กหนุ่มยังคงยืนกรานกล่าวว่า
    “ทำไมท่านต้องส่งเราไปเป็นศิษย์ของผู้อื่นอีก  ในเมื่อเราฝึกกับท่านก็สามารถอาระวาดได้ทั่วทั้งบู๊ลิ้มตงง้วน”

    ท่านผู้เฒ่าขมึงตาตึงเครียดตวาดคำ
    “วาจาเหลวไหล!   เราสอนวรยุทธ์ทั้งหมดแก่เจ้า   รวมทั้งถ่ายทอดแนววิชาของบิดาเจ้า   ไม่ได้เพื่อเอาไว้ให้เจ้าเที่ยวเอาไปอวดโอ่รังแกผู้อื่น”
    เด็กหนุ่มก้มหน้าสำนึกผิดกล่าวอย่างกระท่อนกระแท่น
    “หลานพลั้งปากไปขอท่านลุงโปรดอภัย”
    ชายชราทอดถอนใจอีกครั้ง   ท่านนิ่งงันชั่วระยะค่อยกล่าว
    “ไคซิมเอ๋ย ที่เราให้เจ้าลงเขาไปคราวนี้ก็เพื่ออยากให้เจ้าได้พบกับประสบการณ์ใหม่ ๆ เจ้ายังต้องเรียนรู้อะไรอีกมากหลาย   เจ้าอายุเพิ่งจะย่างเข้าสิบแปดจะมัวเก็บตัวอยู่แต่ในหุบเขาได้อย่างไร”
    เด็กหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
    “แต่ข้าเป็นห่วงท่านนี่ท่านลุง  ข้าไม่อยู่แล้วใครจะมาคอยปรนนิบัติรับใช้ท่าน”
    ชายชราเดินเข้ามาแตะไหล่หลานชายที่รักกล่าวอย่างอ่อนโยน
    “เด็กน้อยเอ๋ย ถึงเราจะอายุปูนนี้แล้วแต่เจ้าเห็นว่าเราเดินเหินเป็นอย่างไร”

    เด็กหนุ่มทราบดีว่าลุงผู้เฒ่าความจริงท่านยังคงแข็งแรง   ทั้งยังเปี่ยมล้นไปด้วยพลังการฝึกปรือ   ที่เขาเป็นห่วงกลับกลัวว่าต่อไปจะไม่มีใครคอยเป็นเพื่อนพูดคุยกับท่าน   ชายชราคาดคิดความในใจของเขาออกจึงแย้มยิ้มกล่าว
    “เจ้ากลัวเราจะเงียบเหงาจนกลับคลายเป็นปีศาจตรอมใจอย่างนั้นหรือ”
    ท่านหัวเราะค่อยกล่าวต่อ
    “หรือเจ้าคิดว่าเราไม่อาจออกไปเสาะหาผู้คน   อาจบางทีเราเองก็คิดออกไปท่องเที่ยวสักครา    หรือบางทีเราอาจใช้ช่วงเวลานี้ฝึกปรือเคล็ดวิชาลมปราณเทียนเชี่ยงแช (ลมปราณฟ้ายั่งยืน) ของบิดาเจ้าให้กระจ่าง"

    เด็กหนุ่มไม่รู้จะกล่าวอย่างไรดีจึงได้แต่จับจ้องมองลุงผู้เฒ่าอย่างเซื่องซึม   ชายชรายื่นส่งไหสุราในมือให้หลานชายด้วยรอยยิ้ม
    “เจ้าดื่มให้พอใจเถอะ แล้วค่อยไปจัดเตรียมข้าวของเพื่อออกเดินทางในวันพรุ่งนี้   อ้อ!   ต่อไปเมื่อเข้าเป็นศิษย์ของผู้อื่นก็ให้หัดสำรวมกิริยาไว้บ้าง   อย่าปล่อยตัวปล่อยใจจนเลยเถิด    เดี๋ยวผู้อื่นจะตำหนิว่าเราผู้เฒ่าอบรมสั่งสอนเจ้าไม่ดี”
    ชายชราเพียงขยับเท้าเล็กน้อยท่านก็พลิ้วกายหายไปในม่านหมอก   ดวงอาทิตย์ค่อย ๆ  เหลื่อมล้ำยอดเขาลงไปอย่างช้า ๆ  ปล่อยให้แสงสุดท้ายของวันฉาบทาอยู่บนฟากฟ้าก่อนจะเลือนลางจางหายไป

    ราตรีเคลื่อนเข้าปกคลุม   ดาริกาเจิดจำรัส...
    ไคซิมยังคงนั่งอยู่ที่เดิม    เขาหันมองไปยังทิศทางที่ปลูกสร้างกระท่อมหลังน้อยแสงตะเกียงยังส่องสว่าง แสดงว่าท่านผู้เฒ่ากำลังเฝ้ารอเขากลับไปทานข้าวพร้อมกัน    เขายกไหสุราที่แห้งผาดขึ้นซดอย่างลืมตัว สุราถูกเขาดูดดื่มจนเหือดแห้งไปเนิ่นนานแล้ว    เขาจึงลุกขึ้นบิดขี้เกียจ   พอขยับกายวูบก็พุ่งปราดสู่หน้ากระท่อมหลังน้อยดุจวิญญาณภูตพราย ผิดคาดหมาย   ท่านผู้เฒ่ากลับไม่ได้อยู่ในกระท่อม   มีเพียงกับข้าวสองสามอย่างที่ครอบวางไว้บนโต๊ะกับเศษกระดาษอีกหนึ่งใบเขียนข้อความ ‘หลานรัก ขอให้เจ้าจงเดินทางโดยปลอดภัย ลุงมีธุระสำคัญต้องไปกระทำ   ไม่อาจรั้งรออยู่เพื่อส่งเจ้าออกเดินทางวันพรุ่งนี้ ขอให้เจ้าจงรักษาเนื้อรักษาตัวให้ดี ๆ   อย่าประพฤติตัวเหลวไหลจดจำคำสอนของเราผู้เฒ่าให้ขึ้นใจ มีเวลาเราจะไปเยี่ยมเยียนเจ้า ลงชื่อตุยฮุ้นไซ่(เทวทูตล่าวิญญาณ)

    ความจริงแล้วเทวทูตล่าวิญญาณ ตุยฮุ้นไซ่ เองก็มิอาจตัดใจทนดูหลานที่รักต้องมาจำพรากจากไปไกลตา คำร่ำลา ต่อให้สวยงามปานใดก็มิอาจเหนี่ยวรั้งให้จิตใจผู้คนรู้สึกเบิกบาน!แม้แต่สักเสี้ยวหนึ่ง!


    บทที่ 1 มุ่งสู่นครหลวง
    (โปรดติดตาม)

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    คำนิยม Top

    ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

    คำนิยมล่าสุด

    ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

    ความคิดเห็น